ใบ 7
- 1. ใบงานที่ 7 เรื่อง โครงงานประเภท “การประยุกต์ ใช้ งาน”
โครงงานประเภท การประยุกต์ใช้งาน หมายถึง โครงงานที่ใช้คอมพิวเตอร์ในการสร้าง
ผลงานเพื่อประยุกต์ใช้งานจริ งในชีวตประจาวันเช่น ซอฟต์แวร์สาหรับการออกแบบและตกแต่ง
ิ
อาคาร ซอฟต์แวร์สาหรับการผสมสี ซอฟต์แวร์สาหรับการระบุคนร้าย เป็ นต้น โครงงานงาน
ประเภทนี้จะมีการประดิษฐ์ฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์หรื ออุปกรณ์ใช้สอยต่าง ๆ ซึ่งอาจจะสร้างใหม่
่
หรื อปรับปรุ งดัดแปลงของเดิมที่มีอยูแล้วให้มีประสิ ทธิภาพสู งขึ้นก็ได้ โครงงานลักษณะนี้
จะต้องศึกษาและวิเคราะห์ความต้องการของผูใช้ก่อนแล้วนาข้อมูลที่ได้มาใช้ในการออกแบบ
้
และพัฒนาสิ่ งของนั้น ๆ ต่อจากนั้นต้องมีการทดสอบการทางานหรื อทดสอบคุณภาพของ
สิ่ งประดิษฐ์แล้วปรับปรุ งแก้ไขให้มีความสมบูรณ์ โครงงานประเภทนี้นกเรี ยนต้องใช้ความรู ้
ั
เกี่ยวกับเครื่ องคอมพิวเตอร์ ภาษาโปรแกรม และเครื่ องมือต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งอาจใช้วธี
ิ
ทางวิศวกรรมฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ในการพัฒนาด้วย
ตัวอย่ าง
1.โครงงานโปรแกรมธนาคารความดี
ใช้ในการบันทึกข้อมูลนักเรี ยน เพิ่มคะแนนความดี หักคะแนนความประพฤติของ
นักเรี ยน และผลของการใช้โปรแกรมบันทึกข้อมูลนี้กบธนาคารความดี ก็เป็ นที่น่าพอใจมากกว่า
ั
ั ่
การบันทึกความดีที่เป็ นสมุดรู ปเล่ม ที่ใช้กนอยูในปั จจุบน ซึ่งต้องใช้กระดาษเป็ นจานวนมากใน
ั
การทาเป็ นสมุดบันทึกคะแนนความดีให้นกเรี ยนทุกคนในโรงเรี ยน อีกทั้งการพกพาสมุดนั้นทา
ั
ให้เกิดการสู ญหายได้ และเกิดการชารุ ดได้ง่าย การหาวิธีที่จะใช้กระดาษให้นอยลงจึงเป็ น
้
ทางเลือกที่ดี ดังนั้นโปรแกรมธนาคารความดีน้ ีจึงเป็ นทางเลือกใหม่ที่ดีกว่ารู ปเล่มบันทึก
แบบเดิม โปรแกรมธนาคารความดีน้ ีได้ถูกคิดต่อยอดจากโปรแกรมเดิมที่มีคุณสมบัติไม่ดีเท่า
โปรแกรมตัวใหม่ โดยเริ่ มจากการวางแผนเค้าโครงโปรแกรม คิดหาสู ตรที่ใช้ในการพัฒนา
โปรแกรมธนาคารความดี ออกแบบฐานข้อมูลโดยใช้โปรแกรม Microsoft Access 2003
ออกแบบเมนูหลักต่างๆที่จาเป็ นต่อการใช้งาน เช่น รายการเพิ่มคะแนนความดี รายการหัก
คะแนนความประพฤติ รายงานคะแนนแบบห้อง หรื อแม้แต่ระดับบุคคล และยังสามารถมี
ประโยชน์ในการใช้งานจริ ง แล้วจึงมาสร้างในโปรแกรม Microsoft Visual Basic 6.0 โดยเริ่ ม
่
จากการสร้างเมนูหลัก เพิ่มเมนูยอยอีกหลายรายการเพื่อสะดวกแก่การเก็บหลักฐานพฤติกรรม
- 2. ของนักเรี ยนที่เป็ นสมาชิกภายในโรงเรี ยน ข้อมูลภายในโปรแกรมธนาคารความดียงสามารถ
ั
เพิ่ม ลบ หรื อแก้ไข ข้อมูลสมาชิกหรื อข้อมูลต่างๆภายในโปรแกรมได้ ข้อมูลและหลักฐานต่างๆ
ที่ถูกบันทึกในโปรแกรมยังสามารถเก็บเป็ นหลักฐาน และรายงานเพื่อส่ งต่อให้ฝ่ายปกครอง
