SlideShare a Scribd company logo
1 of 10
Download to read offline
1
Document Name
Your Company Name (C) Copyright (Print Date) All Rights Reserved
ความหมายของจริยธรรม
แบบแผนความประพฤติหรือความมีสามัญสานึกต่อสังคมในทางที่ดีไม่มีกฎเกณฑ์ตายตัว
ขึ้นอยู่กับกลุ่มสังคมหรือการยอมรับในสังคมนั้นเป็นหลักเกี่ยวข้องกับการคิดและตัดสินได้
ว่าสิ่งไหน ควร-ไม่ควร ดี-ไม่ดี ถูก-ผิดจริยธรรมกับกฎระเบียบ
“มีจริยธรรม” => มีสามัญสานึกดี ประพฤติปฏิบัติดี ไม่ก่อให้เกิดผลเสียหายต่อสังคม
“ขาดจริยธรรม” => มีรูปแบบการประพฤติหรือปฏิบัติตนที่ไม่มีประโยชน์หรืออาจส่งผล
ไม่ดีต่อสังคมการควบคุมให้คนมีจริยธรรมที่ดีอาจใช้ข้อบังคับ กฎหรือระเบียบ
ของสังคมมาเป็นส่วนสนับสนุนให้เกิด “จริยธรรมที่ดี” ได้
จริยธรรมกับสังคมยุคสารสนเทศ
ตั้งอยู่บนพื้นฐาน 4 ประเด็นคือ
ความเป็นส่วนตัว (Information Privacy) ความถูกต้องแม่นยา (Information Accuracy)
ความเป็นเจ้าของ (Information Property) การเข้าถึงข้อมูล (Information Accessibility
จริยธรรมและความปลอดภัย
ภัทรนิษฐ์ ฉันท์พิชัย ม.6/1 เลขที่16
2
Document Name
Your Company Name (C) Copyright (Print Date) All Rights Reserved
ความเป็นส่วนตัว (Information Privacy)
หมายถึง สิทธิส่วนตัวของบุคคล หน่วยงาน หรือ
องค์กรที่จะคงไว้ซึ่งสารสนเทศที่มีอยู่นั้น เพื่อ
ตัดสินใจได้ว่าจะสามารถเปิดเผยให้
ผู้อื่นนาไปใช้ประโยชน์ต่อหรือเผยแพร่ได้
หรือไม่เราอาจพบเห็นการละเมิดความเป็น
ส่วนตัวโดยทั่วไป เช่นใช้โปรแกรมติดตามและ
พฤติกรรมผู้ที่ใช้งานบนเว็บไซต์การเอา
ฐานข้อมูลส่วนตัวรวมถึงอีเมล์ของสมาชิกส่งไป
ให้กับบริษัทผู้รับทาโฆษณา
ความถูกต้องแม่นยา(Information Accuracy)
สารสนเทศที่นาเสนอ ควรเป็นข้อมูลที่มีการ
กลั่นกรองและตรวจสอบความถูกต้องและ
สามารถนาเอาไปใช้ประโยชน์ได้โดยไม่ส่งผล
กระทบกับผู้ใช้งานตัวอย่าง เช่น อาจเห็น
แหล่งข่าวทางอินเทอร์เน็ต นาเสนอเนื้อหา
ที่ไม่ได้กลั่นกรอง เมื่อนาไปตีความและเข้าใจว่า
เป็นจริง อาจทาให้เกิดความผิดพลาดได้ผู้ใช้งาน
สารสนเทศจึงควรเลือกรับข้อมูลจากแหล่งที่
น่าเชื่อถือ และตรวจสอบที่มาได้โดยง่าย
ความเป็นเจ้าของ (Information Property)
สังคมยุคสารสนเทศมี การเผยแพร่ข้อมูลอย่าง
ง่ายดาย มีเครื่องมือและอุปกรณ์สนับสนุนมาก
ขึ้นก่อให้เกิดการลอกเลียนแบบ ทาซ้า
หรือละเมิดลิขสิทธิ์ (copyright)โดยเจ้าของผลงาน
ได้รับผลกระทบทั้งโดยตรงและโดยอ้อมตัวอย่าง เช่น
การทาซ้าหรือผลิตซีดีเพลง หรือโปรแกรมละเมิด
ลิขสิทธิ์
การเข้าถึงข้อมูล (Information Accessibility)
ผู้ที่ทาหน้าที่ดูแลระบบ จะเป็นผู้ที่กาหนดสิทธิ์ในการ
เข้าถึงข้อมูลของผู้ใช้แต่ละคนบางแห่งอาจให้บริการ
เฉพาะสมาชิกเท่านั้น อาจรวมถึงข้อมูลนั้นสามารถ
ให้บริการและเข้าถึงได้หลากหลายวิธีเช่น ภาพถ่าย
หรือรูปภาพที่ปรากฏบนเว็บไซต์ควรมีคาอธิบายภาพ
(Attribute : alt) เพื่อสื่อความหมายไว้ด้วยว่าเป็นภาพ
อะไรหรืออาจเป็นการสร้าง link ที่ต้องมีความหมาย
ในตัว เพื่อบอกให้ผู้ใช้ทราบ
3
Document Name
Your Company Name (C) Copyright (Print Date) All Rights Reserved
การลักลอบเข้าถึงโดยไม่ได้รับอนุญาต
อาชญากรรมที่เกี่ยวข้องกับการลักลอบหรืออ่านข้อมูลและนาไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต กลุ่มคนที่
เกี่ยวข้องสามารถแบ่งเป็น 3 กลุ่มด้วยกันคือ
แฮกเกอร์ (Hacker) แครกเกอร์(Cracker) สคริปต์คิตตี้ (Script Kiddy)
แฮกเกอร์(Hacker) เป็นกลุ่มคนที่มีความรู้ทางด้านคอมพิวเตอร์และระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์เป็นอย่างดี
ทาเพื่อต้องการทดสอบความรู้ของตนเองโดยเจตนาแล้วไม่ได้มีความมุ่งร้ายต่อข้อมูลแต่อย่างใดบางครั้งจึง
มักนิยมเรียกว่าเป็นพวก กลุ่มคนหมวกขาว หรือ white hat
*แครกเกอร์(Cracker)เป็นกลุ่มคนที่มีความรู้ความสามารถเช่นเดียวกับกลุ่มแฮกเกอร์มักเรียกว่าเป็น กลุ่มคน
หมวกดา หรือ black hat
มุ่งทาลายระบบหรือลักลอบนาเอาข้อมูลที่ไม่ได้รับอนุญาตนั้นไปแก้ไขเปลี่ยนแปลงหรือทาลายทิ้งมีเจตนา
จงใจให้เกิดความเสียหายของข้อมูลมากกว่าแฮกเกอร์
เควิน มิตนิค (Kevin Mitnick)
บุคคลที่เป็นทั้งแฮกเกอร์และแครกเกอร์ในคนเดียวกันขณะวัยรุ่นได้ใช้ความรู้ของตนเองก่อความเสียหาย
ให้กับหน่วยงานอื่นๆอย่าง
Black Hat มากปัจจุบันหันมาให้ความรู้เกี่ยวกับระบบรักษาความปลอดภัยบนเครือข่ายแทน
สคริปต์คิตตี้ (Script Kiddy)
เป็นกลุ่มคนที่ถือได้ว่ากาเนิดขึ้นมากเป็นทวีคูณ มีการแลกเปลี่ยนโปรแกรมหรือสคริปต์ (scripts) ที่มีคน
เขียนและนาออกมาเผยแพร่ให้ทดลองใช้กันอย่างมากมักเป็นคนอยากรู้อยากเห็น ไม่จาเป็นต้องมีความรู้
เกี่ยวกับการเจาะเข้าระบบมากนักก็สามารถเป็นได้อาศัยโปรแกรมหรือเครื่องมือบางอย่างที่หามาได้เช่น
การแฮกอีเมล์การขโมยรหัสผ่านของผู้อื่น การใช้โปรแกรมก่อกวนอย่างง่าย
การขโมยและทาลายอุปกรณ์ เกิดจากการไม่รอบคอบและวางอุปกรณ์ไว้ในบริเวณที่เสี่ยงต่อการโจรกรรม
ได้ง่าย อาจเกิดจากบุคคลภายนอกหรือภายในองค์กร ควรมีการติดตั้งอุปกรณ์ป้องกันและรักษา ความ
ปลอดภัย และตรวจการเข้าออกของ บุคคลที่มาติดต่ออย่างเป็นระบบ รวมถึงวาง มาตรการในการใช้
อุปกรณ์อย่างเข้มงวด
4
Document Name
Your Company Name (C) Copyright (Print Date) All Rights Reserved
การขโมยโปรแกรมคอมพิวเตอร์ อาชญากรรมที่เกี่ยวข้องกับการขโมยเอาข้อมูลโปรแกรม
รวมถึงการคัดลอกโปรแกรมโดยผิดกฎหมาย สามารถทาซ้าได้ง่าย ก่อให้เกิดความเสียหายกับบริษัทผู้ผลิต
มีการลักลอบทาซ้าข้อมูลโปรแกรมและนาออกวางจาหน่ายแทนที่โปรแกรมต้นฉบับจริง
กลุ่มผู้ผลิตมีการออกกฎควบคุมการใช้ และรวมกลุ่มกันเรียกว่า BSA(Business Software Alliance)
กลุ่ม BSA (Business Software Alliance)หรือกลุ่มพันธมิตรธุรกิจซอฟต์แวร์
มีเครือข่ายครอบคลุมอยู่มากกว่า 80 ประเทศทั่วโลกจัดตั้งขึ้นเพื่อควบคุมและดูแลเรื่องการละเมิดลิขสิทธิ์
รวมถึงการทาความเข้าใจกับผู้บริโภคใหัตระหนักถึงการใช้งานโปรแกรมที่ถูกต้อง
การก่อกวนระบบด้วยโปรแกรมประสงค์ร้ายเป็นการใช้โปรแกรมที่มุ่งเน้นเพื่อการก่อกวนและทาลายระบบ
ข้อมูลคอมพิวเตอร์โดยเฉพาะพบมากในปัจจุบันและสร้างความเสียหายต่อข้อมูลและระบบคอมพิวเตอร์เป็นอย่าง
มาก กลุ่มโปรแกรมประสงค์ร้ายต่างๆ มีดังนี้
ไวรัสคอมพิวเตอร์(Computer Virus) เวิร์มหรือหนอนอินเทอร์เน็ต (Worm)
ม้าโทรจัน (Trojan horses) ไวรัสคอมพิวเตอร์ (Computer Virus)
เขียนโดยนักพัฒนาโปรแกรมที่มีความชานาญเฉพาะด้านการทางานจะอาศัยคาสั่งที่เขียนขึ้นภายในตัวโปรแกรม
เพื่อกระจายไปยังเครื่องคอมพิวเตอร์เป้าหมายแพร่กระจายโดยอาศัยคนกระทาการอย่างใดอย่างหนึ่งกับพาหะที่
โปรแกรมไวรัสนั้นแฝงตัวอยู่ เช่น รันโปรแกรม อ่านอีเมล์เปิดดูเว็บเพจ หรือ เปิดไฟล์ที่แนบมา
-ไวรัสคอมพิวเตอร์ (Computer Virus)
เขียนโดยนักพัฒนาโปรแกรมที่มีความชานาญเฉพาะด้านการทางานจะอาศัยคาสั่งที่เขียนขึ้นภายในตัว
โปรแกรมเพื่อกระจายไปยังเครื่องคอมพิวเตอร์เป้าหมายแพร่กระจายโดยอาศัยคนกระทาการอย่างใดอย่าง
หนึ่งกับพาหะที่โปรแกรมไวรัสนั้นแฝงตัวอยู่ เช่น รันโปรแกรม อ่านอีเมล์เปิ ดดูเว็บเพจหรือ
เปิดไฟล์ที่แนบมา
5
Document Name
Your Company Name (C) Copyright (Print Date) All Rights Reserved
-เวิร์มหรือหนอนอินเทอร์เน็ต (Worm)
เป็นโปรแกรมที่มีความรุนแรงกว่าไวรัสคอมพิวเตอร์แบบเดิมมากจะทาลาย
ระบบทรัพยากรคอมพิวเตอร์ให้มีประสิทธิภาพลดลงและไม่อาจทางานต่อไป
ได้
การทางานจะมีการตรวจสอบเพื่อโจมตีหาเครื่องเป้ าหมายก่อนจากนั้นจะวิ่ง
เจาะเข้าไปเองลักษณะที่เด่นของเวิร์มคือ สามารถสาเนาซ้าตัวมันเองได้อย่าง
มหาศาล
ภายในเวลาเพียงไม่กี่นาที
-ม้าโทรจัน (Trojan horses)
ทางานโดยอาศัยการฝังตัวอยู่ในระบบคอมพิวเตอร์เครื่องนั้นและจะไม่มีการ
แพร่กระจายตัวแต่อย่างใดโปรแกรมจะถูกตั้งเวลาการทางานหรือควบคุมการ
ทางานระยะไกลจากผู้ไม่ประสงค์ดี เพื่อให้เข้ามาทางานยังเครื่องคอมพิวเตอร์
เป้ าหมายได้เช่น แสร้งทาเป็นโปรแกรมยูทิลิตี้ให้ใช้งานแต่แท้จริงคือ
โปรแกรมอันตรายเมื่อถึงเวลาก็จะทางานบางอย่างทันที
การก่อกวนระบบด้วยสปายแวร์(Spyware)
สปายแวร์เป็นโปรแกรมประเภทสะกดรอยข้อมูลไม่ได้มีความร้ายแรงต่อ
คอมพิวเตอร์ เพียงแต่อาจทาให้เกิดความน่าราคาญโดยปกติมักแฝงตัวอยู่กับ
เว็บไซต์บางประเภทรวมถึงโปรแกรมที่แจกให้ใช้งานฟรีทั้งหลายบาง
โปรแกรมสามารถควบคุมการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตแทรกโฆษณาหรือเปลี่ยน
หน้าแรกของบราวเซอร์ได้
การก่อกวนระบบด้วยสแปมเมล์(Spam Mail)
สแปมเมล์คือ รูปแบบของจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ที่ผู้รับไม่ต้องการอ่าน
วิธีการก่อกวนจะอาศัยการส่งอีเมล์แบบหว่านแห และส่งต่อให้กับผู้รับ
จานวนมาก อาจถูกก่อกวนโดยแฮกเกอร์หรือเกิดจากการถูกสะกดรอยด้วย
โปรแกรมประเภทสปายแวร์โดยมากมักเป็นเมล์ประเภทเชิญชวนให้ซื้อสินค้า
หรือเลือกใช้บริการของเว็บไซต์นั้นๆ
การหลอกลวงเหยื่อเพื่อล้วงเอาข้อมูลส่วนตัว (Phishing)
เป็นการหลอกลวงด้วยการส่งอีเมล์หลอกไปยังกลุ่มสมาชิกเพื่อขอข้อมูล
บางอย่างที่จาเป็น เช่น หมายเลขบัตรเครดิตชื่อผู้ใช้หรือรหัสผ่านใช้คากล่าว
อ้างที่เขียนขึ้นมาเองให้เหยื่อตายใจและหลงเชื่ออาศัยกลลวงโดยใช้URL
ปลอม แต่แท้จริงแล้วกลับเป็น URLของผู้ไม่ประสงค์ดีที่ทาขึ้นมาเลียนแบบ
การรักษาความปลอดภัยระบบคอมพิวเตอร์
การติดตั้งโปรแกรมป้องกันไวรัส (Antivirus Program)
เปรียบเสมือนยามรักษาความปลอดภัยที่มาเฝ้าดูแลบ้านทาหน้าที่คอย
ตรวจสอบและติดตามการบุกรุกของโปรแกรมประสงค์ร้ายเมื่อพบจะสามารถ
กาจัดและแจ้งให้ผู้ใช้ทราบได้ทันทีจาเป็นต้องทาให้ตัวโปรแกรมอัพเดทตัว
ข้อมูลใหม่อยู่เสมอเพื่อให้ได้ผลดีมากขึ้น
การใช้ระบบไฟร์วอลล์ (Firewall System)
เป็นระบบรักษาความปลอดภัยที่ประกอบด้วยฮาร์ดแวร์หรือซอฟต์แวร์ก็ได้
ทาหน้าที่คอยดักจับ ป้องกันและตรวจสอบการบุกรุก (intrusion)รวมถึงการ
เข้าถึงที่ไม่ได้รับอนุญาตจากผู้ไม่ประสงค์ดีภายนอกระบบจะให้ข้อมูล
บางอย่างที่ได้รับการอนุญาตผ่านเข้าออกเท่านั้นหากไม่ตรงกับเงื่อนไขจะไม่
สามารถผ่านไปมาได้
การสารองข้อมูล (Back up)
คือ การทาซ้าข้อมูล ไฟล์ หรือโปรแกรมที่อยู่ในพื้นที่เก็บข้อมูล เพื่อให้นาเอา
กลับมาใช้ได้อีก หากข้อมูลต้นฉบับนั้นเกิดสูญหายหรือถูกทาลายวิธีการ
