More Related Content
Similar to 2561 project (21)
Similar to 2561 project (21) (20)
2561 project (21)
- 1. 1
แบบเสนอโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์
รหัสวิชา ง33201-33202 ชื่อวิชา เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร 5- 6
ปีการศึกษา 2561
ชื่อโครงงาน สมองของเราทาอะไรได้บ้าง
ชื่อผู้ทาโครงงาน
น.ส. ชนากานต์ สุเทพ เลขที่ 14 ชั้น 6 ห้อง 7
ชื่ออาจารย์ที่ปรึกษาโครงงาน ครูเขื่อนทอง มูลวรรณ์
ระยะเวลาดาเนินงาน ภาคเรียนที่ 1-2 ปีการศึกษา 2561
โรงเรียนยุพราชวิทยาลัย จังหวัดเชียงใหม่
สานักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเขต 34
- 2. 2
ใบงาน
การจัดทาข้อเสนอโครงงานคอมพิวเตอร์
สมาชิกในกลุ่ม
1 น.ส. ชนากานต์ สุเทพ เลขที่ 14
คาชี้แจง ให้ผู้เรียนแต่ละกลุ่มเขียนข้อเสนอโครงงานตามหัวข้อต่อไปนี้
ชื่อโครงงาน (ภาษาไทย)
ล้วงลับจับสมอง
ชื่อโครงงาน (ภาษาอังกฤษ)
BI (Brain Investigate)
ประเภทโครงงาน โครงงานสารวจ รวบรวมข้อมูล
ชื่อผู้ทาโครงงาน น.ส. ชนากานต์ สุเทพ
ชื่อที่ปรึกษา ครูเขื่อนทอง มูลวรรณ์
ระยะเวลาดาเนินงาน ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2561
ที่มาและความสาคัญของโครงงาน (อธิบายถึงที่มา แนวคิด และเหตุผล ของการทาโครงงาน)
เนื่องจากต้องการศึกษาเกี่ยวกับการทางานของสมองในแต่ละวัย สถานที่ที่สมองจะพัฒนาได้ดี หลักในการ
พัฒนาสมอง นอกจากจะมาจากธรรมชาติที่ได้รับมาจากบรรพบุรุษหรือพันธุกรรม ที่ได้มาจากพ่อกับแม่มาแต่
กาเนิดแล้ว แต่สภาพแวดล้อมต่างๆ ก็มีส่วนสาคัญต่อพัฒนาการทางสมอง เช่น อาหาร อารมณ์ การฝึกฝนใช้สมอง
เป็นต้น กลไกการเรียนรู้ของสมองค่อนข้างยุ่งยากและซับซ้อน อย่างไรก็ดี ความเข้าใจเกี่ยวกับหลักการทางาน และ
ธรรมชาติในการเรียนรู้ของสมองนี้ สามารถนามาเป็นเครื่องมือในการออกแบบกิจกรรมการเรียนรู้ เพื่อสร้าง
ศักยภาพสูงสุดของมนุษย์หรือผู้เรียน การที่เรามีการเปลี่ยนสถานที่ในการเรียนรู้ทาให้สมองของเรามีการพัฒนามาก
ยิ่งขึ้น เพราะสมองจะชอบอากาศที่ปลอดโปร่ง บรรยากาศไม่จาเจ เราสามารถพัฒนาสมองของเราได้จากหลายทาง
เช่นการฝึกสมาธิ ออกกาลังกายสมอง
เราไม่สามารถบอกได้ว่า สมองส่วนใดส่วนหนึ่ง หรือจุดใดจุดหนึ่ง มีหน้าที่เกี่ยวกับ ความฉลาด และความคิด แต่
เชื่อกันว่า สมองส่วนใหม่ ที่เรียกว่า นีโอคอร์เท็กซ์ มีหน้าที่เกี่ยวกับ ความฉลาด และความคิด
ความฉลาด (Intelligence) เป็นสิ่งที่เราใช้ในการตัดสินใจเรื่อง ต่าง ๆ หรือเป็นสิ่งที่มาจาก สมอง และความรู้สึกนึก
