SlideShare a Scribd company logo
1 of 10
ความหมายของ Blog
Blog มาจากศัพท์คำาว่า WeBlog บางคนอ่านคำา ๆ นี้ว่า We
Blog บางคนอ่านว่า Web Log แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ทั้งสองคำาบ่งบอกถึง
ความหมายเดียวกัน ว่านั่นคือบล็อก (Blog)
ความหมายของคำาว่า Blog ก็คือการบันทึกบทความของ
ตนเอง (Personal Journal) ลงบนเว็บไซต์ โดยเนื้อหาของ blog
นั้นจะครอบคลุมได้ทุกเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องราวส่วนตัว หรือเป็น
บทความเฉพาะด้านต่าง ๆ เช่น เรื่องการเมือง เรื่องกล้องถ่ายรูป
เรื่องกีฬา เรื่องธุรกิจ เป็นต้น โดยจุดเด่นที่ทำาให้บล็อกเป็นที่นิยมก็
คือ ผู้เขียนบล็อก จะมีการแสดงความคิดเห็นของตนเองใส่ลงไป
ในบทความนั้น ๆ โดยบล็อกบางแห่ง จะมีอิทธิพลในการโน้มน้าว
จิตใจผู้อ่านสูงมาก แต่ในขณะเดียวกัน บางบล็อกก็จะเขียนขึ้นมา
เพื่อให้อ่านกันในกลุ่มเฉพาะ เช่นกลุ่มเพื่อน ๆ หรือครอบครัว
ตนเองมีหลายครั้งที่เกิดความเข้าใจกันผิดว่า Blog เป็นได้แค่
ไดอารี่ออนไลน์ แต่ในความเป็นจริงแล้ว ไดอารี่ออนไลน์
เปรียบเสมือน เนื้อหาประเภทหนึ่งของบล็อกเท่านั้น เพราะ
บล็อกมีเนื้อหาที่หลากหลายประเภท ตั้งแต่การบันทึกเรื่องส่วน
ตัวอย่างเช่นไดอารี่ หรือการบันทึกบทความที่ผู้เขียนบล็อกสนใจ
ในด้านอื่นด้วย ที่เห็นชัดเจนคือ เนื้อหาบล็อกประเภท วิจารณ์
การเมือง หรือการรีวิวผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ที่ตัวเองเคยใช้ หรือซื้อมา
นั่นเอง อีกทั้งยังสามารถแตกแขนงไปในเนื้อหาในประเภทต่าง ๆ
อีกมากมาย ตามแต่ที่เจ้าของบล็อกจะเป็นคนที่ถนัดในด้านไหน ก็
มักจะเขียนบทความเรื่องที่ตนเองถนัด หรือสนใจเป็นต้น จุดเด่น
ที่สุดของ Blog ก็คือ มันสามารถเป็นเครื่องมือสื่อสารชนิดหนึ่ง ที่
สามารถสื่อถึงความเป็นกันเองระหว่างผู้เขียนบล็อก และผู้อ่าน
บล็อกที่เป็นกลุ่มเป้าหมายที่ชัดเจนของบล็อกนั้น ๆ ผ่านทางระบบ
comment ของบล็อกนั่นเอง ผู้คนหลายล้านคนจากทั่วทุกมุมโลก
หันมาเขียน Blog กันอย่างแพร่หลาย ตั้งแต่นักเรียน อาจารย์ นัก
เขียน ตลอดจนถึงระดับบริษัทยักษ์ใหญ่ในตลาดหุ้น NasDaq
เมื่อสองสามปีที่ผ่านมา Blog เริ่มต้นมาจากการเขียนเป็นงาน
อดิเรกของกลุ่มสื่ออิสระต่าง ๆ หลาย ๆ แห่งกลายเป็นแหล่งข่าว
สำาคัญให้กับหนังสือพิมพ์หรือสำานักข่าวชั้นนำา จวบจนกระทั่งปี
2004 คนเขียน Blog ก็ได้รับการยอมรับจากสื่อและสำานักข่าวต่าง
ๆ ถึงความรวดเร็วในการให้ข้อมูลตั้งแต่เรื่องการเมืองไปจนกระทั่ง
เรื่องราวของการประชุมระดับชาติและจากเหตุการณ์เหล่านี้ นับ
ได้ว่า Blog เป็นสื่อชนิดหนึ่งที่ไม่ต่างจาก วีดีโอ , สิ่งพิมพ์ ,
โทรทัศน์ หรือแม้กระทั่งวิทยุ เราสามารถเรียกได้ว่า Blog ได้เข้า
มาเป็นสื่อชนิดใหม่ที่สำาคัญอย่างแท้จริง
มีหลายครั้งที่เกิดความเข้าใจกันผิดว่า Blog เป็นได้แค่
ไดอารี่ออนไลน์ แต่ในความเป็นจริงแล้ว ไดอารี่ออนไลน์เปรียบ
เสมือน เนื้อหาประเภทหนึ่งของบล็อกเท่านั้น เพราะบล็อกมีเนื้อหา
ที่หลากหลายประเภท ตั้งแต่การบันทึกเรื่องส่วนตัวอย่างเช่น
ไดอารี่ หรือการบันทึกบทความที่ผู้เขียนบล็อกสนใจในด้านอื่น
ด้วย ที่เห็นชัดเจนคือ เนื้อหาบล็อกประเภท วิจารณ์การเมือง หรือ
การรีวิวผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ที่ตัวเองเคยใช้ หรือซื้อมานั่นเอง อีกทั้ง
ยังสามารถแตกแขนงไปในเนื้อหาในประเภทต่าง ๆ อีกมากมาย
ตามแต่ที่เจ้าของบล็อกจะเป็นคนที่ถนัดในด้านไหน ก็มักจะเขียน
บทความเรื่องที่ตนเองถนัด หรือสนใจเป็นต้น
ในอดีตแรกเริ่ม คนที่เขียน Blog นั้นยังทำากันในระบบ
Manual คือเขียนเว็บเองทีละหน้า แต่ในปัจจุบันนี้ มีเครื่องมือหรือ
ซอฟท์แวร์ให้เราใช้ในการเขียน Blog ได้มากมาย เช่น
WordPress, Movable Type เป็นต้น
เมื่อสองสามปีที่ผ่านมา Blog เริ่มต้นมาจากการเขียนเป็น
งานอดิเรกของกลุ่มสื่ออิสระต่าง ๆ หลาย ๆ แห่งกลายเป็นแหล่ง
ข่าวสำาคัญให้กับหนังสือพิมพ์หรือสำานักข่าวชั้นนำา จวบจนกระทั่ง
ปี 2004 คนเขียน Blog ก็ได้รับการยอมรับจากสื่อและสำานักข่าว
ต่าง ๆ ถึงความรวดเร็วในการให้ข้อมูลตั้งแต่เรื่องการเมืองไปจน
กระทั่งเรื่องราวของการประชุมระดับชาติและจากเหตุการณ์เหล่า
นี้ นับได้ว่า Blog เป็นสื่อชนิดหนึ่งที่ไม่ต่างจาก วีดีโอ , สิ่งพิมพ์ ,
โทรทัศน์ หรือแม้กระทั่งวิทยุ เราสามารถเรียกได้ว่า Blog ได้เข้า
มาเป็นสื่อชนิดใหม่ที่สำาคัญอย่างแท้จริง
blogging
คำาว่า Blog เป็นคำาย่อจากคำาว่า Weblog หรือ Web Log ซึ่ง
เป็นคำาที่คิดขึ้นโดย โจร์น บาร์เกอร์ ในปี ค.ศ.1997 และต่อจาก
นั้นอีก 2 ปีต่อมา ปีเตอร เมอร์โฮลซ์ ซึ่งสร้าง Blog ของตนเอง
แล้วตั้งชื่อว่า we blog ทำาให้คำาว่า Weblog ถูกย่อให้เหลือแค่
เพียง Blog และกลายเป็นคำาฮิตติดปาก ตั้งแต่นั้นมา
แต่การเปลี่ยนไอเดียจากกระดานข่าวสู่ Blog นั้น ยังไม่ถือว่า
เป็นการประยุกต์ไอเดียเล็ก ๆ มาสร้างธุรกิจใหม่ได้เลยหากไม่มี
บริษัทเล็ก ๆ ผู้ให้บริการจัดทำาเว็บไซต์ และมี Blog เป็นของ
ตนเองที่มองเห็นไอเดียเล็ก ๆ นี้จะเพิ่มมูลค่าให้ธุรกิจเหล่านั้นได้
อย่างมหาศาล พวกเขาจึงก่อตั้งเว็บไซต์ Blogger.com ขึ้นมาและ
หวังว่านี่จะเป็นเว็บไซต์ที่ทำาเงินได้ ซึ่งสุดท้าย ฝันก็เป็นจริง เมื่อวัน
หนึ่งเว็บ Blogger.com ของพวกเขาได้รับคำาเสนอซื้อจากยักษ์
ใหญ่แห่งวงการเสิร์จเอ็น จิ้นอย่าง Google.com ด้วยมูลค่าที่ใคร
ๆ คาดไม่ถึง
เนื้อหาใน blog นั้นประกอบด้วย 3 ส่วน
คือ 1.หัวข้อ( title )
2. เนื้อหา ( Post หรือ Content )
3.วันที่เขียน( Date )
วิธีการสร้าง blog
1. การติดตั้งโปรแกรมทำา blog ขึ้นใช้ใน office ตัวอย่าง
โปรแกรมที่ใช้สร้าง blog เช่น WordPress b2evolution
Nucleus pMachine MyPHPblog Movable Type Geeklog
bBlog ( วิธีนี้ตั้งมีเครื่องเว็บเซิร์ฟเวอร์ในการใช้งานเอง อาจทำา
เป็น Intranet Blog หรือ Intenet Blog )
2. การใช้งาน blog ฟรี จากเว็บที่เปิดให้บริการปัจจุบันมีเว็บที่เปิด
ให้บริการหลายเว็บอาทิ เช่น Blogger.com ( en )
Bloglines.com ( en ) Exteen.com ( th )
Bloggang.com ( th ) เป็นต้น
หน้าเว็บที่มีการ update บ่อยๆ และเรียงโครงสร้าง ตามลำาดับเวลา
– อันใหม่อยู่บนสุด – โดยมักมี link ไปยังเว็บอื่นๆ และมีการแส
ดงข้อคิดเห็นส่วนตัว
บล็อกเป็นเทคโนโลยีการแสดงเนื้อหาแบบใหม่ และที่พัฒนามา
จากระบบแสดงผล ข่าวประชาสัมพันธ์จนมีขีดความสามารถที่
หลากหลายจนเทียบชั้นได้กับระบบบริหารจัดการข้อมูล
( Content Management ) บนเว็บไซต์เลยทีเดียว เพราะบล็อกใน
ปัจจุบันทำาได้ตั้งแต่แสดงภาพ แสดงข้อมูลมัลติมีเดีย จัดทำาโพล
โหวต เพลงประกอบเว็บ ระบบแสดงความคิดเห็น เป็นต้น ซึ่งใน
การใช้งาน Blogging ผู้ใช้ต้องทำาการสมัครสมาชิกเข้าสู่ระบบ มี
ขั้นตอนดังนี้
1. ผู้ใช้ทำาการสมัครสมาชิกโดยการป้อนชื่อผู้ใช้ และรหัสผ่านที่
จะใช้เข้าสู่ระบบ
2. ทำาการกรอกข้อมูลที่จำาเป็นสำาหรับการใช้สมัครสมาชิก โดย
ระบบจะทำาการตรวจสอบข้อมูลที่ผู้ใช้ทำาการป้อนเข้าสู่ระบบ
3. เมื่อป้อนข้อมูลเรียบร้อยและทำาการเข้าสู่ระบบแล้ว ผู้ใช้จะ
สามารถทำาการสร้าง Blog ของตนเองได้ตามความต้องการ
ประโยชน์ของ blog
1. ใช้เป็นเครื่องมือสร้างความรู้ การเขียน blog สำาหรับบันทึกเรื่อง
ราว ข่าวสาร ความรู้และประสบการณ์ต่าง ๆ ในสิ่งที่ผู้เล่าสนใจ
เป็นการถ่ายทอดสิ่งที่ถูกบันทึกไว้ในสมองลงสู่ตัวหนังสือการเขียน
ต้องมีอิสระทางความคิดในรูปแบบที่เป็นตัวของตัวเอง จะช่วย
อำานวยให้การดึงเอาความรู้ฝังลึกถูกแสดงออกมาได้โดยไม่ยาก
