SlideShare a Scribd company logo
กำเนิดเอกภพ(Big Bang)
ทฤษฎีบิกแบง
 ทฤษฎี “บิกแบง” (Big Bang Theory) เป็นทฤษฎีทำงดำรำศำสตร์ที่กล่ำวถึงประวัติศำสตร์ควำมเป็นมำของ
จักรวำล ปัจจุบันเป็นทฤษฎีที่เป็นที่เชื่อถือและยอมรับมำกที่สุด ทฤษฎีบิกแบงเกิดขึ้นจำกกำรสังเกตของนักดำรำศำสตร์ที่ว่ำ
ขณะนี้จักรวำลกำลังขยำยตัว ดวงดำวต่ำง ๆ บนท้องฟ้ำกำลังวิ่งห่ำงออกจำกกันทุกที เมื่อย้อนกลับไปสู่อดีต ดวงดำวต่ำงๆ
จะอยู่ใกล้กันมำกกว่ำนี้ และเมื่อนักดำรำศำสตร์คำนวณอัตรำควำมเร็วของกำรขยำยตัวทำให้ทรำบถึงอำยุของจักรวำลและ
กำรคลี่คลำยตัวของจักรวำล รวมทั้งสร้ำงทฤษฎีกำรกำเนิดจักรวำลขึ้นอีกด้วย ตำมทฤษฎีนี้ จักรวำลกำเนิดขึ้นเมื่อประมำณ
๑๕,๐๐๐ ล้ำนปีที่แล้ว ก่อนกำรเกิดของจักรวำล ไม่มีมวลสำร ช่องว่ำง หรือกำลเวลำ จักรวำลเป็นเพียงจุดที่เล็กยิ่งกว่ำอะตอม
เท่ำนั้น และด้วยเหตุใดยังไม่ปรำกฏแน่ชัด จักรวำลที่เล็กที่สุดนี้ได้ระเบิดออกอย่ำงรุนแรงและรวดเร็วในเวลำเพียงเศษเสี้ยว
วินำที (Inflationary period) แรงระเบิดก่อให้เกิดหมอกธำตุซึ่งแสงไม่สำมำรถทะลุผ่ำนได้(Plasma period) ต่อมำจักรวำลที่
กำลังขยำยตัวเริ่มเย็นลง หมอกธำตุเริ่มรวมตัวกันเป็นอะตอม จักรวำลเริ่มโปร่งแสง ในทำงทฤษฎีแล้วพื้นที่บำงแห่งจะมีมวล
หนำแน่นกว่ำ ร้อนกว่ำ และเปล่งแสงออกมำมำกกว่ำ ซึ่งต่อมำพื้นที่เหล่ำนี้ได้ก่อตัวเป็นกลุ่มหมอกควันอันใหญ่โตมโหฬำร
และภำยใต้กฎของแรงโน้มถ่วง กลุ่มหมอกควันอันมหึมำนี้ได้ค่อยๆแตกออก จนเป็นโครงสร้ำงของ “กำแลกซี” (Galaxy)
ดวงดำวต่ำง ๆ ได้ก่อตัวขึ้นในกำแลกซี และจักรวำลขยำยตัวออกอย่ำงต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน
 นักดำรำศำสตร์คำนวณว่ำจักรวำลว่ำประกอบไปด้วยกำแลกซีประมำณ ๑ ล้ำนล้ำนกำแลกซี และแต่ละกำแลกซีมีดำวฤกษ์
อย่ำงเช่นดวงอำทิตย์อยู่ประมำณ ๑ ล้ำนล้ำนดวง และสุริยจักรวำลของเรำอยู่ปลำยขอบของกำแลกซีที่เรียกว่ำ “ทำง
ช้ำงเผือก” (Milky Galaxy) และกำแลกซีทำงช้ำงเผือกก็อยู่ปลำยขอบของจักรวำลใหญ่ทั้งหมด เรำจึงมิได้เป็นศูนย์กลำงของ
จักรวำลเลย ไม่ว่ำจะในควำมหมำยใด
 ในปี พ.ศ. ๒๕๓๕ ดำวเทียม “โคบี” (COBE) ขององค์กำรนำซ่ำแห่งสหรัฐอเมริกำซึ่งถูกส่งขึ้นไปเพื่อศึกษำประวัติศำสตร์
ของจักรวำลโดยเฉพำะ ได้ค้นพบรังสีโบรำณ ซึ่งบ่งบอกถึงโครงสร้ำงของจักรวำลขณะเมื่อจักรวำลมีอำยุเพียง ๓๐๐,๐๐๐ ปี
นับเป็นกำรค้นพบครั้งสำคัญที่ยืนยันว่ำ จักรวำลกำเนิดขึ้นมำจำกจุดเริ่มต้นของกำรระเบิด และคลี่คลำยตัวตำมคำอธิบำยใน
ทฤษฎี “บิกแบง” จริง เมื่อได้ทฤษฎีกำรกำเนิดจักรวำลแล้ว นักดำรำศำสตร์ก็สนใจว่ำจักรวำลจะสิ้นสุดลงอย่ำงไร มีทฤษฎี
ที่อธิบำยเรื่องนี้อยู่ ๓ ทฤษฎี ทฤษฎีแรก กล่ำวว่ำ
 เมื่อแรงระเบิดสิ้นสุดลง มวลอันมหึมำของกำแลกซีต่ำงๆ จะดึงดูดซึ่งกันและกัน ทำให้จักรวำลหดตัวกลับจนกระทั่ง
ถึงกำลอวสำน ทฤษฎีที่สอง อธิบำยว่ำ จักรวำลจะขยำยตัวในอัตรำช้ำ ๆ จึงเชื่อว่ำน่ำจะมี “มวลดำ”(dark matter) ที่เรำ
ยังไม่รู้จักปริมำณมหึมำคอยยึดโยงจักรวำลไว้ จักรวำลจะขยำยตัวไปเรื่อยๆ จนยำกแก่กำรสืบค้นส่วนสตีเฟ่น ฮอว์
กกิ้ง (Stephen Hawking) ได้เสนอทฤษฎีที่สำมว่ำ จักรวำลจะขยำยตัวในอัตรำควำมเร็วที่เพิ่มขึ้นอย่ำงไม่มีที่สิ้นสุด
ทฤษฎีบิกแบงนั้นได้รับกำรเชื่อมต่อด้วยทฤษฎีวิวัฒนำกำร (Evolution Theory) ของชำร์ล ดำร์วิน (Charles Darwin)
เมื่อโลกเย็นตัวลงนั้น ปฏิกิริยำเคมีจำกมวลสำรในโลกในที่สุดแล้วก่อให้เกิดไอน้ำ และไอน้ำก่อให้เกิดเมฆ และเมฆ
ตกลงมำเป็นฝน ทำให้เกิดแม่น้ำ ลำธำร ทะเล และมหำสมุทร วิวัฒนำกำรนี้มีลักษณะแบบ “ก้ำวกระโดด” (Emergent
Evolution) เมื่อมีสำรอนินทรีย์และน้ำปริมำณมหำศำลเป็นเวลำที่ยำวนำน ในที่สุดคุณภำพใหม่คือ “ชีวิต” ก็เกิดขึ้น คำ
ว่ำ บิกแบง ที่จริงเป็นคำล้อเลียนที่เกิดจำก นักดำรำศำสตร์ ชื่อ เฟรดฮอยล์ ซึ่งเขำดูหมิ่นและตั้งใจจะทำลำยควำม
น่ำเชื่อถือของทฤษฎีที่เขำเห็นว่ำไม่มีทำงเป็นจริงอย่ำงไรก็ดี กำรค้นพบ ไมโครเวฟพื้นหลัง ในปี ค.ศ. 1964 ยิ่งทำให้