สารองข้อมูลอาจทาทั้งระบบหรือแค่บางส่วน โดยเก็บลงหน่วยเก็บบันทึก
ข้อมูลสารอง เช่น ฮาร์ดดิสก์, CD หรือ DVDหากข้อมูลมีความสาคัญ
มากอาจต้องสารองข้อมูลทุกวัน หรือทุกสัปดาห์แต่หากข้อมูลมีความสาคัญ
น้อย การสารองเพียงเดือนละครั้งหรือนานๆครั้งก็ย่อมเพียงพอ
6
Document Name
Your Company Name (C) Copyright (Print Date) All Rights Reserved
พรบ. ว่าด้วยการกระทาความผิดทางคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550
มาตรา ๑ พระราชบัญญัตินี้เรียกว่า “พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทาความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. ๒๕๕๐”
มาตรา ๒ พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับเมื่อพ้นกาหนดสามสิบวันนับแต่ วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
มาตรา ๓ ในพระราชบัญญัตินี้
“ระบบคอมพิวเตอร์” หมายความว่า อุปกรณ์หรือชุดอุปกรณ์ของคอมพิวเตอร์ ที่เชื่อมการทางานเข้าด้วยกัน โดยได้มีการกาหนด
คาสั่ง ชุดคาสั่ง หรือสิ่งอื่นใด และแนวทางปฏิบัติงานให้อุปกรณ์หรือชุดอุปกรณ์ทาหน้าที่ประมวลผลข้อมูลโดยอัตโนมัติ
“ข้อมูลคอมพิวเตอร์” หมายความว่า ข้อมูล ข้อความ คาสั่ง ชุดคาสั่ง หรือสิ่งอื่นใด บรรดาที่อยู่ในระบบคอมพิวเตอร์ในสภาพที่
ระบบคอมพิวเตอร์อาจประมวลผลได้และให้หมายความรวมถึงข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ตามกฎหมายว่าด้วยธุรกรรมทาง
อิเล็กทรอนิกส์ด้วย
“ข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์” หมายความว่า ข้อมูลเกี่ยวกับการติดต่อสื่อสารของระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งแสดงถึงแหล่งกาเนิด ต้น
ทาง ปลายทาง เส้นทาง เวลา วันที่ ปริมาณ ระยะเวลา ชนิดของบริการ หรืออื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการติดต่อสื่อสารของระบบ
คอมพิวเตอร์นั้น
“ผู้ให้บริการ” หมายความว่า
(๑) ผู้ให้บริการแก่บุคคลอื่นในการเข้าสู่อินเทอร์เน็ต หรือให้สามารถติดต่อถึงกันโดยประการอื่น โดยผ่านทางระบบคอมพิวเตอร์
ทั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็นการให้บริการในนามของตนเอง หรือในนามหรือเพื่อประโยชน์ของบุคคลอื่น
(๒) ผู้ให้บริการเก็บรักษาข้อมูลคอมพิวเตอร์เพื่อประโยชน์ของบุคคลอื่น
“ผู้ใช้บริการ” หมายความว่า ผู้ใช้บริการของผู้ให้บริการไม่ว่าต้องเสียค่าใช้บริการหรือไม่ก็ตาม
“พนักงานเจ้าหน้าที่” หมายความว่า ผู้ซึ่งรัฐมนตรีแต่งตั้งให้ปฏิบัติการตามพระราชบัญญัตินี้
“รัฐมนตรี” หมายความว่า รัฐมนตรีผู้รักษาการตามพระราชบัญญัตินี้
มาตรา ๔ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร รักษาการตามพระราชบัญญัตินี้ และให้มีอานาจออก
กฎกระทรวงเพื่อปฏิบัติการตามพระราชบัญญัตินี้
กฎกระทรวงนั้น เมื่อได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้วให้ใช้บังคับได้
หมวด ๑ ความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์
มาตรา ๕ ผู้ใดเข้าถึงโดยมิชอบซึ่งระบบคอมพิวเตอร์ที่มีมาตรการป้องกัน การเข้าถึงโดยเฉพาะและมาตรการนั้นมิได้มีไว้สาหรับ
ตน ต้องระวางโทษจาคุกไม่เกินหกเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจาทั้งปรับ
มาตรา ๖ ผู้ใดล่วงรู้มาตรการป้องกันการเข้าถึงระบบคอมพิวเตอร์ที่ผู้อื่นจัดทาขึ้นเป็นการเฉพาะ ถ้านามาตรการดังกล่าวไปเปิดเผย
โดยมิชอบในประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น ต้องระวางโทษจาคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินสองหมื่นบาท หรือทั้ง
จาทั้งปรับ
มาตรา ๗ ผู้ใดเข้าถึงโดยมิชอบซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่มีมาตรการป้องกันการเข้าถึงโดยเฉพาะและมาตรการนั้นมิได้มีไว้สาหรับ
ตน ต้องระวางโทษจาคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกิน สี่หมื่นบาท หรือทั้งจาทั้งปรับ
มาตรา ๘ ผู้ใดกระทาด้วยประการใดโดยมิชอบด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์
เพื่อดักรับไว้ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ของผู้อื่นที่อยู่ระหว่างการส่งในระบบคอมพิวเตอร์ และข้อมูลคอมพิวเตอร์นั้นมิได้มีไว้เพื่อประโยชน์
สาธารณะหรือเพื่อให้บุคคลทั่วไปใช้ประโยชน์ได้ต้องระวางโทษจาคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกหมื่นบาท หรือทั้งจาทั้งปรับ
7
Document Name
Your Company Name (C) Copyright (Print Date) All Rights Reserved
มาตรา ๙ ผู้ใดทาให้เสียหาย ทาลาย แก้ไข เปลี่ยนแปลง หรือเพิ่มเติมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ของผู้อื่นโดยมิ
ชอบ ต้องระวางโทษจาคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจาทั้งปรับ
มาตรา ๑๐ ผู้ใดกระทาด้วยประการใดโดยมิชอบ เพื่อให้การทางานของระบบคอมพิวเตอร์ของผู้อื่นถูกระงับ ชะลอ ขัดขวาง หรือรบกวน
จนไม่สามารถทางานตามปกติได้ต้องระวางโทษจาคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจาทั้งปรับ
มาตรา ๑๑ ผู้ใดส่งข้อมูลคอมพิวเตอร์หรือจดหมายอิเล็กทรอนิกส์แก่บุคคลอื่น โดยปกปิดหรือปลอมแปลงแหล่งที่มาของการส่งข้อมูล
ดังกล่าว อันเป็นการรบกวนการใช้ระบบคอมพิวเตอร์ของบุคคลอื่นโดยปกติสุข ต้องระวางโทษปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท
มาตรา ๑๒ ถ้าการกระทาความผิดตามมาตรา ๙ หรือมาตรา ๑๐
(๑) ก่อให้เกิดความเสียหายแก่ประชาชน ไม่ว่าความเสียหายนั้นจะเกิดขึ้นในทันทีหรือในภายหลังและไม่ว่าจะเกิดขึ้นพร้อมกันหรือไม่
ต้องระวางโทษจาคุกไม่เกินสิบปี และปรับไม่เกินสองแสนบาท
(๒) เป็นการกระทาโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายต่อข้อมูลคอมพิวเตอร์หรือระบบคอมพิวเตอร์ที่เกี่ยวกับการรักษาความมั่นคง
ปลอดภัยของประเทศ ความปลอดภัยสาธารณะ ความมั่นคงในทางเศรษฐกิจของประเทศ หรือการบริการสาธารณะ หรือเป็นการกระทา
ต่อข้อมูลคอมพิวเตอร์หรือระบบคอมพิวเตอร์ที่มีไว้เพื่อประโยชน์สาธารณะ ต้องระวางโทษจาคุกตั้งแต่สามปีถึงสิบห้าปี และปรับตั้งแต่
หกหมื่นบาทถึงสามแสนบาท
ถ้าการกระทาความผิดตาม (๒) เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ต้องระวางโทษจาคุกตั้งแต่สิบปีถึงยี่สิบปี
มาตรา ๑๓ ผู้ใดจาหน่ายหรือเผยแพร่ชุดคาสั่งที่จัดทาขึ้นโดยเฉพาะเพื่อนาไปใช้เป็นเครื่องมือในการกระทาความผิดตามมาตรา ๕
มาตรา ๖ มาตรา ๗ มาตรา ๘ มาตรา ๙ มาตรา ๑๐ หรือมาตรา ๑๑ ต้องระวางโทษจาคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินสองหมื่นบาท
หรือทั้งจาทั้งปรับ
มาตรา ๑๔ ผู้ใดกระทาความผิดที่ระบุไว้ดังต่อไปนี้ ต้องระวางโทษจาคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจาทั้งปรับ
(๑) นาเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการ
ที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน
(๒) นาเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายต่อความมั่นคงของประเทศหรือ
ก่อให้เกิดความตื่นตระหนกแก่ประชาชน
(๓) นาเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ใด ๆ อันเป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักรหรือความผิดเกี่ยวกับ
การก่อการร้ายตามประมวลกฎหมายอาญา
(๔) นาเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ใด ๆ ที่มีลักษณะอันลามก และข้อมูลคอมพิวเตอร์นั้นประชาชนทั่วไปอาจเข้าถึง
ได้
(๕) เผยแพร่หรือส่งต่อซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์โดยรู้อยู่แล้วว่าเป็นข้อมูลคอมพิวเตอร์ตาม (๑) (๒) (๓) หรือ (๔)
มาตรา ๑๕ ผู้ให้บริการผู้ใดจงใจสนับสนุนหรือยินยอมให้มีการกระทาความผิดตามมาตรา ๑๔ ในระบบคอมพิวเตอร์ที่อยู่ในความควบคุมของตน
ต้องระวางโทษเช่นเดียวกับผู้กระทาความผิดตามมาตรา ๑๔
8
Document Name
Your Company Name (C) Copyright (Print Date) All Rights Reserved
มาตรา ๑๖ ผู้ใดนาเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ที่ประชาชนทั่วไปอาจเข้าถึงได้ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่ปรากฏเป็นภาพของผู้อื่น และภาพนั้นเป็นภาพที่
เกิดจากการสร้างขึ้น ตัดต่อ เติมหรือดัดแปลงด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์หรือวิธีการอื่นใด ทั้งนี้ โดยประการที่น่าจะทาให้ผู้อื่นนั้นเสียชื่อเสียง
ถูกดูหมิ่น ถูกเกลียดชัง หรือได้รับความอับอาย ต้องระวางโทษจาคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกหมื่นบาท หรือทั้งจาทั้งปรับ
ถ้าการกระทาตามวรรคหนึ่ง เป็นการนาเข้าข้อมูลคอมพิวเตอร์โดยสุจริต ผู้กระทาไม่มีความผิด
ความผิดตามวรรคหนึ่งเป็นความผิดอันยอมความได้ ถ้าผู้เสียหายในความผิดตามวรรคหนึ่งตายเสียก่อนร้องทุกข์ให้บิดา มารดา คู่สมรส หรือบุตร
ของผู้เสียหายร้องทุกข์ได้และให้ถือว่าเป็นผู้เสียหาย
มาตรา ๑๗ ผู้ใดกระทาความผิดตามพระราชบัญญัตินี้นอกราชอาณาจักรและ
(๑) ผู้กระทาความผิดนั้นเป็นคนไทย และรัฐบาลแห่งประเทศที่ความผิดได้เกิดขึ้นหรือผู้เสียหายได้ร้องขอให้ลงโทษ หรือ
(๒) ผู้กระทาความผิดนั้นเป็นคนต่างด้าว และรัฐบาลไทยหรือคนไทยเป็นผู้เสียหายและผู้เสียหายได้ร้องขอให้ลงโทษ จะต้องรับโทษภายใน
ราชอาณาจักร
หมวด ๒ พนักงานเจ้าหน้าที่
มาตรา ๑๘ ภายใต้บังคับมาตรา ๑๙ เพื่อประโยชน์ในการสืบสวนและสอบสวน ในกรณีที่มีเหตุอันควรเชื่อได้ว่ามีการกระทาความผิดตาม
พระราชบัญญัตินี้ ให้พนักงานเจ้าหน้าที่มีอานาจอย่างหนึ่งอย่างใด ดังต่อไปนี้ เฉพาะที่จาเป็นเพื่อประโยชน์ในการใช้เป็นหลักฐานเกี่ยวกับการ
กระทาความผิดและหาตัวผู้กระทาความผิด
(๑) มีหนังสือสอบถามหรือเรียกบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการกระทาความผิดตามพระราชบัญญัตินี้มาเพื่อให้ถ้อยคา ส่งคาชี้แจงเป็นหนังสือ หรือส่ง
เอกสาร ข้อมูล หรือหลักฐานอื่นใดที่อยู่ในรูปแบบที่สามารถเข้าใจได้
(๒) เรียกข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์จากผู้ให้บริการเกี่ยวกับการติดต่อสื่อสารผ่านระบบคอมพิวเตอร์หรือจากบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้อง
(๓) สั่งให้ผู้ให้บริการส่งมอบข้อมูลเกี่ยวกับผู้ใช้บริการที่ต้องเก็บตามมาตรา ๒๖ หรือที่อยู่ในความครอบครองหรือควบคุมของผู้ให้บริการให้แก่
พนักงานเจ้าหน้าที่
