SlideShare a Scribd company logo
1 of 23
Download to read offline
คำนำ

โครงงำนเล่มนี้เป็ นส่ วนหนึ่งของรำยวิชำสวนพฤกษศำสตร์ โรงเรี ยน ว32285 โดยมีจุดประสงค์เพื่อ
ศึกษำเกี่ยวกับต้นกล้วย ซึ่ งโครงงำนเล่มนี้มีเนื้ อหำเกี่ยวกับกำรนำส่ วนต่ำงๆของต้นกล้วยมำใช้ประโยชน์
ั ้
ในทำงที่ดีและเป็ นประโยชน์กบผูใช้มำกที่สุดโดยที่กลุ่มของเรำได้เลือกใช้กำบกล้วยเพรำะมีคุณสมบัติใน
กำรลอบน้ ำได้ดี
กลุ่มของเรำจึงเลือกหัวข้อนี้มำทำเป็ นรำยงำน เนื่ องจำกเป็ นเรื่ องที่น่ำสนใจและใกล้จะเทศกำลลอย
กระทง สิ่ งที่จุดควำมคิดของกลุ่มเรำคือผำงประทีปที่ทำจำกดินเผำกลุ่มของเรำเลยคิดจะดัดแปลงภำชนะจำก
ดินเผำมำเป็ นอะไรที่ประหยัด ลดภำวะโลกร้อนและเป็ นมิตรกับทรัยพำกรธรรมชำติจึงคิดเลือกกำบกล้วยที่มี
คุณสมบัติลอยน้ ำได้ดีและไม่ทำลำยสิ่ งแวดล้อม โดยกลุ่มของเรำจึงหวังว่ำรำยงำนฉบับนี้จะให้ควำมรู ้และ
เป็ นประโยชน์แก่ผอ่ำนไม่มำกก็นอย
ู้
้
ผูจดทำ
้ั
1.นำย ชนสรณ์

พิสิฐเศรษฐพงศ์

เลขที่ 3

2.นำงสำว ณัฐริ ยำ

เขตกัน

เลขที่ 6

3.นำงสำว นฤมล ปัญญำ

เลขที่ 8

4.นำย บัณฑิต

บุลกุล

เลขที่ 9

5.นำย ปรัชญำ

ผิวพรรณ

เลขที่ 11

6.นำงสำว สุ รินทิพย์ ศิริวรรณ

เลขที่ 16

7.นำงสำว อังคณำ แสนคติ

เลขที่ 19

8.นำย พยัตเทพินทร์ ศิริเขตต์

เลขที่ 22

9.นำย ธนกฤต

ปำนบัว

เลขที่ 27

10.นำย เมธิส

ใจเมตตำ

เลขที่ 33

11.นำย รณชัช

เมืองมูล

เลขที่ 34

12.นำงสำว เวธกำ โนภิระ

เลขที่ 45
สำรบัญ
เรื่ อง
คำนำ
สำรบัญ
บทคัดย่อ
กิตติกรรมประกำศ
บทที่ 1 บทนำ
ที่มำและควำมสำคัญ
วัตถุประสงค์
ขอบเขตกำรศึกษำ
ประโยชน์ที่คำดว่ำจะได้รับ
บทที่ 2 เอกสำรและงำนทีเ่ กี่ยวข้ อง
เอกสำรเกี่ยวกับต้นกล้วย
เอกสำรเกี่ยวกับเทียนหอม
งำนวิจยเกี่ยวกับเทียนหอม
ั
บทที่ 3 ขั้นตอนกำรดำเนินกำร
กำรระดมสมอง เพื่อออกแบบกำรจัดสร้ำงโครงงำน
กำรออกแบบกำรจัดสร้ำงโครงงำนและวิธีกำรดำเนินกำร
กำรดำเนินกำร
กำรสรุ ปผลกำรดำเนินกำร
บทที่ 4 ผลกำรเรียนรู้
บทที่ 5 สรุ ปและวิจำรณ์
บรรณำนุกรม
ภำคผนวก

หน้ำ
ก
ข
1
2
3
3
3
4
5-8
8-9
9-10
11
11
11
12
13
14
15
16-21
บทคัดย่อ

ชื่อโครงงำน กล้วยหอมลอยน้ ำ
ผูจดทำ
้ั
1.นำย ปรัชญำ

ผิวพรรณ

เลขที่ 11 (ประธำนกลุ่ม)

2.นำงสำว นฤมล ปัญญำ

เลขที่ 8 (รองประธำนกลุ่ม)

3. นำย ชนสรณ์

เลขที่ 3 (กรรมกำร)

พิสิฐเศรษฐพงศ์

4. นำงสำว ณัฐริ ยำ เขตกัน

เลขที่ 6 (กรรมกำร)

5 นำย บัณฑิต

เลขที่ 9 (กรรมกำร)

บุลกุล.

6.นำงสำว สุ รินทิพย์ ศิริวรรณ

เลขที่ 16 (กรรมกำร)

7.นำงสำว อังคณำ แสนคติ

เลขที่ 19 (กรรมกำร)

8.นำย พยัตเทพินทร์ ศิริเขตต์

เลขที่ 22 (กรรมกำร)

9.นำย ธนกฤต

ปำนบัว

เลขที่ 27 (กรรมกำร)

10.นำย เมธิส

ใจเมตตำ

เลขที่ 33 (กรรมกำร)

11.นำย รณชัช

เมืองมูล

เลขที่ 34 (กรรมกำร)

12.นำงสำว เวธกำ โนภิระ

เลขที่ 45 (กรรมกำร)

ครู ที่ปรึ กษำโครงงำน
1.คุณครู สิ ตำวีร์ ระมิงค์วงศ์
2.คุณครู มนตรี ศรี กำ
ระยะเวลำ 3 วัน
โครงงำนเรื่ องกล้วยหอมลอยน้ ำจัดทำขึ้นเพื่อศึกษำคุณสมบัติของกำบกล้วยและเพื่อศึกษำประโยชน์ของต้น
กล้วย กำรดำเนินกำรศึกษำค้นคว้ำและเรี ยบเรี ยงเป็ นโครงงำนเรื่ อง กล้วยหอมลอยน้ ำ มีข้ นตอนดังนี้ กำหนด
ั
หัวข้อที่จะศึกษำ เขียนเค้ำโครงโครงงำน ค้นคว้ำข้อมูล แบ่งหน้ำที่ให้สมำชิก ตรวจสอบควำมเรี ยบร้อย
และถ้ำมีขอผิดพลำดก็ทำกำรแก้ไข และนำเสนอ
้
กิตติกรรมประกำศ
ในกำรจัดทำโครงงำนเรื่ องกล้วยหอมลอยน้ ำนี้สำเร็ จลุล่วงได้ดวยควำมกรุ ณำจำกคุณครู สิ ตำวีร์ ระมิงค์วงศ์
้
และคุณครู มนตรี ศรี กำ รู ที่ปรึ กษำโครงงำนที่ได้ให้คำแนะนำ แนวคิด ตลอดจนแก้ไขข้อบกพร่ องต่ำงๆ มำ
โดยตลอด จนโครงงำนนี้ เสร็ จสมบูรณ์ คณะผูจดทำจึงขอกรำบขอบพระคุณเป็ นอย่ำงสู ง ขอกรำบ
้ั
ขอบพระคุณผูรู้ที่ให้คำปรึ กษำในเรื่ องต่ำงๆและขอบคุณเพื่อนๆที่ช่วยให้คำแนะนำดีเกี่ยวกับกำรทำกล้วย
้
หอมลอยน้ ำแลเกี่ยวกับโครงงำนนี้ จนทำให้โครงงำนสำเร็ จลุล่วงไปได้ดวยดี
้