ไม่สำมำรถปฏิเสธทฤษฎีบิกแบงได้ มีหลักฐำนสำคัญพิสูจน์ควำมถูกต้องของทฤษฎีกำรเกิดของเอกภพ
ตำมทฤษฎีกำรระเบิดครั้งใหญ่ประกำรหนึ่ง คือ ในปี ค.ศ. 1965 นักวิทยำศำสตร์ที่ บริษัท เบลล์ แลบอรอทอรี่ สหรัฐ ได้ยิน
เสียบรบกวนของคลื่นวิทยุดังมำกจำก รอบทิศบนท้องฟ้ำ นักวิทยำศำสตร์ได้คำนวณได้แล้วว่ำ ถ้ำหำกเอกภพมีจุดกำเนิด
จำกปฐมดวงไฟในจักรวำลเมื่อประมำณ 1.1 x 1010-1.8x1010 ปีมำแล้ว ตำม ทฤษฎีกำรระเบิดครั้งใหญ่ของจักรวำล
พลังงำนที่ยังหลงเหลืออยู่ในกำรระเบิด ครั้งใหญ่จะต้องค้นหำพบได้ในปัจจุบัน และจะมีอุณหภูมิประมำณ 3 องศำเหนือ
ศูนย์องศำสมบูรณ์ เนื่องจำกพลังงำนจะแผ่ออกมำเป็นไมโครเวฟ มีควำมยำวคลื่นน้อยกว่ำ 1 ม.ม. ผลจำกกำรได้ยินเสียง
คลื่นไม่โครเวฟดังมำกจำกรอบทิศทำงบน ท้องฟ้ำดังกล่ำว เมื่อนักวิทยำศำสตร์ทำกำรวัดอย่ำงระมัดระวังทำให้
นักวิทยำศำสตร์ แน่ใจว่ำ กำรแพร่ของคลื่นไมโครเวฟบนท้องฟ้ำทั่วทิศทำง คือ ส่วนที่หลงเหลือ จำกกำรระเบิดครั้งใหญ่
ของจักรวำล
 ภายหลังเกิดบิกแบง
 ขณะที่เอกภพขยำยตัวภำยหลังเกิดบิกแบงสสำรก็เคลื่อนที่ไปทุกทิศทำง แรงโน้มถ่วงเริ่มทำงำน แรง
โน้มถ่วง คือ สิ่งที่ควบคุมเอกภพ เป็นแรงดึงวัตถุเข้ำหำกัน เรำเรียกแรงดึงดูด เช่นนี้ว่ำ แรงโน้มถ่วง วัตถุ
ที่มีมวลสำรมำกจะมีแรงโน้มถ่วงสูง แรงโน้มถ่วงทำให้วัตถุทุกอย่ำงอยู่ด้วยกัน ดังนั้นเมื่อเอกภพมีอำยุ
เพียง 1 ล้ำนปี สสำรในรูปของไฮโดรเจนและฮีเลียมก็เริ่มยึดเหนี่ยวกันเป็นก้อน เรียกว่ำ กำแล็กซีที่ยังไม่
คลอด(protogalaxy)นี่คือจุดเริ่มต้นของกำรเกิดกำแล็กซีต่อไป ก้อนก๊ำซขนำดเล็กที่อยู่ภำยในกลำยเป็น
ดำวฤกษ์กำแล็กซีที่ยังไม่คลอดก็เหมือนกระจุดดำวฤกษ์ขนำดมหิมำหรือกำแล็กซีแคระ อยู่กันเป็นกลุ่ม
และเป็นโครงสร้ำงหลักของกำแล็กซี กำแล็กซีที่ยังไม่คลอดทั้งหลำยถูกยึดเหนี่ยวเข้ำด้วยกัน ด้วยแรง
โน้มถ่วงจึงเกิดกำรรวมกันเป็นกำแล็กซีในช่วงแรกจะมีขนำดเล็กและมีรูปร่ำงแปลก ในที่สุดกำแล็กซีที่
ยังไม่คลอดหลำยแห่งก็รวมกันกลำยเป็นกำแล็กซีแบบสไปรัสหรือรูปไข่อย่ำงที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน แต่มัน
ยังไม่สิ้นสุดแค่นี้ ภำยในกำแล็กซีต่ำง ๆ ยังมีดำวฤกษ์เกิดขึ้นอยู่เรื่อย ๆ ตัวกำแล็กซีเองก็อำจชนกันหรือ
รวมกัน ทุกวันนี้ภำยในกำแล็กซีทำงช้ำงแผือกยังมีดำวฤกษ์จำนวนมำกกำลังเกิดใหม่และกำลังดึง
กำแล็กซีเล็กๆข้ำงเคียงเข้ำมำ
ทำไมกำเนิดของเอกภพจึงเป็น BIG BANG (กำรระเบิดใหญ่)
 ถ้ำเอกภพกำลังขยำยตัวก็แสดงว่ำถ้ำเรำย้อนเวลำกลับไปในอดีต เอกภพก็ต้องมีขนำดเล็กลงเรื่อยๆ ยิ่งย้อนเวลำมำกก็ยิ่งเล็ก
ลง แล้วเมื่อเล็ก ลงอย่ำงที่สุดจะเกิดอะไรขึ้น เอกภพจะลดลงจนสลำยไปหรือหวังว่ำจะมีจุดหนึ่งที่เอกภพกำเนิด ไม่ว่ำจะ
เป็นกรณีใดจะเห็นว่ำเรำจะต้องเกี่ยวข้องกับ กำรเริ่มของเอกภพทั้งนั้น ผู้แรกที่เริ่มศึกษำปัญหำเหล่ำนี้อย่ำงจริงจังคือนัก
ฟิสิกส์ซึ่งเกิดที่รัสเซียชื่อ กำมอฟ แต่ภำยหลังอพยพไปอยู่อเมริกำในช่วง ปี 1948 ที่จริงกำมอฟไม่ได้ตั้งใจที่จะคิดค้น
เกี่ยวกับกำรเริ่มของเอกภพตั้งแต่ตอนแรก แต่ระหว่ำงที่เขำกำลังคิดค้นเกี่ยวกับกำรเกิดของธำตุ เขำก็ได้บรรลุถึงข้อสรุปว่ำ
 เอกภพจะต้องเกิดขึ้นด้วย BIG BANG
 กำเนิดเอกภพ(Big Bang) สมมติฐำนเอกภพบิกแบงของกำมอฟ
 ตำมทฤษฎีเอกภพของฟรีดมำนน์ ซึ่งได้มำจำกกำรประยุกต์ทฤษฎีสัมพัทธภำพจะบอกได้ว่ำ เอกภพมีจุดเริ่ม ซึ่งก็คือ
เงื่อนไขเบื้องต้นถึงทฤษฎี สัมพัทธภำพจะบอกไม่ได้ว่ำเงื่อนไขข้ำงต้นนี้มำจำกไหน แต่มันก็บอกให้เรำรู้ว่ำ เอกภพเริ่ม
กำเนิดโดยมีเงื่อนไขเบื้องต้น แต่อย่ำงไรก็ตำมทฤษฎีนี้ไม่ได้บอกเรำว่ำเอกภพตอนเริ่มกำเนิดนั้นร้อนหรือเย็น แล้วทำไมกำ
มอฟถึงคิดว่ำเอกภพกำเนิดด้วยควำมร้อนสูง แต่เพื่อที่จะเข้ำใจตรงนี้ก็ลองมำคิดกลับดู ว่ำทำไมเอกภพที่เย็นจึงเป็นไปไม่ได้
เช่นกัน ถึงแม้โลกจะมีธำตุมำกมำยหลำยชนิด เมื่อดูทั้งเอกภพจะเห็นว่ำเกือบทั้งหมดเป็นธำตุไฮโดรเจน เพรำะว่ำ ไฮโดรเจน
ประกอบขึ้นจำกโปรตอนและอิเลคตรอน เรำก็จะบอกได้ว่ำตอนที่เอกภพกำเนิดและมีขนำดเล็กมำก อิเลคตรอนจะรวมเข้ำ
