More Related Content
Similar to การเขียนคำสั่งควบคุม
Similar to การเขียนคำสั่งควบคุม (20)
More from Baramee Chomphoo
More from Baramee Chomphoo (10)
การเขียนคำสั่งควบคุม
- 1. การเขียนคาสั่งควบคุม
1.ลักษณะการทางานของภาษาซี
ลักษณะการทางานของภาษาซี
ภาษาซีเป็นภาษาที่มีการพัฒนาการมาอย่างต่อเนื่อง ภาษาซีรุ่นแรกทางานภายใต้ระบบปฏิบัติการคอส (cos)
ปัจจุบันทางานภายใต้ระบบปฏิบัติการวินโดวส์ (Windows)
ภาษาซีใช้วิธีแปลรหัสคาสั่งให้เป็นเลขฐานสองเรียกว่า คอมไพเลอร์
การศึกษาภูมิหลังการเป็นมาของภาษาซีและกระบวนการแปลภาษาจะช่วยให้ผู้ใช้ภาษาซีในรุ่นและบริษัทผู้ผ
ลิตแตกต่างกัน สามารถใช้ภาษาได้อย่างเข้าใจมากขึ้น
1.1.ความเป็นมาของภาษาซี
ภาษาซีได้รับการพัฒนาเมื่อปี ค.ศ.1972 โดยนายเดนนิส ริตซี่ ตั้งชื่อว่าซีเพราะพัฒนามาจากภาษา BCLP
และภาษา B ในช่วงแรกใช้ทดลองเขียนคาสั่งควบคุมในห้องปฏิบัติการเบล (Bell Laboratoorics) เท่านั้น
เมื่อปี ค.ศ.1978 นายไบรอัน เคอร์นิกฮัน และ นายเดนนิส ริตซี่
ร่วมกันกาหนดนิยามรายละเอียดของภาษาซี เผยแพร่ความรู้โดยจัดทาหนังสือ The C Programming
Language มีหลายบริษัท ให้ความสนใจนาไปพัฒนาต่อ จนมีภาษาซีหลายรูปแบบและแพร่หลายไปทั่วโลก
แต่ยังไม่มีมาตรฐานคาสั่งเพื่อให้สามารถใช้งานร่วมกันได้ ดังนั้นเมื่อปี ค.ศ.1988 นายริตซี่
ได้ร่วมกับสถาบันกาหนดมาตรฐาน ANSI
สร้างมาตรฐานภาษาซีขึ้นมามีผลให้โปรแกรมคาสั่งที่สร้างด้วยภาษาซีสังกัดบริษัทใดๆก็ตามที่ใช้คาสั่งมาตร
ฐานของภาษาสามารถนามาทางานร่วมกันได้
1.2การทางานของตอมไพเลอร์ภาษาซี
คอมไพเลอร์เป็นโปรแกรมที่ได้รับการพัฒนามาเพื่อแปลลภาษาคอมพิวเตอร์รูปแบบหนึ่งมักใช้กับโปรแกร
มเชิงโครงสร้าง ลักษณะการแปลจะอ่านรหัสคาสั่งทั้งโปรแกรมตั้งแต่บรรทัดคาสั่งแรกถึงบรรทัดสุดท้าย
หากมีข้อผิดพลาดจะรายงานทุกตาแหน่งคาสั่งที่ใช้ผิดกฎไวยากรณ์ของภาษา
กระบวนการคอมไพเลอร์โปรแกรมคาสั่งของภาษาซี มีดังนี้
- 2. 1.จัดทาโปรแกรมต้นฉบับ (SourceProgram) หลังจากพิมคาสั่งงาน
ตามโครงสร้างภาษาที่สมบูรณ์แล้วทุกส่วนประกอบ ให้บันทึกโดยกาหนดชนิดงานเป็น .c เช่น work.c
2.การแปลรหัสคาสั่งเป็นภาษาเครื่อง (Compile) หรือการบิวด์ (Build) เครื่องจะตรวจสอบคาสั่งทีละคาสั่ง
เพื่อวิเคราะห์ว่าใช้งานได้ถูกต้องตามรูปแบบไวยากรณ์ที่ภาษาซีกาหนดไว้หรือหากมีข้อผิดพลาดจะแจ้งให้ท
ราบ หากไม่มีข้อผิดพลาดจะไปกระบวนการ3
3.การเชื่อมโยงโปรแกรม (Link) ภาษาซีมีฟังก์ชันมาตรฐานให้ใช้งาน เช่น printf()
