More Related Content
Similar to 01 บทที่ 1-บทนำ
Similar to 01 บทที่ 1-บทนำ (20)
More from Chi Cha Pui Fai
More from Chi Cha Pui Fai (20)
01 บทที่ 1-บทนำ
- 1. บทที่ 1
บทนา
1.1 แนวคิด ที่มา และความสาคัญ
1. ความสาคัญของเทคโนโลยีสารสนเทศและอินเทอร์เน็ต
2. ความสาคัญของข้อมูลสื่อสังคมยุคใหม่ Social Media กับการสื่อสารในปัจจุบน
ั
3. การนา Web Blog ชื่อ WordPress มาใช้ในการสร้างเนื้อหาความรู้ที่สนใจ
4. สรุ ปว่า ต้องการสร้างเว็บ blog เรื่ อง ประวัติอินเตอร์เน็ต
ข้อความด้านล่างนี้ คือตัวอย่างการเขียน แนวคิด ที่มา และความสาคัญ ค่ะ นักเรียนศึกษา
และเอาไปปรับเปลี่ยนให้ เข้ ากับเรื่องหรือหัวข้ อที่นักเรียนได้ ศึกษา
ปัจจุบนเทคโนโลยีสารสนเทศและอินเทอร์เน็ตได้เข้ามามีบทบาทต่อการดาเนินชีวิตของ
ั
เรามากขึ้น ซึ่งเราอาจไม่รู้สึกตัวว่าอินเทอร์เน็ตกลายเป็ นปัจจัยที่สาคัญต่อการดารงชีวิตในยุคข้อมูล
ข่าวสารมีความสาคัญ คนหันมาบริ โภคข้อมูลข่าวสารกันมากขึ้น นอกจากเทคโนโลยีอินเทอร์เน็ต
เปรี ยบเสมือนถนนสาหรับการเข้าไปถึงข้อมูลที่ตองการ เรายังต้องการเครื่ องมือที่จะสามารถสร้าง
้
เนื้อหาและข้อมูลต่างๆ ไว้รองรับการเข้าถึง นันก็คือเทคโนโลยีเว็บไซต์ ซึ่งเป็ นตัวกลางคอยให้
่
ข้อมูลต่างๆ แก่ผใช้โดยการพัฒนาของเทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตและเว็บไซต์ได้ถกเปลี่ยนแปลงจาก
ู้ ู
เดิมไปมาก
ในยุคที่เทคโนโลยีการสื่อสารผ่านอินเทอร์เน็ต กาลังเป็ นที่นิยมและมีผลกระทบในทุกๆ
ด้านในปัจจุบน ทาให้ทุกคน ทุกสังคมต้องมีการปรับตัว และพัฒนาให้ทนต่อการเปลี่ยน
ั ั
เปลี่ยนแปลงในโลกของการสื่อสาร และการพัฒนาของโลกเวิลด์ไวด์เว็บ (World Wide Web;
WWW) จากยุคแรก คือ Web 1.0 ซึ่งมีลกษณะเป็ น Static Web คือมีการนาเสนอข้อมูลทางเดียว
ั
(one-way communication) ด้วยการแปลงข้อมูลข่าวสารที่มีอยูรอบตัวเราให้อยูในรู ปของดิจิตอล
่ ่
(Digital) เช่น หนังสือพิมพ์ นิตยสาร หรื อการโฆษณาตามหน้าเว็บไซต์ โดยผูใช้สามารถอ่านได้แต่
้
ไม่สามารถเข้าร่ วมในการสร้างข้อมูลได้ แต่เมื่อก้าวเข้าสู่ยคที่ 2 ของเทคโนโลยีคือ WWW หรื อ
ุ
Web 2.0 เป็ นยุคที่ทาให้อินเทอร์เน็ตมีศกยภาพในการใช้งานมากขึ้น เน้นให้ผใช้มีส่วนร่ วมในการ
ั ู้
สร้างสรรค์
