SlideShare a Scribd company logo
1 of 72
http://www.pm.ac.th/benjawan/resp
การตอบสนองของพืช

การตอบสนองของพืช ต่อ สิ่ง
แวดล้อ ม

1. การเคลื่อ นไหวเนื่อ งจากการ
เจริญ เติบ โต (growth movement)
- การตอบสนองต่อ สิง เร้า ภายนอก
่
(paratonic
movement หรือ stimulus
movement)
- การตอบ
สนองที่เ กิด จากสิง เร้า ภายใน
่
(autonomic
การเคลื่อ นไหวที่เ กิด เนื่อ งจากการเจริญ
1. การตอบสนองทีเ กิด จากสิ่ง เร้
่
เติบ โต (growth movement) า
ภายนอก (paratonic movement
หรือ แบบมีท ิศ ทางเกี่ย วข้อ งสัม พัน ธ์
stimulus
1.1
movement) มี หรือ tropic
กับ สิง เร้า (tropism2 แบบ คือ
่
movement) การตอบสนองแบบนี้อ าจ
จะทำา ให้ส ่ว นของพืช โค้ง เข้า หาสิ่ง เร้า
เรีย กว่า positive tropism หรือ
เคลื่อ นที่ห นีส ง เร้า ทีม ากระตุ้น เรีย กว่า
ิ่
่
negative tropism จำา แนกได้ต ามชนิด
ของสิ่ง เร้า ดัง นี้
1.1.1 โฟโททรอปิซ ึม
(phototropism) เป็น การตอบสนอง
ของพืช ที่ต อบสนองต่อ สิ่ง เร้า ที่เ ป็น
แสง พบว่า ที่ป ลายยอดพืช (ลำา ต้น ) มี
ทิศ ทางการเจริญ เติบ โตเจริญ เข้า หา
แสงสว่า ง (positive
phototropism) ส่ว นที่ป ลายรากจะมี
ทิศ ทางการเจริญ เติบ โตหนีจ ากแสง
สว่า ง (negative phototropism)
1.1.2 จีโ อทรอปิซ ึม (geotropism)
เป็น การตอบสนองของพืช ที่ต อบสนองต่อ
แรงโน้ม ถ่ว งของโลกโดยรากพืช จะเจริญ
เข้า หา
แรงโน้ม ถ่ว งของโลก
(positive geotropism) เพือ รับ นำ้า และ
่
แร่ธ าตุจ ากดิน ส่ว นปลายยอดพืช (ลำา ต้น )
จะเจริญ เติบ โตในทิศ ทาง ตรงข้า มกับ แรง
โน้ม ถ่ว งของโลก (negative
geotropism) เพื่อ ชูใ บรับ แสงสว่า ง
1.1.3 เคมอ
ทรอปิซ ึม
(chemotropism)
เป็น การตอบสนอง
ของพืช โดยการ
เจริญ เข้า หาหรือ หนี
จากสารเคมีบ าง
อย่า งที่เ ป็น สิง เร้า
่
เช่น
การงอก
ของหลอดละออง
เรณู ไปยัง รัง ไข่
1.1.4 ไฮโดรทรอ
ปิซ ึม
(hydrotropism)
เป็น การตอบ
สนองของพืช ที่
ตอบสนองต่อ
ความชื้น ซึง
่
รากของพืช จะ
งอกไปสู่ ที่ม ี
1.1.5 ทิก มอทรอปิซ ึม
(thigmotropism) เป็น การตอบสนอง
ของพืช บางชนิด ที่ต อบสนองต่อ การ
สัม ผัส เช่น การเจริญ ของ
มือ เกาะ
(tendril) ซึ่ง เป็น โครงสร้า งที่ย น ออกไป
ื่
พัน หลัก หรือ
เกาะบนต้น ไม้อ ื่น หรือ
พืช พวกที่ล ำา ต้น แบบเลื้อ ยจะพัน หลัก ใน
ลัก ษณะบิด ลำา ต้น ไปรอบๆเป็น เกลีย ว
เช่น ต้น ตำา ลึง ต้น พลู ต้น องุน ต้น
่
พริก ไทย เป็น ต้น
1.2 แบบมีท ิศ ทางที่ไ ม่ส ัม พัน ธ์ก ับ
ทิศ ทางของสิ่ง เร้า
การตอบสนองแบบนี้จ ะมีท ิศ ทางคงที่
(nasty หรือ nastic movement)
คือ การเคลื่อ นขึ้น หรือ ลงเท่า นั้น ไม่ข ึ้น
กับ ทิศ ทางของสิง เร้า
่
การบานของดอกไม้ (epinasty)
เกิด จากกลุ่ม เซล์ด ้า นในหรือ ด้า นบนของ
กลีบ ดอกยืด ตัว หรือ ขยายขนาดมากกว่า
กลุ่ม เซลล์ด ้า นนอกหรือ ด้า นล่า ง
การหุบ ของดอกไม้ (hyponasty)
เกิด จากกลุ่ม เซลล์ด ้า นนอก หรือ ด้า น
ล่า งของกลีบ ดอกยืด ตัว หรือ ขยายขนาด
มากกว่า กลุ่ม เซลล์ด ้า นมนหรือ ด้า นบน
ตัว อย่า งเช่น - ดอกบัว ส่ว น
มากมัก หุบ ในตอนกลางคืน และบานใน
ตอนกลางวัน
- ดอกกระบองเพชร ส่ว น
มากจะบานใน
ตอนกลางคืน และหุบ
ในตอนกลางวัน
การบานของดอกไม้ข ึ้น อยู่ก ับ ชนิด ของพืช
และสิง เร้า เช่น อุณ หภูม ิ ความชืน แสง
่
้
เป็น ต้น ถ้า สิง เร้า เป็น แสงแล้ว ทำา ให้เ กิด การ
่
ตอบสนอง (เกิด การเคลื่อ นไหว ด้ว ยการบาน
การหุบ ของดอกไม้) โฟโตนาสที (photonasty)
ถ้า อุณ หภูม เ ป็น สิง เร้า ก็เ รีย กว่า เทอร์ม อนาสที
ิ
่
(thermonasty) ตัว อย่า งเช่น ดอกบัว ส่ว นมาก
มัก หุบ ในตอนกลางคืน และบานในตอนกลางวัน
แต่ด อกกระบองเพชร จะบานในตอนกลางคืน
และจะหุบ ในตอนกลางวัน ที่เ ป็น เช่น นีเ นือ งจาก
้ ่
ใน
ตอนกลางคืน จะมีอ ุณ หภูม ิต ำ่า หรือ เย็น ลง
ทำา ให้ก ลุ่ม เซลล์ด ้า นในของกลีบ ดอกเจริญ
มากกว่า ด้า นนอกจึง ทำา ให้ก ลีบ ดอกบานออก
ฟโตนาสที (photonasty)
2. การตอบสนองที่เ กิด จากสิ่ง เร้า
ภายในของต้น พืช เอง
(autonomic movement)จากการก
เป็น การตอบสนองที่เ กิด