พิจารณาต่อไปได้อีกด้วย โปรแกรมธนาคารความดีน้ ีจึงเป็ นโปรแกรมที่สามารถลดภาระของครู
ผูบริ หารเกี่ยวกับการควบคุม ดูแลความประพฤติของนักเรี ยนได้โดยไม่ตองเพิ่งการตรวจสอบที่
้ ้
ยุงยากเหมือนแต่ก่อน ลดขั้นตอนการดูแลได้ในโปรแกรมเดียว และยังสามารถประยุกต์พฒนา
่ ั
โปรแกรมนี้เพื่อประโยชน์แก่กิจกรรมทางการเรี ยนของนักเรี ยนได้อีกด้วย
- 3. 2.โปรแกรมการสื บค้นคาไทยตามเสี ยงอ่าน (Thai Soundex)
การค้นหาคาไทยที่มีเสี ยงพ้อง หรื อคาที่สามารถสะกดได้หลายแบบนั้น สามารถ
แก้ปัญหาได้ โดยการค้นหาคาตามเสี ยงอ่าน ทั้งนี้ ตามธรรมชาติของผูใช้ภาษาโดยทัวไป จะเคย
้ ่
ชินกับเสี ยงอ่านของคามากกว่าตัวสะกด นอกจากนั้น เสี ยง 1 เสี ยงสามารถแทนคาได้มากกว่า 1
คา เช่น เสี ยง "ค่า"หมายความถึง ข้า ค่า หรื อ ฆ่า ก็ได้ ชื่อเฉพาะทั้งหลาย ก็สามารถสะกดได้
หลายแบบ เช่น เพชรรัตน์ (อ่านว่า เพ็ด - ชะ - รัด)อาจสะกดเป็ น เพชรัตน์ เพ็ชรัตน์ เพ็ชรรัตน์
เพชรรัช เพชรรัชต์ เพชรรัฐ เพชรรัตต์ เพชรรัตติ์ เพชรรัศม์ ฯลฯ จึงได้มีการคิดวิธีคนตามเสี ยง
้
อ่านขึ้น เพืออานวยความสะดวกต่อผูใช้ ในสถานการณ์ที่ไม่สามารถสะกดคาได้อย่างถูกต้อง
่ ้
เช่น การค้นหาชื่อในฐานข้อมูลสามะโนประชากร ในสมุดรายนามผูใช้โทรศัพท์ หรื อใน
้
โปรแกรมตรวจคาผิด เป็ นต้น
3.โปรแกรมแปลภาษา (Machine Translation)
โปรแกรมแปลภาษาคือ เครื่ องมือที่ใช้สาหรับแปลข้อความจานวนมากๆ จากภาษาหนึ่ง
ไปเป็ นภาษาหนึ่ง โดยสามารถป้ อนข้อมูลภาษาต้นทางเป็ นข้อความ หรื อเสี ยงพูดก็ได้ ผลที่
ได้รับคือ จะได้ภาษาปลายทางเป็ นข้อความ หรื อเสี ยงพูดก็ได้เช่นกัน ซึ่งจะช่วยให้วงการการ
แปลสามารถแปลข้อความได้เป็ นจานวนมาก และรวดเร็ว
- 4. การทาวิจย และพัฒนาเครื่ องแปลภาษา เป็ นงานแขนงหนึ่ง ในศาสตร์แห่งการประมวลผล
ั
ภาษาธรรมชาติ เครื่ องแปลภาษาเครื่ องแรกถูกผลิตขึ้นประมาณปี ค.ศ.1930 เป็ นซอฟต์แวร์ที่
พยายามแปลข้อความในรู ปประโยค โดยพิจารณาเรื่ องของวากยสัมพันธ์ รวมถึงอรรถศาสตร์
ด้วย ไม่ใช่แปลเป็ นคาๆ เท่านั้น การทาวิจย และพัฒนา เครื่ องแปลภาษา ในประเทศไทยเริ่ มต้น
ั
ในปี พ.ศ. 2524 โดยจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และมหาวิทยาลัย เกรอนอบล์ (Grenoble)แห่ง
ประเทศฝรั่งเศส ได้ร่วมกันจัดทาโครงการวิจย และแปลภาษาอังกฤษเป็ นภาษาไทย ด้วย
ั
คอมพิวเตอร์ ซึ่งเป็ นโครงการของทบวงมหาวิทยาลัย (พ.ศ. 2524 - 2530)ต่อมาก็เกิดโครงการ
ความร่ วมมือ ในการพัฒนาระบบแปลหลากภาษา สาหรับภาษา ในเอเชีย ได้แก่ ภาษาจีน ญี่ปุ่น
มลายู อินโดนีเซีย และไทย ซึ่งเป็ นโครงการของกระทรวงวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีและ
สิ่ งแวดล้อม ซึ่งดาเนินการภายใต้ศนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิ กส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ(พ.ศ.
