งานคู่

1. (1
แบบเสนอโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์
รหัสวิชา ง33202 ชื่อวิชา เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร 6
ปีการศึกษา 2559
ชื่อโครงงาน สร้างซิกแพคสาหรับผู้หญิง
ชื่อผู้ทาโครงงาน
นางสาว กรกวี สังขการุณ
ชั้น ม.6/10 เลขที่ 14
ชื่ออาจารย์ที่ปรึกษาโครงงาน
ครูเขื่อนทอง มูลวรรณ
ระยะเวลาดาเนินงาน ภาคเรียนที่ 1-2 ปีการศึกษา 2559
โรงเรียนยุพราชวิทยาลัย จังหวัดเชียงใหม่
สานักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเขต 34

2. (2
ใบงาน การจัดทาข้อเสนอโครงงานคอมพิวเตอร์
สมาชิกในกลุ่ม
นางสาว กรกวี สังขการุณ เลขที่ 14 ชั้น ม.6/10
คาชี้แจง ให้ผู้เรียนแต่ละกลุ่มเขียนข้อเสนอโครงงานตามหัวข้อต่อไปนี้
ชื่อโครงงาน (ภาษาไทย)
- สร้างซิกแพคสาหรับผู้หญิง
ชื่อโครงงาน (ภาษาอังกฤษ)
- How to get six pack for women?
ประเภทโครงงาน
- เสริมสร้างสุขภาพให้แข็งแรง
ชื่อผู้ทาโครงงาน
นางสาว กรกวี สังขการุณ
ชื่อที่ปรึกษา
คุณครู เขื่อนทอง มูลวรรณ
ชื่อที่ปรึกษารวม
-
ระยะเวลาดาเนินงาน
ภาคเรียนที่ 1-2 ปีการศึกษา 2559

3. (3
ที่มาและความสาคัญของโครงงาน
เนื่องจากปัจจุบัน รูปร่างของร่างกายคนเราถือว่าเป็นสิ่งที่สาคัญมาก เช่น เดียวกันกับ
ผู้หญิงทุกคนอยากมีหุ่นที่ดี มีส่วนเว้าส่วนโค้งบริเวณต่างๆไม่ว่าจะเป็น เอว แขน ขา น่อง เชื่อ
ว่าผู้หญิงร้อยทั้งร้อย ทุกคนใฝ่ฝันอยากจะมีหุ่นที่ดึงดูดสายตาและเป็นเสน่ห์ที่น่าจับตามอง ดัง
ประโยคที่ว่า “หุ่นดีมีชัยไปกว่าครึ่ง” นั่นเอง เป็นสิ่งที่ดี ที่วิเศษมากๆสามารถทาอะไรก็มั่นใจ ใส่
ชุดแบบไหนก็ได้ ไม่มีเรื่องให้กังวลเรื่องใส่เสื้อเอวลอยแล้วมีพุงออกมา หรือใส่กางเกงจะไม่คับ
แต่จะพอดีกับกางเกงได้ออกมาดูดี กล่าวคือ การไม่มีพุงและสุขภาพดีเป็นลาภอันประเสริฐ
นั่นเอง ป้ องกันจากโรคภัยไข้เจ็บ อีกทั้งยังเสริมสร้างสุขภาพร่างกายหรือพัฒนากล้ามเนื้อไปได้
ทุกส่วนถึงแม้จะเน้นแค่ซิกแพคอีกด้วย แต่ว่าการพูดหรืออธิบายให้ฟังอย่างเดียวคงทาให้ผู้รับ
สื่อคงได้แต่อ่านผ่านๆไม่สนใจทา เช่นเดียวกับผู้จัดทาโครงงานนี้ที่เคยคิดแบบนั้น แต่มาถึงจุดที่
อยากทดลองทากับตนเอง อยากรู้ว่าตัวเองนั้นทาได้หรือปล่าว ตนเองจะมีวินัยในการฝึกฝนจน
ได้ซิกแพคมาอยู่ในร่างกายตนเองหรือปล่าว อยากจะประเมินความสามารถของตนเองนั่นเอง
จึงเกิดแรงบันดาลใจและทดลองหลายๆวิธีจนประสบผลสาเร็จ ด้วยตัวเจ้าของโครงงานนี้ได้
ทดลองและทาการออกการลัังกายโดยการสร้างซิกแพคด้วยตนเองแล้วจึงเป็นเหตุผลที่ทาให้
นาเสนอโครงงาน เรื่องนี้ขึ้นมา
วัตถุประสงค์
- ชี้ให้เห็นประโยชน์ต่อการออกกาลังกายเพื่อให้ได้ซิกแพค
- เพื่อต้องการให้ผู้หญิงทุกคนหันมาสนใจรูปร่างตนเองมากขึ้น
- เพื่อศึกษาวิธีสร้างซิกแพคอย่างถูกวิธี
ขอบเขตโครงงาน
- ศึกษาและรู้วิธีการสร้างซิกแพคด้วยตนเองและทาได้ด้วยวิธีที่ถูกต้องตามคลิปสอนในวิดิ
โอในYoutube และจากเว็ปไซตต่างๆ
หลักการและทฤษฎี
กล้ามท้อง หรือที่เรียกทับศัพท์กันว่า ซิกแพค (six pack abs) เป็นกล้ามเนื้อส่วนที่ดึงดูดใจ
ผู้คนได้มากที่สุดแล้ว ถึงขั้นที่ว่าในปัจจุบันแทบทุกคนจาเป็นต้องฟิตร่างกายใหม่ซิกแพคกันเลย
ทีเดียว
อย่างไรก็ตามต้องยอมรับว่าซิกแพค เป็นกล้ามที่ทาให้ปรากฎเด่นเห็นชัดยากที่สุด เนื้อจาก
บริเวณหน้าท้องเป็นที่สะสมของไขมันจานวนมากอยู่แล้ว แม้กระทั่งคนผอมหลายคนก็ยังลงพุง