นักและการเขียน blog อยู่เป็นประจำาก็จะสามารถนำามาสู่การสร้าง
ขุมความรู้ ( Knowledge Assets ) อย่างต่อเนื่องและเป็นระบบ
การเก็บรวบรวมและการแก้ไขหรือเพิ่มเติมความรู้ก็ทำาได้โดย
สะดวก รวดเร็ว
2. เป็นเครื่องมือในการเผยแพร่ความรู้ โดยหลักการของ blog คือ
การเผยแพร่เรื่องราวที่ผู้เขียนเขียนไว้บน blog เพื่อแสดงตัวตน
ของผู้เขียนออกสู่สาธารณชนซึ่งนั่นหมายถึง blog ย่อมมีความ
สามารถในการสนับสนุนการเข้าถึงความรู้ได้ง่าย สะดวก และ
รวดเร็ว ทันทีที่ผู้เขียนมีการเพิ่มเติมหรือแก้ไขความรู้ที่มีอยู่บน
blog ไฟล์ RSS ก็จะทำาการดึงเอาเนื้อหานั้น ๆ มาใส่ไว้ในไฟล์
ด้วยทันที
3. เป็นเครื่องมือแลกเปลี่ยนความรู้ การเขียน blog จะอนุญาตให้ผู้
อ่านสามารถแสดงความคิดเห็นต่อความรู้ที่ผู้เขียนถ่ายทอดลงไป
ใน blog และผู้เขียนได้เขียนโต้ตอบต่อความคิดเห็นนั้น ๆ ใน
ลักษณะของการสนทนาเพื่อหาความแตกฉานในตัวความรู้ ถือได้
ว่าเป็นการร่วมกันสกัดความรู้ฝังลึกได้อย่างดี
4. เป็นเครื่องมือในการค้นหาความรู้ ผู้ชำานาญการ และชุมชน
ปฏิบัติ การเขียนและอ่าน blog เป็นวิธีการค้นหาความรู้ ช่วยให้
ค้นพบผู้มีความรู้ความชำานาญในด้านต่าง ๆ ได้รวดเร็วขึ้น ไม่ว่า
จะโดยการเขียน blog ที่มักอ้างถึง blog อื่น ๆ โดยการโยงลิงค์ไป
หาบทความหรือบันทึกนั้น ๆ อีกทั้งลิงค์ที่ผู้เขียนบรรจุไว้ใน blog
ซึ่งอยู่นอกตัวบทความ หรือการร่วมเป็นสมาชิกของ blog ชุมชน
5. เป็นเครื่องมือในการรวบรวมและแยกแยะประเภทของความรู้
สกัดแก่นความรู้ และสร้างความสัมพันธ์ของความรู้ วิธีการหนึ่งที่
ระบบ blog โดยทั่วไปนำามาใช้ในการรวบรวมและแยกประเภท
ของของบันทึก คือการให้ผู้เขียนระบุหมวดหมู่หรือคีย์เวิร์ดของ
บันทึกนั้น ๆ ไว้ ซึ่งบันทึกหนึ่ง ๆ อาจมีความเหมาะสมในการแยก
หลายหมวดหมู่ ถือเป็นการสกัดแก่นความรู้จากขุมความรู้ โดยที่
ตัวผู้เขียนเอง อาจจะดึงเอาคีย์เวิร์ดของชุมชนที่ถูกรวบรวมผู้ใช้
หลายคน
6. เป็นเครื่องมือในการสร้างลำาดับความน่าเชื่อถือและความถูก
ต้องของความรู้โดยผู้นำาเอาความรู้นั้นไปใช้ สิ่งที่นักปฏิบัติ
ด้านการจัดการความรู้อยากให้เกิดขึ้นภายหลังจากการที่ได้มีการ
จัดการความรู้ ก็คือ การที่มีผู้อื่นนำาเอาความรู้นั้น ๆ ไปใช้ให้เกิด
ผลและนำาผลมาปรับปรุงความรู้เดิมให้เกิดความรู้ตัวใหม่ หรือ
ทำาให้ความรู้นั้น ๆ มีความถูกต้องมีหลักฐานที่วัดได้ทาง
วิทยาศาสตร์ชัดเจนมากยิ่งขึ้น ระบบ blog ประกอบกับเทคโนโลยี
ในการ พัฒนาเว็บในปัจจุบัน สามารถสร้างระบบ Rating หรือ
ระบบการจัดลำาดับความน่าเชื่อถือ และความถูกต้องของความรู้
หนึ่ง ๆ ได้โดยตรงจากผู้อ่าน blog ซึ่งอาจจะเป็น ผู้ที่ได้นำาเอา
ความรู้นั้นๆ ไปใช้เองอีกด้วย หรือการแสดงสถิติต่างๆของ blog
เช่น บันทึกที่ได้รับการแสดงข้อคิด เห็นมากที่สุด หรือ บันทึกที่มีผู้
อ่านมากที่สุด ก็สามารถเป็นเครื่องมือพิสูจน์ความน่าเชื่อถือ และ
ความถูกต้องของความรู้ได้ในระดับหนึ่งด้วยเช่นกัน
7. ใช้เป็นเครื่องมือแสดงรายละเอียดของแก่นความรู้อย่างเป็น
ระบบซึ่งนักวิทยาศาสตร์ อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ กล่าวไว้ว่า
"Imagination is more important than knowledge." การไม่
หยุดคิดที่จะวิจัยและพัฒนา เครื่องมือเทคโนโลยีเพื่อช่วยสร้าง
ความสมบูรณ์แบบของระบบ การจัดการกับความรู้เป็นสิ่งที่
สนับสนุนให้เกิดขึ้นได้ เช่น ในปัจจุบันระบบ blog ถือว่าเป็นเครื่อง
มือสำาหรับเสริมสร้างประสิทธิภาพในการเล่าเรื่อง ซึ่งถือเป็น
เทคนิคที่ได้รับการยอมรับอย่างแพร่หลายในการจัดการความรู้
แต่เพื่อที่จะสกัดความรู้ฝังลึกที่มีความซับซ้อน การใช้เทคนิคการ
เล่าเรื่องเพียงอย่างเดียว หรือการร่วมช่วยกันเล่าก็ตาม ก็อาจจะยัง
ไม่สามารถสกัดเอาความรู้ออกมาได้หมด เพราะความสับสน และ
ความไม่มีรูปแบบในตัว ของความรู้เอง ดังนั้น เทคโนโลยีที่น่าจะ
สามารถช่วยจัดการความรู้ประเภทนี้ได้ ก็เช่น Rule-based
reasoning หรือ Fuzzy logic เพื่อ ใช้ในการทำาเหมืองความรู้
( Knowledge mining ) เป็นต้น
8. เป็นศูนย์ความรู้ขององค์การ เพราะให้พนักงานและบุคลากร
แต่ละคนเขียน blog ส่วนตัวไว้ หากพนักงานและบุคลากรท่านนั้น
ลาออกไป ความรู้ยังคงอยู่ที่องค์กรให้รุ่นน้องศึกษาไปโดยการ
ถ่ายทอด หรือแลกเปลี่ยนความรู้ โดยเฉพาะ Tacit Knowledge
เขียนออกมาเป็น "เรื่องเล่า"
การประยุกต์ใช้ blog ให้เหมาะสมกับองค์กร
1. ระยะเวลาการใช้งานของบล็อก เพราะผู้ให้บริการในต่าง
ประเทศหลายราย เปิดให้บริการ BLOG แบบเก็บเงิน โดยมีตั้งแต่
ชนิดที่ให้ใช้บริการฟรีเป็นระยะเวลา หลังจากหมดระยะเวลาฟรีก็
จำาเป็นต้องจ่ายค่าเช่าพื้นที่ หรือบางรายใช้วิธีเก็บตามจำานวนผู้
เข้าชม หากเข้าชมมากถึงเกณฑ์ก็ต้องเสียค่าบริการ แต่อย่างที่
บอกตั้งแต่ต้นว่าเราต้องการสร้างบล็อกที่ไม่เสียค่าใช้จ่ายเพื่อจะ
ได้ไม่ต้องกังวลเงินที่ต้องลงทุน ดังนั้น บล็อกฟรีเท่านั้นคือ คำาตอบ
ซึ่งผู้ให้บริการฟรีมีมากมาย เช่น MSN, Blogger, Sanook!
BLOG, EXTEENBLOG เป็นต้น
2. ความสะดวกในการใช้งานควรคำานึงถึงความสะดวกทั้งผู้สร้าง
และผู้ชม เนื่องจากบล็อกส่วนใหญ่มีการอัพเดตบ่อย ๆ ผู้สร้างบาง
รายอัพเดตข้อมูลทุกวัน ดังนั้น หากใช้งานยากหรือกว่าจะล็อกอิน
เข้าในงานได้ต้องเสียเวลานานก็คงไม่เหมาะสมที่จะเลือกใช้
นอกจากนี้ ยังต้องมองในมุมของผู้ชมด้วยเช่นกัน หากผู้ให้บริการ
บล็อกเป็นผู้ให้บริการรายเล็ก มีแบนด์วิดธ์ของเซิร์ฟเวอร์ตำ่า การ
เรียกหน้าเว็บจะทำาได้ช้า ส่งผลต่ออารมณ์ผู้ชมบล็อกของเราด้วย
ดังนั้น สำาหรับคนไทยทางเลือกที่เหมาะสมจริงๆ ควรจะเป็นบล็อก
จากผู้ให้บริการในประเทศ เพราะนอกจากเรื่องความเร็วที่ใช้แบน
ด์วิดธ์ภายในประเทศแล้วยังมีเรื่องของภาษาที่ทำาให้สามารถใช้
งานได้สะดวกมากยิ่งขึ้นด้วย
3. การปรับแต่งบล็อก แน่นอนว่าระบบการให้บริการบล็อกส่วน
ใหญ่เป็นโปรแกรมสำาเร็จรูป ดังนั้น หน้าตาของบล็อกจึงดูคล้ายๆ
กัน แต่หากเราเลือกผู้ให้บริการบล็อกที่มีระบบปรับแต่งได้อย่างไม่
จำากัด ไม่ว่าจะเป็นการเลือกสี เลือกธีม เลือกลาย เลือกฉากพื้นหลัง
เลือกตำาแหน่งการ จัดวางเนื้อหาได้อย่างน้อยก็ช่วยให้บล็อกของ
เราสวยงามแตกต่างจากผู้อื่น
4. ฟังก์ชั่นอื่น ๆ พิเศษเพิ่มเติม ผู้ให้บริการบล็อกส่วนใหญ่จะมีฟัง
ก์ชั่นมาตรฐาน เช่น อัลบั้มแสดงรูป ระบบปฎิทิน เป็นต้น แต่ใน
ส่วนของฟังก์ชั่นพิเศษต่างๆ ซึ่งจะช่วยให้เราไม่จำาเป็นต้องไปหาผู้
ให้บริการรายอื่นนั้นมีให้เลือกมากน้อยเพียงใด อาทิ ระบบจัดทำา
แบบสำารวจ ระบบปฎิทินเตือนความจำา ระบบกำาหนด การแสดงผล
ข้อมูลล่วงหน้า ระบบเตือนผู้ตอบข้อความในบล็อก เป็นต้น สิ่ง
เหล่านี้อาจไม่ใช่ฟังก์ชั่นสำาคัญ แต่หากเลือกผู้ให้บริการที่มีฟังก์ชั่
นพิเศษมากกว่าได้ย่อมเป็นคำาตอบที่ดีกว่า
หลักการเขียนบล็อก
1. เมื่อมีข้อผิดพลาดใดๆ เกิดขึ้นในบล็อก ไม่ว่าจะเป็นการเขียน
บันทึก ข้อมูลเจ้าของบล็อก หรือ ลิงค์ต่างๆ ก็ตาม เจ้าของบล็อก
ควรแก้ไขและแจ้งให้ผู้อ่านทราบโดยทันที
2. เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงแก้ไขข้อความในบันทึก ให้รักษา
ข้อความเดิมไว้จะทำาการขีดฆ่าข้อความนั้นเสีย ( โดย กด ABC ที่
มีขีดกลางทับที่แผงเครื่องมือการเขียนบันทึก ) แล้วแสดงข้อความ
ใหม่ตามข้อความเดิมนั้น ๆ
3. ห้ามลบทิ้งบันทึกที่เขียนไว้แล้วเด็ดขาด เพราะลิงค์ที่อยู่ของ
บันทึกจะถูกลบออกไปด้วย และหากมีผู้อื่นอ้างอิงงานเขียนชิ้นนี้
อยู่บ้างแล้ว ก็จะไม่สามารถคลิ๊กมายังลิงค์นั้นๆได้ แต่หากเจ้าของ
