1. Nouns
Nouns (คานาม) แบ่งเป็น 2 พวกใหญ่ๆ คือ
1. Countable nouns > นามนับได้
Common nouns > คานามทั่วไป
Proper nouns > นามเฉพาะ
Collective nouns > นามที่เป็นหมวดหมู่ เช่น a herd of… (ฝูง...)
1. Uncountable nouns > นามนับไม่ได้
Material nouns > นามวัตถุ มีรูปร่าง แต่นับไม่ได้ เช่น water, rice
Abstract nouns > นามบอกอาการ ลักษณะ สภาพ ความรู้สึก เช่น cleverness
การเปลี่ยนรูปพหูพจน์ (Plural) ของนาม ทาได้หลายวิธี เติม s เช่น boys, girls
เปลี่ยนสระและพยัญชนะภายใน เช่น louse > lice, mouse > mice เติม –en เช่น oxen, deer, cod
นอกจากนี้ยังมีนามที่เป็นรูปพหูพจน์แต่ใช้เป็น เอกพจน์ เสมอ เช่น news, ashes
แสดงคานามที่ต้องใช้เป็นรูปพหูพจน์เสมอ เช่น trousers, glasses
การบอกจานวนของนามที่นับไม่ได้ = บอกจานวนของภาชนะที่บรรจุนามนับไม่ได้นั้นๆ
เช่น a glass of the water, two glasses of water
ความสัมพันธ์ของประธานกับกริยาที่เป็นเอกพจน์หรือพหูพจน์
1) นามที่นาหน้าด้วย Some of, Most of, Half of, ….of รูปกริยาขึ้นอยู่กับนามที่นาหน้า “of”
เช่น A lot ofmen are here. A lot of the equipment is new.
2) กริยาที่ตามหลัง “A number of + N” เป็นเอกพจน์
เช่น A number of dogs are too much. The number of dogs in here is bad.
3) บุพบทวลี = กริยาเปลี่ยนตามประธานหลักของประโยค ไม่ใช่บุพบทวลีที่แทรกระหว่างกลาง
เช่น The price of those books is overwhelming.
4) หากประธานพหูพจน์เป็นสรรพนามที่ไม่ชี้เฉพาะ เช่น everyone, nobody, anyone
จะใช้เป็นเอกพจน์ตาม
เช่น Nobody goes with you.
2. 5) คานามพหูพจน์ที่หมายถึง เงิน เวลา ระยะทางเมื่อนาหน้าด้วยคาบอกจานวนถือว่าประธานเป็น
เอกพจน์
เช่น Ten bath is enough.
6) นามที่ลงท้ายด้วย –ics เป็นชื่อหรือแขนงวิชา กริยาเป็นเอกพจน์
เช่น Mathematic is too difficult.
กรณีที่กล่าวแบบเจาะจง ไม่ได้หมายถึงวิชา ใช้เป็นรูปพหูพจน์
7) นามที่แสดงถึงภาษ เช่น English กริยาให้เป็นเอกพจน์ แต่ถ้าหมายถึงประชาชน เช่น Chinese กริยา
เป็นพหูพจน์
เช่น English is very easy.
The Japanese are nice.
8) คาคุณศัพท์ที่นามาใช้เป็นคานาม กริยาที่ตามมาใช้เป็นพหูพจน์
เช่น The poor are pitiful.
9) คาที่มีรูปเป็นพหูพจน์ แต่มีความหมายเป็นเอกพจน์
เช่น news, mumps, measles the United States.
10) นามรูปเอกพจน์ แต่ความหมายเป็นเอกพจน์ กริยาเป็นเอกพจน์ด้วย
เช่น people, police
11) “many a + N” เป็นรูปเอกพจน์
เช่น Many a boy likes basketball.
12) นามที่เชื่อมด้วย “and” ใช้กริยาพหูพจน์
เช่น You and I are friends.
13) นามที่เชื่อมด้วย “or” ใช้รุปกริยาที่อยู่กับนามที่ใกล้กับกริยานั้นมากที่สุด
เช่น John or his friend are sick. His friend or John is sick.
14) หากประธานมีวลีอื่นๆมากมาย เช่น with, together กริยาเป็นไปตามประธานหลักของประโยค
เช่น Sister, together with her friends, goes shopping.
กรณีประธานและกริยาสลับที่กัน กริยาจะเป็นรูปขึ้นอยู่กับประธาน
3. Determiners
Determiner = คือคาที่นาหน้า noun แต่ไม่ใช่ adjective แบ่งออกเป็น 2 พวก
Group A : the , my , this
: คาประเภทใช้เพื่อระบุว่าผู้พูดกาลังพูดถึงอะไร
- Article : a / an , the
- Possessives : my , your , his , ther , one’s , whose.
- Demonstrative : this , these , that.
Group B : some , each , much , enough
: บอกคุณสมบัติ (quantifiers) คาพวกนี้ บางคาก็ใช้กับนามเอกพจน์ บางคาก็นามพหูพจน์ บาง
คาก็นับไม่ได้ บางคาก็ใช้กับนามได้หลายแบบ ซึ่งแต่ละคาก็มีวิธีใช้แตกต่างกันไป
: คาที่ควรรู้
Some , any , no , each , every , either , neither , much , many , more , most
(a) little , less , least
(a) few , fewer , fewest , enough , several , all , both , half , what , whatever ,
which , whichever
Article แบ่งออกเป็น 2 พวกคือ
1.Indefinite Article ได้แก่ a , an
2.Definite Article ได้แก่ the
A / An นาหน้านามเอกพจน์ที่นับได้ ไม่เจาะจงว่าเป็นอันไหน มีหลักในการใช้ดังนี้
1. an นาหน้านามที่ออกเสียงเป็นสระ( ออกว่า ออ ) เช่น an umbrella , an hour
2. นาหน้าคานามเอกพจน์ที่หมายถึงสิ่งนั้นๆ ทั่วไปทั้งหมด เช่น A horse runs quickly.
