More Related Content
Similar to Problem base (20)
Problem base
- 2. 1. ต้องศึกษาทฤษฎีกลุ่มพฤติกรรมนิยมเพื่อเลือกวิธีที่จะนํามาประยุกต์ใช้ในการวางเงื่อนไขไก่
ตอบ :ทฤษฎีกลุ่มพฤติกรรมนิยมที่จะนํามาประยุกต์ใช้ในการวางเงื่อนไขไก่ ในสถานการณ์นี้คือ พฤติกรรมเรสปอน
เดนส์ (Respondent Behavior) ซึ่งหมายถึงพฤติกรรมที่เกิดขึ้นโดยสิ่งเร้าเมื่อมีสิ่งเร้าพฤติกรรมตอบสนองก็จะเกิดขึ้น
ซึ่งจะสามารถสังเกตได้ และ ทฤษฎีที่นํามาใช้ในอธิบายกระบวนการเรียนรู้ประเภทนี้เรียกว่า ทฤษฎีการวางเงื่อนไข
แบบคลาสสิค(Classical Conditioning Theory) ของ พาลอฟ
2. ต้องอธิบายหลักการที่ท่านเลือกและนํามาใช้ในการวางเงื่อนไขกับไก่ได้อย่างไร อธิบายเหตุผล
ตอบ : ทฤษฎีการวางเงื่อนไขแบบคลาสสิค(Classical Conditioning Theory) ของ พาลอฟ มีหลักการดังนี้การวาง
เงื่อนไขแบบคลาสสิค = สิ่งเร้าที่วางเงื่อนไข + สิ่งเร้าที่ไม่ได้วางเงื่อนไข = การเรียนรู้สามารถนํามาใช้ในการวางเงื่อนไขกับ
ไก่ ได้ โดย การให้สิ่งเร้าคือเสียงเคาะไม้ไผ่ เพื่อทําให้ไก่มี พฤติกรรมตอบสนองที่ต้องการคือไก่มากินอาหารในเวลาที่
กําหนด ทําให้ปอยฝ้ ายไม่ต้องมาให้อาหารไก่ด้วยตนเองแต่ทําได้โดยการให้คนงานคนอื่นเคาะไม้ไผ่เป็นสัญญาณบอก
เวลาให้อาหารไก่ ทุกครั้งที่มีเสียงเคาะไม้ไผ่ไก่ก็จะมากินอาหาร
ภารกิจที่ 1 ก.ไก่ในฟาร์ม
- 3. 3. วิเคราะห์หลักการที่เลือกเพื่อหาข้อดี-ข้อจํากัด พร้อมแสดงเหตุผล
ตอบ ข้อดีของทฤษฎีการวางเงื่อนไขแบบคลาสสิค(Classical Conditioning Theory) ของ พาลอฟ คือ
1. ทําให้ไก่มีพฤติกรรมการตอบสนองต่อการวางเงื่อนไขเพื่อตอบสนองต่อความหิวได้โดยใช้เวลาระยะสั้นๆ เช่น
ปอยฝ้ ายไม่ต้องมาให้อาหารไก่ด้วยตนเองแต่ให้คนงานคนอื่นเคาะไม้ไผ่เป็นสัญญาณบอกเวลาให้อาหารไก่ ทุกครั้งที่มี
เสียงเคาะไม้ไผ่ไก่ก็จะตอบสนองต่อเสียงไม้ไผ่โดยการวิ่งมากินอาหาร
ข้อจํากัดของทฤษฎีการวางเงื่อนไขแบบคลาสสิค(Classical Conditioning Theory) ของ พาลอฟ คือถ้ามี
การเคาะไม้ไผ่หลายๆครั้ง แต่ไม่มีการให้อาหารไก่ ไก่ก็จะลดอาการตอบสนองและไม่สนใจเสียงเคาะไม้ไผ่ในที่สุดทําให้วิธี
นี้ใช้ไม่ได้ผลอีกต่อไป
ภารกิจที่ 1 ก.ไก่ในฟาร์ม
- 6. ภารกิจที่ 2 น้องหนูขี้กลัว
1. หาวิธีการที่จะช่วยให้เด็กหายจากอาการกลัวการไปโรงเรียน
ควรสร้างให้สิ่งแวดล้อมรอบข้างอยู่ในสภาพที่ผ่อนคลาย ปัญหาจาการที่เด็กไม่ยอมไปโรงเรียน
อาจเกิดจากการยังกลัวกับสภาพการณ์ที่แตกต่างดังนั้นผู้ปกครอง หรือครูควรสร้างภาพแห่งการ