ซึ่งจัดเก็บไว้ในเฮดเดอร์ไพล์ หรือเรียกว่า ไลบรารี ในตาแหน่งที่กาหนดชื่อแตกต่างกันไป
ผู้ใช้ต้องศึกษาและเรียกใช้เฮดเดอร์ไฟล์กับฟังก์ชันให้สัมพันธ์เรียกว่าเชื่อมโยงกับไลบรารี
กระบวนการนี้ได้ผลลัพธ์เป็นไฟล์ชนิด .exe
2. ส่วนประกอบโครงสร้างภาษาซี
สาหรับโครงสร้างของภาษาซีในเบื้องต้นนี้จะกล่าวถึงเฉพาะรายละเอียดที่นาไปใช้ในการเขียนคาสั่งควบคุม
ระดับพื้นฐาน ผู้สร้างงานโปรแกรมจะใช้งานส่วนประกอบในภาษาซีเพียง ;ส่วน คือ
ส่วนหัวและส่วนฟังก์ชันหลัก ดังนี้
- 3. # include < header file > 1
Main ( )
{
Statements ; 2
}
2.1 ส่วนหัวของโปรแกรม (Header File)
หรือเรียกว่าฟรีโปรเซสเซอร์ไดเรกทีฟ ใช้ระบุชื่อเฮดเดอร์ไฟล์
ควบคุมการทางานของฟังก์ชันมาตรฐานที่ถูกเรียกใช้งานในส่วนของ main ( ) เฮดเดอร์ไฟล์มีชนิดเป็น.h
จัดเก็บในไลบรารีฟังก์ชัน ผู้เขียนคาสั่งงานต้องศึกษาว่าฟังก์ชันที่ใช้งานนั้นอยู่ในเฮดเดอร์ไฟล์ชื่ออะไร
จึงจะเรียกใช้งานได้ถูกต้อง นิยมใช้รูปแบบคาสั่ง ดังนี้
รูปแบบ #include < header_name>
อธิบาย header_name ชื่อเฮดเดอร์ไฟล์ที่ควบคุมฟังก์ชันมาตรฐาน เช่น ฟังก์ชัน printf
ใช้ควบคุมการแสดงผล จัดเก็บในไลบรารีชื่อ #include <stdio.h>
ตัวอย่างคาสั่ง ประกาศฟรีโปรเซสเซอร์ไดเรกทีฟ ที่ใช้ควบคุมฟังก์ชันมาตรฐานภาษาซี
# include <stdio.h>
อธิบาย ให้คอมไพเลอร์ค้นหาไลบรารีไฟล์ชื่อ stdio.h จากไดเรกเทอรี include
ข้อควรจา
#include <stdio.h> เก็บฟังก์ชันรับข้อมูลแสดงผลที่ต้องใช้งานทุกโปรแกรมดังนั้น
ส่วนดันทุกโปรแกรมจึงปรากฏคาสั่งนี้
- 4. tru5wu
แสดงตาแหน่งไฟล์ stdio.h .o ในไดเรกเทอรี include
2.2 ส่วนฟังก์ชันหลัก (Main Function)
เป็นส่วนเขียนคาสั่งควบคุมการทางานภายในขอบเขตเครื่องหมาย { } ของฟังก์ชันหลักคือ main ( )
ต้องเขียนคาสั่งตามลาดับขั้นตอนจากกระบวนการวิเคราะห์ระบบงานเบื้องต้นและขั้นวางแผนลาดับการทาง
านที่ได้จัดทาล่วงหน้าไว้ เช่น
ลาดับการทางานด้วยแผนผังโปรแกรมเพื่อลดข้อผิดพลาดในขั้นตอนลาดับคาสั่งควบคุมงาน
ในส่วนนี้พึงระมัดระวังเรื่องเดียวคือ ต้องใช้งานคาสั่งตามรูปแบบไวยากรณ์ของภาษาซีที่กาหนดไว้
2.3 การพิมพ์คาสั่งควบคุมงานในโครงสร้างภาษาซี
คาแนะนาในการพิมพ์คาสั่งงาน ซึ่งภาษาซีเรียกว่า ฟังก์ชัน (ต่อไปนี้จะเรียกว่า คาสั่ง ตามที่นิยมทั่วไป)
ในส่วนประกอบภายในโครงสร้างภาษาซีมีแนวทางปฏิบัติดังนี้
1. คาสั่งที่ใช้ควบคุมการประมวลผลตามลาดับที่ได้วิเคราะห์ไว้ ต้องเขียนภายในเครื่องหมาย {}
ที่อยู่ภายใต้การควบคุมของ ฟังก์ชันหลักชิ่อ main ()