4. ดังนั้นการบริหารกล้ามเนื้อหน้าท้องเป็นเพียงองค์ประกอบหนังในการสร้างซิกแพคให้ใหญ่โต
ขึ้นมา แต่ถ้าไขมันหน้าท้องยังเยอะอยู่ ถึงกล้ามซิกแพคจะใหญ่ แต่ไขมันที่ยังคลุมอยู่ก็ทาให้มอง
ไม่เห็นซิกแพค
ด้วยเหตุนี้การจะทาใหญ่กล้ามท้องซิกแพคเห็นชัด คุณจะต้องบริหารกล้ามท้องให้ใหญ่ และ
ออกกาลังกายเผาผลาญไขมันให้หมดไป ทั้งนี้ต้องทาคู่กันไปสองอย่างอย่าให้ขาด

5. (4
วิธีดาเนินงาน
แนวทางการดาเนินงาน
- ศึกษาข้อมูลทางทฤษฎีการสร้างซิกแพคในแต่ละเว็ปไซต์
- หาคลิปวิดิโอการสร้างซิกแพคด้วยตนเองและปฏิบัติตามได้
- สอบถามเทรนเนอร์ในฟิตเนสหรือผู้ชานาญด้านออกกาลังกาย
– รวบรวมข้อมูลที่ค้นคว้ามาเรียบเรียงให้ถูกต้อง
- จัดทาโครงงาน
เครื่องมือและอุปกรณ์ที่ใช้
- คอมพิวเตอร์เพื่อสืบค้นข้อมูล
- หนังสือหรอนิตยสารเกี่ยวกับการออกกาลังกาย
- กระดาษ
- เครื่องปริ้นและอุปกรณ์เขียนโครงร่าง
งบประมาณ
200-300 บาท

6. (5
ขั้นตอนและแผนดาเนินงาน
ลาดับ
ที่
ขั้นตอน สัปดาห์ที่ ผู้รับผิดชอบ
1 2 3 4 5 6 7 8 9
1
0
1
1
1
2
1
3
1
4
1
5
1
6
1
7
1 คิดหัวข้อโครงงาน / / /
2 ศึกษาและค้นคว้าข้อมูล / / /
3 จัดทาโครงร่างงาน / /
4 ปฏิบัติการสร้าง
โครงงาน
/ / / /
5 ปรับปรุงทดสอบ / /
6 การทาเอกสารรายงาน / / /
7 ประเมินผลงาน / /
8 นาเสนอโครงงาน /
ผลที่คาดวาจะได้รับ
ผู้คนที่ออกกาลังกายโดยการสร้างซิกแพคนั้น จะมีรูปร่างที่ดีและสุขภาพแข็งแรง
สถานที่ดาเนินการ
- บ้านของผู้จัดทาโครงงาน
- ที่โรงเรียนยุพราช จ.เชียงใหม่ ณ ห้องคอม
- สถานที่ฟิตเนส(สาหรับปฎิบัติจริง)
กลุ่มสาระการเรียนรู้ที่เกี่ยวข้อง
- กลุ่มสาระสุขศึกษาและพละศึกษา
แหล่งอ้างอิง
- http://www.healthcarethai.com/
- http://health.kapook.com/view128778.html
- http://www.careandliving.com/