ู
2530 - 2537)
4.โปรแกรมรู ้จาอักขระไทยด้วยแสง หรื อไทยโอซี อาร์ (Thai Optical Character Recognition)
โอซีอาร์เป็ นคาย่อของภาษาอังกฤษว่า "Optical Character Recognition : OCR"แปลเป็ น
่
ภาษาไทยได้วา "การรู ้จกอักขระด้วยแสง"เป็ นงานประยุกต์งานหนึ่งของสาขาวิทยาการ
ั
คอมพิวเตอร์ ที่ได้รับความสนใจ และพัฒนามานานกว่า 70 ปี แล้ว โอซีอาร์ เป็ นการรู ้จารู ปแบบ
- 5. ตัวอักษร ซึ่งเป็ นงานวิจยในสาขาการรู ้จารู ปแบบ (Pattern Recognition)เป็ นเทคโนโลยีที่ส่งผล
ั
่
ให้ระบบคอมพิวเตอร์สามารถระบุรูปแบบได้อย่างถูกต้อง เช่น สามารถจะบอกได้วา ภาพนั้นคือ
ภาพอะไร ภาพตัวอักษรนั้นคือตัวอักษรอะไร หรื อเสี ยงนั้นคือเสี ยงของคาสั่งอะไร เป็ นต้น
นักวิจยมีความสนใจงานโอซีอาร์เป็ นอย่างมาก เพราะเป็ นงานที่เกี่ยวข้องกับเอกสาร การ
ั
เก็บข้อมูลเหล่านี้ให้เป็ นแฟ้ มข้อความ (Text File)ไว้ในระบบคอมพิวเตอร์น้ น ต้องใช้บุคลากร
ั
่
ในการจัดพิมพ์เอกสารนั้นๆ โดยใช้โปรแกรมประมวลผลคา ถึงแม้วาโปรแกรมประเภทนี้จะมี
็ั
ความสามารถ และเป็ นเครื่ องมือที่ดี แต่กยงต้องใช้บุคลากรจานวนมาก และใช้เวลานาน ถ้าโอซี
อาร์ประสบผลสาเร็ จ งานพิมพ์เอกสารต่างๆ เพื่อเก็บเป็ นแฟ้ มข้อความ ก็จะกลายเป็ นหน้าที่ของ
ระบบคอมพิวเตอร์ การประมวลผลของโอซีอาร์โดยทัวไปจะเร็วกว่าการพิมพ์ของมนุษย์เฉลี่ย
่
ประมาณ 5 เท่า และในบางระบบ การประมวลผลของโอซีอาร์ จะมีความถูกต้องมากกว่าการ
พิมพ์ของมนุษย์อีกด้วย
5. โปรแกรมการเรี ยงลาดับคาไทย (Thai Sorting)
การเรี ยงลาดับคาในพจนานุกรม การเรี ยงลาดับชื่อบุคคลในสมุดรายนามผูใช้โทรศัพท์
้
หรื อการเรี ยงลาดับคา ให้สามารถค้นหาได้โดยง่าย จาเป็ นต้องมีการเรี ยงตามลาดับตัวอักษร และ
ตามมาตรฐานการเรี ยงลาดับคาไทย ที่ยดถือตามพจนานุ กรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2525
ึ
ประโยชน์ของการเรี ยงลาดับคือ ช่วยให้การค้นหาทาได้ง่ายขึ้น ทั้งการค้นโดยคอมพิวเตอร์ และ
การค้นโดยผูใช้ ตัวอย่างที่เห็นได้อย่างชัดเจนคือ การค้นหาคา ในพจนานุกรม หรื อการค้นหา
้
- 6. ฐานข้อมูลชื่อต่างๆ เช่น ชื่อบุคคล ชื่อหน่วยงาน ชื่อแฟ้ มเอกสาร เป็ นต้น ถ้าได้จดเรี ยงไว้
ั
ตามลาดับแล้ว ก็จะสามารถประหยัดเวลาในการค้นหาได้
แหล่งที่มา : http://www.slideshare.net/Zikkapoo/ss-13963683
http://www.vcharkarn.com/project/upload/0/689_1.pdfฃ
http://www.technologymedia.co.th/news/newsview.asp?id=3374
www.technologymedia.co.th technologymedia.co.th
http://teacher.aru.ac.th/chutiman/images/ppt/doc7.pdf
http://kanchanapisek.or.th/kp6/New/sub/book/book.php
จัดทาโดย : น.ส.จีระพัชร ศรี โพธิ์งาม เลขที่ 1
น.ส.เบญจวรรณ ยืนธรรม เลขที่ 3
น.ส.ลลิตา ประพันธ์ เลขที่ 23
ม.6/4