ผูจดทำ
้ั
1.นำย ชนสรณ์

พิสิฐเศรษฐพงศ์

เลขที่ 3

2.นำงสำว ณัฐริ ยำ

เขตกัน

เลขที่ 6

3.นำงสำว นฤมล ปัญญำ

เลขที่ 8

4.นำย บัณฑิต

บุลกุล

เลขที่ 9

5.นำย ปรัชญำ

ผิวพรรณ

เลขที่ 11

6.นำงสำว สุ รินทิพย์ ศิริวรรณ

เลขที่ 16

7.นำงสำว อังคณำ แสนคติ

เลขที่ 19

8.นำย พยัตเทพินทร์ ศิริเขตต์

เลขที่ 22

9.นำย ธนกฤต

ปำนบัว

เลขที่ 27

10.นำย เมธิส

ใจเมตตำ

เลขที่ 33

11.นำย รณชัช

เมืองมูล

เลขที่ 34

12.นำงสำว เวธกำ โนภิระ

เลขที่ 45
บทที่ 1
บทนำ
ที่มำและควำมสำคัญ
่
ต้นกล้วย เป็ นพรรณไม้ลมลุกในสกุล Musa มีหลำยชนิดในสกุล บำงชนิดก็ออกหน่อแต่วำบำงชนิด
้
ก็ไม่ออกหน่อ ใบแบนยำวใหญ่ ก้ำนใบตอนล่ำงเป็ นกำบยำวหุ มห่อซ้อนกันเป็ นลำต้น ออกดอกที่ปลำยลำต้น
้
เป็ น ปลี และมักยำวเป็ นงวง มีลูกเป็ นหวี ๆ รวมเรี ยกว่ำ เครื อ ต้นกล้วย ในทำงวิชำกำรถือว่ำเป็ นลำต้นเทียม
ประกอบด้วย ก้ำนใบจำนวนมำกอัดกันแน่นเป็ นชั้นๆชั้นนอกสุ ดมีควำมแข็ง และเหนี ยวมำกกว่ำก้ำนใบที่อยู่
ด้ำนใน จำกผลกำรวิเครำะห์ส่วนประกอบทำงเคมีของต้นกล้วย โดยกลุ่มงำนวิเครำะห์อำหำรสัตว์ กอง
อำหำรสัตว์ กรมปศุสัตว์ พบว่ำ ต้นกล้วยสดมีน้ ำเป็ นส่ วนประกอบประมำณ 95 เปอร์เซ็นต์ มีปริ มำณโปรตีน
คิดจำกน้ ำหนักแห้งเพียง 2.5 เปอร์ เซ็นต์ ซึ่ ง ใกล้เคียงกับฟำงข้ำว มีเยือใยคิดจำกน้ ำหนักแห้ง 26.1เปอร์ เซ็นต์
่
อย่ำงไรก็ตำมระดับเยือใยในต้นกล้วยค่อนข้ำงต่ำ จึงสำมำรถใช้ตนกล้วยเป็ นอำหำรเลี้ยงสุ กร ซึ่ งเป็ นสัตว์
่
้
กระเพำะเดี่ยวได้ อีกทั้งกำบกล้วยสด นำมำหันคลุมดินรักษำควำมชื้นได้ และสำมำรถลอยน้ ำได้อีกด้วย
่
เนื่องจำกใกล้จะถึงเทศกำลลอยกระทงแล้ว ผูคนส่ วนใหญ่มกใช้ผำงประทีปในเทศกำลนี้และกลุ่ม
้
ั
ของข้ำพเจ้ำได้ศึกษำเกี่ยวกับประโยชน์และคุณสมบัติของต้นกล้วยและต้นกล้วยเป็ นพืชที่ปลูกได้ง่ำยและ
ปลูกมำกในประเทศไทย กลุ่มของข้ำพเจ้ำจึงเล็งเห็นถึงควำมสำคัญของต้นกล้วยและคิดสร้ำงสรรค์ผลงำนที่
จะนำกำบกล้วยมำทำเทียนหอม กลุ่มของพวกเรำจึงคิดที่จะทำผำงประทีปที่ทำมำจำกวัสดุธรรมชำติแทนผำง
ประทีปแบบเดิม โดยผำงประทีปที่กลุ่มของข้ำพเจ้ำได้คิดขึ้นมำนี้มีควำมแปลกใหม่กว่ำเดิมทั้งในด้ำนรู ปทรง
กลิ่น และวัสดุที่นำมำใช้เพรำะเมื่อใช้แล้วยังสำมำรถย่อยสลำยได้ดีกว่ำอีกด้วย
วัตถุประสงค์
1.เพื่อศึกษำคุณสมบัติของกำบกล้วยว่ำสำมำรถลอยน้ ำได้จริ งหรื อไม่
2.กำบกล้วยเมื่อใส่ เทียนไขลงไปสำมำรถลอยน้ ำได้หรื อไม่
3.กำบกล้วยสำมำรถนำมำดัดแปลงเป็ นรู ปลักษณ์ต่ำงๆได้หรื อไม่
ขอบเขตกำรศึกษำ
- สวนพฤกษศำสตร์โรงเรี ยน
- 216/14 ถ.วัวลำย ต.หำยยำ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ 50100
ประโยชน์ ทคำดว่ำจะได้ รับ
ี่
1. ได้รับควำมพึงพอใจจำกผูที่นำไปใช้
้
2. ทำให้ทรำบประโยชน์ของกำบกล้วยว่ำสำมำรถรับน้ ำหนักของน้ ำเทียนได้
3. ทำให้ทรำบกำบกล้วยที่นำมำใช้สำมำรถทนต่อควำมร้อนองน้ ำเทียนได้
4. ได้รับควำมพึงพอใจจำกผูที่ลองใช้
้
บทที่ 2
เอกสำรและงำนศึกษำที่เกี่ยวข้อง
เอกสำรเกียวกับต้ นกล้วย
่
จำกเว็บไซต์ http://guru.sanook.com/search/knowledge_search.php?qได้กล่ำวว่ำ
กล้วยเป็ นไม้ผลที่คนไทยรู ้จกกันมำนำน เนื่องจำกกล้วยมีถิ่นกำเนิดในเอเชียใต้และเอเชี ยตะวันออก
ั
เฉียงใต้ ซึ่งประเทศไทยเป็ นประเทศหนึ่งในภูมิภำคดังกล่ำว จำกกำรศึกษำพบว่ำ กล้วยมีววฒนำกำร
ิั
ถึง ๕๐ ล้ำนปี มำแล้ว ดังนั้นจึงเป็ นไม้ผลที่มนุษย์รู้จกบริ โภคเป็ นอำหำรกันอย่ำงแพร่ หลำย เชื่อกันว่ำกล้วย
ั
เป็ นไม้ผลชนิดแรกที่มีกำรปลูกเลี้ยงไว้ตำมบ้ำน และได้แพร่ พนธุ์จำกเอเชียใต้และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ั
ไปยังดินแดนอื่นๆในระยะเวลำต่อมำ
กล้วยมีกำรปลูกกันมำกในเอเชียใต้ แม้ในปัจจุบน ประเทศอินเดียเป็ นประเทศที่มีกำรปลูกกล้วยมำกที่สุด
ั
ในโลก และมีพนธุ์กล้วยมำกมำยอีกด้วย เหมำะสมกับที่มีกำรกล่ำวกันไว้ในหนังสื อของชำวอำหรับว่ำ
ั
“กล้วยเป็ นผลไม้ของชำวอินเดีย” ต่อมำได้มีหมอของจักรพรรดิโรมันแห่งกรุ งโรมชื่ อว่ำแอนโตนิอุส มูซำ
(Antonius Musa) ได้นำหน่อกล้วยจำกอินเดียไปปลูกทำงตอนเหนื อของอียปต์ เมื่อประมำณ ๒,๐๐๐ ปี
ิ
มำแล้ว หลังจำกนั้นมีกำรแพร่ ขยำยพันธุ์กล้วยไปในดินแดนของแอฟริ กำที่ชำวอำหรับเข้ำไปค้ำขำยและ
พำนักอำศัย จนกระทังเมื่อประมำณ ค.ศ. ๙๖๕ ได้มีกำรกล่ำวถึงกล้วยว่ำ ใช้ในกำรประกอบอำหำรชนิดหนึ่ง
่
ของชำวอำหรับ ซึ่ งอร่ อยและเป็ นที่เลื่องลือมำก ชื่อว่ำ กำลำอิฟ (Kalaif) เป็ นอำหำรที่ปรุ งด้วยกล้วย เมล็ดอัล
มอนด์ น้ ำผึ้ง ผสมกับน้ ำมันนัต (Nut oil) ซึ่ งสกัดจำกผลไม้เปลือกแข็งชนิดหนึ่ง นอกจำกใช้ประกอบอำหำร
แล้ว ชำวอำหรับยังใช้กล้วยทำยำอีกด้วย ชำวอำหรับเรี ยกกล้วยว่ำ“มูซำ” ตำมชื่อของหมอที่เป็ นผูนำกล้วย
้
เข้ำมำในอียปต์เป็ นครั้งแรก
ิ

