วาตภัย
- 3. พายุ (Storms) เกิดขึ้นเมื่อเกิดศูนย์กลางของแรงดันในอากาศต่าลง
มากกว่าในบริเวณรอบๆ พื้นที่หนึ่ง พร้อมกับมีแรงดันอากาศสูงเกิดขึ้น
รอบ ๆ พื้นที่นั้น การรวมของแรงปะทะต่าง ๆ ก่อให้เกิดลม อันส่งผล
ให้เกิด การเคลื่อนตัวเปลี่ยนรูปของพายุเมฆ เช่น สภาพที่เรียกว่า
cumulonimbus ซึ่งเป็นในรูปแบบก้อนเมฆดาทะมึนหนาทึบอันเต็ม
ไปด้วยประจุไฟฟ้าที่ก่อให้เกิดฝนฟ้าคะนอง
ซึ่งแรงดันอากาศต่าอาจเกิดจากจุดเล็ก ๆ ที่พื้นที่ใด ๆ อันเกิดจาก
อากาศร้อนลอยล่องขึ้นจากพื้นดิน ส่งผลให้เกิดการปั่นป่วนน้อย ๆ
เช่น การเกิดพายุฝุ่น (dust devils) หรือลมหมุน (whirlwinds)
- 6. พายุฝนฟ้าคะนองหรือพายุฤดูร้อน (Summer
Storm) เกิดลมร้อน และความชื้นจากน้าทะเล พัดไป
ปะทะกับลมแห้ง และลมเย็น ทาให้เกิดพายุฝนฟ้า
คะนอง ฝนตก ฟ้าผ่า อาจมีลูกเห็บตก ซึ่งบางครั้ง ทาให้
เกิดลมงวงสูงมาก จึงทาลายบ้านเรือน และสิ่งที่กีดขวางกั้น
ให้พังทลายได้ ปกติความเร็วของ ลมพายุฤดูร้อน จะมี
กาลังประมาณ 50 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แต่ก็อาจมีความเร็ว
ถึง 149 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
- 10. เป็นลมพายุที่มีความเร็วสูงใกล้ศูนย์กลางตั้งแต่ 64 น็อต หรือ
118 กิโลเมตรต่อชั่วโมงขึ้นไป มีชื่อเรียกแตกต่างกันไปตามแต่ละ
ท้องถิ่น เช่น หากเกิดขึ้นบริเวณ มหาสมุทรแปซิฟิกและทะเลจีน จะ
เรียกว่า พายุไต้ฝุ่น (Typhoon) หากเกิดขึ้นบริเวณอ่าวเบ
กอล มหาสมุทรอินเดีย และทะเลอาราเบียน จะเรียกว่า พายุไซโคลน
(Cyclones) และหากเกิดขึ้นบริเวณมหาสมุทร แอตแลนติก ทะเล
แคริบเบียน หรือฝั่งตะวันออกเฉียงใต้ของอเมริกาเรียกว่าเฮอริเคน
(Huricanes) พายุไต้ฝุ่นเป็นพายุที่มีความรุนแรงมากที่สุด ทาให้เกิด
ฝนตกหนักมากบริเวณที่พัดผ่าน และมีอานาจ ในการทาลายชีวิตและ
ทรัพย์สินมาก
- 11. ไซโคลนหมุนตัวทวนเข็มนาฬิกาเข้าสู่ศูนย์กลาง และมวล
อากาศรอบ หย่อมความกดอากาศสูง (H) “แอนติไซโคลน”
(Anticyclone) หมุนตัวตามเข็มนาฬิกาออกจากศูนย์กลางใน
บริเวณซีกโลกใต้ และ “แอนติไซโคลน” จะหมุนตัวทวน เข็ม
นาฬิกาตรงกันข้ามกับซีกโลกเหนือเป็นชื่อพายุหมุนที่เกิดใน
มหาสมุทรอินเดีย เหนือ เช่น บริเวณอ่าวเบงกอล ทะเล
อาหรับ เป็นต้น แต่ถ้าพายุนี้เกิดบริเวณทะเลติมอร์และทิศ
ตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศออสเตรเลีย จะเรียกว่า พายุ
วิลลี-วิลลี (willy-willy)
- 12. เป็นลมพายุที่พัดด้วยความเร็ว 34-62 หรือ 62-
117 กิโลเมตรต่อชั่วโมง มีกาลังแรงของลมปานกลาง ทา