คิด ถ้าสมองยิ่ง สลับซับซ้อนมาก และพัฒนาได้สมบูรณ์ สมองจะมีความสามารถ ที่จะเรียนรู้ และมีประสบการณ์
มากขึ้น ขณะเดียวกันก็เก็บข้อมูล ใส่กลับเข้าไปในสมอง ทาให้สมองมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ประสบการณ์ที่
เราได้มานั้น ทาให้พฤติกรรมการตอบสนอง ของเราต่อสิ่งแวดล้อมเปลี่ยนแปลงไปด้วย
- 3. 3
สมองของเราเป็นสิ่งมหัศจรรย์มาก เซลล์ประสาทสามารถที่จะเก็บข้อมูล แปลข้อมูลที่เข้ามาเป็นคลื่นกระแสไฟฟ้า
แล้วเก็บไว้เป็น ประสบการณ์อยู่ในสมอง เปรียบได้กับ คลื่นไฟฟ้าที่โทรทัศน์รับเข้ามา แล้วแปลออกมาเป็นภาพบน
จอให้เราเห็น คลื่นสมอง หรือคลื่นไฟฟ้าในสมองจะเป็นตัวกาหนดลักษณะ ของสิ่งที่เรารับรู้ ไม่ว่าจะเป็นลักษณะ
ทางกายภาพ สติปัญญา อารมณ์ ความรู้สึกนึกคิด ความรู้สึกตัว และอื่น ๆ ประสบการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ ยังสร้างสนาม
กระแสไฟฟ้าที่เฉพาะเจาะจง อย่างเช่น สนามกระแสไฟฟ้าที่เฉพาะ สาหรับคณิตศาสตร์ หรือเฉพาะสาหรับดนตรี
ศาสนา หรืออื่น ๆ ซึ่งจะรับแต่กระแสไฟฟ้าที่เหมือน ๆ กันเข้ามาอยู่ในสนามเดียวกัน
วัตถุประสงค์ (สิ่งที่ต้องการในการทาโครงงาน ระบุเป็นข้อ)
1.สมองพัฒนาในช่วงไหนบ้าง
2.มีวิธีอะไรบ้างที่จะมาพัฒนาสมอง
3.การพักผ่อนทาให้สมองพัฒนาได้ดีจริงหรือไม่
4.การเปลี่ยนสถานที่จะทาให้จาดีขึ้น
ขอบเขตโครงงาน (คุณลักษณะ ขอบเขต เงื่อนไขและข้อจากัดของการทาโครงงาน)
กลุ่มนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6/7 จานวน 6 คน
- 4. 4
หลักการและทฤษฎี (ความรู้ หลักการ หรือทฤษฎีที่สนับสนุนการทาโครงงาน)
Brain Based Learning คือ การใช้ความรู้ความเข้าใจที่เกี่ยวข้องกับสมองเป็นเครื่องมือในการออกแบบ
กระบวนการเรียนรู้และกระบวนการอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องเพื่อสร้างศักยภาพสูงสุดในการเรียนรู้ของมนุษย์โดยเชื่อว่า
โอกาสทองของการเรียนรู้อยู่ระหว่างแรกเกิด 0 – 10 ปี
สมองเราจดจาข้อมูลที่มีความหมาย ดังนั้นเมื่อไหร่ที่เราต้องการจาข้อมูล พยายามทาให้มันมีความหมาย เพื่อให้
สมองจาข้อมูลนั้นได้ดี พยายามทบทวนข้อมูลนั้น และเว้นช่วงห่างเป็นระยะ เช่น ทบทวนทุกๆ 10 นาที ตลอด
ระยะเวลา 2 ชั่วโมง
การทางานของเซลล์สมองในส่วนต่าง ๆ ทาให้มนุษย์เรียนรู้ในสิ่งต่าง ๆ สามารถเก็บเกี่ยวความรู้รอบตัวและ
สร้างความรู้ขึ้นได้เกิดการคิดขึ้นในสมอง หลังเกิดความคิดก็มีการคิดค้นและมีผลผลิตเกิดขึ้น ยิ่งถ้าเด็กมีการใช้
