More Related Content
More from SRINAKARIN MOTHER PRINCESS SCHOOL (20)
หลวงวิจิตรวาทการ
- 6. มีคนพูดกันแต่เดิมว่า หลวงวิจิตรวาทการ มีเชื้อสายเป็นจีน
เพราะชื่อ "กิมเหลียง" ซึ่งเป็นชื่อเดิม ข้อนี้ตามเอกสารของ
หลวงวิจิตรวาทการยืนยันไว้เองว่า "มีประเพณีพิเศษอยู่อย่าง
หนึ่งในจังหวัดอุทัยธานีเวลานั้น คือ บิดามารดามีชื่อเป็นไทย
แท้ๆ แต่ลูกต้องมีชื่อเป็นจีน บิดาของข้าพเจ้าชื่ออิน มารดาชื่อ
คล้าย ซึ่งเป็นชือ่ไทยแม้ๆ ข้าพเจ้าเห็นบิดาของข้าพเจ้าบวชใน
บวรพุทธศาสนา ไม่เคยเห็นไหว้เจ้า
- 7. เมื่อออกจากวัดแล้ว หลวงวิจิตรวาทการเริ่มเข้ารับราชการในกอง
การกงสุล กระทรวงการต่างประเทศ ไม่เป็นการยากเลยสําหรับ
ท่าน ที่จะเป็นคนเด่นคนดีขึ้นมาในกอง ทั้งๆ ที่เป็นคนเข้ามาใหม่
บุคคลแรกที่ท่านไปยอมตัวเป็นสานุศิษย์ก็คือนายเวรผู้เฒ่านั่นเอง
แทนที่จะรอให้เขาจ่ายงานมาให้ หลวงวิจิตรวาทการไปของานเขา
ทํา ขอให้เขาสอนให้ เริ่มจากงานง่ายไปหางานยกขึ้นโดยลําดับ
หลวงวิจิตรวาทการทํางานเสร็จไปแล้วอย่างน้อยสองเรื่อง ชื่อของ
ท่านจึงได้สะดุดตาผู้ใหญ่ไปทุกวัน ทั้งๆ ที่เป็นเสมียนชั้นตํ่าที่สุด
- 8. • ภายหลังที่ได้ทํางานในกองการกงสุล กระทรวงการ
ต่างประเทศ เป็นเวลา 2 ปี หลวงวิจิตรวาทการได้มีโอกาส
ออกไปยุโรป ในตําแหน่งผู้ช่วยเลขานุการสถานทูตไทยประจํา
กรุงปารีส ท่านมีส่วนได้เปรียบคนอื่นๆ โดยที่เป็นคนรู้ภาษาไทย
ดีกว่าคนอื่นในสถานทูต ทําให้ท่านได้ทํางานอย่างกว้างขวาง จึง
ได้รับหน้าที่ตามเสด็จท่านราชทูตไปในการประชุมหรือในงาน
เจรจาทุกแห่ง และที่สําคัญต้องทํารายงานส่งเข้ามาในกรุงเทพฯ
เป็นภาษาไทย
- 9. • ในที่สุดหลวงวิจิตรวาทการก็ได้พบงานประจําสําหรับตัวท่าน
คืองานสันนิบาตชาติ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าวรรณไวทยากร ได้
ทรงเขียนไว้ที่หนึ่งว่า "การได้เข้าประชุม และทํางานสันนิบาตชาตินั้น
เท่ากับว่าได้ผ่านการศึกษาในมหาวัทยาลัยขั้นสูงสุด" หลวงวิจิตรวาท
การเห็นจะภูมิใจในตัวเอง ที่ผ่านการศึกษาในมหาวิทยาลัยสูงสุดมาแล้ว
5 ปี ท่านเป็นคนเขียนรายงานการประชุมตั้งแต่ต้นจนปลาย รายงานการ
ประชุมครั้งหนึ่งๆ เป็นหน้ากระดาษพิมพ์ดีดไม่น้อยกว่า 100 หน้า ท่าน
ร่างเอง และพิมพ์เอง
- 10. • หลวงวิจิตรวาทการรับราชการอยาในสถานทูตปารีส 6 ปีเต็ม
กระทรวงการต่างประเทศจึงได้สั่งย้ายท่านไปรับราชการในสถานทูต
ไทยที่กรุงลอนดอน ท่านอยู่ลอนดอนได้ไม่นาน ก็ได้ถูกเรียกกลับมารับ
ราชการในกรุงเทพฯ และตําแน่งที่หลวงวิจิตรวาทการได้รับในกรุงเทพฯ
ต่อจากนั้นมา ได้ช่วยให้ท่านเรียนรู้งานของกระทรวงการต่างประเทศ
อย่างทั่วถึง เพราะถูกโยกย้ายสับเปลี่ยนหน้าที่ไม่หยุดหย่อน ในปี พ.ศ.
