SlideShare a Scribd company logo
1 of 15
Blog คืออะไร
Blog มาจากศัพท์คำาว่า WeBlog บางคนอ่าน
คำา ๆ นี้ว่า We Blog บางคนอ่านว่า Web Log แต่
ทั้งนี้ทั้งนั้น ทั้งสองคำาบ่งบอกถึงความหมายเดียวกัน
ว่านั่นคือบล็อก (Blog)
ความหมายของคำาว่า Blog ก็คือการบันทึก
บทความของตนเอง (Personal Journal) ลงบน
เว็บไซต์ โดยเนื้อหาของ blog นั้นจะครอบคลุมได้
ทุกเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องราวส่วนตัว หรือเป็น
บทความเฉพาะด้านต่าง ๆ เช่น เรื่องการเมือง เรื่อง
กล้องถ่ายรูป เรื่องกีฬา เรื่องธุรกิจ เป็นต้น โดยจุด
เด่นที่ทำาให้บล็อกเป็นที่นิยมก็คือ ผู้เขียนบล็อก จะมี
การแสดงความคิดเห็นของตนเองใส่ลงไปใน
บทความนั้น ๆ โดยบล็อกบางแห่ง จะมีอิทธิพลใน
การโน้มน้าวจิตใจผู้อ่านสูงมาก แต่ในขณะ
เดียวกัน บางบล็อกก็จะเขียนขึ้นมาเพื่อให้อ่านกัน
ในกลุ่มเฉพาะ เช่นกลุ่มเพื่อน ๆ หรือครอบครัว
ตนเอง
มีหลายครั้งที่เกิดความเข้าใจกันผิดว่า Blog
เป็นได้แค่ไดอารี่ออนไลน์ แต่ในความเป็นจริงแล้ว
ไดอารี่ออนไลน์เปรียบเสมือน เนื้อหาประเภทหนึ่ง
ของบล็อกเท่านั้น เพราะบล็อกมีเนื้อหาที่หลาก
หลายประเภท ตั้งแต่การบันทึกเรื่องส่วนตัวอย่าง
เช่นไดอารี่ หรือการบันทึกบทความที่ผู้เขียนบล็อก
สนใจในด้านอื่นด้วย ที่เห็นชัดเจนคือ เนื้อหาบล็อก
ประเภท วิจารณ์การเมือง หรือการรีวิวผลิตภัณฑ์
ต่าง ๆ ที่ตัวเองเคยใช้ หรือซื้อมานั่นเอง อีกทั้งยัง
สามารถแตกแขนงไปในเนื้อหาในประเภทต่าง ๆ
อีกมากมาย ตามแต่ที่เจ้าของบล็อกจะเป็นคนที่ถนัด
ในด้านไหน ก็มักจะเขียนบทความเรื่องที่ตนเอง
ถนัด หรือสนใจเป็นต้น
และจุดเด่นที่สุดของ Blog ก็คือ มันสามารถ
เป็นเครื่องมือสื่อสารชนิดหนึ่ง ที่สามารถสื่อถึง
ความเป็นกันเองระหว่างผู้เขียนบล็อก และผู้อ่าน
บล็อกที่เป็นกลุ่มเป้าหมายที่ชัดเจนของบล็อกนั้น ๆ
ผ่านทางระบบ comment ของบล็อกนั่นเอง
ในอดีตแรกเริ่ม คนที่เขียน Blog นั้นยังทำากัน
ในระบบ Manual คือเขียนเว็บเองทีละหน้า แต่ใน
ปัจจุบันนี้ มีเครื่องมือหรือซอฟท์แวร์ให้เราใช้ใน
การเขียน Blog ได้มากมาย เช่น WordPress,
Movable Type เป็นต้น
ผู้คนหลายล้านคนจากทั่วทุกมุมโลก หันมาเขียน
Blog กันอย่างแพร่หลาย ตั้งแต่นักเรียน อาจารย์ นักเขียน
ตลอดจนถึงระดับบริษัทยักษ์ใหญ่ในตลาดหุ้น NasDaq
เมื่อสองสามปีที่ผ่านมา Blog เริ่มต้นมาจากการเขียน
เป็นงานอดิเรกของกลุ่มสื่ออิสระต่าง ๆ หลาย ๆ แห่งกลาย
เป็นแหล่งข่าวสำาคัญให้กับหนังสือพิมพ์หรือสำานักข่าวชั้น
นำา จวบจนกระทั่งปี 2004 คนเขียน Blog ก็ได้รับการ
ยอมรับจากสื่อและสำานักข่าวต่าง ๆ ถึงความรวดเร็วในการ
ให้ข้อมูลตั้งแต่เรื่องการเมืองไปจนกระทั่งเรื่องราวของการ
ประชุมระดับชาติ และจากเหตุการณ์เหล่านี้ นับได้ว่า
Blog เป็นสื่อชนิดหนึ่งที่ไม่ต่างจาก วีดีโอ , สิ่งพิมพ์ ,
โทรทัศน์ หรือแม้กระทั่งวิทยุ เราสามารถเรียกได้ว่า Blog
ได้เข้ามาเป็นสื่อชนิดใหม่ที่สำาคัญอย่างแท้จริง
สรุปให้ง่าย ๆ สั้น ๆ ก็คือ Blog คือเว็บไซต์ที่มีรูป
แบบเนื้อหาเป็นเหมือนบันทึกส่วนตัวออนไลน์ มีส่วนของ
การ comments และก็จะมี link ไปยังเว็บอื่น ๆ ที่
เกี่ยวข้องอีกด้วย
โครงสร้างของ Blog
มาดูเรื่องกายวิภาคของ Blog กันดีกว่า ว่า
blog นั้นมีส่วนประกอบที่สำาคัญอะไรบ้าง จะได้รู้ว่า
เราจะใช้ประโยชน์จากส่วนต่าง ๆ ของ blog นั้น
ได้อย่างเต็มที่
1. ชื่อบล็อก (ฺฺBlog Title)
ส่วนของ Blog Title นี้ก็จะเป็นชื่อบล็อกนั้น ๆ
2. แท็กไลน์ (Subtitle หรือ Tag line)
ตรงส่วนนี้จะเป็นคำาจำากัดความของเว็บ หรือ
สโลแกนเก๋ ๆ ที่ใช้อธิบายถึงตัวบล็อกโดยรวม โดย
ตัวแท็กไลน์นี้ จะมีก็ได้ หรือไม่มีก็ได้ เพราะมันไม่
สำาคัญเท่ากับชื่อบล็อก
3. วันที่และเวลา (Date & Time Stamp)
เป็นวันที่ และบางทีอาจมีเวลากำากับอยู่ด้วย ตัววันที่
และเวลานี้ จะเป็นตัวบอกว่าบทความในบล็อกนั้น
เขียนขึ้นมาเมื่อไหร่ บางครั้งอาจมีวันที่ระบุอยู่ใน
ส่วนของ comment ด้วย ซึ่งจะเป็นการบ่งบอกว่า
comment นั้นเขียนเข้ามาเมื่อไหร่เช่นกัน
4. ชื่อบทความ (Entry Title)
ชื่อเรื่องของบทความที่เขียนในบล็อก
5. ตัวเนื้อหาบทความ (Entry’s Main Body)
อาจเป็นตัวหนังสือ หรืออาจเป็นรูปภาพ วีดีโอ หรือ
อนิเมชั่น เป็นต้น โดยส่วนประกอบเหล่านี้จะรวม
เป็นส่วนเนื้อหาของบทความ
6. ชื่อผู้เขียน (Blog Author)
บางบล็อก อาจมีการระบุชื่อผู้เขียนไว้ในบล็อกด้วย
ครับ โดยตำาแหน่งที่จะใส่ชื่อผู้เขียนนั้น สามารถไว้
ที่ตำาแหน่งใดก็ได้ เช่นด้านข้าง (sidebar) หรืออยู่
ในตัวบทความก็ได้
7. คอมเม้นต์ (Comment tag)
เป็นลิงค์ที่ให้ผู้อ่านคลิกไปเพื่อกรอกคอมเม้นต์ให้
กับบล็อกนั้น ๆ ได้
8. ลิงค์ถาวร (Permalink)
เรียกชื่อไทยแล้วเขิ้นเขิน เราสามารถเรียกทับศัพท์
ก็ได้ครับว่า เพอร์มาลิ้งค์ เจ้าลิงค์ตัวนี้คือลิงค์ที่ไป
หา url ของบทความนั้น ๆ โดยตรงครับ มี
ประโยชน์สำาหรับ blogger คนอื่น ๆ ที่อยากจะทำา
ลิงค์หาบทความของเราโดยตรง ก็จะสามารถหา
permalink ได้อย่างง่ายดายครับ โดย url ของ
permalink นี้จะไม่เปลี่ยนไปตามวันและเวลา
เหมือน link ของหน้าแรกของบล็อกที่บทความจะ
เปลี่ยนไปเรื่อย ๆ ครับ นี่แหละครับที่เค้าเรียกว่า
ลิงค์ถาวร
9. ปฎิทิน (Calendar)
บล็อกบางแห่งอาจมีปฎิทินอยู่ด้วย โดยในปฎิทินนั้น