บล็อกมีบันทึกที่สร้างขึ้นเพื่อทดสอบการใช้งาน ก็ควรทำาการลบ
บันทึกประเภทนี้ออก
4. ไม่ควรลบข้อคิดเห็นของผู้อ่าน ยกเว้นข้อคิดเห็น ที่ไม่สุภาพ
สร้างความปั่นป่วน หรือเป็น spam
5.ไม่ควรเขียนอ้างอิงถึงข้อพิพาทความไม่ลงรอยใดๆ กับผู้อื่น
6. เจ้าของบล็อกที่เขียนเกี่ยวเนื่องกับองค์กรที่ทำางาน ไม่ควรเขียน
บันทึกใดๆ ที่เป็นการละเมิดสัญญาจ้างงาน
7. เจ้าของบล็อกควรนำาเสนอและแยกแยะประเด็นระหว่าง ข้อเท็จ
จริง ข้อคิดเห็น และข้อความโฆษณา ให้ผู้อ่านได้เข้าใจอย่างถูก
ต้อง
8. ห้ามนำาเสนอข้อมูลที่เป็นเท็จ
9. หากไม่เห็นด้วยกับข้อคิดเห็นที่ผู้อ่านเสนอมาในบล็อก เจ้าของ
บล็อกก็ควรแสดงข้อคิดเห็นตอบกลับโดยความเคารพในข้อคิด
เห็นที่แตกต่างกัน โดยไม่นำามาเป็นเรื่องส่วนตัว
10. เมื่อมีการใช้ข้อความจากที่อื่น ต้องมีการอ้างอิงแหล่งที่มา และ
ลิงค์ที่อยู่อย่างชัดเจน
11. ควรเน้นคุณภาพงานเขียนของทุกบันทึก เช่น ตรวจสอบการ
สะกดคำาก่อนตีพิมพ์บันทึกนั้นๆ ลงในบล็อก
12. ควรเขียนบันทึกอย่างรอบคอบและถูกต้อง
13. ควรตอบอีเมลและข้อคิดเห็นที่ได้รับจากผู้อ่านอย่างเหมาะสม
และโดยทันที
14. ควรเขียนบล็อกเป็นประจำา อย่างน้อยสัปดาห์ละหนึ่งครั้ง
การอ่าน blog ด้วยโปรแกรม RSS Reader โดย
BlogExpress
ในการอ่าน blog นั้นตั้งอาศัยโปรแกรมตัวหนึ่งที่เข้ามามี
ส่วนร่วมคือ BlogExpress โดยผู้ใช้ติดตั้ง Microsoft.NET
Framework Redistrubutable 1.1 และติดตั้งโปรแกรม
BlogExpress ซึ่งง่ายต่อการใช้งานของผู้ใช้
โดยปกติที่ท่านจะพบเมื่อเขียนบล็อคคือความรู้สึกอยากเขียนอยู่
เรื่อย ๆ แต่การเขียนบล็อคที่ดีที่ทำาให้บล็อคเป็นที่นิยมนั้นส่วนหนึ่ง
มาจากการเขียนที่อ้างอิงไปยังบันทึกของผู้เขียนบล็อคท่านอื่น ๆ
และแสดงความคิดเห็นต่อบันทึกนั้น ๆ ดังนั้น อาการอีกอย่างที่ท่าน
จะพบควบคู่กับความรู้สึกในการอยากเขียนบล็อคคือการอยาก
อ่านบล็อค แต่การอ่านบล็อค ถ้าให้เข้าเว็บบล็อคทีละเว็บทีละเว็บ
ก็อาจทำาให้ท่านรู้สึกขัดใจไม่ทันใจ ด้วยความเร็วของอินเทอร์เน็ต
ที่อาจจะสุดแสนช้า ก็จะยิ่งอาจจะทำาให้หงุดหงิดมากยิ่งขึ้นแต่โดย
ทั่วไปแล้ว มีเทคโนโลยีอย่างหนึ่งที่ควบคู่มากับ บล็อค ซึ่งท่านที่
อ่านและเขียนบล็อคควรจะต้องรู้จักกันไว้ คือ RSS ซึ่งย่อมาจาก
Really Simple Syndication ซึ่งมีหลายเวอร์ชันด้วยกัน เช่น
RSS 0.91, RSS 1.0, RSS 2.0, และ ATOM
4. การใช้งาน BlogExpress
RSS หรืออาจเรียกว่า Site feed หรือ Feed เฉย ๆ ก็ได้
เป็นไฟล์ในรูปแบบที่คล้ายคลึงกับ HTML เรียกว่า XML ซึ่ง
รวบรวมเอาข้อมูลที่มีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงไว้เป็นชุด ๆ และ
เป็นลิงค์ที่คลิ้กเข้าไปดูเนื้อหาเต็มๆ ที่อยู่บนเว็ปได้ ลองเปรียบ
เทียบง่ายๆ ก็คือ Feed เป็นเหมือนช่องสำานักข่าวโทรทัศน์หนึ่ง
ช่อง (Channel) เช่น ช่อง 9 ช่อง 7 ช่อง 5 ช่อง 3 หรือ ITV
เป็นต้น ช่องข่าวแต่ละช่องก็จะมีข่าวด่วนอัพเดตหลาย ๆ ข่าว
(Items) ซึ่งประกอบด้วยหัวข้อข่าวและข่าวที่สรุปๆ นำามาเสนอให้
ผู้ชมได้ชมกันโดยทันทีและสั้นกระทัดรัดอีกด้วย เทคโนโลยี RSS
มีประโยชน์มากสำาหรับทั้งผู้อ่านและเจ้าของเว็ปไซต์หรือเว็ปบล็อค
ต่างๆ ในแง่ของผู้อ่านนั้น แทนที่จะต้องเข้าไปทีละเว็ปไซต์หรือเว็
ปบล็อคเพื่ออ่านข้อมูลข่าวสาร การสมัครรับ Feed จะช่วย
ประหยัดเวลาและสะดวกในอ่านโดยใช้โปรแกรมหรือเว็ปไซต์ที่
กล่าวมาข้างต้น และปลอดภัยคลายกังวลจากจดหมายข่าวขยะ
ต่างๆ ที่อาจจะเป็นสาเหตุที่ทำาให้ตู้จดหมายเต็มเป็นประจำาและนำา
มาซึ่งไวรัสและหนอนคอมพิวเตอร์ เพราะด้วยการสมัครรับ Feed
จากเว็ปไซต์หรือบล็อคที่ผู้อ่านสนใจ ผู้อ่านก็จะสามารถติดตาม
อ่านข่าวสารที่อัพเดตได้ทันท่วงที โดยไม่ต้องให้อีเมล์แอดเดรส
เพื่อจำาใจสมัครรับจดหมายข่าวกับทางเว็ปไซต์ที่อาจจะดูไม่น่าไว้
วางใจส่วนประโยชน์ในแง่มุมของเจ้าของเว็ปซึ่งเป็นผู้นำาเสนอ
ข้อมูลแก่ผู้อ่านนั้นชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นการนำาเอา RSS มาเป็น
เครื่องมือทางการตลาดในการนำาเสนอข้อมูลล่าสุดส่งถึง Desktop
ของลูกค้าโดยความฉับไวโดยไม่จำาเป็นว่าจะต้องเพียงบทความ
หรือบันทึกที่อยู่บนบล็อคเท่านั้น ข้อมูลอื่นๆ เช่น ปฏิทินกิจกรรม
ข่าวสารของบริษัท เอกสารแนะนำาสินค้าใหม่ บทความที่น่าสนใจ
เป็นต้นนอกจากนี้ จากปรากฎการณ์อีเมล์ขยะ ( Spam Email )
หรือ ( Junk Email ) ที่มีมากขึ้นเป็นทวีคูณ ทำาให้บริษัทที่ให้
บริการฟรีอีเมล์ หรือบริษัทที่มีอีเมล์เซิร์ฟเวอร์ของตนเองจำาเป็น
ต้องใช้โปรแกรมในการสกัดกั้นอีเมล์ขยะเหล่านี้ ซึ่งเซิร์ฟเวอร์จะ
สกัดเองอัตโนมัติหรือไม่ก็ให้ผู้ใช้เป็นผู้กำาหนดการสกัดเองด้วย
ด้วยเหตุนี้ อีเมล์ที่ส่งมาที่ผู้ใช้บ่อยๆ อาจจะเป็นรายวันหรือราย
สัปดาห์ เช่น จดหมายข่าว ( โดยเฉพาะที่มีการแนบเอกสารมากับอี
เมล์นั้นๆ ด้วย ) มักจะถูกเซิร์ฟเวอร์มองว่าเป็นอีเมล์ขยะ หรือผู้ใช้
เองมักจะเพิกเฉยไม่อ่านไปเลยและเกิดเป็นพฤติกรรมที่ทำาเป็น
ประจำา ซึ่งทำาให้ผู้ใช้พลาดข่าวสารที่สำาคัญของบริษัทผู้นำาเสนอ
ข้อมูลโดยสิ้นเชิง ดังนั้น จะเห็นได้ชัดว่า แนวโน้มการใช้ Feed
แทนอีเมล์เพิ่มมากขึ้นและผู้อ่านมักจะอ่านข้อมูลบน Feed
มากกว่าบนอีเมล์ เนื่องด้วยเหตุผลดังกล่าวมา
Cr. https://www.google.co.th/url?
sa=t&rct=j&q=&esrc=s&source=web&cd=
14&cad=rja&uact=8&ved=0CD8QFjADOAo&url=http
%3A%2F%2Fstaff.informatics.buu.ac.th%2F~athitha
%2F310101%2F
%25C3%25D2%25C2%25A7%25D2%25B91%2FBlog_Pr
esent
%2FBlog.doc&ei=hXFvVZWWIoSa8QXhpYD4Cw&usg=A
FQjCNHXvTS4qlLXNCNMomAS8Ju8TLya1w&sig2=HEC3
o82nqfHzak4BGAhM4Q&bvm=bv.94911696,d.dGc
เพื่อจำำใจสมัครรับจดหมำยข่ำวกับทำงเว็ปไซต์ที่อำจจะดูไม่น่ำไว้
วำงใจส่วนประโยชน์ในแง่มุมของเจ้ำของเว็ปซึ่งเป็นผู้นำำเสนอ
ข้อมูลแก่ผู้อ่ำนนั้นชัดเจน ไม่ว่ำจะเป็นกำรนำำเอำ RSS มำเป็น
เครื่องมือทำงกำรตลำดในกำรนำำเสนอข้อมูลล่ำสุดส่งถึง Desktop
ของลูกค้ำโดยควำมฉับไวโดยไม่จำำเป็นว่ำจะต้องเพียงบทควำม
หรือบันทึกที่อยู่บนบล็อคเท่ำนั้น ข้อมูลอื่นๆ เช่น ปฏิทินกิจกรรม
ข่ำวสำรของบริษัท เอกสำรแนะนำำสินค้ำใหม่ บทควำมที่น่ำสนใจ
เป็นต้นนอกจำกนี้ จำกปรำกฎกำรณ์อีเมล์ขยะ ( Spam Email )
หรือ ( Junk Email ) ที่มีมำกขึ้นเป็นทวีคูณ ทำำให้บริษัทที่ให้
บริกำรฟรีอีเมล์ หรือบริษัทที่มีอีเมล์เซิร์ฟเวอร์ของตนเองจำำเป็น
ต้องใช้โปรแกรมในกำรสกัดกั้นอีเมล์ขยะเหล่ำนี้ ซึ่งเซิร์ฟเวอร์จะ
สกัดเองอัตโนมัติหรือไม่ก็ให้ผู้ใช้เป็นผู้กำำหนดกำรสกัดเองด้วย
ด้วยเหตุนี้ อีเมล์ที่ส่งมำที่ผู้ใช้บ่อยๆ อำจจะเป็นรำยวันหรือรำย
สัปดำห์ เช่น จดหมำยข่ำว ( โดยเฉพำะที่มีกำรแนบเอกสำรมำกับอี
เมล์นั้นๆ ด้วย ) มักจะถูกเซิร์ฟเวอร์มองว่ำเป็นอีเมล์ขยะ หรือผู้ใช้
เองมักจะเพิกเฉยไม่อ่ำนไปเลยและเกิดเป็นพฤติกรรมที่ทำำเป็น
ประจำำ ซึ่งทำำให้ผู้ใช้พลำดข่ำวสำรที่สำำคัญของบริษัทผู้นำำเสนอ
ข้อมูลโดยสิ้นเชิง ดังนั้น จะเห็นได้ชัดว่ำ แนวโน้มกำรใช้ Feed
แทนอีเมล์เพิ่มมำกขึ้นและผู้อ่ำนมักจะอ่ำนข้อมูลบน Feed
มำกกว่ำบนอีเมล์ เนื่องด้วยเหตุผลดังกล่ำวมำ
Cr. https://www.google.co.th/url?
sa=t&rct=j&q=&esrc=s&source=web&cd=
14&cad=rja&uact=8&ved=0CD8QFjADOAo&url=http
%3A%2F%2Fstaff.informatics.buu.ac.th%2F~athitha
%2F310101%2F
%25C3%25D2%25C2%25A7%25D2%25B91%2FBlog_Pr
esent
%2FBlog.doc&ei=hXFvVZWWIoSa8QXhpYD4Cw&usg=A
FQjCNHXvTS4qlLXNCNMomAS8Ju8TLya1w&sig2=HEC3
o82nqfHzak4BGAhM4Q&bvm=bv.94911696,d.dGc

