กลุ่ม 4
- 3. ความหมายระบบสารสนเทศ
ระบบสารสนเทศ คือ กระบวนการประมวลผลข้อมูล ข่าวสารที่มีอยู่ให้อยู่ในรูปของข่าวสารที่
เป็นประโยชน์สูงสุด เพื่อเป็นข้อสรุปที่ใช้สนับสนุนการตัดสินใจของบุคคลระดับบริหาร
กระบวนการ
ขั้นตอนการทาข้อมูลให้เป็นระบบสารสนเทศ
การทาข้อมูลให้เป็นระบบสารสนเทศนั้น มี 3 ขั้นตอน ดังนี้
1.การรวบรวมและตรวจสอบข้อมูล ประกอบด้วย
1.1การเก็บรวบรวมข้อมูล ข้อมูลข่าวสารที่เกิดขึ้นประจาวันมีจานวนมาก การจัดเก็บข้อมูลที่มี
จานวนมากนั้น ต้องจัดเก็บข้อมูลให้ถูกต้องครบถ้วนและทันเวลา เช่น ข้อมูลประวัติส่วนตัว
1.2 การตรวจสอบข้อมูลเนื่องจากข้อมูลที่จัดเก็บนี้มีจานวนมาก เมื่อมีการเก็บรวบรวมข้อมูลเข้า
มาแล้วต้องมีการตรวจสอบข้อมูลเพื่อความถูกต้อง ข้อมูลที่เก็บเข้ามาในระบบต้องเชื่อถือได้
- 4. 2.การดาเนินการประมวลผลข้อมูลให้กลายเป็นสารสนเทศ มีขั้นตอนต่อไปนี้
2.1 การจัดแบ่งข้อมูล ข้อมูลที่จัดเก็บต้องมีการแบ่งแยกกลุ่ม เพื่อเตรียมไว้สาหรับการใช้งานเช่น การ
เก็บข้อมูลประวัตินักเรียน
2.2 การจัดเรียงข้อมูล ควรมีการจัดเรียงข้อมูลตามลาดับโดยใช้หลักเกณฑ์ใดหลักเกณฑ์หนึ่งเพื่อ
ความสะดวกในการเข้าถึงข้อมูลและนาไปใช้ประโยชน์ได้เช่น การเรียงข้อมูลนักเรียนตามลาดับเลข
ประจาตัว
2.3 การสรุปผล เนื่องจากข้อมูลที่จัดเก็บมีจานวนมาก ในการตัดสินใจในภาพรวมไม่สามารถนา
หน่วยข้อมูลมาตัดสินใจได้จาเป็นต้องมีการสรุปผลหรือสร้างรายงานต่อไปเพื่อนาไปใช้ประกอบการ
ตัดสินใจ
2.4 การคานวณ ข้อมูลบางส่วนเป็นข้อมูลตัวเลขที่สามารถนาไปคานวณเพื่อหาผลลัพธ์บางอย่างได้
ดังนั้น การสร้างสารสนเทศจากข้อมูลจึงอาศัยการคานวณข้อมูลที่เก็บไว้โดยใช้วิธีการคานวณให้สัมพันธ์กับ
ประเภทของข้อมูลและระดับของข้อมูล
- 5. 3.การดูแลสารสนเทศเพื่อการใช้งาน
3.1 การเก็บรักษาข้อมูล เป็นกานาข้อมูลมาบันทึกเก็บไว้ในสื่อบันทึกต่างๆ เพื่อให้เพียงพอ
ต่อการประมวลผลและตัดสินใจ
3.2 การค้นหาข้อมูล ข้อมูลที่เก็บไว้มีจุดประสงค์ให้เรียกใช้งานได้การค้นหาข้อมูลจึงต้อง
ค้นหาให้ถูกต้องแม่นยา
3.3 การทาสาเนาข้อมูล การทาสาเนาเพื่อที่จะนาข้อมูลมาเก็บรักษาไว้อย่างปลอดภัยหรือ
นาไปแจกจ่ายและใช้งานในภายหลัง ควรทาในรูปแบบที่ง่าย
3.4 การสื่อสาร ข้อมูลต้องกระจายหรือส่งต่อไปยังผู้ใช้งานที่ห่างไกลได้ง่าย การสื่อสาร
ข้อมูลจึงเป็นปัจจัยสาคัญจะทาให้การส่งข่าวสารไปยังผู้ใช้ทาได้รวดเร็วและทันเวลา
- 6. การประมวลผลข้อมูลเป็ นสารสนเทศ เป็นสิ่งที่มีค่าต่อผู้ใช้ตั้งแต่ระดับบุคคล ระดับ