ระตุ้น จากสิง เร้า ภายในจำา พวกฮอร์โ มน
่
โดยเฉพาะออกซิน ทำา ให้ก ารเจริญ ของ
ลำา ต้น ทั้ง สองด้า นไม่เ ท่า กัน ได้แ ก่
2.1 การเอนหรือ แกว่ง ยอดไป
มา (nutation movement)
เป็น การ
เคลื่อ นไหวที่เ กิด เฉพาะส่ว นยอดของพืช
สาเหตุเ นื่อ งจาก
ด้า นสองด้า นของ
ลำา ต้น (บริเ วณยอดพืช ) เติบ โตไม่เ ท่า กัน
2.2 การบิด ลำา ต้น ไปรอบๆ
เป็น เกลีย ว (spiral movement)
เป็น การเคลื่อ นไหวทีป ลายยอดค่อ ยๆ
่
บิด เป็น เกลีย วขึ้น ไป เมื่อ เจริญ เติบ โต
ขึน ซึ่ง เป็น การเคลื่อ นไหวที่ม องไม่
้
เห็น ด้ว ยตาเปล่า โดยปกติเ ราจะมอง
เห็น ส่ว นยอดของพืช เจริญ เติบ โตขึ้น
ไปตรงๆ แต่แ ท้จ ริง แล้ว ในส่ว นที่
เจริญ ขึ้น ไปนั้น จะบิด ซ้า ยขวาเล็ก
น้อ ย เนื่อ งจากลำา ต้น ทั้ง สองด้า น
เจริญ เติบ โตไม่เ ท่า กัน เช่น เดีย วกับ
การเคลือ นไหวที่เ กิด เนื่อ งจากการ
่
เปลีย นแปลงแรงดัน เต่ง
่
(turgor
ปกติพ ืช จะมี
movement) ก ารเคลื่อ นไหวตอบ

สนองต่อ การสัม ผัส
(สิ่ง เร้า จาก
ภายนอก) ช้า มาก แต่ม ีพ ืช บางชนิด ที่
ตอบสนองได้เ ร็ว โดยการสัม ผัส จะไป
ทำา ให้ม ีก ารเปลี่ย นแปลงของปริม าณนำ้า
ภายในเซลล์ ทำา ให้แรงดัน เต่ง (turgor
pressure) ของเซลล์เ ปลี่ย นแปลงไป ซึ่ง
เป็น ไปอย่า งรวดเร็ว และไม่ถ าวร ซึ่ง มี
1. การหุบ ของใบจากการสะเทือ น
(contract movement)
- การหุบ ใบของต้น ไมยราบ
ตรงบริเ วณโคนก้า นใบและโคนก้า น
ใบย่อ ยจะมีก ลุ่ม เซลล์ช นิด หนึ่ง
(เซลล์พ าเรงคิม า) เรีย กว่า พัล ไวนัส
(pulvinus) ซึง เป็น เซลล์ท ี่ม ีข นาด
่
ใหญ่แ ละ
ผนัง เซลล์บ าง มี
ความไวสูง ต่อ สิง เร้า ที่ม ากระตุ้น เช่น
่
การสัม ผัส เมื่อ สิง เร้า มาสัม ผัส หรือ
่
กระตุ้น จะมีผ ลทำา ให้แ รงดัน เต่ง ของ
- การหุบ ของใบพืช พวกที่ม ีก าร
เปลี่ย นแปลงรูป ร่า งไปเพือ จับ แมลง
่
ได้แ ก่ ใบของต้น หม้อ ข้า วหม้อ แกง
ลิง
ต้น สาหร่า ยข้า วเหนีย ว
ต้น กาบหอยแครง ต้น หยาดนำ้า ค้า ง
เป็น ต้น พืช พวกนี้ถ ือ ได้ว ่า เป็น พืช
กิน แมลงจะมีก ารเปลี่ย นแปลงรูป
ร่า งของใบเพื่อ ทำา หน้า ที่จ ับ แมลง
ภายในใบจะมีก ลุ่ม เซลล์ห รือ ขน
เล็ก ๆ (hair) ที่ไ วต่อ สิ่ง เร้า อยูท าง
่
ด้า นในของใบ เมือ แมลงบิน มาถูก
่
2. การหุบ ใบตอนพลบคำ่า ของพืช ตระกูล
ถั่ว (sleep movement)อ การเปลี่ย นแปลง
เป็น การตอบสนองต่

ความเข้ม ของแสงของพืช ตระกูล ถั่ว เช่น
ใบก้า มปู ใบมะขาม ใบไมยราบ ใบถั่ว ใบ
แค ใบกระถิน ใบผัก กระเฉด เป็น ต้น โดยที่
ใบจะหุบ ก้า นใบจะห้อ ยและลู่ล งในตอน
พลบคำ่า เนื่อ งจากแสงสว่า งลดลง ซึ่ง ชาว
บ้า นเรีย กว่า “ต้น ไม้น อน ” แต่พ อรุ่ง เช้า ใบ
ก็จ ะกางตามเดิม การตอบสนองเช่น นี้เ กิด
จากการเปลี่ย นแปลง แรงดัน เต่ง ของ กลุ่ม
เซลล์พ ัล ไวนัส ที่โ คนก้า นใบ โดยกลุ่ม
เซลล์พ ัล ไวนัส นีเ ป็น กลุ่ม เซลล์ข นาดใหญ่
้
3. การเปิด ปิด ของปากใบ (guard
การเปิด -ปิด ของปากใบขึ้น อยู่ก ับ
cell movement)