สามารกคลิกตามวันที่ เพื่ออ่านบทความของวันที่
นั้น ๆ ได้สะดวกครับ
10. บทความย้อนหลัง (Archives)
บทความเก่า หรือบทความย้อนหลัง อาจมีการจัด
เตรียมไว้โดยเจ้าของบล็อก โดยบล็อกแต่ละแห่ง
อาจจัดเรียงบทความย้อนหลัง ไม่เหมือนกัน เช่นจัด
เรียงรายเดือน รายสัปดาห์ รายวัน หรือจะ list
บทความทั้งหมดออกมาเลยก็ได้
11. ลิงค์ไปยังเว็บอื่น (Links)
เป็นจุดเด่นและความสนุกของบล็อกอีกอย่างหนึ่ง
เลยทีเดียวครับ โดยบล็อกแต่ละแห่ง อาจมีลิงค์ไป
ยังเว็บอื่นหลากหลายเว็บ บางครั้งเราสามารถเรียก
link พวกนี้ว่า blogroll ก็ได้ครับ
12. RSS หรือ XML
ตัว RSS นี้อาจมีเตรียมไว้ให้เราโดยอัตโนมัติ ขึ้น
อยู่กับ Blogware หรือ Blog Host ที่เราเลือกใช้
เช่น WordPress หรือ MovableType นั้นจะมี RSS
ลิงค์ไว้ให้เราโดยอัตโนมัติ โดยเจ้า RSS Feed นี้จะ
ช่วยให้ผู้อ่านเข้าถึงบทความของเราได้ง่ายขึ้น
โดยการใช้โปรแกรมช่วยอ่าน Feed ได้ด้วย บาง
ครั้งนักเขียน Blog คนอื่น ก็อาจใช้ RSS Feed นี้
เพื่อประโยชน์ในการดึงข้อมูลไปแสดงในเว็บ หรือ
บล็อกของตนได้
7 เทคนิคของการสร้าง Blog
ถ้าต้องการสร้างบล็อกให้เป็นอย่างมืออาชีพ คุณต้องไม่
ลืมที่จะใส่ใจในสิ่งเหล่านี้
1. ใส่ใจกับรูปแบบดีไซน์ของ blog
ลองสังเกตดูง่าย ๆ สำาหรับบล็อกชั้นนำาของโลก
ต่างก็ไม่ได้ใช้ template แจกฟรีที่มีกันทั่วไป แต่
บล็อกชั้นนำาเหล่านี้ ต่างก็ออกแบบดีไซน์ของบล็อก
ขึ้นมาเองทั้งหมด ทำาให้บล็อกนั้นดูมีความแตกต่าง
และมีความเป็นมืออาชีพมากยิ่งขึ้น
2. ใส่ใจกับเนื้อหาของบล็อก
ก่อนที่คุณจะสร้างบล็อกขึ้นมาซักแห่งหนึ่ง ลองวาง
แนวทางของเนื้อหาในบล็อกดูก่อน ว่าเราต้องการ
จะนำาเสนอบทความรูปแบบไหน เราจะมีวิธีนำาเสนอ
ไปในทางใด สิ่งเหล่านี้ จะทำาให้คุณไม่หลุด
ประเด็น จากที่คุณตั้งใจไว้ตั้งแต่แรก เช่น บล็อก
ของ keng.com ต้องการจะเป็น บล็อกที่นำาเสนอ
ข้อมูลด้านการทำาบล็อก ดังนั้นควรวางแนวทางไว้
ว่า ต้องมีข่าวสารวงการบล็อกทั่วโลก มาให้ผู้อ่าน
ได้อ่านกัน และยังต้องมีเทคนิคการทำาบล็อกสำาหรับ
มือใหม่ เช่นบทความเรื่อง “blog คืออะไร?” และมี
เทคนิคสำาหรับขั้นผู้เชี่ยวชาญ เช่นการใส่ Tag
หรือการ Ping ไปยัง blog search engine เป็นต้น
ตัวอย่างข้างต้น ดังเช่นตัวอย่างบทความ ที่ได้เขียน
ขึ้นมาเหล่านี้ เป็นแนวทาง ในการกำาหนดทิศทาง
ของบล็อก
3. ใส่ใจผู้อ่าน มากกว่าใส่ใจตัวเอง
เนื้อหาของบล็อกเป็นสิ่งที่ผู้อ่านใส่ใจใคร่รู้ ไม่ใช่
ป้ายโฆษณาที่เราวางระเกะระกะในเว็บไซต์แต่
อย่างใด ดังนั้นการจัดรูปแบบโฆษณา ต้องคำานึงถึง
จิตใจผู้อ่านด้วย ว่าถ้าเป็นเราเอง ไปอ่านบล็อกคน
อื่น แล้วมีโฆษณามาเกะกะในตัวบทความ เราชอบ
หรือไม่ โดยทั่วไปแล้ว ถ้าบทความของเราเขียนได้
ดี ผู้อ่านก็จะมาอ่านซำ้าแล้วซำ้าอีก และอาจมีผู้อ่าน
มากขึ้นทุก ๆ วัน หลังจากนั้นแล้ว รายได้จากค่า
โฆษณาจะตามมาเอง โดยที่เราไม่ต้องไปใส่
โฆษณา แทรกลงไปในตัวบทความอีกด้วย
4. ใส่ใจ comment ที่มีเข้ามา
บล็อกสามารถใช้ประโยชน์ของการสื่อสาร ได้ด้วย
ระบบ comment ในตัวเอง ซึ่งโปรแกรมสร้าง
บล็อก (ฺฺBlogware) ส่วนใหญ่ มีระบบ comment
ติดมาให้ด้วยอยู่แล้ว ลองใช้ระบบนี้ให้เกิด
ประโยชน์ ไม่ว่าจะเป็นการอ่าน comment การ
ตอบ comment ต่าง ๆ บางครั้งเราอาจได้
ประโยชน์จากการดึงประเด็นเด็ด ๆ จาก comment
มาใช้เขียนบทความก็เป็นได้ ดังนั้น ทุก ๆ วันควรที่
จะตรวจสอบว่ามี comment ใดเข้ามาบ้าง เพื่อที่จะ
ได้ตอบได้ทันท่วงที เมื่อเราตอบได้เร็ว ผู้อ่านมี
อารมณ์ร่วมในการสื่อสาร ทั้งสองฝ่ายก็แฮปปี้ และ
จุดสำาคัญอีกอย่างหนึ่งถ้าเราตรวจสอบ comment
ทุกวันก็คือ เราสามารถลบพวก spam comment
ออกได้อย่างทันควันไงครับ
5. ใส่ใจในมาตรฐานของเว็บไซต์
ไม่มีใครรู้ว่าบล็อกของเราจะมีคนเข้ามาอ่านมาก
แค่ไหน บางครั้งเราอาจต้องมีการปรับปรุงเว็บไซต์
หรือบางครั้งเราอาจต้องมีการปรับแต่งดีไซน์ เพื่อ
รองรับการขยายตัวอย่างที่เราไม่คาดฝัน ลองมอง
ไปถึงการดีไซน์บล็อกด้วย มาตรฐานของเว็บไซต์
(Web Standard) ซึ่งจะสามารถทำาให้บล็อกของ
เรา แสดงผลได้ดีในทุก ๆ browser และลอง
พยายามใช้ css ในทุก ๆ ส่วนที่คุณทำาได้ เพราะตัว
css นี้มีความยืดหยุ่นสูง ถ้าเราต้องมีการ
เปลี่ยนแปลงดีไซน์ต่าง ๆ เราจะได้ปรับเฉพาะแค่
ไฟล์ css แทนที่จะไปแก้ html ในแต่ละหน้า ลอง
นึกดูว่า ถ้าวันใดที่มีบทความประมาณ 1,000
บทความ แต่ต้องมานั่งแก้สีของกรอบรูปภาพ ที่เคย
เขียนโค๊ดใส่ border เข้าไปที่โค๊ดของรูปภาพ
โดยตรง แทนที่จะแก้ไขที่ไฟล์ css แค่บรรทัดเดียว
6. จัดตารางเวลาในการเขียนให้เหมาะสม
เมื่อตอนเริ่มเขียนบล็อก อาจใช้เวลาไม่มากนักใน
การเขียนบทความ แต่เมื่อเขียนมากขึ้นเรื่อย ๆ จาก
วันเป็นเดือน จากเดือนเป็นปี แน่นอนว่าคงต้องมี
การกระทบกับเวลาการทำางานอื่น ๆ เช่นกัน ดังนั้น
ลองจัดสรรเวลาสำาหรับเขียนบล็อก อาจจะตื่นเช้า
สักหน่อย ใช้เวลาในช่วงเช้าก่อนไปทำางาน เขียน
บทความสักหนึ่งตอน หรือจะเขียนบทความในช่วง
ดึก ๆ ก่อนนอนก็ได้ ตรงนี้แล้วแต่คน ว่าจะสะดวก
แบบไหน หรือมีเวลาว่างในตอนอื่น ๆ ลองปรับให้
เหมาะสมกับตัวเอง
7. ใส่ใจเรื่องขนาดของภาพประกอบ
บทความ
ไก่งามเพราะขน คนงามเพราะแต่งฉันท์ใด บล็อก
ย่อมงามเพราะดีไซน์และภาพประกอบ ลอง