3. นาหน้าคานามเอกพจน์ที่แปลว่าหน่วยละ (บอกอัตรา) เช่น I have waited for you for an hour.
4. a , an หลัง half เช่น half a year , half an hour
5. ใช้กับโรคอาการเจ็บป่วย เช่น a headache, a cold, a pain
4. The นาหน้าทั้ง เอกพจน์ พหูพจน์ ที่ต้องการชี้เฉพาะเจาะลงไปว่าเป็นสิ่งไหน มักจะมีวลีขยายเพื่อเจาะจง
เช่น
He is the boy whom I saw yestere.
มีหลักการใช้ดังนี้
1. นาหน้าเอกพจน์นับได้ ที่ถูกกล่าวถึงมาแล้ว
2. นาหน้านามที่รู้กันดีว่าเป็นสิ่งนั้นไหม
3. นามที่มีสิ่งเดียว เช่น The sun
4. นามภูมิศาสตร์ เช่น The Alps , The Indian Ocean.
5. นามพหูพจน์ที่มีความหมายว่า ตระกูล , ครอบครัว เช่น The Browns (ครอบครัวสกุลบราวน์)
6. นามขั้นสุด (superlative degree) เช่น The most popular
ข้อยกเว้น (a , an , the)
1. ไม่ใช้ a , an , the นาหน้านามนับไม่ได้
2. ไม่ใช้ a , an , the นาหน้าวิชา (เช่น English) , ซื่อกีฬา (เช่น Football) , วันในสัปดาห์ / เดือน(เช่น
Monday , January )
3. ไม่ใช้ a , an , the นาหน้าชื่อประเทศ ม เมือง ถนน มหาลัย โรงเรียน
4. ไม่ใช้ a , an , the หลังคา at , by ,from , in ,out , of , to ที่เป็นสานวน เช่น
He is at home now (ไม่ใช่ He is at a home)
His house is on fire (บ้านเขากาลังไฟไหม้)
5. Adverbs & Adjectives
1. Adverbs = คาที่ใช้ขยายคาอื่น เพื่อขยายใจความให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น แบ่งเป็น 3 ประเภท
2. Simple Adverbs = Adverbs ทั่วไปที่ขยายคาอื่นๆ
อาการหรือท่าทาง (manner) เช่น fast, slow, hard
สถานที่ (place) เช่น here, above, around
รวมถึงกลุ่มคาได้ด้วย เช่น on the street, at school
เวลา (time) เช่น today, last week, at once
ความถี่ (frequency) เช่น always, often, seldom
ตาแหน่งการวาง วางไว้หลัง V.+to be หรือ V. To have หรือ หน้ากริยาแท้
ขยายคาคุณศัพท์และคาวิเศษณ์ด้วยกันเอง เช่น very, too, enough
การเปลี่ยน Adjectives เป็น Adverbs มีหลังดังนี้
เติมได้เลย เช่น bad > badly, beautiful > beautifully
ลงท้ายด้วย ue ตัด e ออกแล้วเติม i แล้วเติม –ly เช่น true > truly
ลงท้ายด้วย y เปลี่ยน y เป็น i แล้วเติม –ly เช่น ready > readily, dry > drily
ลงท้ายด้วย ic ให้เติม –ally เช่น automatic > automaticaily
ลงท้ายด้วย le ตัด e ออกแล้วเติม y เช่น possible> possibly
บางคามาจาก nouns แล้วเติม –ly เช่น month > monthly
3. Interrogative Adverbs = Adverbs แสดงคาถาม เช่น Where? Why? How?
4. Relative Adverbs = ใช้ขยายและเชื่อมประโยคไปพร้อมๆกัน เช่น They came when he had gone.
5. Adjectives = คาคุณศัพท์ ใช้ประกอบ ขยาย หรืออธิบาย nouns หรือ pronouns
เช่น big, small, could,etc. แบ่งได้ 2 ประเภท
6. Proper Adjectives = คาคุณศัพท์ที่มาจาก proper nouns เช่น England > English
7. Descriptive Adjectives = บอกลักษณะของนามที่ประกอบกัน เช่น brave, beautiful
6. 8. Quantitative Adjectives = บอกความมากน้อยของสิ่งที่นับไม่ได้ เช่น a little, any
9. Numeral Adjectives = บอกจานวนนับหรือลาดับเลขที่ เช่น one, two, first, second
10. Demonstrative Adjectives = คาชี้เฉพาะ เช่น This. That, These
11. Distributive Adjectives = แสดงการแยกออกจากกัน วางหน้า nouns เช่น each, either, neither
12. Possessive Adjectives = แสดงความเป็นเจ้าของ เช่น my, her, his
13. Interrogative Adjectives = แสดงคาถามวางหน้า nouns เช่น which, whose, what
ตาแหน่งของ Adjectives มี 2 ลักษณะ คือ
1) หน้าคานาม เช่น He is good boy.
2) หลังคานาม เช่น That boy is good.
Adjectives ที่มีตาแหน่งไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ปกติ
Adj. บางคาตามหลังคานาม แทนที่จะอยู่หน้าคานาม ในกรณีต่อไปนี้
เมื่อมีคาประเภท somewhere, somebody, anybody
เมื่อ Adj. ลงท้ายด้วย –able หรือ –ible
Adj. บางคาเปลี่ยนจากอยู่หน้าคานามมาอยู่หลังคานาม จะเปลี่ยนรูป เช่น elder > older
He is my elder brother > My brother is five year older than I.
Adj. ตามหลังคานามที่ทาหน้าที่อย่าง V. To be ได้ด้วย เช่น become, feel, look, seem
She looks hungry, We felt tired.