จุดกาเนิดของ Web 2.0 และการพัฒนาก้าวผ่านเข้าสู่ยค Web 3.0 ความนิยมขอ Social
ุ
- 2. Media มีการเติบโตอย่างไม่หยุดยั้งและมีแนวโน้มของผูใช้บริ การทัวโลก ปัจจุบน Social Network
้ ่ ั
Website ต่าง ๆ ก็มีการพัฒนา และเปิ ดโอกาสให้ผใช้ได้เข้าไปมีส่วนร่ วมในการใช้ประโยชน์เชิง
ู้
สังคมกันมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็ น Facebook หรื อ การสร้างเว็บ Blog เพื่อเผยแพร่ ขอมูลในรู ปแบบ
้
ต่างๆ
ในเรื่ องของเนื้อหาความรู้เกี่ยวกับ
ฮาร์ ดแวร์ (Hardware)
คือลักษณะทางกายของเครื่ องคอมพิวเตอร์ ซึ่งหมายถึงตัวเครื่ องคอมพิวเตอร์
และ อุปกรณ์รอบข้าง (peripheral) ที่เกี่ยวข้อง เช่น ฮาร์ดดิสก์ เครื่ องพิมพ์ เป็ นต้น
ฮาร์ดแวร์ประกอบด้วย
o หน่วยรับข้อมูล ( input unit )
o หน่วยประมวลผลกลาง ( central processor unit ) หรื อ CPU
o หน่วยความจาหลัก
o หน่วยแสดงผลลัพธ์ (output unit )
o หน่วยเก็บข้อมูลสารอง (secondary storage unit )
หน่วยรับข้อมูล จะเป็ นอุปกรณ์ที่ใช้สาหรับข้อมูลต่าง ๆ เข้าสู่คอมพิวเตอร์
จากนั้น หน่วยประมวลผลกลาง จะนาไปประมวลผล และแสดงผลลัพธ์ที่ได้ออก
มากให้ผใช้รับทราบทาง หน่วยแสดงผลลัพธ์
ู้
หน่วยความจาหลัก จะทาหน้าที่เสมือนเก็บข้อมูลชัวคราวที่มขนาดไม่สูงมากนัก
่ ี
การที่ฮาร์ดแวร์จะทาหน้าที่ได้มประสิทธิภาพนั้น ขึ้นอยูกบโปรแกรมคอมพิวเตอร์
ี ่ ั
ที่ใช้ ส่วนการทางานได้มากน้อยเพียงใด จะขึ้นอยูกบหน่วยความจาหลักของ
่ ั
เครื่ องนั้น ๆ ข้อเสียของหน่วยความจาหลักคือ หากปิ ดเครื่ องคอมพิวเตอร์ที่อยูใน
่
หน่วยความจาหลักจะหายไป ในขณะที่ขอมูลอยูที่ หน่วยเก็บข้อมูลสารอง จะไม่
้ ่
สูญหายตราบเท่าที่ผใช้ไม่ทาการลบข้อมูลนั้น รวมทั้งหน่วยเก็ยข้อมูลสารองยังมี
ู้
ความจุที่สูงมาก จึงเหมาะสาหรับการเก็บข้อมูลที่มีขนาดใหญ่ หรื อเก็บข้อมูลไว้ใช้
ในภายหลัง ข้อเสียของหน่วยเก็บข้อมูลสารองคือการเรี ยกใช้ขอมูลจะช้ากว่า
้
หน่วยความจาหลักมาก
- 3. ฮาร์ ดแวร์ ในระบบไมโครคอมพิวเตอร์
ซอฟต์แวร์ (Software)
คอมพิวเตอร์ฮาร์ดแวร์ที่ประกอบออกมาจากโรงงานจะยังไม่สามารถทางานใดๆ
เนื่องจากต้องมี ซอฟต์แวร์ (Software) ซึ่งเป็ นชุดคาสังหรื อโปรแกรมที่สงให้
่ ่ั
ฮาร์ดแวร์ทางานต่าง ๆ ตามต้องการ โดยชุดคาสังหรื อโปรแกรมนั้นจะเขียนขึ้นมา
่
จาก ภาษาคอมพิวเตอร์(Programming Language) ภาษาใดภาษาหนึ่ง และ
