Agile_313.indd 88 3/5/58 BE 5:41 PM
Agile_313.indd 89 3/5/58 BE 5:41 PM
090 eENTERPRISE
โครงการด้านไอที กว่า 50,000 โครงการทั่วโลก
ผลการส�ำรวจ (รูปที่ 1) พบว่า โครงการพัฒนา
ซอฟต์แวร์ส่วนใหญ่ที่ได้รับการพัฒนาออกมา
นั้น มีถึง 43% ที่ล่าช้า เกินงบประมาณที่ตั้งไว้
หรือมีความสามารถไม่ครบตรงตามความ
ต้องการ (Challenged) มีถึง 18% ที่ถูกยกเลิก
กลางคันหรือเมื่อท�ำส�ำเร็จแล้วกลับไม่ได้น�ำไป
ใช้งานจริงเลย(Failed)และมีเพียง39%เท่านั้น
ท�ำเสร็จทันก�ำหนด อยู่ในงบที่ตั้งไว้ และใช้งาน
ได้ตรงตามความต้องการ(Successful)หรืออีก
นัยหนึ่งก็คือ โครงการไอทีทั่วไปนั้นจะมีโอกาส
ประสบความส�ำเร็จจริงๆ เพียงแค่ราว 1 ใน 3
เท่านั้น!!!
ทางออกของปัญหานี้ก็คือ การรวมไอทีเข้ากับ
ธุรกิจตั้งแต่ต้นสิ่งที่อไจล์ค้นพบคือทุกภาคส่วน
มีความจ�ำเป็นต้องมองเห็นภาพใหญ่ภาพ
เดียวกัน มีเป้าหมายเดียวกัน และทุกๆ การ
ตัดสินใจในแต่ละภาคส่วนจะต้องกระท�ำเพื่อ
ตอบสนองเป้าหมายหลักเหล่านั้น การที่จะให้
ทุกคนในทุกภาคส่วนขององค์กรเห็นภาพของ
ธุรกิจเป็นภาพเดียวกัน ตลอดจนเข้าใจและ
ซึมซับในเป้าหมายหลักร่วมกันนั้น การท�ำแผน
ธุรกิจเป็นร้อยๆ หน้าแบบดั้งเดิม ซึ่งเป็นที่
รู้กันว่าไม่มีใครอ่าน คงจะเป็นเรื่องที่ห่างไกล
จากความเป็นจริงในปัจจุบันองค์กรยุคใหม่เริ่ม
เข้าใจถึงสิ่งนี้ และหันมาใช้เทคนิคที่เรียกว่า
Business Model Canvas
Business Model Canvas เป็นเทคนิคการท�ำ
แผนธุรกิจที่แตกต่างจากแผนธุรกิจ​ทั่วไปแบบ
ดั้งเดิม เพราะมีรูปแบบการท�ำที่กระชับและ
ท�ำความเข้าใจได้ง่าย แต่ยังครอบคลุมองค์
ประกอบหลักส�ำคัญในการท�ำธุรกิจไว้ครบถ้วน
ซึ่งในบทความนี้จะน�ำเสนอตัวอย่างจากการใช้
งานจริง ในการน�ำ Business Model Canvas
มาใช้เพื่อการวางแผน และประสานงานคณะ
ท�ำงานให้มีความเข้าใจในเป้าหมายเดียวกัน
ในทุกๆ ปี คณะท�ำงาน Agile66 ซึ่งเป็น กลุ่ม
สังคม (Social Community) ที่คอยผลักดัน
และเผยแพร่แนวคิดและหลักการของอไจล์ใน
ประเทศไทยจะจัดให้มีงานสัมมนาระดับนานา-