สมองเพื่อการเรียนรู้และการคิดมากเท่าไหร่ เซลล์สมองจะสร้างเครือข่ายเส้นใยสมองใหม่ๆ เชื่อมต่อกันมากยิ่งขึ้น
ทาให้สมองมีขนาดใหญ่ขึ้น โดยไมเพิ่มขนาดของเซลล์สมองจานวนเส้นใยสมองและจุดเชื่อมต่อระหว่างเซลล์
สมอง
วิธีพัฒนาสมองมีหลากหลายวิธี ดังนี้
1.เล่นดนตรีแบบศิลปิน ยิ่งฝึกฝนยิ่งฉลาด ขงจื๊อเคยกล่าวไว้ว่า ดนตรีมอบความพึงพอใจที่ธรรมชาติของมนุษย์ไม่
สามารถทาได้และจากผลการวิจัยก็ระบุว่าดนตรีหรือเสียงเพลงสามารถกระตุ้นสมองของมนุษย์ได้ดี และนักวิจัย
หลายคนก็ได้แสดง ผลงานวิจัยที่บ่งบอกว่า ผู้ที่ทั้งฟังดนตรีและเป็นผู้เล่นเองมีพื้นที่หน่วยความจาที่มากขึ้น
นอกจากนี้การเล่นเครื่องดนตรียังเป็นการฝึกความอดทนและความพยายาม เพราะการที่จะเล่นดนตรีให้เชี่ยวชาญได้
นั้น จาเป็นจะต้องทุ่มเทเวลาให้มันอย่างเต็มที่ ผลพลอยได้คือการมีสมาธิที่ดีขึ้น และแม้จะอายุมากก็ไม่ใช่ข้อจากัด
กลับเป็นตัวช่วยให้เซลล์สมองแตกก้านแข็งแรงมากขึ้น
2.อ่านหนังสือจริงจัง เป็นความเชื่อมาตั้งแต่ไหนแต่ไรว่าการอ่านหนังสือจะช่วยเพิ่มระดับความฉลาดได้แต่
หมายถึงว่าต้องอ่านแบบไม่ลืมหูลืมตาและอ่านหลากหลายแนวตั้งแต่นวนิยาย ชีวประวัติ ไปจนถึงบทประพันธ์
ต่างๆ การอ่านหนังสือช่วยลดความเครียด ช่วยให้คุณเผชิญหน้ากับอารมณ์ความรู้สึกที่หลากหลายและทาให้มี
ความรู้ ในเรื่องต่างๆ เพื่อเตรียมพร้อมสาหรับการรับมือในสถานการณ์หลากหลาย และเข้าใกล้กับ เป้าหมายชีวิตใน
อนาคตมากขึ้น สิ่งเหล่านี้จะทาให้ผู้อ่านรู้สึกดีกับตัวเอง ไม่เพียงเท่านั้นการนั่งอ่านหนังสือเงียบๆ ด้วยความรู้สึก
สงบเป็นหัวใจสาคัญของการมีสุขภาพกายและสุขภาพจิตที่แข็งแรง
3.ฝึกสมาธิเป็นกิจวัตร ประโยชน์ที่สาคัญที่สุดของการฝึกสมาธิ คือ การช่วยให้มีโฟกัสและรู้จักเนื้อแท้ของ ตัวเอง
ช่วยลดระดับความเครียดและขจัดความกังวลทั้งหลาย การฝึกสมาธิเป็นประจาทุกวัน ผู้ฝึกจะมีจิตใจที่สงบ รู้จัก
ควบคุมตัวเอง มีความหยั่งรู้ ทาให้สามารถเรียนรู้ คิด และวางแผนสิ่งต่างๆ ได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เนื่องจาก
สามารถตัดสิ่งที่มารบกวนจิตใจได้
- 5. 5
4.ออกกาลังสมอง ร่างกายต้องการการออกกาลังกายเพื่อให้ฟิตแอนด์เฟิร์ม สมองก็เช่นเดียวกัน การท้าทายสมองให้
ทาสิ่งใหม่ๆ ทุกวันจะช่วยเพิ่มความสามารถและทาให้ฉลาดขึ้น เราสามารถฝึกสมองได้ด้วยหลากหลายวิธี ไม่ว่าจะ
เป็น การเล่นโซโดกุ ปริศนาตามหน้าหนังสือพิมพ์เกมกระดาน และปริศนาคาทาย กิจกรรมดังกล่าวจะช่วยสร้าง