มี โปรแกรมเมอร์ (Programmer) หรื อนักเขียนโปรแกรมเป็ นผูใช้ ้
ภาษาคอมพิวเตอร์เหล่านั้นเขียนซอฟต์แวร์ต่าง ๆ ขึ้นมา
ซอฟต์แวร์ สามารถแบ่งออกเป็ นสองประเภทใหญ่ๆคือ
o ซอฟต์แวร์ระบบ (System Software )
o ซอฟต์แวร์ประยุกต์ ( Application Software )
ซอฟต์แวร์ระบบ โดยส่วนมากแล้วจะติดตั้งมากับเครื่ องคอมพิวเตอร์เนื่องจากซอฟต์แวร์ระบบเป็ น
ส่วนควบคุมทางานต่าง ๆ ของคอมพิวเตอร์ เพื่อให้สามารถเริ่ มต้นการทางานอื่น ๆ ที่ผใช้ตองการ
ู้ ้
ได้ต่อไป ส่วน ซอฟต์แวร์ประยุกต์ จะเป็ นซอฟต์แวร์ที่เน้นในการช่วยการทางานต่าง ๆ ให้กบผูใช้
ั ้
ซึ่งแตกต่างกันไปตามความต้องการของผูใช้แต่ละคน
้
- 4. ซอฟต์แวร์ ในระบบไมโครคอมพิวเตอร์
บุคลากร (Peopleware)
เครื่ องคอมพิวเตอร์โดยมากต้องใช้บุคลากรสังให้เครื่ องทางาน เรี ยกบุคลากร
่
เหล่านี้วา ผูใช้ หรื อ ยูเซอร์ (user) แต่ก็มีบางชนิดที่สามารถทางานได้เองโดยไม่
่ ้
ต้องใช้ผควบคุม อย่างไรก็ตาม คอมพิวเตอร์ก็ยงคงต้องถูกออกแบบหรื อดูแลรักษา
ู้ ั
โดยมนุษย์เสมอ
ผูใช้คอมพิวเตอร์ (computer user) แบ่งได้เป็ นหลายระดับ เพราะผูใช้คอมพิวเตอร์
้ ้
บางส่วนก็ทางานพื้นฐานของคอมพิวเตอร์เท่านั้น แต่บางส่วนก็พยายามศึกษา
โปรแกรมประยุกต์ในขั้นที่สูงขึ้น ทาให้มีความชานาญในการใช้โปรแกรม
ประยุกต์ต่าง ๆ นิยมเรี ยกกลุ่มนี้วา เพาเวอร์ยสเซอร์ (power user)
่ ู
ผูเ้ ชี่ยวชาญทางด้านคอมพิวเตอร์ (computer professional) หมายถึงผูที่ได้ศึกษา
้
วิชาการทางด้านคอมพิวเตอร์ ทั้งในระดับกลางและระดับสูง ผูเ้ ชี่ยวชาญทางด้านนี้
จะนาความรู้ที่ได้ศึกษามาประยุกต์และพัฒนาใช้งาน และประสิทธิภาพของระบบ
คอมพิวเตอร์ให้ทางานในขั้นสูงขึ้นไปได้อีก นักเขียนโปรแกรม (programmer) ก็
- 5. ถือว่าเป็ นผูเ้ ชียวชาญทางคอมพิวเตอร์เช่นกัน เพราะสามารถสร้างโปรแกรมใหม่ ๆ
ได้ และเป็ นเส้นทางหนึ่งที่จะนาไปสู่การเป็ นผูเ้ ชี่ยวชาญทางคอมพิวเตอร์ต่อไป
บุคลากรก็เป็ นส่วนหนึ่งของระบบคอมพิวเตอร์ เพราะมีความเกี่ยวข้องกับระบบ
คอมพิวเตอร์ ตั้งแต่การพัฒนาเครื่ องคอมพิวเตอร์ ตลอดจนถึงการนาคอมพิวเตอร์
มาใช้งานต่าง ๆ ซึ่งสามารถสรุ ปลักษณะงานได้ดงนี้
ั
o การดาเนินงานและเครื่ องอุปกรณ์ต่าง ๆ เช่น การบันทึกข้อมูลลงสื่อ หรื อ
ส่งข้อมูลเข้าประมวล หรื อควบคุมการทางานของระบบคอมพิวเตอร์