More Related Content

Viewers also liked

การใช้ดนตรีพัฒนา 6 q
การใช้ดนตรีพัฒนา 6 qการใช้ดนตรีพัฒนา 6 q
การใช้ดนตรีพัฒนา 6 qguggig
 
Albert bandura
Albert     banduraAlbert     bandura
Albert banduraya035
 
ทฤษฏีพัฒนาจริยธรรมของ จอง เพียเจย์
ทฤษฏีพัฒนาจริยธรรมของ จอง เพียเจย์ทฤษฏีพัฒนาจริยธรรมของ จอง เพียเจย์
ทฤษฏีพัฒนาจริยธรรมของ จอง เพียเจย์Siririn Noiphang
 
Original havighurst
Original havighurstOriginal havighurst
Original havighurstya035
 
งานนำเสนอ Bandura (ใหม่)
งานนำเสนอ Bandura (ใหม่)งานนำเสนอ Bandura (ใหม่)
งานนำเสนอ Bandura (ใหม่)Nattayaporn Dokbua
 
ศาสตราจารย์บันดูรา การเรียนรู้โดยการสังเกต
ศาสตราจารย์บันดูรา การเรียนรู้โดยการสังเกตศาสตราจารย์บันดูรา การเรียนรู้โดยการสังเกต
ศาสตราจารย์บันดูรา การเรียนรู้โดยการสังเกตorawan chaiyakhan
 
ทฤษฏีการเรียนรู้ทางสังคม
ทฤษฏีการเรียนรู้ทางสังคมทฤษฏีการเรียนรู้ทางสังคม
ทฤษฏีการเรียนรู้ทางสังคมSiririn Noiphang
 
ทฤษฎีการเรียนรู้ของ Bandura
ทฤษฎีการเรียนรู้ของ Banduraทฤษฎีการเรียนรู้ของ Bandura
ทฤษฎีการเรียนรู้ของ Banduraearlychildhood024057
 
ทฤษฎีการเรี่ยนรู้ของแบนดูรา
ทฤษฎีการเรี่ยนรู้ของแบนดูราทฤษฎีการเรี่ยนรู้ของแบนดูรา
ทฤษฎีการเรี่ยนรู้ของแบนดูราRoiyan111
 
7 พฤติกรรมศาสตร์
7 พฤติกรรมศาสตร์7 พฤติกรรมศาสตร์
7 พฤติกรรมศาสตร์Watcharin Chongkonsatit
 

Viewers also liked (10)

การใช้ดนตรีพัฒนา 6 q
การใช้ดนตรีพัฒนา 6 qการใช้ดนตรีพัฒนา 6 q
การใช้ดนตรีพัฒนา 6 q
 
Albert bandura
Albert     banduraAlbert     bandura
Albert bandura
 
ทฤษฏีพัฒนาจริยธรรมของ จอง เพียเจย์
ทฤษฏีพัฒนาจริยธรรมของ จอง เพียเจย์ทฤษฏีพัฒนาจริยธรรมของ จอง เพียเจย์
ทฤษฏีพัฒนาจริยธรรมของ จอง เพียเจย์
 
Original havighurst
Original havighurstOriginal havighurst
Original havighurst
 
งานนำเสนอ Bandura (ใหม่)
งานนำเสนอ Bandura (ใหม่)งานนำเสนอ Bandura (ใหม่)
งานนำเสนอ Bandura (ใหม่)
 
ศาสตราจารย์บันดูรา การเรียนรู้โดยการสังเกต
ศาสตราจารย์บันดูรา การเรียนรู้โดยการสังเกตศาสตราจารย์บันดูรา การเรียนรู้โดยการสังเกต
ศาสตราจารย์บันดูรา การเรียนรู้โดยการสังเกต
 
ทฤษฏีการเรียนรู้ทางสังคม
ทฤษฏีการเรียนรู้ทางสังคมทฤษฏีการเรียนรู้ทางสังคม
ทฤษฏีการเรียนรู้ทางสังคม
 
ทฤษฎีการเรียนรู้ของ Bandura
ทฤษฎีการเรียนรู้ของ Banduraทฤษฎีการเรียนรู้ของ Bandura
ทฤษฎีการเรียนรู้ของ Bandura
 
ทฤษฎีการเรี่ยนรู้ของแบนดูรา
ทฤษฎีการเรี่ยนรู้ของแบนดูราทฤษฎีการเรี่ยนรู้ของแบนดูรา
ทฤษฎีการเรี่ยนรู้ของแบนดูรา
 
7 พฤติกรรมศาสตร์
7 พฤติกรรมศาสตร์7 พฤติกรรมศาสตร์
7 พฤติกรรมศาสตร์
 

Similar to Blog

Blog คืออะไร
Blog คืออะไรBlog คืออะไร
Blog คืออะไรSurayut Pothong
 
Worksheet 2 ความรู้เรื่อง blog
Worksheet 2 ความรู้เรื่อง blogWorksheet 2 ความรู้เรื่อง blog
Worksheet 2 ความรู้เรื่อง blogBenya Chaiwan
 