ชาติในช่วงไตรมาสสุดท้ายของทุกปีซึ่งตัวอย่าง
นี้น�ำมาจากการจัดงานครั้งล่าสุดคืองานAgile
Tour Bangkok 2014 ในช่วงเริ่มต้นของการจัด
งานในปี2014ที่ผ่านมานี้หลังจากได้กลุ่มอาสา
สมัครของปีนั้นแล้ว ก็จะมีการประชุมร่วมของ
กลุ่มเพื่อเริ่มการท�ำงาน (Kick-Off) ซึ่งเอกสาร
เดียวที่มีส�ำหรับการประชุมนั้นคือ Business
Model Canvas (ดังรูปที่ 2)
BusinessModelCanvasของงานAgileTour
Bangkok 2014 จะประกอบไปด้วยส่วนต่างๆ
ดังนี้
• Customer Segment - กลุ่มลูกค้าคือ
ใคร? งานนี้เราแบ่งลูกค้าของงานสัมมนาออก
เป็น 4 กลุ่มคือ ผู้ร่วมสัมมนาชาวไทย, วิทยากร
รูปที่ 2 : Business Model Canvas ของงานสมัมนา Agile Tour Bangkok 2014
Agile_313.indd 90 3/5/58 BE 5:41 PM
AGILE ENTERPRISE • 091
ที่เป็นชาวต่างชาติ, วิทยากรชาวไทย และ ผู้
ให้การสนับสนุน (Sponsors)
• Value Propositions - คุณค่าของสิ่งที่
น�ำเสนอคือ? ผู้จัดงานก�ำหนดมุมมองว่า กลุ่ม
ลูกค้าแต่ละกลุ่มจะได้รับคุณค่าต่างๆ กันไป ผู้
ร่วมสัมมนาชาวไทยจะได้เปิดโลกทัศน์,วิทยากร
ที่เป็นชาวต่างชาติจะได้มาเที่ยวเมืองไทย และ
ขยายธุรกิจ,วิทยากรชาวไทยจะได้สร้างชื่อเสียง
และขยายธุรกิจ ส่วนผู้ให้การสนับสนุนจะได้มี
โอกาสเสริมสร้างแบรนด์ และเพิ่มโอกาสในการ
รับสมัครงานจากผู้สมัคร ที่มีความสนใจในการ
ท�ำงานแบบอไจล์
•Channels-ช่องทางการขาย?ผ่านทาง
กลุ่ม Agile66 และกลุ่มอไจล์อื่นๆ, ลงบทความ
ในสื่อ, ขายตรงไปยังองค์กร
• Customer Relationships - มีช่องทาง
สร้างสายสัมพันธ์กับลูกค้าอย่างไร? ผู้ร่วมงาน
ปีก่อนๆ และสื่อสังคมออนไลน์
•RevenueStreams-หารายได้อย่างไร?
ขายตั๋วเข้างานและเงินสนับสนุนซึ่งแม้งานนี้จะ
ไม่ใช่งานเพื่อแสวงหาก�ำไร แต่ถ้าหากขาดทุน
มาก ก็คงไม่สามารถด�ำเนินการได้
• Key Resource - ทรัพยากรหลักของ
องค์กรคือ? กลุ่มอาสาสมัคร Agile66 ซึ่งมีทั้งที่
เป็น บุคคลธรรมดา และจากนิติบุคคล
•KeyActivities-กิจกรรมหลักคืออะไร?
ประชุมเตรียมงาน หาสปอนเซอร์ หาสถานที่
เตรียมของที่ระลึก
• Key Partners - พันธมิตรหลักคือใคร?
