SlideShare a Scribd company logo
1 of 1
1.6 การนาวัสดุไปใช้งาน
ในการเลือกวัสดุไปใช้ในงานอุตสาหกรรมมีข้อควรพิจารณาดังต่อไปนี้
1. การขึ้นรูป วัสดุที่ใช้ต้องสามารถทาให้เป็นรูปร่างตามความต้องการของผู้ออกแบบได้ โดยใช้กระบวนการหรือ
เครื่องจักรที่สามารถจัดหาได้
2. ราคา ราคาของชิ้นส่วนสาเร็จรูปเป็นปัจจัยในการเลือกวัสดุ
3. ความแข็งแรง วัสดุที่จะใช้ต้องมีความแข็งแรงในการรับน้าหนัก หรือแรงดึง แรงเฉือน แรงกระแทกต่าง ๆ โดย
ไม่แตกหักเสียหายชารุด
4. ความคงรูปเมื่อรับรับแรง ถ้าชิ้นส่วนต่างรับแรง รับน้าหนัก จะต้องไม่ยึดหรือบิดหดตัวจนเสียรูปเกิดพิกัดที่
ออกแบบไว้
5. ความคงทนต่อสภาพแวดล้อม วัสดุที่ใช้จะต้องสามารถคงรูปหรือรักษาสมบัติไว้เมื่อสภาพแวดล้อมเปลี่ยนแปลง
เช่น อุณหภูมิสูง ความชื้นสูง เป็นต้น
6. อายุการใช้งานและอายุการเก็บรักษา ชิ้นส่วนต่าง ๆ มีอายุการใช้งานที่จะเสื่อมสภาพไปตามเวลาที่ใช้ ดังนั้นจึง
ต้องมีการบารุงรักษาในช่วงเวลาที่กาหนด
7. สมบัติในการใช้งาน ผลิตภัณฑ์บางอย่างมีความต้องการวัสดุที่มีสมบัติพิเศษในการใช้งานเฉพาะอย่าง
8. ผลกระทบกับสิ่งแวดล้อม ถือว่ามีความสาคัญอย่างหนึ่งในการเลือกใช้วัสดุในสมัยปัจจุบัน
9. การกาจัดของเสีย วัสดุต่าง ๆ มีของเสียทั้งระหว่างกระบวนการผลิต ระหว่างใช้งานและเมื่อเลิกใช้แล้ว ดังนั้น
จะต้องคิดให้รอบคอบว่าจะนาของเสียเหล่านั้นไปกาจัดที่ใดรวมทั้งวิธีการกาจัดและค่าใช้จ่ายด้วย
1.7 การเก็บและบารุงรักษาวัสดุ
วัสดุที่ใช้ในงานอุตสาหกรรมล้วนแล้วแต่มีราคาค่อนข้างสูง และอาจเสื่อสภาพได้ หากมีการเก็บรักษาที่ผิดวิธี
ดังนั้นการเก็บและบารุงรักษาวัสดุที่ถูกวิธีพิจารณาได้ดังนี้
1. เก็บไว้เป็นทีเป็นหมวดหมู่ วัสดุประเภทเดียวกันควรจะเก็บไว้ใกล้กันเพื่อความสะดวกต่อการนาไปใช้งาน
และจัดเก็บรักษา เช่น ทาชั้นหรือาตู้เก็บวัสดุพร้อมรายละเอียดของวัสดุ
2. จัดหาและหมุนเวียนวัสดุที่ใช้ เมื่อใช้วัสดุไปจานวนหนึ่งจะต้องจัดหามาเพิ่มเติมเพื่อไม่ให้ขาดเมื่อต้องการ
และจะต้องหมุนเวียนวัสดุเก่าในสต๊อกเอาไปใช้ก่อนแล้วเอาวัสดุใหม่มาแทนที่
3. จัดการป้ องกันการสึกหรอ สึกกร่อน หรือสนิม
3.1 วัสดุประเภทเหล็กจะต้องมีการเคลือบน้ามันกันสนิมที่ผิว
3.2 วัสดุประเภทไม้จะต้องระวังความชื้นซึ่งทาให้ผู้หรือมีมอดแมลงมากัดกิน
4. เตรียมป้ องกันเพลิงไหม้ ควรแยกวัสดุไวไฟออกเก็บไว้ต่างหากในที่ซึ่งมีการป้ องกันเพลิงไหม้ไว้อย่างดี
5. ตรวจสอบอายุการเก็บรักษาวัสดุ
5.1 วัสดุที่มีอายุการเก็บรักษาสั้น จะต้องไม่ซื้อมาเก็บไว้ในสต๊อกมากนัก ควรหมุนเวียนซื้อเป็นช่วง ๆ