ไปในโปรตอนกลำย เป็นนิวตรอน นั่นก็คือเอกภพที่เย็น ในช่วงแรกจะเต็มไปด้วยนิวตรอนและเมื่อเอกภพขยำยตัวขึ้น
นิวตรอนจะสลำยตัวแบบเบต้ำ กลำยเป็นโปรตอนและ อิเลคตรอน โปรตอนนั้นจะทำปฏิกิริยำรวมตัวกับนิวตรอนกลำยเป็น
ตัว ทีเรียม (ไฮโดรเจนหนัก) และดิวทีเรียมจะรวมตัวกับนิวตรอนเป็น ไตรเทียม ซึ่งจะสลำยตัวแบบเบตำ กลำยเป็นฮีเลียม 3
และเมื่อนิวตรอนอีกตัวรวมกับฮีเลียม 3 ก็จะได้อะตอมฮีเลียม และปฏิกิริยำนิวเคลียร์ก็จะเกิดต่อกันไป ธำตุหนักต่ำงๆ ก็จะ
เกิดขึ้นในเอกภพต่อๆ กันไปเช่นกัน แต่ในควำมเป็นจริงนั้นในเอกภพมีไฮโดรเจน 75% ฮีเลียม 24% และอีก 1% เป็นธำตุ
อื่นๆ นั่นก็คือเกือบทั้งหมดเป็นธำตุเบำสองธำตุ คือ ไฮโดรเจนและฮีเลียม ซึ่งขัดกับสมมติฐำนของเอกภพเย็นข้ำงต้น
เพรำะฉะนั้นกำมอฟจึงคิดว่ำเพื่อให้ขั้นตอนกำรเกิดธำตุหนักไม่ติดต่อกันไป จะต้องคิดว่ำเอกภพเมื่อกำเนิดนั้นมีอุณหภูมิสูง
มำก ถ้ำเอกภพร้อนถึงจะเกิดปฏิกิริยำรวมตัวกัน แต่เพรำะร้อน กันออกอีกและก็อธิบำยได้ว่ำทำไมธำตุหนักจึงหยุดแค่ฮีเลียม
เท่ำนั้น และนี่ก็คือที่มำของควำมคิดสมมติฐำนเอกภพบิกแบงของกำมอฟ โดยที่ขอเน้นว่ำ กำมอฟไม่ได้บอกว่ำบิกแบงเป็น
ต้นเหตุของกำรขยำยตัวของเอกภพเลย เพียงแต่บอกว่ำเพื่อที่จะอธิบำยกำเนิด และปริมำณธำตุในเอกภพ เอกภพจะต้องเกิด
ด้วยบิกแบงเท่ำนั้น
 ___________________________________
 อ้างอิง
http://www.soulfly.th.gs/
http://www.geocities.com/Athens/Thebes/1183/universe.html
http://www.rmutphysics.com/CHARUD/naturemystery/sci3/universe/universe1.htm
 คาถาม ทฤษฎีบิ๊กแบง 10 ข้อ
 1. ทฤษฎีบิ๊กแบง คืออะไร
 เป็นทฤษฎีทำงดำรำศำสตร์ที่กล่ำวถึงประวัติศำสตร์ควำมเป็นมำของจักรวำล ปัจจุบันเป็นทฤษฎีที่เป็นที่เชื่อถือ
และยอมรับมำกที่สุด
 2. จักรวาลกาเนิดขึ้นเมื่อประมาณกี่ปี
 ๑๕,๐๐๐ ล้ำนปีที่แล้ว
 3. จักรวาลกาเนิดขึ้นได้อย่างไร
 จักรวำลกำเนิดมำจำกจุดเริ่มต้นของกำรระเบิด และคลี่คลำยตัวตำมคำอธิบำยในทฤษฎี “บิกแบง”
 4. นักดาราศาสตร์สนใจว่าจักรวาลจะสิ้นสุดลงอย่างไร
 มีทฤษฎีที่อธิบำยเรื่องนี้อยู่ ๓ ทฤษฎี ทฤษฎีแรก กล่ำวว่ำ เมื่อแรงระเบิดสิ้นสุดลง มวลอันมหึมำของกำแลกซี
ต่ำงๆ จะดึงดูดซึ่งกันและกัน ทำให้จักรวำลหดตัวกลับจนกระทั่งถึงกำลอวสำน ทฤษฎีที่สอง อธิบำยว่ำ จักรวำล
จะขยำยตัวในอัตรำช้ำ ๆ จึงเชื่อว่ำน่ำจะมี “มวลดำ”(dark matter) ที่เรำยังไม่รู้จักปริมำณมหึมำคอยยึดโยงจักรวำล
ไว้จักรวำลจะขยำยตัวไปเรื่อยๆ จนยำกแก่กำรสืบค้นส่วนสตีเฟ่น ฮอว์กกิ้ง (Stephen Hawking) ได้เสนอทฤษฎีที่
สำมว่ำ จักรวำลจะขยำยตัวในอัตรำควำมเร็วที่เพิ่มขึ้นอย่ำงไม่มีที่สิ้นสุด
 5. แรงโน้มถ่วงทาหน้าที่อย่างไร ภายหลังจากการเกิดบิกแบง
 ภำยหลังเกิดบิกแบงสสำรก็เคลื่อนที่ไปทุกทิศทำง แรงโน้มถ่วงเริ่มทำงำน แรงโน้มถ่วง คือ สิ่งที่ควบคุมเอกภพ เป็นแรง
ดึงวัตถุเข้ำหำกัน เรำเรียกแรงดึงดูด เช่นนี้ว่ำ แรงโน้มถ่วง วัตถุที่มีมวลสำรมำกจะมีแรงโน้มถ่วงสูง แรงโน้มถ่วงทำให้
วัตถุทุกอย่ำงอยู่ด้วยกัน
 6. จุดเริ่มต้นของการเกิดกาแล็กซีคือ
 สสำรในรูปของไฮโดรเจนและฮีเลียม เริ่มยึดเหนี่ยวกันเป็นก้อน เรียกว่ำ กำแล็กซีที่ยังไม่คลอด (protogalaxy)
 7. ผู้แรกที่เริ่มศึกษาการเริ่มต้น ของเอกภพ คือใคร
 นักฟิสิกส์ซึ่งเกิดที่รัสเซียชื่อ กำมอฟ แต่ภำยหลังอพยพไปอยู่อเมริกำในช่วง ปี 1948
 8. กาแล็กซี ในปัจจุบัน เป็นแบบใหน
 เป็นกำแล็กซีแบบสไปรัสหรือรูปไข่อย่ำงที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน
 9. ปฏิกิริยาเคมีจากมวลสารในโลกในที่สุดแล้วก่อให้เกิดอะไรขึ้น
 ก่อให้เกิดไอน้ำ และไอน้ำก่อให้เกิดเมฆ และเมฆตกลงมำเป็นฝน ทำให้เกิดแม่น้ำ ลำธำร ทะเล และมหำสมุทร
วิวัฒนำกำรนี้มีลักษณะแบบ “ก้ำวกระโดด” (Emergent Evolution) เมื่อมีสำรอนินทรีย์และน้ำปริมำณมหำศำลเป็นเวลำ
ที่ยำวนำน ในที่สุดคุณภำพใหม่คือ “ชีวิต”
 10. มีหลักฐำนสำคัญพิสูจน์ควำมถูกต้องของทฤษฎีกำรเกิดของเอกภพคือ
 กำรค้นพบ ไมโครเวฟพื้นหลัง ในปี ค.ศ. 1964 ยิ่งทำให้ไม่สำมำรถปฏิเสธทฤษฎีบิกแบงได้

