More Related Content
Similar to ใบงานที่ 2 เรื่อง ความหมายและความสำคัญของโครงงาน2
Similar to ใบงานที่ 2 เรื่อง ความหมายและความสำคัญของโครงงาน2 (20)
More from Aksonsat Roungsan
More from Aksonsat Roungsan (15)
ใบงานที่ 2 เรื่อง ความหมายและความสำคัญของโครงงาน2
- 1. ใบงานที่ 2 เรื่อง ความหมายและความสาคัญของโครงงาน
พัฒนาโครงงานคอมพิวเตอร์ตามขั้นตอนต่อไปนี้
- คัดเลือกหัวข้อที่สนใจ
- ศึกษาค้นคว้าเอกสาร
- จัดทาข้อเสนอโครงงาน
- พัฒนาโครงงาน
- จัดทารายงาน
- นาเสนอและเผยแพร่
1. คัดเลือกหัวข้อโครงงานที่สนใจ
โดยทั่วไปเรื่องที่จะนา มาพัฒนาเป็นโครงงานคอมพิวเตอร์ มักจะได้มาจากปัญหา คา ถาม
หรือ
ความสนใจในเรื่องต่างๆ จากการสังเกตสิ่งต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับระบบคอมพิวเตอร์ หรือสิ่ง
ต่างๆ
รอบตัว ปัญหาที่จะนา มาพัฒนาโครงงานคอมพิวเตอร์ได้จากแหล่งต่างๆ กัน ดังนี้
1. การอ่านค้นคว้าจากหนังสือ เอกสาร หนังสือพิมพ์ หรือวารสารต่างๆ
2. การไปเยี่ยมชมสถานที่ต่างๆ
3. การฟังบรรยายทางวิชาการ รายการวิทยุและโทรทัศน ์ รวมทั้งการสนทนาอภิปราย
แลกเปลี่ยนความคิดเห็นระหว่างเพื่อนนักเรียนหรือกับบุคคลอื่นๆ
4. กิจกรรมการเรียนการสอนในโรงเรียน
5. งานอดิเรกของนักเรียน
6. การเข้าชมงานนิทรรศการหรืองานประกวดโครงงานคอมพิวเตอร์
ในการตัดสินใจเลือกหัวข้อที่จะนา มาพัฒนาโครงงานคอมพิวเตอร์ ควรพิจารณาองค์ประกอบ
สา คัญ ดังนี้
1. ต้องมีความรู้และทักษะพื้นฐานอย่างเพียงพอในหัวข้อเรื่องที่จะศึกษา
2. สามารถจัดหาเครื่องคอมพิวเตอร์ ซอฟต์แวร์ และวัสดุอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องได้
3. มีแหล่งความรู้เพียงพอที่จะค้นคว้าหรือขอคา ปรึกษา
4. มีเวลาเพียงพอ
- 2. 5. มีงบประมาณเพียงพอ
6. มีความปลอดภัย
2. ศึกษาค้นคว้าจากเอกสารและแหล่งข้อมูล
การศึกษาค้นคว้าจากเอกสารและแหล่งข้อมูล ซึ่งรวมถึงการขอคา ปรึกษาจากผู้ทรงคุณวุฒิ
จะช่วย
ให้นักเรียนได้แนวคิดที่ใช้ในการกา หนดขอบเขตของเรื่องที่จะศึกษาได้เฉพาะเจาะจงมาก
ยิ่งขึ้น
รวมทั้งได้ความรู้เพิ่มเติมในเรื่องที่จะศึกษาจนสามารถใช้ออกแบบและวางแผนดา เนินการทา
โครงงานนั้นได้อย่างเหมาะสม ในการศึกษาจะต้องได้คา ตอบว่า
