More Related Content
Similar to แผ่นผับ222 (10)
แผ่นผับ222
- 1. . ข้อเสนอแนะ
ในการทาการศึกษาค้านคว้า เรื่อง โรคอัลไซเมอร์
ที่คณะผู้จัดทาได้ศึกษาค้นคว้าขึ้นนี้สามารถนาไปใช้เป็นแนวทางใ
นการรักษาผู้ป่วยโรคอัลไซเมอร์
ปัญหา อุปสรรคและแนวทางในการพัฒนา
1. นักเรียนไม่มีคอมพิวเตอร์ใช้ที่บ้าน
จึงทาให้การศึกษาโรคอัลไซเมอร์เกิดความล่าช้าตามไปด้วย
2. ระบบอินเตอร์เน็ต มีปัญหาบ่อยครั้ง
จึงทาให้การติดต่อครูที่ปรึกษาค้นคว้าและการสนทนา
ผลการศึกษา
จากการศึกษาข้อมูลต่างๆเกี่ยวกับโรคอัลไซเมอร์
คณะผู้จัดทาได้นาเนินการตามขั้นตอนในบทที่3 แล้ว
โดยได้ศึกษาเกี่ยวกับเรื่องราวของโรคอัลไซเมอร์
จากการศึกษาจากเว็บไซต์ต่างๆ ได้ข้อมูลดังนี้อัลไซเมอร์
เป็นโรคสมองเสื่อมชนิดหนึ่งที่พบได้บ่อยที่สุด
โดยจะมีการเสื่อมของเซลล์สมองทุกส่วนเป็นแล้วไม่มีวันหาย
ผู้ป่วยจะไม่สามารถควบคุมอารมณ์ตัวเอง ไม่สามารถแยกทุกผิด
มีปัญหาในเรื่องการใช้ภาษา
การประสานงานของกล้ามเนื้อเสียไปความจาเสื่อม
ในระยะท้ายของโรคจะสูญเสียความจาทั้งหมด
ในสหรัฐประมาณว่ามีผู้ป่วยเป็นโรคนี้กว่า3-4ล้านคน
และจะมีเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ทั่วโลก
เนื่องจากประชากรมีอายุยืนยาวขึ้น
ในประเทศไทยมีผู้ป่วยโรคนี้ประมาณ2-4%
ของผู้ที่มีอายุมากกว่า60ปี
ยิ่งอายุมากขึ้นก็จะพบผู้ป่วยด้วยโรคนี้มากขึ้น
กล่าวคือจะพบเพิ่มขึ้น2เท่าทุก 5 ปี หลังอายุ60 ปี
วิธีการรักษาโรคอัลไซเมอร์ ได้ข้อมูลดังนี้
การให้เวลาผู้ป่วยในการตอบคาถามหรือการตอบสนองกับสิ่งรอบ
ข้าง
เนื่องจากผู้ป่วยจะเชื่องช้าลงจากการทางานของสมองที่เสียไป
ควรจะช่วยให้ผู้ป่วยคลายความวิตกกังวลโดยบอกขั้นตอนทีละลา
ดับช้าๆ
เพื่อให้ผู้ป่วยทาตามได้และควรจัดให้ผู้ป่วยได้พักผ่อนเป็นช่วงๆซึ่ง
จะทาให้ผู้ป่วยอารมณ์ดีขึ้น
จากเพื่อนๆ ม.2/1
ได้ข้อมูลเพิ่มเติมและข้อเสนอแนะดังนี้1.ด.ญ.ทิพย์สุดา
ธรรมเจริญได้ให้ข้อมูลว่า
ให้พบแพทย์เพื่อรับก่ารตรวจและรับยามากิน 2. ด.ช.วุฒิไกร
ใจซื่อ ได้ให้ข้อมูลว่า ใช้การสะกดจิต 3.ด.ญ.ธรรมสรณ์
หายวิชัยวัฒนา ได้ให้ข้อมูลว่าใช้ไฟฟ้ ากระตุ้นสมอง
ซึ่งขากข้อมูลดังกล่าว ทาให้ผู้ศึกษาและผู้ที่สนใจ
เพื่อนๆ ม.2/1ได้รับความรู้
และสามารถนาความรู้ที่ได้ไปช่วยเหลือผู้ป่วยที่เป็นโรคอัลไซเมอร์
ในระแวกชุมชนของเราได้
การสื่อสารและการนาเสนอ(IS2)
เรื่อง โรคอัลไซเมอร์
เสนอ
คุณครูอุไร ทองดี
จัดทาโดย
เด็กชาย รัชพล ยานไกล เลขที่ 2
- 2. เด็กหญิง ธัญสุดา จินาย เลขที่ 7
เด็กหญิง ธรรมสรณ์ หาญวิชัยวัฒนา เลขที่ 9
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2/1