More Related Content

Recently uploaded

งานนำเสนอ ภาษากับการสื่อสาร เพื่อการพัฒนา.pdf
งานนำเสนอ ภาษากับการสื่อสาร เพื่อการพัฒนา.pdfงานนำเสนอ ภาษากับการสื่อสาร เพื่อการพัฒนา.pdf
งานนำเสนอ ภาษากับการสื่อสาร เพื่อการพัฒนา.pdf
Faculty of BuddhismMahachulalongkornrajavidyalaya Roi Et Buddhist College
 
4_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา แปลไทยเป็นมคธ ประโยค ป.ธ.4 (2505-2567).pdf
4_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา แปลไทยเป็นมคธ ประโยค ป.ธ.4 (2505-2567).pdf4_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา แปลไทยเป็นมคธ ประโยค ป.ธ.4 (2505-2567).pdf
4_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา แปลไทยเป็นมคธ ประโยค ป.ธ.4 (2505-2567).pdf
สุเมธี​​​​ ตี่พนมโอรัล / សុមេធី ទីភ្នំឱរ៉ាល់ (Sumedhi TyPhnomAoral)
 
การเขียนข้อเสนอโครงการวิจัย (Research Proposal)
การเขียนข้อเสนอโครงการวิจัย (Research Proposal)การเขียนข้อเสนอโครงการวิจัย (Research Proposal)
การเขียนข้อเสนอโครงการวิจัย (Research Proposal)
Prachyanun Nilsook
 
แนวความเชื่อ วิธีการปฎิบัติ พระพุทธศาสนามหายาน.pdf
แนวความเชื่อ วิธีการปฎิบัติ พระพุทธศาสนามหายาน.pdfแนวความเชื่อ วิธีการปฎิบัติ พระพุทธศาสนามหายาน.pdf
แนวความเชื่อ วิธีการปฎิบัติ พระพุทธศาสนามหายาน.pdf
Faculty of BuddhismMahachulalongkornrajavidyalaya Roi Et Buddhist College
 
3_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา สัมพันธ์ไทย ประโยค ป.ธ.3 (2500-2567).pdf
3_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา สัมพันธ์ไทย ประโยค ป.ธ.3 (2500-2567).pdf3_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา สัมพันธ์ไทย ประโยค ป.ธ.3 (2500-2567).pdf
3_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา สัมพันธ์ไทย ประโยค ป.ธ.3 (2500-2567).pdf
สุเมธี​​​​ ตี่พนมโอรัล / សុមេធី ទីភ្នំឱរ៉ាល់ (Sumedhi TyPhnomAoral)
 
atwordfamily words with Thai translationtx
atwordfamily words with Thai translationtxatwordfamily words with Thai translationtx
atwordfamily words with Thai translationtx
Bangkok, Thailand
 
ภาษาอังกฤษเพื่อการปฏิบัติกรรมฐานในพระพุทธศาสนา
ภาษาอังกฤษเพื่อการปฏิบัติกรรมฐานในพระพุทธศาสนาภาษาอังกฤษเพื่อการปฏิบัติกรรมฐานในพระพุทธศาสนา
ภาษาอังกฤษเพื่อการปฏิบัติกรรมฐานในพระพุทธศาสนา
Faculty of BuddhismMahachulalongkornrajavidyalaya Roi Et Buddhist College
 
3_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา แปลมคธเป็นไทย ประโยค ป.ธ.3 (2500-2567).pdf
3_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา แปลมคธเป็นไทย ประโยค ป.ธ.3 (2500-2567).pdf3_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา แปลมคธเป็นไทย ประโยค ป.ธ.3 (2500-2567).pdf
3_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา แปลมคธเป็นไทย ประโยค ป.ธ.3 (2500-2567).pdf
สุเมธี​​​​ ตี่พนมโอรัล / សុមេធី ទីភ្នំឱរ៉ាល់ (Sumedhi TyPhnomAoral)
 
1-2_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา แปลมคธเป็นไทย ประโยค 1-2 (2510-2567).pdf
1-2_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา แปลมคธเป็นไทย ประโยค 1-2 (2510-2567).pdf1-2_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา แปลมคธเป็นไทย ประโยค 1-2 (2510-2567).pdf
1-2_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา แปลมคธเป็นไทย ประโยค 1-2 (2510-2567).pdf
สุเมธี​​​​ ตี่พนมโอรัล / សុមេធី ទីភ្នំឱរ៉ាល់ (Sumedhi TyPhnomAoral)
 
1-2_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา บาลีไวยากรณ์ ประโยค 1-2 (2511-2567).pdf
1-2_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา บาลีไวยากรณ์ ประโยค 1-2 (2511-2567).pdf1-2_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา บาลีไวยากรณ์ ประโยค 1-2 (2511-2567).pdf
1-2_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา บาลีไวยากรณ์ ประโยค 1-2 (2511-2567).pdf
สุเมธี​​​​ ตี่พนมโอรัล / សុមេធី ទីភ្នំឱរ៉ាល់ (Sumedhi TyPhnomAoral)
 

Recently uploaded (10)

งานนำเสนอ ภาษากับการสื่อสาร เพื่อการพัฒนา.pdf
งานนำเสนอ ภาษากับการสื่อสาร เพื่อการพัฒนา.pdfงานนำเสนอ ภาษากับการสื่อสาร เพื่อการพัฒนา.pdf
งานนำเสนอ ภาษากับการสื่อสาร เพื่อการพัฒนา.pdf
 
4_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา แปลไทยเป็นมคธ ประโยค ป.ธ.4 (2505-2567).pdf
4_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา แปลไทยเป็นมคธ ประโยค ป.ธ.4 (2505-2567).pdf4_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา แปลไทยเป็นมคธ ประโยค ป.ธ.4 (2505-2567).pdf
4_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา แปลไทยเป็นมคธ ประโยค ป.ธ.4 (2505-2567).pdf
 
การเขียนข้อเสนอโครงการวิจัย (Research Proposal)
การเขียนข้อเสนอโครงการวิจัย (Research Proposal)การเขียนข้อเสนอโครงการวิจัย (Research Proposal)
การเขียนข้อเสนอโครงการวิจัย (Research Proposal)
 
แนวความเชื่อ วิธีการปฎิบัติ พระพุทธศาสนามหายาน.pdf
แนวความเชื่อ วิธีการปฎิบัติ พระพุทธศาสนามหายาน.pdfแนวความเชื่อ วิธีการปฎิบัติ พระพุทธศาสนามหายาน.pdf
แนวความเชื่อ วิธีการปฎิบัติ พระพุทธศาสนามหายาน.pdf
 
3_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา สัมพันธ์ไทย ประโยค ป.ธ.3 (2500-2567).pdf
3_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา สัมพันธ์ไทย ประโยค ป.ธ.3 (2500-2567).pdf3_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา สัมพันธ์ไทย ประโยค ป.ธ.3 (2500-2567).pdf
3_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา สัมพันธ์ไทย ประโยค ป.ธ.3 (2500-2567).pdf
 
atwordfamily words with Thai translationtx
atwordfamily words with Thai translationtxatwordfamily words with Thai translationtx
atwordfamily words with Thai translationtx
 
ภาษาอังกฤษเพื่อการปฏิบัติกรรมฐานในพระพุทธศาสนา
ภาษาอังกฤษเพื่อการปฏิบัติกรรมฐานในพระพุทธศาสนาภาษาอังกฤษเพื่อการปฏิบัติกรรมฐานในพระพุทธศาสนา
ภาษาอังกฤษเพื่อการปฏิบัติกรรมฐานในพระพุทธศาสนา
 
3_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา แปลมคธเป็นไทย ประโยค ป.ธ.3 (2500-2567).pdf
3_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา แปลมคธเป็นไทย ประโยค ป.ธ.3 (2500-2567).pdf3_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา แปลมคธเป็นไทย ประโยค ป.ธ.3 (2500-2567).pdf
3_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา แปลมคธเป็นไทย ประโยค ป.ธ.3 (2500-2567).pdf
 
1-2_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา แปลมคธเป็นไทย ประโยค 1-2 (2510-2567).pdf
1-2_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา แปลมคธเป็นไทย ประโยค 1-2 (2510-2567).pdf1-2_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา แปลมคธเป็นไทย ประโยค 1-2 (2510-2567).pdf
1-2_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา แปลมคธเป็นไทย ประโยค 1-2 (2510-2567).pdf
 
1-2_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา บาลีไวยากรณ์ ประโยค 1-2 (2511-2567).pdf
1-2_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา บาลีไวยากรณ์ ประโยค 1-2 (2511-2567).pdf1-2_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา บาลีไวยากรณ์ ประโยค 1-2 (2511-2567).pdf
1-2_ปัญหาและเฉลยข้อสอบบาลีสนามหลวง วิชา บาลีไวยากรณ์ ประโยค 1-2 (2511-2567).pdf
 