บล็อก (Blog)
บล็อก (Blog)บล็อก (Blog)
บล็อก (Blog)KrooIndy Csaru
 
โครงงาน Mpeg4 ม.5.2
โครงงาน Mpeg4 ม.5.2โครงงาน Mpeg4 ม.5.2
โครงงาน Mpeg4 ม.5.2juthaporn222
 
โครงงาน Mpeg4 ม.5.2
โครงงาน Mpeg4 ม.5.2โครงงาน Mpeg4 ม.5.2
โครงงาน Mpeg4 ม.5.2juthaporn222
 
โครงงาน Mpeg4 ม.5.2
โครงงาน Mpeg4 ม.5.2โครงงาน Mpeg4 ม.5.2
โครงงาน Mpeg4 ม.5.2juthaporn22
 
Blogger คืออะไร
Blogger คืออะไรBlogger คืออะไร
Blogger คืออะไรManatsanan O-aree
 
โครงงาน คอมพิวเตอร์
โครงงาน คอมพิวเตอร์โครงงาน คอมพิวเตอร์
โครงงาน คอมพิวเตอร์Pitthaya Onsuk
 
โครงงาน แอนดรอยด์
โครงงาน แอนดรอยด์โครงงาน แอนดรอยด์
โครงงาน แอนดรอยด์teerarat55
 
ความรู้เรื่องBlog
ความรู้เรื่องBlogความรู้เรื่องBlog
ความรู้เรื่องBlogdream051
 
โครงงาน คอมพิวเตอร์
โครงงาน คอมพิวเตอร์โครงงาน คอมพิวเตอร์
โครงงาน คอมพิวเตอร์Pitthaya Onsuk
 
โครงงาน คอมพิวเตอร์
โครงงาน คอมพิวเตอร์โครงงาน คอมพิวเตอร์
โครงงาน คอมพิวเตอร์Pitthaya Onsuk
 
ความรู้เรื่อง Blog 33
ความรู้เรื่อง Blog 33ความรู้เรื่อง Blog 33
ความรู้เรื่อง Blog 33bernfaibaifern
 
ความรู้เกี่ยวกับ Blog
ความรู้เกี่ยวกับ Blog ความรู้เกี่ยวกับ Blog
ความรู้เกี่ยวกับ Blog Khwanruthai Panya
 

Similar to Blog (20)

Blog คืออะไร
Blog คืออะไรBlog คืออะไร
Blog คืออะไร
 
Worksheet 2 ความรู้เรื่อง blog
Worksheet 2 ความรู้เรื่อง blogWorksheet 2 ความรู้เรื่อง blog
Worksheet 2 ความรู้เรื่อง blog
 
Blog
BlogBlog
Blog
 
Blog
BlogBlog
Blog
 
Blog
BlogBlog
Blog
 
Blogger
BloggerBlogger
Blogger
 
บล็อก (Blog)
บล็อก (Blog)บล็อก (Blog)
บล็อก (Blog)
 
โครงงาน Mpeg4 ม.5.2
โครงงาน Mpeg4 ม.5.2โครงงาน Mpeg4 ม.5.2
โครงงาน Mpeg4 ม.5.2
 
โครงงาน Mpeg4 ม.5.2
โครงงาน Mpeg4 ม.5.2โครงงาน Mpeg4 ม.5.2
โครงงาน Mpeg4 ม.5.2
 
โครงงาน Mpeg4 ม.5.2
โครงงาน Mpeg4 ม.5.2โครงงาน Mpeg4 ม.5.2
โครงงาน Mpeg4 ม.5.2
 
Blogger คืออะไร
Blogger คืออะไรBlogger คืออะไร
Blogger คืออะไร
 
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง
 
โครงงาน คอมพิวเตอร์
โครงงาน คอมพิวเตอร์โครงงาน คอมพิวเตอร์
โครงงาน คอมพิวเตอร์
 
โครงงาน แอนดรอยด์
โครงงาน แอนดรอยด์โครงงาน แอนดรอยด์
โครงงาน แอนดรอยด์
 
ความรู้เรื่องBlog
ความรู้เรื่องBlogความรู้เรื่องBlog
ความรู้เรื่องBlog
 
โครงงาน คอมพิวเตอร์
โครงงาน คอมพิวเตอร์โครงงาน คอมพิวเตอร์
โครงงาน คอมพิวเตอร์
 
โครงงาน คอมพิวเตอร์
โครงงาน คอมพิวเตอร์โครงงาน คอมพิวเตอร์
โครงงาน คอมพิวเตอร์
 
ความรู้เรื่อง Blog 33
ความรู้เรื่อง Blog 33ความรู้เรื่อง Blog 33
ความรู้เรื่อง Blog 33
 
Blog คืออะไร
Blog คืออะไรBlog คืออะไร
Blog คืออะไร
 
ความรู้เกี่ยวกับ Blog
ความรู้เกี่ยวกับ Blog ความรู้เกี่ยวกับ Blog
ความรู้เกี่ยวกับ Blog
 

