1. “Position, Protect Pull and Adaptive ”
Moving industry from the world of Push and Promote to the world of
Demand Driven MRP
(For Planner)
พิภพ ลลิตาภรณ์
Meeting customer Demand in an Unpredictable world
Demand Driven Operating Model-DDOM
2. • Books
MRP in a Demand Driven World
- https://www.demanddriveninstitute.com/
15. MRP in a Demand Driven World
หลักฐานของ
ปัญหา
หลักฐานของปัญหา
16. MRP in a Demand Driven World
3 คาถามที่สาคัญ เกี่ยวกับ การวางแผนและความ
คล่องตัวในการปฏิบัติงาน
จะลดหรือขจัดปัญหาการขาดแคลนได้อย่างไร ?
ทาอย่างไรถึงจะทาให้ช่วงเวลานาการผลิตสั้นที่สุดเท่าที่จะ
เป็นไปได้ ?
จะทาให้เงินทุนหมุนเวียนในการดาเนินงาน(สินทรัพย์ วัสดุ
และ การผลิต) สอดคล้องกับความต้องการได้อย่างไร ?
17. MRP in a Demand Driven World
การดาเนินงานแบบ Push-and-Promote จะต้องมีการเปลี่ยนแปลง
กฎเกณฑ์เดิมบนพื้นฐานของ “ การจัดหาเป็นศูนย์กลาง (centrality of supply)” และ
“ ประสิทธิภาพต้นทุนเป็นศูนย์กลาง (cost-centric efficency)” จะต้องจากไป
บริษัทจะต้องนาวิธีการดาเนินงานแบบ position protect and pull เข้ามาใช้
นากฎเกณฑ์ ประสิทธิภาพการไหลเป็นศูนย์กลาง (flow- centric efficency) มาใช้ เพื่อ
ปกป้องและเพิ่มความเร็วการไหลเวียนของวัสดุและสารสนเทศที่เกี่ยวข้อง
เพื่อให้สามารถดาเนินการ position Protect and pull ได้ บริษัทต้องแปรสภาพสู่
Demand Driven และ ทาให้อัตราการไหลสอดคล้องกับอัตราความต้องการของลูกค้า
(1)
การพัฒนาองค์กรเพื่อความอยู่รอดอย่างยั่งยืนจะเป็นไปได้หรือไม่
ในสภาพแวดล้อม New Normal ?
18. MRP in a Demand Driven World
(2)
ในสถานการณ์ New Normal การพัฒนาให้ดีขึ้นเป็นไปได้หรือไม่
บรัษัทและโซ่อุปทานจาเป็นจะต้องจัดเงินทุนหมุนเวียน
(ทรัพยากร และ ความพยายาม) ให้เหมาะสมกับการบริโภคที่
เกิดขึ้นจริง โดยการจัดการตัวแปรที่มีความผันผวนและซับซ้อนให้
ประสบความสาเร็จ
19. MRP in a Demand Driven World
The information and materials must be relevant to the
market/customer expectation—actual demand pull.
George Plossl’s First Law of Manufacturing:
มุ่งสู่การไหลเป็นศูนย์กลาง
28. MRP in a Demand Driven World
ช่องตารางรายสัปดาห์ (The Weekly Bucket)
ความบิดเบือนของข้อมูลที่เกี่ยวข้องอื่นๆ
การทาให้โครงสร้างรายการวัสดุ แบนราบ (Flattening the Bill of Material)
ถ้าต้องการผลิต A จานวน 100 หน่วย จะต้องจัดหา ชิ้นส่วน DและE ทั้งหมดกี่หน่วย
คาตอบ คือ D = 1400 หน่วย และ E = 700 หน่วย
LT = 6
29. “Position, Protect and Pull”
การบิดเบือนของวัสดุที่เกี่ยวข้อง(Distortion of Relevant Materials)
รูปที่ 3-11 นัยสาคัญของขนาดรุ่นกับการคานวณใบสั่งจัดหาของ MRP
ความแปรปรวนจากนโยบายขนาดรุ่น
42. MRP in a Demand Driven World
How to Become Demand Driven
Going from push and promote to position and pull involves
five steps:
• 1. Accept the New Normal,
• 2. Embrace flow and its implications for ROI,
• 3. Design an operational model for flow,
• 4. Bring the Demand Driven model to the organization, and
• 5. Use smart metrics to operate and sustain the Demand
Driven operating model.