Featured

2024 State of Marketing Report – by Hubspot
2024 State of Marketing Report – by Hubspot2024 State of Marketing Report – by Hubspot
2024 State of Marketing Report – by Hubspot
Marius Sescu
 
Everything You Need To Know About ChatGPT
Everything You Need To Know About ChatGPTEverything You Need To Know About ChatGPT
Everything You Need To Know About ChatGPT
Expeed Software
 
Product Design Trends in 2024 | Teenage Engineerings
Product Design Trends in 2024 | Teenage EngineeringsProduct Design Trends in 2024 | Teenage Engineerings
Product Design Trends in 2024 | Teenage Engineerings
Pixeldarts
 
How Race, Age and Gender Shape Attitudes Towards Mental Health
How Race, Age and Gender Shape Attitudes Towards Mental HealthHow Race, Age and Gender Shape Attitudes Towards Mental Health
How Race, Age and Gender Shape Attitudes Towards Mental Health
ThinkNow
 
AI Trends in Creative Operations 2024 by Artwork Flow.pdf
AI Trends in Creative Operations 2024 by Artwork Flow.pdfAI Trends in Creative Operations 2024 by Artwork Flow.pdf
AI Trends in Creative Operations 2024 by Artwork Flow.pdf
marketingartwork
 
Skeleton Culture Code
Skeleton Culture CodeSkeleton Culture Code
Skeleton Culture Code
Skeleton Technologies
 
PEPSICO Presentation to CAGNY Conference Feb 2024
PEPSICO Presentation to CAGNY Conference Feb 2024PEPSICO Presentation to CAGNY Conference Feb 2024
PEPSICO Presentation to CAGNY Conference Feb 2024
Neil Kimberley
 
Content Methodology: A Best Practices Report (Webinar)
Content Methodology: A Best Practices Report (Webinar)Content Methodology: A Best Practices Report (Webinar)
Content Methodology: A Best Practices Report (Webinar)
contently
 
How to Prepare For a Successful Job Search for 2024
How to Prepare For a Successful Job Search for 2024How to Prepare For a Successful Job Search for 2024
How to Prepare For a Successful Job Search for 2024
Albert Qian
 
Social Media Marketing Trends 2024 // The Global Indie Insights
Social Media Marketing Trends 2024 // The Global Indie InsightsSocial Media Marketing Trends 2024 // The Global Indie Insights
Social Media Marketing Trends 2024 // The Global Indie Insights
Kurio // The Social Media Age(ncy)
 
Trends In Paid Search: Navigating The Digital Landscape In 2024
Trends In Paid Search: Navigating The Digital Landscape In 2024Trends In Paid Search: Navigating The Digital Landscape In 2024
Trends In Paid Search: Navigating The Digital Landscape In 2024
Search Engine Journal
 
5 Public speaking tips from TED - Visualized summary
5 Public speaking tips from TED - Visualized summary5 Public speaking tips from TED - Visualized summary
5 Public speaking tips from TED - Visualized summary
SpeakerHub
 
ChatGPT and the Future of Work - Clark Boyd
ChatGPT and the Future of Work - Clark Boyd ChatGPT and the Future of Work - Clark Boyd
ChatGPT and the Future of Work - Clark Boyd
Clark Boyd
 
Getting into the tech field. what next
Getting into the tech field. what next Getting into the tech field. what next
Getting into the tech field. what next
Tessa Mero
 
Google's Just Not That Into You: Understanding Core Updates & Search Intent
Google's Just Not That Into You: Understanding Core Updates & Search IntentGoogle's Just Not That Into You: Understanding Core Updates & Search Intent
Google's Just Not That Into You: Understanding Core Updates & Search Intent
Lily Ray
 
How to have difficult conversations
How to have difficult conversations How to have difficult conversations
How to have difficult conversations
Rajiv Jayarajah, MAppComm, ACC
 
Introduction to Data Science
Introduction to Data ScienceIntroduction to Data Science
Introduction to Data Science
Christy Abraham Joy
 
Time Management & Productivity - Best Practices
Time Management & Productivity -  Best PracticesTime Management & Productivity -  Best Practices
Time Management & Productivity - Best Practices
Vit Horky
 
The six step guide to practical project management
The six step guide to practical project managementThe six step guide to practical project management
The six step guide to practical project management
MindGenius
 
Beginners Guide to TikTok for Search - Rachel Pearson - We are Tilt __ Bright...
Beginners Guide to TikTok for Search - Rachel Pearson - We are Tilt __ Bright...Beginners Guide to TikTok for Search - Rachel Pearson - We are Tilt __ Bright...
Beginners Guide to TikTok for Search - Rachel Pearson - We are Tilt __ Bright...
RachelPearson36
 

Featured (20)

2024 State of Marketing Report – by Hubspot
2024 State of Marketing Report – by Hubspot2024 State of Marketing Report – by Hubspot
2024 State of Marketing Report – by Hubspot
 
Everything You Need To Know About ChatGPT
Everything You Need To Know About ChatGPTEverything You Need To Know About ChatGPT
Everything You Need To Know About ChatGPT
 
Product Design Trends in 2024 | Teenage Engineerings
Product Design Trends in 2024 | Teenage EngineeringsProduct Design Trends in 2024 | Teenage Engineerings
Product Design Trends in 2024 | Teenage Engineerings
 
How Race, Age and Gender Shape Attitudes Towards Mental Health
How Race, Age and Gender Shape Attitudes Towards Mental HealthHow Race, Age and Gender Shape Attitudes Towards Mental Health
How Race, Age and Gender Shape Attitudes Towards Mental Health
 
AI Trends in Creative Operations 2024 by Artwork Flow.pdf
AI Trends in Creative Operations 2024 by Artwork Flow.pdfAI Trends in Creative Operations 2024 by Artwork Flow.pdf
AI Trends in Creative Operations 2024 by Artwork Flow.pdf
 
Skeleton Culture Code
Skeleton Culture CodeSkeleton Culture Code
Skeleton Culture Code
 
PEPSICO Presentation to CAGNY Conference Feb 2024
PEPSICO Presentation to CAGNY Conference Feb 2024PEPSICO Presentation to CAGNY Conference Feb 2024
PEPSICO Presentation to CAGNY Conference Feb 2024
 
Content Methodology: A Best Practices Report (Webinar)
Content Methodology: A Best Practices Report (Webinar)Content Methodology: A Best Practices Report (Webinar)
Content Methodology: A Best Practices Report (Webinar)
 
How to Prepare For a Successful Job Search for 2024
How to Prepare For a Successful Job Search for 2024How to Prepare For a Successful Job Search for 2024
How to Prepare For a Successful Job Search for 2024
 
Social Media Marketing Trends 2024 // The Global Indie Insights
Social Media Marketing Trends 2024 // The Global Indie InsightsSocial Media Marketing Trends 2024 // The Global Indie Insights
Social Media Marketing Trends 2024 // The Global Indie Insights
 
Trends In Paid Search: Navigating The Digital Landscape In 2024
Trends In Paid Search: Navigating The Digital Landscape In 2024Trends In Paid Search: Navigating The Digital Landscape In 2024
Trends In Paid Search: Navigating The Digital Landscape In 2024
 
5 Public speaking tips from TED - Visualized summary
5 Public speaking tips from TED - Visualized summary5 Public speaking tips from TED - Visualized summary
5 Public speaking tips from TED - Visualized summary
 
ChatGPT and the Future of Work - Clark Boyd
ChatGPT and the Future of Work - Clark Boyd ChatGPT and the Future of Work - Clark Boyd
ChatGPT and the Future of Work - Clark Boyd
 
Getting into the tech field. what next
Getting into the tech field. what next Getting into the tech field. what next
Getting into the tech field. what next
 
Google's Just Not That Into You: Understanding Core Updates & Search Intent
Google's Just Not That Into You: Understanding Core Updates & Search IntentGoogle's Just Not That Into You: Understanding Core Updates & Search Intent
Google's Just Not That Into You: Understanding Core Updates & Search Intent
 
How to have difficult conversations
How to have difficult conversations How to have difficult conversations
How to have difficult conversations
 
Introduction to Data Science
Introduction to Data ScienceIntroduction to Data Science
Introduction to Data Science
 
Time Management & Productivity - Best Practices
Time Management & Productivity -  Best PracticesTime Management & Productivity -  Best Practices
Time Management & Productivity - Best Practices
 
The six step guide to practical project management
The six step guide to practical project managementThe six step guide to practical project management
The six step guide to practical project management
 
Beginners Guide to TikTok for Search - Rachel Pearson - We are Tilt __ Bright...
Beginners Guide to TikTok for Search - Rachel Pearson - We are Tilt __ Bright...Beginners Guide to TikTok for Search - Rachel Pearson - We are Tilt __ Bright...
Beginners Guide to TikTok for Search - Rachel Pearson - We are Tilt __ Bright...
 