Blog

  • 1. ความหมายของ Blog Blog มาจากศัพท์คำาว่า WeBlog บางคนอ่านคำา ๆ นี้ว่า We Blog บางคนอ่านว่า Web Log แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ทั้งสองคำาบ่งบอกถึง ความหมายเดียวกัน ว่านั่นคือบล็อก (Blog) ความหมายของคำาว่า Blog ก็คือการบันทึกบทความของ ตนเอง (Personal Journal) ลงบนเว็บไซต์ โดยเนื้อหาของ blog นั้นจะครอบคลุมได้ทุกเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องราวส่วนตัว หรือเป็น บทความเฉพาะด้านต่าง ๆ เช่น เรื่องการเมือง เรื่องกล้องถ่ายรูป เรื่องกีฬา เรื่องธุรกิจ เป็นต้น โดยจุดเด่นที่ทำาให้บล็อกเป็นที่นิยมก็ คือ ผู้เขียนบล็อก จะมีการแสดงความคิดเห็นของตนเองใส่ลงไป ในบทความนั้น ๆ โดยบล็อกบางแห่ง จะมีอิทธิพลในการโน้มน้าว จิตใจผู้อ่านสูงมาก แต่ในขณะเดียวกัน บางบล็อกก็จะเขียนขึ้นมา เพื่อให้อ่านกันในกลุ่มเฉพาะ เช่นกลุ่มเพื่อน ๆ หรือครอบครัว ตนเองมีหลายครั้งที่เกิดความเข้าใจกันผิดว่า Blog เป็นได้แค่ ไดอารี่ออนไลน์ แต่ในความเป็นจริงแล้ว ไดอารี่ออนไลน์ เปรียบเสมือน เนื้อหาประเภทหนึ่งของบล็อกเท่านั้น เพราะ บล็อกมีเนื้อหาที่หลากหลายประเภท ตั้งแต่การบันทึกเรื่องส่วน ตัวอย่างเช่นไดอารี่ หรือการบันทึกบทความที่ผู้เขียนบล็อกสนใจ ในด้านอื่นด้วย ที่เห็นชัดเจนคือ เนื้อหาบล็อกประเภท วิจารณ์ การเมือง หรือการรีวิวผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ที่ตัวเองเคยใช้ หรือซื้อมา นั่นเอง อีกทั้งยังสามารถแตกแขนงไปในเนื้อหาในประเภทต่าง ๆ อีกมากมาย ตามแต่ที่เจ้าของบล็อกจะเป็นคนที่ถนัดในด้านไหน ก็ มักจะเขียนบทความเรื่องที่ตนเองถนัด หรือสนใจเป็นต้น จุดเด่น ที่สุดของ Blog ก็คือ มันสามารถเป็นเครื่องมือสื่อสารชนิดหนึ่ง ที่ สามารถสื่อถึงความเป็นกันเองระหว่างผู้เขียนบล็อก และผู้อ่าน บล็อกที่เป็นกลุ่มเป้าหมายที่ชัดเจนของบล็อกนั้น ๆ ผ่านทางระบบ comment ของบล็อกนั่นเอง ผู้คนหลายล้านคนจากทั่วทุกมุมโลก หันมาเขียน Blog กันอย่างแพร่หลาย ตั้งแต่นักเรียน อาจารย์ นัก เขียน ตลอดจนถึงระดับบริษัทยักษ์ใหญ่ในตลาดหุ้น NasDaq เมื่อสองสามปีที่ผ่านมา Blog เริ่มต้นมาจากการเขียนเป็นงาน อดิเรกของกลุ่มสื่ออิสระต่าง ๆ หลาย ๆ แห่งกลายเป็นแหล่งข่าว สำาคัญให้กับหนังสือพิมพ์หรือสำานักข่าวชั้นนำา จวบจนกระทั่งปี 2004 คนเขียน Blog ก็ได้รับการยอมรับจากสื่อและสำานักข่าวต่าง ๆ ถึงความรวดเร็วในการให้ข้อมูลตั้งแต่เรื่องการเมืองไปจนกระทั่ง เรื่องราวของการประชุมระดับชาติและจากเหตุการณ์เหล่านี้ นับ ได้ว่า Blog เป็นสื่อชนิดหนึ่งที่ไม่ต่างจาก วีดีโอ , สิ่งพิมพ์ ,
  • 2. โทรทัศน์ หรือแม้กระทั่งวิทยุ เราสามารถเรียกได้ว่า Blog ได้เข้า มาเป็นสื่อชนิดใหม่ที่สำาคัญอย่างแท้จริง มีหลายครั้งที่เกิดความเข้าใจกันผิดว่า Blog เป็นได้แค่ ไดอารี่ออนไลน์ แต่ในความเป็นจริงแล้ว ไดอารี่ออนไลน์เปรียบ เสมือน เนื้อหาประเภทหนึ่งของบล็อกเท่านั้น เพราะบล็อกมีเนื้อหา ที่หลากหลายประเภท ตั้งแต่การบันทึกเรื่องส่วนตัวอย่างเช่น ไดอารี่ หรือการบันทึกบทความที่ผู้เขียนบล็อกสนใจในด้านอื่น ด้วย ที่เห็นชัดเจนคือ เนื้อหาบล็อกประเภท วิจารณ์การเมือง หรือ การรีวิวผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ที่ตัวเองเคยใช้ หรือซื้อมานั่นเอง อีกทั้ง ยังสามารถแตกแขนงไปในเนื้อหาในประเภทต่าง ๆ อีกมากมาย ตามแต่ที่เจ้าของบล็อกจะเป็นคนที่ถนัดในด้านไหน ก็มักจะเขียน บทความเรื่องที่ตนเองถนัด หรือสนใจเป็นต้น ในอดีตแรกเริ่ม คนที่เขียน Blog นั้นยังทำากันในระบบ Manual คือเขียนเว็บเองทีละหน้า แต่ในปัจจุบันนี้ มีเครื่องมือหรือ ซอฟท์แวร์ให้เราใช้ในการเขียน Blog ได้มากมาย เช่น WordPress, Movable Type เป็นต้น เมื่อสองสามปีที่ผ่านมา Blog เริ่มต้นมาจากการเขียนเป็น งานอดิเรกของกลุ่มสื่ออิสระต่าง ๆ หลาย ๆ แห่งกลายเป็นแหล่ง ข่าวสำาคัญให้กับหนังสือพิมพ์หรือสำานักข่าวชั้นนำา จวบจนกระทั่ง ปี 2004 คนเขียน Blog ก็ได้รับการยอมรับจากสื่อและสำานักข่าว ต่าง ๆ ถึงความรวดเร็วในการให้ข้อมูลตั้งแต่เรื่องการเมืองไปจน กระทั่งเรื่องราวของการประชุมระดับชาติและจากเหตุการณ์เหล่า นี้ นับได้ว่า Blog เป็นสื่อชนิดหนึ่งที่ไม่ต่างจาก วีดีโอ , สิ่งพิมพ์ , โทรทัศน์ หรือแม้กระทั่งวิทยุ เราสามารถเรียกได้ว่า Blog ได้เข้า มาเป็นสื่อชนิดใหม่ที่สำาคัญอย่างแท้จริง blogging คำาว่า Blog เป็นคำาย่อจากคำาว่า Weblog หรือ Web Log ซึ่ง เป็นคำาที่คิดขึ้นโดย โจร์น บาร์เกอร์ ในปี ค.ศ.1997 และต่อจาก นั้นอีก 2 ปีต่อมา ปีเตอร เมอร์โฮลซ์ ซึ่งสร้าง Blog ของตนเอง แล้วตั้งชื่อว่า we blog ทำาให้คำาว่า Weblog ถูกย่อให้เหลือแค่ เพียง Blog และกลายเป็นคำาฮิตติดปาก ตั้งแต่นั้นมา แต่การเปลี่ยนไอเดียจากกระดานข่าวสู่ Blog นั้น ยังไม่ถือว่า เป็นการประยุกต์ไอเดียเล็ก ๆ มาสร้างธุรกิจใหม่ได้เลยหากไม่มี บริษัทเล็ก ๆ ผู้ให้บริการจัดทำาเว็บไซต์ และมี Blog เป็นของ ตนเองที่มองเห็นไอเดียเล็ก ๆ นี้จะเพิ่มมูลค่าให้ธุรกิจเหล่านั้นได้ อย่างมหาศาล พวกเขาจึงก่อตั้งเว็บไซต์ Blogger.com ขึ้นมาและ
  • 3. หวังว่านี่จะเป็นเว็บไซต์ที่ทำาเงินได้ ซึ่งสุดท้าย ฝันก็เป็นจริง เมื่อวัน หนึ่งเว็บ Blogger.com ของพวกเขาได้รับคำาเสนอซื้อจากยักษ์ ใหญ่แห่งวงการเสิร์จเอ็น จิ้นอย่าง Google.com ด้วยมูลค่าที่ใคร ๆ คาดไม่ถึง เนื้อหาใน blog นั้นประกอบด้วย 3 ส่วน คือ 1.หัวข้อ( title ) 2. เนื้อหา ( Post หรือ Content ) 3.วันที่เขียน( Date ) วิธีการสร้าง blog 1. การติดตั้งโปรแกรมทำา blog ขึ้นใช้ใน office ตัวอย่าง โปรแกรมที่ใช้สร้าง blog เช่น WordPress b2evolution Nucleus pMachine MyPHPblog Movable Type Geeklog bBlog ( วิธีนี้ตั้งมีเครื่องเว็บเซิร์ฟเวอร์ในการใช้งานเอง อาจทำา เป็น Intranet Blog หรือ Intenet Blog ) 2. การใช้งาน blog ฟรี จากเว็บที่เปิดให้บริการปัจจุบันมีเว็บที่เปิด ให้บริการหลายเว็บอาทิ เช่น Blogger.com ( en ) Bloglines.com ( en ) Exteen.com ( th ) Bloggang.com ( th ) เป็นต้น หน้าเว็บที่มีการ update บ่อยๆ และเรียงโครงสร้าง ตามลำาดับเวลา – อันใหม่อยู่บนสุด – โดยมักมี link ไปยังเว็บอื่นๆ และมีการแส ดงข้อคิดเห็นส่วนตัว บล็อกเป็นเทคโนโลยีการแสดงเนื้อหาแบบใหม่ และที่พัฒนามา จากระบบแสดงผล ข่าวประชาสัมพันธ์จนมีขีดความสามารถที่ หลากหลายจนเทียบชั้นได้กับระบบบริหารจัดการข้อมูล ( Content Management ) บนเว็บไซต์เลยทีเดียว เพราะบล็อกใน ปัจจุบันทำาได้ตั้งแต่แสดงภาพ แสดงข้อมูลมัลติมีเดีย จัดทำาโพล โหวต เพลงประกอบเว็บ ระบบแสดงความคิดเห็น เป็นต้น ซึ่งใน การใช้งาน Blogging ผู้ใช้ต้องทำาการสมัครสมาชิกเข้าสู่ระบบ มี ขั้นตอนดังนี้ 1. ผู้ใช้ทำาการสมัครสมาชิกโดยการป้อนชื่อผู้ใช้ และรหัสผ่านที่ จะใช้เข้าสู่ระบบ 2. ทำาการกรอกข้อมูลที่จำาเป็นสำาหรับการใช้สมัครสมาชิก โดย ระบบจะทำาการตรวจสอบข้อมูลที่ผู้ใช้ทำาการป้อนเข้าสู่ระบบ 3. เมื่อป้อนข้อมูลเรียบร้อยและทำาการเข้าสู่ระบบแล้ว ผู้ใช้จะ สามารถทำาการสร้าง Blog ของตนเองได้ตามความต้องการ