เช่น เจ้าหน้าที่บนทึกข้อมูล (Data Entry Operator) เป็ นต้น
ั
o การพัฒนาและบารุ งรักษาโปรแกรม เช่น เจ้าหน้าที่พฒนาโปรแกรม
ั
ประยุกต์ (Application Programmer) เจ้าหน้าที่พฒนาโปรแกรม
ั
(System Programmer) เป็ นต้น
o การวิเคราะห์และออกแบบระบบงานที่ใช้คอมพิวเตอร์ประมวลผล
เช่น เจ้าหน้าที่วิเคราะห์และออกแบบระบบงาน (System Analyst and
Administrator) วิศวกรระบบ (System Engineer) เจ้าหน้าที่จดการ
ั
ฐานข้อมูล (Database Adminstrator)เป็ นต้น
o การพัฒนาและบารุ งรักษาระบบทางฮาร์ดแวร์ เช่น เจ้าหน้าที่ควบคุมการ
ทางานระบบคอมพิวเตอร์ (Computer Operator) เป็ นต้น
o การบริ หารในหน่วยประมวลผลข้อมูล เช่น ผูบริ หารศูนย์ประมวลผล
้
ข้อมูลด้วยคอมพิวเตอร์ (EDP Manager) เป็ นต้น
ข้ อมูลและสารสนเทศ (Data / Information)
ในการทางานต่าง ๆ จะต้องมีขอมูลเกิดขึ้นตลอดเวลา ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับงานที่
้
ถูกเก็บรวบรวมมาประมวลผล เพื่อให้ได้สารสนเทศที่เป็ นประโยชน์ต่อผูใช้ ซึ้งใน
้
ปัจจุบนมีการนาเอาระบบคอมพิวเตอร์มาเป็ นข้อมูลในการดัดแปลงข้อมูลให้ได้
ั
ประสิทธิภาพโดยแตกต่างๆระหว่างข้อมูล และ สารสนเทศ คือ
ข้ อมูล คือ ได้จากการสารวจจริ ง แต่ สารสนเทศ คือ ได้จากข้อมูลไม่ผาน
่
กระบวนการหนึ่งก่อน
- 6. สารสนเทศเป็ นสิ่งที่ผบริ หาารนาไปใช้ช่วยในการตัดสินใจ โดยที่สารสนเทศที่มีประโยชน์น้ นจะมี
ู้ ั
คุณสมบัติ ดังตาราง
มีความสัมพันธ์กน
ั สามารถนามาประยุกต์ใช้ได้อย่างเหมาะสมกับ
(relevant) สถานการณ์ปัจจุบน
ั
ต้องมีความทันสมัยและพร้อมที่จะใช้งานได้
มีความทันสมัย (timely)
ทันทีเมื่อต้องการ
มีความถูกต้องแม่นยา เมื่อป้ อนข้อมูลเข้าสู่คอมพิวเตอร์และผลลัพธ์ที่
(accurate) ได้จะต้องถูกต้องในทุกส่วน
มีความกระชับรัดกุม
ข้อมูลจะต้องถูกย่นให้มีความยาวที่พอเหมาะ
(concise)
มีความสมบูรณ์ในตัวเอง
ต้องรวบรวมข้อมูลที่สาคัญไว้อย่างครบถ้วน
(complete)
คุณสมบัตของสารสนเทศที่มประโยชน์
ิ ี
การเปลียนรูปจากข้ อมูลสู่ สารสนเทศ
่
กระบวนการทางาน (Procedure)
- 7. กระบวนการทางานหรื อโพรซีเยอร์ หมายถึง ขั้นตอนที่ผใช้จะต้องทาตาม เพื่อให้ได้งานเฉพาะอย่าง
ู้
จากคอมพิวเตอร์ซ่ึงผูใช้คอมพิวเตอร์ทุกคนต้องรู้การทางานพื้นฐานของเครื่ องคอมพิวเตอร์
้