2475 ท่านได้เป็นผู้ช่วยอธิบดีกรมการเมือง กระทรวงการต่างประเทศ
- 11. • อธิบดีกรมศิลปากร
เมื่อปี พ.ศ. 2477 หลวงวิจิตรวาทการ ได้ย้ายมาเป็นอธิบดีกรม
ศิลปากรเป็นคนแรก เมื่อเข้ารับตําแหน่งอธิบดีกรมศิลปากร ท่านได้รับ
ความยากลําบากเป็นที่สุด เพราะท่านไม่ได้เกิดมาเป็นนักศิลปะ ท่านเกิด
ในกระทรวงการต่างประเทศ โดยไม่เคยเกี่ยวข้องกับงานศิลปากร มูลเหตุ
ที่ให้ท่านเข้าไปเป็นอธิบดีกรมศิลปากรนั้น ก็ดูเหมือนจะมีอย่างเดียวคือ
ในบรรดางานศิลปากรในเวลานั้น งานที่สําคัญที่สุดคืองานหอสมุด
แห่งชาติ ท่านชอบหนังสือ ชอบการค้นคว้า และแต่งหนังสืออยู่มากแล้ว
ผลที่รัฐบาลหวังจากท่านในเวลานั้นก็คือจะให้ท่านสร้างสรรค์งาน
หอสมุดให้ดีที่สุด
•
- 13. • หลวงวิจิตรวาทการเป็นผู้คิดตั้งขึ้นด้วยความคิดริเริ่มของ
ท่านเอง ความจริงเรื่องโรงเรียนฟ้ อนรํา และดนตรี ที่เป็น
โรงเรียนศิลปากรอยู่เวลานี้ มีบัญญัติอยู่ในกฎหมายคือ พระราช
กฤษฎีกาแบ่งกองแบ่งแผนกสําหรับกรมศิลปากร ซึ่งได้
ประกาศใช้แล้วก่อนท่านเข้าไปเป็นอธิบดี หลวงวิจิตรวาทการ
ไม่ได้คิดอะไรใหม่ ไม่ได้มีแผนการโลดโผนอย่างหนึ่งอย่างใด
ท่านเข้าไปด้วยความเคารพต่อทุกสิ่งทุกอย่าง งานหอสมุดก็ดี
งานพิพิธภัณฑ์ก็ดี งานช่างก็ดี เจ้านายชั้นผู้ใหญ่ที่เคารพนับถือ
ของชาวไทยทั่วไป ได้ทรงสร้างไว้ด้วยความเหนื่อยยาก
- 14. • เว้นแต่งานอันหนึ่ง ซึ่งได้ออกกฎหมายไว้ แต่ยังมิได้ลงมือ
ทํา คืองานละคร และดนตรี หลวงวิจิตรวาทการจะต้องทําใน
ฐานะงานใหม่ของท่าน ซึ่งท่านเองก็ไม่มีวิชาความรู้ในเรื่องนี้มา
ก่อน เคยสนใจในเรื่องละคร และดนตรีมาบ้างเมื่ออยู่ยุโรป แต่ก็
สนใจแต่เพียงดูเพื่อความสนุกบันเทิงเท่านั้น เมือ่จําต้องทําด้วย
ตัวเอง ก็ต้องค้นคว้าเล่าเรียนเอาเอง เป็นการเปลี่ยนชีวิตของท่าน
ท่านถูกความจําเป็นบังคับให้กลายเป็นนักศิลปะ ซึ่งไม่เคยนึกฝัน
มาแต่ก่อนว่าจะต้องเป็น ฯลฯ
- 16. • โดยเหตุดังว่านี้ หลวงวิจิตรวาทการจึงใคร่เสนอ
ข้อแนะนําแก่ผู้ที่ทํางาน โดยหวังจะขึ้นสู่ตําแหน่งหน้าที่เป็น
ผู้ใหญ่ว่า ความก้าวหน้าของกิจการทั้งหลายจะมีขึ้นได้ ก็โดย
ผู้รับหน้าที่ตําแหน่งต่อกันไปนั้น ได้ทํางานต่อไปจากที่คนเก่าเขา
ทําแล้ว และไม่ด่วนลงความเห็นว่าคนเก่าเขาทําไว้เหลวไหล ถ้า
ทุกคนที่เข้าไปรับตําแหน่งใหม่เริ่มงานกันใหม่ทั้งหมดแล้ว ก็ไม่
มีวันที่งานจะก้าวหน้าไปได้เลย
- 17. • ชาตินิยม
• ในระหว่างดํารงตําแหน่งอธิบดีกรมศิลปากร รัฐบาลจอมพล ป.