ทำาความรู้จักกับรูปแบบของไฟล์ภาพชนิดต่าง ๆ
เช่นไฟล์ที่มีนามสกุลเป็น .gif นั้น สามารถแสดงผล
ได้สูงสุด 256 สี แต่ไฟล์ภาพที่เป็นนามสกุล .jpg
นั้นสามารถแสดงผลได้สูงสุด 16 ล้านสี ดังนั้นการ
เลือกที่จะเซฟภาพเป็นไฟล์นามสกุลอะไรนั้น เป็น
สิ่งจำาเป็นอย่างมาก เพราะหากเลือกชนิดไฟล์ผิด
ภาพที่ออกมาจะไม่สวย และไฟล์อาจมีขนาดใหญ่
ผิดปกติ นั่นจะเป็นสิ่งที่กินทรัพยากรของระบบ และ
บล็อกมากขึ้นไปอีก เพราะถ้ามีผู้อ่านเยอะ แต่ต้อง
รอโหลดภาพที่ใหญ่ผิดปกติ ผู้อ่านบางท่านอาจจะ
เลิกรอเลย วิธีง่าย ๆ ในการเซฟภาพมีดังนี้ หาก
เป็นภาพถ่าย แนะนำาให้ใช้เป็น jpg ส่วนถ้าเป็น
ไฟล์โลโก้ หรือภาพที่มีจำานวนสีน้อย ๆ ลองใช้เป็น
gif ดู
ทำาไม Blog ถึงได้รับความนิยม
ความสะดวกและง่ายดายของการเขียนบล็อก หรือ
สร้างบล็อกขึ้นมาสักหนึ่งแห่ง ทำาให้ผู้คนนับล้าน ได้ทำาการ
เขียนและเผยแพร่ความคิดของตนได้ง่าย และนอกเหนือ
จากนั้นยังมีความคิดเห็น อีกนับล้านจากคนอ่านที่เข้ามา
Comment หรือตอบกลับในบล็อกเหล่านั้น ทำาให้มีการ
โต้ตอบกันทางความคิด (interactive) ซึ่งตอบโจทย์เรื่อง
การสื่อสารระหว่างคนเขียนและคนอ่านได้เป็นอย่างดี
ดังนั้น Blog จึงเปรียบเสมือนเป็นสื่ออีกชนิดหนึ่ง
กลายเป็นแหล่งข้อมูลสำาคัญที่เราไม่สามารถมองข้ามมันได้
ด้วยความฉับไวของข้อมูลใน Blog อีกทั้งยังเป็นข้อมูลที่
ใหม่สด บางครั้ง ข้อมูลจาก Blog เป็นข้อมูลที่ไม่เคยปราก
ฎที่ไหนมาก่อนอีกด้วย
ที่สำาคัญที่สุดคือ Blog ทำาให้ผู้คนสามารถมีสิทธิ์มีเสียง
และเขียนถึงเรื่องราวและบทความต่าง ๆ ได้ง่ายดังใจนึก
ประโยชน์ของ Blog กับธุรกิจ
ปัจจุบันนี้ บริษัทชั้นนำาต่าง ๆ ของโลก ได้หันมาจับตา
มอง Blog ซึ่งเป็นรูปแบบของการ Marketing แบบใหม่
เนื่องจาก Blogger จะมีความใกล้ชิดสนิทสนมกับผู้อ่าน
Blog สูงมาก เนื่องจากทั้งสองฝ่ายสามารถโต้ตอบกันได้
โดยตรง
การที่ใช้ Blog มาเป็นเครื่องมือทางการตลาดนั้น อาจ
เรียกได้ว่าเป็น Buzz Marketing บางบริษัทอาจเลือก
เจ้าของ Blog ให้เป็น presenter ให้กับผลิตภัณฑ์ของ
ตนเอง เช่นเสนอสินค้า ให้เจ้าของ Blog นำาไปเขียน
วิจารณ์หรือเขียนถึงใน Blog ของตนเป็นต้น
บางบริษัทใช้ Blog เพื่อเป็นเครื่องมือสื่อสาร หรือ PR
ข่าวสารขององค์กร โดยการใช้ Blog เพื่อประกาศ
ข่าวสารนั้น จะดูมีความเป็นกันเองและเข้าถึงลูกค้าได้อย่าง
เป็นมิตร เพราะเนื่องจากลูกค้าสามารถฝาก comment
หรือสื่อสารกับเจ้าของ Blog ได้ทันที ทำาให้บริษัทเอง จะ
ได้ประโยชน์จากคำาแนะนำาที่ตรงไปตรงมาของลูกค้าอีก
ด้วย บริษัทชั้นนำาต่างเลือกที่จะใช้ Blog มาเป็นเครื่องมือ
ทางการตลาดกันแล้ว โดยบางแห่งใช้ทั้ง Blog อย่างเป็น
ทางการของบริษัท แถมยังเปิดให้พนักงานได้เขียน Blog
ของตนเองอีกด้วย โดยวิธีการนี้นับเป็นการทำาการตลาด
โดยการสร้างการรับรู้ตราสินค้า (Brand) โดยทางอ้อมอีก
ด้วย
นอกเหนือจากองค์กรธุรกิจแล้ว บุคคลที่ทำางานคน
เดียวหรือเป็นกลุ่ม สามารถใช้ Blog เพื่อเป็นการเผยแพร่
ผลงาน หรือขายสินค้าของตนได้อีกด้วยเช่น ช่างภาพ,
ศิลปิน, นักออกแบบ, นักเขียน, นักวาดการ์ตูน , ร้านค้า ,
ฯลฯ
อยากมี Blog ต้องทำาอย่างไร
การที่เราจะมี blog ได้นั้น เราควรจะรู้จักกันก่อนว่า
การทำา blog มีผู้ให้บริการให้เราสามารถสร้าง blog ได้
หลายรูปแบบ โดยในแต่ละแบบนั้น มีความต้องการรู้ทาง
ด้านการทำาเว็บแตกต่างกันไป ว่ากันถึงแบบหลัก ๆ ก่อนดี
กว่า
1. ผู้ให้บริการ Blog (Blog Hosting , Blog
Provider)
หากคุณไม่ค่อยมีความรู้เรื่องการทำาเว็บ หรือไม่รู้จัก blog
มาก่อน ก็สามารถมี blog เป็นของตัวเองได้ง่าย ๆ ครับ
โดยผู้ให้บริการ blog จะมีการเตรียมระบบรองรับให้เรา
เรียบร้อยแล้ว โดยสิ่งที่ผู้ให้บริการ blog เตรียมให้เราก็
คือ
- ชื่อโดเมน ที่ใช้เป็นที่อยู่ของ blog เรา โดยส่วนใหญ่
จะเป็นชื่อแบบ sub domain คือเป็นชื่อในรูปแบบ
myname.blogprovider.com เป็นต้น โดยคำาว่า
myname นั้นก็จะแทนที่ด้วยชื่อที่เราเลือกไว้ครับ ส่วน
ตรง blogprovider.com นั้นก็คือชื่อโดเมนของผู้ให้
บริการ blog ของเรา
- ระบบ blog management สิ่งต่อมาที่ผู้ให้บริการ
blog เตรียมไว้ให้คือ โปรแกรมการ update blog ต่าง ๆ
ไงครับ เราไม่ต้องเขียนโปรแกรมการ update blog ด้วย
ตัวเอง แต่ทางผู้ให้บริการ จะมีระบบนี้เตรียมไว้ให้เราเลย
ครับ รวมทั้งพวกเทมเพลท หรือรูปแบบดีไซน์ของ blog ที่
เตรียมไว้ให้เราใช้ได้เลย ไม่เสียเวลาออกแบบ
- พื้นที่เก็บ Blog โดยจำานวนพื้นที่ที่ผู้ให้บริการเตรียม
ไว้ให้เรานั้น มากน้อยแค่ไหน ขึ้นอยู่กับผู้ให้บริการแต่ละ
ราย
ส่วนเรื่องค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ของการทำา blog กับ ผู้
ให้บริการ blog นั้น แตกต่างกันไปตามแต่ผู้ให้บริการ
บางแห่งฟรี บางแห่งเก็บค่าบริการรายเดือน ผู้ให้บริการ
เหล่านี้ก็มีตัวอย่างเช่น Blogger.com ,
LiveJournal.com , TypePad.com เป็นต้น หากเป็น
ของไทย ก็ลองไปที่ BlogRevo หรือ exteen.com ดูได้
2. ใช้ Blog Software ติดตั้งใช้เอง
การใช้ Blog Software มาติดตั้งใช้เองนั้น ต้องการ
ความรู้ทางด้านการเขียนโปรแกรม หรือติดตั้งโปรแกรม
บ้าง แถมยังต้องมีพื้นฐานทางด้านการทำาเว็บอีกด้วย
เพราะเราอาจต้องทำาการติดตั้ง หรือปรับแต่งดีไซน์ด้วยตัว