งานชิ้นที่1 2ทฤษฏีบิ๊กแบง

  • 2.  ทฤษฎี “บิกแบง” (Big Bang Theory) เป็นทฤษฎีทำงดำรำศำสตร์ที่กล่ำวถึงประวัติศำสตร์ควำมเป็นมำของ จักรวำล ปัจจุบันเป็นทฤษฎีที่เป็นที่เชื่อถือและยอมรับมำกที่สุด ทฤษฎีบิกแบงเกิดขึ้นจำกกำรสังเกตของนักดำรำศำสตร์ที่ว่ำ ขณะนี้จักรวำลกำลังขยำยตัว ดวงดำวต่ำง ๆ บนท้องฟ้ำกำลังวิ่งห่ำงออกจำกกันทุกที เมื่อย้อนกลับไปสู่อดีต ดวงดำวต่ำงๆ จะอยู่ใกล้กันมำกกว่ำนี้ และเมื่อนักดำรำศำสตร์คำนวณอัตรำควำมเร็วของกำรขยำยตัวทำให้ทรำบถึงอำยุของจักรวำลและ กำรคลี่คลำยตัวของจักรวำล รวมทั้งสร้ำงทฤษฎีกำรกำเนิดจักรวำลขึ้นอีกด้วย ตำมทฤษฎีนี้ จักรวำลกำเนิดขึ้นเมื่อประมำณ ๑๕,๐๐๐ ล้ำนปีที่แล้ว ก่อนกำรเกิดของจักรวำล ไม่มีมวลสำร ช่องว่ำง หรือกำลเวลำ จักรวำลเป็นเพียงจุดที่เล็กยิ่งกว่ำอะตอม เท่ำนั้น และด้วยเหตุใดยังไม่ปรำกฏแน่ชัด จักรวำลที่เล็กที่สุดนี้ได้ระเบิดออกอย่ำงรุนแรงและรวดเร็วในเวลำเพียงเศษเสี้ยว วินำที (Inflationary period) แรงระเบิดก่อให้เกิดหมอกธำตุซึ่งแสงไม่สำมำรถทะลุผ่ำนได้(Plasma period) ต่อมำจักรวำลที่ กำลังขยำยตัวเริ่มเย็นลง หมอกธำตุเริ่มรวมตัวกันเป็นอะตอม จักรวำลเริ่มโปร่งแสง ในทำงทฤษฎีแล้วพื้นที่บำงแห่งจะมีมวล หนำแน่นกว่ำ ร้อนกว่ำ และเปล่งแสงออกมำมำกกว่ำ ซึ่งต่อมำพื้นที่เหล่ำนี้ได้ก่อตัวเป็นกลุ่มหมอกควันอันใหญ่โตมโหฬำร และภำยใต้กฎของแรงโน้มถ่วง กลุ่มหมอกควันอันมหึมำนี้ได้ค่อยๆแตกออก จนเป็นโครงสร้ำงของ “กำแลกซี” (Galaxy) ดวงดำวต่ำง ๆ ได้ก่อตัวขึ้นในกำแลกซี และจักรวำลขยำยตัวออกอย่ำงต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน
  • 3.  นักดำรำศำสตร์คำนวณว่ำจักรวำลว่ำประกอบไปด้วยกำแลกซีประมำณ ๑ ล้ำนล้ำนกำแลกซี และแต่ละกำแลกซีมีดำวฤกษ์ อย่ำงเช่นดวงอำทิตย์อยู่ประมำณ ๑ ล้ำนล้ำนดวง และสุริยจักรวำลของเรำอยู่ปลำยขอบของกำแลกซีที่เรียกว่ำ “ทำง ช้ำงเผือก” (Milky Galaxy) และกำแลกซีทำงช้ำงเผือกก็อยู่ปลำยขอบของจักรวำลใหญ่ทั้งหมด เรำจึงมิได้เป็นศูนย์กลำงของ จักรวำลเลย ไม่ว่ำจะในควำมหมำยใด  ในปี พ.ศ. ๒๕๓๕ ดำวเทียม “โคบี” (COBE) ขององค์กำรนำซ่ำแห่งสหรัฐอเมริกำซึ่งถูกส่งขึ้นไปเพื่อศึกษำประวัติศำสตร์ ของจักรวำลโดยเฉพำะ ได้ค้นพบรังสีโบรำณ ซึ่งบ่งบอกถึงโครงสร้ำงของจักรวำลขณะเมื่อจักรวำลมีอำยุเพียง ๓๐๐,๐๐๐ ปี นับเป็นกำรค้นพบครั้งสำคัญที่ยืนยันว่ำ จักรวำลกำเนิดขึ้นมำจำกจุดเริ่มต้นของกำรระเบิด และคลี่คลำยตัวตำมคำอธิบำยใน ทฤษฎี “บิกแบง” จริง เมื่อได้ทฤษฎีกำรกำเนิดจักรวำลแล้ว นักดำรำศำสตร์ก็สนใจว่ำจักรวำลจะสิ้นสุดลงอย่ำงไร มีทฤษฎี ที่อธิบำยเรื่องนี้อยู่ ๓ ทฤษฎี ทฤษฎีแรก กล่ำวว่ำ
  • 4.  เมื่อแรงระเบิดสิ้นสุดลง มวลอันมหึมำของกำแลกซีต่ำงๆ จะดึงดูดซึ่งกันและกัน ทำให้จักรวำลหดตัวกลับจนกระทั่ง ถึงกำลอวสำน ทฤษฎีที่สอง อธิบำยว่ำ จักรวำลจะขยำยตัวในอัตรำช้ำ ๆ จึงเชื่อว่ำน่ำจะมี “มวลดำ”(dark matter) ที่เรำ ยังไม่รู้จักปริมำณมหึมำคอยยึดโยงจักรวำลไว้ จักรวำลจะขยำยตัวไปเรื่อยๆ จนยำกแก่กำรสืบค้นส่วนสตีเฟ่น ฮอว์ กกิ้ง (Stephen Hawking) ได้เสนอทฤษฎีที่สำมว่ำ จักรวำลจะขยำยตัวในอัตรำควำมเร็วที่เพิ่มขึ้นอย่ำงไม่มีที่สิ้นสุด ทฤษฎีบิกแบงนั้นได้รับกำรเชื่อมต่อด้วยทฤษฎีวิวัฒนำกำร (Evolution Theory) ของชำร์ล ดำร์วิน (Charles Darwin) เมื่อโลกเย็นตัวลงนั้น ปฏิกิริยำเคมีจำกมวลสำรในโลกในที่สุดแล้วก่อให้เกิดไอน้ำ และไอน้ำก่อให้เกิดเมฆ และเมฆ ตกลงมำเป็นฝน ทำให้เกิดแม่น้ำ ลำธำร ทะเล และมหำสมุทร วิวัฒนำกำรนี้มีลักษณะแบบ “ก้ำวกระโดด” (Emergent Evolution) เมื่อมีสำรอนินทรีย์และน้ำปริมำณมหำศำลเป็นเวลำที่ยำวนำน ในที่สุดคุณภำพใหม่คือ “ชีวิต” ก็เกิดขึ้น คำ ว่ำ บิกแบง ที่จริงเป็นคำล้อเลียนที่เกิดจำก นักดำรำศำสตร์ ชื่อ เฟรดฮอยล์ ซึ่งเขำดูหมิ่นและตั้งใจจะทำลำยควำม น่ำเชื่อถือของทฤษฎีที่เขำเห็นว่ำไม่มีทำงเป็นจริงอย่ำงไรก็ดี กำรค้นพบ ไมโครเวฟพื้นหลัง ในปี ค.ศ. 1964 ยิ่งทำให้ ไม่สำมำรถปฏิเสธทฤษฎีบิกแบงได้ มีหลักฐำนสำคัญพิสูจน์ควำมถูกต้องของทฤษฎีกำรเกิดของเอกภพ