2. ปกติคาสั่งควบคุมงานจะเป็นอักษรตัวพิมพ์เล็ก ยกเว้นบางคาสั่งที่ภาษากาหนดว่าต้องเป็น
อักษรตัวพิมพ์ใหญ่ ต้องปฏิบัติตามนั้น เพราะภาษาซีมีความแตกต่างในเรื่องตัวอักษร
3. เมื่อสิ้นสุดคาสั่งงาน ต้องพิมพ์เครื่องหมายเซมิโคลอน (;)
4. ใน 1 บรรทัด พิมพ์ได้มากกว่า 1 คาสั่ง แต่นิยมบรรทัดละ 1คาสั่ง
เพราะว่าอ่านโปรแกรมง่ายเมื่อมีข้อผิดพลาด ย่อมตรวจสอบและค้นหาเพื่อแก้ไขได้เร็ว
- 5. 5. การพิมพ์คาสั่ง หากมีส่วนย่อย นิยมเคาะเยื้องเข้าไป เพื่ออ่านโปรแกรมได้ง่ายขึ้น
เมื่อมีข้อผิดพลาดย่อมตรวจสอบและค้นหาเพื่อแก้ไขได้รวดเร็ว
trwy65uh
แสดงลักษณะการพิมพ์คาสั่งในโครงสร้างภาษาซี
3.คาสั่งจัดเก็บข้อมูลลงหน่วยความจา
การจัดเก็บข้อมูลลงหน่วยความจาคอมพิวเตอร์ ภาษากาหนดให้ดาเนินการผ่านซื่อ(identifier)
ที่ผู้สร้างงานโปรแกรมเป็นผู้กาหนดเอง ระบบคอมพิวเตอร์จะจัดเก็บชื่อและตาแหน่งที่อยู่ (Address )
ในหน่วยความจา เพื่ออ้างอิงนาข้อมูลที่จัดเก็บนั้นมาใช้งาน
การกาหนดชื่อที่ใช้เก็บข้อมูลต้องทาภายใต้กฎเกณฑ์
และต้องศึกษาวิธีกาหนดลักษณะการจัดเก็บข้อมูลตามที่ภาษากาหนดไว้ ลักษณะการจัดเก็บข้อมูลมี 2
แบบคือ แบบค่าคงที่และแบบตัวแปร ทั้งนี้ก่อนที่จะเขียนคาสั่งกาหนดการจัดเก็บข้อมูล
ควรมีความรู้ในเรื่องชนิดข้อมูลก่อน
3.1 ชนิดข้อมูลแบบพื้นฐาน
การจัดเก็บข้อมูลลงหน่วยความจาทั้งแบค่าคงที่หรือแบบตัวแปร ต้องกาหนดชนิดข้อมูลให้ระบบรับทราบ
ในที่นี้กล่าวถึงชนิดข้อมูลแบบพื้นฐาน 3 กลุ่มหลักเท่านั้น ตารางที่ 2.1 ชนิดข้อมูลแบบพื้นฐาน
ชนิดข้อมูล ขอบเขตของข้อมูล อธิบาย
char -128 ถึง 127 เก็บข้อมูลแบบอักขระ
int -32768ถึง32767 เก็บข้อมูลแบบตัวเลขจานวนเต็ม
float 3.4×10 ถึง 3.4×10 เก็บข้อมูลแบบตัวเลขทศนิยมตัวเลขหลังจุด 6หลัก
ข้อควรจา
ข้อมูลแบบข้อความใช้แบบข้อมูลแบบตัวแปรชุด เช่น char a[20] :
- 7. หมายเหตุ หากมีตัวแปรมากกว่า 1ตัว แต่เป็นตัวแปรเก็บข้อมูลประเภทเดียว ใช้คอมม่า (,) คั่น
ตัวอย่างคาสั่ง กาหนดคุณสมบัติให้ตัวแปรในการจัดเก็บข้อมูล
Char ans ;
List salary , bonus ;
Shortvalue = 2;
4.คาสั่งควบคุมการทางานขั้นพื้นฐาน
คาสั่งที่ใช้ควบคุมการทางานขั้นพื้นฐานมี 3 กลุ่มคือ
คาสั่งรับข้อมูลจากแป้นพิมพ์แล้วนาไปจัดเก็บหน่ายความจา (input )
การเขียนสมการคานวณโดยใช้นิพจน์ทางคณิตศาสตร์(Process) และคาสั่งแสดงผลข้อมูล
หรือข้อมูลที่จัดเก็บในหน่วยความจา (Qutput)
4.1 คาสั่งแสดงผล : printf ( )
ประสิทธิภาพคาสั่ง :ใช้แสดงผล สิ่งต่อไปนี้ เช่นข้อความ ข้อมูลจากค่าคงที่ หรือตัวแปรที่จอภาพ