(๔) ทาสาเนาข้อมูลคอมพิวเตอร์ ข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์ จากระบบคอมพิวเตอร์ที่มีเหตุอันควรเชื่อได้ว่ามีการกระทาความผิดตาม
พระราชบัญญัตินี้ ในกรณีที่ระบบคอมพิวเตอร์นั้นยังมิได้อยู่ในความครอบครองของพนักงานเจ้าหน้าที่
(๕) สั่งให้บุคคลซึ่งครอบครองหรือควบคุมข้อมูลคอมพิวเตอร์ หรืออุปกรณ์ที่ใช้เก็บข้อมูลคอมพิวเตอร์ ส่งมอบข้อมูลคอมพิวเตอร์ หรืออุปกรณ์
ดังกล่าวให้แก่พนักงานเจ้าหน้าที่
(๖) ตรวจสอบหรือเข้าถึงระบบคอมพิวเตอร์ ข้อมูลคอมพิวเตอร์ ข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์ หรืออุปกรณ์ที่ใช้เก็บข้อมูลคอมพิวเตอร์ของบุคคล
ใด อันเป็นหลักฐานหรืออาจใช้เป็นหลักฐานเกี่ยวกับการกระทาความผิด หรือเพื่อสืบสวนหาตัวผู้กระทาความผิดและสั่งให้บุคคลนั้นส่ง
ข้อมูลคอมพิวเตอร์ ข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์ ที่เกี่ยวข้องเท่าที่จาเป็นให้ด้วยก็ได้
(๗) ถอดรหัสลับของข้อมูลคอมพิวเตอร์ของบุคคลใด หรือสั่งให้บุคคลที่เกี่ยวข้องกับการเข้ารหัสลับของข้อมูลคอมพิวเตอร์ ทาการถอดรหัสลับ
หรือให้ความร่วมมือกับพนักงานเจ้าหน้าที่ในการถอดรหัสลับดังกล่าว
(๘) ยึดหรืออายัดระบบคอมพิวเตอร์เท่าที่จาเป็นเฉพาะเพื่อประโยชน์ในการทราบรายละเอียดแห่งความผิดและผู้กระทาความผิดตาม
พระราชบัญญัตินี้
มาตรา ๑๙ การใช้อานาจของพนักงานเจ้าหน้าที่ตามมาตรา ๑๘ (๔) (๕) (๖) (๗) และ (๘) ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ยื่นคาร้องต่อศาลที่มีเขต
อานาจเพื่อมีคาสั่งอนุญาตให้พนักงานเจ้าหน้าที่ดาเนินการตามคาร้อง ทั้งนี้ คาร้องต้องระบุเหตุอันควรเชื่อได้ว่าบุคคลใดกระทาหรือ
กาลังจะกระทาการอย่างหนึ่งอย่างใดอันเป็นความผิดตามพระราชบัญญัตินี้ เหตุที่ต้องใช้อานาจ ลักษณะของการกระทาความผิด
รายละเอียดเกี่ยวกับอุปกรณ์ที่ใช้ในการกระทาความผิดและผู้กระทาความผิด เท่าที่สามารถจะระบุได้ประกอบคาร้องด้วย ในการพิจารณา
คาร้องให้ศาลพิจารณาคาร้องดังกล่าวโดยเร็ว
9
Document Name
Your Company Name (C) Copyright (Print Date) All Rights Reserved
เมื่อศาลมีคาสั่งอนุญาตแล้ว ก่อนดาเนินการตามคาสั่งของศาล ให้พนักงาน
เจ้าหน้าที่ส่งสาเนาบันทึกเหตุอันควรเชื่อที่ทาให้ต้องใช้อานาจตามมาตรา ๑๘ (๔) (๕) (๖) (๗) และ (๘) มอบให้เจ้าของหรือผู้ครอบครอง
ระบบคอมพิวเตอร์นั้นไว้เป็นหลักฐาน แต่ถ้าไม่มีเจ้าของหรือผู้ครอบครองเครื่องคอมพิวเตอร์อยู่ ณ ที่นั้น ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ส่งมอบ
สาเนาบันทึกนั้นให้แก่เจ้าของหรือผู้ครอบครองดังกล่าวในทันทีที่กระทาได้
ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ผู้เป็นหัวหน้าในการดาเนินการตามมาตรา ๑๘ (๔) (๕) (๖) (๗) และ (๘) ส่งสาเนาบันทึกรายละเอียดการดาเนินการ
และเหตุผลแห่งการดาเนินการ ให้ศาลที่มีเขตอานาจภายในสี่สิบแปดชั่วโมงนับแต่เวลาลงมือดาเนินการ เพื่อเป็นหลักฐาน
การทาสาเนาข้อมูลคอมพิวเตอร์ตามมาตรา ๑๘ (๔) ให้กระทาได้เฉพาะเมื่อมีเหตุอันควรเชื่อได้ว่ามีการกระทาความผิดตาม
พระราชบัญญัตินี้ และต้องไม่เป็นอุปสรรคในการดาเนินกิจการของเจ้าของหรือผู้ครอบครองข้อมูลคอมพิวเตอร์นั้นเกินความจาเป็น
การยึดหรืออายัดตามมาตรา ๑๘ (๘) นอกจากจะต้องส่งมอบสาเนาหนังสือแสดงการยึดหรืออายัดมอบให้เจ้าของหรือผู้ครอบครองระบบ
คอมพิวเตอร์นั้นไว้เป็นหลักฐานแล้ว พนักงานเจ้าหน้าที่จะสั่งยึดหรืออายัดไว้เกินสามสิบวันมิได้ในกรณีจาเป็นที่ต้องยึดหรืออายัด ไว้
นานกว่านั้น ให้ยื่นคาร้องต่อศาลที่มีเขตอานาจเพื่อขอขยายเวลายึดหรืออายัดได้แต่ศาลจะอนุญาตให้ขยายเวลาครั้งเดียวหรือหลายครั้ง
รวมกันได้อีกไม่เกินหกสิบวัน เมื่อหมดความจาเป็นที่จะยึดหรืออายัดหรือครบกาหนดเวลาดังกล่าวแล้ว พนักงานเจ้าหน้าที่ต้องส่งคืน
ระบบคอมพิวเตอร์ ที่ยึดหรือถอนการอายัดโดยพลัน
หนังสือแสดงการยึดหรืออายัดตามวรรคห้าให้เป็นไปตามที่กาหนดในกฎกระทรวง
มาตรา ๒๐ ในกรณีที่การกระทาความผิดตามพระราชบัญญัตินี้เป็นการทาให้แพร่หลายซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่อาจกระทบกระเทือนต่อ
ความมั่นคงแห่งราชอาณาจักรตามที่กาหนดไว้ในภาคสอง ลักษณะ ๑ หรือลักษณะ ๑/๑ แห่งประมวลกฎหมายอาญา หรือที่มีลักษณะขัด
ต่อ ความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน พนักงานเจ้าหน้าที่โดยได้รับความเห็นชอบจากรัฐมนตรีอาจยื่นคาร้องพร้อม
แสดงพยานหลักฐานต่อศาลที่มีเขตอานาจขอให้มีคาสั่งระงับ การทาให้แพร่หลายซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์นั้นได้
ในกรณีที่ศาลมีคาสั่งให้ระงับการทาให้แพร่หลายซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ตามวรรคหนึ่ง ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ทาการระงับการทาให้
แพร่หลายนั้นเอง หรือสั่งให้ผู้ให้บริการระงับการทาให้แพร่หลายซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์นั้นก็ได้
มาตรา ๒๑ ในกรณีที่พนักงานเจ้าหน้าที่พบว่า ข้อมูลคอมพิวเตอร์ใดมีชุดคาสั่ง ไม่พึงประสงค์รวมอยู่ด้วย พนักงานเจ้าหน้าที่อาจยื่นคา
ร้องต่อศาลที่มีเขตอานาจเพื่อขอให้มีคาสั่งห้ามจาหน่ายหรือเผยแพร่ หรือสั่งให้เจ้าของหรือผู้ครอบครองข้อมูลคอมพิวเตอร์นั้นระงับการ
ใช้ทาลาย หรือแก้ไขข้อมูลคอมพิวเตอร์นั้นได้หรือจะกาหนดเงื่อนไขในการใช้มีไว้ในครอบครอง หรือเผยแพร่ชุดคาสั่งไม่พึงประสงค์
ดังกล่าวก็ได้
ชุดคาสั่งไม่พึงประสงค์ตามวรรคหนึ่งหมายถึงชุดคาสั่งที่มีผลทาให้ข้อมูลคอมพิวเตอร์ หรือระบบคอมพิวเตอร์หรือชุดคาสั่งอื่นเกิดความ
เสียหาย ถูกทาลาย ถูกแก้ไข เปลี่ยนแปลงหรือเพิ่มเติม ขัดข้อง หรือปฏิบัติงานไม่ตรงตามคาสั่งที่กาหนดไว้หรือโดยประการอื่นตามที่
กาหนดในกฎกระทรวง ทั้งนี้ เว้นแต่เป็นชุดคาสั่งที่มุ่งหมายในการป้องกันหรือแก้ไขชุดคาสั่งดังกล่าวข้างต้น ตามที่รัฐมนตรีประกาศใน
ราชกิจจานุเบกษา
มาตรา ๒๒ ห้ามมิให้พนักงานเจ้าหน้าที่เปิดเผยหรือส่งมอบข้อมูลคอมพิวเตอร์ ข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์ หรือข้อมูลของผู้ใช้บริการ
ที่ได้มาตามมาตรา ๑๘ ให้แก่บุคคลใด
ความในวรรคหนึ่งมิให้ใช้บังคับกับการกระทาเพื่อประโยชน์ในการดาเนินคดีกับผู้กระทาความผิดตามพระราชบัญญัตินี้ หรือเพื่อ
ประโยชน์ในการดาเนินคดีกับพนักงานเจ้าหน้าที่เกี่ยวกับการใช้อานาจหน้าที่โดยมิชอบ หรือเป็นการกระทาตามคาสั่งหรือที่ได้รับ
อนุญาตจากศาล
พนักงานเจ้าหน้าที่ผู้ใดฝ่าฝืนวรรคหนึ่งต้องระวางโทษจาคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกหมื่นบาท หรือทั้งจาทั้งปรับ
10
Document Name
Your Company Name (C) Copyright (Print Date) All Rights Reserved
มาตรา ๒๓ พนักงานเจ้าหน้าที่ผู้ใดกระทาโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นล่วงรู้ข้อมูลคอมพิวเตอร์ ข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์ หรือ
ข้อมูลของผู้ใช้บริการ ที่ได้มาตามมาตรา ๑๘ ต้องระวางโทษจาคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินสองหมื่นบาท หรือทั้งจาทั้งปรับ
มาตรา ๒๔ ผู้ใดล่วงรู้ข้อมูลคอมพิวเตอร์ ข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์ หรือข้อมูลของผู้ใช้บริการ ที่พนักงานเจ้าหน้าที่ได้มาตาม
มาตรา ๑๘ และเปิดเผยข้อมูลนั้นต่อ ผู้หนึ่งผู้ใด ต้องระวางโทษจาคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินสี่หมื่นบาท หรือทั้งจาทั้งปรับ
มาตรา ๒๕ ข้อมูล ข้อมูลคอมพิวเตอร์ หรือข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์ ที่พนักงานเจ้าหน้าที่ได้มาตามพระราชบัญญัตินี้ ให้อ้าง
และรับฟังเป็นพยานหลักฐานตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาหรือกฎหมายอื่นอันว่าด้วยการสืบพยาน
ได้แต่ต้องเป็นชนิดที่มิได้เกิดขึ้นจากการจูงใจ มีคามั่นสัญญา ขู่เข็ญ หลอกลวง หรือโดยมิชอบประการอื่น
มาตรา ๒๖ ผู้ให้บริการต้องเก็บรักษาข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์ไว้ไม่น้อยกว่า เก้าสิบวันนับแต่วันที่ข้อมูลนั้นเข้าสู่ระบบ
คอมพิวเตอร์ แต่ในกรณีจาเป็นพนักงานเจ้าหน้าที่จะสั่ง ให้ผู้ให้บริการผู้ใดเก็บรักษาข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์ไว้เกินเก้าสิบวัน
แต่ไม่เกินหนึ่งปีเป็นกรณีพิเศษเฉพาะรายและเฉพาะคราวก็ได้
ผู้ให้บริการจะต้องเก็บรักษาข้อมูลของผู้ใช้บริการเท่าที่จาเป็นเพื่อให้สามารถระบุตัวผู้ใช้บริการนับตั้งแต่เริ่มใช้บริการและต้องเก็บ
รักษาไว้เป็นเวลาไม่น้อยกว่าเก้าสิบวันนับตั้งแต่การใช้บริการสิ้นสุดลง
ความในวรรคหนึ่งจะใช้กับผู้ให้บริการประเภทใด อย่างไร และเมื่อใด ให้เป็นไปตามที่รัฐมนตรีประกาศในราชกิจจานุเบกษา
ผู้ให้บริการผู้ใดไม่ปฏิบัติตามมาตรานี้ ต้องระวางโทษปรับไม่เกินห้าแสนบาท
มาตรา ๒๗ ผู้ใดไม่ปฏิบัติตามคาสั่งของศาลหรือพนักงานเจ้าหน้าที่ที่สั่งตามมาตรา ๑๘ หรือมาตรา ๒๐ หรือไม่ปฏิบัติตามคาสั่ง
ของศาลตามมาตรา ๒๑ ต้องระวางโทษปรับ ไม่เกินสองแสนบาท และปรับเป็นรายวันอีกไม่เกินวันละห้าพันบาทจนกว่าจะปฏิบัติ
ให้ถูกต้อง
มาตรา ๒๘ การแต่งตั้งพนักงานเจ้าหน้าที่ตามพระราชบัญญัตินี้ ให้รัฐมนตรีแต่งตั้งจากผู้มีความรู้และความชานาญเกี่ยวกับระบบ
คอมพิวเตอร์และมีคุณสมบัติตามที่รัฐมนตรีกาหนด
มาตรา ๒๙ ในการปฏิบัติหน้าที่ตามพระราชบัญญัตินี้ ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ เป็นพนักงานฝ่ายปกครองหรือตารวจชั้นผู้ใหญ่ตาม
ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มีอานาจรับคาร้องทุกข์หรือรับคากล่าวโทษ และมีอานาจในการสืบสวนสอบสวนเฉพาะ
ความผิดตามพระราชบัญญัตินี้
ในการจับ ควบคุม ค้น การทาสานวนสอบสวนและดาเนินคดีผู้กระทาความผิดตามพระราชบัญญัตินี้ บรรดาที่เป็นอานาจของ
พนักงานฝ่ายปกครองหรือตารวจชั้นผู้ใหญ่ หรือพนักงานสอบสวนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ให้พนักงาน
เจ้าหน้าที่ประสานงาน กับพนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบเพื่อดาเนินการตามอานาจหน้าที่ต่อไป
ให้นายกรัฐมนตรีในฐานะผู้กากับดูแลสานักงานตารวจแห่งชาติและรัฐมนตรี
มีอานาจร่วมกันกาหนดระเบียบเกี่ยวกับแนวทางและวิธีปฏิบัติในการดาเนินการตามวรรคสอง
มาตรา ๓๐ ในการปฏิบัติหน้าที่ พนักงานเจ้าหน้าที่ต้องแสดงบัตรประจาตัว ต่อบุคคลซึ่งเกี่ยวข้อง
บัตรประจาตัวของพนักงานเจ้าหน้าที่ให้เป็นไปตามแบบที่รัฐมนตรีประกาศ ในราชกิจจานุเบกษา