  • 4. ประโยชน์ของ blog 1. ใช้เป็นเครื่องมือสร้างความรู้ การเขียน blog สำาหรับบันทึกเรื่อง ราว ข่าวสาร ความรู้และประสบการณ์ต่าง ๆ ในสิ่งที่ผู้เล่าสนใจ เป็นการถ่ายทอดสิ่งที่ถูกบันทึกไว้ในสมองลงสู่ตัวหนังสือการเขียน ต้องมีอิสระทางความคิดในรูปแบบที่เป็นตัวของตัวเอง จะช่วย อำานวยให้การดึงเอาความรู้ฝังลึกถูกแสดงออกมาได้โดยไม่ยาก นักและการเขียน blog อยู่เป็นประจำาก็จะสามารถนำามาสู่การสร้าง ขุมความรู้ ( Knowledge Assets ) อย่างต่อเนื่องและเป็นระบบ การเก็บรวบรวมและการแก้ไขหรือเพิ่มเติมความรู้ก็ทำาได้โดย สะดวก รวดเร็ว 2. เป็นเครื่องมือในการเผยแพร่ความรู้ โดยหลักการของ blog คือ การเผยแพร่เรื่องราวที่ผู้เขียนเขียนไว้บน blog เพื่อแสดงตัวตน ของผู้เขียนออกสู่สาธารณชนซึ่งนั่นหมายถึง blog ย่อมมีความ สามารถในการสนับสนุนการเข้าถึงความรู้ได้ง่าย สะดวก และ รวดเร็ว ทันทีที่ผู้เขียนมีการเพิ่มเติมหรือแก้ไขความรู้ที่มีอยู่บน blog ไฟล์ RSS ก็จะทำาการดึงเอาเนื้อหานั้น ๆ มาใส่ไว้ในไฟล์ ด้วยทันที 3. เป็นเครื่องมือแลกเปลี่ยนความรู้ การเขียน blog จะอนุญาตให้ผู้ อ่านสามารถแสดงความคิดเห็นต่อความรู้ที่ผู้เขียนถ่ายทอดลงไป ใน blog และผู้เขียนได้เขียนโต้ตอบต่อความคิดเห็นนั้น ๆ ใน ลักษณะของการสนทนาเพื่อหาความแตกฉานในตัวความรู้ ถือได้ ว่าเป็นการร่วมกันสกัดความรู้ฝังลึกได้อย่างดี 4. เป็นเครื่องมือในการค้นหาความรู้ ผู้ชำานาญการ และชุมชน ปฏิบัติ การเขียนและอ่าน blog เป็นวิธีการค้นหาความรู้ ช่วยให้ ค้นพบผู้มีความรู้ความชำานาญในด้านต่าง ๆ ได้รวดเร็วขึ้น ไม่ว่า จะโดยการเขียน blog ที่มักอ้างถึง blog อื่น ๆ โดยการโยงลิงค์ไป หาบทความหรือบันทึกนั้น ๆ อีกทั้งลิงค์ที่ผู้เขียนบรรจุไว้ใน blog ซึ่งอยู่นอกตัวบทความ หรือการร่วมเป็นสมาชิกของ blog ชุมชน 5. เป็นเครื่องมือในการรวบรวมและแยกแยะประเภทของความรู้ สกัดแก่นความรู้ และสร้างความสัมพันธ์ของความรู้ วิธีการหนึ่งที่ ระบบ blog โดยทั่วไปนำามาใช้ในการรวบรวมและแยกประเภท ของของบันทึก คือการให้ผู้เขียนระบุหมวดหมู่หรือคีย์เวิร์ดของ บันทึกนั้น ๆ ไว้ ซึ่งบันทึกหนึ่ง ๆ อาจมีความเหมาะสมในการแยก หลายหมวดหมู่ ถือเป็นการสกัดแก่นความรู้จากขุมความรู้ โดยที่ ตัวผู้เขียนเอง อาจจะดึงเอาคีย์เวิร์ดของชุมชนที่ถูกรวบรวมผู้ใช้ หลายคน
  • 5. 6. เป็นเครื่องมือในการสร้างลำาดับความน่าเชื่อถือและความถูก ต้องของความรู้โดยผู้นำาเอาความรู้นั้นไปใช้ สิ่งที่นักปฏิบัติ ด้านการจัดการความรู้อยากให้เกิดขึ้นภายหลังจากการที่ได้มีการ จัดการความรู้ ก็คือ การที่มีผู้อื่นนำาเอาความรู้นั้น ๆ ไปใช้ให้เกิด ผลและนำาผลมาปรับปรุงความรู้เดิมให้เกิดความรู้ตัวใหม่ หรือ ทำาให้ความรู้นั้น ๆ มีความถูกต้องมีหลักฐานที่วัดได้ทาง วิทยาศาสตร์ชัดเจนมากยิ่งขึ้น ระบบ blog ประกอบกับเทคโนโลยี ในการ พัฒนาเว็บในปัจจุบัน สามารถสร้างระบบ Rating หรือ ระบบการจัดลำาดับความน่าเชื่อถือ และความถูกต้องของความรู้ หนึ่ง ๆ ได้โดยตรงจากผู้อ่าน blog ซึ่งอาจจะเป็น ผู้ที่ได้นำาเอา ความรู้นั้นๆ ไปใช้เองอีกด้วย หรือการแสดงสถิติต่างๆของ blog เช่น บันทึกที่ได้รับการแสดงข้อคิด เห็นมากที่สุด หรือ บันทึกที่มีผู้ อ่านมากที่สุด ก็สามารถเป็นเครื่องมือพิสูจน์ความน่าเชื่อถือ และ ความถูกต้องของความรู้ได้ในระดับหนึ่งด้วยเช่นกัน 7. ใช้เป็นเครื่องมือแสดงรายละเอียดของแก่นความรู้อย่างเป็น ระบบซึ่งนักวิทยาศาสตร์ อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ กล่าวไว้ว่า "Imagination is more important than knowledge." การไม่ หยุดคิดที่จะวิจัยและพัฒนา เครื่องมือเทคโนโลยีเพื่อช่วยสร้าง ความสมบูรณ์แบบของระบบ การจัดการกับความรู้เป็นสิ่งที่ สนับสนุนให้เกิดขึ้นได้ เช่น ในปัจจุบันระบบ blog ถือว่าเป็นเครื่อง มือสำาหรับเสริมสร้างประสิทธิภาพในการเล่าเรื่อง ซึ่งถือเป็น เทคนิคที่ได้รับการยอมรับอย่างแพร่หลายในการจัดการความรู้ แต่เพื่อที่จะสกัดความรู้ฝังลึกที่มีความซับซ้อน การใช้เทคนิคการ เล่าเรื่องเพียงอย่างเดียว หรือการร่วมช่วยกันเล่าก็ตาม ก็อาจจะยัง ไม่สามารถสกัดเอาความรู้ออกมาได้หมด เพราะความสับสน และ ความไม่มีรูปแบบในตัว ของความรู้เอง ดังนั้น เทคโนโลยีที่น่าจะ สามารถช่วยจัดการความรู้ประเภทนี้ได้ ก็เช่น Rule-based reasoning หรือ Fuzzy logic เพื่อ ใช้ในการทำาเหมืองความรู้ ( Knowledge mining ) เป็นต้น 8. เป็นศูนย์ความรู้ขององค์การ เพราะให้พนักงานและบุคลากร แต่ละคนเขียน blog ส่วนตัวไว้ หากพนักงานและบุคลากรท่านนั้น ลาออกไป ความรู้ยังคงอยู่ที่องค์กรให้รุ่นน้องศึกษาไปโดยการ ถ่ายทอด หรือแลกเปลี่ยนความรู้ โดยเฉพาะ Tacit Knowledge เขียนออกมาเป็น "เรื่องเล่า"
  • 6. การประยุกต์ใช้ blog ให้เหมาะสมกับองค์กร 1. ระยะเวลาการใช้งานของบล็อก เพราะผู้ให้บริการในต่าง ประเทศหลายราย เปิดให้บริการ BLOG แบบเก็บเงิน โดยมีตั้งแต่ ชนิดที่ให้ใช้บริการฟรีเป็นระยะเวลา หลังจากหมดระยะเวลาฟรีก็ จำาเป็นต้องจ่ายค่าเช่าพื้นที่ หรือบางรายใช้วิธีเก็บตามจำานวนผู้ เข้าชม หากเข้าชมมากถึงเกณฑ์ก็ต้องเสียค่าบริการ แต่อย่างที่ บอกตั้งแต่ต้นว่าเราต้องการสร้างบล็อกที่ไม่เสียค่าใช้จ่ายเพื่อจะ ได้ไม่ต้องกังวลเงินที่ต้องลงทุน ดังนั้น บล็อกฟรีเท่านั้นคือ คำาตอบ ซึ่งผู้ให้บริการฟรีมีมากมาย เช่น MSN, Blogger, Sanook! BLOG, EXTEENBLOG เป็นต้น 2. ความสะดวกในการใช้งานควรคำานึงถึงความสะดวกทั้งผู้สร้าง และผู้ชม เนื่องจากบล็อกส่วนใหญ่มีการอัพเดตบ่อย ๆ ผู้สร้างบาง รายอัพเดตข้อมูลทุกวัน ดังนั้น หากใช้งานยากหรือกว่าจะล็อกอิน เข้าในงานได้ต้องเสียเวลานานก็คงไม่เหมาะสมที่จะเลือกใช้ นอกจากนี้ ยังต้องมองในมุมของผู้ชมด้วยเช่นกัน หากผู้ให้บริการ บล็อกเป็นผู้ให้บริการรายเล็ก มีแบนด์วิดธ์ของเซิร์ฟเวอร์ตำ่า การ เรียกหน้าเว็บจะทำาได้ช้า ส่งผลต่ออารมณ์ผู้ชมบล็อกของเราด้วย ดังนั้น สำาหรับคนไทยทางเลือกที่เหมาะสมจริงๆ ควรจะเป็นบล็อก จากผู้ให้บริการในประเทศ เพราะนอกจากเรื่องความเร็วที่ใช้แบน ด์วิดธ์ภายในประเทศแล้วยังมีเรื่องของภาษาที่ทำาให้สามารถใช้ งานได้สะดวกมากยิ่งขึ้นด้วย 3. การปรับแต่งบล็อก แน่นอนว่าระบบการให้บริการบล็อกส่วน ใหญ่เป็นโปรแกรมสำาเร็จรูป ดังนั้น หน้าตาของบล็อกจึงดูคล้ายๆ กัน แต่หากเราเลือกผู้ให้บริการบล็อกที่มีระบบปรับแต่งได้อย่างไม่ จำากัด ไม่ว่าจะเป็นการเลือกสี เลือกธีม เลือกลาย เลือกฉากพื้นหลัง เลือกตำาแหน่งการ จัดวางเนื้อหาได้อย่างน้อยก็ช่วยให้บล็อกของ เราสวยงามแตกต่างจากผู้อื่น 4. ฟังก์ชั่นอื่น ๆ พิเศษเพิ่มเติม ผู้ให้บริการบล็อกส่วนใหญ่จะมีฟัง ก์ชั่นมาตรฐาน เช่น อัลบั้มแสดงรูป ระบบปฎิทิน เป็นต้น แต่ใน ส่วนของฟังก์ชั่นพิเศษต่างๆ ซึ่งจะช่วยให้เราไม่จำาเป็นต้องไปหาผู้ ให้บริการรายอื่นนั้นมีให้เลือกมากน้อยเพียงใด อาทิ ระบบจัดทำา แบบสำารวจ ระบบปฎิทินเตือนความจำา ระบบกำาหนด การแสดงผล ข้อมูลล่วงหน้า ระบบเตือนผู้ตอบข้อความในบล็อก เป็นต้น สิ่ง เหล่านี้อาจไม่ใช่ฟังก์ชั่นสำาคัญ แต่หากเลือกผู้ให้บริการที่มีฟังก์ชั่ นพิเศษมากกว่าได้ย่อมเป็นคำาตอบที่ดีกว่า