เพื่อที่จะสามารถใช้งานได้อย่างถูกต้อง ตัวอย่างเช่น การใช้เครื่ อง ฝาก-ถอนเงินอัตโนมัติ ถ้า
ต้องการถอนเงินจะต้องผ่านกระบวนการต่าง ๆ ดังนี้
1. จอภาพแสดงข้อความเตรี ยมพร้อมที่จะทางาน
2. สอดบัตร และพิมพ์รหัสผูใช้
้
3. เลือกรายการ
4. ใส่จานวนเงินที่ตองการ
้
5. รับเงิน
6. รับใบบันทึกรายการ และบัตร
การใช้คอมพิวเตอร์ปฏิบติงานในส่วนต่าง ๆ นั้นมักจะมีข้นตอนที่สลับซับซ้อน และเกี่ยวข้องกับ
ั ั
ช่วงเวลาต่าง ๆ ในการปฏิบติงานด้วย จึงต้องมีค่มือการปฏิบติงานที่ชดเจน เช่น คู่มือสาหรับผู้
ั ู ั ั
ควบคุมเครื่ อง (Operation Manual) คู่มือสาหรับผูใช้ (User Manual) เป็ นต้น
้
วัตถุประสงค์
7.1 เพื่อศึกษาและพัฒนาเว็บบล็อก (WebBlog) ด้วย Wordpress เรื่ อง ประวัติอินเตอร์เน็ต
7.2 เพื่อศึกษาค้นคว้าเรื่ องทีสนใจเกี่ยวกับ
่
7.3 เพื่อให้ผเู้ รี ยนสามารถพัฒนารู ปแบบของเว็บบล็อกจาก Wordpress ได้ดวยตนเองและ
้
นามาประยุกต์ใช้ให้เข้ากับการเรี ยนรู้ของตนเองมากยิงขึ้น
่
7.4 เพื่อให้สามารถติดต่อสื่อสารกันได้ระหว่างครู เพื่อนและผูสนใจทัวไป
้ ่
1.1 ขอบเขตของโครงงาน
1. จัดทาโครงงานคอมพิวเตอร์ การพัฒนาเว็บบล็อก (WebBlog) ด้วย Wordpress
เรื่อง องค์ประกอบของคอมพิวเตอร์
- 8. 2. วัสดุ อุปกรณ์ เครื่ องมือหรื อโปรแกรมหรื อที่ใช้ในการพัฒนา ได้แก่
2.1 เครื่ องคอมพิวเตอร์ พร้อมเชื่อมต่อระบบเครื อข่ายอินเทอร์เน็ต
2.2 เว็บไซต์ที่ให้บริ การเว็บบล็อก คือ www.wordpress.com
2.3 เว็บไซต์ที่ใช้ในการติดต่อสื่อสาร เช่น www.facebook.com www.hotmail.com
www.google.com
2.4 โปรแกรมตัดต่อและตกแต่งรู ปภาพ เช่นAdobe Photoshop CS4 และ
PhotoScape2.0
1.4 ผลที่คาดว่าจะได้ รับ
11.1 ได้รับความรู้เกี่ยวกับพัฒนาเว็บบล็อก (WebBlog) ด้วย Wordpress ประวัติ
อินเตอร์เน็ต
11.2 ได้รับความรู้เกี่ยวกับเรื่ องที่นามาเป็ นบทเรี ยนในการสร้างเว็บบล็อกคือ ประวัติ
อินเตอร์เน็ต
11.3 ผูเ้ รี ยนสามารถพัฒนารู ปแบบของเว็บบล็อกจาก Wordpress ได้ดวยตนเองและนามา
้
ประยุกต์ใช้ให้เข้ากับการเรี ยนรู้ของตนเองมากยิงขึ้น
่
11.4 สามารถติดต่อสื่อสารกันได้ระหว่างครู เพื่อนและผูสนใจทัวไป
้ ่
เพื่อสร้างเป็ นเครื อข่ายการเรี ยนรู้ผานเว็บบล็อกได้
่
11.5 ได้นาเอาเทคโนโลยีสารสนเทศยุคใหม่มาใช้อย่างมีคุณค่า และสร้างสรรค์