ความเต่ง ของ เซลล์ค ุม (guard cell) ใน
ตอนกลางวัน เซลล์ค ุม มีก ระบวนการ
สัง เคราะห์ด ้ว ยแสงเกิด ขึ้น ทำา ให้ภ ายใน
เซลล์ค ุม มีร ะดับ นำ้า ตาลสูง ขึ้น นำ้า จาก
เซลล์ข ้า งเคีย งจะซึม ผ่า นเข้า เซลล์ค ุม
ทำา ให้เ ซลล์ค ุม มีแ รงดัน เต่ง เพิ่ม ขึ้น ดัน
ให้ผ นัง เซลล์ค ุม ที่แ นบชิด ติด กัน ให้เ ผยอ
อก จึง ทำา ให้ป ากใบเปิด
แต่เ มื่อ ระดับ
นำ้า ตาลลดลงเนื่อ งจากไม่ม ก ระบวนการ
ี
สัง เคราะห์ด ้ว ยแสง นำ้า ก็จ ะซึ่ม ออกจาก
การตอบสนองต่อ สิ่ง เร้า ของพืช ด้ว ย
การเคลื่อ นไหวแบบต่า งๆ ที่เ กิด ขึ้น จะมี
ผลต่อ ประสิท ธิภ าพในการดำา รงชีว ิต ของ
พืช สรุป ได้ด ัง นี้
1. การหัน ยอดเข้า หาแสงสว่า ง ช่ว ยให้พ ืช
สัง เคราะห์อ าหารได้อ ย่า งทั่ว ถึง
2. การหัน รากเข้า สูศ ูน ย์ก ลางของโลก
่
ช่ว ยให้ร ากอยู่ใ นดิน ซึ่ง เป็น แหล่ง ที่พ ืช ได้ร ับ
นำ้า และแร่ธ าตุ
3. การ
เจริญ เข้า หาสารเคมีข องละอองเรณู ช่ว ยใน
ฮอร์โ มนพืช ( Plant
Hormones )
ปัจ จัย ที่ม ผ ลต่อ การเจริญ ของ
ี
พืช

สามารถแบ่ง ออกได้เ ป็น 2
ปัจ จัย คือ
1. ปัจ จัย ภายนอก (External
Signals) - Light, Gravity,
Mechanical, Stress,
Pathogens and Insects ….
2. ปัจ จัย ภายใน ( Internal
กลไกการตอบสนองของ
พืช

ไม่ว ่า จะเป็น การตอบสนองต่อ
ปัจ จัย ภายนอก หรือ ปัจ จัย
ภายใน จะคล้า ยกัน ในระดับ
เซลล์ คือ เกิด โดยขบวนการที่
เรีย กว่า Signal Transduction
Pathways Model ซึ่ง สมารถ
สรุป ได้ด ัง แผนภาพถัด ไป และ
ตัว อย่า ง ในการตอบสนองต่อ
Signal Transduction
Pathways Model
Phytochrome and
Greening Response
กลไกการตอบสนองของพืช
โปรดระลึก เสมอว่า ไม่ว ่า จะ
เป็น การตอบสนองต่อ ปัจ จัย
ภายนอก หรือ ปัจ จัย ภายในพืช
กระบวนการหรือ กลไก ที่เ กิด ขึ้น
และ ขั้น ตอนที่เ กิด การตอบสนอง
จะมีค วามซับ ซ้อ น มาก
(Complexity ) เสมอแม้ว ่า จะเกิด
จากปัจ จัย เพีย งปัจ จัย เดีย ว ใน
ฮอร์โ มนพืช คือ อะไร ? ( What
is Plant Hormones ? )
ฮอร์โ มนพืช
(Phytohormone) คือ สารเคมีท ี่
พืช สร้า งขึ้น ในปริม าณเพีย งเล็ก
น้อ ย และ มีผ ลต่อ ขบวนการ หรือ
ควบคุม การเจริญ ในพืช (Plant
Development)
ปัจ จุบ ัน พบว่า เรา
สามารถสัง เคราะห์ส ารได้
ฮอร์โ มนพืช แบ่ง เป็น กีช นิด
่
หรือ กี่ก ลุ่ม ?

ปัจ จุบ น จะแบ่ง ฮอร์โ มนพืช ออกเป็น 5-6
ั
กลุ่ม ด้ว ยกัน คือ
1. ออกซิน (auxin) มาจากภาษากรีก
แปลว่า ทำา ให้เ พิม (to increase)
่
2. ไ ซโทไคนิน (cytokinin) มาจาก
เพิ่ม การแบ่ง เซลล์ cytokinesis
3. จิบ เบอเรลลิน (gibberellin) มา
จากชื่อ รา Gibberella fujikuroi
4. กรดแอบไซซิค (abscisic acid) มา
จาก การร่ว งของใบ abscission
การค้น พบ ฮอร์โ มนพืช ชนิด
แรก

ฮอร์โ มนพืช แต่ล ะชนิด มีป ระวัต ิก าร
ค้น พบที่แ ตกต่า งกัน ไป
1. ออกซิน (auxin) - ฮอร์โ มนพืช

ตัว แรกที่ค ้น พบ

โดยเริ่ม จาก การศึก ษาเกี่ย วกับ
กระ บวนการโค้ง งอเข้า หาแสงของ
ยอดอ่อ นต้น กล้า ของพืช ใบเลี้ย งเดี่ย ว (
coleoptile) ซึง ต่อ มาเรีย กว่า
่

Phototropism
การเจริญ เข้า หา
แสงสว่า ง
( Positive
Phototropism
)
ของเยื่อ หุ้ม ยอด
อ่อ นของ
ข้า วโอ๊ต
(Oat seedling
การทดลองของ Darwin และ
Boysen-Jensen
การทดลอง
ของ
F. W. Went
ในปี ค .ศ .
1926
หรือ ปี พ .ศ .
2469
เกี่ย วกับ การ
โค้ง เข้า
Polar
Auxin
Transp
ort : A
Chemio
smotic
Model
Auxin and Cell Elongation :
Acid Growth Hypothesis
Natural and Synthetic
Auxin
 ออกซิน

ธรรมชาติ (Natural

Auxin)
 Indole-3-Acetic Acid (IAA)
 Indole-3-Butyric Acid (IBA)
 ออกซิน สัง เคราะห์ (Synthetic
Auxin)
 Naphthalene Acetic Acid
(NAA)
แหล่ง ที่ส ร้า ง และ หน้า ที่ส ำา คัญ
ของออกซิน
 แหล่ง ที่ส ง เคราะห์
ั

ในพืช ชัน สูง คือ
้
บริเ วณเนื้อ เยื่อ เจริญ ที่
ปลายยอด
ตายอด ใบอ่อ น และ ต้น อ่อ นในเมล็ด
(seed embryo)
 หน้า ทีส ำา คัญ
่
 เร่ง การขยายตัว ของเซลล์ และ
กระตุน การแบ่ง เซลล์
้
 กระตุน การออกราก - เร่ง การ
้
การใช้ ออกซิน (IBA) เร่ง การ
ออกรากของกิ่ง ชำา
การค้น พบ ฮอร์โ มนพืช ชนิด ที่
2
2. ไ ซโทไคนิน (cytokinin) เป็น