รูปแบบ 1 Printf (“ string_format” , data_list ) ;
รูปแบบ 2 Printf (“string_format” ) ;
อธิบาย string_format คือลักษณะของสิ่งต่อไปนี้ เช่น ข้อความ (text ) รหัสรูปแบบข้อมูล เช่น%d
รหัสควบคุม เช่น n
Data_list คือข้อมูลแสดงผลอาจเป็นค่าคงที่ตัวแปร นิพจน์ หากมีหลายตัวใช้ , คั่น
ตารางที_ 2.2 รหัสรูปแบบข้อมูลระดับพื้นฐาน
- 8. รหัส formatcode ความหมาย
%c ใช้กับข้อมูลแบบ char
%d ใช้กับข้อมูลแบบ int เฉพาะฐาน10
%s ใช้กับข้อมูลแบบ string
หมายเหตุ รหัสรูปแบบข้อมูลรูปแบบ แสดงในภาคผนวก
ตัวอย่างคาสั่ง ควบคุมการแสดงผลด้วย printf
Printf ( “ Data is %d n” , score ) ;
อธิบาย พิมพ์ข้อความคาว่า data is ตามด้วยค่าข้อมูลในหน่วยความจาตัวแปรชื่อ score
ซึ่งเป็นข้อมูลชนิดจานวนเต็ม (%) แล้วเลื่อนคอร์เซอร์ไปไว้บรรทัดถัดไป (n)
4.2 คาสั่งรับข้อมูล : รับข้อมูลจากแป้นพิมพ์ แล้วจัดเก็บลงหน่วยความจาของตัวแปร
รูปแบบ Scanf ( “ string_format” , & address_list ) ;
อธิบาย string_format คือรูปแบบการแสดงผลของข้อมูลเท่านั้น เช่น %d
Address_list คือการระบุตาแหน่งที่อยู่ในหน่วยความจาต้องใช้สัญลักษณ์ &(Ampersand)
นาหน้าชื่อตัวแปรเสมอ
ข้อควรจา กรณีเป็นตัวแปรข้อความ (String) สามารถยกเว้นไม่ต้องใช้ & นาหน้าได้
ตัวอย่างคาสั่ง เขียนคาสั่งควบคุมการรับค่าจากแป้นพิมพ์ด้วย scanf
Scanf ( “%d” , &score ) ;
อธิบาย รับข้อมูลจากแป้นพิมพ์ นาไปเก็บในหน่วยความจาชื่อ score เป็นข้อมูลประเภทจานวนเต็ม
4.3 คาสั่งประมวลผล : expression
- 9. ประสิทธิภาพคาสั่ง :เขียนคาสั่งแบบนิพจน์เพื่อประมวลผล
แล้วนาข้อมูลที่ได้ไปจัดเก็บในหน่วยความจาของตัวแปรที่ต้องกาหนดชื่อและชนิดข้อมูลไว้แล้ว
รูปแบบ Var =expression ;
อธิบาย var คือชื่อหน่วยความจาชนิดตัวแปร
Expression คือสมการนิพจน์ เช่นสูตรคานวณทางคณิตศาสตร์
ตัวอย่างคาสั่ง นิพจน์ที่เป็นสูตรคานวณทางคณิตศาสตร์
Sum = a+b ;
อธิบาย ให้นาค่าในหน่วยความจาตัวแปรชื่อ a กับ b มา+กันแล้วนาค่าไปเก็บในหน่วยความจาตัวแปรชื่อ
sum
แนวคิดในการเขียนคาสั่งควบคุมการทางาน
1. ส่วนป้อนข้อมูล ผู้ใช้ระบบงานป้อนค่า ; เก็บในหน่วยความจา xและป้อนค่า A เก็บในหน่วยความจา y
ด้วยคาสั่ง
Printf ( “data x=” ) ;scanf ( “%d,&x ) ;
Printf ( “data y=” ) ;scanf ( “%d,&y ) ;
2.ส่วนประมวลผล ระบบจะนาค่าไปประมวลผลตามนิพจน์คณิตศาสตร์
r = 2+ 3* 2; ได้คาตอบคือ 8
s = (2 + 3 ) * 2; ได้คาตอบคือ 10
t= 2+ 3 *2-1; ได้คาตอบคือ 7