เอง โดยข้อดีของการใช้ Blog Software มาติดตั้งเองคือ
เราสามารถควบคุมการใช้บล็อกของเราได้เอง ไม่ว่าจะเป็น
พื้นที่เขียนบล็อก ก็มีได้มากตามที่เราต้องการ หรือตาม
พื้นที่ของ web hosting ที่เราเช่าใช้อยู่
หากเราต้องการใช้ Blog Software เราจะต้องมีสิ่ง
เหล่านี้อยู่ล่วงหน้าแล้ว นั่นคือ
- ชื่อโดเมนเนม อาจจะเป็นชื่อโดเมนที่เราจดทะเบียนโด
เมนเนมไว้ หรือใช้ sub domain จากเว็บของเราที่มีอยู่
แล้ว หากคุณยังไม่เคยมีเว็บมาก่อน ก็ต้องจดทะเบียนโด
เมนเนมเป็นของตัวเองก่อน
- พื้นที่เว็บโฮสติ้ง คุณต้องเช่าพื้นที่เว็บโฮสติ้งไว้ให้
พร้อมครับ โดยดูให้ตรงกับความต้องการของโปรแกรม
blog software ที่เราจะใช้ เช่น php, cgi หรือ asp
- โปรแกรม Blog Software โปรแกรมเหล่านี้ มีทั้ง
แบบเสียสตางค์ซื้อมา เช่น MovableType หรือ หรือบาง
โปรแกรมก็ให้ใช้ได้ฟรี เช่น WordPress เป็นต้น
การใช้ Blog กับองค์กรธุรกิจ
มีมากมายหลายเหตุผลที่ Blog จะก้าวเข้าสู่องค์กร
ของคุณ โดยใช้ Blog เป็นตัวเชื่อมความสัมพันธ์ และเป็น
เครื่องมือสื่อสารระหว่าง องค์กรของคุณและกลุ่มเป้าหมาย
หรือกลุ่มลูกค้าที่สนใจในผลิตภัณฑ์ บริการ หรือธุรกิจของ
คุณ และนี่คือตัวอย่างของการใช้ Blog ให้เป็นประโยชน์
กับธุรกิจของคุณ
• Blog ช่วยให้คุณก้าวมาเป็นผู้เชี่ยวชาญในสายงาน
นั้น ๆ
โดยคุณสามารถวาง Positioning ตัวเอง หรือบริษัท
ของคุณให้เป็นผู้นำาในสายงานธุรกิจของคุณ
• ใช้ Blog เป็นช่องทางการสื่อสารระหว่างบริษัทของ
คุณและลูกค้า
เว็บบอร์ด อาจไม่ใช่ช่องทางที่ดีที่สุดแล้ว เมื่อ Blog
ก้าวเข้ามาแทนที่โดย ให้ความรู้สึกแบบเป็นส่วนตัว
และเป็นมิตรกับลูกค้าได้มากกว่า และ Blog นี่เองที่
เป็นช่องทางที่รวดเร็วที่สุด ที่คุณจะสามารถสื่อสาร
และโต้ตอบหรือคุยกับลูกค้าได้ง่าย อีกทั้งยังสามารถ
ใช้ Blog เพื่อนำาเสนอเทคนิคการใช้งานผลิตภัณฑ์
ของคุณ หรือแม้กระทั่งใช้เป็นช่องทางในการรับ
feedback จากลูกค้า
• ใช้ Blog เป็นช่องทางการสื่อสารระหว่างบริษัทของ
คุณ กับสื่อต่าง ๆ
เรียกได้ว่าเป็นความฝันของ PR Agency ต่าง ๆ เลย
ทีเดียวในการสร้างช่องทางหนึ่งขึ้นมา เพื่อให้สื่อต่าง
ๆ เช่นหนังสือพิมพ์ วิทยุ หรือโทรทัศน์ ได้เข้ามาใน
Blog ขององค์กร เพื่อเช็คดูว่าคุณมีข่าวใหม่ ๆ อะไร
บ้าง เพราะจากเดิมที่สื่อต่าง ๆ จะรอคอยข่าว Press
Release จากบริษัทของคุณ อาจจะมีบางสื่อที่
ต้องการหาข่าวที่แตกต่างจากสำานักข่าวอื่น ๆ โดย
การเข้ามาหาข่าวจาก Blog ของคุณ
• การใช้ Blog เพื่อประสานงานภายในองค์กร
ใช้ Blog เป็นที่ทำางานร่วมกันแบบออนไลน์ เช่นใช้
เป็นพื้นที่ให้ทีมงานแต่ละคนของ Project นั้น ๆ เข้า
มาทำา Brain Storming หรือ update ความคืบหน้า
ของโปรเจคท์ โดยไม่ต้องเสียเวลามานั่งทำา report
ต่าง ๆ อย่างเป็นทางการ แทนการประสานงานต่าง ๆ
ด้วยวิธีส่งอีเมล์หากัน ซึ่งการใช้ Blog มาแทนที่การ
ใช้อีเมล์ ทำาให้ไม่ต้องมานั่งค้นหาเมล์เก่า ๆ จากใน
โปรแกรมอย่าง outlook express เพราะ Blog
สามารถอ่านบทความย้อนหลังได้ง่าย และสามารถ
แยกเป็นหมวดหมู่ได้อย่างชัดเจน
• ใช้ Blog เพื่อบริหารจัดการข้อมูลความรู้ต่าง ๆ
Blog มีประโยชน์ในทั้งสองทางคือทั้งผู้อ่าน Blog
และผู้เขียน Blog โดยปกติแล้ว Blog เป็นช่องทาง
ให้ผู้อ่านสามารถหาข้อมูลต่าง ๆ จาก Blog ของเรา
ได้ง่าย โดยสามารถใช้เป็น knowledge base
ภายในองค์กรต่าง ๆ ได้ แต่ในทางกลับกัน ผู้เขียน
Blog หรือ Blogger ก็ต้องคอยหาข้อมูลมาเขียน ดัง
นั้น Blog จึงเปรียบเสมือนเป็นช่องทางการเรียนรู้ ที่
ไม่มีวันสิ้นสุด
• ใช้ Blog เป็นช่องทางในการหาบุคลากรมาร่วม
ทำางานด้วย (Recruitment)
ถ้าคุณวางภาพลักษณ์บริษัทของคุณว่าเป็นผู้นำาทาง
ด้านธุรกิจแล้ว ผู้คนที่อยู่ในสายงานธุรกิจเดียวกันกับ
คุณก็จะให้ความสนใจใน Blog ของคุณด้วย เพราะ
คนเหล่านั้นก็ต้องการ update ข่าวสารในวงการให้
กับตัวเองเหมือนกัน หากคนเหล่านี้เข้ามาโต้ตอบหรือ
พูดคุยกันใน Blog ของคุณ คุณอาจจะเห็นแววของ
บุคลากรที่น่าสนใจ และชักชวนเขาเพื่อเข้ามาเสริม
ศักยภาพให้กับองค์กรของคุณก็เป็นได้
• ใช้ Blog เพื่อทดสอบผลิตภัณฑ์ หรือไอเดียใหม่ๆ
ด้วยความที่ Blog ดูเป็นกันเอง จึงให้ความรู้สึกที่ไม่
เป็นทางการออกมาได้อย่างไม่ขัดเขิน ดังนั้นบริษัท
ของคุณสามารถเอา feedback ต่าง ๆ ที่กลุ่มเป้า
หมาย หรือลูกค้าของคุณ มาใช้ให้เป็นประโยชน์ได้
เช่น คุณสามารถลองนำาเสนอไอเดียใหม่ ๆ ลงไปใน
Blog แล้วดูว่าจะมีผู้คนสนใจมาน้อยแค่ไหน หรือว่า
ให้ feedback กลับมายังไงบ้าง
• Blog ช่วยให้เว็บของคุณอยู่อันดับต้น ๆ ใน Search
Engine ได้
Google และ Search Engine อื่น ๆ จะให้ความ
สำาคัญกับเว็บไซต์ที่มีการ update ข้อมูลบ่อย ๆ รวม
ถึงเว็บที่มีการทำา link ไปหาเว็บไซต์ที่เกี่ยวข้อง หรือ
เว็บที่มี link เข้ามาหามาก ๆ ทั้งหมดที่กล่าวมานั้น
คือสิ่งที่ Blog ช่วยคุณได้ เพราะ Blog ทำาให้คุณ
update ได้ง่ายแบบทุกวัน และยังทำา link ไปหาเว็บ
อื่นได้ง่าย และหาก Blog ของคุณน่าสนใจ ก็จะมีคน
อ้างถึง Blog ของคุณ หรือทำา link เข้ามาหา Blog
คุณได้ ลองพิจารณาถึงข้อเท็จจริงเหล่านี้ดูครับ แล้ว
เว็บ หรือ Blog ของคุณจะมีโอกาสได้อยู่ในอันดับต้น
ๆ ของ Search Engine ได้ไม่ยาก
รูปภาพตัวอย่าง Blog
แดชบอร์ด
ภาพรวม
เขียนโพสต์
กำาหนดค่า