ฮอร์โ มนพืช ที่ค น พบเนือ งมาจากการ
้
่
วิจ ัย ด้า นการเพาะเลีย งเนือ เยื่อ พืช
้
้
(plant tissue culture) โดยทีม นัก วิจ ัย
นำา โดย F. Skoog มหาวิท ยาลัย
Wisconsin พบว่า นำ้า มะพร้า ว และ นำ้า
สะกัด จากยีส ต์ จะสามารถ เร่ง การแบ่ง
เซลล์ในการเพาะเลีย งเนือ เยือ พืช ได้
้
้
่
เมื่อ แยกและทำา ให้บ ริส ท ธิพ บว่า เป็น N6ุ
furfurylamino purine และเรีย กว่า
kinetin เนื่อ งจากเป็น สารเร่ง
แหล่ง ที่ส ร้า ง และ หน้า ที่ส ำา คัญ
ของไซโทไคนิน
 แหล่ง ทีส ัง เคราะห์
่

ในพืช ชั้น สูง
คือ บริเ วณเนื้อ เยื่อ ทีก ำา ลัง เจริญ
่
โดยเฉพาะที่ร าก ต้น อ่อ น และ
ผล
 หน้า ที่ส ำา คัญ
 กระตุ้น การแบ่ง เซลล์ และ เร่ง
การขยายตัว ของเซลล์
 ส่ง เสริม การเจริญ ของตาข้า ง -
การทำา งานร่ว มกัน ของ Auxin
และ Cytokinin
การขยายพัน ธุ์ก ล้ว ยไม้ด ้ว ย
การขยายพัน ธุ์ก ล้ว ยไม้ด ้ว ย
วิธ ีเีเพาะเลี้ย งเนื้อ เยื่อ
วิธ พาะเลี้ย งเนื้อ เยื่อ
การย้า ยลูก กล้ว ยไม้ หรือ เอา
การย้า ยลูก กล้ว ยไม้ หรือ เอา
ออกจากขวดเพาะเลี้ย ง
ออกจากขวดเพาะเลี้ย ง
การเลี้ย งลูก กล้ว ยไม้ใ น
การเลี้ย งลูก กล้ว ยไม้ใ น
กระถางในโรงเรือ น
กระถางในโรงเรือ น
การควบคุม ตาข้า งโดยตายอด
(Apical Dominance)


อีก ตัว อย่า งของการทำา งานร่ว มกัน
ของ Auxin กับ Cytokinin
การทดลอง แสดงการควบคุม
ตาข้า งโดยตายอด
การค้น พบ ฮอร์โ มนพืช ชนิด ที่
3
3. จิบ เบอเรลลิน (gibberellin)

เป็น ฮอร์โ มนพืช ทีค ้น พบโดย
่
ปัญ หาที่พ บโดยชาวนาญี่ป ุ่น
เกี่ย วกับ โรคชนิด หนึ่ง ของข้า ว
ที่ท ำา ให้ล ำา ต้น สูง กว่า ปกติ และ
ให้ผ ลผลิต ตำ่า ซึ่ง ต่อ มา นัก
วิท ยาศาสตร์ช าว ญี่ป ุ่น ชื่อ E.
Kurosawa ในปี 1938 พบว่า
สาเหตุ เกิด มาจากสารที่ผ ลิต
Gibberella fujikuroi
แหล่ง ที่ส ร้า ง และ หน้า ที่ส ำา คัญ
ของ จิบ เบอเรลลิน

 แหล่ง ที่ส ง เคราะห์
ั

ในพืช ชัน สูง คือ
้
บริเ วณเนื้อ เยื่อ ที่ก ำา ลัง เจริญ เช่น
ปลายยอด ปลายราก ใบอ่อ น และ ต้น
อ่อ น
 หน้า ทีส ำา คัญ ของ GA
่
 เร่ง การขยายตัว ของเซลล์ และ การ
ยืด ของลำา ต้น
 เร่ง การออกดอก - การแสดงออก
ของเพศดอก - การติด ผล
Foolish
cabbages !
กระหลำ่า ปลีโ ง่ !
ที่ฉ ด พ่น ด้ว ย
ี
กรดจิบ เบอเรล
ลิก (GA3)
GA3ทำา ให้ล ำา ต้น ยืด ยาว และ
ออกดอก
( rosette genotype of
Brassica napus)
Gibberellin (GA)
Bioassay
ผลของ
GA3 ต่อ
ความยาว
ช่อ และ
ขนาดของ
ผลองุ่น
ชนิด ไม่ม ี
เมล็ด
ผลของ GA3 ต่อ ความยาวช่อ
และ ขนาดขอ ง ผลองุ่น ชนิด
ไม่ม ีเ มล็ด
การค้น พบ ฮอร์โ มนพืช ชนิด
ที่ 4

4. กรดแอบไซซิค (abscisic acid

หรือ ABA) ค้น พบจากการศึก ษา
สารเร่ง กระบวน การร่ว งของใบที่
เรีย กว่า abscission และ เมื่อ มี
การทำา ให้บ ริส ุท ธิพ บว่า เป็น สาร
ตัว เดีย วกัน กับ สารยับ ยั้ง การ
เจริญ ของตา (bud dormancyinducing substances) ที่เ รีย ก
กัน ว่า dormin และสารยับ ยั้ง การ
แหล่งที่สร้าง และ หน้าที่สำาคัญ
ของ ABA

 แหล่ง ที่ส ง เคราะห์
ั

ในพืช ชัน สูง คือ มี
้
การสัง เคราะห์ไ ด้ท ั้ง ที่บริเ วณ ลำา ต้น
ราก ใบ และ ที่ผ ล เป็น ฮอร์โ มนที่ต ่า ง
จาก 3 ตัว แรก คือ เป็น สารชนิด เดีย ว
คือ abscisic acid
 หน้า ทีส ำา คัญ ของ ABA
่
 เริ่ม ต้น คิด ว่า ทำา หน้า ที่เ กี่ย วกับ การ
ร่ว งของใบ และการยับ ยั้ง การเจริญ
ของตา แต่ใ นปัจ จุบ ัน พบว่า เกี่ย วกับ
สองขบวนการนี้น อ ย
้

