Chapter 1 ประวัติความเป็นมาในการควบคุมคุณภาพ
- 2. 1. ยุคเริ่มต้น
ยุคก่อนปี พ.ศ. 2483 ในยุคนั้นภาพพจน์ของประเทศญี่ปุ่น
ญี่ปุ่นก็คือเป็นผู้ผลิตสินค้าชั้นเลว แต่ปัจจุบันนี้สินค้าที่ออกจาก
จากญี่ปุ่นกลับกลายเป็นสิ่งที่ทุกคนนิยมในความยอดเยี่ยมใน
ในเรื่ องคุณภาพ จึงมีผู้อยากรู้กันว่า อะไรกันที่ทาให้เกิดการ
เปลี่ยนแปลงอย่างหน้ามือเป็นหลังมือขึ้นได้
สาเหตุหนึ่งของการเปลี่ยนแปลงนี้ก็เนื่องมาจากการที่นาย
นายพล ดักลาส แม็คอาเธอร์ ผู้บัญชาการกองกาลังสหรัฐฯ
ที่มาประจาการในญี่ปุ่นตอนสิ้นสงครามโลกครั้งที่ 2 เป็นผู้
มุ่งมั่นที่จะช่วยให้ชาวญี่ปุ่นสามารถฟื้นฟูเศรษฐกิจและการเงิน
การเงินของประเทศให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้นั่นเอง
ยิ่งกว่านั้น แม็คอาเธอร์ยังรู้ดีว่าการที่ญี่ปุ่ นขาดแคลนแหล่ง
ทรัพยากรธรรมชาติ ทาให้ญี่ปุ่นต้องติดต่อค้าขายกับต่างชาติ
ต่างชาติ และยังรู้อีกว่า ภาพพจน์ของชาวญี่ปุ่นที่ว่า ชอบผลิต
ผลิตสินค้าชั้นเลว จะทาให้มีผู้ซื้อสินค้าญี่ปุ่นไม่กี่ราย
- 5. -ในปี พ.ศ.2468 เช่นเดียวกัน ดร.
ดอดจ์ (H.F. Dodge) ได้เสนอหลักการ
ชักตัวอย่าง เพื่อการยอมรับสินค้าหรือชิ้นงาน
และวิธีการสร้ างแผนชักตัวอย่าง โดย
กาหนดค่าความเสี่ยงของผู้บริโภคและความ
เสี่ยงของผู้ผลิต
-ในปี พ.ศ.2485 ได้มีกลุ่มผู้สนใจในงานการควบคุมคุณภาพรวมตัวกันเพื่อการ
จัดตั้งกลุ่มวิจัยทางสถิติ(The statistical Research Group) ที่
มหาวิทยาลัยโคลัมเบีย กลุ่มวิจัยนี้ได้ร่วมกันทางานวิจัยด้านการควบคุมคุณภาพเชิงสถิติ
โดยมีผลงานที่สาคัญๆ ประกอบด้วย
-ในปีพ.ศ.2488 การวิเคราะห์เชิงลาดับสาหรับข้อมูลทางสถิติการประยุกต์
(sequential analysis of statistical data applications)
- ในปีพ.ศ.2490 เทคนิคการวิเคราะห์ทางสถิติ (techniques of
statistical analysis)
- ในปีพ.ศ.2491 การตรวจสอบโดยวิธีชักตัวอย่าง (sampling inspection)
- 6. ยุคระหว่างและหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 (พ.ศ. 2485-2503)
ในประเทศอเมริกา ในปี พ.ศ.2489 สมาคมและกลุ่มผู้ทางานเกี่ยวกับการควบคุม
คุณภาพได้รวมตัวกันก่อตั้งเป็ น สมาคมแห่งอเมริกาเพื่อการควบคุมคุณภาพ
(American Society for Quality Control) สมาคมแห่งนี้ได้รับมี
บทบาทอย่างสาคัญต่อการพัฒนาหลักการควบคุมคุณภาพในอุตสาหกรรมมาจวบจนยุค
ปัจจุบัน
ในประเทศญี่ปุ่น เดือนมีนาคม พ.ศ.2493 ได้มีการกาหนด มาตรฐานอุตสาหกรรม
ญี่ปุ่ น (JIS : Japanese Industrial Standards) ขึ้นภายใต้กฎหมาย
มาตรฐานอุตสาหรรมของประเทศญี่ปุ่น และได้เริ่มต้นปฏิบัติตามระบบ JIS ด้วยการ
ตรวจสอบการควบคุมคุณภาพตามบริษัทต่างๆในเดือนกรกฎาคม ปี พ.ศ.2493 ดร.เดมมิ่ง ผู้เชี่ยวชาญชาวอเมริกันในเรื่อง SQC
ได้รับเชิญจากสหภาพนักวิทยาศาสตร์และวิศวกรแห่งประเทศญี่ปุ่น( Japanese
Union of Scientists and Engineers หรือ JUSE) ให้ไปบรรยาย
เรื่องวิธีการควบคุมคุณภาพเชิงสถิติ (SQC หรือ Statistical Quality
Control) ให้แก่ผู้บริหารระดับสูงของโรงงานอุตสาหกรรมญี่ปุ่น หลักสูตรการบรรยาย 8
วันที่ดร.เดมิ่งได้ไปบรรยายไปนั้น โดยญี่ปุ่นได้รับมาใช้อย่างจริงจัง และได้กลายเป็นพื้นฐาน
- 7. ดร.เดมมิ่ง ได้ทานายว่า หลังจากที่ญี่ปุ่ นยอมรับหลักการ SQC นี้แล้ว ชาติ