ในช่วงกลำงคริ สต์ศตวรรษที่ ๑๕ ชำวโปรตุเกสได้เดินเรื อไปค้ำขำยบริ เวณชำยฝั่งตะวันตกของทวีป
่
แอฟริ กำและได้นำกล้วยไปแพร่ พนธุ์ที่หมู่เกำะคะแนรี ซึ่ งตั้งอยูนอก ชำยฝั่งตะวันตกเฉี ยงเหนือของ
ั
ทวีป หลังจำกนั้น ชำวสเปนจึงได้นำกล้วยจำกหมู่เกำะ คะแนรี เข้ำไปปลูกในหมู่เกำะอินดีสตะวันตกใน
อเมริ กำกลำง โดยเริ่ มปลูกที่อำณำนิคมซันโตโดมิงโก บนเกำะฮิสปันโยลำ เป็ นแห่งแรก แล้วขยำยไปปลูกที่
เกำะอื่นในเวลำต่อมำ ส่ งผลให้ดินแดนในอเมริ กำกลำงมีกำรปลูกกล้วยเป็ นพืชเศรษฐกิจกันอย่ำง
แพร่ หลำย และนับตั้งแต่คริ สต์ศตวรรษที่ ๑๙ เป็ นต้นมำ ได้กลำยเป็ นแหล่งปลูกกล้วยส่ งเป็ นสิ นค้ำออกมำก
ที่สุดของโลก โดยปลูกมำกในประเทศคอสตำริ กำ และประเทศฮอนดูรัส
่
จำกวิกิพีเดีย สำรำนุกรมเสรี ได้กล่ำวไว้วำ
่
กล้วย เป็ นพรรณไม้ลมลุกในสกุล Musa มีหลำยชนิดในสกุล บำงชนิดก็ออกหน่อแต่วำบำงชนิดก็
้
ไม่ออกหน่อ ใบแบนยำวใหญ่ ก้ำนใบตอนล่ำงเป็ นกำบยำวหุ มห่อซ้อนกันเป็ นลำต้น ออกดอกที่ปลำยลำต้น
้
เป็ น ปลี และมักยำวเป็ นงวง มีลูกเป็ นหวี ๆ รวมเรี ยกว่ำ เครื อ พืชบำงชนิดมีลำต้นคล้ำยปำล์ม ออกใบเรี ยงกัน
เป็ นแถวทำนองพัดคลี่ คล้ำยใบกล้วย เช่น กล้วยพัด (Ravenala madagascariensis) ทว่ำควำมจริ งแล้วเป็ นพืช
ในสกุลอื่น ที่มิใช่ท้ งปำล์มและกล้วย
ั
่
จำก เว็บไซต์สำรำนุกรมไทยสำหรับเยำวชน ได้กล่ำวไว้วำ
ประโยชน์ของกล้วย
กล้วยมีควำมผูกพันในวิถีชีวตคนไทยมำช้ำนำน คนไทยรู้ จกใช้ประโยชน์จำกต้นกล้วย นอกจำกบริ โภคเป็ น
ิ
ั
อำหำรแล้ว ทุกส่ วนของกล้วยยังนำมำใช้ในพิธีกรรมต่ำงๆ รวมทั้งในชีวตประจำวันด้วย
ิ
๑. กำรใช้ประโยชน์ในกำรบริ โภค
กล้วยเป็ นผลไม้ที่มีเปลือกหุ มเช่นเดียวกับผลไม้อื่นๆ แต่วธีกำรปอกเปลือกกล้วยนั้น ไม่จำเป็ นต้องใช้
้
ิ
เครื่ องมือ เพียงใช้มือเด็ดปลำยหรื อจุก ก็สำมำรถปอกเปลือกได้ดวยมือและรับประทำนได้ทนที จึงเป็ นผลไม้
้
ั
ที่รับประทำนง่ำย ดังคำโบรำณว่ำ "ง่ำยเหมือนปอกกล้วยเข้ำปำก" นอกจำกปอกเปลือกง่ำยแล้ว กล้วยสุ กเมื่อ
รับประทำนแล้ว ก็จะลื่นลงกระเพำะได้ง่ำย และย่อยง่ำย ด้วยเหตุที่กล้วยลื่นลงกระเพำะได้ง่ำย ทำให้บำงคน
ไม่ค่อยเคี้ยวกล้วยซึ่ งเป็ นวิธีกำรที่ผด กำรรับประทำนกล้วยจำเป็ นต้องเคี้ยวให้ละเอียด เพรำะกล้วยมีแป้ งร้อย
ิ
ละ ๒๐ - ๒๕ ของเนื้อกล้วย ถ้ำเคี้ยวไม่ละเอียด น้ ำย่อยในกระเพำะต้องทำงำนหนัก หำกย่อยไม่ทนกล้วยจะ
ั
อืดในกระเพำะ อย่ำงไรก็ตำม กระเพำะของคนใช้เวลำในกำรย่อยกล้วยสั้นกว่ำกำรย่อยส้ม นม กะหล่ำปลี
หรื อแอปเปิ ล ดังนั้นคนไทยจึงนิยมใช้กล้วยที่ขดเอำแต่เนื้ อ ไม่เอำไส้ บดละเอียดให้ทำรกรับประทำน
ู
นอกจำกทำรกแล้ว คนชรำก็รับประทำนกล้วยได้ดีเช่นกัน ในกรณี คนหนุ่มสำว กล้วยเหมำะสำหรับคนที่
ต้องกำรลดควำมอ้วน เนื่ องจำกกล้วยมีคุณค่ำทำงอำหำรสู งพอๆ กับมันฝรั่ง แต่มีปริ มำณไขมัน
คอเลสเตอรอล และเกลือแร่ ต่ำ กล้วยมีโซเดียมเพียงเล็กน้อย แต่มีโพแทสเซี ยมสู ง กำรมีโพแทสเซี ยมสู งนี้จะ
ช่วยลดควำมดันโลหิ ตลงได้ ในประเทศอินเดียมีควำมเชื่อว่ำ หำกรับประทำนกล้วย ๒ ผลต่อวัน จะสำมำรถ
ลดควำมดันโลหิตได้ถึงร้อยละ ๑๐ ภำยในระยะเวลำ ๑ สัปดำห์
กล้วยยังเป็ นผลไม้ที่เหมำะสำหรับผูที่เป็ นโรคเกี่ยวกับทำงเดินอำหำร และท้องเสี ยบ่อย เพรำะสำมำรถช่วย
้
ลดแก๊สในกระเพำะอำหำรได้ กล้วยเมื่อยังดิบจะมีแป้ งมำก แต่เมื่อสุ ก แป้ งจะเปลี่ยนเป็ นน้ ำตำล ดังนั้นหำก
ท้องเดิน กำรกินกล้วยดิบจะช่วยทำให้อำกำรท้องเดินหยุดได้ และเมื่อเป็ นโรคกระเพำะ ให้กินกล้วยที่สุก
แล้ว สำหรับกล้วยที่ทำให้สุกด้วยควำมร้อน วิตำมินจะลดลง
๒. กำรใช้ประโยชน์ในพิธีกรรมต่ำงๆ และในชีวตประจำวัน
ิ
- ในพิธีทำงศำสนำ เช่น กำรเทศน์มหำชำติ และกำรทอดกฐิน มักใช้ตนกล้วยประดับธรรมำสน์ และองค์
้
กฐิน
- ในพิธีต้ งขันข้ำว หรื อค่ำบูชำครู หมอตำแย สำหรับผูหญิงที่ต้ งครรภ์ และไปขอให้หมอตำแยทำคลอดให้
ั
้
ั
จะต้องใช้กล้วย ๑ หวี พร้อมทั้งข้ำวสำร หมำกพลู ธูปเทียนสำหรับกำรทำพิธีบูชำครู ก่อนคลอด และเมื่อ
่
คลอดแล้ว จะต้องอยูไฟ ก็ยงใช้ตนกล้วยทำเป็ นท่อนล้อมเตำไฟ ป้ องกันกำรลำมของไฟ
ั ้
- ในพิธีทำขวัญเด็ก เมื่อเด็กอำยุได้ ๑ เดือน กับ ๑ วัน มีกำรทำขวัญเด็กและโกนผมไฟ จะมีกล้วย ๑ หวี เป็ น
ส่ วนประกอบในพิธีดวย
้
- ในพิธีแต่งงำน มักมีตนกล้วยและต้นอ้อยในขบวนขันหมำก พร้อมทั้งมีขนมกล้วย และกล้วยทั้งหวี เป็ น
้
กำรเซ่นไหว้เทวดำและบรรพบุรุษ
- ในกำรปลูกบ้ำน เมื่อมีพิธีทำขวัญยกเสำเอก จะใช้หน่อกล้วยผูกมัดไว้ที่ปลำยเสำร่ วมกับต้นอ้อย และเมื่อ
เสร็ จพิธี ก็จะมีกำรลำต้นกล้วยและต้นอ้อยนั้น นำมำปลูกไว้ในบริ เวณบ้ำน จำกนั้นประมำณ ๑ ปี หรื อเมื่อ
่
ปลูกบ้ำนเสร็ จแล้วพร้อมอยูอำศัย ก็มีกล้วยไว้กินพอดี
- ในงำนศพ ในสมัยโบรำณ มีกำรนำใบตอง มำรองศพ ก่อนนำศพวำงลงในโลงนอกจำกนี้ ใบตองยังมี
บทบำทสำคัญมำกในพิธีกรรมต่ำงๆ โดยกำรนำมำทำกระทงใส่ ของ ใส่ ดอกไม้ และประดิษฐ์เป็ นกระทง
บำยศรี
- ในชีวตประจำวัน ใช้ใบตองในกำรห่อผักสดและอำหำร เนื่องจำกใบตองสดมีควำมชื้ น ดังนั้นเมื่อใช้ห่อผัก
ิ
สดหรื ออำหำร ควำมชื้นจะช่วยรักษำผักหรื ออำหำรให้สดอยูเ่ สมอ นอกจำกนี้ใบตองยังทนทำนต่อควำมเย็น
และควำมร้อน ดังนั้นเมื่อนำใบตองห่ ออำหำรแล้วเอำไปปิ้ ง นึ่ง ต้ม ใบตองก็จะไม่สลำยหรื อละลำยเหมือน
เช่นพลำสติก จึงมีอำหำรหลำยอย่ำงที่ห่อใบตองแล้วนำไปนึ่ง เช่น ห่ อหมก ข้ำวต้มผัด ขนมกล้วย ขนมตำล
ขนมใส่ ไส้ หรื อเอำไปปิ้ ง เช่น ข้ำวเหนียวปิ้ ง หรื อนำไปต้ม เช่น ข้ำวต้มมัด หรื อข้ำวต้มจิม อำหำรเหล่ำนี้ เมื่อ
้
นำไปต้ม ปิ้ ง หรื อนึ่งแล้ว ยังทำให้เกิดควำมหอมของใบตองอีกด้วย สำหรับใบตองแห้ง นำมำใช้ทำกระทง
เพื่อใส่ อำหำร ห่ อกะละแม มวนบุหรี่ โดยใบตองแห้งก็จะมีกลิ่นหอมเช่นกัน ที่มหำวิทยำลัยเกษตรศำสตร์ ได้
มีกำรทดลองนำเอำใบตองแห้งมำอัดกันแน่นหลำยๆ ชั้น ทำเป็ นภำชนะใส่ ของแทนกำรใช้โฟมได้อีกด้วย
- ต้นกล้วย ที่หนเป็ นท่อนๆ อำจใช้เป็ นทุ่นลอยน้ ำให้เด็กๆ ใช้หดว่ำยน้ ำ หรื อนำมำทำเป็ นแพสำหรับตั้ง
ั่
ั
่
สิ่ งของให้ลอยอยูในน้ ำ
เอกสำรเกียวกับเทียนหอม
่
่
จำกวิกิพีเดีย สำรำนุกรมเสรี ได้กล่ำวไว้วำ
เทียนหอม หมำยถึง ผลิตภัณฑ์ ที่ได้ จำกกำรนำพำรำฟิ น และไขผึ้งมำหลอมละลำยรวมกัน อำจเติม
สี และเติมน้ ำมันหอมระเหย นำไปปั้ นด้วยมือ หรื อหล่อแบบขึ้นรู ป หรื อกดจำกพิมพ์ให้มีรูปทรงตำมต้องกำร
อำจประกอบด้วยวัสดุอื่นเพื่อให้ เกิดควำมสวยงำม เช่น ดอกไม้แห้ง มีไส้เทียนสำหรับจุดไฟ และมีกลิ่นหอม
ของน้ำมันหอมระเหย เทียนหอมแฟนซี เน้นกำรใช้ประโยชน์และควำมสวยงำม โดยมีกลิ่นหอม แบบสวย
และอำจจะใช้ไล่ยงหรื อแมลงได้อีกด้วย ทั้งนี้แล้ว เทียนหอมแฟนซี ยังมีกำรทำเป็ นธุ รกิจsMEขนำดย่อม มี
ุ
กำรลงทุนที่นอยกว่ำ แต่ได้กำไรเยอะ เนื่องจำกเป็ นงำนhandmade ทำให้ผคนสนใจในตัวสิ นค้ำ เทียนหอม
้
ู้
แฟนซี หรื อ Fancy Aroma Candle นั้น ทำจำกส่ วนผสมไม่กี่อย่ำง ทำง่ำย และตกแต่งง่ำย โดยใช้ตนทุนเพียง
้
ไม่กี่บำท ก็สำมำรถประดิษฐ์มนขึ้นมำได้แล้ว
ั
่
จำกเว็บไซต์ http://tianhompeuasukapap.wordpress.com/ได้กล่ำวไว้วำ
เทียนไขเป็ นผลิตภัณฑ์ที่เกิดขึ้นเพื่อใช้ประโยชน์ในด้ำนกำรให้แสงสว่ำง แต่ในระยะต่อมำเทียนไข
ได้ถูกทดแทน ด้วยควำมเจริ ญก้ำวหน้ำทำงเทคโนโลยีดำนพลังงำนแสงสว่ำงจำกกระแสไฟฟ้ ำ ทำให้บทบำท
้
ของเทียนไขที่มีต่อชีวิตประจำวันของผูคนลดน้อยลง และเปลี่ยนสถำนะจำกสิ่ งของจำเป็ น เป็ นสิ่ งของ
้
ตกแต่ง ซึ่ งทำให้มีกำรพัฒนำทำงด้ำนรู ปแบบ สี สันของเทียนให้มีควำมสวยงำมมำกขึ้น นอกจำกนี้ใน
ปั จจุบนมีกำรดัดแปลงจำกเทียนที่ให้แสงสว่ำงธรรมดำมำผสมกลิ่นหอมประเภทต่ำงๆเพิ่มลงไป เพื่อสร้ำง
ั
ั
มูลค่ำเพิ่มให้กบสิ นค้ำได้มำกยิงขึ้น โดยกำรนำกลิ่นสมุนไพรประเภทต่ำงๆ เช่น กลิ่นตะไคร้หอม มะกรู ด
่
มะนำว อบเชย เป็ นต้น เข้ำมำผสมและมีวตถุประสงค์ในกำรใช้สอยที่เพิ่มขึ้นจำกเดิม เพื่อประโยชน์ในกำร
ั
บำบัดทำงด้ำนจิตใจและอำรมณ์ของคนในสังคมปั จจุบน ที่เกิดภำวะควำมตึงเครี ยดทำงอำรมณ์ค่อนข้ำง
ั
สู ง และส่ งผลกระทบต่อสุ ขภำพร่ ำงกำยในลำดับต่อมำ ซึ่ งกำรนำกลิ่นหอมเข้ำมำบำบัด จะทำให้ภำวะ
ร่ ำงกำยเกิดกำรผ่อนคลำย สำมำรถนอนหลับพักผ่อนได้ง่ำยขึ้นและบำงกลิ่นจะช่วยกระตุนให้ร่ำงกำยมีควำม
้
กระตือรื อร้น กระฉับกระเฉง พร้อมที่จะทำงำนหรื อดำเนิ นกิจกรรมต่ำงๆ อย่ำงสดชื่นขึ้น
งำนวิจัยเกียวกับเทียนหอม
่
นักวิจยจำกมหำวิทยำลัยแคโรลัยนำได้ทำกำรวิจยเกี่ยวกับเทียนหอมพบว่ำ เทียนหอมที่ทำจำก
ั
ั
พำรำฟิ น ซึ่ งเป็ นวัตถุดิบหลักยอดนิยมในกำรผลิตเทียนหอมนั้น สำมำรถทำให้เกิด ก๊ำซพิษ อำทิ toluene และ
benzeneได้ ในขณะที่เทียนซึ่ ทำจำกขี้ผ้ งและถัวเหลืองนั้น ไม่ก่อให้เกิดก๊ำซพิษแต่อย่ำงใด
ึ
่
คณะนักวิจยยังกล่ำงอีกว่ำ กำรจุดเทียนหอมซึ่ งทำจำกพำรำฟิ นเพียงบำงครั้งบำงครำ ไม่ได้ทำให้
ั
เกิดอันตรำยแต่อย่ำงใด แต่หำกจุดบ่อยๆในห้องที่ไม่มมีกำรถ่ำยเทอำกำศ อำจส่ งกระทบต่อระบบทำงเดิน
่่
หำยใจ และ อำจเป็ นสำเหตุของโรคภูมิแพ้และหอบหืดได้ อย่ำงไรก็ตำม ยังเป็ นที่ถกเถียงกันอยูวำ เทียนหอม
ประเภทใดมีควำมปลอดภัยมำกกว่ำกัน จุดเทียนหอมครั้งต่อไป เลือกจุดในห้องที่มีอำกำศถ่ำยเทน่ำจะ
่ ้
ปลอดภัยที่สุด นอกจำกนี้ นักวิจยยังพบว่ำ ในควันเทียนที่ทำจำกพำรำฟิ น มีสำรก่อมะเร็ งปะปนอยูดวย
ั
หำกร่ ำงกำยได้รับเข้ำไปในปริ มำณมำก อำจส่ งผลเสี ยต่อสุ ขภำพได้
ั
เอมิด เฮมิดี (Amid Hamidi) ซึ่ งเป็ นหัวหน้ำทีมวิจยดังกล่ำว กล่ำวกับสมำคมเคมีอเมริ กน
ั
่
(American Chemical Society) ว่ำ ผูที่นิยมจุดเทียนเพื่อสร้ำงบรรยำกำศ ไม่วำจะเป็ นบนโต๊ะอำหำรหรื อใน
้
่
ห้องน้ ำ ล้วนจัดอยูในกลุ่มเสี่ ยงด้วยกันทั้งสิ้ น เพรำะแทนที่จะช่วยให้รู้สึกผ่อนคลำย แต่กลับเป็ นอันตรำยต่อ
สุ ขภำพ "เทียนพำรำฟิ นและแสงสว่ำงของมันจะไม่ส่งผลต่อสุ ขภำพของคุณ แต่หำกคุณจุดเทียนพำรำฟิ น
หลำยๆ เล่ม ทุกวัน เป็ นเวลำหลำยปี ติดต่อกัน หรื อจุดบ่อยๆ ในที่ที่อำกำศถ่ำยเทไม่สะดวก เช่น รอบๆ อ่ำง
อำบน้ ำในห้องน้ ำ ก็อำจส่ งผลเสี ยต่อสุ ขภำพได้" นักวิจย กล่ำว
ั
ทั้งนี้ ทีมวิจยได้ทดลองจุดเทียนพำรำฟิ นภำยในห้องแล็บ แล้วเก็บตัวอย่ำงสำรผสมที่ปะปนออกมำ
ั
่
กับควันเทียน เมื่อนำไปวิเครำะห์พบว่ำมีสำรเคมีอนตรำยอยูหลำยชนิด เนื่ องจำกว่ำเทียนพำรำฟิ นเป็ น
ั
ผลิตภัณฑ์จำกปิ โตรเคมี และกำรเผำไหม้ของเทียนมีอุณหภูมิไม่สูงพอที่จะทำให้เกิดกำรสันดำปโมเลกุลที่
เป็ นอันตรำย เช่น โทลูอีน และ เบนซี น
เพื่อหลีกเลี่ยงผลเสี ยดังกล่ำว นักวิจยแนะนำว่ำควรหลีกเลี่ยงกำรจุดเทียนที่ทำจำกพำรำฟิ น และเปลี่ยนมำใช้
ั
เทียนที่ทำจำกขี้ผ้ งหรื อถัวเหลือง ซึ่ งไม่ปลดปล่อยสำรเคมีที่เป็ นอันตรำยออกมำ
ึ
่
อย่ำงไรก็ดี ดร.โจแอนนำ โอเวนส์ (Dr Joanna Owens) จำกสถำบันวิจยมะเร็ งแห่งสหรำชอำณำจักร (Cancer
ั
่
Research UK) กล่ำวว่ำ ยังไม่มีหลักฐำนชัดเจนที่บ่งชี้วำกำรจุดเทียนทุกวันจะมีควำมเสี่ ยงต่อกำร เกิด
โรคมะเร็ ง
"มลพิษทำงอำกำศภำยในอำคำรที่มีนยสำคัญต่อกำรเกิดโรคมะเร็ งมำกที่สุดคือ ควันบุหรี่ มือสอง และเมื่อพูด
ั
ถึงเรื่ องควำมเสี่ ยงต่อโรคมะเร็ ง เรำมักจะมุ่งไปไปถึงสิ่ งที่เรำมีหลักฐำนชัดเจนว่ำเกี่ยวข้องกับกำรเกิด มะเร็ ง
ได้แก่ บุหรี่ เครื่ องดื่มแอลกอฮอล์ โรคอ้วน อำหำรขยะ และกำรถูกแสงแดดสะสมเป็ นเวลำนำน เหล่ำนี้ เป็ น
ปั จจัยที่มีส่วนอย่ำงมำกในกำรก่อให้เกิดมะเร็ ง" ดร.โอเวนส์ ชี้แจง
ด้ำน ดร.โนมี ไอเซอร์ (Dr Noemi Eiser) จำกมูลนิธิโรคปอดแห่งอังกฤษ (British Lung Foundation) กล่ำว
เพิ่มเติมว่ำ อยำกทำให้ผคนรู ้สึกอุ่นใจและมันใจขึ้นว่ำกำรใช้เทียนพำรำฟิ นในโอกำสพิเศษ จะไม่ก่อให้เกิด
ู้
่
ควำมเสี่ ยงใดๆ ต่อสุ ขภำพปอดของพวกเขำ แต่ก็ควรจะระมัดระวังไว้ก่อนดีที่สุด เช่น จุดเทียนในที่ที่มี
อำกำศถ่ำยเทสะดวก เป็ นต้น
บทที่ 3
ขั้นตอนกำรดำเนิ นกำร