การค้น พบ ฮอร์โ มนพืช ชนิด
ที่ 5

5. เอทิล ีน (ethylene) เป็น ที่ท ราบ

กัน มานานแล้ว ว่า ผลไม้ส ก หรือ
ุ
ผลไม้ท ี่เ น่า เสีย จะมีผ ลไปเร่ง ให้ผ ล
ไม้อ ื่น สุก เร็ว ขึ้น ซึ่ง พบว่า เกิด จาก
การปล่อ ยสารระเหยบางชนิด ออก
มา และ
ใน ปี 1934 R. Gane
เป็น ผู้พ ิส ูจ น์ว ่า สารนี้ค ือ เอทิล น
ี
(C2H4) ต่อ มาพบว่า นอกจากจะมีผ ล
ในการกระตุ้น การสุก ของผลไม้
แหล่ง ที่ส ร้า ง และ หน้า ที่
สำา คัญ ของ เอทิล ีน (C2H4)

 แหล่ง ที่ส ง เคราะห์
ั

ในพืช ชัน สูง คือ
้
เนื้อ เยื่อ ผลไม้ท ี่ส ุก ใบแก่ และ ดอก
 หน้า ทีส ำา คัญ ของเอทิล น
่
ี
 กระตุน การสุก ของผลไม้
้
กระตุน การร่ว งของใบ
้
 กระตุน การออกดอก
้
ยับ ยั้ง การยืด ตัว ของลำา ต้น
 ยับ ยั้ง หรือ กระตุ้น การออกราก ใบ
หรือ ดอก แล้ว แต่ช นิด ของพืช และ
เอทิล ีน กระตุ้น การออกดอก
ของสับ ปะรด
เอทิล ีน กับ การสุก ของผลไม้
เอทิล ีน กับ การสุก ของผลไม้
เอทิล ีน กับ การสุก ของผลไม้
เอทิล ีน กับ การสุก ของผลไม้
Climateric & nonClimateric & nonclimateric Respiration
climateric Respiration
Climateric VS Nonclimateric Fruits
 กล้ว ย

 ส้ม

 มะม่ว ง

 มะนาว

 มะละกอ

 ลิ้น จี่

 แอปเปิล

 สับ ปะรด

 สาลี่

 มะเขือ เทศ

 มะเขือ เทศ

 องุ่น
อีท ฟ อน (Ethephon) เอทิล ี
ี
น สัง เคราะห์

 เนื่อ งจาก

เอทิล น เป็น ก๊า ซ
ี
ทำา ให้ก ารใช้ไ ม่ส ะดวก ใน
หลายกรณี จึง มีก ารสัง เคราะห์
สารชื่อ อีท ีฟ อน (Ethephon)
ซึ่ง คือ สาร 2-chloroethyl
phosphonic acid ที่เ ป็น สาร
กึ่ง แข็ง ทีส ลายตัว ให้ก ๊า ซเอทิล ี
่
น ออกมา ใช้แ ทน โดยมีช ื่อ
ทางการค้า แตกต่า งกัน ออกไป
อีท ีฟ อน (Ethephon) เอทิล ี
น สัง เคราะห์
 การใช้

เอทิล ีน หรือ เอทิล น
ี
สัง เคราะห์ ปัจ จุบ ัน ใช้ก ัน อย่า ง
กว้า งขวาง ในการ บ่ม ผลไม้ใ ห้
สุก เร็ว ขึ้น และ พร้อ มกัน การ
เร่ง ดอกสับ ปะรดให้อ อกพร้อ ม
กัน การเร่ง สีข ององุ่น และ
มะเขือ เทศ เป็น ต้น
 ในบางกรณี อาจใช้ ถ่า นก๊า ซ
(Calcium Carbide) ซึ่ง ปล่อ ย
ฮอร์โ มนของพืช ที่ร อการค้น พบ
?
1. Florigen ฮอร์โ มน กระตุ้น ให้
ออกดอกที่ เกิด จาก
ช่ว งแสง
(Photoperiodism)
2. Vernalin ฮอร์โ มน กระตุ้น ให้
ออกดอก จากอุณ หภูม ิต ำ่า
(Vernalization)
Florigen ฮอร์โ มนของพืช ที่
รอการค้น พบ ?
สนองต่อ
ช่ว ง
แสง (Pho
toperio
d) ต่อ
การ
ออกดอก
ผ่า น
Florige
nฮอร์โ ม
Phytochromes as
Photoreceptors
Phytochrome Regulation of
Seed Germination
Defensive Response To
Herbivore
ข้อ แตกต่า งระหว่า ง ฮอร์โ มน
พืช กับ ฮอร์โ มนสัต ว์

1. แหล่ง สัง เคราะห์ใ นพืช ไม่

แน่น อน เหมือ นในสัต ว์
2. ตำา แหน่ง การทำา งานในพืช ไม่
แน่น อน และ ไม่จ ำา เป็น ต้อ งเป็น
คนละที่ก ับ แหล่ง สร้า ง
3. การทำา งานโดยความเข้ม ข้น
ของฮอร์โ มน ไม่ช ัด เจน
4. การทำา งานของฮอร์โ มนพืช
แต่ล ะตัว มีห ลายอย่า ง และ มัก
ทำา งานร่ว มกับ กับ ฮอร์โ มนชนิด อื่น

More Related Content

What's hot

การเจริญเติบโตของพืช
การเจริญเติบโตของพืชการเจริญเติบโตของพืช
การเจริญเติบโตของพืชkookoon11
 
การตอบสนองต่อสิ่งเร้าของพืช
การตอบสนองต่อสิ่งเร้าของพืชการตอบสนองต่อสิ่งเร้าของพืช
การตอบสนองต่อสิ่งเร้าของพืชdnavaroj
 
การตอบสนอง1
การตอบสนอง1การตอบสนอง1
การตอบสนอง1Pranruthai Saothep
 
บทที่4ตอบสนองและฮอร์โมนพืช
บทที่4ตอบสนองและฮอร์โมนพืชบทที่4ตอบสนองและฮอร์โมนพืช
บทที่4ตอบสนองและฮอร์โมนพืชWichai Likitponrak
 
การตอบสนองต่อสิ่งเร้าของพืช
การตอบสนองต่อสิ่งเร้าของพืชการตอบสนองต่อสิ่งเร้าของพืช
การตอบสนองต่อสิ่งเร้าของพืชWanwime Dsk
 
วิทย์เข้มข้น1 หน่วยที่ 1
วิทย์เข้มข้น1 หน่วยที่ 1วิทย์เข้มข้น1 หน่วยที่ 1
วิทย์เข้มข้น1 หน่วยที่ 1Thanyamon Chat.
 