7. Pronouns
Pronouns = สรรพนามใช้แทนคานาม มี 5 ประเภท
1. Subjective > ประธานของกริยา เช่น I, you, we, they
2. Objective > เป็นกรรมของกริยาและคาบุพบท เช่น me, her, him, them
3. Possessive adjective > ต้องมีนามตามหลัง เช่น my, your, her
4. Possessive pronoun > เช่น mine, hers, yours มีลักษณะใช้ดังนี้
ใช้แทนคานาม ไม่ต้องมีคานามตามหลัง ใช้เมื่อรู้ว่ากาลังพูดถึงสิ่งใด
Your book is red, but mine is green.
Whose shirt is that? It is his.
ใช้ตามหลัง “of” ที่แปลว่า “หนึ่งใน...”
John is a friend of music.
อาจใช้รูปแทน Noun’s แทน Possessive pronoun ได้
That is a good work of Soontorn Poo’s
5. Reflexive pronoun > สะท้อนตัวเอง เช่น myself, themselves, ourselves มีลักษณะการใช้ดังนี้
เป็นกรรมของกริยา (ประธานทาตนเอง)
She washes herself.
เป็นกรรมของ Preposition (เหมือนด้านบน)
That girl talks to herself.
ใช้ตามหลัง “by” ในความหมาย “เพียงลาพัง”
He is in that house by himself.
แสดงการเน้นโดยวางหลังกรรมหรือประธานของประโยค
Wash it yourself, I myself drew it.
8. Prepositions
แสดงความสัมพันธ์ของ Nouns และ Pronouns กับคาอื่นๆในประโยค เช่น at, by, before, etc.
1) At ใช้กับคาเวลา (บ่งบอกชัดเจน) เช่น at noon, at night, at two o’clock
ใช้กับสถานที่ เช่น at the bank, at the station, at school
2) On ใช้กับเวลา เป็นวันที่ เช่น on Songkran day, on Sunday
ใช้กับสถานที่ เป็นจุดๆไป เช่น on the road, on second floor
3) In ใช้กับเวลาช่วงๆหนึ่ง เช่น in an hour, in January
ใช้กับสถานที่ ในสถานที่นั้น เช่น in the room, in the house
Preposition อื่นๆ ที่น่าสนใจ เช่น
1) By เกี่ยวกับเวลา แปลว่า “พอถึงเวลานั้น” เช่น by four o’clock tomorrow
2) By ใช้กับ passive voice แปลว่า “โดย” was burned by sunlight
3) Before หมายถึง เวลาใดๆก่อนเวลาพูดถึง เช่น haven’t soon by sunlight
4) After หมายถึง เวลาหลังจากพูดถึง เช่น meet me after class
5) Until (till) หมายถึง จนกระทั้ง เช่น Wait until I go
6) From… till… หมายถึง “ตั้งแต่...ถึง...” เช่น from evening till midnight
7) Between…and… หมายถึง “ระหว่าง...ถึง...” เช่น between morning and noon
8) From… to… หมายถึง “จาก...ถึง...” เช่น Thailand to Japan
9) During หมายถึง “ระหว่าง” เช่น during school
Prepositions เมื่อรวมกับบางคาอาจทาให้ความหมายเปลี่ยนไป เช่น get on, get off, afraid of, call on,
etc.
9. Conjunction
คาเชื่อมเดี่ยวมี 7 ตัวคือ and , nor , but , yet , or , so , for
*nor มีรูปแบบประโยคที่พิเศษ พุดง่านๆคือต้องเปลี่ยนประโยค 2 เป็น yes-no question
-Jack was upset ,nor was his wife happy.
แจ๊คอามรณ์เสีย ภรรยาเขาก็ไม่มีความสุข
ถ้าเราเขียนแยกจะได้เป็น...
-Jack was upset.
-His wife was not happy.
วิธีใส่ nor คือ เติมลูกน้า ( , ) ย้าย V.to be มาหน้าประธาน ของข้อความที่ 2 (...,nor was his wife
happy. )
ความหมาย คาเชื่อม ตัวอย่าง
addition and เชื่อมข้อความไปในทาง
เดียวกัน
nor เหมือน and แต่เป็นแนว
ปฏิเสธ
Jane plays the violin superbly
,and her sister is good at the
piano.
Jack was upset, nor was his
wife happy.
contrast but ขัดแย้ง ตรงข้าม
yet ต่างไปจากที่คาดหวัง
John love outdoor activities
,but his wife like to stay home.
Sarah is ugly ,yet she is
popular.
alternative or เลือกเกิดขึ้นอย่างใดอย่างหนึ่ง Stay late and finish work ,or
go home and come early
tomorrow.
result so ผลจากประโยคแรก It rained hard ,so the yard got
Hooded.
reason for เหตุผลเพิ่มเติม ที่ไม่ใช่เหตุ
โดยตรงของเหตุการณ์ในประโยค
แรก
The dogs were long ,for it was
July.(เป็นเหตุผลไม่โดยตรง)
10. คาเชื่อมคู่ มี 4 คู่ คือ Both…and , either…or , neither…nor , not only…but(also)
คาเชื่อมคู่ อธิบาย ตัวอย่าง
both…and เชื่อมข้อความคล้อยตามกันคล้าย
and
We discussed about both
when the meeting would be
held and where it would take
place.
ether…or ใช้ในความหายเลือกเอาคล้าย or Either you go to bed now ,or
you will get up late.
neither…nor เชื่อมข้อความแนวลบเหมือน nor
โดยต้องเปลี่ยนเป็น yes-no
question ทั้งสองข้อความ
Neither did Sue do the
homework ,nor did she come
to school.
not only…but(also) เชื่อมข้อความที่คล้อยตามกัน
เหมือน and แต่จะเป็นทางการ
มากกว่า และต้องเปลี่ยนรูปแบบ
ประโยคแรกเป็น yes-no
question ด้วย
Not only did he love his wife
,but he also gave her
everything.