43. MRP in a Demand Driven World
ถ้าความแปรปรวนเป็นศัตรูที่ใหญ่ที่สุด
ในการไหลของระบบ เราจะต้อง
ออกแบบระบบเพื่อหยุดความ
แปรปรวนและส่งเสริมการไหล
ขั้นที่ 1-3 ของ DDMRP
44. “Position, Protect and Pull”
พื้นฐานของตัวแบบการดาเนินงานขับเคลื่อนด้วยความต้องการ
(The Basic of Demand Driven Operating Model-DDOM)
ตัวแบบการดาเนินงานขับเคลื่อนด้วยความต้องการ (DDOM) เป็นตัวแบบการ
ดาเนินงานบนพื้นฐานของการไหล (flow-based operating model) ที่ได้รับการ
ออกแบบภายใต้4 องค์ประกอบพื้นฐาน คือ
CTT = เวลาที่ลูกค้ายอมรับได้
Legacy Tactics = กลยุทธ์ดังเดิม
Dependency = พึงพากันตลอดทั่วทั้ง Bill of Material
Freeze production scheduling แช่แข็งตารางการผลิต(ยาวกว่าเวลาที่ลูกค้ายอมรับได้)
แนวทางดังเดิมนั้นจะสามารถแก้ไขปัญหาเหล่านี้ได้หรือไม่
โซ่อุปทานมีการยืดและกระจายตัวมากขึ้น ขณะที่เวลาที่ลูกค้ายอมรับได้ลดลงอย่างต่อเนื่อง นอกจากนั้นผลิตภัณฑ์ก็มีความหลากหลายมากขึ้นแต่ช่วงอายุที่สั้นกว่าในการจัดการ มีการใช้ทรัพยากรและชิ้นส่วนประกอบร่วมจำนวนมาก This disparity means holding stock at some strategic point is a must to keep and/or grow sales. ความเหลื่อมล้ำนี้หมายถึงการถือครอง สต็อค ในจุดเชิงกลยุทธ์บางจุดเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อรักษาและ / หรือเพิ่มยอดขาย สิ่งนี้หมายความถึงการจัดการการวางตำแหน่งสต็อคอย่างมีประสิทธิภาพเป็นสิ่งจำเป็นต่อความมีประสิทธิภาพของการบริหารทรัพยากรและเงินทุนหมุนเวียน นอกจากนั้นสิ่งนี้ยังหมายความว่าระยะการวางแผนที่ห่างไกลยิ่งห่างไกลจากความต้องการจริงมากยิ่งขึ้น และ นี่ยังหมายความว่าการพยากรณ์สินค้าในระดับรายละเอียดจะยิ่งมีความยุ่งยากมากขึ้น
โซ่อุปทานวันนี้ดูแตกต่างกันมาก
จากโซ่อุปทานเมื่อปี 1960 เมื่อกฎการวางแผนแบบเดิมได้ถูกสร้างขึ้น
แต่ ...
Conventional planning rules have not appreciably changed since the 1960s.
MRP still plans today the way it did 50 years ago!