พิบูลสงคราม เริ่มปลูกฝังลัทธิชาตินิยมให้ฟุ้ งเฟื่องอยู่ในหมู่
ประชาชน ด้วยการคิดคํานึงกันขึ้นในบรรดาผู้เป็นคนชั้นหัวหน้า
ปกครองว่าลัทธิชาตินิยมหรือลัทธิรักชาติลัทธิเดียว จะเป็นเครื่อง
ป้ องกันภัยอันตรายที่จะบังเกิดแก่ชาติได้ทุกทาง และพร้อมกันก็จะ
เป็นเครื่องมือสร้างชาติได้ดีกว่าเครื่องมืออย่างอื่น การจะปลูกฝัง
ลัทธิชาตินิยมได้โดยสะดวก และมีทางเข้าถึงประชาชนได้ง่ายมีอยู่
ทางหนึ่ง ดีกว่าทางอื่นๆ คือปลูกทางดนตรี และละคร อันเป็นงานที่
กรมศิลปากร
- 18. • แต่งงาน - ชีวิตครอบครัว
• ระหว่างดํารงตําแหน่งอธิบดีกรมศิลปากร และเป็นรัฐมนตรีอยู่
นั้น หลวงวิจิตรวาทการได้แต่งงานกับนางสาวประภา (ภายหลังเปลี่ยน
ชื่อเป็นประภาพรรณ) รพิพันธุ์ อาจารย์โรงเรียนเบญจมราชาลัย บุตรี
ของขุนวรสาส์นดรุณกิจ เมือ่วันที่ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2479 เป็นการ
เริ่มชีวิตใหม่ที่เนื่องด้วยครอบครัว และความรัก หลวงวิจิตรวาทการเห็น
จะได้ชื่อว่าเป็นคนหวานต่อความรัก เป็นสามีที่ดีที่สุด และเมื่อมีลูกก็เป็น
พ่อที่ดีที่สุดของลูก ดังบทเสภาตอนหนึ่งที่หลวงวิจิตรวาทการแต่งขึ้น
เพื่อขับร้องในวันเกิดของคุณหญิง เมือ่วันที่ 19 มกราคม พ.ศ. 2502
- 19. • เอกอัครราชทูตไทยประจํากรุงโตเกียว - อาชญากรสงคราม
• ชีวิตตอนสงคราม
ประเทศไทยต้องเข้าสงครามมหาเอเชียบูรพา หลวง
วิจิตรวาทการเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้มี
ส่วนรับผิดชอบในงาน "ประกาศสงคราม" ร่วมกับคณะรัฐบาล
ชุดนั้น พอเสร็จสงครามก็ต้องหาเป็นอาชญากรสงคราม
- 21. • หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ข้าพเจ้าต้องหาฐานอาชญากรสงคราม
และถูกเจ้าหน้าที่ในกองทัพบกอเมริกัน ที่กรุงโตเกียวจับตัวไป
คุมขัง ตั้งแต่วันที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2488 ภายหลังได้ถูกส่งตัว
เข้ากรุงเทพฯ ถูกขังอยู่ที่สันติบาล และที่เรือนลหุโทษ จนถึงวันที่
23 มีนาคม 2489 ศาลฎีกาจึงได้พิพากษาว่าพระราชบัญญัติ
อาชญากรโมฆะ และได้ปล่อยตัวผู้ต้องหาทั้งหมด"