ต่างๆในโลกก็มีหวังต้องกาหนดโควต้าสั่งสินค้าเข้า เพื่อจากัดการนาเข้าสินค้า
ญี่ปุ่ น ภายหลังระยะเวลา 5 ปี หลังจากนี้เท่านั้น เพราะสินค้าญี่ปุ่ นมีผู้ต้องการซื้อ
มากขึ้น
ในปี พ.ศ. 2494 ได้มีการกาหนดรางวัลยอดเยี่ยมให้แก่โรงงานที่มีผลงานด้าน
การควบคุมคุณภาพในประเทศญี่ปุ่น โดยให้ตั้งชื่อว่า รางวัลเดมมิ่ง ( Deming
prize ) เพื่อเป็นเกียรติแก่ ดร. เดมิ่ง
ในปี พ.ศ. 2497 ดร.เจ.เอ็ม.จูแรน (Dr.J.M.Juran) ได้รับเชิญเป็น
ผู้บรรยายในการสัมมนาเรื่อง การจัดการงานควบคุมคุณภาพ (QC
Management) ซึ่งจัดขึ้นโดย JUSE
- 8. ดร.เจ.เอ็ม.จูแรน ซึ่งก็เป็นอีกบุคคลผู้หนึ่งที่มีบทบาทอย่างสาคัญต่อการ
พัฒนาของการควบคุมคุณภาพในยุคปัจจุบัน ดร.จูแรน เป็นอีกบุคคลหนึ่งที่ได้รับ
การยกย่องว่า เป็นผู้อยู่เบื้องหลังความสาเร็จของอุตสาหกรรมญี่ปุ่น ผลงานของ
ดร. จูแรน มีมากมายทั้งบทความและหนังสือ เขาได้เน้นเสมอว่าการผลิตสินค้าที่มี
คุณภาพดี จะต้องเกิดจากการตระหนักถึงความสาคัญของคุณภาพสินค้าของ
ผู้บริหารระดับสูง การให้การศึกษาอบรมด้านคุณภาพสินค้าแก่คนงานทุกคนแม้ใน
ระดับปฏิบัติการ และการให้ความสาคัญในด้านคุณภาพสินค้าตั้งแต่ขั้นตอนการ
วิจัยตลาด การออกแบบสินค้า ความสัมพันธ์กับผู้ผลิต และจาหน่ายชิ้นส่วน การ
ผลิต การจัดส่ง และอื่นๆ และ ดร. จูแรน ได้ให้ข้อสังเกตว่า การบริหารคุณภาพ
ประกอบด้วย การวางแผนคุณภาพ การควบคุมคุณภาพ และปรับปรุงคุณภาพ
ทั้งนี้เนื่องจากความต้องการของลูกค้ามีการเปลี่ยนแปลงจึงต้องมีการดาเนินการ
ทั้ง 3 ด้าน และมีการประกันคุณภาพ เพื่อให้ลูกค้ามีความมั่นใจ
- 10. ยุคปัจจุบัน (พ.ศ.2503-ปัจจุบัน)
นับแต่ทศวรรษที่ 2503 เป็นต้นมา อุตสาหกรรมในโลกเสรีได้รับการพัฒนา
อย่างต่อเนื่อง เป็นผลทาให้เกิดสภาพการแข่งขันทางการตลาดที่เข้มข้น ตลอดจนการ
เกิดของประเทศผู้นาทางอุตสาหกรรมใหม่ เช่น ญี่ปุ่ น ฝรั่งเศส และเยอรมัน เป็นต้น
ก่อให้เกิดการแข่งขันด้านคุณภาพสินค้า การพัฒนาด้านเทคนิคและวิธีควบคุม
คุณภาพให้เป็นไปอย่างรวดเร็ว ซึ่งหน่วยงานที่มีบทบาทอย่างสาคัญต่อการกาหนด
มาตรฐานและวิธีการควบคุมคุณภาพคือ กระทรวงกลาโหมสหรัฐอเมริกา ซึ่งได้พิมพ์
เผยแพร่มาตรฐานการตรวจสอบและควบคุมคุณภาพ ที่เรียกว่า มาตรฐานทางการ
ทหาร(Military standard) สาหรับมาตรฐานทางการทหารส่วนใหญ่ จะ
ได้รับการยอมรับให้กาหนดเป็นมาตรฐานANSI (American National
Standard Institute) อย่างไรก็ตามกระทรวงกลาโหมสหรัฐอเมริกา ก็ยังคง
ดาเนินกิจกรรมด้านการควบคุมคุณภาพโดยประสานงานร่วมมือกับกลุ่มประเทศต่างๆ
เช่น กลุ่ม ABCAที่ประกอบด้วย สหรัฐอเมริกา อังกฤษ แคนาดา ออสเตรเลีย และ
กลุ่มประเทศแอตแลนติกเหนือ หรือนาโต NATO
- 11. ช่วงปี พ.ศ.2504-2505 นี้ได้เกิดกลุ่ม QCC (Quality Control
Circle) ซึ่งจัดได้ว่าเป็นระบบงานที่ดีเด่นมากระบบหนึ่งของการบริหารที่มีชื่อของญี่ปุ่น
กิจกรรมควบคุมคุณภาพจึงแพร่หลายไปยังประเทศต่างๆทั่วโลก
ในปัจจุบันหลักการและแนวคิดด้านการควบคุมคุณภาพ มิได้
เน้นเฉพาะด้านเทคนิคหรือวิธีการควบคุมคุณภาพแต่เพียงอย่าง
เดียว แต่ยังได้เน้นถึงในด้านการประสานงาน และความร่วมมือ
ระหว่างหน่วยงานทุกหน่วยในองค์การตลอดจนมีการเสริมสร้าง
ทักษะและความเข้าใจด้านคุณภาพสินค้าให้แก่บุคคลากรทุกระดับ
ซึ่ ง แ น ว ค ว า ม คิ ด นี้ เ อ . วี . เ ฟ เ ก น บ า ม ( A.V.