ปฏิสัมพันธ์ไปในทิศทางที่เป็นให้เห็นว่าไม่น่ากลัวอย่างที่คิด
2. วิเคราะห์และเลือกทฤษฎี ที่จะนํามาใช้ในการแก้ปัญหาและอธิบายรายละเอียดหลักการให้เข้าใจ
การใช้สิ่งเร้าสองสิ่งมาคู่กันคือสิ่งเร้าที่วางเงื่อนไข (CS) กับสิ่งเร้าที่ไม่วางเงื่อนไข (UCR) แล้วทํา
ให้เกิดการตอบสนองอย่างเดียวกันใช้คนในการทดลองซึ่งมักจะมีอารมณ์เข้ามาเกี่ยวข้องและ
อารมณ์ของมนุษย์ติดตัวมาตั้งแต่กําเกิดเช่น อารมณ์รัก ไม่พอใจและกลัว
- 9. ภารกิจที่ 3 ฤทธิ์ครูใหญ่
1. ให้อธิบายหลักการที่ท่านคิดว่าจะเป็นแนวทางในการแก้ปัญหาจากสถานการณ์นี้ว่ามีพื้นฐาน มา
จากหลักการใดในทฤษฎีการเรียนรู้กลุ่มพฤติกรรมนิยม
ตอบ หลักการทฤษฎีการเรียนรู้แบบลงมือกระทําของสกินเนอร์ มีแนวคิดคือ พฤติกรรมของมนุษย์เป็น
พฤติกรรมที่มีความสัมพันธ์ระหว่างสิ่งเร้าและการตอบสนองและจําเป็นต้องมีการเสริมแรงซึ่งการ
เสริมแรงนี้มีทั้งการเสริมแรงทางบวกและทางลบ การกระทําใดๆ ถ้าได้รับการเสริมแรงจะมีแนวโน้มที่จะ
เกิดขึ้นอีก
ส่วนการกระทําใดไม่มีการเสริมแรง การกระทํานั้นก็จะค่อยๆ ทําให้ค่อยๆปรับพฤติกรรม
- 10. 2 จงวิเคราะห์ว่า สถานการณ์ที่ท่านอ่านนี้อยู่ในขอบข่ายของทฤษฎีใดในกลุ่มพฤติกรรมนิยม อธิบายพร้อมทั้งให้
เหตุผลประกอบมาให้ชัดเจน
ตอบ อยู่ในขอบข่ายทฤษฎีการเรียนรู้การวางเงื่อนไขแบบลงมือกระทําของสกินเนอร์ เพราะ ครูต้องการให้
กลุ่มผู้เรียน 6 เปลี่ยนพฤติกรรมให้ดีขึ้น โดยกระตุ้นเสริมแรงให้กลุ่มผู้เรียน 6 คน แสดงพฤติกรรมที่พึงประสงค์
และลดพฤติกรรมที่ไม่พึงประสงค์ลง และ เป็นพฤติกรรมนั้นอย่างถาวร โดยครูใหญ่ได้ใช้หลักการเสริมแรงตาม
ทฤษฎีการเรียนรู้แบบลงมือกระทําของสกินเนอร์ (Operant Conditioning)ทําให้เกิดการเรียนรู้จากการลงมือ
กระทําและถ้าหากได้รับการเสริมแรงจะทําให้เกิดพฤติกรรมการนนั้นซํ้าอีกจนค่อยๆหายไป
ภารกิจที่ 3 ฤทธิ์ครูใหญ่
- 11. 3. สมมติว่าท่านเป็นครูใหญ่ ท่านจะใช้หลักในทฤษฎีพฤติกรรมนิยมใด มาใช้ในการแก้ปัญหา อธิบายพร้อมทั้ง
ยกตัวอย่างประกอบ
ตอบ หลักสําคัญของทฤษฎีการวางเงื่อนไขแบบการกระทําของสกินเนอร์ คือ เราสามารถควบคุมการ
ตอบสนองได้ด้วยวิธีการเสริมแรง เราจะให้การเสริมแรงเฉพาะเมื่อมีการตอบสนองที่ต้องการ เพื่อให้กลายเป็น
นิสัยติดตัวต่อไป และลดพฤติกรรมที่ไม่พึ่งประสงค์ให้หายไป ตัวอย่างเช่น เด็กชายคนหนึ่งมีพฤติกรรมคือ ไม่
สนใจการเรียน ชอบแกล้งเพื่อน คุณครูต้องการต้องแก้ไขพฤติกรรม โดยให้เด็กชายคนนี้แยกออกมาจาก
เพื่อน มานั่งใกล้ครู เพราะครูจะได้สังเกตพฤติกรรม ครูจะใช้งานที่เขาสามารถทําได้ เช่น เดินหนังสือ ช่วย
หยิบของ ขณะเดียวกันครูก็จะสร้างความคุ้นเคย ไม่ดุด่าว่ากล่าวแรงๆ ให้กําลังใจ เมื่อเขาช่วยเหลืองาน
สําเร็จ ครูก็ให้คําชม และพฤติกรรมดีขึ้นเรื่อยๆ ก็ให้เด็กชายคนนี้กลับไปนั่งที่เดิม และครูค่อยเสริมแรงอยู่
เสมอ
ภารกิจที่ 3 ฤทธิ์ครูใหญ่
- 12. ภารกิจที่ 4 ทําความสะอาด
1. จงวิเคราะห์ว่า สถานการณ์ที่ท่านอ่านนี้อยู่ในขอบข่ายของทฤษฎีใดในกลุ่มพฤติกรรมนิยม อธิบายพร้อม
ทั้งให้เหตุผลประกอบมาให้ชัดเจน
ตอบ สถานการณ์นี้อยู่ในขอบข่ายทฤษฎีการเชื่อมโยง(ClassicalConnectionism) ของธอร์นไดค์
(Thorndike) เพราะว่าการเรียนรู้เกิดจากการเชื่อมโยงระหว่างสิ่งเร้ากับการตอบสนอง ซึ่งมีหลายรูปแบบ
บุคคลจะมีการลองผิดลองถูกปรับเปลี่ยนไปเรื่อยๆ จนกว่าจะพบรูปแบบการตอบสนองที่สามารถให้ผลที่พึง
พอใจมากที่สุด เมื่อเกิดการเรียนรู้แล้ว บุคคลจะใช้รูปแบบการตอบสนองที่เหมาะสมเพียงรูปแบบเดียวและ
จะพยายามใช้รูปแบบนั้นเชื่อมโยงกับสิ่งเร้าในการเรียนรู้ต่อไปเรื่อยๆ ดังจะเห็นได้จาก การทําความสะอาด
รอบแรกของนักเรียนโดยที่นักเรียนไม่ได้วางแผนแล้วการทําความสะอาดห้องเรียนนั้น ไม่สะอาด และครั้งที่
สองนักเรียนมีการวางแผงทําข้อตกลง จนห้องเรียนนั้นสะอาดและก็ทํามันเวลา
- 13. 2. ให้วิเคราะห์ว่าทฤษฎีที่เลือกมีข้อดี ข้อจํากัด อย่างไร และมีแนวทางในการนําทฤษฎีดังกล่าวไปใช้ในการ
เรียนการสอนอย่างไร อธิบายพร้อมแสดงเหตุผล
ตอบ ข้อดี นักเรียนเรียนรู้ด้วยตนเอง ลองผิดลองถูกด้วยตนเอง สามารถนําปัญหาที่ได้จากการพบ
เจอ ประสบ มาแก้ไขปัญหา ปรับปรุงให้ดีขึ้นกว่าเดิม
แนวทางในการนําทฤษฎีการเชื่อมโยงไปใช้ในการเรียนการสอน ดังนี้
เปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้ลองผิดลองถูกด้วยตนเอง จะเป็นการช่วยให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ในการ
แก้ไขปัญหา โดยสามารถจดจําผลจากการเรียนรู้ได้ดี รวมทั้งเกิดความภาคภูมิใจในการทําสิ่งต่าง ๆ ด้วย
ตนเอง และผู้เรียนมีความรู้และความเข้าใจในเรื่องนั้น ๆ อย่างถ่องแท้ และให้ผู้เรียนฝึกฝนอย่างต่อเนื่องและ
สมํ่าเสมอ เมื่อผู้เรียนเกิดการเรียนรู้แล้ว ควรให้ผู้เรียนฝึกนําการเรียนรู้นั้นไปใช้และได้รับผลที่น่าพึงพอใจ จะ
ช่วยให้การเรียนการสอนประสบความสําเร็จ
ภารกิจที่ 4 ทําความสะอาด