กลุ่มจนถึงการตัดสินใจในระดับองค์กร ซึ่งการตัดสินใจได้อย่างถูกต้องและแม่นยา ทาให้ธุรกิจ
ดาเนินกิจการประสบผลสาเร็จ เป็นผามาจากการประมวลผลเป็นสนเทศ โดยสารสนเทศที่ดี
ควรมีลักษณะ ดังนี้
1. ความเที่ยงตรง สารสนเทศที่ดีจะต้องมีความเยงตรงและเชื่อถือได้ โดยไม่มีความคลาดเคลื่อน
หรือมีความคลาดเคลื่อนน้อยที่สุด เพราะมีผลต่อการตัดสินใจที่ถูกต้องหรือผิดพลาด
2. ทันต่อความต้องการใช้ นอกเหนือจากสารสนเทศจะต้องมีความเที่ยงตรงหรือความถูกต้อง
แล้ว จะต้องมีคุณสมบัติที่สามารถนาสารสนเทศมาใช้ได้ทันทีเมื่อต้องการใช้ข้อมูล หรือ
เพื่อการตัดสินใจ
- 7. 3. ความสมบูรณ์ สารสนเทศที่ดีจะต้องมีข้อมูลที่สมบูรณ์ช่วยให้การตัดสินใจเป็นไปด้วยความ
ถูกต้อง และการมีสารสนเทศปริมาณมาก อาจทาให้เกิดการสับสนในการตัดสินใจ
4. การสอดคล้องกับความต้องการของผู้ใช้ สารสนเทศที่ดีจะต้องมีการตอบสนองต่อความต้องการ
ของผู้ใช้ที่จะนาไปใช้ในการตัดสินใจได้ โดยวิเคราะห์ความต้องการของผู้ใช้ว่าต้องการนาไปใช้
ในด้านใด
5. ตรวจสอบได้ สารสนเทศที่ดีควรตรวจสอบได้ โดยเฉพาะแหล่งที่มา การจัดรูปวิเคราะห์ข้อมูล
เพื่อให้สามารถประเมินได้ว่าสารสนเทศหรือข้อมูลมีความน่าเชื่อถือเพียงพอสาหรับประกอบการ
ตัดสินใจขององค์กรหรือไม่
- 8. เทคโนโลยีสารสนเทศประกอบด้วยระบบที่ทางานร่วมกัน โดยมีองค์ประกอบสาคัญ 3
ประการ ดังนี้
1. ระบบประมวลผล ความซับซ้อนในการปฏิบัติงานและความต้องการสารสนเทศที่หลากหลาย จึง
จาเป็นต้องใช้จานวนคนในการตรวจสอบเพื่อให้เป็นสารสนเทศหลายขั้นตอน จึงจะสามารถ
นามาใช้งานได้ ปัจจุบันจึงมีการจัดเก็บและการประมวลผลข้อมูลให้เป็นสารสนเทศ ด้วยระบบ
คอมพิวเตอร์และอุปกรณ์สนับสนุนในการจัดการข้อมูล เพื่อให้การทางานถูกต้องรวดเร็ว และ
ปลอดภัยยิ่งขึ้น
2. ระบบสื่อสารโทรคมนาคม การสื่อสารข้อมูลในระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ เครือข่ายโทรศัพท์
หรือช่องทางการสื่อสารต่างๆ ที่ครอบคลุมทาให้การใช้งานของผู้ใช้สารสนเทศที่อยู่ห่างกัน
สามารถสื่อสารกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ
3. การจัดการข้อมูล เป็นการนาความรู้และทักษะการใช้อุปกรณ์เทคโนโลยีสารสนเทศมาจัดการ
ข้อมูลให้สามารถสื่อสารได้ตรงกัน รวดเร็ว สอดคล้องกับความต้องการ และมีความน่าสนใจ
- 9. สารสนเทศสามารถนาไปใช้งานได้แตกต่างกัน ตามลักษณะกิจกรรมและระดับของการ
ใช้งานในองค์กร โดนแบ่งได้เป็น 4 ระดับ
1 ระดับการวางแผนยุทธศาสตร์ระยะยาว
2 ระดับวางแผ่นบริการ