ในกำรศึกษำคุณสมบัติของกำบกล้วยว่ำเมื่อใส่ เทียนลงไปมีควำมสำมำรถในกำรลอยน้ ำ และ
ควำมสำมำรถในด้ำนนำมำดัดแปลงเป็ นรู ปลักษณ์ต่ำงๆ กลุ่มผูศึกษำมีวธีกำรดำเนินงำนดังต่อไปนี้
้
ิ
1. กำรระดมสมอง เพือออกแบบกำรจัดสร้ ำงโครงงำน
่
ปรึ กษำหำรื อกันในกลุ่มเพื่อเลือกพรรณไม้ที่จะศึกษำ และแลกเปลี่ยนควำมคิดเห็นกันในเรื่ อง
ผลิตภัณฑ์ที่ศึกษำและปฏิบติในขั้นตอนต่อไป
ั
2. กำรออกแบบกำรจัดสร้ ำงโครงงำนและวิธีกำรดำเนินกำร
วำงแผนและออกแบบเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ที่เลือกศึกษำและกำหนดขั้นตอนกำรลงมือปฏิบติใน
ั
ขั้นตอนต่อไป
3. กำรดำเนินกำร
1.นำต้นกล้วยที่เรำนำมำตัดส่ วนลำต้นและลอกเอำกำบกล้วย
2.นำกำบกล้วยมำดัดแปลงตำมรู ปทรงที่เรำต้องกำร
3.นำแผ่นเทียนและสี เทียนที่เรำต้องกำรมำต้มร่ วมกันจะได้น้ ำเทียนตำมสี ที่ตองกำรและนำกลิ่น
้
น้ ำหอมที่เตรี ยมไว้มำผสมในน้ ำเทียนจนกลำยเป็ นเนื้ อเดียวกันและให้มีกลิ่นหอมตำมที่ตองกำร
้
4.นำสำยเทียนมำวำงไส้ตรงกลำงของกำบกล้วยที่ทำเป็ นรู ปทรงแล้ว
5.นำน้ ำเทียนที่ได้จำกขั้นตอนที่3มำเทลงในกำบกล้วยที่ทำไว้เป็ นรู ปทรงต่ำงๆที่ได้เตรี ยมไว้
6.รอจนน้ ำเทียนแห้งก็จะได้ผำงประทีปที่ทำจำกกำบกล้วยและมีกลิ่นที่หอมและสี สันที่สวยงำม
4. กำรสรุ ปผลกำรดำเนินกำร
กำบกล้วยที่ใส่ เทียนหอมลงไปแล้วสำมำรถดัดแปลงเป็ นรู ปทรงต่ำงๆได้ แต่ควำมสำมำรถในกำร
ลอยน้ ำนั้น มีเพียงบำงรู ปทรงเท่ำนั้นที่จะสำมำรถลอยน้ ำได้จริ งเนื่ องจำกมีน้ ำหนักที่มำกเกินไป และอีกทั้ง
ต้นกล้วยที่นำมำใช้ มีควำมโค้งงอมำกควำมสำมำรถในกำรทำเป็ นฐำนจึงสำมำรถทำได้ยำก
บทที่ 4
ผลกำรเรี ยนรู้
1. กำรทดลอง
ตำรำงแสดงผลกำรทดลอง
รู ปทรง
สำมเหลี่ยม
สี่ เหลี่ยม
วงกลม
ดำว
เรื อ

ควำมสำมำรถในกำรลอยนำ
้
ลอยน้ ำไม่ได้
ลอยน้ ำไม่ได้
ลอยน้ ำไม่ได้
ลอยน้ ำไม่ได้
ลอยน้ ำได้

2. ผลกำรทดลอง
กำบกล้วยที่นำมำดัดเป็ นรู ปทรงต่ำงๆแล้วนำน้ ำเทียนมำเทใส่ น้ นไม่สำมำรถลอยน้ ำได้ท้ งหมด
ั
ั
ทั้งนี้เพรำะน้ ำหนักของเทียนหอมแต่ละรู ปทรงมีมำกเกินไปจึงทำให้เทียนหอมจมน้ ำ
3. กำรปรับปรุ ง
เพื่อให้เทียนหอมที่ทำจำกกำบกล้วยสำมำรถลอยน้ ำได้ทุกอัน จึงอำจแก้ปัญหำได้โดยกำรลด
ปริ มำณของน้ ำเทียนให้นอยลงเพื่อให้เทียนหอมมีน้ ำหนักเบำขึ้น หรื อทำให้เป็ นรู ปทรงที่ควำมสมดุล
้
่
สำมำรถทรงตัวในขณะที่ลอยอยูในน้ ำได้โดยไม่ทำให้เทียนหอมจม
บทที่ 5
สรุ ปและวิจำรณ์
จำกกำรทดลองพบว่ำกำบกล้วยสำมำรถดัดแปลงเป็ นรู ปทรงต่ำงๆได้ อีกทั้งยังสำมำรถควำมร้อน
จำกน้ ำเทียนได้อีกด้วย แต่ยงพบอีกว่ำมีเทียนหอมที่ทำจำกกำบกล้วยบำงรู ปทรงเท่ำนั้นที่สำมำรถลอยน้ ำได้
ั
เพรำะกำบกล้วยมีคุณสมบัติคือ ลอยน้ ำได้ และมีน้ ำหนักเบำ แต่มีบำงรู ปทรงที่ไม่สำมำรถลอยน้ ำได้
เนื่องจำกมีน้ ำหนักที่มำกเกินไปซึ่ งรู ปทรงที่สำมำรถลอยน้ ำได้เรำสำมำรถนำไปใช้แทนผำงประทีปที่ทำจำก
ดินเผำได้อีกทั้งยังสำมำรถย่อยสลำยได้ดีกว่ำอีกด้วย อีกทั้งยังมีกลิ่นที่หอมและมีสีสันที่สวยงำม และเป็ น
มิตรต่อธรรมชำติอีกด้วย
ข้ อเสนอแนะ
ในกำรทำเทียนหอมที่ทำจำกกำบกล้วยครั้งนี้ควรใส่ น้ ำเทียนในปริ มำณที่นอยกว่ำเดิม เนื่องจำกกำบ
้
กล้วยมีน้ ำหนักจึงไม่สำมำรถที่รับน้ ำหนักมำกๆได้ และควรทำรู ปทรงให้รับกับปริ มำณของน้ ำเทียนที่กดลง
มำแล้วไม่ให้จม อีกทั้งเตรี ยมวัสดุอุปกรณ์ให้พร้อมมำกกว่ำนี้ดวย
้
บรรณำนุกรม
- http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%81%E0%B8%A5%E0%B9%89%E0%B8%A7%E0%B8
%A2
- http://kanchanapisek.or.th/kp6/sub/book/book.php?book=30&chap=6&page=t30-6infodetail09.html
- http://tianhompeuasukapap.wordpress.com/
- http://guru.sanook.com/search/knowledge_search.php?q
- http://tianhompeuasukapap.wordpress.com/%E0%B9%80%E0%B8%99%E0%B8%B7%E0%B9
%89%E0%B8%AD%E0%B8%AB%E0%B8%B2/%E0%B8%9A%E0%B8%97%E0%B8%97%
E0%B8%B5%E0%B9%88-2%E0%B9%80%E0%B8%AD%E0%B8%81%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%
B9%81%E0%B8%A5%E0%B8%B0%E0%B8%87%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%A7%
E0%B8%B4%E0%B8%88%E0%B8%B1/
- http://www.khanpak.com/8540%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%99%E0%B8%AB%E0%B
8%AD%E0%B8%A1%E0%B8%81%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%AA%E0%B8%B8
%E0%B8%82%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%9E.html
ภำคผนวก
ปรึ กษำหำรื อกันในกลุ่มเพื่อเลือกพรรณไม้ที่จะศึกษำ

แลกเปลี่ยนควำมคิดเห็นกันในเรื่ องผลิตภัณฑ์ที่ศึกษำ
วำงแผนและออกแบบเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ที่เลือกศึกษำและกำหนดขั้นตอนกำรลงมือปฏิบติในขั้นตอนต่อไป
ั
ขั้นตอนกำรดำเนินกำร

1.นำต้นกล้วยที่เรำนำมำตัดส่ วนลำต้นและลอกเอำกำบกล้วย
2.นำกำบกล้วยมำดัดแปลงตำมรู ปทรงที่เรำต้องกำร

3.นำแผ่นเทียนและสี เทียนที่เรำต้องกำรมำต้มร่ วมกันจะได้น้ ำเทียนตำมสี ที่ตองกำรและนำกลิ่นน้ ำหอมที่
้
เตรี ยมไว้มำผสมในน้ ำเทียนจนกลำยเป็ นเนื้ อเดียวกันและให้มีกลิ่นหอมตำมที่ตองกำร
้
4.นำสำยเทียนมำวำงไส้ตรงกลำงของกำบกล้วยที่ทำเป็ นรู ปทรงแล้ว

5.นำน้ ำเทียนที่ได้จำกขั้นตอนที่3มำเทลงในกำบกล้วยที่ทำไว้เป็ นรู ปทรงต่ำงๆที่ได้เตรี ยมไว้
6.รอจนน้ ำเทียนแห้งก็จะได้ผำงประทีปที่ทำจำกกำบกล้วยและมีกลิ่นที่หอมและสี สันที่สวยงำม

More Related Content

Similar to บูรณาการสวนพฤกษกลุ่มกล้วย 503

มะม่วงพม่า2013
มะม่วงพม่า2013มะม่วงพม่า2013
มะม่วงพม่า2013
Kruthai Kidsdee
 
ต้นไม้กระดาษ
ต้นไม้กระดาษต้นไม้กระดาษ
ต้นไม้กระดาษ
theesraponno
 
Power point คำราชาศัพท์
Power  point  คำราชาศัพท์Power  point  คำราชาศัพท์
Power point คำราชาศัพท์
Jazz Kanok-orn Busaparerk
 
Plant ser 126_60_1
Plant ser 126_60_1Plant ser 126_60_1
Plant ser 126_60_1
Wichai Likitponrak
 
นำเสนอโครงงานคอม
นำเสนอโครงงานคอมนำเสนอโครงงานคอม
นำเสนอโครงงานคอม
Pim Jazz
 
ดอกมะลิ
ดอกมะลิดอกมะลิ
ดอกมะลิ
paunphet
 
Pea Eggplant Kumjornvit2007
Pea Eggplant Kumjornvit2007Pea Eggplant Kumjornvit2007
Pea Eggplant Kumjornvit2007
somsuda buakham
 
รายงานเรื่องเห็ดนางฟ้า
รายงานเรื่องเห็ดนางฟ้ารายงานเรื่องเห็ดนางฟ้า
รายงานเรื่องเห็ดนางฟ้า
chunkidtid
 