11. Conjunction verb (คาเชื่อมประเภทกริยาวิเศษณ์)
คาเชื่อมประเภทนี้ส่วนมากจะมีความหมายคล้ายคลึงกันกับ Coordinate conjunction ที่กล่าว
มาแล้วต่างกันที่นิยมใช้ในภาษาเขียนที่มีลักษณะเป็นทางการ
Meaning Conjunction verb Notes
addition beside, furthermore,
moreover, in addition
มีความหมายคล้ายคลึงกับ
“and”
Alternative otherwise, instead คล้ายคลึงกับ “or” คือ เสนอ
ทางเลือกให้
Contrast or concession however, nevertheless,
nonetheless, still, on the
contrary, on the other hand
คล้ายคลึงกันกับ “but” หรือ
“yet” คือมีความหมายขัดแย้ง
กัน
Likeness likewise, similarly, in the
same way.
กล่าวถึงสิ่งที่มีลักษณะ
คล้ายคลึงกัน
Emphasis in fact, as a matter of fact กล่าวย้าถึงสิ่งที่กล่าวไปแล้ว
Example for example, for instance ยกตัวอย่างเพื่อให้คาอธิบาย
ข้อความที่กล่าวไปแล้ว
Result accordingly, consequently,
hence, therefore, thus, as a
result
คล้ายคลึงกับ “so” คือกล่าวถึง
ผลลัพธ์ที่เกิดจากเหตุการ์ณที่
กล่าวมาแล้ว
12. Gerund
Verb เหล่านี้ตามด้วย Gerund (Ving)
admit feel like postpone
appreciate finish practice
avoid forgive prevent
consider give up put off (=postpone)
contemplate go on Quit
delay imagine recall
deny Involve recommend
detest Keep resent
discuss leave off risk
dislike loathe resist
endure mention spend
enjoy mind stop
escape miss suggest
excuse pardon tolerate
face plan on understand
13. Infinitive
Verb เหล่านี้ตามด้วย infinitive
agree endeavor plan
afford expect prepare
aim fail be prepared
appear forget pretend
arrange guarantee proceed
ask happen promise
attempt hate prove
bother(negative) help refuse
care(negative) hesitate remember
choose intend resolve
claim learn seem
condescend like swear
decide love tend
decline long threaten
demand manage trouble
desire mean try (= attempt)
determine neglect undertake
be determined offer volunteer
consent hope row
continue
14. Infinitive and Gerund
Verb และ adjective บางตัวสามารถตามได้ทั้ง gerund และ infinitive แต่ความหมายจะต่างกัน
ตัวอย่างเช่น
1. remember / forget + -ing = มองย้อนอดีตที่เคยทามา
EX - I still remember seeing my first child.
ส่วน forget มักใช้กับวลี I’ll never forget…ing เช่น I’ll never forget meeting the Queen.
remember / forget + infinitive = มองไปข้างหน้าถึงสิ่งที่ต้องทาในอนาคต หรือ ยังคงเป็นขณะที่
remember กับ infinitive อยู่
EX I forget to buy a shirt.
I remember to visit the museum when I arrive UK.
2. go on + ing = ดาเนินอยู่
EX He went on talking until we went to sleep.
go on + infinitive = การเปลี่ยนแปลงการกระทบ
EX He stopped talking and went on to sleep with us.
3. regret + -ing = รู้สึกเสียใจกับอดีต
EX I regret leaving school at 14.
regret + infinitive = ประกาศข่าวร้าย
EX We regret to say that we have to close our company.
4. advise , allow , permit , forbid + -ing = ไม่มีกรรม
advise , allow , permit , forbid + infinitive = มีกรรม
EX We don’t allow smoking in the restaurant.
We don’t allow people to smoke in the restaurant.
5. try ถ้าหมายถึงการพยายามทาไรสักอย่าง สามารถใช้ได้ทั้ง –ing และ infinitive.
EX I tried to change/changing the wheel.
แต่ในอีกกรณีหนึ่ง ถ้าหมายถึงการ ”ทดลอง” ทาอะไรสักอย่าง แล้วดูว่าผลจะเป็นอย่างไร ใช้
try+ing เช่น I tried sending her flowers ,but she still wouldn’t speak to me.
15. 6. sorry + -ing = รู้สึกเสียใจในอดีต (มักใช้แบบไม่เป็นทางการ).
EX I’m sorry leaving you alone that night.
sorry + infinitive = รู้สึกเสียใจในอดีต (แบบทางการ) และ ขอโทษใน
เหตุการณ์ปัจจุบัน.
EX Sorry to disturb you – could I speak to you for a moment.
7. interesting + -ing = ความปรารถนาที่จะทาบางอย่าง
EX I’m interesting in studying in UK.
interesting + infinitive = ปฏิกิริยากับสิ่งที่คนนั้นสนใจ
EX I’m interested to see both of you going out together.
*ส่วน การพูดถึง ความสนใจทีจะค้นพบ/หาคาตอบอะไรบางอย่างสามารถใช้ได้ทั้ง 2 รูปแบบ
I’m interested in finding out / to find out what she did with all that money.
16. Tenses
1. Present Simple Tense
ใช้กับ
การกระทาที่ทาเสมอจนเป็นนิสัย
เหตุการณต่างๆที่เกิดขึ้นปกติเสมอ (Adv. Of frequency ) habits always true
Always , sometimes , seldom , never
เหตุการณ์ที่เป็นความจริง
รูปประโยค
ประโยคบอกเล่า S. + V1
ประโยคคาถาม V1 to do + S. + V1 (no ‘s’ )
ประโยคปฏิเสธ S. + don’t/doesn’t + V1 (no ‘s’ )
2. Past Simple Tense
ใช้กับ
เหตุการณ์ที่เกิดและจบลงในอดีต
yesterday, last… , ago, once, etc.