More Related Content

Similar to Blog

ความรู้เรื่อง บล็อก
ความรู้เรื่อง บล็อกความรู้เรื่อง บล็อก
ความรู้เรื่อง บล็อก
meuankusalin
 
ความรู้เรื่อง Blog 33
ความรู้เรื่อง Blog 33ความรู้เรื่อง Blog 33
ความรู้เรื่อง Blog 33
bernfaibaifern
 
ความหมาย Blog
ความหมาย Blogความหมาย Blog
ความหมาย Blog
vorravan
 

Similar to Blog (20)

Worksheet 2 ความรู้เรื่อง blog
Worksheet 2 ความรู้เรื่อง blogWorksheet 2 ความรู้เรื่อง blog
Worksheet 2 ความรู้เรื่อง blog
 
Blog คืออะไร
Blog คืออะไรBlog คืออะไร
Blog คืออะไร
 
Blog
BlogBlog
Blog
 
Blog
BlogBlog
Blog
 
ความรู้เรื่อง บล็อก
ความรู้เรื่อง บล็อกความรู้เรื่อง บล็อก
ความรู้เรื่อง บล็อก
 
ความรู้เรื่อง Blog
ความรู้เรื่อง Blogความรู้เรื่อง Blog
ความรู้เรื่อง Blog
 
Blogger คืออะไร
Blogger คืออะไรBlogger คืออะไร
Blogger คืออะไร
 
ความรู้เรื่อง Blog
ความรู้เรื่อง Blogความรู้เรื่อง Blog
ความรู้เรื่อง Blog
 
ความรู้เรื่อง Blog 33
ความรู้เรื่อง Blog 33ความรู้เรื่อง Blog 33
ความรู้เรื่อง Blog 33
 
Work2
Work2Work2
Work2
 
ใบงานที่ 2-blog (1)
ใบงานที่ 2-blog (1)ใบงานที่ 2-blog (1)
ใบงานที่ 2-blog (1)
 
บล็อกคืออะไร
บล็อกคืออะไรบล็อกคืออะไร
บล็อกคืออะไร
 
Blog
BlogBlog
Blog
 
ความหมาย Blog
ความหมาย Blogความหมาย Blog
ความหมาย Blog
 
Blog
BlogBlog
Blog
 
Blog คืออะไร
Blog คืออะไรBlog คืออะไร
Blog คืออะไร
 
Work3 605 11
Work3 605 11Work3 605 11
Work3 605 11
 
Comsoee
ComsoeeComsoee
Comsoee
 
Pittakamon 605 11
Pittakamon 605 11Pittakamon 605 11
Pittakamon 605 11
 
ใบงานที่2 ความรู้เกี่ยวกับบล็อก
ใบงานที่2 ความรู้เกี่ยวกับบล็อกใบงานที่2 ความรู้เกี่ยวกับบล็อก
ใบงานที่2 ความรู้เกี่ยวกับบล็อก
 