1 6 7

  • 1. 1.6 การนาวัสดุไปใช้งาน ในการเลือกวัสดุไปใช้ในงานอุตสาหกรรมมีข้อควรพิจารณาดังต่อไปนี้ 1. การขึ้นรูป วัสดุที่ใช้ต้องสามารถทาให้เป็นรูปร่างตามความต้องการของผู้ออกแบบได้ โดยใช้กระบวนการหรือ เครื่องจักรที่สามารถจัดหาได้ 2. ราคา ราคาของชิ้นส่วนสาเร็จรูปเป็นปัจจัยในการเลือกวัสดุ 3. ความแข็งแรง วัสดุที่จะใช้ต้องมีความแข็งแรงในการรับน้าหนัก หรือแรงดึง แรงเฉือน แรงกระแทกต่าง ๆ โดย ไม่แตกหักเสียหายชารุด 4. ความคงรูปเมื่อรับรับแรง ถ้าชิ้นส่วนต่างรับแรง รับน้าหนัก จะต้องไม่ยึดหรือบิดหดตัวจนเสียรูปเกิดพิกัดที่ ออกแบบไว้ 5. ความคงทนต่อสภาพแวดล้อม วัสดุที่ใช้จะต้องสามารถคงรูปหรือรักษาสมบัติไว้เมื่อสภาพแวดล้อมเปลี่ยนแปลง เช่น อุณหภูมิสูง ความชื้นสูง เป็นต้น 6. อายุการใช้งานและอายุการเก็บรักษา ชิ้นส่วนต่าง ๆ มีอายุการใช้งานที่จะเสื่อมสภาพไปตามเวลาที่ใช้ ดังนั้นจึง ต้องมีการบารุงรักษาในช่วงเวลาที่กาหนด 7. สมบัติในการใช้งาน ผลิตภัณฑ์บางอย่างมีความต้องการวัสดุที่มีสมบัติพิเศษในการใช้งานเฉพาะอย่าง 8. ผลกระทบกับสิ่งแวดล้อม ถือว่ามีความสาคัญอย่างหนึ่งในการเลือกใช้วัสดุในสมัยปัจจุบัน 9. การกาจัดของเสีย วัสดุต่าง ๆ มีของเสียทั้งระหว่างกระบวนการผลิต ระหว่างใช้งานและเมื่อเลิกใช้แล้ว ดังนั้น จะต้องคิดให้รอบคอบว่าจะนาของเสียเหล่านั้นไปกาจัดที่ใดรวมทั้งวิธีการกาจัดและค่าใช้จ่ายด้วย 1.7 การเก็บและบารุงรักษาวัสดุ วัสดุที่ใช้ในงานอุตสาหกรรมล้วนแล้วแต่มีราคาค่อนข้างสูง และอาจเสื่อสภาพได้ หากมีการเก็บรักษาที่ผิดวิธี ดังนั้นการเก็บและบารุงรักษาวัสดุที่ถูกวิธีพิจารณาได้ดังนี้ 1. เก็บไว้เป็นทีเป็นหมวดหมู่ วัสดุประเภทเดียวกันควรจะเก็บไว้ใกล้กันเพื่อความสะดวกต่อการนาไปใช้งาน และจัดเก็บรักษา เช่น ทาชั้นหรือาตู้เก็บวัสดุพร้อมรายละเอียดของวัสดุ 2. จัดหาและหมุนเวียนวัสดุที่ใช้ เมื่อใช้วัสดุไปจานวนหนึ่งจะต้องจัดหามาเพิ่มเติมเพื่อไม่ให้ขาดเมื่อต้องการ และจะต้องหมุนเวียนวัสดุเก่าในสต๊อกเอาไปใช้ก่อนแล้วเอาวัสดุใหม่มาแทนที่ 3. จัดการป้ องกันการสึกหรอ สึกกร่อน หรือสนิม 3.1 วัสดุประเภทเหล็กจะต้องมีการเคลือบน้ามันกันสนิมที่ผิว 3.2 วัสดุประเภทไม้จะต้องระวังความชื้นซึ่งทาให้ผู้หรือมีมอดแมลงมากัดกิน 4. เตรียมป้ องกันเพลิงไหม้ ควรแยกวัสดุไวไฟออกเก็บไว้ต่างหากในที่ซึ่งมีการป้ องกันเพลิงไหม้ไว้อย่างดี 5. ตรวจสอบอายุการเก็บรักษาวัสดุ 5.1 วัสดุที่มีอายุการเก็บรักษาสั้น จะต้องไม่ซื้อมาเก็บไว้ในสต๊อกมากนัก ควรหมุนเวียนซื้อเป็นช่วง ๆ