รูปประโยค
ประโยคบอกเล่า S. + V2
ประโยคคาถาม Did + S. + V1
ประโยคปฏิเสธ S. + didn’t + V1
3. Present Continuous Tense
ใช้กับ
เหตุการณ์ที่เริ่มก่อน พูดถึง หรือกระทาอยู่ขณะพูด และสิ้นสุดในอนาคต
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแล้วจะไปสิ้นสุดที่อนาคต
รูปประโยค
ประโยคบอกเล่า S. + is/am/are + V.ing
ประโยคคาถาม Is/Am/Are + S. + V.ing
ประโยคปฏิเสธ S.+ is/am/are + not + V.ing
17. 4. Past Continuous Tense
ใช้กับ
เหตุการณ์หนึ่งที่ทาอยู่แล้วมีอีกเหตุการณ์แทรกเข้ามา
ที่กระทาอยู่ใช้ Past Continuous และเหตุการณ์ที่แทรกใช้ Past Simple
รูปประโยค
ประโยคบอกเล่า S + was/were + V.ing
ประโยคคาถาม Was/Were + S. + V.ing
ประโยคปฏิเสธ S + was/were + not + V.ing
5. Present Perfect Tense
ใช้กับ
เหตุการณ์เกิดและสิ้นสุดไปแล้วในอดีต แต่ยังส่งผลถึงปัจจุบัน
เหตุการณ์เกิดขึ้นในอดีต และยังคงกาเนิดมาจนถึงปัจจุบัน เช่น since , for
เหตุการณ์ที่เพิ่งเสร็จสิ้นในขณะที่พูด เช่น just
รูปประโยค
ประโยคบอกเล่า S + has/have + V.3
ประโยคคาถาม Has/Have + S + V.3
ประโยคปฏิเสธ S + has/have + not + V.3
6. Past Perfect Tense
ใช้กับ
เหตุการณ์สองเหตุการณ์ โดยเหตุการณ์หนึ่งเกิดขึ้นก่อน แล้วอีกเหตุการณ์เกิดตามมา
เหตุการณ์แรกใช้ Past Perfect ส่วนเหตุการณ์ที่สองใช้ Past Simple (when, after)
รูปประโยค
ประโยคบอกเล่า S + had + V.3
ประโยคคาถาม Had + S + V.3
ประโยคปฏิเสธ S + had + not + V.3
7. Present Perfect Continuous Tense
ใช้กับ
18. เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีต และยังคงดาเนินอยู่ในขณะที่พูด
รูปประโยค
ประโยคบอกเล่า S + has/have + been + V.ing
ประโยคคาถาม Has/Have + S/been + V.ing
ประโยคปฏิเสธ S + has/have + not + been + V.ing
8. Past Perfect Continuous Tense
ใช้กับ
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นต่อเนื่อง และสิ้นสุดลงแล้วในอดีตก่อนจะถึงเวลาที่พูดถึง
การกระทาที่เริ่มขึ้นในอดีต และต่อเนื่องจนถึงอีกเวลาหนึ่งในอดีต
รูปประโยค
ประโยคบอกเล่า S + had been +V.ing
ประโยคคาถาม Had + S + been + V.ing
ประโยคปฏิเสธ S + had + not + been + V.ing
9. Future Simple Tense
ใช้กับ
การกระทาที่เกิดขึ้นในอนาคต
soon , shortly, next… , tomorrow, etc.
be going to ใช้กับความตั้งใจว่าจะทา ใช้กับหลักการความจริงไม่ได้
รูปประโยค
ประโยคบอกเล่า S + will/shall + V.1
ประโยคคาถาม Will/Shall + A + V.1
ประโยคปฏิเสธ S + will/shall + not + V.1 / S + is/am/are + not + going to + V.1
10.Future Continuous Tense
ใช้กับ
เหตุการณ์ที่จะทาต่อเนื่องในอนาคต มีตัวบ่งบอกเวลาเด่นชัดด้วย
at… , when I…
รูปประโยค
ประโยคบอกเล่า S + will/shall + be + V.ing
19. ประโยคคาถาม Will/shall + S + be + V.ing
ประโยคปฏิเสธ S + will/shall + not + be + V.ing
11.Future Perfect Tense
ใช้กับ
การกระทาที่จะสิ้นสุดลงเมื่อถึงเวลาหนึ่งในอนาคต
มีคาว่า by อยู่ด้วย เช่น by tomorrow, by next… , etc.
รูปประโยค
S + will/shall + have + V.3
12.Future Perfect Continuous Tense
ใช้กับ
พูดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีตและจะต่อเนื่องไปจนภายหลัง
by that time , by next… ขึ้นนาหน้า
รูปประโยค
S + will/shall + have been + V.ing
20. Active & Passive Voice
Active Voice = ประธานของประโยคกระทํากริยาโดยตรง
Passive Voice = ประธานของประโยคถูกกริยากระทํา
การเปลี่ยน Active Voice เปน Passive Voice มีดังนี้
• เอาประธานของ Active มาเปนกรรมของ Passive โดยวางไวหลัง by
• เอากรรมใน Active เปนประธานใน Passive
• เปลี่ยนกริยาแทใน Active ใหเปน V.3 และวางไวหลัง V. to be
• V. to be ตองผันตาม Tense ใน Active
• กริยาที่จะใชเปน Passive Voice ตองเปนกริยาที่มีกรรมมารองรับเสมอ
- They saw me. > I was seen by them.
- She was writing a letter. > A letter was being written by her.
ตองมี V. to be ทุกครั้ง
- No one will draw this picture. > This picture won’t be drawn by anyone.
กรณีประโยค Active มี can, could, may, might, must, ought to
ใหใชรูปแบบ Future Simple Tense
- She can speak English. > English can be spoken by her.