ความเชื่อมโยงของสมอง ผู้เล่นจะได้เรียนรู้การตอบสนองต่อสถานการณ์ต่างๆ ในลักษณะที่มีความสร้างสรรค์
พัฒนาความสามารถในการมองเห็นให้มองได้หลายมุมมอง และมีสมองมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
5.ออกกาลังกายก็เป็นเรื่องสาคัญ เพราะสมองก็คือกล้ามเนื้อในร่างกายเช่นเดียวกับส่วนอื่น ดังนั้นการมีร่างกายที่
แข็งแรงก็เป็นเครื่องการันตีว่าสุขภาพสมองดี การออกกาลังอย่างเป็นประจานอกจากจะช่วยให้สุขภาพดีแล้วยังช่วย
ลดความตึงเครียดและทาให้นอนหลับง่าย ทางการแพทย์เชื่อว่า การไหลเวียนของโลหิตที่ดีไปยังสมอง หมายถึง
สมองมีการทางานที่เพิ่มขึ้น จากการศึกษาในหนูและมนุษย์ได้แสดงให้เห็นว่าการออกกาลังกายสามารถสร้างเซลล์
สมองใหม่ และทาให้ประสิทธิภาพการทางานโดยรวมของสมองดีขึ้น
6.เรียนรู้ภาษาใหม่ๆ การเรียนรู้ภาษาใหม่อาจไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ถ้าทา เราจะได้รับประโยชน์มหาศาล หนึ่งในนั้นก็
คือ ทาให้ดูฉลาดขึ้น กระบวนการของ การเรียนรู้ดังกล่าว จะเกี่ยวข้องกับการวิเคราะห์โครงสร้างไวยากรณ์ และ
การทาความรู้จัก คาศัพท์ใหม่ๆ ซึ่งจะเป็นการท้าทายสมอง และนอกจากนี้จากผลการวิจัยพบว่า คนที่มีทักษะทาง
ภาษาระดับสูงจะสามารถวางแผน ตัดสินใจและแก้ไขปัญหาได้ดี
7.ระบายความรู้สึกผ่านตัวหนังสือ นอกจากการเขียนบ่อยๆ จะเป็นการเพิ่มทักษะทางภาษาแล้ว ยังช่วยพัฒนา
ความสามารถในเรื่องของการโฟกัส ความคิดสร้างสรรค์ จินตนาการ และความเข้าใจ ไม่จาเป็นต้องเขียนลงใน
กระดาษเท่านั้น สามารถเขียนที่ไหนก็ได้ตามต้องการ ไม่ว่าจะเขียนลงบนมือ หรือแม้แต่สร้างบล็อกของตัวเอง
ขึ้นมา
8.ท่องเที่ยวที่ใหม่ๆ การท่องเที่ยวไปตามที่ต่างๆ ไม่ได้เป็นเพียงแค่การลดความเบื่อหน่ายเท่านั้น แต่มันสามารถ
ขจัดความเครียดที่สั่งสมได้ด้วย เชื่อกันว่าหลังจากที่กลับจากทริปจะโฟกัสกับสิ่งที่ทามากขึ้น ช่างสังเกต และมี
ความเข้าใจลึกซึ้งในเรื่องที่สนใจ นอกจากนี้ทุกสถานที่ที่ได้ไปยังเป็นการเปิดโลกทัศน์ให้ตัวเอง ได้เรียนรู้สิ่งใหม่
ทั้งผู้คน อาหาร วัฒนธรรม และสังคม คุณจะได้ไอเดียที่ไม่มีทางได้จากห้องสี่เหลี่ยมแคบๆ
9.ทาเมนูอาหารให้หลากหลาย คนที่ลองทาอาหารเมนูแปลกไปจากปกติ มักเป็นคนที่มีความคิดสร้างสรรค์ ไม่กลัว
ที่จะลองสิ่งใหม่ๆ และเป็นคนที่มีความใส่ใจในเรื่องของรายละเอียด สิ่งที่คุณจะได้จากการทาอาหาร คือ สามารถ
ทาสิ่งต่างๆ ได้หลากหลาย มีความแม่นยา และตัดสินใจได้อย่างรวดเร็ว