16.ฮอร์โมนพืช
16.ฮอร์โมนพืช16.ฮอร์โมนพืช
16.ฮอร์โมนพืชWichai Likitponrak
 
การปฏิสนธิและการเจริญเติบโตของพืชดอก
การปฏิสนธิและการเจริญเติบโตของพืชดอกการปฏิสนธิและการเจริญเติบโตของพืชดอก
การปฏิสนธิและการเจริญเติบโตของพืชดอกThanyamon Chat.
 
การสืบพันธุ์ของพืชดอกโครงสร้างดอก
การสืบพันธุ์ของพืชดอกโครงสร้างดอกการสืบพันธุ์ของพืชดอกโครงสร้างดอก
การสืบพันธุ์ของพืชดอกโครงสร้างดอกThanyamon Chat.
 
การถ่ายละอองเรณู (T)
การถ่ายละอองเรณู (T)การถ่ายละอองเรณู (T)
การถ่ายละอองเรณู (T)Thitaree Samphao
 
บท3การเจริญดอก
บท3การเจริญดอกบท3การเจริญดอก
บท3การเจริญดอกWichai Likitponrak
 
12.การคายน้ำและการแลกแก๊สลำเลียงพืช
12.การคายน้ำและการแลกแก๊สลำเลียงพืช12.การคายน้ำและการแลกแก๊สลำเลียงพืช
12.การคายน้ำและการแลกแก๊สลำเลียงพืชWichai Likitponrak
 
ผลและเมล็ดแก้
ผลและเมล็ดแก้ผลและเมล็ดแก้
ผลและเมล็ดแก้Anana Anana
 
การสืบพันธุ์ของพืชดอก (T)
การสืบพันธุ์ของพืชดอก (T)การสืบพันธุ์ของพืชดอก (T)
การสืบพันธุ์ของพืชดอก (T)Thitaree Samphao
 
บทที่1โครงสร้างและหน้าที่พืชดอก
บทที่1โครงสร้างและหน้าที่พืชดอกบทที่1โครงสร้างและหน้าที่พืชดอก
บทที่1โครงสร้างและหน้าที่พืชดอกWichai Likitponrak
 

What's hot (20)

การเจริญเติบโตของพืช
การเจริญเติบโตของพืชการเจริญเติบโตของพืช
การเจริญเติบโตของพืช
 
การตอบสนองต่อสิ่งเร้าของพืช
การตอบสนองต่อสิ่งเร้าของพืชการตอบสนองต่อสิ่งเร้าของพืช
การตอบสนองต่อสิ่งเร้าของพืช
 
Plant hormone
Plant hormonePlant hormone
Plant hormone
 
การตอบสนอง1
การตอบสนอง1การตอบสนอง1
การตอบสนอง1
 
บทที่4ตอบสนองและฮอร์โมนพืช
บทที่4ตอบสนองและฮอร์โมนพืชบทที่4ตอบสนองและฮอร์โมนพืช
บทที่4ตอบสนองและฮอร์โมนพืช
 
การตอบสนองต่อสิ่งเร้าของพืช
การตอบสนองต่อสิ่งเร้าของพืชการตอบสนองต่อสิ่งเร้าของพืช
การตอบสนองต่อสิ่งเร้าของพืช
 
วิทย์เข้มข้น1 หน่วยที่ 1
วิทย์เข้มข้น1 หน่วยที่ 1วิทย์เข้มข้น1 หน่วยที่ 1
วิทย์เข้มข้น1 หน่วยที่ 1
 
16.ฮอร์โมนพืช
16.ฮอร์โมนพืช16.ฮอร์โมนพืช
16.ฮอร์โมนพืช
 
การปฏิสนธิและการเจริญเติบโตของพืชดอก
การปฏิสนธิและการเจริญเติบโตของพืชดอกการปฏิสนธิและการเจริญเติบโตของพืชดอก
การปฏิสนธิและการเจริญเติบโตของพืชดอก
 
การสืบพันธุ์ของพืชดอกโครงสร้างดอก
การสืบพันธุ์ของพืชดอกโครงสร้างดอกการสืบพันธุ์ของพืชดอกโครงสร้างดอก
การสืบพันธุ์ของพืชดอกโครงสร้างดอก
 
การถ่ายละอองเรณู (T)
การถ่ายละอองเรณู (T)การถ่ายละอองเรณู (T)
การถ่ายละอองเรณู (T)
 
บท3การเจริญดอก
บท3การเจริญดอกบท3การเจริญดอก
บท3การเจริญดอก
 
Kingdom plantae
Kingdom plantaeKingdom plantae
Kingdom plantae
 
สมุดเล่มเล็ก
สมุดเล่มเล็กสมุดเล่มเล็ก
สมุดเล่มเล็ก
 
12.การคายน้ำและการแลกแก๊สลำเลียงพืช
12.การคายน้ำและการแลกแก๊สลำเลียงพืช12.การคายน้ำและการแลกแก๊สลำเลียงพืช
12.การคายน้ำและการแลกแก๊สลำเลียงพืช
 
ผลและเมล็ดแก้
ผลและเมล็ดแก้ผลและเมล็ดแก้
ผลและเมล็ดแก้
 
การสืบพันธุ์ของพืชดอก (T)
การสืบพันธุ์ของพืชดอก (T)การสืบพันธุ์ของพืชดอก (T)
การสืบพันธุ์ของพืชดอก (T)
 
การสืบพันธุ์ของพืช2
การสืบพันธุ์ของพืช2การสืบพันธุ์ของพืช2
การสืบพันธุ์ของพืช2
 
บทที่1โครงสร้างและหน้าที่พืชดอก
บทที่1โครงสร้างและหน้าที่พืชดอกบทที่1โครงสร้างและหน้าที่พืชดอก
บทที่1โครงสร้างและหน้าที่พืชดอก
 
wan
wanwan
wan
 

Viewers also liked

Photosynthesis 6 light independent reaction
Photosynthesis 6 light independent reactionPhotosynthesis 6 light independent reaction
Photosynthesis 6 light independent reactionstvb2170
 
การแลกเปลี่ยนแก๊ส การคายน้ำ และการลำเลียงสารในพืช
การแลกเปลี่ยนแก๊ส การคายน้ำ และการลำเลียงสารในพืชการแลกเปลี่ยนแก๊ส การคายน้ำ และการลำเลียงสารในพืช
การแลกเปลี่ยนแก๊ส การคายน้ำ และการลำเลียงสารในพืชLi Yu Ling
 