Blog

  • 1. Blog คืออะไร Blog มาจากศัพท์คำาว่า WeBlog บางคนอ่าน คำา ๆ นี้ว่า We Blog บางคนอ่านว่า Web Log แต่ ทั้งนี้ทั้งนั้น ทั้งสองคำาบ่งบอกถึงความหมายเดียวกัน ว่านั่นคือบล็อก (Blog) ความหมายของคำาว่า Blog ก็คือการบันทึก บทความของตนเอง (Personal Journal) ลงบน เว็บไซต์ โดยเนื้อหาของ blog นั้นจะครอบคลุมได้ ทุกเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องราวส่วนตัว หรือเป็น บทความเฉพาะด้านต่าง ๆ เช่น เรื่องการเมือง เรื่อง กล้องถ่ายรูป เรื่องกีฬา เรื่องธุรกิจ เป็นต้น โดยจุด เด่นที่ทำาให้บล็อกเป็นที่นิยมก็คือ ผู้เขียนบล็อก จะมี การแสดงความคิดเห็นของตนเองใส่ลงไปใน บทความนั้น ๆ โดยบล็อกบางแห่ง จะมีอิทธิพลใน การโน้มน้าวจิตใจผู้อ่านสูงมาก แต่ในขณะ เดียวกัน บางบล็อกก็จะเขียนขึ้นมาเพื่อให้อ่านกัน ในกลุ่มเฉพาะ เช่นกลุ่มเพื่อน ๆ หรือครอบครัว ตนเอง มีหลายครั้งที่เกิดความเข้าใจกันผิดว่า Blog เป็นได้แค่ไดอารี่ออนไลน์ แต่ในความเป็นจริงแล้ว ไดอารี่ออนไลน์เปรียบเสมือน เนื้อหาประเภทหนึ่ง ของบล็อกเท่านั้น เพราะบล็อกมีเนื้อหาที่หลาก หลายประเภท ตั้งแต่การบันทึกเรื่องส่วนตัวอย่าง เช่นไดอารี่ หรือการบันทึกบทความที่ผู้เขียนบล็อก สนใจในด้านอื่นด้วย ที่เห็นชัดเจนคือ เนื้อหาบล็อก ประเภท วิจารณ์การเมือง หรือการรีวิวผลิตภัณฑ์ ต่าง ๆ ที่ตัวเองเคยใช้ หรือซื้อมานั่นเอง อีกทั้งยัง สามารถแตกแขนงไปในเนื้อหาในประเภทต่าง ๆ
  • 2. อีกมากมาย ตามแต่ที่เจ้าของบล็อกจะเป็นคนที่ถนัด ในด้านไหน ก็มักจะเขียนบทความเรื่องที่ตนเอง ถนัด หรือสนใจเป็นต้น และจุดเด่นที่สุดของ Blog ก็คือ มันสามารถ เป็นเครื่องมือสื่อสารชนิดหนึ่ง ที่สามารถสื่อถึง ความเป็นกันเองระหว่างผู้เขียนบล็อก และผู้อ่าน บล็อกที่เป็นกลุ่มเป้าหมายที่ชัดเจนของบล็อกนั้น ๆ ผ่านทางระบบ comment ของบล็อกนั่นเอง ในอดีตแรกเริ่ม คนที่เขียน Blog นั้นยังทำากัน ในระบบ Manual คือเขียนเว็บเองทีละหน้า แต่ใน ปัจจุบันนี้ มีเครื่องมือหรือซอฟท์แวร์ให้เราใช้ใน การเขียน Blog ได้มากมาย เช่น WordPress, Movable Type เป็นต้น ผู้คนหลายล้านคนจากทั่วทุกมุมโลก หันมาเขียน Blog กันอย่างแพร่หลาย ตั้งแต่นักเรียน อาจารย์ นักเขียน ตลอดจนถึงระดับบริษัทยักษ์ใหญ่ในตลาดหุ้น NasDaq เมื่อสองสามปีที่ผ่านมา Blog เริ่มต้นมาจากการเขียน เป็นงานอดิเรกของกลุ่มสื่ออิสระต่าง ๆ หลาย ๆ แห่งกลาย เป็นแหล่งข่าวสำาคัญให้กับหนังสือพิมพ์หรือสำานักข่าวชั้น นำา จวบจนกระทั่งปี 2004 คนเขียน Blog ก็ได้รับการ ยอมรับจากสื่อและสำานักข่าวต่าง ๆ ถึงความรวดเร็วในการ ให้ข้อมูลตั้งแต่เรื่องการเมืองไปจนกระทั่งเรื่องราวของการ ประชุมระดับชาติ และจากเหตุการณ์เหล่านี้ นับได้ว่า Blog เป็นสื่อชนิดหนึ่งที่ไม่ต่างจาก วีดีโอ , สิ่งพิมพ์ , โทรทัศน์ หรือแม้กระทั่งวิทยุ เราสามารถเรียกได้ว่า Blog ได้เข้ามาเป็นสื่อชนิดใหม่ที่สำาคัญอย่างแท้จริง สรุปให้ง่าย ๆ สั้น ๆ ก็คือ Blog คือเว็บไซต์ที่มีรูป แบบเนื้อหาเป็นเหมือนบันทึกส่วนตัวออนไลน์ มีส่วนของ การ comments และก็จะมี link ไปยังเว็บอื่น ๆ ที่ เกี่ยวข้องอีกด้วย
  • 3. โครงสร้างของ Blog มาดูเรื่องกายวิภาคของ Blog กันดีกว่า ว่า blog นั้นมีส่วนประกอบที่สำาคัญอะไรบ้าง จะได้รู้ว่า เราจะใช้ประโยชน์จากส่วนต่าง ๆ ของ blog นั้น ได้อย่างเต็มที่ 1. ชื่อบล็อก (ฺฺBlog Title) ส่วนของ Blog Title นี้ก็จะเป็นชื่อบล็อกนั้น ๆ 2. แท็กไลน์ (Subtitle หรือ Tag line) ตรงส่วนนี้จะเป็นคำาจำากัดความของเว็บ หรือ สโลแกนเก๋ ๆ ที่ใช้อธิบายถึงตัวบล็อกโดยรวม โดย ตัวแท็กไลน์นี้ จะมีก็ได้ หรือไม่มีก็ได้ เพราะมันไม่ สำาคัญเท่ากับชื่อบล็อก 3. วันที่และเวลา (Date & Time Stamp) เป็นวันที่ และบางทีอาจมีเวลากำากับอยู่ด้วย ตัววันที่ และเวลานี้ จะเป็นตัวบอกว่าบทความในบล็อกนั้น เขียนขึ้นมาเมื่อไหร่ บางครั้งอาจมีวันที่ระบุอยู่ใน ส่วนของ comment ด้วย ซึ่งจะเป็นการบ่งบอกว่า comment นั้นเขียนเข้ามาเมื่อไหร่เช่นกัน 4. ชื่อบทความ (Entry Title) ชื่อเรื่องของบทความที่เขียนในบล็อก 5. ตัวเนื้อหาบทความ (Entry’s Main Body) อาจเป็นตัวหนังสือ หรืออาจเป็นรูปภาพ วีดีโอ หรือ อนิเมชั่น เป็นต้น โดยส่วนประกอบเหล่านี้จะรวม เป็นส่วนเนื้อหาของบทความ 6. ชื่อผู้เขียน (Blog Author) บางบล็อก อาจมีการระบุชื่อผู้เขียนไว้ในบล็อกด้วย ครับ โดยตำาแหน่งที่จะใส่ชื่อผู้เขียนนั้น สามารถไว้ ที่ตำาแหน่งใดก็ได้ เช่นด้านข้าง (sidebar) หรืออยู่ ในตัวบทความก็ได้ 7. คอมเม้นต์ (Comment tag) เป็นลิงค์ที่ให้ผู้อ่านคลิกไปเพื่อกรอกคอมเม้นต์ให้
  • 4. กับบล็อกนั้น ๆ ได้ 8. ลิงค์ถาวร (Permalink) เรียกชื่อไทยแล้วเขิ้นเขิน เราสามารถเรียกทับศัพท์ ก็ได้ครับว่า เพอร์มาลิ้งค์ เจ้าลิงค์ตัวนี้คือลิงค์ที่ไป หา url ของบทความนั้น ๆ โดยตรงครับ มี ประโยชน์สำาหรับ blogger คนอื่น ๆ ที่อยากจะทำา ลิงค์หาบทความของเราโดยตรง ก็จะสามารถหา permalink ได้อย่างง่ายดายครับ โดย url ของ permalink นี้จะไม่เปลี่ยนไปตามวันและเวลา เหมือน link ของหน้าแรกของบล็อกที่บทความจะ เปลี่ยนไปเรื่อย ๆ ครับ นี่แหละครับที่เค้าเรียกว่า ลิงค์ถาวร 9. ปฎิทิน (Calendar) บล็อกบางแห่งอาจมีปฎิทินอยู่ด้วย โดยในปฎิทินนั้น สามารกคลิกตามวันที่ เพื่ออ่านบทความของวันที่ นั้น ๆ ได้สะดวกครับ 10. บทความย้อนหลัง (Archives) บทความเก่า หรือบทความย้อนหลัง อาจมีการจัด เตรียมไว้โดยเจ้าของบล็อก โดยบล็อกแต่ละแห่ง อาจจัดเรียงบทความย้อนหลัง ไม่เหมือนกัน เช่นจัด เรียงรายเดือน รายสัปดาห์ รายวัน หรือจะ list บทความทั้งหมดออกมาเลยก็ได้ 11. ลิงค์ไปยังเว็บอื่น (Links) เป็นจุดเด่นและความสนุกของบล็อกอีกอย่างหนึ่ง เลยทีเดียวครับ โดยบล็อกแต่ละแห่ง อาจมีลิงค์ไป ยังเว็บอื่นหลากหลายเว็บ บางครั้งเราสามารถเรียก link พวกนี้ว่า blogroll ก็ได้ครับ 12. RSS หรือ XML ตัว RSS นี้อาจมีเตรียมไว้ให้เราโดยอัตโนมัติ ขึ้น อยู่กับ Blogware หรือ Blog Host ที่เราเลือกใช้ เช่น WordPress หรือ MovableType นั้นจะมี RSS ลิงค์ไว้ให้เราโดยอัตโนมัติ โดยเจ้า RSS Feed นี้จะ
  • 5. ช่วยให้ผู้อ่านเข้าถึงบทความของเราได้ง่ายขึ้น โดยการใช้โปรแกรมช่วยอ่าน Feed ได้ด้วย บาง ครั้งนักเขียน Blog คนอื่น ก็อาจใช้ RSS Feed นี้ เพื่อประโยชน์ในการดึงข้อมูลไปแสดงในเว็บ หรือ บล็อกของตนได้ 7 เทคนิคของการสร้าง Blog ถ้าต้องการสร้างบล็อกให้เป็นอย่างมืออาชีพ คุณต้องไม่ ลืมที่จะใส่ใจในสิ่งเหล่านี้ 1. ใส่ใจกับรูปแบบดีไซน์ของ blog ลองสังเกตดูง่าย ๆ สำาหรับบล็อกชั้นนำาของโลก ต่างก็ไม่ได้ใช้ template แจกฟรีที่มีกันทั่วไป แต่ บล็อกชั้นนำาเหล่านี้ ต่างก็ออกแบบดีไซน์ของบล็อก ขึ้นมาเองทั้งหมด ทำาให้บล็อกนั้นดูมีความแตกต่าง และมีความเป็นมืออาชีพมากยิ่งขึ้น 2. ใส่ใจกับเนื้อหาของบล็อก ก่อนที่คุณจะสร้างบล็อกขึ้นมาซักแห่งหนึ่ง ลองวาง แนวทางของเนื้อหาในบล็อกดูก่อน ว่าเราต้องการ จะนำาเสนอบทความรูปแบบไหน เราจะมีวิธีนำาเสนอ ไปในทางใด สิ่งเหล่านี้ จะทำาให้คุณไม่หลุด ประเด็น จากที่คุณตั้งใจไว้ตั้งแต่แรก เช่น บล็อก ของ keng.com ต้องการจะเป็น บล็อกที่นำาเสนอ ข้อมูลด้านการทำาบล็อก ดังนั้นควรวางแนวทางไว้ ว่า ต้องมีข่าวสารวงการบล็อกทั่วโลก มาให้ผู้อ่าน ได้อ่านกัน และยังต้องมีเทคนิคการทำาบล็อกสำาหรับ มือใหม่ เช่นบทความเรื่อง “blog คืออะไร?” และมี เทคนิคสำาหรับขั้นผู้เชี่ยวชาญ เช่นการใส่ Tag หรือการ Ping ไปยัง blog search engine เป็นต้น ตัวอย่างข้างต้น ดังเช่นตัวอย่างบทความ ที่ได้เขียน ขึ้นมาเหล่านี้ เป็นแนวทาง ในการกำาหนดทิศทาง ของบล็อก 3. ใส่ใจผู้อ่าน มากกว่าใส่ใจตัวเอง