กฎการวางแผนดั่งเดิม ไม่ได้รับการเปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัดนับตั้งแต่ทศวรรษที่ 1960 MRP ยังคงใช้ในการวางแผนในปัจจุบันนี้ ด้วยวิธีเดียวกันกับที่ใช้ เมื่อ50
ปีที่ผ่านมา!
transactional friction แรงเสียดทานต่อวิวัฒนาการหรือการเปลี่ยนแปลงต่างๆมีค่อนข้างสูง
ระบบการวางแผนสมัยใหม่ล้มเหลว เพราะการพัฒนาระบบการวางแผนที่ผ่านมายังคงอยู่บนพื้นฐานเดิมๆที่ออกแบบมาเมื่อ 50-60 ปีที่แล้วนับตั้งแต่ปี 1970 เพียงแต่เทคโนโลยีสารสนเทศก้าวหน้าไป ดังตัวอย่าง MRP
ผู้ใช้ต้องพึ่งพาการเอกสาร Excel ซับซ้อน และ 90% ของเอกสาร Excel มีข้อผิดพลาด 1% หรือมากกว่า
Users rely on complicated Excel documents; 90% of Excel documents
contain errors of 1% or more of all formula cells
Adopt flow-centric efficency Rule = นำกฎเกณฑ์ ประสิทธิภาพการไหลเป็นศูนย์กลาง มาใช้ เพื่อ ปกป้องและเพิ่มการไหลของวัสดุและสารสนเทศที่เกี่ยวข้อง
embrace = โอบอุ้ม
Company must embrace the new position and pull mode of operation = บริษัทจะต้องโอบอุ้ม การวางตำแหน่งใหม่ และ โหมดการปฏิบัติงานโดยการดึง
บรัษัทและโซ่อุปทานจำเป็นจะต้องจัดเงินทุนหมุนเวียน(ทรัพยากร และ ความพยายาม) ให้เหมาะสมกับการบริโภคที่เกิดขึ้นจริง โดยการจัดการตัวแปรที่มีความผันผวนและซับซ้อนให้ประสบความสำเร็จ
Working capital(Resources and efforts) = เงินทุนหมุนเวียน(ทรัพยากร และ ความพยายาม) ความพยายามในที่นี้ หมายถึงน้ำพักน้ำแรง หรือ ความมานะ
Adverse impact of MRP = ลดผลกระทบในทางเสียหายของ MRP
ROCE = Return on Capital Employed = ผลตอบแทนจากเงินทุนที่ใช้
enabling a positive ROCE = ทำให้ ROCE เป็นบวก
การเปลี่ยนแปลงสู่การขับเคลื่อนด้วยความต้องการ (How to Become Demand Driven) จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องผักดันให้มีการเปลี่ยนแปลงจากตัวแบบที่เน้นการ Supply และต้นทุนเป็นศูนย์กลางแบบดั่งเดิม(conventional supply- and cost-centric model) ไปสู่ ตัวแบบที่เน้นการไหล และ การดึงโดยความต้องการเป็นศูนย์กลาง(flow- and demand-pull-centric model) หรือเปลี่ยนแปลงจากการผลักและส่งเสริม ไปสู่ การวางตำแหน่ง และดึง(push and promote to position and pull) จะประกอบไปด้วย 5 ขั้นตอน คือ
1. ยอมรับความเป็นปกติใหม่
2. ยอมรับการไหล และ นัยสำคัญของการไหลที่มีต่อผลตอบแทนการลงทุน(ROI) (การเปลี่ยนแปลงจาก push and promote ไปสู่ position and pull )
3. การออกแบบตัวแบบการดำเนินงานสำหรับการไหล(ขั้นที่ 1-3 ของ DDMRP )
4. นำตัวแบบการขับเคลื่อนด้วยต้องการไปใช้กับองค์กร (ขั้นที่ 4-5) และ
5. ใช้ตัวชี้วัดอัจฉริยะต่อการดำเนินงานและจรรโลงตัวแบบการดำเนินงานขับเคลื่อนด้วยความต้องการให้ยังยืน (หลักการคล้ายๆกับวงจร PDCA หรือ LEAN หรือ TOC ในที่นี้คือ ย้อนกลับไปขั้นตอนที่ 3 เพื่อยกระดับสู่ความสมบูรณ์แบบ และ ผลการดำเนินงานที่ดีขึ้น
Becoming Demand Driven essentially is forcing a change from the conventional supply- and cost-centric model to a flow- and demand-pull-centric model.