More Related Content

Similar to เทคโนโลยีสารสนเทศ

ใบความรู้ที่ 1 คุณธรรมจริยธรรม
ใบความรู้ที่ 1 คุณธรรมจริยธรรมใบความรู้ที่ 1 คุณธรรมจริยธรรม
ใบความรู้ที่ 1 คุณธรรมจริยธรรม
Nattapon
 
Slide จริยธรรมคอมพิวเตอร์
Slide จริยธรรมคอมพิวเตอร์Slide จริยธรรมคอมพิวเตอร์
Slide จริยธรรมคอมพิวเตอร์
Connectivism Learning
 
Chapter 8 computer&society law
Chapter 8 computer&society lawChapter 8 computer&society law
Chapter 8 computer&society law
jazzmusicup
 
รายงานสารสนเทศ
รายงานสารสนเทศรายงานสารสนเทศ
รายงานสารสนเทศ
firehold
 

Similar to เทคโนโลยีสารสนเทศ (18)

Social Network
Social NetworkSocial Network
Social Network
 
CSR and Labor
CSR and LaborCSR and Labor
CSR and Labor
 
จริยธรรมในโลกของข้อมูล
จริยธรรมในโลกของข้อมูลจริยธรรมในโลกของข้อมูล
จริยธรรมในโลกของข้อมูล
 
คุณธรรม จริยธรรม ผู้บริหาร 1
คุณธรรม จริยธรรม ผู้บริหาร 1คุณธรรม จริยธรรม ผู้บริหาร 1
คุณธรรม จริยธรรม ผู้บริหาร 1
 