  • 5. ตำมทฤษฎีกำรระเบิดครั้งใหญ่ประกำรหนึ่ง คือ ในปี ค.ศ. 1965 นักวิทยำศำสตร์ที่ บริษัท เบลล์ แลบอรอทอรี่ สหรัฐ ได้ยิน เสียบรบกวนของคลื่นวิทยุดังมำกจำก รอบทิศบนท้องฟ้ำ นักวิทยำศำสตร์ได้คำนวณได้แล้วว่ำ ถ้ำหำกเอกภพมีจุดกำเนิด จำกปฐมดวงไฟในจักรวำลเมื่อประมำณ 1.1 x 1010-1.8x1010 ปีมำแล้ว ตำม ทฤษฎีกำรระเบิดครั้งใหญ่ของจักรวำล พลังงำนที่ยังหลงเหลืออยู่ในกำรระเบิด ครั้งใหญ่จะต้องค้นหำพบได้ในปัจจุบัน และจะมีอุณหภูมิประมำณ 3 องศำเหนือ ศูนย์องศำสมบูรณ์ เนื่องจำกพลังงำนจะแผ่ออกมำเป็นไมโครเวฟ มีควำมยำวคลื่นน้อยกว่ำ 1 ม.ม. ผลจำกกำรได้ยินเสียง คลื่นไม่โครเวฟดังมำกจำกรอบทิศทำงบน ท้องฟ้ำดังกล่ำว เมื่อนักวิทยำศำสตร์ทำกำรวัดอย่ำงระมัดระวังทำให้ นักวิทยำศำสตร์ แน่ใจว่ำ กำรแพร่ของคลื่นไมโครเวฟบนท้องฟ้ำทั่วทิศทำง คือ ส่วนที่หลงเหลือ จำกกำรระเบิดครั้งใหญ่ ของจักรวำล
  • 6.  ภายหลังเกิดบิกแบง  ขณะที่เอกภพขยำยตัวภำยหลังเกิดบิกแบงสสำรก็เคลื่อนที่ไปทุกทิศทำง แรงโน้มถ่วงเริ่มทำงำน แรง โน้มถ่วง คือ สิ่งที่ควบคุมเอกภพ เป็นแรงดึงวัตถุเข้ำหำกัน เรำเรียกแรงดึงดูด เช่นนี้ว่ำ แรงโน้มถ่วง วัตถุ ที่มีมวลสำรมำกจะมีแรงโน้มถ่วงสูง แรงโน้มถ่วงทำให้วัตถุทุกอย่ำงอยู่ด้วยกัน ดังนั้นเมื่อเอกภพมีอำยุ เพียง 1 ล้ำนปี สสำรในรูปของไฮโดรเจนและฮีเลียมก็เริ่มยึดเหนี่ยวกันเป็นก้อน เรียกว่ำ กำแล็กซีที่ยังไม่ คลอด(protogalaxy)นี่คือจุดเริ่มต้นของกำรเกิดกำแล็กซีต่อไป ก้อนก๊ำซขนำดเล็กที่อยู่ภำยในกลำยเป็น ดำวฤกษ์กำแล็กซีที่ยังไม่คลอดก็เหมือนกระจุดดำวฤกษ์ขนำดมหิมำหรือกำแล็กซีแคระ อยู่กันเป็นกลุ่ม และเป็นโครงสร้ำงหลักของกำแล็กซี กำแล็กซีที่ยังไม่คลอดทั้งหลำยถูกยึดเหนี่ยวเข้ำด้วยกัน ด้วยแรง โน้มถ่วงจึงเกิดกำรรวมกันเป็นกำแล็กซีในช่วงแรกจะมีขนำดเล็กและมีรูปร่ำงแปลก ในที่สุดกำแล็กซีที่ ยังไม่คลอดหลำยแห่งก็รวมกันกลำยเป็นกำแล็กซีแบบสไปรัสหรือรูปไข่อย่ำงที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน แต่มัน ยังไม่สิ้นสุดแค่นี้ ภำยในกำแล็กซีต่ำง ๆ ยังมีดำวฤกษ์เกิดขึ้นอยู่เรื่อย ๆ ตัวกำแล็กซีเองก็อำจชนกันหรือ รวมกัน ทุกวันนี้ภำยในกำแล็กซีทำงช้ำงแผือกยังมีดำวฤกษ์จำนวนมำกกำลังเกิดใหม่และกำลังดึง กำแล็กซีเล็กๆข้ำงเคียงเข้ำมำ
  • 8.  ถ้ำเอกภพกำลังขยำยตัวก็แสดงว่ำถ้ำเรำย้อนเวลำกลับไปในอดีต เอกภพก็ต้องมีขนำดเล็กลงเรื่อยๆ ยิ่งย้อนเวลำมำกก็ยิ่งเล็ก ลง แล้วเมื่อเล็ก ลงอย่ำงที่สุดจะเกิดอะไรขึ้น เอกภพจะลดลงจนสลำยไปหรือหวังว่ำจะมีจุดหนึ่งที่เอกภพกำเนิด ไม่ว่ำจะ เป็นกรณีใดจะเห็นว่ำเรำจะต้องเกี่ยวข้องกับ กำรเริ่มของเอกภพทั้งนั้น ผู้แรกที่เริ่มศึกษำปัญหำเหล่ำนี้อย่ำงจริงจังคือนัก ฟิสิกส์ซึ่งเกิดที่รัสเซียชื่อ กำมอฟ แต่ภำยหลังอพยพไปอยู่อเมริกำในช่วง ปี 1948 ที่จริงกำมอฟไม่ได้ตั้งใจที่จะคิดค้น เกี่ยวกับกำรเริ่มของเอกภพตั้งแต่ตอนแรก แต่ระหว่ำงที่เขำกำลังคิดค้นเกี่ยวกับกำรเกิดของธำตุ เขำก็ได้บรรลุถึงข้อสรุปว่ำ  เอกภพจะต้องเกิดขึ้นด้วย BIG BANG
  • 9.  กำเนิดเอกภพ(Big Bang) สมมติฐำนเอกภพบิกแบงของกำมอฟ  ตำมทฤษฎีเอกภพของฟรีดมำนน์ ซึ่งได้มำจำกกำรประยุกต์ทฤษฎีสัมพัทธภำพจะบอกได้ว่ำ เอกภพมีจุดเริ่ม ซึ่งก็คือ เงื่อนไขเบื้องต้นถึงทฤษฎี สัมพัทธภำพจะบอกไม่ได้ว่ำเงื่อนไขข้ำงต้นนี้มำจำกไหน แต่มันก็บอกให้เรำรู้ว่ำ เอกภพเริ่ม กำเนิดโดยมีเงื่อนไขเบื้องต้น แต่อย่ำงไรก็ตำมทฤษฎีนี้ไม่ได้บอกเรำว่ำเอกภพตอนเริ่มกำเนิดนั้นร้อนหรือเย็น แล้วทำไมกำ มอฟถึงคิดว่ำเอกภพกำเนิดด้วยควำมร้อนสูง แต่เพื่อที่จะเข้ำใจตรงนี้ก็ลองมำคิดกลับดู ว่ำทำไมเอกภพที่เย็นจึงเป็นไปไม่ได้ เช่นกัน ถึงแม้โลกจะมีธำตุมำกมำยหลำยชนิด เมื่อดูทั้งเอกภพจะเห็นว่ำเกือบทั้งหมดเป็นธำตุไฮโดรเจน เพรำะว่ำ ไฮโดรเจน ประกอบขึ้นจำกโปรตอนและอิเลคตรอน เรำก็จะบอกได้ว่ำตอนที่เอกภพกำเนิดและมีขนำดเล็กมำก อิเลคตรอนจะรวมเข้ำ ไปในโปรตอนกลำย เป็นนิวตรอน นั่นก็คือเอกภพที่เย็น