1. จะทา อะไร
2. ทา ไมต้องทา
3. ต้องการให้เกิดอะไร
4. ทา อย่างไร
5. ใช้ทรัพยากรอะไร
6. ทา กับใคร
7. เสนอผลอย่างไร
3. องค์ประกอบของเค้าโครงของโครงงาน
- 3. 4. การลงมือทาโครงงาน
เมื่อเค้าโครงของโครงงานได้รับความเห็นขอบจากอาจารย์ที่ปรึกษาแล้ว ก็เสมือนว่าการจัดทา
โครงงานได้ผ่านพ้นไปแล้วมากกว่าครึ่ง ขั้นตอนต่อไปจะเป็นการลงมือพัฒนาตามขั้นตอนที่
วางแผนไว้ ดังนี้
การเตรียมการ
การเตรียมการ ต้องเตรียมเครื่องคอมพิวเตอร์ ซอฟต์แวร์ และวัสดุอื่นๆ ที่จะใช้ในการ
พัฒนาให้
พร้อมด้วย และควรเตรียมสมุดบันทึกหรือบันทึกเป็นแฟ้ มข้อความไว้ในระบบคอมพิวเตอร์
สา หรับ
บันทึกการทา กิจกรรมต่างๆ ระหว่างทา โครงงาน ได้แก่ ได้ปฏิบัติอย่างไร ได้ผลอย่างไร มี
ปัญหา
และแก้ไขได้หรือไม่อย่างไร รวมทั้งข้อสังเกตต่างๆ ที่พบ
การลงมือพัฒนา
1. ปฏิบัติตามแผนงานที่วางไว้ในเค้าโครง แต่อาจเปลี่ยนแปลงหรือเพิ่มเติมได้ถ้าพบว่าจะช่วย
ทา ให้ผลงานดีขึ้น
2. จัดระบบการทา งานโดยทา ส่วนที่เป็นหลักสา คัญๆ ให้แล้วเสร็จก่อน จึงต่อยทา ส่วนที่
เป็น
ส่วนประกอบหรือส่วนเสริมเพื่อให้โครงงานมีความสมบูรณ์มากขึ้น และถ้ามีการแบ่งงาน
กันทา ให้ตกลงรายละเอียดในการต่อเชื่อมชิ้นงานที่ชัดเจนด้วย
3. พัฒนาระบบงานด้วยความละเอียดรอบคอบ และบันทึกข้อมูลไว้อย่างเป็นระบบและ
ครบถ้วน
การทดสอบผลงานและแก้ไข
การตรวจสอบความถูกต้องของผลงานเป็นความจา เป็นเพื่อให้แน่ใจว่าผลงานที่พัฒนาขึ้นทา
งาน
ได้ถูกต้องตรงกับความต้องการที่ระบุไว้ในเป้ าหมาย และทา ด้วยประสิทธิภาพสูงด้วย
การอภิปรายและข้อเสนอแนะ
เมื่อพัฒนาผลงานเรียบร้อยแล้ว ให้จัดทา สรุปด้วยข้อความที่สั้นกะทัดรัดอย่างครอบคลุมเพื่อ
ช่วย
- 4. ให้ผู้อ่านได้เข้าใจถึงสิ่งที่ค้นพบจากการทา โครงงาน และทา การอภิปรายผลด้วยเพื่อ
พิจารณาข้อมูล
และผลที่ได้ พร้อมกับนา ไปหาความสัมพันธ์กับหลักการ ทฤษฎี หรือผลงานที่ผู้อื่นได้ศึกษา
ไว้แล้ว
ทั้งนี้ยังรวมถึงการนา หลักการ ทฤษฎี หรือผลงานของผู้อื่นมาใช้ประกอบการอภิปรายผลที่
ได้ด้วย
แนวทางการพัฒนาโครงงานในอนาคตและข้อเสนอแนะ
เมื่อทา โครงงานเสร็จสิ้นลงแล้ว นักเรียนอาจพบข้อสังเกต ประเด็นที่สา คัญหรือปัญหา ซึ่ง