  • 7. หลักการเขียนบล็อก 1. เมื่อมีข้อผิดพลาดใดๆ เกิดขึ้นในบล็อก ไม่ว่าจะเป็นการเขียน บันทึก ข้อมูลเจ้าของบล็อก หรือ ลิงค์ต่างๆ ก็ตาม เจ้าของบล็อก ควรแก้ไขและแจ้งให้ผู้อ่านทราบโดยทันที 2. เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงแก้ไขข้อความในบันทึก ให้รักษา ข้อความเดิมไว้จะทำาการขีดฆ่าข้อความนั้นเสีย ( โดย กด ABC ที่ มีขีดกลางทับที่แผงเครื่องมือการเขียนบันทึก ) แล้วแสดงข้อความ ใหม่ตามข้อความเดิมนั้น ๆ 3. ห้ามลบทิ้งบันทึกที่เขียนไว้แล้วเด็ดขาด เพราะลิงค์ที่อยู่ของ บันทึกจะถูกลบออกไปด้วย และหากมีผู้อื่นอ้างอิงงานเขียนชิ้นนี้ อยู่บ้างแล้ว ก็จะไม่สามารถคลิ๊กมายังลิงค์นั้นๆได้ แต่หากเจ้าของ บล็อกมีบันทึกที่สร้างขึ้นเพื่อทดสอบการใช้งาน ก็ควรทำาการลบ บันทึกประเภทนี้ออก 4. ไม่ควรลบข้อคิดเห็นของผู้อ่าน ยกเว้นข้อคิดเห็น ที่ไม่สุภาพ สร้างความปั่นป่วน หรือเป็น spam 5.ไม่ควรเขียนอ้างอิงถึงข้อพิพาทความไม่ลงรอยใดๆ กับผู้อื่น 6. เจ้าของบล็อกที่เขียนเกี่ยวเนื่องกับองค์กรที่ทำางาน ไม่ควรเขียน บันทึกใดๆ ที่เป็นการละเมิดสัญญาจ้างงาน 7. เจ้าของบล็อกควรนำาเสนอและแยกแยะประเด็นระหว่าง ข้อเท็จ จริง ข้อคิดเห็น และข้อความโฆษณา ให้ผู้อ่านได้เข้าใจอย่างถูก ต้อง 8. ห้ามนำาเสนอข้อมูลที่เป็นเท็จ 9. หากไม่เห็นด้วยกับข้อคิดเห็นที่ผู้อ่านเสนอมาในบล็อก เจ้าของ บล็อกก็ควรแสดงข้อคิดเห็นตอบกลับโดยความเคารพในข้อคิด เห็นที่แตกต่างกัน โดยไม่นำามาเป็นเรื่องส่วนตัว 10. เมื่อมีการใช้ข้อความจากที่อื่น ต้องมีการอ้างอิงแหล่งที่มา และ ลิงค์ที่อยู่อย่างชัดเจน 11. ควรเน้นคุณภาพงานเขียนของทุกบันทึก เช่น ตรวจสอบการ สะกดคำาก่อนตีพิมพ์บันทึกนั้นๆ ลงในบล็อก 12. ควรเขียนบันทึกอย่างรอบคอบและถูกต้อง 13. ควรตอบอีเมลและข้อคิดเห็นที่ได้รับจากผู้อ่านอย่างเหมาะสม และโดยทันที 14. ควรเขียนบล็อกเป็นประจำา อย่างน้อยสัปดาห์ละหนึ่งครั้ง การอ่าน blog ด้วยโปรแกรม RSS Reader โดย BlogExpress
  • 8. ในการอ่าน blog นั้นตั้งอาศัยโปรแกรมตัวหนึ่งที่เข้ามามี ส่วนร่วมคือ BlogExpress โดยผู้ใช้ติดตั้ง Microsoft.NET Framework Redistrubutable 1.1 และติดตั้งโปรแกรม BlogExpress ซึ่งง่ายต่อการใช้งานของผู้ใช้ โดยปกติที่ท่านจะพบเมื่อเขียนบล็อคคือความรู้สึกอยากเขียนอยู่ เรื่อย ๆ แต่การเขียนบล็อคที่ดีที่ทำาให้บล็อคเป็นที่นิยมนั้นส่วนหนึ่ง มาจากการเขียนที่อ้างอิงไปยังบันทึกของผู้เขียนบล็อคท่านอื่น ๆ และแสดงความคิดเห็นต่อบันทึกนั้น ๆ ดังนั้น อาการอีกอย่างที่ท่าน จะพบควบคู่กับความรู้สึกในการอยากเขียนบล็อคคือการอยาก อ่านบล็อค แต่การอ่านบล็อค ถ้าให้เข้าเว็บบล็อคทีละเว็บทีละเว็บ ก็อาจทำาให้ท่านรู้สึกขัดใจไม่ทันใจ ด้วยความเร็วของอินเทอร์เน็ต ที่อาจจะสุดแสนช้า ก็จะยิ่งอาจจะทำาให้หงุดหงิดมากยิ่งขึ้นแต่โดย ทั่วไปแล้ว มีเทคโนโลยีอย่างหนึ่งที่ควบคู่มากับ บล็อค ซึ่งท่านที่ อ่านและเขียนบล็อคควรจะต้องรู้จักกันไว้ คือ RSS ซึ่งย่อมาจาก Really Simple Syndication ซึ่งมีหลายเวอร์ชันด้วยกัน เช่น RSS 0.91, RSS 1.0, RSS 2.0, และ ATOM 4. การใช้งาน BlogExpress RSS หรืออาจเรียกว่า Site feed หรือ Feed เฉย ๆ ก็ได้ เป็นไฟล์ในรูปแบบที่คล้ายคลึงกับ HTML เรียกว่า XML ซึ่ง รวบรวมเอาข้อมูลที่มีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงไว้เป็นชุด ๆ และ เป็นลิงค์ที่คลิ้กเข้าไปดูเนื้อหาเต็มๆ ที่อยู่บนเว็ปได้ ลองเปรียบ เทียบง่ายๆ ก็คือ Feed เป็นเหมือนช่องสำานักข่าวโทรทัศน์หนึ่ง ช่อง (Channel) เช่น ช่อง 9 ช่อง 7 ช่อง 5 ช่อง 3 หรือ ITV เป็นต้น ช่องข่าวแต่ละช่องก็จะมีข่าวด่วนอัพเดตหลาย ๆ ข่าว (Items) ซึ่งประกอบด้วยหัวข้อข่าวและข่าวที่สรุปๆ นำามาเสนอให้ ผู้ชมได้ชมกันโดยทันทีและสั้นกระทัดรัดอีกด้วย เทคโนโลยี RSS มีประโยชน์มากสำาหรับทั้งผู้อ่านและเจ้าของเว็ปไซต์หรือเว็ปบล็อค ต่างๆ ในแง่ของผู้อ่านนั้น แทนที่จะต้องเข้าไปทีละเว็ปไซต์หรือเว็ ปบล็อคเพื่ออ่านข้อมูลข่าวสาร การสมัครรับ Feed จะช่วย ประหยัดเวลาและสะดวกในอ่านโดยใช้โปรแกรมหรือเว็ปไซต์ที่ กล่าวมาข้างต้น และปลอดภัยคลายกังวลจากจดหมายข่าวขยะ ต่างๆ ที่อาจจะเป็นสาเหตุที่ทำาให้ตู้จดหมายเต็มเป็นประจำาและนำา มาซึ่งไวรัสและหนอนคอมพิวเตอร์ เพราะด้วยการสมัครรับ Feed จากเว็ปไซต์หรือบล็อคที่ผู้อ่านสนใจ ผู้อ่านก็จะสามารถติดตาม อ่านข่าวสารที่อัพเดตได้ทันท่วงที โดยไม่ต้องให้อีเมล์แอดเดรส
  • 9. เพื่อจำาใจสมัครรับจดหมายข่าวกับทางเว็ปไซต์ที่อาจจะดูไม่น่าไว้ วางใจส่วนประโยชน์ในแง่มุมของเจ้าของเว็ปซึ่งเป็นผู้นำาเสนอ ข้อมูลแก่ผู้อ่านนั้นชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นการนำาเอา RSS มาเป็น เครื่องมือทางการตลาดในการนำาเสนอข้อมูลล่าสุดส่งถึง Desktop ของลูกค้าโดยความฉับไวโดยไม่จำาเป็นว่าจะต้องเพียงบทความ หรือบันทึกที่อยู่บนบล็อคเท่านั้น ข้อมูลอื่นๆ เช่น ปฏิทินกิจกรรม ข่าวสารของบริษัท เอกสารแนะนำาสินค้าใหม่ บทความที่น่าสนใจ เป็นต้นนอกจากนี้ จากปรากฎการณ์อีเมล์ขยะ ( Spam Email ) หรือ ( Junk Email ) ที่มีมากขึ้นเป็นทวีคูณ ทำาให้บริษัทที่ให้ บริการฟรีอีเมล์ หรือบริษัทที่มีอีเมล์เซิร์ฟเวอร์ของตนเองจำาเป็น ต้องใช้โปรแกรมในการสกัดกั้นอีเมล์ขยะเหล่านี้ ซึ่งเซิร์ฟเวอร์จะ สกัดเองอัตโนมัติหรือไม่ก็ให้ผู้ใช้เป็นผู้กำาหนดการสกัดเองด้วย ด้วยเหตุนี้ อีเมล์ที่ส่งมาที่ผู้ใช้บ่อยๆ อาจจะเป็นรายวันหรือราย สัปดาห์ เช่น จดหมายข่าว ( โดยเฉพาะที่มีการแนบเอกสารมากับอี เมล์นั้นๆ ด้วย ) มักจะถูกเซิร์ฟเวอร์มองว่าเป็นอีเมล์ขยะ หรือผู้ใช้ เองมักจะเพิกเฉยไม่อ่านไปเลยและเกิดเป็นพฤติกรรมที่ทำาเป็น ประจำา ซึ่งทำาให้ผู้ใช้พลาดข่าวสารที่สำาคัญของบริษัทผู้นำาเสนอ ข้อมูลโดยสิ้นเชิง ดังนั้น จะเห็นได้ชัดว่า แนวโน้มการใช้ Feed แทนอีเมล์เพิ่มมากขึ้นและผู้อ่านมักจะอ่านข้อมูลบน Feed มากกว่าบนอีเมล์ เนื่องด้วยเหตุผลดังกล่าวมา Cr. https://www.google.co.th/url? sa=t&rct=j&q=&esrc=s&source=web&cd= 14&cad=rja&uact=8&ved=0CD8QFjADOAo&url=http %3A%2F%2Fstaff.informatics.buu.ac.th%2F~athitha %2F310101%2F %25C3%25D2%25C2%25A7%25D2%25B91%2FBlog_Pr esent %2FBlog.doc&ei=hXFvVZWWIoSa8QXhpYD4Cw&usg=A FQjCNHXvTS4qlLXNCNMomAS8Ju8TLya1w&sig2=HEC3 o82nqfHzak4BGAhM4Q&bvm=bv.94911696,d.dGc
  • 10. เพื่อจำำใจสมัครรับจดหมำยข่ำวกับทำงเว็ปไซต์ที่อำจจะดูไม่น่ำไว้ วำงใจส่วนประโยชน์ในแง่มุมของเจ้ำของเว็ปซึ่งเป็นผู้นำำเสนอ ข้อมูลแก่ผู้อ่ำนนั้นชัดเจน ไม่ว่ำจะเป็นกำรนำำเอำ RSS มำเป็น เครื่องมือทำงกำรตลำดในกำรนำำเสนอข้อมูลล่ำสุดส่งถึง Desktop ของลูกค้ำโดยควำมฉับไวโดยไม่จำำเป็นว่ำจะต้องเพียงบทควำม หรือบันทึกที่อยู่บนบล็อคเท่ำนั้น ข้อมูลอื่นๆ เช่น ปฏิทินกิจกรรม ข่ำวสำรของบริษัท เอกสำรแนะนำำสินค้ำใหม่ บทควำมที่น่ำสนใจ เป็นต้นนอกจำกนี้ จำกปรำกฎกำรณ์อีเมล์ขยะ ( Spam Email ) หรือ ( Junk Email ) ที่มีมำกขึ้นเป็นทวีคูณ ทำำให้บริษัทที่ให้ บริกำรฟรีอีเมล์ หรือบริษัทที่มีอีเมล์เซิร์ฟเวอร์ของตนเองจำำเป็น ต้องใช้โปรแกรมในกำรสกัดกั้นอีเมล์ขยะเหล่ำนี้ ซึ่งเซิร์ฟเวอร์จะ สกัดเองอัตโนมัติหรือไม่ก็ให้ผู้ใช้เป็นผู้กำำหนดกำรสกัดเองด้วย ด้วยเหตุนี้ อีเมล์ที่ส่งมำที่ผู้ใช้บ่อยๆ อำจจะเป็นรำยวันหรือรำย สัปดำห์ เช่น จดหมำยข่ำว ( โดยเฉพำะที่มีกำรแนบเอกสำรมำกับอี เมล์นั้นๆ ด้วย ) มักจะถูกเซิร์ฟเวอร์มองว่ำเป็นอีเมล์ขยะ หรือผู้ใช้ เองมักจะเพิกเฉยไม่อ่ำนไปเลยและเกิดเป็นพฤติกรรมที่ทำำเป็น ประจำำ ซึ่งทำำให้ผู้ใช้พลำดข่ำวสำรที่สำำคัญของบริษัทผู้นำำเสนอ ข้อมูลโดยสิ้นเชิง ดังนั้น จะเห็นได้ชัดว่ำ แนวโน้มกำรใช้ Feed แทนอีเมล์เพิ่มมำกขึ้นและผู้อ่ำนมักจะอ่ำนข้อมูลบน Feed มำกกว่ำบนอีเมล์ เนื่องด้วยเหตุผลดังกล่ำวมำ Cr. https://www.google.co.th/url? sa=t&rct=j&q=&esrc=s&source=web&cd= 14&cad=rja&uact=8&ved=0CD8QFjADOAo&url=http %3A%2F%2Fstaff.informatics.buu.ac.th%2F~athitha %2F310101%2F %25C3%25D2%25C2%25A7%25D2%25B91%2FBlog_Pr esent %2FBlog.doc&ei=hXFvVZWWIoSa8QXhpYD4Cw&usg=A FQjCNHXvTS4qlLXNCNMomAS8Ju8TLya1w&sig2=HEC3 o82nqfHzak4BGAhM4Q&bvm=bv.94911696,d.dGc