ประโยคที่มีกรรม 2 ตัว จะใชตัวใดเปนประธานก็ได
กรณีมี Question Words เปน Who, Whom, Why, How มีหลักการดังนี้
• วาง Question Words ไวหนาประโยค
• เรียงคําอื่นๆตามแบบประโยคคําถาม วาง V. to be หลัง Question Words
• กลับประธานของ Active เปนกรรม วางไวหลัง “by”
• เปลี่ยน Who ใน Active เปน By whom ใน Passive
- Who see you? > By whom are you seen?
กรณีเปนประโยคคําสั่ง ใหใชรูป Let + Obj. + be + V.3
- Do it. > Let it be done. / Wash the dishes now. > Let the dishes be washed.
21. Conditional Forms
& Wish Forms
Conditional Forms คือ ประโยคคาดคะเนว่าจะเกิดเหตุการณ์หนึ่งเกิดตามกับเหตุการณ์หนึ่ง มี 3 ชนิด
1) เงื่อนไขเป็นความจริงเสมอ
2) เป็นจริงหรือไม่จริงก็ได้
3) ตรงข้ามกับความจริง
ลักษณะประโยค แบบที่ 1 ผู้พูดมั่นใจว่าเป็นจริงแน่ๆ
If + present + future/present/imperative
เช่น If I die, you die.
Imperative คือ ประโยคที่ขึ้นต้นด้วย Verb เช่น
Turn the AC on
Play it
ลักษณะประโยค แบบที่ 2 ผู้พูดไม่มั่นใจว่าเป็นจริง หรือไม่อาจเป็นจริงได้เลย
If + past simple + S + would + V.1
If + S + were to + V.1 + S + would + V.1
เช่น - If I were you, I would kill him.
If he were to jump in there, I would scream. หรือ Were he to jump in there, I would
scream.
ลักษณะประโยค แบบที่ 3 การสมมุติเรื่องในอดีต (ตรงข้ามกับความเป็นจริง)
If + past perfect + *would* + have + V.3
เช่น - If I had known the truth, I would have been better.
*would* ใช้ should, could, might, แทนได้
22. Wish Forms
ประโยคความปรารถนา ที่ต้องการในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ มี 3 ลักษณะ
1) Present time
2) Past time
3) Future time
1. ประโยคความปรารถนาให้เป็นไปตามปัจจุบัน ประโยคที่อยู่หลัง wish ต้องเป็น past tense
…wish + S + V.2
* V. to be ให้ใช้ได้เฉพาะ ‚were‛ เท่านั้น ไม่ว่า S จะเป็น ‘เอกพจน์’ หรือ ‘พหูพจน์’ *
2. ความปรารถนาที่ให้เป็นไปในอดีต หลัง ‚wish‛ เป็น past perfect
…wish + S + V.3
รูป V. to be ใช้รูป ‚had been‛ เท่านั้น เช่น I wish I had found my bag month.
3. ความปรารถนาให้เป็นไปในอนาคต หลัง ‚wish‛ ใช้รูปแบบ * would + V.1 * เสมอ
…wish + S + would + V.1
V. to be ให้ใช้ would be เช่น He wishes he could cook.
Would ใช้ could, should, might แทนได้
กลุ่มคาที่ใช้เป็นเช่นเดียวกับ wish คือ
If only > If only you were a teacher.
It’s the time > It’s the time you had lunch.
I’d rather > I’d rather he had lived there, Last year.
23. Direct & Indirect speech
Direct Speech = คาพูดที่ออกจากปากผู้พูดโดยตรง
Indirect Speech = การนาเอาคาพูดของคนอื่นมาเล่าต่อ
การเปลี่ยน Direct เป็น Indirect มี 3 แบบ
1) เปลี่ยนคาพูดที่เป้นบอกเล่า (statements) มีหลักเกณฑ์ 3 อย่าง
2) เปลี่ยน Tense
3) ถ้ากริยาเป็น Present ไม่ต้องเปลี่ยนแปลง Tense
He said “ I am reading a book” > He says that he is reading a book.
สังเกต! เมื่อเปลี่ยนเป็น Indirect สรรพนามต้องเปลี่ยนตามประธาน
ถ้ากริยาเป็น past ประโยคตามต้องเป็น more past
Present Simple > Past Simple
Present Continuous > Past Continuous
Present Perfect > Past Perfect
Past Simple > Past Perfect
Will > Would, Shell > Should, May > Might, Can > Cloud
เปลี่ยนสรรพนามบุคคล
สรรพนามบุคคลเปลี่ยนไปตามประธานผู้พูด
He said, “I am eating” > He said that he was eating.
เปลี่ยนคาแสดงความใกล้เป็นคาแสดวงความห่างไกล
This > That These > Those Here > There
Now > Then Ago > Before Today > That day/The day before
Tomorrow > The next day / The following day
Yesterday > The day before / The previous day
Tonight > The night before
เปลี่ยนคาพูดที่เป็นคาถาม (Question)
ประโยคคาภามแบบ Direct มี 2 แบบ
24. 1) นาด้วย Question Words (What, Where, Why)
2) เปลี่ยน said เป็น asked
เรียงคาในประโยคให้เป็นประโยคบอกเล่า
เปลี่ยน Tense ตามหลักที่กล่าวมาใน Statements
นาด้วยกริยาพิเศษ (Can, Are, Is)
หลักการทั่วไปเหมือน 2 แบบแรก แต่ใช้คาเชื่อม if หรือ whether
“Are you doing well?”she said to me.= She asked me if (whether) I was doing well.