สามารถเขียนเป็นข้อเสนอแนะและสิ่งที่ควรจะศึกษาและหรือใช้ประโยชน์ต่อไปได้
5. การเขียนรายงาน
การเขียนรายงานเป็นวิธีการสื่อความหมายเพื่อให้ผู้อื่นได้เข้าใจแนวคิด วิธีดา เนินการศึกษา
ค้นคว้า ข้อมูลที่ได้ ตลอดจนข้อสรุปและข้อเสนอแนะต่างๆ เกี่ยวกับโครงงานนั้น ในการเขียน
รายงาน นักเรียนควรใช้ภาษาที่อ่านง่าย ชัดเจน กระชับ และตรงไปตรงมา ให้ครอบคลุม
หัวข้อต่างๆ
เหล่านี้
ส่วนนา
ส่วนนา เป็นการให้ข้อมูลเกี่ยวกับโครงงานนั้นซึ่งประกอบด้วย
1. ชื่อโครงงาน
2. ชื่อผู้ทา โครงงาน
3. ชื่ออาจารย์ที่ปรึกษา
4. คา ขอบคุณ เป็นคา กล่าวขอบคุณบุคคลหรือหน่วยงาน ที่มีส่วนช่วยทา ให้โครงงานนี้
ประสบความสาเร็จ
5. บทคัดย่อ อธิบายถึงที่มา ความสา คัญ วัตถุประสงค์ วิธีดา เนินการ และผลที่ได้ โดยย่อ
(
ประมาณ 150-250 คา )
บทนา
บทนา เป็นส่วนรายละเอียดของเนื้อหาของโครงงานซึ่งประกอบด้วย
1. ที่มาและความสาคัญของโครงงาน
- 5. 2. เป้ าหมายของการศึกษาค้นคว้า
3. ขอบเขตของโครงงาน
หลักการและทฤษฎี
หลักการและทฤษฎี เป็นส่วนสรุปข้อมูลที่ได้จากการศกึ ษาหาข้อมูลหรือหลักการ ทฤษฎี
หรือ
วิธีการที่จะนา มาใช้ในการพัฒนาโครงงาน ซึ่งรวมถึงการระบุผลงานของผู้อื่นที่นักเรียนนา
มา
เปรียบเทียบหรือพัฒนาเพิ่มเติมด้วย
วิธีดาเนินการ
วิธีดา เนินการ อธิบายขั้นตอนการดา เนินงานโดยละเอียด พร้อมทั้งระบุปัญหาหรืออุปสรรค
ที่พบ
พร้อมทั้งวิธีการที่ใช้แก้ไข พร้อมทั้งระบุวัสดุอุปกรณ์ที่ต้องใช้ในการทา งาน
ผลการศึกษา
ผลการศึกษา นา เสนอข้อมูลหรือระบบที่พัฒนาได้ โดยอาจแสดงเป็นตาราง หรือ กราฟ
หรือ
ข้อความ ทั้งนี้ให้คา นึงถึงความเข้าใจของผู้อ่านเป็นหลัก
สรุปผลและข้อเสนอแนะ
สรุปผลและข้อเสนอแนะ อธิบายผลสรุปที่ได้จากการทา งาน ถ้ามีการตั้งสมมติฐานควรระบุ
ด้วย
ว่าข้อมูลที่ได้สนับสนุนหรือคัดค้านสมมติฐานที่ตั้งไว้หรือยังสรุปไม่ได้ นอกจากนั้นยังควร
กล่าวถึง
การนา ผลการทดลองหรือพัฒนาไปใช้ประโยชน ์ อุปสรรคของการทา โครงงาน หรือ
ข้อสังเกตที่
สา คัญหรือข้อผิดพลาดบางประการที่เกิดขึ้นจากการทา โครงงานนี้ รวมทั้งข้อเสนอแนะเพื่อ
การ
ปรับปรุงแก้ไขหากจะมีผู้ศึกษาค้นคว้าในเรื่องทา นองนี้ต่อไปในอนาคตด้วย
ประโยชน์