Similar to บูรณาการสวนพฤกษกลุ่มกล้วย 503 (20)

มะม่วงพม่า2013
มะม่วงพม่า2013มะม่วงพม่า2013
มะม่วงพม่า2013
 
ต้นไม้กระดาษ
ต้นไม้กระดาษต้นไม้กระดาษ
ต้นไม้กระดาษ
 
Power point คำราชาศัพท์
Power  point  คำราชาศัพท์Power  point  คำราชาศัพท์
Power point คำราชาศัพท์
 
File
FileFile
File
 
พริกกะเหรี่ยง 2
พริกกะเหรี่ยง 2พริกกะเหรี่ยง 2
พริกกะเหรี่ยง 2
 
ประเภทห้องสมุด
ประเภทห้องสมุดประเภทห้องสมุด
ประเภทห้องสมุด
 
Plant ser 126_60_1
Plant ser 126_60_1Plant ser 126_60_1
Plant ser 126_60_1
 
นำเสนอโครงงานคอม
นำเสนอโครงงานคอมนำเสนอโครงงานคอม
นำเสนอโครงงานคอม
 
20080801 Carena Pmd
20080801 Carena Pmd20080801 Carena Pmd
20080801 Carena Pmd
 
ดอกมะลิ
ดอกมะลิดอกมะลิ
ดอกมะลิ
 
Biology
BiologyBiology
Biology
 
Com project
Com projectCom project
Com project
 
รายงาน
รายงานรายงาน
รายงาน
 
Pea Eggplant Kumjornvit2007
Pea Eggplant Kumjornvit2007Pea Eggplant Kumjornvit2007
Pea Eggplant Kumjornvit2007
 
โครงงานคอม
โครงงานคอมโครงงานคอม
โครงงานคอม
 
อาณาจักรพืช
อาณาจักรพืชอาณาจักรพืช
อาณาจักรพืช
 
Minibook Bio
Minibook BioMinibook Bio
Minibook Bio
 
รายงานเรื่องเห็ดนางฟ้า
รายงานเรื่องเห็ดนางฟ้ารายงานเรื่องเห็ดนางฟ้า
รายงานเรื่องเห็ดนางฟ้า
 
Is 3 (1)
Is 3 (1)Is 3 (1)
Is 3 (1)
 
โครงงาน เรื่องการศึกษาสรรพคุณและประโยชน์ของต้นตะขบ
โครงงานเรื่องการศึกษาสรรพคุณและประโยชน์ของต้นตะขบโครงงานเรื่องการศึกษาสรรพคุณและประโยชน์ของต้นตะขบ
โครงงาน เรื่องการศึกษาสรรพคุณและประโยชน์ของต้นตะขบ
 