การใช้ if หรือ whether จะใช้ or not ตามหลังก็ได้
เปลี่ยนคาพูดที่เป็นคาสั่งหรือขอร้อง (Order or Requests)
เปลี่ยน said, said to ใน Direct เป็น
Commanded > สาหรับนายทหาร
Ordered > สาหรับนายกับบ่าว
Told > ใช้ได้ทั่วไป
Asked > ขอร้องอย่างสุภาพ
Begged > ขอร้องสุภาพยิ่งขึ้น
Warned > คาเตือน
ใช้คาในข้อที่ 1 ตามด้วย object + to + verb สาหรับประโยคบอกเล่า
เติม to ลงหน้าประโยคคาพูดจริง
เปลี่ยนสรรพนามที่เหมาะสม
กรณีเป็นคาสั่งท้ายที่ขึ้นต้นด้วย Don’t ใช้ not to เป็นคาเชื่อม
Mother said, “Don’t get up late.” = Mother told her child not to get up late.
25. Question Tags
มีกริยาพิเศษ 24 ตัว ที่ควรจา
ข้อควรจำ! จากประโยคบอกเล่า > ปฏิเสธ เติม n’t หลังคาเดิม
is > isn’t , might > mightn’t , dare > daren’t
ยกเว้น am > ไม่มี , shall > shan’t, will > won’t, can > can’t
Question Tags มี 2 ส่วน คือ ส่วนหัวและส่วนหาง มีลักษณะดังนี้
1) ส่วนหัวและส่วนหางถูกคั่นด้วย comma ( , )
2) ถ้าส่วนหัวเป็นประโยคบอกเล่า ส่วนหางจะเป็นประโยคปฏิเสธ
3) ถ้าส่วนหัวเป็นประโยคปฏิเสธ ส่วนหางจะเป็นประโยคบอกเล่า
4) กริยาพิเศษในส่วนหางใช้กริยาตัวเดียวกันกับส่วนหัว
กรณีต้องใช้ am not ใช้ aren’t I หรือ am I not แทน
5) ถ้าส่วนหัวไม่มีกริยาพิเศษ ส่วนหางให้ใช้ V. to be และคานึงถึง Tense ด้วย
6) ประธานในส่วนหางเป็นรูป Pronouns เสมอ
7) กริยา has/have ถ้าไม่มีความหมายว่า “มี” ให้ใช้ V. to be เหมือนข้อ 5
8) กริยา Used to นิยมใช้ didn’t ในส่วนหาง
He drinks coffee, doesn’t he?
You can’t help him, can you?
Peter sings a song, doesn’t he?
They used to live here, didn’t they?
26. Basic Sentence Pattern
ประโยคประกอบด้วย ภาคประธาน (subject) + ภาคแสดง (predicate)
EX The baby is crying.
Sarah has a new dress.
1. S+V : ประกอบด้วยประธาน และกริยาที่ไม่ต้องการกรรม (Intransitive verb) เช่น
go , walk , sleep , cry , laugh , smoke .
: Jane smiles.
2. S+V+O : ประกอบด้วยประธาน กริยา และกรรม โดยกริยาเป็น สกรรมกริยา(ต้องการกรรม
หรือ Transitive)
: John had breakfast.
3. S+LV+Complement : ประกอบด้วยประธาน Linking verb และส่วนเติมเต็ม
: Complement แบ่งออกเป็น 3 แบบ
3.1 Noun Complement คานามที่เติมเต็มประโยคให้สมบูรณ์ สามารถสลับที่กับประธาน
ได้บางครั้งจึงเรียกว่า Subject Complement
เช่น Puffy is my cat , my cat is Puffy.
3.2 Adjective Complement ค่าคุณศัพท์มาเติมเต็มประโยค.
เช่น Jane is very talkative.
อาจเป็นคานาม สรรพ-นาม
หรืออาจมีส่วนขยาย
บอกการกระทา ระบุสภาวะ
ลักษณะของประธาน
27. 3.3 Pronoun Complement คาสรรพนามเติมเต็ม
เช่น This book is mine.
*** linking verbs : เป็น verb ปกติที่ใช้ในแนว นามธรรม มากกว่าจะเป็นท่าทางกริยาจริงๆ แสดงลักษณะ
ความรู้สึก การเปลี่ยนแปลง
*linking verb + adjective เท่านั้น ยกเว้นถ้ามี กรรม มารองก่อนก็จะสามารถขยายด้วย adverb ได้
เช่น She looked at the game happily.
ตัวอย่าง : be , seem , appear , look , sound , smell , taste , feel , become , get , grow , go , turn ,
stay , remain , keep.
-The weather is horrible.
-It’s getting late.
-He seems intelligent.
-Keep calm.
-The leaves are turning yellow.
28. Prefixes and Suffixes
The following are some of the most common and useful English prefixes and suffixes.
1.PREFIXES
Prefix Mainly added to Usual meaning Examples
a- Adj. not, without amoral, asexual
Anglo- Adj. English Anglo-American
Ante- Adj. ,
Verbs ,
Nouns
before Antenatal,
Antedate,
Anteroom
Anti- Adj. , Nouns against Antisocial, anti-war
Arch- Nouns Supreme, most Archbishop, arch-enemy
Auto- Adj. , Nouns self Automatic,
autobiography
Bi- Adj. , Nouns two Bilingual, bicycle
Cent(i)- Nouns hundredth Centimeter, centiliter
Co- Verbs , Nouns Together(with) Co-operate, co-pilot
Counter- Adj. , Nouns , verbs against Counteract, counter-
revolution
Cyber- nouns computer, internet Cybercrime, cyber
culture
De- verbs Reversing action Defrost, deregulate
e- nouns Electronic, internet Email, e-commerce, e-
book
Eco- Adj, Nouns environment Eco-friendly, eco-tourism
En- Nouns,
Adj
Put in
make
Endanger, encircle
Enrich, enable
Euro- Adj, nouns European Eurocentric, europop
Ex- nouns former Ex-husband
29. Prefix Mainly added to Usual meaning Examples
Extra- Adj.
Adj.