Csrmono2013
Csrmono2013Csrmono2013
Csrmono2013
 
ระบบสารสนเทศ Up
ระบบสารสนเทศ Upระบบสารสนเทศ Up
ระบบสารสนเทศ Up
 
ใบความรู้ที่ 1 คุณธรรมจริยธรรม
ใบความรู้ที่ 1 คุณธรรมจริยธรรมใบความรู้ที่ 1 คุณธรรมจริยธรรม
ใบความรู้ที่ 1 คุณธรรมจริยธรรม
 
กฎหมายคอมพิวเตอร์
กฎหมายคอมพิวเตอร์กฎหมายคอมพิวเตอร์
กฎหมายคอมพิวเตอร์
 
Work3 เทคโนโลยีสารสนเทศ
Work3 เทคโนโลยีสารสนเทศWork3 เทคโนโลยีสารสนเทศ
Work3 เทคโนโลยีสารสนเทศ
 
work3-31
work3-31work3-31
work3-31
 
เทคโนโลยีสารสนเทศ-Work3-36
เทคโนโลยีสารสนเทศ-Work3-36เทคโนโลยีสารสนเทศ-Work3-36
เทคโนโลยีสารสนเทศ-Work3-36
 
Slide จริยธรรมคอมพิวเตอร์
Slide จริยธรรมคอมพิวเตอร์Slide จริยธรรมคอมพิวเตอร์
Slide จริยธรรมคอมพิวเตอร์
 
Slide จริยธรรมคอมพิวเตอร์
Slide จริยธรรมคอมพิวเตอร์Slide จริยธรรมคอมพิวเตอร์
Slide จริยธรรมคอมพิวเตอร์
 
power
powerpower
power
 
Chapter 8 computer&society law
Chapter 8 computer&society lawChapter 8 computer&society law
Chapter 8 computer&society law
 
Social Enterprise: World & Thailand
Social Enterprise: World & ThailandSocial Enterprise: World & Thailand
Social Enterprise: World & Thailand
 
รายงานสารสนเทศ
รายงานสารสนเทศรายงานสารสนเทศ
รายงานสารสนเทศ
 
Labor Rights and Standards
Labor Rights and StandardsLabor Rights and Standards
Labor Rights and Standards
 