  • 6. เนื้อหาของบล็อกเป็นสิ่งที่ผู้อ่านใส่ใจใคร่รู้ ไม่ใช่ ป้ายโฆษณาที่เราวางระเกะระกะในเว็บไซต์แต่ อย่างใด ดังนั้นการจัดรูปแบบโฆษณา ต้องคำานึงถึง จิตใจผู้อ่านด้วย ว่าถ้าเป็นเราเอง ไปอ่านบล็อกคน อื่น แล้วมีโฆษณามาเกะกะในตัวบทความ เราชอบ หรือไม่ โดยทั่วไปแล้ว ถ้าบทความของเราเขียนได้ ดี ผู้อ่านก็จะมาอ่านซำ้าแล้วซำ้าอีก และอาจมีผู้อ่าน มากขึ้นทุก ๆ วัน หลังจากนั้นแล้ว รายได้จากค่า โฆษณาจะตามมาเอง โดยที่เราไม่ต้องไปใส่ โฆษณา แทรกลงไปในตัวบทความอีกด้วย 4. ใส่ใจ comment ที่มีเข้ามา บล็อกสามารถใช้ประโยชน์ของการสื่อสาร ได้ด้วย ระบบ comment ในตัวเอง ซึ่งโปรแกรมสร้าง บล็อก (ฺฺBlogware) ส่วนใหญ่ มีระบบ comment ติดมาให้ด้วยอยู่แล้ว ลองใช้ระบบนี้ให้เกิด ประโยชน์ ไม่ว่าจะเป็นการอ่าน comment การ ตอบ comment ต่าง ๆ บางครั้งเราอาจได้ ประโยชน์จากการดึงประเด็นเด็ด ๆ จาก comment มาใช้เขียนบทความก็เป็นได้ ดังนั้น ทุก ๆ วันควรที่ จะตรวจสอบว่ามี comment ใดเข้ามาบ้าง เพื่อที่จะ ได้ตอบได้ทันท่วงที เมื่อเราตอบได้เร็ว ผู้อ่านมี อารมณ์ร่วมในการสื่อสาร ทั้งสองฝ่ายก็แฮปปี้ และ จุดสำาคัญอีกอย่างหนึ่งถ้าเราตรวจสอบ comment ทุกวันก็คือ เราสามารถลบพวก spam comment ออกได้อย่างทันควันไงครับ 5. ใส่ใจในมาตรฐานของเว็บไซต์ ไม่มีใครรู้ว่าบล็อกของเราจะมีคนเข้ามาอ่านมาก แค่ไหน บางครั้งเราอาจต้องมีการปรับปรุงเว็บไซต์ หรือบางครั้งเราอาจต้องมีการปรับแต่งดีไซน์ เพื่อ รองรับการขยายตัวอย่างที่เราไม่คาดฝัน ลองมอง ไปถึงการดีไซน์บล็อกด้วย มาตรฐานของเว็บไซต์ (Web Standard) ซึ่งจะสามารถทำาให้บล็อกของ
  • 7. เรา แสดงผลได้ดีในทุก ๆ browser และลอง พยายามใช้ css ในทุก ๆ ส่วนที่คุณทำาได้ เพราะตัว css นี้มีความยืดหยุ่นสูง ถ้าเราต้องมีการ เปลี่ยนแปลงดีไซน์ต่าง ๆ เราจะได้ปรับเฉพาะแค่ ไฟล์ css แทนที่จะไปแก้ html ในแต่ละหน้า ลอง นึกดูว่า ถ้าวันใดที่มีบทความประมาณ 1,000 บทความ แต่ต้องมานั่งแก้สีของกรอบรูปภาพ ที่เคย เขียนโค๊ดใส่ border เข้าไปที่โค๊ดของรูปภาพ โดยตรง แทนที่จะแก้ไขที่ไฟล์ css แค่บรรทัดเดียว 6. จัดตารางเวลาในการเขียนให้เหมาะสม เมื่อตอนเริ่มเขียนบล็อก อาจใช้เวลาไม่มากนักใน การเขียนบทความ แต่เมื่อเขียนมากขึ้นเรื่อย ๆ จาก วันเป็นเดือน จากเดือนเป็นปี แน่นอนว่าคงต้องมี การกระทบกับเวลาการทำางานอื่น ๆ เช่นกัน ดังนั้น ลองจัดสรรเวลาสำาหรับเขียนบล็อก อาจจะตื่นเช้า สักหน่อย ใช้เวลาในช่วงเช้าก่อนไปทำางาน เขียน บทความสักหนึ่งตอน หรือจะเขียนบทความในช่วง ดึก ๆ ก่อนนอนก็ได้ ตรงนี้แล้วแต่คน ว่าจะสะดวก แบบไหน หรือมีเวลาว่างในตอนอื่น ๆ ลองปรับให้ เหมาะสมกับตัวเอง 7. ใส่ใจเรื่องขนาดของภาพประกอบ บทความ ไก่งามเพราะขน คนงามเพราะแต่งฉันท์ใด บล็อก ย่อมงามเพราะดีไซน์และภาพประกอบ ลอง ทำาความรู้จักกับรูปแบบของไฟล์ภาพชนิดต่าง ๆ เช่นไฟล์ที่มีนามสกุลเป็น .gif นั้น สามารถแสดงผล ได้สูงสุด 256 สี แต่ไฟล์ภาพที่เป็นนามสกุล .jpg นั้นสามารถแสดงผลได้สูงสุด 16 ล้านสี ดังนั้นการ เลือกที่จะเซฟภาพเป็นไฟล์นามสกุลอะไรนั้น เป็น สิ่งจำาเป็นอย่างมาก เพราะหากเลือกชนิดไฟล์ผิด ภาพที่ออกมาจะไม่สวย และไฟล์อาจมีขนาดใหญ่ ผิดปกติ นั่นจะเป็นสิ่งที่กินทรัพยากรของระบบ และ
  • 8. บล็อกมากขึ้นไปอีก เพราะถ้ามีผู้อ่านเยอะ แต่ต้อง รอโหลดภาพที่ใหญ่ผิดปกติ ผู้อ่านบางท่านอาจจะ เลิกรอเลย วิธีง่าย ๆ ในการเซฟภาพมีดังนี้ หาก เป็นภาพถ่าย แนะนำาให้ใช้เป็น jpg ส่วนถ้าเป็น ไฟล์โลโก้ หรือภาพที่มีจำานวนสีน้อย ๆ ลองใช้เป็น gif ดู ทำาไม Blog ถึงได้รับความนิยม ความสะดวกและง่ายดายของการเขียนบล็อก หรือ สร้างบล็อกขึ้นมาสักหนึ่งแห่ง ทำาให้ผู้คนนับล้าน ได้ทำาการ เขียนและเผยแพร่ความคิดของตนได้ง่าย และนอกเหนือ จากนั้นยังมีความคิดเห็น อีกนับล้านจากคนอ่านที่เข้ามา Comment หรือตอบกลับในบล็อกเหล่านั้น ทำาให้มีการ โต้ตอบกันทางความคิด (interactive) ซึ่งตอบโจทย์เรื่อง การสื่อสารระหว่างคนเขียนและคนอ่านได้เป็นอย่างดี ดังนั้น Blog จึงเปรียบเสมือนเป็นสื่ออีกชนิดหนึ่ง กลายเป็นแหล่งข้อมูลสำาคัญที่เราไม่สามารถมองข้ามมันได้ ด้วยความฉับไวของข้อมูลใน Blog อีกทั้งยังเป็นข้อมูลที่ ใหม่สด บางครั้ง ข้อมูลจาก Blog เป็นข้อมูลที่ไม่เคยปราก ฎที่ไหนมาก่อนอีกด้วย ที่สำาคัญที่สุดคือ Blog ทำาให้ผู้คนสามารถมีสิทธิ์มีเสียง และเขียนถึงเรื่องราวและบทความต่าง ๆ ได้ง่ายดังใจนึก ประโยชน์ของ Blog กับธุรกิจ ปัจจุบันนี้ บริษัทชั้นนำาต่าง ๆ ของโลก ได้หันมาจับตา มอง Blog ซึ่งเป็นรูปแบบของการ Marketing แบบใหม่ เนื่องจาก Blogger จะมีความใกล้ชิดสนิทสนมกับผู้อ่าน Blog สูงมาก เนื่องจากทั้งสองฝ่ายสามารถโต้ตอบกันได้ โดยตรง การที่ใช้ Blog มาเป็นเครื่องมือทางการตลาดนั้น อาจ เรียกได้ว่าเป็น Buzz Marketing บางบริษัทอาจเลือก เจ้าของ Blog ให้เป็น presenter ให้กับผลิตภัณฑ์ของ
  • 9. ตนเอง เช่นเสนอสินค้า ให้เจ้าของ Blog นำาไปเขียน วิจารณ์หรือเขียนถึงใน Blog ของตนเป็นต้น บางบริษัทใช้ Blog เพื่อเป็นเครื่องมือสื่อสาร หรือ PR ข่าวสารขององค์กร โดยการใช้ Blog เพื่อประกาศ ข่าวสารนั้น จะดูมีความเป็นกันเองและเข้าถึงลูกค้าได้อย่าง เป็นมิตร เพราะเนื่องจากลูกค้าสามารถฝาก comment หรือสื่อสารกับเจ้าของ Blog ได้ทันที ทำาให้บริษัทเอง จะ ได้ประโยชน์จากคำาแนะนำาที่ตรงไปตรงมาของลูกค้าอีก ด้วย บริษัทชั้นนำาต่างเลือกที่จะใช้ Blog มาเป็นเครื่องมือ ทางการตลาดกันแล้ว โดยบางแห่งใช้ทั้ง Blog อย่างเป็น ทางการของบริษัท แถมยังเปิดให้พนักงานได้เขียน Blog ของตนเองอีกด้วย โดยวิธีการนี้นับเป็นการทำาการตลาด โดยการสร้างการรับรู้ตราสินค้า (Brand) โดยทางอ้อมอีก ด้วย นอกเหนือจากองค์กรธุรกิจแล้ว บุคคลที่ทำางานคน เดียวหรือเป็นกลุ่ม สามารถใช้ Blog เพื่อเป็นการเผยแพร่ ผลงาน หรือขายสินค้าของตนได้อีกด้วยเช่น ช่างภาพ, ศิลปิน, นักออกแบบ, นักเขียน, นักวาดการ์ตูน , ร้านค้า , ฯลฯ อยากมี Blog ต้องทำาอย่างไร การที่เราจะมี blog ได้นั้น เราควรจะรู้จักกันก่อนว่า การทำา blog มีผู้ให้บริการให้เราสามารถสร้าง blog ได้ หลายรูปแบบ โดยในแต่ละแบบนั้น มีความต้องการรู้ทาง ด้านการทำาเว็บแตกต่างกันไป ว่ากันถึงแบบหลัก ๆ ก่อนดี กว่า 1. ผู้ให้บริการ Blog (Blog Hosting , Blog Provider) หากคุณไม่ค่อยมีความรู้เรื่องการทำาเว็บ หรือไม่รู้จัก blog มาก่อน ก็สามารถมี blog เป็นของตัวเองได้ง่าย ๆ ครับ โดยผู้ให้บริการ blog จะมีการเตรียมระบบรองรับให้เรา เรียบร้อยแล้ว โดยสิ่งที่ผู้ให้บริการ blog เตรียมให้เราก็ คือ