Exceptionally
Outside
Extra-special
Extra-terrestrial
Fore- Verbs., nouns before Foretell, foreknowledge
Geo- Adj., nouns earth Geothermal, geophysics
Hyper- Adj., nouns Extreme(ly) Hypercritical,
hypertension
Ill- Past participle Badly Ill-advised, ill-expressed
In-
(im- before p)
(il- before l)
(ir- before r)
Adj. Not, opposite Incomplete, insensitive
Impossible
Illegible
irregular
Inter- Adj., verbs Between
among
International
Intermarry
Kilo- Nouns Thousand Kilometer, kilogram
Mal- adj., verbs, nouns Bad(ly) Maltreat, malformed,
malfunction
Mega- Nouns Million Megabyte
Micro- Adj., nouns Very small Microlight (aircraft),
micrometer
Mid- Nouns In the middle of Mid-December, mid-
afternoon
Milli- Nouns Thousandth Millisecond
Mini- Nouns Little Miniskirts, minicab
Mis- Verbs, nouns Wrong(ly) Misunderstand,
misconduct
Mono- Adj., nouns One Monogamous, monorail
Neo- Adj., nouns New(ly) Neo-classic, neo-Nazi
Non- Nouns, adj. Not Non-smoker, non-
returnable
30. Prefix Mainly added to Usual meaning Examples
Omni- Adj. All Omnipresent
Out- Verbs, nouns Do/be more than Outrun, outnumber (vb.)
Over- Adj., verbs Too much Over-confident, overeat
Pan- Adj. Right across Pan-American
Photo- Adj., nouns Light Photo electronic,
photosynthesis
Poly- Adj., nouns Many Polyglot, polygon
Post- Adj., nouns After Post-modern, postwar
Pre- Adj., nouns Before Premarital, prewar
Pro- Adj., nouns For, in favour of Pro-communist, pro-
government(adj.)
Pseudo- Adj. False Pseudo-acadamic
Psycho- Adj., nouns Mind, mental Psycho-analysis
Re- Verbs, nouns Again, Back Rebuild, reconstruction
Semi- Adj., nouns Half Semi-conscious, semicircle
Socio- Adj., nouns Society Socio-economic
Sub- Adj., nouns Below Sub-standard,
subconscious, subway
Super- Adj., nouns More than, special Supernatural, supermarket
Tele- Nouns Distant Telescope
Tri-
Ultra-
Adj., nouns
Adj., nouns
Three
Extreme, beyond
Tripartite, triangle
Ultra-modern
Un- Adj., participles,
verbs
Not, opposite Uncertain, unexpected
Under- Verbs, participles Too little Underestimate, under-
developed
Uni- Adj., nouns One Unilateral, unicycle
Vice- Nouns Deputy Vice-chairman
31. 2.SUFFIXES THAT FORM NOUNS
Suffix Mainly added to Usual meaning Examples
-age Verbs Instance of Breakage, shrinkage
-al Verbs Instance of Refusal, dismissal
-ance, -ancy Adj., verbs Process/state of Reluctance, performance,
expectancy
-ation Verbs
Verbs
Process/state of
Product of
Exploration, starvation
Organization,foundation
-ee Verbs Object of verb Payee, employee
-ence, -ency Adj., verbs Process/state of Independence,
presidency
-er Nouns Belonging to Teenager, Londoner
-er/or Verbs Person/thing that does Writer, driver, starter,
editor
-ess Nouns Female Lioness, waitress
-ette Nouns Small Kitchenette
-ful Nouns Amount held in Spoonful, cupful
-hood Nouns Quality, group time of Brotherhood, childhood
-ing Nouns Quantity of material Carpeting, tubing
-ism Nouns Belief, practice Communism,
impressionism
-ity Adj. Quality of Elasticity, falsity
-ment Verbs Process/result of Government, arrangement
-ness Adj. Quality of Meanness, happiness
-ocracy Nouns Government by Democracy
-ology Nouns Study of Sociology
-phile Nouns lover of Anglophobe
-phobe Nouns Hater, fearer of Anglophobe
-phobia Nouns Irrational fear of Arachnophobia
32. 3.SUFFIXES THAT FORM NOUNS OR ADJECTIVES
Suffix Mainly added to Usual meaning Examples
-ship Nouns Status, state, quality of Friendship, dictatorship
-ese Place nouns Inhabitant of, language of Chinese, Vietnamese
-(i)an Nouns Supporter of, related to Darwinian, republican
-ist Nouns Practitioner of Pianist, racist
4.SUFFIXES THAT FORM ADJECTIVES
Suffix Mainly added to Usual meaning Examples
-able Verbs Can be (done) Washable, drinkable
-al Nouns Related to Accidental
-centric Nouns Centred on Eurocentric
-ed Nouns Having Wooded, pointed,
blue-eyed
-ful Nouns Full of, providing Useful, helpful
-ic Nouns Related to Electric
-ical Nouns Related to Philosophical , logical
-ish Adj., nouns ,
place nouns
Rather (like)
Inhabitant of, language of
Scottish, Turkish
-ive Verbs Can do, does Attractive, selective
-less Nouns Without Careless, homeless
-like Nouns Like Childlike
-ly Nouns With the quality of Friendly, motherly
-ous Nouns Having Virtuous, ambitious
-proof Nouns Protected/-ing against Bullet-proof, waterproof
-ward Adj. Towards Backward, northward
-y Nouns Like, characterized by Creamy, wealthy
33. 5.SUFFIXES THAT FORM ADVERBS
Suffix Mainly added to Usual meaning Examples
-ly Adj. In an (adjective) way Calmly, slowly
-ward(s) Adj. Towards Backwards,
northward(s)
6.SUFFIXES THAT FORM VERBS
Suffix Mainly added to Usual meaning Examples
-ate Nouns Causative Orchestrate,
chlorinate
-en Adj. Make, become Deafen, ripen, harden
-ify Adj., nouns Causative: make Simplify, electrify
-ise/-ize Adj.,nouns Various Modernize, symbolise