- 10. ทั้งนี้คอมพิวเตอร์ประมวลผล โดยยึดหลักลาดับความสาคัญของเครื่องหมายทางคณิตศาสตร์
เช่นคานวณเครื่องหมาย *ก่อนเครื่องหมาย +
3.ส่วนแสดงผล คาสั่งควบคุมให้แสดงผลลัพธ์
Printf ( “r = x+ y* 2= %d n” , r ) ;
Printf ( “r = (x+y X* 2= %d n” , s ) ;
Printf ( “r = x+ y* 2-1= %d n” , t) ;
5.คาสั่งเเสดงผล-รับข้อมูล เฉพาะอักขระ
ภาษาซีมีคาสั่งแสดงผลและรับข้อมูลเฉพาะข้อมูลประเภท 8 อักขระ (char )ดังนี้
5.1 คาสั่ง putchar ( )
แสดงผลข้อมูลจากหน่วยความจาของตัวแปร ทางจอภาพครั้งละ1อักขระเท่านั้น
รูปแบบ Putchar ( char_argument) ;
อธิบาย putchar_argument คือ ข้อมูลชนิดอักขระ
jhi7t9
ผลทดสอบโปรแกรม
แนวคิดในการเขียนคาสั่งควบคุมการทางาน
1. กาหนดค่า ‘A’ เก็บในตัวแปรประเภท char ชื่อ word1 และกาหนดค่า ‘1’ เก็บในตัวแปรชื่อ word2
ด้วยคาสั่ง char word1=’A’ , word2=’1’
2. เขียนคาสั่งควบคุมการแสดงผลทีละ 1อักขระ โดยไม่ต้องใช้สัญลักษณ์ขึ้นบรรทัดใหม่ด้วยคาสั่ง
putchar(word1);putcar(word2); จึงพิมพ์คาว่า A1 ที่จอภาพ
5.2คาสั่ง getchar ( )
- 11. รับข้อมูลจากแป้นพิมพ์ครั้งละ 1อักขระ และแสดงอักขระที่จอภาพ จากนั้นต้องกดแป้นพิมพ์ที่ Enter
เพื่อนาข้อมูลบันทึกลงหน่วยความจาด้วย
รูปแบบ 1 ไม่นาข้อมูลจัดเก็บลงหน่วยความจาของตัวแปร
getchar ( ) ;
รูปแบบ 2นาข้อมูลจัดเก็บลงหน่วยความจาของตัวแปร
char_var = getchar ( ) ;
อธิบาย char_var คือ ข้อมูลชนิด char
wefd57yr6h
ผลทดสอบโปรแกรม
แนวคิดในการเขียนคาสั่งควบคุมการทางาน
1.เขียนคาสั่งควบคุมการป้อนข้อมูลประเภทอักขระด้วยคาสั่ง
printf ( “Key 1 Character = “) ;
word= getchar ( );
หมายถึงป้อนอักขระ 1 ตัว เช่น a จะแสดงค่า ให้เห็นที่หน้าจอด้วย แล้ว ต้องกดแป้นEnter
เพื่อนาข้อมูลบันทึกลงหน่วยความจาตัวแปรประเภท char ชื่อ word
2 . เขียนคาสั่งควบคุมการแสดงผลจากหน่วยความจา wordจึงเห็นค่า a ( แทนที่ word)
printf ( “You key Character is = %cn”, word) ;
5.3 คาสั่ง getch ( )
รับข้อมูลจากแป้นพิมพ์ครั้งละ 1อักขระ แต่ไม่ปรากฏ อักษรบนจอภาพ และ ไม่ต้องกดแป้น Enter
รูปแบบ 1ไม่นาข้อมูลจัดเก็บลงหน่วยความจาของตัวแปร
- 12. getch( ) ;
รูปแบบ 2นาข้อมูลจัดเก็บลงหน่วยความจาของตัวแปร
char_var = getch 1( ) ;
อธิบาย char_var คือ ข้อมูลชนิดอักขระ
แนวคิดในการเขียนคาสั่งควบคุมการทางาน
1.เขียนคาสั่งควบคุมการป้อนข้อมูลประเภทอักขระด้วยคาสั่ง
printf ( “Key 1 Character = “) ;
word= getch ( );