9.3 plant growth
9.3 plant growth9.3 plant growth
9.3 plant growthBob Smullen
 
Photosynthesis PowerPoint
Photosynthesis PowerPointPhotosynthesis PowerPoint
Photosynthesis PowerPointBiologyIB
 
Photosynthesis
PhotosynthesisPhotosynthesis
Photosynthesiscgales
 
Photosynthesis Powerpoint
Photosynthesis PowerpointPhotosynthesis Powerpoint
Photosynthesis Powerpointgotsh1nw
 

Viewers also liked (6)

Photosynthesis 6 light independent reaction
Photosynthesis 6 light independent reactionPhotosynthesis 6 light independent reaction
Photosynthesis 6 light independent reaction
 
การแลกเปลี่ยนแก๊ส การคายน้ำ และการลำเลียงสารในพืช
การแลกเปลี่ยนแก๊ส การคายน้ำ และการลำเลียงสารในพืชการแลกเปลี่ยนแก๊ส การคายน้ำ และการลำเลียงสารในพืช
การแลกเปลี่ยนแก๊ส การคายน้ำ และการลำเลียงสารในพืช
 
9.3 plant growth
9.3 plant growth9.3 plant growth
9.3 plant growth
 
Photosynthesis PowerPoint
Photosynthesis PowerPointPhotosynthesis PowerPoint
Photosynthesis PowerPoint
 
Photosynthesis
PhotosynthesisPhotosynthesis
Photosynthesis
 
Photosynthesis Powerpoint
Photosynthesis PowerpointPhotosynthesis Powerpoint
Photosynthesis Powerpoint
 

Similar to Responseของพืช

6.plant hormone and response.pdf
6.plant hormone and response.pdf6.plant hormone and response.pdf
6.plant hormone and response.pdfYhu Lawan
 
Stemแก้net
Stemแก้netStemแก้net
Stemแก้netAnana Anana
 
การลำเลียงอาหารในพืช
การลำเลียงอาหารในพืชการลำเลียงอาหารในพืช
การลำเลียงอาหารในพืชdnavaroj
 
Plant kingdom 1
Plant kingdom 1Plant kingdom 1
Plant kingdom 1krunidhswk
 
ออกแบบและการวางแผนการทำโครงงาน2
ออกแบบและการวางแผนการทำโครงงาน2ออกแบบและการวางแผนการทำโครงงาน2
ออกแบบและการวางแผนการทำโครงงาน2Naddanai Sumranbumrung
 
เฉลย (ชุดที่ 1)
เฉลย (ชุดที่ 1)เฉลย (ชุดที่ 1)
เฉลย (ชุดที่ 1)konfunglum
 
บทที่3การสืบพันธุ์เจริญเติบโตพืชดอก
บทที่3การสืบพันธุ์เจริญเติบโตพืชดอกบทที่3การสืบพันธุ์เจริญเติบโตพืชดอก
บทที่3การสืบพันธุ์เจริญเติบโตพืชดอกWichai Likitponrak
 
การสืบพันธุ์แบบอาศัยเพศของพืช
การสืบพันธุ์แบบอาศัยเพศของพืชการสืบพันธุ์แบบอาศัยเพศของพืช
การสืบพันธุ์แบบอาศัยเพศของพืชdnavaroj
 
พฤติกรรมของสิ่งมีชีวิต
พฤติกรรมของสิ่งมีชีวิต พฤติกรรมของสิ่งมีชีวิต
พฤติกรรมของสิ่งมีชีวิต Thitaree Samphao
 
เทคโนโลยีเกี่ยวกับสัตว์
เทคโนโลยีเกี่ยวกับสัตว์เทคโนโลยีเกี่ยวกับสัตว์
เทคโนโลยีเกี่ยวกับสัตว์kanitnun
 

Similar to Responseของพืช (20)

Response to stimuli in plants
Response to stimuli in plantsResponse to stimuli in plants
Response to stimuli in plants
 
สรุปเซลล์
สรุปเซลล์สรุปเซลล์
สรุปเซลล์
 
6.plant hormone and response.pdf
6.plant hormone and response.pdf6.plant hormone and response.pdf
6.plant hormone and response.pdf
 
Handling and nama plant
Handling and nama plantHandling and nama plant
Handling and nama plant
 
Turgor movement
Turgor movementTurgor movement
Turgor movement
 
Stemแก้net
Stemแก้netStemแก้net
Stemแก้net
 
Plant
PlantPlant
Plant
 
การลำเลียงอาหารในพืช
การลำเลียงอาหารในพืชการลำเลียงอาหารในพืช
การลำเลียงอาหารในพืช
 
Behavior
BehaviorBehavior
Behavior
 
Plant kingdom 1
Plant kingdom 1Plant kingdom 1
Plant kingdom 1
 
ออกแบบและการวางแผนการทำโครงงาน2
ออกแบบและการวางแผนการทำโครงงาน2ออกแบบและการวางแผนการทำโครงงาน2
ออกแบบและการวางแผนการทำโครงงาน2
 
1
11
1
 
เฉลย (ชุดที่ 1)
เฉลย (ชุดที่ 1)เฉลย (ชุดที่ 1)
เฉลย (ชุดที่ 1)
 
บทที่3การสืบพันธุ์เจริญเติบโตพืชดอก
บทที่3การสืบพันธุ์เจริญเติบโตพืชดอกบทที่3การสืบพันธุ์เจริญเติบโตพืชดอก
บทที่3การสืบพันธุ์เจริญเติบโตพืชดอก
 
1 repro
1 repro1 repro
1 repro
 
การสืบพันธุ์แบบอาศัยเพศของพืช
การสืบพันธุ์แบบอาศัยเพศของพืชการสืบพันธุ์แบบอาศัยเพศของพืช
การสืบพันธุ์แบบอาศัยเพศของพืช
 
พฤติกรรมของสิ่งมีชีวิต
พฤติกรรมของสิ่งมีชีวิต พฤติกรรมของสิ่งมีชีวิต
พฤติกรรมของสิ่งมีชีวิต
 
เทคโนโลยีเกี่ยวกับสัตว์
เทคโนโลยีเกี่ยวกับสัตว์เทคโนโลยีเกี่ยวกับสัตว์
เทคโนโลยีเกี่ยวกับสัตว์
 
การสืบพันธุ์ของพืช2
การสืบพันธุ์ของพืช2การสืบพันธุ์ของพืช2
การสืบพันธุ์ของพืช2
 
1
11
1
 

More from Issara Mo

การหายใจระดับเซลล์
การหายใจระดับเซลล์การหายใจระดับเซลล์
การหายใจระดับเซลล์Issara Mo
 