บูรณาการสวนพฤกษกลุ่มกล้วย 503

  • 1. คำนำ โครงงำนเล่มนี้เป็ นส่ วนหนึ่งของรำยวิชำสวนพฤกษศำสตร์ โรงเรี ยน ว32285 โดยมีจุดประสงค์เพื่อ ศึกษำเกี่ยวกับต้นกล้วย ซึ่ งโครงงำนเล่มนี้มีเนื้ อหำเกี่ยวกับกำรนำส่ วนต่ำงๆของต้นกล้วยมำใช้ประโยชน์ ั ้ ในทำงที่ดีและเป็ นประโยชน์กบผูใช้มำกที่สุดโดยที่กลุ่มของเรำได้เลือกใช้กำบกล้วยเพรำะมีคุณสมบัติใน กำรลอบน้ ำได้ดี กลุ่มของเรำจึงเลือกหัวข้อนี้มำทำเป็ นรำยงำน เนื่ องจำกเป็ นเรื่ องที่น่ำสนใจและใกล้จะเทศกำลลอย กระทง สิ่ งที่จุดควำมคิดของกลุ่มเรำคือผำงประทีปที่ทำจำกดินเผำกลุ่มของเรำเลยคิดจะดัดแปลงภำชนะจำก ดินเผำมำเป็ นอะไรที่ประหยัด ลดภำวะโลกร้อนและเป็ นมิตรกับทรัยพำกรธรรมชำติจึงคิดเลือกกำบกล้วยที่มี คุณสมบัติลอยน้ ำได้ดีและไม่ทำลำยสิ่ งแวดล้อม โดยกลุ่มของเรำจึงหวังว่ำรำยงำนฉบับนี้จะให้ควำมรู ้และ เป็ นประโยชน์แก่ผอ่ำนไม่มำกก็นอย ู้ ้ ผูจดทำ ้ั 1.นำย ชนสรณ์ พิสิฐเศรษฐพงศ์ เลขที่ 3 2.นำงสำว ณัฐริ ยำ เขตกัน เลขที่ 6 3.นำงสำว นฤมล ปัญญำ เลขที่ 8 4.นำย บัณฑิต บุลกุล เลขที่ 9 5.นำย ปรัชญำ ผิวพรรณ เลขที่ 11 6.นำงสำว สุ รินทิพย์ ศิริวรรณ เลขที่ 16 7.นำงสำว อังคณำ แสนคติ เลขที่ 19 8.นำย พยัตเทพินทร์ ศิริเขตต์ เลขที่ 22 9.นำย ธนกฤต ปำนบัว เลขที่ 27 10.นำย เมธิส ใจเมตตำ เลขที่ 33 11.นำย รณชัช เมืองมูล เลขที่ 34 12.นำงสำว เวธกำ โนภิระ เลขที่ 45
  • 2. สำรบัญ เรื่ อง คำนำ สำรบัญ บทคัดย่อ กิตติกรรมประกำศ บทที่ 1 บทนำ ที่มำและควำมสำคัญ วัตถุประสงค์ ขอบเขตกำรศึกษำ ประโยชน์ที่คำดว่ำจะได้รับ บทที่ 2 เอกสำรและงำนทีเ่ กี่ยวข้ อง เอกสำรเกี่ยวกับต้นกล้วย เอกสำรเกี่ยวกับเทียนหอม งำนวิจยเกี่ยวกับเทียนหอม ั บทที่ 3 ขั้นตอนกำรดำเนินกำร กำรระดมสมอง เพื่อออกแบบกำรจัดสร้ำงโครงงำน กำรออกแบบกำรจัดสร้ำงโครงงำนและวิธีกำรดำเนินกำร กำรดำเนินกำร กำรสรุ ปผลกำรดำเนินกำร บทที่ 4 ผลกำรเรียนรู้ บทที่ 5 สรุ ปและวิจำรณ์ บรรณำนุกรม ภำคผนวก หน้ำ ก ข 1 2 3 3 3 4 5-8 8-9 9-10 11 11 11 12 13 14 15 16-21
  • 3. บทคัดย่อ ชื่อโครงงำน กล้วยหอมลอยน้ ำ ผูจดทำ ้ั 1.นำย ปรัชญำ ผิวพรรณ เลขที่ 11 (ประธำนกลุ่ม) 2.นำงสำว นฤมล ปัญญำ เลขที่ 8 (รองประธำนกลุ่ม) 3. นำย ชนสรณ์ เลขที่ 3 (กรรมกำร) พิสิฐเศรษฐพงศ์ 4. นำงสำว ณัฐริ ยำ เขตกัน เลขที่ 6 (กรรมกำร) 5 นำย บัณฑิต เลขที่ 9 (กรรมกำร) บุลกุล. 6.นำงสำว สุ รินทิพย์ ศิริวรรณ เลขที่ 16 (กรรมกำร) 7.นำงสำว อังคณำ แสนคติ เลขที่ 19 (กรรมกำร) 8.นำย พยัตเทพินทร์ ศิริเขตต์ เลขที่ 22 (กรรมกำร) 9.นำย ธนกฤต ปำนบัว เลขที่ 27 (กรรมกำร) 10.นำย เมธิส ใจเมตตำ เลขที่ 33 (กรรมกำร) 11.นำย รณชัช เมืองมูล เลขที่ 34 (กรรมกำร) 12.นำงสำว เวธกำ โนภิระ เลขที่ 45 (กรรมกำร) ครู ที่ปรึ กษำโครงงำน 1.คุณครู สิ ตำวีร์ ระมิงค์วงศ์ 2.คุณครู มนตรี ศรี กำ ระยะเวลำ 3 วัน โครงงำนเรื่ องกล้วยหอมลอยน้ ำจัดทำขึ้นเพื่อศึกษำคุณสมบัติของกำบกล้วยและเพื่อศึกษำประโยชน์ของต้น กล้วย กำรดำเนินกำรศึกษำค้นคว้ำและเรี ยบเรี ยงเป็ นโครงงำนเรื่ อง กล้วยหอมลอยน้ ำ มีข้ นตอนดังนี้ กำหนด ั หัวข้อที่จะศึกษำ เขียนเค้ำโครงโครงงำน ค้นคว้ำข้อมูล แบ่งหน้ำที่ให้สมำชิก ตรวจสอบควำมเรี ยบร้อย และถ้ำมีขอผิดพลำดก็ทำกำรแก้ไข และนำเสนอ ้
  • 4. กิตติกรรมประกำศ ในกำรจัดทำโครงงำนเรื่ องกล้วยหอมลอยน้ ำนี้สำเร็ จลุล่วงได้ดวยควำมกรุ ณำจำกคุณครู สิ ตำวีร์ ระมิงค์วงศ์ ้ และคุณครู มนตรี ศรี กำ รู ที่ปรึ กษำโครงงำนที่ได้ให้คำแนะนำ แนวคิด ตลอดจนแก้ไขข้อบกพร่ องต่ำงๆ มำ โดยตลอด จนโครงงำนนี้ เสร็ จสมบูรณ์ คณะผูจดทำจึงขอกรำบขอบพระคุณเป็ นอย่ำงสู ง ขอกรำบ ้ั ขอบพระคุณผูรู้ที่ให้คำปรึ กษำในเรื่ องต่ำงๆและขอบคุณเพื่อนๆที่ช่วยให้คำแนะนำดีเกี่ยวกับกำรทำกล้วย ้ หอมลอยน้ ำแลเกี่ยวกับโครงงำนนี้ จนทำให้โครงงำนสำเร็ จลุล่วงไปได้ดวยดี ้ ผูจดทำ ้ั 1.นำย ชนสรณ์ พิสิฐเศรษฐพงศ์ เลขที่ 3 2.นำงสำว ณัฐริ ยำ เขตกัน เลขที่ 6 3.นำงสำว นฤมล ปัญญำ เลขที่ 8 4.นำย บัณฑิต บุลกุล เลขที่ 9 5.นำย ปรัชญำ ผิวพรรณ เลขที่ 11 6.นำงสำว สุ รินทิพย์ ศิริวรรณ เลขที่ 16 7.นำงสำว อังคณำ แสนคติ เลขที่ 19 8.นำย พยัตเทพินทร์ ศิริเขตต์ เลขที่ 22 9.นำย ธนกฤต ปำนบัว เลขที่ 27 10.นำย เมธิส ใจเมตตำ เลขที่ 33 11.นำย รณชัช เมืองมูล เลขที่ 34 12.นำงสำว เวธกำ โนภิระ เลขที่ 45
  • 5. บทที่ 1 บทนำ ที่มำและควำมสำคัญ ่ ต้นกล้วย เป็ นพรรณไม้ลมลุกในสกุล Musa มีหลำยชนิดในสกุล บำงชนิดก็ออกหน่อแต่วำบำงชนิด ้ ก็ไม่ออกหน่อ ใบแบนยำวใหญ่ ก้ำนใบตอนล่ำงเป็ นกำบยำวหุ มห่อซ้อนกันเป็ นลำต้น ออกดอกที่ปลำยลำต้น ้ เป็ น ปลี และมักยำวเป็ นงวง มีลูกเป็ นหวี ๆ รวมเรี ยกว่ำ เครื อ ต้นกล้วย ในทำงวิชำกำรถือว่ำเป็ นลำต้นเทียม ประกอบด้วย ก้ำนใบจำนวนมำกอัดกันแน่นเป็ นชั้นๆชั้นนอกสุ ดมีควำมแข็ง และเหนี ยวมำกกว่ำก้ำนใบที่อยู่ ด้ำนใน จำกผลกำรวิเครำะห์ส่วนประกอบทำงเคมีของต้นกล้วย โดยกลุ่มงำนวิเครำะห์อำหำรสัตว์ กอง อำหำรสัตว์ กรมปศุสัตว์ พบว่ำ ต้นกล้วยสดมีน้ ำเป็ นส่ วนประกอบประมำณ 95 เปอร์เซ็นต์ มีปริ มำณโปรตีน คิดจำกน้ ำหนักแห้งเพียง 2.5 เปอร์ เซ็นต์ ซึ่ ง ใกล้เคียงกับฟำงข้ำว มีเยือใยคิดจำกน้ ำหนักแห้ง 26.1เปอร์ เซ็นต์ ่ อย่ำงไรก็ตำมระดับเยือใยในต้นกล้วยค่อนข้ำงต่ำ จึงสำมำรถใช้ตนกล้วยเป็ นอำหำรเลี้ยงสุ กร ซึ่ งเป็ นสัตว์ ่ ้ กระเพำะเดี่ยวได้ อีกทั้งกำบกล้วยสด นำมำหันคลุมดินรักษำควำมชื้นได้ และสำมำรถลอยน้ ำได้อีกด้วย ่ เนื่องจำกใกล้จะถึงเทศกำลลอยกระทงแล้ว ผูคนส่ วนใหญ่มกใช้ผำงประทีปในเทศกำลนี้และกลุ่ม ้ ั ของข้ำพเจ้ำได้ศึกษำเกี่ยวกับประโยชน์และคุณสมบัติของต้นกล้วยและต้นกล้วยเป็ นพืชที่ปลูกได้ง่ำยและ ปลูกมำกในประเทศไทย กลุ่มของข้ำพเจ้ำจึงเล็งเห็นถึงควำมสำคัญของต้นกล้วยและคิดสร้ำงสรรค์ผลงำนที่ จะนำกำบกล้วยมำทำเทียนหอม กลุ่มของพวกเรำจึงคิดที่จะทำผำงประทีปที่ทำมำจำกวัสดุธรรมชำติแทนผำง ประทีปแบบเดิม โดยผำงประทีปที่กลุ่มของข้ำพเจ้ำได้คิดขึ้นมำนี้มีควำมแปลกใหม่กว่ำเดิมทั้งในด้ำนรู ปทรง กลิ่น และวัสดุที่นำมำใช้เพรำะเมื่อใช้แล้วยังสำมำรถย่อยสลำยได้ดีกว่ำอีกด้วย วัตถุประสงค์ 1.เพื่อศึกษำคุณสมบัติของกำบกล้วยว่ำสำมำรถลอยน้ ำได้จริ งหรื อไม่ 2.กำบกล้วยเมื่อใส่ เทียนไขลงไปสำมำรถลอยน้ ำได้หรื อไม่ 3.กำบกล้วยสำมำรถนำมำดัดแปลงเป็ นรู ปลักษณ์ต่ำงๆได้หรื อไม่ ขอบเขตกำรศึกษำ - สวนพฤกษศำสตร์โรงเรี ยน - 216/14 ถ.วัวลำย ต.หำยยำ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ 50100
  • 6. ประโยชน์ ทคำดว่ำจะได้ รับ ี่ 1. ได้รับควำมพึงพอใจจำกผูที่นำไปใช้ ้ 2. ทำให้ทรำบประโยชน์ของกำบกล้วยว่ำสำมำรถรับน้ ำหนักของน้ ำเทียนได้ 3. ทำให้ทรำบกำบกล้วยที่นำมำใช้สำมำรถทนต่อควำมร้อนองน้ ำเทียนได้ 4. ได้รับควำมพึงพอใจจำกผูที่ลองใช้ ้
  • 7. บทที่ 2 เอกสำรและงำนศึกษำที่เกี่ยวข้อง เอกสำรเกียวกับต้ นกล้วย ่ จำกเว็บไซต์ http://guru.sanook.com/search/knowledge_search.php?qได้กล่ำวว่ำ กล้วยเป็ นไม้ผลที่คนไทยรู ้จกกันมำนำน เนื่องจำกกล้วยมีถิ่นกำเนิดในเอเชียใต้และเอเชี ยตะวันออก ั เฉียงใต้ ซึ่งประเทศไทยเป็ นประเทศหนึ่งในภูมิภำคดังกล่ำว จำกกำรศึกษำพบว่ำ กล้วยมีววฒนำกำร ิั ถึง ๕๐ ล้ำนปี มำแล้ว ดังนั้นจึงเป็ นไม้ผลที่มนุษย์รู้จกบริ โภคเป็ นอำหำรกันอย่ำงแพร่ หลำย เชื่อกันว่ำกล้วย ั เป็ นไม้ผลชนิดแรกที่มีกำรปลูกเลี้ยงไว้ตำมบ้ำน และได้แพร่ พนธุ์จำกเอเชียใต้และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ั ไปยังดินแดนอื่นๆในระยะเวลำต่อมำ กล้วยมีกำรปลูกกันมำกในเอเชียใต้ แม้ในปัจจุบน ประเทศอินเดียเป็ นประเทศที่มีกำรปลูกกล้วยมำกที่สุด ั ในโลก และมีพนธุ์กล้วยมำกมำยอีกด้วย เหมำะสมกับที่มีกำรกล่ำวกันไว้ในหนังสื อของชำวอำหรับว่ำ ั “กล้วยเป็ นผลไม้ของชำวอินเดีย” ต่อมำได้มีหมอของจักรพรรดิโรมันแห่งกรุ งโรมชื่ อว่ำแอนโตนิอุส มูซำ (Antonius Musa) ได้นำหน่อกล้วยจำกอินเดียไปปลูกทำงตอนเหนื อของอียปต์ เมื่อประมำณ ๒,๐๐๐ ปี ิ มำแล้ว หลังจำกนั้นมีกำรแพร่ ขยำยพันธุ์กล้วยไปในดินแดนของแอฟริ กำที่ชำวอำหรับเข้ำไปค้ำขำยและ พำนักอำศัย จนกระทังเมื่อประมำณ ค.ศ. ๙๖๕ ได้มีกำรกล่ำวถึงกล้วยว่ำ ใช้ในกำรประกอบอำหำรชนิดหนึ่ง ่ ของชำวอำหรับ ซึ่ งอร่ อยและเป็ นที่เลื่องลือมำก ชื่อว่ำ กำลำอิฟ (Kalaif) เป็ นอำหำรที่ปรุ งด้วยกล้วย เมล็ดอัล มอนด์ น้ ำผึ้ง ผสมกับน้ ำมันนัต (Nut oil) ซึ่ งสกัดจำกผลไม้เปลือกแข็งชนิดหนึ่ง นอกจำกใช้ประกอบอำหำร แล้ว ชำวอำหรับยังใช้กล้วยทำยำอีกด้วย ชำวอำหรับเรี ยกกล้วยว่ำ“มูซำ” ตำมชื่อของหมอที่เป็ นผูนำกล้วย ้ เข้ำมำในอียปต์เป็ นครั้งแรก ิ ในช่วงกลำงคริ สต์ศตวรรษที่ ๑๕ ชำวโปรตุเกสได้เดินเรื อไปค้ำขำยบริ เวณชำยฝั่งตะวันตกของทวีป ่ แอฟริ กำและได้นำกล้วยไปแพร่ พนธุ์ที่หมู่เกำะคะแนรี ซึ่ งตั้งอยูนอก ชำยฝั่งตะวันตกเฉี ยงเหนือของ ั ทวีป หลังจำกนั้น ชำวสเปนจึงได้นำกล้วยจำกหมู่เกำะ คะแนรี เข้ำไปปลูกในหมู่เกำะอินดีสตะวันตกใน อเมริ กำกลำง โดยเริ่ มปลูกที่อำณำนิคมซันโตโดมิงโก บนเกำะฮิสปันโยลำ เป็ นแห่งแรก แล้วขยำยไปปลูกที่ เกำะอื่นในเวลำต่อมำ ส่ งผลให้ดินแดนในอเมริ กำกลำงมีกำรปลูกกล้วยเป็ นพืชเศรษฐกิจกันอย่ำง