ประโยชน์ที่ได้รับจากโครงงาน ระบุประโยชน์ที่นักเรียนได้รับจากการพัฒนาโครงงานนั้น และ
ประโยชน์ที่ผู้ใช้จะได้รับจากการนา ผลงานของโครงงานได้ใช้ด้วย
- 6. บรรณานุกรม
บรรณานุกรม รวบรวมรายชื่อหนังสือ วารสาร เอกสาร หรือเว็บไซด์ต่างๆ ที่ผู้ทา โครงงานใช้
ค้นคว้า หรืออ่านเพื่อศึกษาข้อมูลและรายละเอียดต่างๆ ที่นา มาใช้ประโยชน์ในการทา
โครงงานนี้
การเขียนเอกสารบรรณานุกรมต้องให้ถูกต้องตามหลักการเขียนด้วย
การจัดทาคู่มือการใช้งาน
หาโครงงานที่นักเรียนจัดทา เป็นการพัฒนาระบบใหม่ขึ้นมา ให้นักเรียนจัดทา คู่มืออธิบาย
วิธีการใช้ผลงานนั้นโดยละเอียด ซึ่งประกอบด้วย
1. ชื่อผลงาน
2. ความต้องการของระบบคอมพิวเตอร์ ระบุรายละเอียดของคอมพิวเตอร์ที่ต้องมีเพื่อจะใช้
ผลงานนั้นได้
3. ความต้องการของซอฟต์แวร์ ระบุรายชื่อซอฟต์แวร์ที่ต้องมีอยู่ในเครื่องคอมพิวเตอร์ เพื่อ
จะ
ให้ผลงานนั้นทา งานได้อย่างสมบูรณ์
4. คุณลักษณะของผลงาน อธิบายว่าผลงานนั้นทา หน้าที่อะไรบ้าง รับอะไรเป็นข้อมูลขาเข้า
และส่วนอะไรออกมาเป็นข้อมูลขาออก
5. วิธีการใช้งานของแต่ละฟังก์ชัน อธิบายว่าจะต้องกดคา สั่งใด หรือกดปุ่มใด เพื่อให้ผลงาน
ทา งานในฟังก์ชันหนึ่งๆ
เนื้อหาประจาหน่วย
6. การนาเสนอและแสดงโครงงาน
การนา เสนอและการแสดงผลงานเป็นขั้นตอนที่สา คัญอีกขั้นตอนหนึ่งของการทา โครงงาน
เพื่อ
แสดงออกถึงผลิตผลความคิด ความพยายามในการทา งานที่ผู้ทา โครงงานได้ทุ่มเท และ
เป็นวิธีทา ให้
ผู้อื่นได้รับรู้และเข้าใจถึงผลงานนั้น
การเสนอผลงานอาจทา ได้ในหลายรูปแบบต่างๆ กัน เช่น การแสดงผลงานโดยไม่มีการ
อธิบาย
ประกอบ การรายงานด้วยคา พูดในที่ประชุม การจัดนิทรรศการโดยโปสเตอร์และอธิบาย
ด้วยคา พูด
- 7. เป็นต้น โดยผลงานที่นา มาเสนอหรือจัดแสดงควรประกอบด้วยสิ่งต่อไปนี้
1. ชื่อโครงงาน
2. ชื่อผู้จัดทางโครงงาน
3. ชื่ออาจารย์ที่ปรึกษา
4. คา อธิบายถึงที่มาและความสา คัญของโครงงาน
5. วิธีการดาเนินการที่สาคัญ
6. การสาธิตผลงาน
7. ผลการสังเกตและข้อสรุปสาคัญที่ได้จากการทางโครงงาน
Credit:
http://krupoh.files.wordpress.com/2012/07/e0b882e0b8b1e0b989e0b899e0b
895e0b8ade0b899e0b881e0b8b2e0b8a3e0b897e0b8b3e0b982e0b884e0b8a3
e0b887e0b887e0b8b2e0b899e0b884e0b8ade0b8a1.pdf