  • 10. - ชื่อโดเมน ที่ใช้เป็นที่อยู่ของ blog เรา โดยส่วนใหญ่ จะเป็นชื่อแบบ sub domain คือเป็นชื่อในรูปแบบ myname.blogprovider.com เป็นต้น โดยคำาว่า myname นั้นก็จะแทนที่ด้วยชื่อที่เราเลือกไว้ครับ ส่วน ตรง blogprovider.com นั้นก็คือชื่อโดเมนของผู้ให้ บริการ blog ของเรา - ระบบ blog management สิ่งต่อมาที่ผู้ให้บริการ blog เตรียมไว้ให้คือ โปรแกรมการ update blog ต่าง ๆ ไงครับ เราไม่ต้องเขียนโปรแกรมการ update blog ด้วย ตัวเอง แต่ทางผู้ให้บริการ จะมีระบบนี้เตรียมไว้ให้เราเลย ครับ รวมทั้งพวกเทมเพลท หรือรูปแบบดีไซน์ของ blog ที่ เตรียมไว้ให้เราใช้ได้เลย ไม่เสียเวลาออกแบบ - พื้นที่เก็บ Blog โดยจำานวนพื้นที่ที่ผู้ให้บริการเตรียม ไว้ให้เรานั้น มากน้อยแค่ไหน ขึ้นอยู่กับผู้ให้บริการแต่ละ ราย ส่วนเรื่องค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ของการทำา blog กับ ผู้ ให้บริการ blog นั้น แตกต่างกันไปตามแต่ผู้ให้บริการ บางแห่งฟรี บางแห่งเก็บค่าบริการรายเดือน ผู้ให้บริการ เหล่านี้ก็มีตัวอย่างเช่น Blogger.com , LiveJournal.com , TypePad.com เป็นต้น หากเป็น ของไทย ก็ลองไปที่ BlogRevo หรือ exteen.com ดูได้ 2. ใช้ Blog Software ติดตั้งใช้เอง การใช้ Blog Software มาติดตั้งใช้เองนั้น ต้องการ ความรู้ทางด้านการเขียนโปรแกรม หรือติดตั้งโปรแกรม บ้าง แถมยังต้องมีพื้นฐานทางด้านการทำาเว็บอีกด้วย เพราะเราอาจต้องทำาการติดตั้ง หรือปรับแต่งดีไซน์ด้วยตัว เอง โดยข้อดีของการใช้ Blog Software มาติดตั้งเองคือ เราสามารถควบคุมการใช้บล็อกของเราได้เอง ไม่ว่าจะเป็น พื้นที่เขียนบล็อก ก็มีได้มากตามที่เราต้องการ หรือตาม พื้นที่ของ web hosting ที่เราเช่าใช้อยู่ หากเราต้องการใช้ Blog Software เราจะต้องมีสิ่ง เหล่านี้อยู่ล่วงหน้าแล้ว นั่นคือ
  • 11. - ชื่อโดเมนเนม อาจจะเป็นชื่อโดเมนที่เราจดทะเบียนโด เมนเนมไว้ หรือใช้ sub domain จากเว็บของเราที่มีอยู่ แล้ว หากคุณยังไม่เคยมีเว็บมาก่อน ก็ต้องจดทะเบียนโด เมนเนมเป็นของตัวเองก่อน - พื้นที่เว็บโฮสติ้ง คุณต้องเช่าพื้นที่เว็บโฮสติ้งไว้ให้ พร้อมครับ โดยดูให้ตรงกับความต้องการของโปรแกรม blog software ที่เราจะใช้ เช่น php, cgi หรือ asp - โปรแกรม Blog Software โปรแกรมเหล่านี้ มีทั้ง แบบเสียสตางค์ซื้อมา เช่น MovableType หรือ หรือบาง โปรแกรมก็ให้ใช้ได้ฟรี เช่น WordPress เป็นต้น การใช้ Blog กับองค์กรธุรกิจ มีมากมายหลายเหตุผลที่ Blog จะก้าวเข้าสู่องค์กร ของคุณ โดยใช้ Blog เป็นตัวเชื่อมความสัมพันธ์ และเป็น เครื่องมือสื่อสารระหว่าง องค์กรของคุณและกลุ่มเป้าหมาย หรือกลุ่มลูกค้าที่สนใจในผลิตภัณฑ์ บริการ หรือธุรกิจของ คุณ และนี่คือตัวอย่างของการใช้ Blog ให้เป็นประโยชน์ กับธุรกิจของคุณ • Blog ช่วยให้คุณก้าวมาเป็นผู้เชี่ยวชาญในสายงาน นั้น ๆ โดยคุณสามารถวาง Positioning ตัวเอง หรือบริษัท ของคุณให้เป็นผู้นำาในสายงานธุรกิจของคุณ • ใช้ Blog เป็นช่องทางการสื่อสารระหว่างบริษัทของ คุณและลูกค้า เว็บบอร์ด อาจไม่ใช่ช่องทางที่ดีที่สุดแล้ว เมื่อ Blog ก้าวเข้ามาแทนที่โดย ให้ความรู้สึกแบบเป็นส่วนตัว และเป็นมิตรกับลูกค้าได้มากกว่า และ Blog นี่เองที่ เป็นช่องทางที่รวดเร็วที่สุด ที่คุณจะสามารถสื่อสาร และโต้ตอบหรือคุยกับลูกค้าได้ง่าย อีกทั้งยังสามารถ ใช้ Blog เพื่อนำาเสนอเทคนิคการใช้งานผลิตภัณฑ์ ของคุณ หรือแม้กระทั่งใช้เป็นช่องทางในการรับ feedback จากลูกค้า
  • 12. • ใช้ Blog เป็นช่องทางการสื่อสารระหว่างบริษัทของ คุณ กับสื่อต่าง ๆ เรียกได้ว่าเป็นความฝันของ PR Agency ต่าง ๆ เลย ทีเดียวในการสร้างช่องทางหนึ่งขึ้นมา เพื่อให้สื่อต่าง ๆ เช่นหนังสือพิมพ์ วิทยุ หรือโทรทัศน์ ได้เข้ามาใน Blog ขององค์กร เพื่อเช็คดูว่าคุณมีข่าวใหม่ ๆ อะไร บ้าง เพราะจากเดิมที่สื่อต่าง ๆ จะรอคอยข่าว Press Release จากบริษัทของคุณ อาจจะมีบางสื่อที่ ต้องการหาข่าวที่แตกต่างจากสำานักข่าวอื่น ๆ โดย การเข้ามาหาข่าวจาก Blog ของคุณ • การใช้ Blog เพื่อประสานงานภายในองค์กร ใช้ Blog เป็นที่ทำางานร่วมกันแบบออนไลน์ เช่นใช้ เป็นพื้นที่ให้ทีมงานแต่ละคนของ Project นั้น ๆ เข้า มาทำา Brain Storming หรือ update ความคืบหน้า ของโปรเจคท์ โดยไม่ต้องเสียเวลามานั่งทำา report ต่าง ๆ อย่างเป็นทางการ แทนการประสานงานต่าง ๆ ด้วยวิธีส่งอีเมล์หากัน ซึ่งการใช้ Blog มาแทนที่การ ใช้อีเมล์ ทำาให้ไม่ต้องมานั่งค้นหาเมล์เก่า ๆ จากใน โปรแกรมอย่าง outlook express เพราะ Blog สามารถอ่านบทความย้อนหลังได้ง่าย และสามารถ แยกเป็นหมวดหมู่ได้อย่างชัดเจน • ใช้ Blog เพื่อบริหารจัดการข้อมูลความรู้ต่าง ๆ Blog มีประโยชน์ในทั้งสองทางคือทั้งผู้อ่าน Blog และผู้เขียน Blog โดยปกติแล้ว Blog เป็นช่องทาง ให้ผู้อ่านสามารถหาข้อมูลต่าง ๆ จาก Blog ของเรา ได้ง่าย โดยสามารถใช้เป็น knowledge base ภายในองค์กรต่าง ๆ ได้ แต่ในทางกลับกัน ผู้เขียน Blog หรือ Blogger ก็ต้องคอยหาข้อมูลมาเขียน ดัง นั้น Blog จึงเปรียบเสมือนเป็นช่องทางการเรียนรู้ ที่ ไม่มีวันสิ้นสุด • ใช้ Blog เป็นช่องทางในการหาบุคลากรมาร่วม ทำางานด้วย (Recruitment)
  • 13. ถ้าคุณวางภาพลักษณ์บริษัทของคุณว่าเป็นผู้นำาทาง ด้านธุรกิจแล้ว ผู้คนที่อยู่ในสายงานธุรกิจเดียวกันกับ คุณก็จะให้ความสนใจใน Blog ของคุณด้วย เพราะ คนเหล่านั้นก็ต้องการ update ข่าวสารในวงการให้ กับตัวเองเหมือนกัน หากคนเหล่านี้เข้ามาโต้ตอบหรือ พูดคุยกันใน Blog ของคุณ คุณอาจจะเห็นแววของ บุคลากรที่น่าสนใจ และชักชวนเขาเพื่อเข้ามาเสริม ศักยภาพให้กับองค์กรของคุณก็เป็นได้ • ใช้ Blog เพื่อทดสอบผลิตภัณฑ์ หรือไอเดียใหม่ๆ ด้วยความที่ Blog ดูเป็นกันเอง จึงให้ความรู้สึกที่ไม่ เป็นทางการออกมาได้อย่างไม่ขัดเขิน ดังนั้นบริษัท ของคุณสามารถเอา feedback ต่าง ๆ ที่กลุ่มเป้า หมาย หรือลูกค้าของคุณ มาใช้ให้เป็นประโยชน์ได้ เช่น คุณสามารถลองนำาเสนอไอเดียใหม่ ๆ ลงไปใน Blog แล้วดูว่าจะมีผู้คนสนใจมาน้อยแค่ไหน หรือว่า ให้ feedback กลับมายังไงบ้าง • Blog ช่วยให้เว็บของคุณอยู่อันดับต้น ๆ ใน Search Engine ได้ Google และ Search Engine อื่น ๆ จะให้ความ สำาคัญกับเว็บไซต์ที่มีการ update ข้อมูลบ่อย ๆ รวม ถึงเว็บที่มีการทำา link ไปหาเว็บไซต์ที่เกี่ยวข้อง หรือ เว็บที่มี link เข้ามาหามาก ๆ ทั้งหมดที่กล่าวมานั้น คือสิ่งที่ Blog ช่วยคุณได้ เพราะ Blog ทำาให้คุณ update ได้ง่ายแบบทุกวัน และยังทำา link ไปหาเว็บ อื่นได้ง่าย และหาก Blog ของคุณน่าสนใจ ก็จะมีคน อ้างถึง Blog ของคุณ หรือทำา link เข้ามาหา Blog คุณได้ ลองพิจารณาถึงข้อเท็จจริงเหล่านี้ดูครับ แล้ว เว็บ หรือ Blog ของคุณจะมีโอกาสได้อยู่ในอันดับต้น ๆ ของ Search Engine ได้ไม่ยาก