Feigenbaum) จาก บริษัท General Electric
ของอเมริกัน เสนอไว้ในหนังสือที่เขาเขียนขึ้นมาตั้งแต่ปี
พ.ศ.2504 ชื่อว่า การควบคุมคุณภาพสมบูรณ์แบบ หรือ การ
บริหารคุณภาพทั่วทั้งองค์กร (Total Quality Control
: TQC) ซึ่งแนวความคิดนี้ได้รับการยอมรับ และนาไปปฏิบัติ
อย่างจริงจังในประเทศญี่ปุ่น จนทาให้สินค้าจากประเทศญี่ปุ่นมี
- 12. จึงอาจกล่าวได้ว่ากิจการใดมีการบริหาร โดยยึดคุณภาพเป็นเป้ าหมายรวม เป็น
แกนกลาง เรียกว่ามีการบริหารระบบ TQC หรือการบริหารทั่วทั้งองค์การ ทั้งนี้
เนื่องจากหลังสงครามโลกครั้งที่2 เริ่มแรกนั้นญี่ปุ่นใช้ SQC (Statistical
Quality Control) แล้วก็เกิดกลุ่ม QCC (Quality Control
Circle) ขึ้น ทั้ง SQC และ QCC ได้มีการพัฒนาตัวเองตลอดในช่วง 40 กว่า
ปีมานี้ตลอดเวลาที่ผ่านมาต้องประสพกับปัญหาและอุปสรรคต่างๆมากมาย แต่ก็ได้
แก้ไขเรื่อยมาจนกระทั่งพบว่า บทบาทของผู้บริหารระดับสูงที่จาเป็ นต้องมีในกิจกรรม
QC เป็นสิ่งสาคัญที่มักจะถูกมองข้าม จนทาให้เป็ นอุปสรรคอันเป็นปัญหาของ
กิจกรรม QC ขึ้น และปัญหานี้ก็ได้เกิดขึ้นในญี่ปุ่นมาแล้ว หนทางแก้ไขก็คือ การเน้น
บทบาทและเอาใจใส่ต่อกิจกรรมQC ของผู้บริหารระดับสูงให้มากขึ้น ซึ่งนี่ก็คือหนึ่ง
ในที่มาของ TQC ในประเทศญี่ปุ่น อันเป็นวิวัฒนาการอีกขั้นหนึ่งของ QCC
- 13. TQC ของญี่ปุ่นนี้มีแนวทางการปฏิบัติที่แตกต่างจาก TQC ของ ดร.ไฟเกน
บาวน์ คือ QC จะต้องดาเนินการโดยพนักงานทุกคนทั่วทั้งองค์การ ไม่ใช่แค่
ผู้เชี่ยวชาญ QC เท่านั้น ดังนั้นเพื่อไม่ให้เกิดความสับสน ญี่ปุ่นจึงเรียก TQC แบบ
ญี่ปุ่นว่า Company Wide Quality Control (CWQC)แม้ว่า
สหรัฐอเมริกาจะเป็นต้นกาเนิดของ QC หรือ TQC แต่เมื่อเห็นว่าวิธีการของญี่ปุ่น
ใช้ได้ผลดี จึงพยายามนาแนวทาง TQC แบบญี่ปุ่นกลับมาใช้ในอเมริกา และตั้งชื่อ
ใหม่ว่า Total Quality Management (TQM)( ดังนั้น จึงสรุปได้ว่า
คาว่า QC ในอดีตนั้นหมายถึง SQC แต่ปัจจุบันนี้QC หมายถึง TQC
CWQC และ TQM )