  • 8. แพร่ หลำย และนับตั้งแต่คริ สต์ศตวรรษที่ ๑๙ เป็ นต้นมำ ได้กลำยเป็ นแหล่งปลูกกล้วยส่ งเป็ นสิ นค้ำออกมำก ที่สุดของโลก โดยปลูกมำกในประเทศคอสตำริ กำ และประเทศฮอนดูรัส ่ จำกวิกิพีเดีย สำรำนุกรมเสรี ได้กล่ำวไว้วำ ่ กล้วย เป็ นพรรณไม้ลมลุกในสกุล Musa มีหลำยชนิดในสกุล บำงชนิดก็ออกหน่อแต่วำบำงชนิดก็ ้ ไม่ออกหน่อ ใบแบนยำวใหญ่ ก้ำนใบตอนล่ำงเป็ นกำบยำวหุ มห่อซ้อนกันเป็ นลำต้น ออกดอกที่ปลำยลำต้น ้ เป็ น ปลี และมักยำวเป็ นงวง มีลูกเป็ นหวี ๆ รวมเรี ยกว่ำ เครื อ พืชบำงชนิดมีลำต้นคล้ำยปำล์ม ออกใบเรี ยงกัน เป็ นแถวทำนองพัดคลี่ คล้ำยใบกล้วย เช่น กล้วยพัด (Ravenala madagascariensis) ทว่ำควำมจริ งแล้วเป็ นพืช ในสกุลอื่น ที่มิใช่ท้ งปำล์มและกล้วย ั ่ จำก เว็บไซต์สำรำนุกรมไทยสำหรับเยำวชน ได้กล่ำวไว้วำ ประโยชน์ของกล้วย กล้วยมีควำมผูกพันในวิถีชีวตคนไทยมำช้ำนำน คนไทยรู้ จกใช้ประโยชน์จำกต้นกล้วย นอกจำกบริ โภคเป็ น ิ ั อำหำรแล้ว ทุกส่ วนของกล้วยยังนำมำใช้ในพิธีกรรมต่ำงๆ รวมทั้งในชีวตประจำวันด้วย ิ ๑. กำรใช้ประโยชน์ในกำรบริ โภค กล้วยเป็ นผลไม้ที่มีเปลือกหุ มเช่นเดียวกับผลไม้อื่นๆ แต่วธีกำรปอกเปลือกกล้วยนั้น ไม่จำเป็ นต้องใช้ ้ ิ เครื่ องมือ เพียงใช้มือเด็ดปลำยหรื อจุก ก็สำมำรถปอกเปลือกได้ดวยมือและรับประทำนได้ทนที จึงเป็ นผลไม้ ้ ั ที่รับประทำนง่ำย ดังคำโบรำณว่ำ "ง่ำยเหมือนปอกกล้วยเข้ำปำก" นอกจำกปอกเปลือกง่ำยแล้ว กล้วยสุ กเมื่อ รับประทำนแล้ว ก็จะลื่นลงกระเพำะได้ง่ำย และย่อยง่ำย ด้วยเหตุที่กล้วยลื่นลงกระเพำะได้ง่ำย ทำให้บำงคน ไม่ค่อยเคี้ยวกล้วยซึ่ งเป็ นวิธีกำรที่ผด กำรรับประทำนกล้วยจำเป็ นต้องเคี้ยวให้ละเอียด เพรำะกล้วยมีแป้ งร้อย ิ ละ ๒๐ - ๒๕ ของเนื้อกล้วย ถ้ำเคี้ยวไม่ละเอียด น้ ำย่อยในกระเพำะต้องทำงำนหนัก หำกย่อยไม่ทนกล้วยจะ ั อืดในกระเพำะ อย่ำงไรก็ตำม กระเพำะของคนใช้เวลำในกำรย่อยกล้วยสั้นกว่ำกำรย่อยส้ม นม กะหล่ำปลี หรื อแอปเปิ ล ดังนั้นคนไทยจึงนิยมใช้กล้วยที่ขดเอำแต่เนื้ อ ไม่เอำไส้ บดละเอียดให้ทำรกรับประทำน ู นอกจำกทำรกแล้ว คนชรำก็รับประทำนกล้วยได้ดีเช่นกัน ในกรณี คนหนุ่มสำว กล้วยเหมำะสำหรับคนที่ ต้องกำรลดควำมอ้วน เนื่ องจำกกล้วยมีคุณค่ำทำงอำหำรสู งพอๆ กับมันฝรั่ง แต่มีปริ มำณไขมัน คอเลสเตอรอล และเกลือแร่ ต่ำ กล้วยมีโซเดียมเพียงเล็กน้อย แต่มีโพแทสเซี ยมสู ง กำรมีโพแทสเซี ยมสู งนี้จะ ช่วยลดควำมดันโลหิ ตลงได้ ในประเทศอินเดียมีควำมเชื่อว่ำ หำกรับประทำนกล้วย ๒ ผลต่อวัน จะสำมำรถ
  • 9. ลดควำมดันโลหิตได้ถึงร้อยละ ๑๐ ภำยในระยะเวลำ ๑ สัปดำห์ กล้วยยังเป็ นผลไม้ที่เหมำะสำหรับผูที่เป็ นโรคเกี่ยวกับทำงเดินอำหำร และท้องเสี ยบ่อย เพรำะสำมำรถช่วย ้ ลดแก๊สในกระเพำะอำหำรได้ กล้วยเมื่อยังดิบจะมีแป้ งมำก แต่เมื่อสุ ก แป้ งจะเปลี่ยนเป็ นน้ ำตำล ดังนั้นหำก ท้องเดิน กำรกินกล้วยดิบจะช่วยทำให้อำกำรท้องเดินหยุดได้ และเมื่อเป็ นโรคกระเพำะ ให้กินกล้วยที่สุก แล้ว สำหรับกล้วยที่ทำให้สุกด้วยควำมร้อน วิตำมินจะลดลง ๒. กำรใช้ประโยชน์ในพิธีกรรมต่ำงๆ และในชีวตประจำวัน ิ - ในพิธีทำงศำสนำ เช่น กำรเทศน์มหำชำติ และกำรทอดกฐิน มักใช้ตนกล้วยประดับธรรมำสน์ และองค์ ้ กฐิน - ในพิธีต้ งขันข้ำว หรื อค่ำบูชำครู หมอตำแย สำหรับผูหญิงที่ต้ งครรภ์ และไปขอให้หมอตำแยทำคลอดให้ ั ้ ั จะต้องใช้กล้วย ๑ หวี พร้อมทั้งข้ำวสำร หมำกพลู ธูปเทียนสำหรับกำรทำพิธีบูชำครู ก่อนคลอด และเมื่อ ่ คลอดแล้ว จะต้องอยูไฟ ก็ยงใช้ตนกล้วยทำเป็ นท่อนล้อมเตำไฟ ป้ องกันกำรลำมของไฟ ั ้ - ในพิธีทำขวัญเด็ก เมื่อเด็กอำยุได้ ๑ เดือน กับ ๑ วัน มีกำรทำขวัญเด็กและโกนผมไฟ จะมีกล้วย ๑ หวี เป็ น ส่ วนประกอบในพิธีดวย ้ - ในพิธีแต่งงำน มักมีตนกล้วยและต้นอ้อยในขบวนขันหมำก พร้อมทั้งมีขนมกล้วย และกล้วยทั้งหวี เป็ น ้ กำรเซ่นไหว้เทวดำและบรรพบุรุษ - ในกำรปลูกบ้ำน เมื่อมีพิธีทำขวัญยกเสำเอก จะใช้หน่อกล้วยผูกมัดไว้ที่ปลำยเสำร่ วมกับต้นอ้อย และเมื่อ เสร็ จพิธี ก็จะมีกำรลำต้นกล้วยและต้นอ้อยนั้น นำมำปลูกไว้ในบริ เวณบ้ำน จำกนั้นประมำณ ๑ ปี หรื อเมื่อ ่ ปลูกบ้ำนเสร็ จแล้วพร้อมอยูอำศัย ก็มีกล้วยไว้กินพอดี - ในงำนศพ ในสมัยโบรำณ มีกำรนำใบตอง มำรองศพ ก่อนนำศพวำงลงในโลงนอกจำกนี้ ใบตองยังมี บทบำทสำคัญมำกในพิธีกรรมต่ำงๆ โดยกำรนำมำทำกระทงใส่ ของ ใส่ ดอกไม้ และประดิษฐ์เป็ นกระทง บำยศรี - ในชีวตประจำวัน ใช้ใบตองในกำรห่อผักสดและอำหำร เนื่องจำกใบตองสดมีควำมชื้ น ดังนั้นเมื่อใช้ห่อผัก ิ สดหรื ออำหำร ควำมชื้นจะช่วยรักษำผักหรื ออำหำรให้สดอยูเ่ สมอ นอกจำกนี้ใบตองยังทนทำนต่อควำมเย็น และควำมร้อน ดังนั้นเมื่อนำใบตองห่ ออำหำรแล้วเอำไปปิ้ ง นึ่ง ต้ม ใบตองก็จะไม่สลำยหรื อละลำยเหมือน
  • 10. เช่นพลำสติก จึงมีอำหำรหลำยอย่ำงที่ห่อใบตองแล้วนำไปนึ่ง เช่น ห่ อหมก ข้ำวต้มผัด ขนมกล้วย ขนมตำล ขนมใส่ ไส้ หรื อเอำไปปิ้ ง เช่น ข้ำวเหนียวปิ้ ง หรื อนำไปต้ม เช่น ข้ำวต้มมัด หรื อข้ำวต้มจิม อำหำรเหล่ำนี้ เมื่อ ้ นำไปต้ม ปิ้ ง หรื อนึ่งแล้ว ยังทำให้เกิดควำมหอมของใบตองอีกด้วย สำหรับใบตองแห้ง นำมำใช้ทำกระทง เพื่อใส่ อำหำร ห่ อกะละแม มวนบุหรี่ โดยใบตองแห้งก็จะมีกลิ่นหอมเช่นกัน ที่มหำวิทยำลัยเกษตรศำสตร์ ได้ มีกำรทดลองนำเอำใบตองแห้งมำอัดกันแน่นหลำยๆ ชั้น ทำเป็ นภำชนะใส่ ของแทนกำรใช้โฟมได้อีกด้วย - ต้นกล้วย ที่หนเป็ นท่อนๆ อำจใช้เป็ นทุ่นลอยน้ ำให้เด็กๆ ใช้หดว่ำยน้ ำ หรื อนำมำทำเป็ นแพสำหรับตั้ง ั่ ั ่ สิ่ งของให้ลอยอยูในน้ ำ เอกสำรเกียวกับเทียนหอม ่ ่ จำกวิกิพีเดีย สำรำนุกรมเสรี ได้กล่ำวไว้วำ เทียนหอม หมำยถึง ผลิตภัณฑ์ ที่ได้ จำกกำรนำพำรำฟิ น และไขผึ้งมำหลอมละลำยรวมกัน อำจเติม สี และเติมน้ ำมันหอมระเหย นำไปปั้ นด้วยมือ หรื อหล่อแบบขึ้นรู ป หรื อกดจำกพิมพ์ให้มีรูปทรงตำมต้องกำร อำจประกอบด้วยวัสดุอื่นเพื่อให้ เกิดควำมสวยงำม เช่น ดอกไม้แห้ง มีไส้เทียนสำหรับจุดไฟ และมีกลิ่นหอม ของน้ำมันหอมระเหย เทียนหอมแฟนซี เน้นกำรใช้ประโยชน์และควำมสวยงำม โดยมีกลิ่นหอม แบบสวย และอำจจะใช้ไล่ยงหรื อแมลงได้อีกด้วย ทั้งนี้แล้ว เทียนหอมแฟนซี ยังมีกำรทำเป็ นธุ รกิจsMEขนำดย่อม มี ุ กำรลงทุนที่นอยกว่ำ แต่ได้กำไรเยอะ เนื่องจำกเป็ นงำนhandmade ทำให้ผคนสนใจในตัวสิ นค้ำ เทียนหอม ้ ู้ แฟนซี หรื อ Fancy Aroma Candle นั้น ทำจำกส่ วนผสมไม่กี่อย่ำง ทำง่ำย และตกแต่งง่ำย โดยใช้ตนทุนเพียง ้ ไม่กี่บำท ก็สำมำรถประดิษฐ์มนขึ้นมำได้แล้ว ั ่ จำกเว็บไซต์ http://tianhompeuasukapap.wordpress.com/ได้กล่ำวไว้วำ เทียนไขเป็ นผลิตภัณฑ์ที่เกิดขึ้นเพื่อใช้ประโยชน์ในด้ำนกำรให้แสงสว่ำง แต่ในระยะต่อมำเทียนไข ได้ถูกทดแทน ด้วยควำมเจริ ญก้ำวหน้ำทำงเทคโนโลยีดำนพลังงำนแสงสว่ำงจำกกระแสไฟฟ้ ำ ทำให้บทบำท ้ ของเทียนไขที่มีต่อชีวิตประจำวันของผูคนลดน้อยลง และเปลี่ยนสถำนะจำกสิ่ งของจำเป็ น เป็ นสิ่ งของ ้ ตกแต่ง ซึ่ งทำให้มีกำรพัฒนำทำงด้ำนรู ปแบบ สี สันของเทียนให้มีควำมสวยงำมมำกขึ้น นอกจำกนี้ใน ปั จจุบนมีกำรดัดแปลงจำกเทียนที่ให้แสงสว่ำงธรรมดำมำผสมกลิ่นหอมประเภทต่ำงๆเพิ่มลงไป เพื่อสร้ำง ั ั มูลค่ำเพิ่มให้กบสิ นค้ำได้มำกยิงขึ้น โดยกำรนำกลิ่นสมุนไพรประเภทต่ำงๆ เช่น กลิ่นตะไคร้หอม มะกรู ด ่ มะนำว อบเชย เป็ นต้น เข้ำมำผสมและมีวตถุประสงค์ในกำรใช้สอยที่เพิ่มขึ้นจำกเดิม เพื่อประโยชน์ในกำร ั