บรรดาสื่อและผู้สนับสนุนในอดีต
• Cost Structure - ค่าใช้จ่ายของธุรกิจ
คืออะไร? ค่าอาหาร ค่าสถานที่ ค่าของที่ระลึก
เงินสนับ สนุนวิทยากร
ในระหว่างการจัดงาน มีการประชุมระหว่าง
อาสาสมัคร ถึงเรื่องการว่าจ้างทีมงานมาบันทึก
วิดีโอการบรรยายของวิทยากรไว้ การย้อนกลับ
มาดูCustomerSegmentsและValuePropo-
sitionsของงานช่วยเตือนให้อาสาสมัครกลับมา
ที่ค�ำถามที่ว่าเราจะบันทึกวิดีโอไปเพื่อใครและ
คุ้มค่ากับการลงทุนแค่ไหนในกรณีนี้อาสาสมัคร
เข้าใจตรงกันว่า เราจะบันทึกวิดีโอเพื่อให้ผู้ร่วม
สัมมนาที่ไม่มีโอกาสชมการบรรยายสด ให้
สามารถฟังบรรยายย้อนหลังได้เนื่องจากมีการ
แบ่งงานออกเป็น 4 ห้อง ท�ำให้ผู้เข้าร่วมจะต้อง
พลาดการบรรยายในอีก 3 ห้องที่เหลือ อย่าง
หลีกเลี่ยงไม่ได้ อาสาสมัครจึงให้ความส�ำคัญ
กับการบันทึกเสียงของวิทยากรให้ชัดเจน มาก
กว่าองค์ประกอบรองอื่นๆ เช่น การตัดต่อหรือ
การแยกกล้องบันทึกสไลด์การด�ำเนินการเช่นนี้
ช่วยให้เราได้รับผลสะท้อนที่พึงพอใจมาก ใน
ขณะที่สามารถลดค่าใช้จ่ายไปได้หลายหมื่น
บาท จากฟีเจอร์อื่นๆ ที่ถึงแม้ว่าจะเป็นการดีที่
จะมี แต่หาได้ตอบสนองต่อความต้องการที่แท้
จริงของกลุ่มลูกค้าไม่
ในอีกกรณีหนึ่งซึ่งเกี่ยวข้องกับการใช้ไอที
โดยตรง คือการท�ำเว็บไซต์ประชาสัมพันธ์งาน
การออกแบบก็ล้อกับValuePropositionsของ
Customer Segments ต่างๆ เช่น โลโก้ของผู้
สนับสนุนต้องโดดเด่นชัดเจนเพราะเขาต้องการ
เสริมสร้างแบรนด์ผู้ร่วมสัมมนาต้องสามารถหา
ข้อมูลได้ง่ายว่าวิทยากรเป็นใครจะมาพูดหัวข้อ
อะไร โดยการที่เราสามารถก�ำหนดเป้าหมาย
หลักของงานได้เช่นนี้ ท�ำให้อาสาสมัครที่รับผิด
ชอบในการท�ำเว็บไซต์มีความคล่องตัว(Agility)
ในการท�ำงานอย่างสูง เนื่องเพราะสามารถ
ด�ำเนินการตัดสินใจต่างๆเกี่ยวกับเว็บไซต์ได้เอง
(Decentralized / Self-Organized) โดยไม่
จ�ำเป็นต้องขออนุญาตที่ประชุมซึ่งกว่าจะพบกัน
แต่ละครั้งก็กินเวลานาน
เนื่องจากงานนี้เป็นงานไม่แสวงหาผลก�ำไร ใน
ส่วนของการจัดการขายตั๋ว อาสาสมัครก็ได้น�ำ
Revenue Streams และ Cost Structure มา
เป็นจุดเริ่มต้น เราพอจะรู้ค่าใช้จ่ายหลักคร่าวๆ
กล่าวคือ เพื่อไม่ให้ขาดทุนแต่ถ้าหากมีรายได้
จากผู้สนับสนุน ก็ถือเป็นกองทุนส�ำหรับการจัด
งานครั้งต่อไป เมื่อทุกคนเข้าใจภาพรวมทาง
ธุรกิจนี้แล้ว ผู้ที่รับผิดชอบขายตั๋วเป็นผู้เลือกใช้
เครื่องมือไอที ซึ่งกลุ่มท�ำงานเป็นผู้ตัดสินใจ
ว่าการท�ำงานในส่วนนี้เกินก�ำลังของกลุ่ม และ
ได้เลือกใช้บริการเอาต์ซอร์สของ EventBrite.