แนวคิดที่มา และความสาคัญ
โรคอัลไซเมอร์ เมื่อผู้คนได้ยินชื่อนี้แล้วมักจะพูดว่า
เป็นโรคที่ไม่ได้มีความร้ายแรงอะไรมากมาย
แต่คณะผู้จัดทาเห็นว่าเป็นเรื่องที่สาคัญมาก
เพราะจากที่คณะผู้จัดทาได้สืบค้นมาพบว่ามีผู้สูงอายุจานวนมาก
ในประเทศไทยที่ป่วยเป็นโรคอัลไซเมอร์
ผู้ป่วยที่ป่วยเป็นโรคอัลไซเมอร์บางรายป่วยถึงขั้นร้ายแรงจนจา
คนในครอบครัวของตนเองไม่ได้
ทาให้ญาติของผู้ป่วยที่ป่วยเป็นโรคอัลไซเมอร์บางรายอาจถึงขั้นต้
องหยุดพักงานเพื่อมาอยู่ดูแลผู้ป่วยที่ป่วยเป็นโรคอัลไซเมอร์
ทาให้เกิดปัญหาวุ่นวายเกี่ยวกับคนที่ป่วยเป็นโรคนี้และ
คนรอบข้าง
ผู้ป่วยที่ป่วยเป็นโรคอัลไซเมอร์บางรายอาจจาคนในครอบครัวหรือ
คนสนิทของตนเองได้
แต่อาจจาทางกลับบ้านหรือสถานที่ต่างๆเหตุการณ์ต่างๆที่เคยผ่า
นไปเมื่อไม่นานมานี้ไม่ได้ อาจทาให้คนที่อยู่ดูแลผู้ป่วย
เกิดอาการเบื่อหน่ายหงุดหงิด
และอารมณ์ไม่ดีเมื่อผู้ป่วยถามนู่นถามนี่
เกี่ยวกับเรื่องที่ผ่านไปเมื่อไม่นานมานี้
ทาให้มีผู้ป่วยที่ป่วยเป็นโรคอัลไซเมอร์บางราย
ต้องไปอาศัยอยู่บ้านพักคนชราเพราะถูกทอดทิ้งทาให้เกิด
ปัญหาสังคมวัตถุประสงค์
1)เพื่อศึกษาค้นคว้าเกี่ยวกับโรคอัลไซเมอร์
2)เพื่อศึกษาเกี่ยวกับวิธีการรักษาโรคอัลไซเมอร์
3)เพื่อนาเรื่องที่ศึกษาค้นคว้าไปช่วยเหลือผู้ป่วยในระแวกชุมชน
ท้องถิ่น
ขอบเขตของการศึกษา
1.ขอบเขตด้านเนื้อหา
แหล่งที่มาศึกษาค้นคว้าเกี่ยวกับโรคอัลไซเมอร์ จาก
http://www.siamhealth.net/public_html/D
isease/neuro/alzheimer/alzheimers.html
และศึกษาจากหนังสือ ทาอย่างไรไม่ให้เป็นโรคอัลไซเมอร์
2.ขอบเขตด้านสถานที่
สถานที่ในการศึกษาค้นคว้า โรงเรียนชุมแพศึกษา
3.ขอบเขตด้านระยะเวลา
ภาคเรียนที่2 ปีการศึกษา2556
ผลที่คาดว่าจะได้รับ
1.ได้รับความรู้เกี่ยวกับเรื่อง โรคอัลไซเมอร์
2.ได้นาเอาวิธีการป้ องกันของโรคอัลไซเมอร์ มาใช้ในชีวิต.
ขั้นตอนการดาเนินการศึกษา
1.ประชุมปรึกษาหารือเสนอความคิดเห็นและคัดเลือกเรื่องที่จะศึก
ษาและคิดหัวข้อเพื่อนาเสนอครูที่ปรึกษาค้นคว้า
2.ศึกษาและค้นคว้าข้อมูลเกี่ยวกับโรคอัลไซเมอร์
3.ทบทวนเรื่องที่ศึกษาจากis1เรื่องโรคอัลไซเมอร์
4.จัดทาโครงร่างต่อครูที่ปรึกษาค้นคว้าเพื่อพิจารณาอนุมัติ
5.ศึกษาวิธีการจัดทารายงานทางวิชาการเป็นรูปเล่ม
6.นาเสนอความก้าวหน้าเป็นระยะๆ
ตามระยะเวลาที่ครูที่ปรึกษาค้นคว้ากาหนด
เพื่อตรวจสอบความก้าวหน้า
7.ศึกษาวิธีการเขียนอ้างอิงและบรรณานุกรม
8.จัดทาร่างรายงานทางวิชาการและเป็นรูปเล่ม
9.ตรวจสอบความถูกต้องของร่างรายงานทางวิชาการ
10.นาเสนอร่างรายงานทางวิชาการเป็นรูปเล่มต่อครูที่ปรึกษาค้นค
ว้าเพื่อตรวจสอบความถูกต้อง