- 14. ภารกิจที่ 5 ปัญหาเด็กเรียนซํ้า
1. อธิบายพร้อมทั้งประยุกต์หลักการจัดการเรียนรู้กลุ่มพฤติกรรมนิยมที่นํามาใช้ในการออกแบบการ สอน
และสื่อการเรียนการสอน เพื่อใช้ในการแก้ไขสถานการณ์ข้างต้น
ตอบ ครูผู้สอนเมื่อรู้ว่าผู้เรียนไม่ชอบหรือมีเจตคติไม่ดีต่อวิชาที่เราสอนอยู่ก็ควรวิเคราะห์ว่ามีสาเหตุ
มาจากอะไร อะไรคือสิ่งเร้าที่ที่ก่อให้เกิดความรู้สึกเช่นนั้นแล้วพยายามไม่ให้สิ่งเร้าที่ผู้เรียนไม่ชอบนั้น
เกิดขึ้น ดังนั้นผู้สอนจึงจะต้องทําการเรียนการสอนวิชานี้ให้มีความน่าสนใจ สนุกสนานและเปิดโอกาสให้
นักเรียนมีส่วนร่วมในกิจกรรมการเรียนการสอน ครูต้องเป็นกัลยาณมิตรที่ดีต่อศิษย์ให้โอกาสและรับฟัง
ความคิดเห็นของเขา คอยแนะนําในสิ่งที่ยังไม่เข้าใจ และครูผู้สอนควรกําหนดจุดมุ่งหมายในการเรียน
ให้ชัดเจน แบ่งเนื้อหาเป็นหน่วยย่อยๆ ให้ผู้เรียนเรียนทีละหน่วย เริ่มจากเนื้อหาที่ง่ายไปหา
ยาก นอกจากนี้ครูจะต้องดูความพร้อมของผู้เรียนว่ามีพื้นฐานในการเรียนเนื้อหานี้หรือยัง จัด
ประสบการณ์เนื้อหาให้เหมาะสมกับการเรียนการสอน ให้การเสริมแรงเมื่อผู้เรียนทําได้ดีและพอใจใน
ความก้าวหน้าด้านการเรียนรู้ของผู้เรียนถึงแม้อาจจะเป็นไปได้ช้า หลีกเลี่ยงการคุมชั้นเรียนโดยวิธีการ
ลงโทษ ซึ่งอาจจะทําให้ผู้เรียนเกิดเจตคติที่ไม่ดีต่อการเรียนหรือครูผู้สอนและเป็นอุปสรรคต่อการเรียน
- 15. 2. จงวิเคราะห์หลักการจัดการเรียนรู้ตามแนวกลุ่มทฤษฎีพฤติกรรมนิยมว่า มีความเหมาะสมหรือสอดคล้อง
กับการจัดการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสําคัญในยุคปฏิรูปการเรียนรู้ อธิบายและให้เหตุผลประกอบ พร้อมทั้ง
บอกข้อดี-ข้อจํากัดและหลักการของทฤษฎีการเรียนรู้กลุ่มพฤติกรรมนิยมที่ยังสามารถนํามาใช้ในการจัดการ
เรียนรู้ในปัจจุบันได้
ตอบ มีความเหมาะสมและสอดคล้องกับการจัดการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสําคัญในยุคปฏิรูปการ
เรียนรู้ เนื่องจากการเรียนตามแบบทฤษฎีพฤติกรรมนิยม จะนึกถึงความแตกต่างระหว่างบุคคล ความ
แตกต่างทางด้านอารมณ์ การตอบสนองที่ไม่เท่ากัน คํานึงถึงสภาพทางอารมณ์ผู้เรียนว่าเหมาะสมที่จะ
สอนเนื้อหาอะไร โดยปกติครูสามารถทําให้ผู้เรียนรู้สึกชอบหรือไม่ชอบเนื้อหาที่เรียนหรือสิ่งแวดล้อมในการ
เรียน การลบพฤติกรรมที่วางเงื่อนไข ผู้เรียนที่ถูกวางเงื่อนไขให้กลัวผู้สอน เราอาจช่วยได้โดยป้ องกันไม่ให้
ผู้สอนทําโทษเขา
ภารกิจที่ 5 ปัญหาเด็กเรียนซํ้า