เทคโนโลยีสารสนเทศ

  • 1. 1 Document Name Your Company Name (C) Copyright (Print Date) All Rights Reserved ความหมายของจริยธรรม แบบแผนความประพฤติหรือความมีสามัญสานึกต่อสังคมในทางที่ดีไม่มีกฎเกณฑ์ตายตัว ขึ้นอยู่กับกลุ่มสังคมหรือการยอมรับในสังคมนั้นเป็นหลักเกี่ยวข้องกับการคิดและตัดสินได้ ว่าสิ่งไหน ควร-ไม่ควร ดี-ไม่ดี ถูก-ผิดจริยธรรมกับกฎระเบียบ “มีจริยธรรม” => มีสามัญสานึกดี ประพฤติปฏิบัติดี ไม่ก่อให้เกิดผลเสียหายต่อสังคม “ขาดจริยธรรม” => มีรูปแบบการประพฤติหรือปฏิบัติตนที่ไม่มีประโยชน์หรืออาจส่งผล ไม่ดีต่อสังคมการควบคุมให้คนมีจริยธรรมที่ดีอาจใช้ข้อบังคับ กฎหรือระเบียบ ของสังคมมาเป็นส่วนสนับสนุนให้เกิด “จริยธรรมที่ดี” ได้ จริยธรรมกับสังคมยุคสารสนเทศ ตั้งอยู่บนพื้นฐาน 4 ประเด็นคือ ความเป็นส่วนตัว (Information Privacy) ความถูกต้องแม่นยา (Information Accuracy) ความเป็นเจ้าของ (Information Property) การเข้าถึงข้อมูล (Information Accessibility จริยธรรมและความปลอดภัย ภัทรนิษฐ์ ฉันท์พิชัย ม.6/1 เลขที่16
  • 2. 2 Document Name Your Company Name (C) Copyright (Print Date) All Rights Reserved ความเป็นส่วนตัว (Information Privacy) หมายถึง สิทธิส่วนตัวของบุคคล หน่วยงาน หรือ องค์กรที่จะคงไว้ซึ่งสารสนเทศที่มีอยู่นั้น เพื่อ ตัดสินใจได้ว่าจะสามารถเปิดเผยให้ ผู้อื่นนาไปใช้ประโยชน์ต่อหรือเผยแพร่ได้ หรือไม่เราอาจพบเห็นการละเมิดความเป็น ส่วนตัวโดยทั่วไป เช่นใช้โปรแกรมติดตามและ พฤติกรรมผู้ที่ใช้งานบนเว็บไซต์การเอา ฐานข้อมูลส่วนตัวรวมถึงอีเมล์ของสมาชิกส่งไป ให้กับบริษัทผู้รับทาโฆษณา ความถูกต้องแม่นยา(Information Accuracy) สารสนเทศที่นาเสนอ ควรเป็นข้อมูลที่มีการ กลั่นกรองและตรวจสอบความถูกต้องและ สามารถนาเอาไปใช้ประโยชน์ได้โดยไม่ส่งผล กระทบกับผู้ใช้งานตัวอย่าง เช่น อาจเห็น แหล่งข่าวทางอินเทอร์เน็ต นาเสนอเนื้อหา ที่ไม่ได้กลั่นกรอง เมื่อนาไปตีความและเข้าใจว่า เป็นจริง อาจทาให้เกิดความผิดพลาดได้ผู้ใช้งาน สารสนเทศจึงควรเลือกรับข้อมูลจากแหล่งที่ น่าเชื่อถือ และตรวจสอบที่มาได้โดยง่าย ความเป็นเจ้าของ (Information Property) สังคมยุคสารสนเทศมี การเผยแพร่ข้อมูลอย่าง ง่ายดาย มีเครื่องมือและอุปกรณ์สนับสนุนมาก ขึ้นก่อให้เกิดการลอกเลียนแบบ ทาซ้า หรือละเมิดลิขสิทธิ์ (copyright)โดยเจ้าของผลงาน ได้รับผลกระทบทั้งโดยตรงและโดยอ้อมตัวอย่าง เช่น การทาซ้าหรือผลิตซีดีเพลง หรือโปรแกรมละเมิด ลิขสิทธิ์ การเข้าถึงข้อมูล (Information Accessibility) ผู้ที่ทาหน้าที่ดูแลระบบ จะเป็นผู้ที่กาหนดสิทธิ์ในการ เข้าถึงข้อมูลของผู้ใช้แต่ละคนบางแห่งอาจให้บริการ เฉพาะสมาชิกเท่านั้น อาจรวมถึงข้อมูลนั้นสามารถ ให้บริการและเข้าถึงได้หลากหลายวิธีเช่น ภาพถ่าย หรือรูปภาพที่ปรากฏบนเว็บไซต์ควรมีคาอธิบายภาพ (Attribute : alt) เพื่อสื่อความหมายไว้ด้วยว่าเป็นภาพ อะไรหรืออาจเป็นการสร้าง link ที่ต้องมีความหมาย ในตัว เพื่อบอกให้ผู้ใช้ทราบ
  • 3. 3 Document Name Your Company Name (C) Copyright (Print Date) All Rights Reserved การลักลอบเข้าถึงโดยไม่ได้รับอนุญาต อาชญากรรมที่เกี่ยวข้องกับการลักลอบหรืออ่านข้อมูลและนาไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต กลุ่มคนที่ เกี่ยวข้องสามารถแบ่งเป็น 3 กลุ่มด้วยกันคือ แฮกเกอร์ (Hacker) แครกเกอร์(Cracker) สคริปต์คิตตี้ (Script Kiddy) แฮกเกอร์(Hacker) เป็นกลุ่มคนที่มีความรู้ทางด้านคอมพิวเตอร์และระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์เป็นอย่างดี ทาเพื่อต้องการทดสอบความรู้ของตนเองโดยเจตนาแล้วไม่ได้มีความมุ่งร้ายต่อข้อมูลแต่อย่างใดบางครั้งจึง มักนิยมเรียกว่าเป็นพวก กลุ่มคนหมวกขาว หรือ white hat *แครกเกอร์(Cracker)เป็นกลุ่มคนที่มีความรู้ความสามารถเช่นเดียวกับกลุ่มแฮกเกอร์มักเรียกว่าเป็น กลุ่มคน หมวกดา หรือ black hat มุ่งทาลายระบบหรือลักลอบนาเอาข้อมูลที่ไม่ได้รับอนุญาตนั้นไปแก้ไขเปลี่ยนแปลงหรือทาลายทิ้งมีเจตนา จงใจให้เกิดความเสียหายของข้อมูลมากกว่าแฮกเกอร์ เควิน มิตนิค (Kevin Mitnick) บุคคลที่เป็นทั้งแฮกเกอร์และแครกเกอร์ในคนเดียวกันขณะวัยรุ่นได้ใช้ความรู้ของตนเองก่อความเสียหาย ให้กับหน่วยงานอื่นๆอย่าง Black Hat มากปัจจุบันหันมาให้ความรู้เกี่ยวกับระบบรักษาความปลอดภัยบนเครือข่ายแทน สคริปต์คิตตี้ (Script Kiddy) เป็นกลุ่มคนที่ถือได้ว่ากาเนิดขึ้นมากเป็นทวีคูณ มีการแลกเปลี่ยนโปรแกรมหรือสคริปต์ (scripts) ที่มีคน เขียนและนาออกมาเผยแพร่ให้ทดลองใช้กันอย่างมากมักเป็นคนอยากรู้อยากเห็น ไม่จาเป็นต้องมีความรู้ เกี่ยวกับการเจาะเข้าระบบมากนักก็สามารถเป็นได้อาศัยโปรแกรมหรือเครื่องมือบางอย่างที่หามาได้เช่น การแฮกอีเมล์การขโมยรหัสผ่านของผู้อื่น การใช้โปรแกรมก่อกวนอย่างง่าย การขโมยและทาลายอุปกรณ์ เกิดจากการไม่รอบคอบและวางอุปกรณ์ไว้ในบริเวณที่เสี่ยงต่อการโจรกรรม ได้ง่าย อาจเกิดจากบุคคลภายนอกหรือภายในองค์กร ควรมีการติดตั้งอุปกรณ์ป้องกันและรักษา ความ ปลอดภัย และตรวจการเข้าออกของ บุคคลที่มาติดต่ออย่างเป็นระบบ รวมถึงวาง มาตรการในการใช้ อุปกรณ์อย่างเข้มงวด
  • 4. 4 Document Name Your Company Name (C) Copyright (Print Date) All Rights Reserved การขโมยโปรแกรมคอมพิวเตอร์ อาชญากรรมที่เกี่ยวข้องกับการขโมยเอาข้อมูลโปรแกรม รวมถึงการคัดลอกโปรแกรมโดยผิดกฎหมาย สามารถทาซ้าได้ง่าย ก่อให้เกิดความเสียหายกับบริษัทผู้ผลิต มีการลักลอบทาซ้าข้อมูลโปรแกรมและนาออกวางจาหน่ายแทนที่โปรแกรมต้นฉบับจริง กลุ่มผู้ผลิตมีการออกกฎควบคุมการใช้ และรวมกลุ่มกันเรียกว่า BSA(Business Software Alliance) กลุ่ม BSA (Business Software Alliance)หรือกลุ่มพันธมิตรธุรกิจซอฟต์แวร์ มีเครือข่ายครอบคลุมอยู่มากกว่า 80 ประเทศทั่วโลกจัดตั้งขึ้นเพื่อควบคุมและดูแลเรื่องการละเมิดลิขสิทธิ์ รวมถึงการทาความเข้าใจกับผู้บริโภคใหัตระหนักถึงการใช้งานโปรแกรมที่ถูกต้อง การก่อกวนระบบด้วยโปรแกรมประสงค์ร้ายเป็นการใช้โปรแกรมที่มุ่งเน้นเพื่อการก่อกวนและทาลายระบบ ข้อมูลคอมพิวเตอร์โดยเฉพาะพบมากในปัจจุบันและสร้างความเสียหายต่อข้อมูลและระบบคอมพิวเตอร์เป็นอย่าง มาก กลุ่มโปรแกรมประสงค์ร้ายต่างๆ มีดังนี้ ไวรัสคอมพิวเตอร์(Computer Virus) เวิร์มหรือหนอนอินเทอร์เน็ต (Worm) ม้าโทรจัน (Trojan horses) ไวรัสคอมพิวเตอร์ (Computer Virus) เขียนโดยนักพัฒนาโปรแกรมที่มีความชานาญเฉพาะด้านการทางานจะอาศัยคาสั่งที่เขียนขึ้นภายในตัวโปรแกรม เพื่อกระจายไปยังเครื่องคอมพิวเตอร์เป้าหมายแพร่กระจายโดยอาศัยคนกระทาการอย่างใดอย่างหนึ่งกับพาหะที่ โปรแกรมไวรัสนั้นแฝงตัวอยู่ เช่น รันโปรแกรม อ่านอีเมล์เปิดดูเว็บเพจ หรือ เปิดไฟล์ที่แนบมา -ไวรัสคอมพิวเตอร์ (Computer Virus) เขียนโดยนักพัฒนาโปรแกรมที่มีความชานาญเฉพาะด้านการทางานจะอาศัยคาสั่งที่เขียนขึ้นภายในตัว โปรแกรมเพื่อกระจายไปยังเครื่องคอมพิวเตอร์เป้าหมายแพร่กระจายโดยอาศัยคนกระทาการอย่างใดอย่าง หนึ่งกับพาหะที่โปรแกรมไวรัสนั้นแฝงตัวอยู่ เช่น รันโปรแกรม อ่านอีเมล์เปิ ดดูเว็บเพจหรือ เปิดไฟล์ที่แนบมา
  • 5. 5 Document Name Your Company Name (C) Copyright (Print Date) All Rights Reserved -เวิร์มหรือหนอนอินเทอร์เน็ต (Worm) เป็นโปรแกรมที่มีความรุนแรงกว่าไวรัสคอมพิวเตอร์แบบเดิมมากจะทาลาย ระบบทรัพยากรคอมพิวเตอร์ให้มีประสิทธิภาพลดลงและไม่อาจทางานต่อไป ได้ การทางานจะมีการตรวจสอบเพื่อโจมตีหาเครื่องเป้ าหมายก่อนจากนั้นจะวิ่ง เจาะเข้าไปเองลักษณะที่เด่นของเวิร์มคือ สามารถสาเนาซ้าตัวมันเองได้อย่าง มหาศาล ภายในเวลาเพียงไม่กี่นาที -ม้าโทรจัน (Trojan horses) ทางานโดยอาศัยการฝังตัวอยู่ในระบบคอมพิวเตอร์เครื่องนั้นและจะไม่มีการ แพร่กระจายตัวแต่อย่างใดโปรแกรมจะถูกตั้งเวลาการทางานหรือควบคุมการ ทางานระยะไกลจากผู้ไม่ประสงค์ดี เพื่อให้เข้ามาทางานยังเครื่องคอมพิวเตอร์ เป้ าหมายได้เช่น แสร้งทาเป็นโปรแกรมยูทิลิตี้ให้ใช้งานแต่แท้จริงคือ โปรแกรมอันตรายเมื่อถึงเวลาก็จะทางานบางอย่างทันที การก่อกวนระบบด้วยสปายแวร์(Spyware) สปายแวร์เป็นโปรแกรมประเภทสะกดรอยข้อมูลไม่ได้มีความร้ายแรงต่อ คอมพิวเตอร์ เพียงแต่อาจทาให้เกิดความน่าราคาญโดยปกติมักแฝงตัวอยู่กับ เว็บไซต์บางประเภทรวมถึงโปรแกรมที่แจกให้ใช้งานฟรีทั้งหลายบาง โปรแกรมสามารถควบคุมการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตแทรกโฆษณาหรือเปลี่ยน หน้าแรกของบราวเซอร์ได้ การก่อกวนระบบด้วยสแปมเมล์(Spam Mail) สแปมเมล์คือ รูปแบบของจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ที่ผู้รับไม่ต้องการอ่าน วิธีการก่อกวนจะอาศัยการส่งอีเมล์แบบหว่านแห และส่งต่อให้กับผู้รับ จานวนมาก อาจถูกก่อกวนโดยแฮกเกอร์หรือเกิดจากการถูกสะกดรอยด้วย โปรแกรมประเภทสปายแวร์โดยมากมักเป็นเมล์ประเภทเชิญชวนให้ซื้อสินค้า หรือเลือกใช้บริการของเว็บไซต์นั้นๆ การหลอกลวงเหยื่อเพื่อล้วงเอาข้อมูลส่วนตัว (Phishing) เป็นการหลอกลวงด้วยการส่งอีเมล์หลอกไปยังกลุ่มสมาชิกเพื่อขอข้อมูล บางอย่างที่จาเป็น เช่น หมายเลขบัตรเครดิตชื่อผู้ใช้หรือรหัสผ่านใช้คากล่าว อ้างที่เขียนขึ้นมาเองให้เหยื่อตายใจและหลงเชื่ออาศัยกลลวงโดยใช้URL ปลอม แต่แท้จริงแล้วกลับเป็น URLของผู้ไม่ประสงค์ดีที่ทาขึ้นมาเลียนแบบ การรักษาความปลอดภัยระบบคอมพิวเตอร์ การติดตั้งโปรแกรมป้องกันไวรัส (Antivirus Program) เปรียบเสมือนยามรักษาความปลอดภัยที่มาเฝ้าดูแลบ้านทาหน้าที่คอย ตรวจสอบและติดตามการบุกรุกของโปรแกรมประสงค์ร้ายเมื่อพบจะสามารถ กาจัดและแจ้งให้ผู้ใช้ทราบได้ทันทีจาเป็นต้องทาให้ตัวโปรแกรมอัพเดทตัว ข้อมูลใหม่อยู่เสมอเพื่อให้ได้ผลดีมากขึ้น การใช้ระบบไฟร์วอลล์ (Firewall System) เป็นระบบรักษาความปลอดภัยที่ประกอบด้วยฮาร์ดแวร์หรือซอฟต์แวร์ก็ได้ ทาหน้าที่คอยดักจับ ป้องกันและตรวจสอบการบุกรุก (intrusion)รวมถึงการ เข้าถึงที่ไม่ได้รับอนุญาตจากผู้ไม่ประสงค์ดีภายนอกระบบจะให้ข้อมูล บางอย่างที่ได้รับการอนุญาตผ่านเข้าออกเท่านั้นหากไม่ตรงกับเงื่อนไขจะไม่ สามารถผ่านไปมาได้ การสารองข้อมูล (Back up) คือ การทาซ้าข้อมูล ไฟล์ หรือโปรแกรมที่อยู่ในพื้นที่เก็บข้อมูล เพื่อให้นาเอา กลับมาใช้ได้อีก หากข้อมูลต้นฉบับนั้นเกิดสูญหายหรือถูกทาลายวิธีการ สารองข้อมูลอาจทาทั้งระบบหรือแค่บางส่วน โดยเก็บลงหน่วยเก็บบันทึก ข้อมูลสารอง เช่น ฮาร์ดดิสก์, CD หรือ DVDหากข้อมูลมีความสาคัญ มากอาจต้องสารองข้อมูลทุกวัน หรือทุกสัปดาห์แต่หากข้อมูลมีความสาคัญ น้อย การสารองเพียงเดือนละครั้งหรือนานๆครั้งก็ย่อมเพียงพอ