comท�ำให้สามารถก�ำหนดราคาตั๋วและประเภท
ของตั๋วได้อย่างคล่องตัวและมีความมั่นใจว่าจะ
ไม่ท�ำให้ธุรกิจเสียหาย จากการที่มีก�ำลังคนไม่
เพียงพอ
ตัวอย่างเหล่านี้ยกมาเพื่อให้เราพอเห็นภาพการ
ใช้งานของ Canvas อย่างคร่าวๆ เพื่อให้เข้าใจ
ถึงการที่ทุกภาคส่วนจะต้องมองเป้าหมายทาง
ธุรกิจเป็นส�ำคัญ จึงจะสามารถตัดสินใจในการ
ท�ำงานแต่ละขั้นตอนได้อย่างมีประสิทธิภาพได้
ที่แล้วมาแผนกไอทีมักถูกแผนกอื่นทิ้งให้โดด
เดี่ยวเนื่องเพราะความเข้าใจผิดว่าไอทีเป็นเรื่อง
ต่างหากที่ไม่เกี่ยวข้องกับธุรกิจ
เจฟ ตัวละครเอกจากหนังสือชื่อ The Phoenix
Projectซึ่งเป็นหนังสือนิยายไอทีขายดีที่หลายๆ
ส�ำนักยกให้เป็นหนังสือที่ CEO ต้องอ่าน กล่าว
ไว้ว่า
“ในอีกสิบปีข้างหน้าผมมั่นใจว่าซีโอโอที่มีฝีมือ
ทุกคนจะต้องรู้ไอที ซีโอโอคนใดที่ไม่มีความ
เข้าใจในไอทีอย่างลึกซึ้ง ก็จะเป็นได้แค่มนุษย์
ใส่สูทที่ต้องคอยพึ่งพาคนอื่นให้ช่วยท�ำงานของ
ตัวเองอยู่ตลอดเวลา”
ไม่ว่าค�ำกล่าวนี้จะเป็นจริงหรือไม่ เราคงจะ
ปฏิเสธไม่ได้ว่าในการด�ำเนินธุรกิจในปัจจุบันไม่
สามารถละเลยไอทีได้ การรวมธุรกิจและไอที
เป็นหนึ่งเดียวกันคือค�ำตอบของการท�ำธุรกิจใน
ทศวรรษนี้ และกุญแจดอกส�ำคัญที่จะช่วยให้
เกิดการรวมพลังของธุรกิจและไอทีได้นั้นก็คือ
แนวคิดและปฏิบัติแบบ “อไจล์”
อ้างอิง
• กลุ่ม Agile66 - http://fb.com/groups/agile66
• งาน Agile Tour Bangkok - http://agile-
tourbkk.org
• Standish Group (2013), CHAOS Manifesto
2013
• Alexander Osterwalder (2010), Business
Model Generation, John Wiley and Sons
• Kevin Behr, George Spafford, Gene Kim
(2013), The Phoenix Project, IT Revolution
Press
Agile_313.indd 91 3/5/58 BE 5:41 PM

อไจล์ไม่ใช่เพียงไอทีแต่เป็นเรื่องความอยู่รอดทางธุรกิจ

  • 1.
  • 2.
  • 3.
    090 eENTERPRISE โครงการด้านไอที กว่า50,000 โครงการทั่วโลก ผลการส�ำรวจ (รูปที่ 1) พบว่า โครงการพัฒนา ซอฟต์แวร์ส่วนใหญ่ที่ได้รับการพัฒนาออกมา นั้น มีถึง 43% ที่ล่าช้า เกินงบประมาณที่ตั้งไว้ หรือมีความสามารถไม่ครบตรงตามความ ต้องการ (Challenged) มีถึง 18% ที่ถูกยกเลิก กลางคันหรือเมื่อท�ำส�ำเร็จแล้วกลับไม่ได้น�ำไป ใช้งานจริงเลย(Failed)และมีเพียง39%เท่านั้น ท�ำเสร็จทันก�ำหนด อยู่ในงบที่ตั้งไว้ และใช้งาน ได้ตรงตามความต้องการ(Successful)หรืออีก นัยหนึ่งก็คือ โครงการไอทีทั่วไปนั้นจะมีโอกาส ประสบความส�ำเร็จจริงๆ เพียงแค่ราว 1 ใน 3 เท่านั้น!!! ทางออกของปัญหานี้ก็คือ การรวมไอทีเข้ากับ ธุรกิจตั้งแต่ต้นสิ่งที่อไจล์ค้นพบคือทุกภาคส่วน มีความจ�ำเป็นต้องมองเห็นภาพใหญ่ภาพ เดียวกัน มีเป้าหมายเดียวกัน และทุกๆ การ ตัดสินใจในแต่ละภาคส่วนจะต้องกระท�ำเพื่อ ตอบสนองเป้าหมายหลักเหล่านั้น การที่จะให้ ทุกคนในทุกภาคส่วนขององค์กรเห็นภาพของ ธุรกิจเป็นภาพเดียวกัน ตลอดจนเข้าใจและ ซึมซับในเป้าหมายหลักร่วมกันนั้น การท�ำแผน ธุรกิจเป็นร้อยๆ หน้าแบบดั้งเดิม ซึ่งเป็นที่ รู้กันว่าไม่มีใครอ่าน คงจะเป็นเรื่องที่ห่างไกล จากความเป็นจริงในปัจจุบันองค์กรยุคใหม่เริ่ม เข้าใจถึงสิ่งนี้ และหันมาใช้เทคนิคที่เรียกว่า Business Model Canvas Business Model Canvas เป็นเทคนิคการท�ำ แผนธุรกิจที่แตกต่างจากแผนธุรกิจ​ทั่วไปแบบ ดั้งเดิม เพราะมีรูปแบบการท�ำที่กระชับและ ท�ำความเข้าใจได้ง่าย แต่ยังครอบคลุมองค์ ประกอบหลักส�ำคัญในการท�ำธุรกิจไว้ครบถ้วน ซึ่งในบทความนี้จะน�ำเสนอตัวอย่างจากการใช้ งานจริง ในการน�ำ Business Model Canvas มาใช้เพื่อการวางแผน และประสานงานคณะ ท�ำงานให้มีความเข้าใจในเป้าหมายเดียวกัน ในทุกๆ ปี คณะท�ำงาน Agile66 ซึ่งเป็น กลุ่ม สังคม (Social Community) ที่คอยผลักดัน และเผยแพร่แนวคิดและหลักการของอไจล์ใน ประเทศไทยจะจัดให้มีงานสัมมนาระดับนานา- ชาติในช่วงไตรมาสสุดท้ายของทุกปีซึ่งตัวอย่าง นี้น�ำมาจากการจัดงานครั้งล่าสุดคืองานAgile Tour Bangkok 2014 ในช่วงเริ่มต้นของการจัด งานในปี2014ที่ผ่านมานี้หลังจากได้กลุ่มอาสา สมัครของปีนั้นแล้ว ก็จะมีการประชุมร่วมของ กลุ่มเพื่อเริ่มการท�ำงาน (Kick-Off) ซึ่งเอกสาร เดียวที่มีส�ำหรับการประชุมนั้นคือ Business Model Canvas (ดังรูปที่ 2) BusinessModelCanvasของงานAgileTour Bangkok 2014 จะประกอบไปด้วยส่วนต่างๆ ดังนี้ • Customer Segment - กลุ่มลูกค้าคือ ใคร? งานนี้เราแบ่งลูกค้าของงานสัมมนาออก เป็น 4 กลุ่มคือ ผู้ร่วมสัมมนาชาวไทย, วิทยากร รูปที่ 2 : Business Model Canvas ของงานสมัมนา Agile Tour Bangkok 2014 Agile_313.indd 90 3/5/58 BE 5:41 PM
  • 4.
    AGILE ENTERPRISE •091 ที่เป็นชาวต่างชาติ, วิทยากรชาวไทย และ ผู้ ให้การสนับสนุน (Sponsors) • Value Propositions - คุณค่าของสิ่งที่ น�ำเสนอคือ? ผู้จัดงานก�ำหนดมุมมองว่า กลุ่ม ลูกค้าแต่ละกลุ่มจะได้รับคุณค่าต่างๆ กันไป ผู้ ร่วมสัมมนาชาวไทยจะได้เปิดโลกทัศน์,วิทยากร ที่เป็นชาวต่างชาติจะได้มาเที่ยวเมืองไทย และ ขยายธุรกิจ,วิทยากรชาวไทยจะได้สร้างชื่อเสียง และขยายธุรกิจ ส่วนผู้ให้การสนับสนุนจะได้มี โอกาสเสริมสร้างแบรนด์ และเพิ่มโอกาสในการ รับสมัครงานจากผู้สมัคร ที่มีความสนใจในการ ท�ำงานแบบอไจล์ •Channels-ช่องทางการขาย?