  • 11. บำบัดทำงด้ำนจิตใจและอำรมณ์ของคนในสังคมปั จจุบน ที่เกิดภำวะควำมตึงเครี ยดทำงอำรมณ์ค่อนข้ำง ั สู ง และส่ งผลกระทบต่อสุ ขภำพร่ ำงกำยในลำดับต่อมำ ซึ่ งกำรนำกลิ่นหอมเข้ำมำบำบัด จะทำให้ภำวะ ร่ ำงกำยเกิดกำรผ่อนคลำย สำมำรถนอนหลับพักผ่อนได้ง่ำยขึ้นและบำงกลิ่นจะช่วยกระตุนให้ร่ำงกำยมีควำม ้ กระตือรื อร้น กระฉับกระเฉง พร้อมที่จะทำงำนหรื อดำเนิ นกิจกรรมต่ำงๆ อย่ำงสดชื่นขึ้น งำนวิจัยเกียวกับเทียนหอม ่ นักวิจยจำกมหำวิทยำลัยแคโรลัยนำได้ทำกำรวิจยเกี่ยวกับเทียนหอมพบว่ำ เทียนหอมที่ทำจำก ั ั พำรำฟิ น ซึ่ งเป็ นวัตถุดิบหลักยอดนิยมในกำรผลิตเทียนหอมนั้น สำมำรถทำให้เกิด ก๊ำซพิษ อำทิ toluene และ benzeneได้ ในขณะที่เทียนซึ่ ทำจำกขี้ผ้ งและถัวเหลืองนั้น ไม่ก่อให้เกิดก๊ำซพิษแต่อย่ำงใด ึ ่ คณะนักวิจยยังกล่ำงอีกว่ำ กำรจุดเทียนหอมซึ่ งทำจำกพำรำฟิ นเพียงบำงครั้งบำงครำ ไม่ได้ทำให้ ั เกิดอันตรำยแต่อย่ำงใด แต่หำกจุดบ่อยๆในห้องที่ไม่มมีกำรถ่ำยเทอำกำศ อำจส่ งกระทบต่อระบบทำงเดิน ่่ หำยใจ และ อำจเป็ นสำเหตุของโรคภูมิแพ้และหอบหืดได้ อย่ำงไรก็ตำม ยังเป็ นที่ถกเถียงกันอยูวำ เทียนหอม ประเภทใดมีควำมปลอดภัยมำกกว่ำกัน จุดเทียนหอมครั้งต่อไป เลือกจุดในห้องที่มีอำกำศถ่ำยเทน่ำจะ ่ ้ ปลอดภัยที่สุด นอกจำกนี้ นักวิจยยังพบว่ำ ในควันเทียนที่ทำจำกพำรำฟิ น มีสำรก่อมะเร็ งปะปนอยูดวย ั หำกร่ ำงกำยได้รับเข้ำไปในปริ มำณมำก อำจส่ งผลเสี ยต่อสุ ขภำพได้ ั เอมิด เฮมิดี (Amid Hamidi) ซึ่ งเป็ นหัวหน้ำทีมวิจยดังกล่ำว กล่ำวกับสมำคมเคมีอเมริ กน ั ่ (American Chemical Society) ว่ำ ผูที่นิยมจุดเทียนเพื่อสร้ำงบรรยำกำศ ไม่วำจะเป็ นบนโต๊ะอำหำรหรื อใน ้ ่ ห้องน้ ำ ล้วนจัดอยูในกลุ่มเสี่ ยงด้วยกันทั้งสิ้ น เพรำะแทนที่จะช่วยให้รู้สึกผ่อนคลำย แต่กลับเป็ นอันตรำยต่อ สุ ขภำพ "เทียนพำรำฟิ นและแสงสว่ำงของมันจะไม่ส่งผลต่อสุ ขภำพของคุณ แต่หำกคุณจุดเทียนพำรำฟิ น หลำยๆ เล่ม ทุกวัน เป็ นเวลำหลำยปี ติดต่อกัน หรื อจุดบ่อยๆ ในที่ที่อำกำศถ่ำยเทไม่สะดวก เช่น รอบๆ อ่ำง อำบน้ ำในห้องน้ ำ ก็อำจส่ งผลเสี ยต่อสุ ขภำพได้" นักวิจย กล่ำว ั ทั้งนี้ ทีมวิจยได้ทดลองจุดเทียนพำรำฟิ นภำยในห้องแล็บ แล้วเก็บตัวอย่ำงสำรผสมที่ปะปนออกมำ ั ่ กับควันเทียน เมื่อนำไปวิเครำะห์พบว่ำมีสำรเคมีอนตรำยอยูหลำยชนิด เนื่ องจำกว่ำเทียนพำรำฟิ นเป็ น ั ผลิตภัณฑ์จำกปิ โตรเคมี และกำรเผำไหม้ของเทียนมีอุณหภูมิไม่สูงพอที่จะทำให้เกิดกำรสันดำปโมเลกุลที่ เป็ นอันตรำย เช่น โทลูอีน และ เบนซี น เพื่อหลีกเลี่ยงผลเสี ยดังกล่ำว นักวิจยแนะนำว่ำควรหลีกเลี่ยงกำรจุดเทียนที่ทำจำกพำรำฟิ น และเปลี่ยนมำใช้ ั เทียนที่ทำจำกขี้ผ้ งหรื อถัวเหลือง ซึ่ งไม่ปลดปล่อยสำรเคมีที่เป็ นอันตรำยออกมำ ึ ่
  • 12. อย่ำงไรก็ดี ดร.โจแอนนำ โอเวนส์ (Dr Joanna Owens) จำกสถำบันวิจยมะเร็ งแห่งสหรำชอำณำจักร (Cancer ั ่ Research UK) กล่ำวว่ำ ยังไม่มีหลักฐำนชัดเจนที่บ่งชี้วำกำรจุดเทียนทุกวันจะมีควำมเสี่ ยงต่อกำร เกิด โรคมะเร็ ง "มลพิษทำงอำกำศภำยในอำคำรที่มีนยสำคัญต่อกำรเกิดโรคมะเร็ งมำกที่สุดคือ ควันบุหรี่ มือสอง และเมื่อพูด ั ถึงเรื่ องควำมเสี่ ยงต่อโรคมะเร็ ง เรำมักจะมุ่งไปไปถึงสิ่ งที่เรำมีหลักฐำนชัดเจนว่ำเกี่ยวข้องกับกำรเกิด มะเร็ ง ได้แก่ บุหรี่ เครื่ องดื่มแอลกอฮอล์ โรคอ้วน อำหำรขยะ และกำรถูกแสงแดดสะสมเป็ นเวลำนำน เหล่ำนี้ เป็ น ปั จจัยที่มีส่วนอย่ำงมำกในกำรก่อให้เกิดมะเร็ ง" ดร.โอเวนส์ ชี้แจง ด้ำน ดร.โนมี ไอเซอร์ (Dr Noemi Eiser) จำกมูลนิธิโรคปอดแห่งอังกฤษ (British Lung Foundation) กล่ำว เพิ่มเติมว่ำ อยำกทำให้ผคนรู ้สึกอุ่นใจและมันใจขึ้นว่ำกำรใช้เทียนพำรำฟิ นในโอกำสพิเศษ จะไม่ก่อให้เกิด ู้ ่ ควำมเสี่ ยงใดๆ ต่อสุ ขภำพปอดของพวกเขำ แต่ก็ควรจะระมัดระวังไว้ก่อนดีที่สุด เช่น จุดเทียนในที่ที่มี อำกำศถ่ำยเทสะดวก เป็ นต้น
  • 13. บทที่ 3 ขั้นตอนกำรดำเนิ นกำร ในกำรศึกษำคุณสมบัติของกำบกล้วยว่ำเมื่อใส่ เทียนลงไปมีควำมสำมำรถในกำรลอยน้ ำ และ ควำมสำมำรถในด้ำนนำมำดัดแปลงเป็ นรู ปลักษณ์ต่ำงๆ กลุ่มผูศึกษำมีวธีกำรดำเนินงำนดังต่อไปนี้ ้ ิ 1. กำรระดมสมอง เพือออกแบบกำรจัดสร้ ำงโครงงำน ่ ปรึ กษำหำรื อกันในกลุ่มเพื่อเลือกพรรณไม้ที่จะศึกษำ และแลกเปลี่ยนควำมคิดเห็นกันในเรื่ อง ผลิตภัณฑ์ที่ศึกษำและปฏิบติในขั้นตอนต่อไป ั 2. กำรออกแบบกำรจัดสร้ ำงโครงงำนและวิธีกำรดำเนินกำร วำงแผนและออกแบบเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ที่เลือกศึกษำและกำหนดขั้นตอนกำรลงมือปฏิบติใน ั ขั้นตอนต่อไป 3. กำรดำเนินกำร 1.นำต้นกล้วยที่เรำนำมำตัดส่ วนลำต้นและลอกเอำกำบกล้วย 2.นำกำบกล้วยมำดัดแปลงตำมรู ปทรงที่เรำต้องกำร 3.นำแผ่นเทียนและสี เทียนที่เรำต้องกำรมำต้มร่ วมกันจะได้น้ ำเทียนตำมสี ที่ตองกำรและนำกลิ่น ้ น้ ำหอมที่เตรี ยมไว้มำผสมในน้ ำเทียนจนกลำยเป็ นเนื้ อเดียวกันและให้มีกลิ่นหอมตำมที่ตองกำร ้ 4.นำสำยเทียนมำวำงไส้ตรงกลำงของกำบกล้วยที่ทำเป็ นรู ปทรงแล้ว 5.นำน้ ำเทียนที่ได้จำกขั้นตอนที่3มำเทลงในกำบกล้วยที่ทำไว้เป็ นรู ปทรงต่ำงๆที่ได้เตรี ยมไว้ 6.รอจนน้ ำเทียนแห้งก็จะได้ผำงประทีปที่ทำจำกกำบกล้วยและมีกลิ่นที่หอมและสี สันที่สวยงำม
  • 14. 4. กำรสรุ ปผลกำรดำเนินกำร กำบกล้วยที่ใส่ เทียนหอมลงไปแล้วสำมำรถดัดแปลงเป็ นรู ปทรงต่ำงๆได้ แต่ควำมสำมำรถในกำร ลอยน้ ำนั้น มีเพียงบำงรู ปทรงเท่ำนั้นที่จะสำมำรถลอยน้ ำได้จริ งเนื่ องจำกมีน้ ำหนักที่มำกเกินไป และอีกทั้ง ต้นกล้วยที่นำมำใช้ มีควำมโค้งงอมำกควำมสำมำรถในกำรทำเป็ นฐำนจึงสำมำรถทำได้ยำก
  • 15. บทที่ 4 ผลกำรเรี ยนรู้ 1. กำรทดลอง ตำรำงแสดงผลกำรทดลอง รู ปทรง สำมเหลี่ยม สี่ เหลี่ยม วงกลม ดำว เรื อ ควำมสำมำรถในกำรลอยนำ ้ ลอยน้ ำไม่ได้ ลอยน้ ำไม่ได้ ลอยน้ ำไม่ได้ ลอยน้ ำไม่ได้ ลอยน้ ำได้ 2. ผลกำรทดลอง กำบกล้วยที่นำมำดัดเป็ นรู ปทรงต่ำงๆแล้วนำน้ ำเทียนมำเทใส่ น้ นไม่สำมำรถลอยน้ ำได้ท้ งหมด ั ั ทั้งนี้เพรำะน้ ำหนักของเทียนหอมแต่ละรู ปทรงมีมำกเกินไปจึงทำให้เทียนหอมจมน้ ำ 3. กำรปรับปรุ ง เพื่อให้เทียนหอมที่ทำจำกกำบกล้วยสำมำรถลอยน้ ำได้ทุกอัน จึงอำจแก้ปัญหำได้โดยกำรลด ปริ มำณของน้ ำเทียนให้นอยลงเพื่อให้เทียนหอมมีน้ ำหนักเบำขึ้น หรื อทำให้เป็ นรู ปทรงที่ควำมสมดุล ้ ่ สำมำรถทรงตัวในขณะที่ลอยอยูในน้ ำได้โดยไม่ทำให้เทียนหอมจม
  • 16. บทที่ 5 สรุ ปและวิจำรณ์ จำกกำรทดลองพบว่ำกำบกล้วยสำมำรถดัดแปลงเป็ นรู ปทรงต่ำงๆได้ อีกทั้งยังสำมำรถควำมร้อน จำกน้ ำเทียนได้อีกด้วย แต่ยงพบอีกว่ำมีเทียนหอมที่ทำจำกกำบกล้วยบำงรู ปทรงเท่ำนั้นที่สำมำรถลอยน้ ำได้ ั เพรำะกำบกล้วยมีคุณสมบัติคือ ลอยน้ ำได้ และมีน้ ำหนักเบำ แต่มีบำงรู ปทรงที่ไม่สำมำรถลอยน้ ำได้ เนื่องจำกมีน้ ำหนักที่มำกเกินไปซึ่ งรู ปทรงที่สำมำรถลอยน้ ำได้เรำสำมำรถนำไปใช้แทนผำงประทีปที่ทำจำก ดินเผำได้อีกทั้งยังสำมำรถย่อยสลำยได้ดีกว่ำอีกด้วย อีกทั้งยังมีกลิ่นที่หอมและมีสีสันที่สวยงำม และเป็ น มิตรต่อธรรมชำติอีกด้วย ข้ อเสนอแนะ ในกำรทำเทียนหอมที่ทำจำกกำบกล้วยครั้งนี้ควรใส่ น้ ำเทียนในปริ มำณที่นอยกว่ำเดิม เนื่องจำกกำบ ้ กล้วยมีน้ ำหนักจึงไม่สำมำรถที่รับน้ ำหนักมำกๆได้ และควรทำรู ปทรงให้รับกับปริ มำณของน้ ำเทียนที่กดลง มำแล้วไม่ให้จม อีกทั้งเตรี ยมวัสดุอุปกรณ์ให้พร้อมมำกกว่ำนี้ดวย ้
  • 17. บรรณำนุกรม - http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%81%E0%B8%A5%E0%B9%89%E0%B8%A7%E0%B8 %A2 - http://kanchanapisek.or.th/kp6/sub/book/book.php?book=30&chap=6&page=t30-6infodetail09.html - http://tianhompeuasukapap.wordpress.com/ - http://guru.sanook.com/search/knowledge_search.php?q - http://tianhompeuasukapap.wordpress.com/%E0%B9%80%E0%B8%99%E0%B8%B7%E0%B9 %89%E0%B8%AD%E0%B8%AB%E0%B8%B2/%E0%B8%9A%E0%B8%97%E0%B8%97% E0%B8%B5%E0%B9%88-2%E0%B9%80%E0%B8%AD%E0%B8%81%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0% B9%81%E0%B8%A5%E0%B8%B0%E0%B8%87%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%A7% E0%B8%B4%E0%B8%88%E0%B8%B1/ - http://www.khanpak.com/8540%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%99%E0%B8%AB%E0%B 8%AD%E0%B8%A1%E0%B8%81%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%AA%E0%B8%B8 %E0%B8%82%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%9E.html
  • 21. 2.นำกำบกล้วยมำดัดแปลงตำมรู ปทรงที่เรำต้องกำร 3.นำแผ่นเทียนและสี เทียนที่เรำต้องกำรมำต้มร่ วมกันจะได้น้ ำเทียนตำมสี ที่ตองกำรและนำกลิ่นน้ ำหอมที่ ้ เตรี ยมไว้มำผสมในน้ ำเทียนจนกลำยเป็ นเนื้ อเดียวกันและให้มีกลิ่นหอมตำมที่ตองกำร ้
  • 22. 4.นำสำยเทียนมำวำงไส้ตรงกลำงของกำบกล้วยที่ทำเป็ นรู ปทรงแล้ว 5.นำน้ ำเทียนที่ได้จำกขั้นตอนที่3มำเทลงในกำบกล้วยที่ทำไว้เป็ นรู ปทรงต่ำงๆที่ได้เตรี ยมไว้