  • 6. 6 Document Name Your Company Name (C) Copyright (Print Date) All Rights Reserved พรบ. ว่าด้วยการกระทาความผิดทางคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 มาตรา ๑ พระราชบัญญัตินี้เรียกว่า “พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทาความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. ๒๕๕๐” มาตรา ๒ พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับเมื่อพ้นกาหนดสามสิบวันนับแต่ วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป มาตรา ๓ ในพระราชบัญญัตินี้ “ระบบคอมพิวเตอร์” หมายความว่า อุปกรณ์หรือชุดอุปกรณ์ของคอมพิวเตอร์ ที่เชื่อมการทางานเข้าด้วยกัน โดยได้มีการกาหนด คาสั่ง ชุดคาสั่ง หรือสิ่งอื่นใด และแนวทางปฏิบัติงานให้อุปกรณ์หรือชุดอุปกรณ์ทาหน้าที่ประมวลผลข้อมูลโดยอัตโนมัติ “ข้อมูลคอมพิวเตอร์” หมายความว่า ข้อมูล ข้อความ คาสั่ง ชุดคาสั่ง หรือสิ่งอื่นใด บรรดาที่อยู่ในระบบคอมพิวเตอร์ในสภาพที่ ระบบคอมพิวเตอร์อาจประมวลผลได้และให้หมายความรวมถึงข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ตามกฎหมายว่าด้วยธุรกรรมทาง อิเล็กทรอนิกส์ด้วย “ข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์” หมายความว่า ข้อมูลเกี่ยวกับการติดต่อสื่อสารของระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งแสดงถึงแหล่งกาเนิด ต้น ทาง ปลายทาง เส้นทาง เวลา วันที่ ปริมาณ ระยะเวลา ชนิดของบริการ หรืออื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการติดต่อสื่อสารของระบบ คอมพิวเตอร์นั้น “ผู้ให้บริการ” หมายความว่า (๑) ผู้ให้บริการแก่บุคคลอื่นในการเข้าสู่อินเทอร์เน็ต หรือให้สามารถติดต่อถึงกันโดยประการอื่น โดยผ่านทางระบบคอมพิวเตอร์ ทั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็นการให้บริการในนามของตนเอง หรือในนามหรือเพื่อประโยชน์ของบุคคลอื่น (๒) ผู้ให้บริการเก็บรักษาข้อมูลคอมพิวเตอร์เพื่อประโยชน์ของบุคคลอื่น “ผู้ใช้บริการ” หมายความว่า ผู้ใช้บริการของผู้ให้บริการไม่ว่าต้องเสียค่าใช้บริการหรือไม่ก็ตาม “พนักงานเจ้าหน้าที่” หมายความว่า ผู้ซึ่งรัฐมนตรีแต่งตั้งให้ปฏิบัติการตามพระราชบัญญัตินี้ “รัฐมนตรี” หมายความว่า รัฐมนตรีผู้รักษาการตามพระราชบัญญัตินี้ มาตรา ๔ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร รักษาการตามพระราชบัญญัตินี้ และให้มีอานาจออก กฎกระทรวงเพื่อปฏิบัติการตามพระราชบัญญัตินี้ กฎกระทรวงนั้น เมื่อได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้วให้ใช้บังคับได้ หมวด ๑ ความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ มาตรา ๕ ผู้ใดเข้าถึงโดยมิชอบซึ่งระบบคอมพิวเตอร์ที่มีมาตรการป้องกัน การเข้าถึงโดยเฉพาะและมาตรการนั้นมิได้มีไว้สาหรับ ตน ต้องระวางโทษจาคุกไม่เกินหกเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจาทั้งปรับ มาตรา ๖ ผู้ใดล่วงรู้มาตรการป้องกันการเข้าถึงระบบคอมพิวเตอร์ที่ผู้อื่นจัดทาขึ้นเป็นการเฉพาะ ถ้านามาตรการดังกล่าวไปเปิดเผย โดยมิชอบในประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น ต้องระวางโทษจาคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินสองหมื่นบาท หรือทั้ง จาทั้งปรับ มาตรา ๗ ผู้ใดเข้าถึงโดยมิชอบซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่มีมาตรการป้องกันการเข้าถึงโดยเฉพาะและมาตรการนั้นมิได้มีไว้สาหรับ ตน ต้องระวางโทษจาคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกิน สี่หมื่นบาท หรือทั้งจาทั้งปรับ มาตรา ๘ ผู้ใดกระทาด้วยประการใดโดยมิชอบด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อดักรับไว้ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ของผู้อื่นที่อยู่ระหว่างการส่งในระบบคอมพิวเตอร์ และข้อมูลคอมพิวเตอร์นั้นมิได้มีไว้เพื่อประโยชน์ สาธารณะหรือเพื่อให้บุคคลทั่วไปใช้ประโยชน์ได้ต้องระวางโทษจาคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกหมื่นบาท หรือทั้งจาทั้งปรับ
  • 7. 7 Document Name Your Company Name (C) Copyright (Print Date) All Rights Reserved มาตรา ๙ ผู้ใดทาให้เสียหาย ทาลาย แก้ไข เปลี่ยนแปลง หรือเพิ่มเติมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ของผู้อื่นโดยมิ ชอบ ต้องระวางโทษจาคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจาทั้งปรับ มาตรา ๑๐ ผู้ใดกระทาด้วยประการใดโดยมิชอบ เพื่อให้การทางานของระบบคอมพิวเตอร์ของผู้อื่นถูกระงับ ชะลอ ขัดขวาง หรือรบกวน จนไม่สามารถทางานตามปกติได้ต้องระวางโทษจาคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจาทั้งปรับ มาตรา ๑๑ ผู้ใดส่งข้อมูลคอมพิวเตอร์หรือจดหมายอิเล็กทรอนิกส์แก่บุคคลอื่น โดยปกปิดหรือปลอมแปลงแหล่งที่มาของการส่งข้อมูล ดังกล่าว อันเป็นการรบกวนการใช้ระบบคอมพิวเตอร์ของบุคคลอื่นโดยปกติสุข ต้องระวางโทษปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท มาตรา ๑๒ ถ้าการกระทาความผิดตามมาตรา ๙ หรือมาตรา ๑๐ (๑) ก่อให้เกิดความเสียหายแก่ประชาชน ไม่ว่าความเสียหายนั้นจะเกิดขึ้นในทันทีหรือในภายหลังและไม่ว่าจะเกิดขึ้นพร้อมกันหรือไม่ ต้องระวางโทษจาคุกไม่เกินสิบปี และปรับไม่เกินสองแสนบาท (๒) เป็นการกระทาโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายต่อข้อมูลคอมพิวเตอร์หรือระบบคอมพิวเตอร์ที่เกี่ยวกับการรักษาความมั่นคง ปลอดภัยของประเทศ ความปลอดภัยสาธารณะ ความมั่นคงในทางเศรษฐกิจของประเทศ หรือการบริการสาธารณะ หรือเป็นการกระทา ต่อข้อมูลคอมพิวเตอร์หรือระบบคอมพิวเตอร์ที่มีไว้เพื่อประโยชน์สาธารณะ ต้องระวางโทษจาคุกตั้งแต่สามปีถึงสิบห้าปี และปรับตั้งแต่ หกหมื่นบาทถึงสามแสนบาท ถ้าการกระทาความผิดตาม (๒) เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ต้องระวางโทษจาคุกตั้งแต่สิบปีถึงยี่สิบปี มาตรา ๑๓ ผู้ใดจาหน่ายหรือเผยแพร่ชุดคาสั่งที่จัดทาขึ้นโดยเฉพาะเพื่อนาไปใช้เป็นเครื่องมือในการกระทาความผิดตามมาตรา ๕ มาตรา ๖ มาตรา ๗ มาตรา ๘ มาตรา ๙ มาตรา ๑๐ หรือมาตรา ๑๑ ต้องระวางโทษจาคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินสองหมื่นบาท หรือทั้งจาทั้งปรับ มาตรา ๑๔ ผู้ใดกระทาความผิดที่ระบุไว้ดังต่อไปนี้ ต้องระวางโทษจาคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจาทั้งปรับ (๑) นาเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการ ที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน (๒) นาเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายต่อความมั่นคงของประเทศหรือ ก่อให้เกิดความตื่นตระหนกแก่ประชาชน (๓) นาเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ใด ๆ อันเป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักรหรือความผิดเกี่ยวกับ การก่อการร้ายตามประมวลกฎหมายอาญา (๔) นาเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ใด ๆ ที่มีลักษณะอันลามก และข้อมูลคอมพิวเตอร์นั้นประชาชนทั่วไปอาจเข้าถึง ได้ (๕) เผยแพร่หรือส่งต่อซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์โดยรู้อยู่แล้วว่าเป็นข้อมูลคอมพิวเตอร์ตาม (๑) (๒) (๓) หรือ (๔) มาตรา ๑๕ ผู้ให้บริการผู้ใดจงใจสนับสนุนหรือยินยอมให้มีการกระทาความผิดตามมาตรา ๑๔ ในระบบคอมพิวเตอร์ที่อยู่ในความควบคุมของตน ต้องระวางโทษเช่นเดียวกับผู้กระทาความผิดตามมาตรา ๑๔
  • 8. 8 Document Name Your Company Name (C) Copyright (Print Date) All Rights Reserved มาตรา ๑๖ ผู้ใดนาเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ที่ประชาชนทั่วไปอาจเข้าถึงได้ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่ปรากฏเป็นภาพของผู้อื่น และภาพนั้นเป็นภาพที่ เกิดจากการสร้างขึ้น ตัดต่อ เติมหรือดัดแปลงด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์หรือวิธีการอื่นใด ทั้งนี้ โดยประการที่น่าจะทาให้ผู้อื่นนั้นเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น ถูกเกลียดชัง หรือได้รับความอับอาย ต้องระวางโทษจาคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกหมื่นบาท หรือทั้งจาทั้งปรับ ถ้าการกระทาตามวรรคหนึ่ง เป็นการนาเข้าข้อมูลคอมพิวเตอร์โดยสุจริต ผู้กระทาไม่มีความผิด ความผิดตามวรรคหนึ่งเป็นความผิดอันยอมความได้ ถ้าผู้เสียหายในความผิดตามวรรคหนึ่งตายเสียก่อนร้องทุกข์ให้บิดา มารดา คู่สมรส หรือบุตร ของผู้เสียหายร้องทุกข์ได้และให้ถือว่าเป็นผู้เสียหาย มาตรา ๑๗ ผู้ใดกระทาความผิดตามพระราชบัญญัตินี้นอกราชอาณาจักรและ (๑) ผู้กระทาความผิดนั้นเป็นคนไทย และรัฐบาลแห่งประเทศที่ความผิดได้เกิดขึ้นหรือผู้เสียหายได้ร้องขอให้ลงโทษ หรือ (๒) ผู้กระทาความผิดนั้นเป็นคนต่างด้าว และรัฐบาลไทยหรือคนไทยเป็นผู้เสียหายและผู้เสียหายได้ร้องขอให้ลงโทษ จะต้องรับโทษภายใน ราชอาณาจักร หมวด ๒ พนักงานเจ้าหน้าที่ มาตรา ๑๘ ภายใต้บังคับมาตรา ๑๙ เพื่อประโยชน์ในการสืบสวนและสอบสวน ในกรณีที่มีเหตุอันควรเชื่อได้ว่ามีการกระทาความผิดตาม พระราชบัญญัตินี้ ให้พนักงานเจ้าหน้าที่มีอานาจอย่างหนึ่งอย่างใด ดังต่อไปนี้ เฉพาะที่จาเป็นเพื่อประโยชน์ในการใช้เป็นหลักฐานเกี่ยวกับการ กระทาความผิดและหาตัวผู้กระทาความผิด (๑) มีหนังสือสอบถามหรือเรียกบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการกระทาความผิดตามพระราชบัญญัตินี้มาเพื่อให้ถ้อยคา ส่งคาชี้แจงเป็นหนังสือ หรือส่ง เอกสาร ข้อมูล หรือหลักฐานอื่นใดที่อยู่ในรูปแบบที่สามารถเข้าใจได้ (๒) เรียกข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์จากผู้ให้บริการเกี่ยวกับการติดต่อสื่อสารผ่านระบบคอมพิวเตอร์หรือจากบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้อง (๓) สั่งให้ผู้ให้บริการส่งมอบข้อมูลเกี่ยวกับผู้ใช้บริการที่ต้องเก็บตามมาตรา ๒๖ หรือที่อยู่ในความครอบครองหรือควบคุมของผู้ให้บริการให้แก่ พนักงานเจ้าหน้าที่ (๔) ทาสาเนาข้อมูลคอมพิวเตอร์ ข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์ จากระบบคอมพิวเตอร์ที่มีเหตุอันควรเชื่อได้ว่ามีการกระทาความผิดตาม พระราชบัญญัตินี้ ในกรณีที่ระบบคอมพิวเตอร์นั้นยังมิได้อยู่ในความครอบครองของพนักงานเจ้าหน้าที่ (๕) สั่งให้บุคคลซึ่งครอบครองหรือควบคุมข้อมูลคอมพิวเตอร์ หรืออุปกรณ์ที่ใช้เก็บข้อมูลคอมพิวเตอร์ ส่งมอบข้อมูลคอมพิวเตอร์ หรืออุปกรณ์ ดังกล่าวให้แก่พนักงานเจ้าหน้าที่ (๖) ตรวจสอบหรือเข้าถึงระบบคอมพิวเตอร์ ข้อมูลคอมพิวเตอร์ ข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์ หรืออุปกรณ์ที่ใช้เก็บข้อมูลคอมพิวเตอร์ของบุคคล ใด อันเป็นหลักฐานหรืออาจใช้เป็นหลักฐานเกี่ยวกับการกระทาความผิด หรือเพื่อสืบสวนหาตัวผู้กระทาความผิดและสั่งให้บุคคลนั้นส่ง ข้อมูลคอมพิวเตอร์ ข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์ ที่เกี่ยวข้องเท่าที่จาเป็นให้ด้วยก็ได้ (๗) ถอดรหัสลับของข้อมูลคอมพิวเตอร์ของบุคคลใด หรือสั่งให้บุคคลที่เกี่ยวข้องกับการเข้ารหัสลับของข้อมูลคอมพิวเตอร์ ทาการถอดรหัสลับ หรือให้ความร่วมมือกับพนักงานเจ้าหน้าที่ในการถอดรหัสลับดังกล่าว (๘) ยึดหรืออายัดระบบคอมพิวเตอร์เท่าที่จาเป็นเฉพาะเพื่อประโยชน์ในการทราบรายละเอียดแห่งความผิดและผู้กระทาความผิดตาม พระราชบัญญัตินี้ มาตรา ๑๙ การใช้อานาจของพนักงานเจ้าหน้าที่ตามมาตรา ๑๘ (๔) (๕) (๖) (๗) และ (๘) ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ยื่นคาร้องต่อศาลที่มีเขต อานาจเพื่อมีคาสั่งอนุญาตให้พนักงานเจ้าหน้าที่ดาเนินการตามคาร้อง ทั้งนี้ คาร้องต้องระบุเหตุอันควรเชื่อได้ว่าบุคคลใดกระทาหรือ กาลังจะกระทาการอย่างหนึ่งอย่างใดอันเป็นความผิดตามพระราชบัญญัตินี้ เหตุที่ต้องใช้อานาจ ลักษณะของการกระทาความผิด รายละเอียดเกี่ยวกับอุปกรณ์ที่ใช้ในการกระทาความผิดและผู้กระทาความผิด เท่าที่สามารถจะระบุได้ประกอบคาร้องด้วย ในการพิจารณา คาร้องให้ศาลพิจารณาคาร้องดังกล่าวโดยเร็ว
  • 9. 9 Document Name Your Company Name (C) Copyright (Print Date) All Rights Reserved เมื่อศาลมีคาสั่งอนุญาตแล้ว ก่อนดาเนินการตามคาสั่งของศาล ให้พนักงาน เจ้าหน้าที่ส่งสาเนาบันทึกเหตุอันควรเชื่อที่ทาให้ต้องใช้อานาจตามมาตรา ๑๘ (๔) (๕) (๖) (๗) และ (๘) มอบให้เจ้าของหรือผู้ครอบครอง ระบบคอมพิวเตอร์นั้นไว้เป็นหลักฐาน แต่ถ้าไม่มีเจ้าของหรือผู้ครอบครองเครื่องคอมพิวเตอร์อยู่ ณ ที่นั้น ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ส่งมอบ สาเนาบันทึกนั้นให้แก่เจ้าของหรือผู้ครอบครองดังกล่าวในทันทีที่กระทาได้ ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ผู้เป็นหัวหน้าในการดาเนินการตามมาตรา ๑๘ (๔) (๕) (๖) (๗) และ (๘) ส่งสาเนาบันทึกรายละเอียดการดาเนินการ และเหตุผลแห่งการดาเนินการ ให้ศาลที่มีเขตอานาจภายในสี่สิบแปดชั่วโมงนับแต่เวลาลงมือดาเนินการ เพื่อเป็นหลักฐาน การทาสาเนาข้อมูลคอมพิวเตอร์ตามมาตรา ๑๘ (๔) ให้กระทาได้เฉพาะเมื่อมีเหตุอันควรเชื่อได้ว่ามีการกระทาความผิดตาม พระราชบัญญัตินี้ และต้องไม่เป็นอุปสรรคในการดาเนินกิจการของเจ้าของหรือผู้ครอบครองข้อมูลคอมพิวเตอร์นั้นเกินความจาเป็น การยึดหรืออายัดตามมาตรา ๑๘ (๘) นอกจากจะต้องส่งมอบสาเนาหนังสือแสดงการยึดหรืออายัดมอบให้เจ้าของหรือผู้ครอบครองระบบ คอมพิวเตอร์นั้นไว้เป็นหลักฐานแล้ว พนักงานเจ้าหน้าที่จะสั่งยึดหรืออายัดไว้เกินสามสิบวันมิได้ในกรณีจาเป็นที่ต้องยึดหรืออายัด ไว้ นานกว่านั้น ให้ยื่นคาร้องต่อศาลที่มีเขตอานาจเพื่อขอขยายเวลายึดหรืออายัดได้แต่ศาลจะอนุญาตให้ขยายเวลาครั้งเดียวหรือหลายครั้ง รวมกันได้อีกไม่เกินหกสิบวัน เมื่อหมดความจาเป็นที่จะยึดหรืออายัดหรือครบกาหนดเวลาดังกล่าวแล้ว พนักงานเจ้าหน้าที่ต้องส่งคืน ระบบคอมพิวเตอร์ ที่ยึดหรือถอนการอายัดโดยพลัน หนังสือแสดงการยึดหรืออายัดตามวรรคห้าให้เป็นไปตามที่กาหนดในกฎกระทรวง มาตรา ๒๐ ในกรณีที่การกระทาความผิดตามพระราชบัญญัตินี้เป็นการทาให้แพร่หลายซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่อาจกระทบกระเทือนต่อ ความมั่นคงแห่งราชอาณาจักรตามที่กาหนดไว้ในภาคสอง ลักษณะ ๑ หรือลักษณะ ๑/๑ แห่งประมวลกฎหมายอาญา หรือที่มีลักษณะขัด ต่อ ความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน พนักงานเจ้าหน้าที่โดยได้รับความเห็นชอบจากรัฐมนตรีอาจยื่นคาร้องพร้อม แสดงพยานหลักฐานต่อศาลที่มีเขตอานาจขอให้มีคาสั่งระงับ การทาให้แพร่หลายซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์นั้นได้ ในกรณีที่ศาลมีคาสั่งให้ระงับการทาให้แพร่หลายซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ตามวรรคหนึ่ง ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ทาการระงับการทาให้ แพร่หลายนั้นเอง หรือสั่งให้ผู้ให้บริการระงับการทาให้แพร่หลายซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์นั้นก็ได้ มาตรา ๒๑ ในกรณีที่พนักงานเจ้าหน้าที่พบว่า ข้อมูลคอมพิวเตอร์ใดมีชุดคาสั่ง ไม่พึงประสงค์รวมอยู่ด้วย พนักงานเจ้าหน้าที่อาจยื่นคา ร้องต่อศาลที่มีเขตอานาจเพื่อขอให้มีคาสั่งห้ามจาหน่ายหรือเผยแพร่ หรือสั่งให้เจ้าของหรือผู้ครอบครองข้อมูลคอมพิวเตอร์นั้นระงับการ ใช้ทาลาย หรือแก้ไขข้อมูลคอมพิวเตอร์นั้นได้หรือจะกาหนดเงื่อนไขในการใช้มีไว้ในครอบครอง หรือเผยแพร่ชุดคาสั่งไม่พึงประสงค์ ดังกล่าวก็ได้ ชุดคาสั่งไม่พึงประสงค์ตามวรรคหนึ่งหมายถึงชุดคาสั่งที่มีผลทาให้ข้อมูลคอมพิวเตอร์ หรือระบบคอมพิวเตอร์หรือชุดคาสั่งอื่นเกิดความ เสียหาย ถูกทาลาย ถูกแก้ไข เปลี่ยนแปลงหรือเพิ่มเติม ขัดข้อง หรือปฏิบัติงานไม่ตรงตามคาสั่งที่กาหนดไว้หรือโดยประการอื่นตามที่ กาหนดในกฎกระทรวง ทั้งนี้ เว้นแต่เป็นชุดคาสั่งที่มุ่งหมายในการป้องกันหรือแก้ไขชุดคาสั่งดังกล่าวข้างต้น ตามที่รัฐมนตรีประกาศใน ราชกิจจานุเบกษา มาตรา ๒๒ ห้ามมิให้พนักงานเจ้าหน้าที่เปิดเผยหรือส่งมอบข้อมูลคอมพิวเตอร์ ข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์ หรือข้อมูลของผู้ใช้บริการ ที่ได้มาตามมาตรา ๑๘ ให้แก่บุคคลใด ความในวรรคหนึ่งมิให้ใช้บังคับกับการกระทาเพื่อประโยชน์ในการดาเนินคดีกับผู้กระทาความผิดตามพระราชบัญญัตินี้ หรือเพื่อ ประโยชน์ในการดาเนินคดีกับพนักงานเจ้าหน้าที่เกี่ยวกับการใช้อานาจหน้าที่โดยมิชอบ หรือเป็นการกระทาตามคาสั่งหรือที่ได้รับ อนุญาตจากศาล พนักงานเจ้าหน้าที่ผู้ใดฝ่าฝืนวรรคหนึ่งต้องระวางโทษจาคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกหมื่นบาท หรือทั้งจาทั้งปรับ
  • 10. 10 Document Name Your Company Name (C) Copyright (Print Date) All Rights Reserved มาตรา ๒๓ พนักงานเจ้าหน้าที่ผู้ใดกระทาโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นล่วงรู้ข้อมูลคอมพิวเตอร์ ข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์ หรือ ข้อมูลของผู้ใช้บริการ ที่ได้มาตามมาตรา ๑๘ ต้องระวางโทษจาคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินสองหมื่นบาท หรือทั้งจาทั้งปรับ มาตรา ๒๔ ผู้ใดล่วงรู้ข้อมูลคอมพิวเตอร์ ข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์ หรือข้อมูลของผู้ใช้บริการ ที่พนักงานเจ้าหน้าที่ได้มาตาม มาตรา ๑๘ และเปิดเผยข้อมูลนั้นต่อ ผู้หนึ่งผู้ใด ต้องระวางโทษจาคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินสี่หมื่นบาท หรือทั้งจาทั้งปรับ มาตรา ๒๕ ข้อมูล ข้อมูลคอมพิวเตอร์ หรือข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์ ที่พนักงานเจ้าหน้าที่ได้มาตามพระราชบัญญัตินี้ ให้อ้าง และรับฟังเป็นพยานหลักฐานตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาหรือกฎหมายอื่นอันว่าด้วยการสืบพยาน ได้แต่ต้องเป็นชนิดที่มิได้เกิดขึ้นจากการจูงใจ มีคามั่นสัญญา ขู่เข็ญ หลอกลวง หรือโดยมิชอบประการอื่น มาตรา ๒๖ ผู้ให้บริการต้องเก็บรักษาข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์ไว้ไม่น้อยกว่า เก้าสิบวันนับแต่วันที่ข้อมูลนั้นเข้าสู่ระบบ คอมพิวเตอร์ แต่ในกรณีจาเป็นพนักงานเจ้าหน้าที่จะสั่ง ให้ผู้ให้บริการผู้ใดเก็บรักษาข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์ไว้เกินเก้าสิบวัน แต่ไม่เกินหนึ่งปีเป็นกรณีพิเศษเฉพาะรายและเฉพาะคราวก็ได้ ผู้ให้บริการจะต้องเก็บรักษาข้อมูลของผู้ใช้บริการเท่าที่จาเป็นเพื่อให้สามารถระบุตัวผู้ใช้บริการนับตั้งแต่เริ่มใช้บริการและต้องเก็บ รักษาไว้เป็นเวลาไม่น้อยกว่าเก้าสิบวันนับตั้งแต่การใช้บริการสิ้นสุดลง ความในวรรคหนึ่งจะใช้กับผู้ให้บริการประเภทใด อย่างไร และเมื่อใด ให้เป็นไปตามที่รัฐมนตรีประกาศในราชกิจจานุเบกษา ผู้ให้บริการผู้ใดไม่ปฏิบัติตามมาตรานี้ ต้องระวางโทษปรับไม่เกินห้าแสนบาท มาตรา ๒๗ ผู้ใดไม่ปฏิบัติตามคาสั่งของศาลหรือพนักงานเจ้าหน้าที่ที่สั่งตามมาตรา ๑๘ หรือมาตรา ๒๐ หรือไม่ปฏิบัติตามคาสั่ง ของศาลตามมาตรา ๒๑ ต้องระวางโทษปรับ ไม่เกินสองแสนบาท และปรับเป็นรายวันอีกไม่เกินวันละห้าพันบาทจนกว่าจะปฏิบัติ ให้ถูกต้อง มาตรา ๒๘ การแต่งตั้งพนักงานเจ้าหน้าที่ตามพระราชบัญญัตินี้ ให้รัฐมนตรีแต่งตั้งจากผู้มีความรู้และความชานาญเกี่ยวกับระบบ คอมพิวเตอร์และมีคุณสมบัติตามที่รัฐมนตรีกาหนด มาตรา ๒๙ ในการปฏิบัติหน้าที่ตามพระราชบัญญัตินี้ ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ เป็นพนักงานฝ่ายปกครองหรือตารวจชั้นผู้ใหญ่ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มีอานาจรับคาร้องทุกข์หรือรับคากล่าวโทษ และมีอานาจในการสืบสวนสอบสวนเฉพาะ ความผิดตามพระราชบัญญัตินี้ ในการจับ ควบคุม ค้น การทาสานวนสอบสวนและดาเนินคดีผู้กระทาความผิดตามพระราชบัญญัตินี้ บรรดาที่เป็นอานาจของ พนักงานฝ่ายปกครองหรือตารวจชั้นผู้ใหญ่ หรือพนักงานสอบสวนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ให้พนักงาน เจ้าหน้าที่ประสานงาน กับพนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบเพื่อดาเนินการตามอานาจหน้าที่ต่อไป ให้นายกรัฐมนตรีในฐานะผู้กากับดูแลสานักงานตารวจแห่งชาติและรัฐมนตรี มีอานาจร่วมกันกาหนดระเบียบเกี่ยวกับแนวทางและวิธีปฏิบัติในการดาเนินการตามวรรคสอง มาตรา ๓๐ ในการปฏิบัติหน้าที่ พนักงานเจ้าหน้าที่ต้องแสดงบัตรประจาตัว ต่อบุคคลซึ่งเกี่ยวข้อง บัตรประจาตัวของพนักงานเจ้าหน้าที่ให้เป็นไปตามแบบที่รัฐมนตรีประกาศ ในราชกิจจานุเบกษา