ผ่านทาง กลุ่ม Agile66 และกลุ่มอไจล์อื่นๆ, ลงบทความ ในสื่อ, ขายตรงไปยังองค์กร • Customer Relationships - มีช่องทาง สร้างสายสัมพันธ์กับลูกค้าอย่างไร? ผู้ร่วมงาน ปีก่อนๆ และสื่อสังคมออนไลน์ •RevenueStreams-หารายได้อย่างไร? ขายตั๋วเข้างานและเงินสนับสนุนซึ่งแม้งานนี้จะ ไม่ใช่งานเพื่อแสวงหาก�ำไร แต่ถ้าหากขาดทุน มาก ก็คงไม่สามารถด�ำเนินการได้ • Key Resource - ทรัพยากรหลักของ องค์กรคือ? กลุ่มอาสาสมัคร Agile66 ซึ่งมีทั้งที่ เป็น บุคคลธรรมดา และจากนิติบุคคล •KeyActivities-กิจกรรมหลักคืออะไร? ประชุมเตรียมงาน หาสปอนเซอร์ หาสถานที่ เตรียมของที่ระลึก • Key Partners - พันธมิตรหลักคือใคร? บรรดาสื่อและผู้สนับสนุนในอดีต • Cost Structure - ค่าใช้จ่ายของธุรกิจ คืออะไร? ค่าอาหาร ค่าสถานที่ ค่าของที่ระลึก เงินสนับ สนุนวิทยากร ในระหว่างการจัดงาน มีการประชุมระหว่าง อาสาสมัคร ถึงเรื่องการว่าจ้างทีมงานมาบันทึก วิดีโอการบรรยายของวิทยากรไว้ การย้อนกลับ มาดูCustomerSegmentsและValuePropo- sitionsของงานช่วยเตือนให้อาสาสมัครกลับมา ที่ค�ำถามที่ว่าเราจะบันทึกวิดีโอไปเพื่อใครและ คุ้มค่ากับการลงทุนแค่ไหนในกรณีนี้อาสาสมัคร เข้าใจตรงกันว่า เราจะบันทึกวิดีโอเพื่อให้ผู้ร่วม สัมมนาที่ไม่มีโอกาสชมการบรรยายสด ให้ สามารถฟังบรรยายย้อนหลังได้เนื่องจากมีการ แบ่งงานออกเป็น 4 ห้อง ท�ำให้ผู้เข้าร่วมจะต้อง พลาดการบรรยายในอีก 3 ห้องที่เหลือ อย่าง หลีกเลี่ยงไม่ได้ อาสาสมัครจึงให้ความส�ำคัญ กับการบันทึกเสียงของวิทยากรให้ชัดเจน มาก กว่าองค์ประกอบรองอื่นๆ เช่น การตัดต่อหรือ การแยกกล้องบันทึกสไลด์การด�ำเนินการเช่นนี้ ช่วยให้เราได้รับผลสะท้อนที่พึงพอใจมาก ใน ขณะที่สามารถลดค่าใช้จ่ายไปได้หลายหมื่น บาท จากฟีเจอร์อื่นๆ ที่ถึงแม้ว่าจะเป็นการดีที่ จะมี แต่หาได้ตอบสนองต่อความต้องการที่แท้ จริงของกลุ่มลูกค้าไม่ ในอีกกรณีหนึ่งซึ่งเกี่ยวข้องกับการใช้ไอที โดยตรง คือการท�ำเว็บไซต์ประชาสัมพันธ์งาน การออกแบบก็ล้อกับValuePropositionsของ Customer Segments ต่างๆ เช่น โลโก้ของผู้ สนับสนุนต้องโดดเด่นชัดเจนเพราะเขาต้องการ เสริมสร้างแบรนด์ผู้ร่วมสัมมนาต้องสามารถหา ข้อมูลได้ง่ายว่าวิทยากรเป็นใครจะมาพูดหัวข้อ อะไร โดยการที่เราสามารถก�ำหนดเป้าหมาย หลักของงานได้เช่นนี้ ท�ำให้อาสาสมัครที่รับผิด ชอบในการท�ำเว็บไซต์มีความคล่องตัว(Agility) ในการท�ำงานอย่างสูง