ในช่วงแรกจะเต็มไปด้วยนิวตรอนและเมื่อเอกภพขยำยตัวขึ้น นิวตรอนจะสลำยตัวแบบเบต้ำ กลำยเป็นโปรตอนและ อิเลคตรอน โปรตอนนั้นจะทำปฏิกิริยำรวมตัวกับนิวตรอนกลำยเป็น ตัว ทีเรียม (ไฮโดรเจนหนัก) และดิวทีเรียมจะรวมตัวกับนิวตรอนเป็น ไตรเทียม ซึ่งจะสลำยตัวแบบเบตำ กลำยเป็นฮีเลียม 3 และเมื่อนิวตรอนอีกตัวรวมกับฮีเลียม 3 ก็จะได้อะตอมฮีเลียม และปฏิกิริยำนิวเคลียร์ก็จะเกิดต่อกันไป ธำตุหนักต่ำงๆ ก็จะ เกิดขึ้นในเอกภพต่อๆ กันไปเช่นกัน แต่ในควำมเป็นจริงนั้นในเอกภพมีไฮโดรเจน 75% ฮีเลียม 24% และอีก 1% เป็นธำตุ อื่นๆ นั่นก็คือเกือบทั้งหมดเป็นธำตุเบำสองธำตุ คือ ไฮโดรเจนและฮีเลียม ซึ่งขัดกับสมมติฐำนของเอกภพเย็นข้ำงต้น เพรำะฉะนั้นกำมอฟจึงคิดว่ำเพื่อให้ขั้นตอนกำรเกิดธำตุหนักไม่ติดต่อกันไป จะต้องคิดว่ำเอกภพเมื่อกำเนิดนั้นมีอุณหภูมิสูง มำก ถ้ำเอกภพร้อนถึงจะเกิดปฏิกิริยำรวมตัวกัน แต่เพรำะร้อน กันออกอีกและก็อธิบำยได้ว่ำทำไมธำตุหนักจึงหยุดแค่ฮีเลียม เท่ำนั้น และนี่ก็คือที่มำของควำมคิดสมมติฐำนเอกภพบิกแบงของกำมอฟ โดยที่ขอเน้นว่ำ กำมอฟไม่ได้บอกว่ำบิกแบงเป็น ต้นเหตุของกำรขยำยตัวของเอกภพเลย เพียงแต่บอกว่ำเพื่อที่จะอธิบำยกำเนิด และปริมำณธำตุในเอกภพ เอกภพจะต้องเกิด ด้วยบิกแบงเท่ำนั้น  ___________________________________  อ้างอิง http://www.soulfly.th.gs/ http://www.geocities.com/Athens/Thebes/1183/universe.html http://www.rmutphysics.com/CHARUD/naturemystery/sci3/universe/universe1.htm
  • 10.  คาถาม ทฤษฎีบิ๊กแบง 10 ข้อ  1. ทฤษฎีบิ๊กแบง คืออะไร  เป็นทฤษฎีทำงดำรำศำสตร์ที่กล่ำวถึงประวัติศำสตร์ควำมเป็นมำของจักรวำล ปัจจุบันเป็นทฤษฎีที่เป็นที่เชื่อถือ และยอมรับมำกที่สุด  2. จักรวาลกาเนิดขึ้นเมื่อประมาณกี่ปี  ๑๕,๐๐๐ ล้ำนปีที่แล้ว  3. จักรวาลกาเนิดขึ้นได้อย่างไร  จักรวำลกำเนิดมำจำกจุดเริ่มต้นของกำรระเบิด และคลี่คลำยตัวตำมคำอธิบำยในทฤษฎี “บิกแบง”  4. นักดาราศาสตร์สนใจว่าจักรวาลจะสิ้นสุดลงอย่างไร  มีทฤษฎีที่อธิบำยเรื่องนี้อยู่ ๓ ทฤษฎี ทฤษฎีแรก กล่ำวว่ำ เมื่อแรงระเบิดสิ้นสุดลง มวลอันมหึมำของกำแลกซี ต่ำงๆ จะดึงดูดซึ่งกันและกัน ทำให้จักรวำลหดตัวกลับจนกระทั่งถึงกำลอวสำน ทฤษฎีที่สอง อธิบำยว่ำ จักรวำล จะขยำยตัวในอัตรำช้ำ ๆ จึงเชื่อว่ำน่ำจะมี “มวลดำ”(dark matter) ที่เรำยังไม่รู้จักปริมำณมหึมำคอยยึดโยงจักรวำล ไว้จักรวำลจะขยำยตัวไปเรื่อยๆ จนยำกแก่กำรสืบค้นส่วนสตีเฟ่น ฮอว์กกิ้ง (Stephen Hawking) ได้เสนอทฤษฎีที่ สำมว่ำ จักรวำลจะขยำยตัวในอัตรำควำมเร็วที่เพิ่มขึ้นอย่ำงไม่มีที่สิ้นสุด  5. แรงโน้มถ่วงทาหน้าที่อย่างไร ภายหลังจากการเกิดบิกแบง  ภำยหลังเกิดบิกแบงสสำรก็เคลื่อนที่ไปทุกทิศทำง แรงโน้มถ่วงเริ่มทำงำน แรงโน้มถ่วง คือ สิ่งที่ควบคุมเอกภพ เป็นแรง ดึงวัตถุเข้ำหำกัน เรำเรียกแรงดึงดูด เช่นนี้ว่ำ แรงโน้มถ่วง วัตถุที่มีมวลสำรมำกจะมีแรงโน้มถ่วงสูง แรงโน้มถ่วงทำให้ วัตถุทุกอย่ำงอยู่ด้วยกัน
  • 11.  6. จุดเริ่มต้นของการเกิดกาแล็กซีคือ  สสำรในรูปของไฮโดรเจนและฮีเลียม เริ่มยึดเหนี่ยวกันเป็นก้อน เรียกว่ำ กำแล็กซีที่ยังไม่คลอด (protogalaxy)  7. ผู้แรกที่เริ่มศึกษาการเริ่มต้น ของเอกภพ คือใคร  นักฟิสิกส์ซึ่งเกิดที่รัสเซียชื่อ กำมอฟ แต่ภำยหลังอพยพไปอยู่อเมริกำในช่วง ปี 1948  8. กาแล็กซี ในปัจจุบัน เป็นแบบใหน  เป็นกำแล็กซีแบบสไปรัสหรือรูปไข่อย่ำงที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน  9. ปฏิกิริยาเคมีจากมวลสารในโลกในที่สุดแล้วก่อให้เกิดอะไรขึ้น  ก่อให้เกิดไอน้ำ และไอน้ำก่อให้เกิดเมฆ และเมฆตกลงมำเป็นฝน ทำให้เกิดแม่น้ำ ลำธำร ทะเล และมหำสมุทร วิวัฒนำกำรนี้มีลักษณะแบบ “ก้ำวกระโดด” (Emergent Evolution) เมื่อมีสำรอนินทรีย์และน้ำปริมำณมหำศำลเป็นเวลำ ที่ยำวนำน ในที่สุดคุณภำพใหม่คือ “ชีวิต”  10. มีหลักฐำนสำคัญพิสูจน์ควำมถูกต้องของทฤษฎีกำรเกิดของเอกภพคือ  กำรค้นพบ ไมโครเวฟพื้นหลัง ในปี ค.ศ. 1964 ยิ่งทำให้ไม่สำมำรถปฏิเสธทฤษฎีบิกแบงได้