3 ระดับวางแผนการปฎิบัติการ
4 ระดับผู้ปฎิบัติการ
ระบบฐานข้อมูล (database) หมายถึง กลุ่มของข้อมูลที่มีความสัมพันธ์กันและถูกนามา
จัดเก็บในที่เดียวกัน โดยข้อมูลอาจเก็บไว้ในแฟ้มข้อมูลเดียวกันหรือแยกเก็บหลาย ๆ แฟ้มข้อมูล แต่
ต้องมีการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างข้อมูลเพื่อประสิทธิภาพในการจัดการข้อมูลในการจัดเก็บข้อมูล
ในระบบฐานข้อมูลมีข้อดีกว่าการจัดเก็บข้อมูลในระบบแฟ้มข้อมูลพอสรุปประเด็นหลัก ๆ ได้ดังนี้
- 11. - รักษาความถูกต้องของข้อมูล เนื่องจากฐานข้อมูลมีเพียงฐานข้อมูลเดียว ในกรณี
ที่มีข้อมูลชุดเดียวกันปรากฏอยู่หลายแห่งในฐานข้อมูลข้อมูลเหล่านี้จะต้องตรงกันถ้ามี
การแก้ไขข้อมูลนี้ทุกๆ แห่งที่ข้อมูลปรากฏอยู่จะแก้ไขให้ถูกต้องตามกันหมดโดย
อัตโนมัติด้วยระบบจัดการฐานข้อมูล
- การป้องกันและรักษาความปลอดภัยให้กับข้อมูลทาได้อย่างสะดวกการป้ องกัน
และรักษาความปลอดภัยกับข้อมูลระบบฐานข้อมูลจะให้เฉพาะผู้ที่เกี่ยวข้องเท่านั้นจึงจะมี
สิทธิ์เข้าไปใช้ฐานข้อมูลได้เรียกว่ามีสิทธิส่วนบุคคล (privacy) ซึ่งก่อให้เกิดความปลอดภัย
(security) ของข้อมูลด้วย ฉะนั้นผู้ใดจะมีสิทธิ์ที่จะเข้าถึงข้อมูลได้จะต้องมีการกาหนดสิทธิ์
กันไว้ก่อนและเมื่อเข้าไปใช้ข้อมูลนั้นๆ ผู้ใช้จะเห็นข้อมูลที่ถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูลใน
รูปแบบที่ผู้ใช้ออกแบบไว้
- 12. ระบบฐานข้อมูลเชิงสัมพันธ์ คือ การรวบรวมตารางที่มีความสัมพันธ์กันเข้าไว้ด้วยกัน ซึ่ง
สามารถแบ่งชนิดของความสัมพันธ์ได้ดังนี้
-ความสัมพันธ์แบบหนึ่งต่อหนึ่ง เป็นความสัมพันธ์ที่ทาความเข้าใจง่ายที่สุด เนื่องจากเรคอร์ด
1 เรคอร์ดในตารางหนึ่งจะมีความสัมพันธ์กับเรคอร์ด 1 เรคอร์ด ในอีกตารางหนึ่งเท่านั้น
-ความสัมพันธ์แบบหนึ่งต่อกลุ่ม ความสัมพันธ์แบบนี้เป็นความสัมพันธ์ที่เรคอร์ด 1 เรคอร์ด
ในตารางหนึ่ง จะสัมพันธ์กับจานวนเรคอร์ด 2 เรคอร์ด หรือมากกว่าในอีกตารางหนึ่ง
-ความสัมพันธ์แบบกลุ่มต่อกลุ่ม เป็นความสัมพันธ์แบบที่ไม่สามารถแสดงให้เห็นได้ง่าย โดย
สร้างตารางใหม่ที่มีความสัมพันธ์แบบกลุ่มต่อหนึ่ง สองตาราง แทนตารางที่มีความสัมพันธ์แบบ
กลุ่มต่อกลุ่มได้
- 15. 1.นางสาวณิสิตรา สนิทไทย เลขที่ 16
2.นางสาวสุนิสา มหาสุด เลขที่ 17
3.นางสาวอรพรรณ ใหมละเอียด เลขที่ 18
4.นางสาวนฤกร สุรินทร์ชมพู เลขที่ 20
5.นางสาวเมธาวี วรรณกุล เลขที่ 27
6.นางสาวนาขวัญ สอนใจ เลขที่ 28
7.นางสาวพรรณชนก ชิตรรงค์ เลขที่ 29
8.นางสาวสุขุมาล สัภยาหงส์สกุล เลขที่ 32