เนื่องเพราะสามารถ ด�ำเนินการตัดสินใจต่างๆเกี่ยวกับเว็บไซต์ได้เอง (Decentralized / Self-Organized) โดยไม่ จ�ำเป็นต้องขออนุญาตที่ประชุมซึ่งกว่าจะพบกัน แต่ละครั้งก็กินเวลานาน เนื่องจากงานนี้เป็นงานไม่แสวงหาผลก�ำไร ใน ส่วนของการจัดการขายตั๋ว อาสาสมัครก็ได้น�ำ Revenue Streams และ Cost Structure มา เป็นจุดเริ่มต้น เราพอจะรู้ค่าใช้จ่ายหลักคร่าวๆ กล่าวคือ เพื่อไม่ให้ขาดทุนแต่ถ้าหากมีรายได้ จากผู้สนับสนุน ก็ถือเป็นกองทุนส�ำหรับการจัด งานครั้งต่อไป เมื่อทุกคนเข้าใจภาพรวมทาง ธุรกิจนี้แล้ว ผู้ที่รับผิดชอบขายตั๋วเป็นผู้เลือกใช้ เครื่องมือไอที ซึ่งกลุ่มท�ำงานเป็นผู้ตัดสินใจ ว่าการท�ำงานในส่วนนี้เกินก�ำลังของกลุ่ม และ ได้เลือกใช้บริการเอาต์ซอร์สของ EventBrite. comท�ำให้สามารถก�ำหนดราคาตั๋วและประเภท ของตั๋วได้อย่างคล่องตัวและมีความมั่นใจว่าจะ ไม่ท�ำให้ธุรกิจเสียหาย จากการที่มีก�ำลังคนไม่ เพียงพอ ตัวอย่างเหล่านี้ยกมาเพื่อให้เราพอเห็นภาพการ ใช้งานของ Canvas อย่างคร่าวๆ เพื่อให้เข้าใจ ถึงการที่ทุกภาคส่วนจะต้องมองเป้าหมายทาง ธุรกิจเป็นส�ำคัญ จึงจะสามารถตัดสินใจในการ ท�ำงานแต่ละขั้นตอนได้อย่างมีประสิทธิภาพได้ ที่แล้วมาแผนกไอทีมักถูกแผนกอื่นทิ้งให้โดด เดี่ยวเนื่องเพราะความเข้าใจผิดว่าไอทีเป็นเรื่อง ต่างหากที่ไม่เกี่ยวข้องกับธุรกิจ เจฟ ตัวละครเอกจากหนังสือชื่อ The Phoenix Projectซึ่งเป็นหนังสือนิยายไอทีขายดีที่หลายๆ ส�ำนักยกให้เป็นหนังสือที่ CEO ต้องอ่าน กล่าว ไว้ว่า “ในอีกสิบปีข้างหน้าผมมั่นใจว่าซีโอโอที่มีฝีมือ ทุกคนจะต้องรู้ไอที ซีโอโอคนใดที่ไม่มีความ เข้าใจในไอทีอย่างลึกซึ้ง ก็จะเป็นได้แค่มนุษย์ ใส่สูทที่ต้องคอยพึ่งพาคนอื่นให้ช่วยท�ำงานของ ตัวเองอยู่ตลอดเวลา” ไม่ว่าค�ำกล่าวนี้จะเป็นจริงหรือไม่ เราคงจะ ปฏิเสธไม่ได้ว่าในการด�ำเนินธุรกิจในปัจจุบันไม่ สามารถละเลยไอทีได้ การรวมธุรกิจและไอที เป็นหนึ่งเดียวกันคือค�ำตอบของการท�ำธุรกิจใน ทศวรรษนี้ และกุญแจดอกส�ำคัญที่จะช่วยให้ เกิดการรวมพลังของธุรกิจและไอทีได้นั้นก็คือ แนวคิดและปฏิบัติแบบ “อไจล์” อ้างอิง • กลุ่ม Agile66 - http://fb.com/groups/agile66 • งาน Agile Tour Bangkok - http://agile- tourbkk.org • Standish Group (2013), CHAOS Manifesto 2013 • Alexander Osterwalder (2010), Business Model Generation, John Wiley and Sons • Kevin Behr, George Spafford, Gene Kim (2013), The Phoenix Project, IT Revolution Press Agile_313.indd 91 3/5/58 BE 5:41 PM