หมายถึงป้อนค่าใดทางแป้นพิมพ์เป็นอักขระ 1 ตัว เช่นa จะ ไม่แสดง ค่าให้เห็นที่หน้าจอไม่ต้อง กดแป้น
Enter เพื่อนาข้อมูลบันทึกลงหน่วยความจาตัวแปรประเภท char ชื่อ word
2.เขียนคาสั่งควบคุมการแสดงผลจากหน่วยความจา wordจึงเห็นค่า a ( แทนที่ word)
printf ( “You key Character is = %cn”, word) ;
5.4 คาสั่ง getche( )
รับข้อมูลจากแป้นพิมพ์ครั้งละ 1อักขระ และ แสดง อักษรบนจอภาพ และ ไม่ต้องกดแป้น Enter
รูปแบบ 1ไม่นาข้อมูลจัดเก็บลงหน่วยความจาของตัวแปร getche ( );
รูปแบบ 2นาข้อมูลจัดเก็บลงหน่วยความจาของตัวแปร char_var =getche ( );
อธิบาย char_var คือ ข้อมูลชนิดอักขระ
fghuhrs
ผลทดสอบโปรแกรม
- 13. แนวคิดในการเขียนคาสั่งควบคุมการทางาน
1.เขียนคาสั่งควบคุมการป้อนข้อมูลประเภทอักขระด้วยคาสั่ง
printf ( “Key 1 Character = “) ;
word= getche ( );
หมายถึงป้อนค่าใดทางแป้นพิมพ์เป็นอักขระ 1 ตัว เช่นa จะ แสดง ค่าให้เห็นที่หน้าจอ และไม่ต้อง กดแป้น
Enter เพื่อนาข้อมูลบันทึกลงหน่วยความจาตัวแปรประเภท char ชื่อ word
2.เขียนคาสั่งควบคุมการแสดงผลเพื่อแสดงค่าจากหน่วยความจา wordจึงเห็นค่า a ( แทนทิ่ word )
printf ( “You key Character is = %cn”, word) ;
6.คาสั่งเเสดงผล-รับข้อมูล เฉพาะข้อความ
ภาษาซีมีคาสั่งใช้ในการรับข้อมูลเฉพาะประเภทข้อความ (String) ในภาษาซีคือชนิดข้อมูล char [n]
จัดเก็บในหน่วยความจา และแสดงผลข้อมูลประเภทข้อความเท่านั้น มีรายละเอียดดังนี้
6.1.คาสั่ง puts( )
แสดงผลข้อมูลเฉพาะประเภทข้อความทางจอภาพครั้งละ 1 ข้อความ
รูปแบบputs ( string_argument ) ;
อธิบาย string_argument คือ ข้อมูลชนิดข้อความ
dflrp04
ผลทดสอบโปรแกรม
แนวคิดในการเขียนคาสั่งควบคุมการทางาน
1.เขียนคาสั่งกาหนดค่าข้อความเก็บในตัวแปรชื่อ word
Char word[15] = “*Example *“ ;
2.เขียนคาสั่งควบคุมการแสดงผลในลักษณะข้อความด้วย puts
Puts ( word) ;
- 14. Puts (“**************”);
6.2คาสั่ง gets ( )
รับข้อมูล ข้อความ จากแป้นพิมพ์ และต้องกดแป้น Enter
รูปแบบ 1ไม่นาข้อมูลจัดเก็บลงหน่วยความจาของตัวแปร gets ( );
รูปแบบ 2นาข้อมูลจัดเก็บลงหน่วยความจาของตัวแปร
string_var =gets ( ) ;
อธิบาย string_var คือ ข้อมูลชนิดข้อความ
fgkerptikoi
ผลทดสอบโปรแกรม
แนวคิดในการเขียนคาสั่งควบคมการทางาน
1.เขียนคาสั่งให้รับข้อมูล ชนิดข้อความ จากแป้นพิมพ์ และต้อง กดแป้น Enter
เพื่อนาข้อความบันทึกลงตัวแปรชนิดข้อความ ด้วยคาสั่ง gets (word) ;
2.เขียนคาสั่งควบคุมให้แสดงผลลักษณะข้อความด้วย
printf ( “You name is =%sn”, word) ;