ให้เรือล่ม บ้านจมน้า พัดกวาดผู้คนจมน้าได้ และหาก
พายุนี้มีความเร็วลมสูงขึ้นอีก จะกลายเป็นพายุใต้
ฝุ่น กรณีที่ฝนตกหนัก บ้านเรือนจะพังพินาศ การ
คมนาคมถูกตัดขาด สูญเสียชีวิต และทรัพย์สินมาก
- 16. 1. ต้นไม้ล้มถอนรากถอนโคน
เรือกสวน ไร่นาเสียหาย เสาไฟฟ้าล้ม สายไฟฟ้าขาด ไฟ
ฟ้าช๊อต อาจเกิดเพลิงไหม้ได้
2. บ้านเรือนที่ไม่แข็งแรงพังทลาย ชิ้นส่วนของบ้านถูกลมพายุ
พัดปลิว เป็นอันตรายต่อผู้ที่อยู่ในที่โล่งแจ้ง บ้านเรือน และผู้คน
ที่พักอาศัยริมทะเลอาจถูกคลื่นใหญ่ซัดและม้วนลงทะเล
3. ฝนตกหนักมากทั้งวันทั้งคืน จนทาให้เกิดน้าป่าและแผ่นดิน
ถล่ม
4. ในทะเลมีคลื่นลมแรงจัดมากเป็นอันตรายต่อการเดินเรือ
โดยเฉพาะเรือเล็ก และอาจมีคลื่นใหญ่ซัดชายฝั่ง ทาให้
ระดับน้าทะเลสูงขึ้นมากจนท่วมอาคารบ้านเรือนริมทะเลได้
- 17. จากข้อมูลในรอบ 48 ปี (พ.ศ. 2494 -2541)
ปรากฏว่าพายุเริ่มเคลื่อนเข้าสู่ประเทศไทย ได้ตั้งแต่
เดือนเมษายนแต่มีโอกาสน้อยมาก โดยเกิดขึ้นเพียงครั้ง
เดียวเมื่อ พ.ศ. 2504 พายุจะมีโอกาสเคลื่อนเข้าสู่
ประเทศไทยมากขึ้น เป็นลาดับตั้งแต่เดือนพฤษภาคม
เป็นต้นไป และเดือนตุลาคมเป็นเดือนที่พายุมีโอกาส
เคลื่อนเข้าสู่ประเทศไทยมากที่สุด รองลงไปคือเดือน
กันยายน
- 20. วาตภัย – “เกิดขึ้นกว่า 3 หมื่นครั้ง ในรอบ 20 ปี ”
วาตภัยเกิดขึ้นเมื่อพายุมีกาลังแรงในชั้นดีเปรสชั่นทาให้เกิดฝนตกหนัก
และหากพายุมีกาลังแรงขึ้นเป็นพายุโซนร้อนหรือไต้ฝุ่น จะก่อให้เกิด
ภัยหลายอย่างพร้อมกันทั้งวาตภัย อุกภัยและคลื่นพายุซัดฝั่ง ซึ่งเป็น
อันตรายเสียหายรุนแรง จากสถิติปี 2532–2552 ประเทศไทยเกิด
วาตภัยรวม 36,024 ครั้ง ผู้เสียชีวิต 842 คน มูลค่าความเสียหาย
รวมกว่า 5 พันล้านบาท โดยในปี 2547 เกิดวาตภัยบ่อยครั้งมาก
ที่สุด 3,834 ครั้ง ครอบคลุม 76 จังหวัด ทาให้เกิดมูลค่าความเสีย
เกือบ 4 ร้อยล้านบาท
- 24. เมื่อพายุสงบแล้ว
1. เมื่อมีผู้บาดเจ็บให้รีบช่วยเหลือและนาส่งโรงพยาบาลหรือ
สถานพยาบาลที่ใกล้เคียงให้เร็ว ที่สุด
2. ต้นไม้ใกล้จะล้มให้รีบจัดการโค่นล้มลงเสีย มิฉะนั้นจะหักโค่นล้ม
ภายหลัง
3. ถ้ามีเสาไฟฟ้าล้ม สายไฟขาดอย่าเข้าใกล้หรือแตะต้องเป็นอันขาด ทา
เครื่องหมายแสดงอันตราย
4. แจ้งให้เจ้าหน้าที่หรือช่างไฟฟ้าจัดการด่วน อย่าแตะโลหะที่เป็นสื่อ
ไฟฟ้าเมื่อปรากฏว่าท่อประปาแตกที่ใด ให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่มาแก้ไข
โดยด่วน
5. อย่าเพิ่งใช้น้าประปา เพราะน้าอาจไม่บริสุทธิ์ เนื่องจากท่อแตกหรือ
น้าท่วม ถ้าใช้น้าประปาขณะนั้นดื่มอาจจะเกิดโรคได้ ให้ใช้น้าที่กักตุน
ก่อนเกิดเหตุดื่มแทน