ระบบสืบพันธุ์
ระบบสืบพันธุ์ระบบสืบพันธุ์
ระบบสืบพันธุ์Issara Mo
 
natural resources 201114
natural resources 201114 natural resources 201114
natural resources 201114 Issara Mo
 
ประชากร
ประชากรประชากร
ประชากรIssara Mo
 
Animal kingdom
Animal kingdomAnimal kingdom
Animal kingdomIssara Mo
 
Animal kingdom
Animal kingdomAnimal kingdom
Animal kingdomIssara Mo
 
Calvin cycle
Calvin cycleCalvin cycle
Calvin cycleIssara Mo
 
Kingdom protista by issara
Kingdom protista by issaraKingdom protista by issara
Kingdom protista by issaraIssara Mo
 
กระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสง
กระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสงกระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสง
กระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสงIssara Mo
 
ปฏิกิริยาเคมีในเซลล์สิ่งมีชีวิต
ปฏิกิริยาเคมีในเซลล์สิ่งมีชีวิตปฏิกิริยาเคมีในเซลล์สิ่งมีชีวิต
ปฏิกิริยาเคมีในเซลล์สิ่งมีชีวิตIssara Mo
 
การรักษาดุลยภาพของสิ่งมีชีวิต
การรักษาดุลยภาพของสิ่งมีชีวิตการรักษาดุลยภาพของสิ่งมีชีวิต
การรักษาดุลยภาพของสิ่งมีชีวิตIssara Mo
 
The structure and function of macromolecules
The structure and function of macromoleculesThe structure and function of macromolecules
The structure and function of macromoleculesIssara Mo
 
หลักการทางเคมีของสิ่งมีชีวิต
หลักการทางเคมีของสิ่งมีชีวิตหลักการทางเคมีของสิ่งมีชีวิต
หลักการทางเคมีของสิ่งมีชีวิตIssara Mo
 
Modern bio ii bact,fung,prot
Modern bio ii   bact,fung,protModern bio ii   bact,fung,prot
Modern bio ii bact,fung,protIssara Mo
 
การเคลื่อนที่ของสารผ่านเซลล์
การเคลื่อนที่ของสารผ่านเซลล์การเคลื่อนที่ของสารผ่านเซลล์
การเคลื่อนที่ของสารผ่านเซลล์Issara Mo
 
โครงสร้างของใบ
โครงสร้างของใบโครงสร้างของใบ
โครงสร้างของใบIssara Mo
 
รากและลำต้น
รากและลำต้นรากและลำต้น
รากและลำต้นIssara Mo
 
ธรรมชาติของสิ่งมีชีวิต
ธรรมชาติของสิ่งมีชีวิตธรรมชาติของสิ่งมีชีวิต
ธรรมชาติของสิ่งมีชีวิตIssara Mo
 
การศึกษาเซลล์
การศึกษาเซลล์การศึกษาเซลล์
การศึกษาเซลล์Issara Mo
 

More from Issara Mo (20)

การหายใจระดับเซลล์
การหายใจระดับเซลล์การหายใจระดับเซลล์
การหายใจระดับเซลล์
 
ระบบสืบพันธุ์
ระบบสืบพันธุ์ระบบสืบพันธุ์
ระบบสืบพันธุ์
 
natural resources 201114
natural resources 201114 natural resources 201114
natural resources 201114
 
ประชากร
ประชากรประชากร
ประชากร
 
Immune2551
Immune2551Immune2551
Immune2551
 
Animal kingdom
Animal kingdomAnimal kingdom
Animal kingdom
 
Animal kingdom
Animal kingdomAnimal kingdom
Animal kingdom
 
Calvin cycle
Calvin cycleCalvin cycle
Calvin cycle
 
Kingdom protista by issara
Kingdom protista by issaraKingdom protista by issara
Kingdom protista by issara
 
กระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสง
กระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสงกระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสง
กระบวนการสังเคราะห์ด้วยแสง
 
ปฏิกิริยาเคมีในเซลล์สิ่งมีชีวิต
ปฏิกิริยาเคมีในเซลล์สิ่งมีชีวิตปฏิกิริยาเคมีในเซลล์สิ่งมีชีวิต
ปฏิกิริยาเคมีในเซลล์สิ่งมีชีวิต
 
การรักษาดุลยภาพของสิ่งมีชีวิต
การรักษาดุลยภาพของสิ่งมีชีวิตการรักษาดุลยภาพของสิ่งมีชีวิต
การรักษาดุลยภาพของสิ่งมีชีวิต
 
The structure and function of macromolecules
The structure and function of macromoleculesThe structure and function of macromolecules
The structure and function of macromolecules
 
หลักการทางเคมีของสิ่งมีชีวิต
หลักการทางเคมีของสิ่งมีชีวิตหลักการทางเคมีของสิ่งมีชีวิต
หลักการทางเคมีของสิ่งมีชีวิต
 
Modern bio ii bact,fung,prot
Modern bio ii   bact,fung,protModern bio ii   bact,fung,prot
Modern bio ii bact,fung,prot
 
การเคลื่อนที่ของสารผ่านเซลล์
การเคลื่อนที่ของสารผ่านเซลล์การเคลื่อนที่ของสารผ่านเซลล์
การเคลื่อนที่ของสารผ่านเซลล์
 
โครงสร้างของใบ
โครงสร้างของใบโครงสร้างของใบ
โครงสร้างของใบ
 
รากและลำต้น
รากและลำต้นรากและลำต้น
รากและลำต้น
 
ธรรมชาติของสิ่งมีชีวิต
ธรรมชาติของสิ่งมีชีวิตธรรมชาติของสิ่งมีชีวิต
ธรรมชาติของสิ่งมีชีวิต
 
การศึกษาเซลล์
การศึกษาเซลล์การศึกษาเซลล์
การศึกษาเซลล์
 

Responseของพืช

  • 2. การตอบสนองของพืช การตอบสนองของพืช ต่อ สิ่ง แวดล้อ ม 1. การเคลื่อ นไหวเนื่อ งจากการ เจริญ เติบ โต (growth movement) - การตอบสนองต่อ สิง เร้า ภายนอก ่ (paratonic movement หรือ stimulus movement) - การตอบ สนองที่เ กิด จากสิง เร้า ภายใน ่ (autonomic
  • 3. การเคลื่อ นไหวที่เ กิด เนื่อ งจากการเจริญ 1. การตอบสนองทีเ กิด จากสิ่ง เร้ ่ เติบ โต (growth movement) า ภายนอก (paratonic movement หรือ แบบมีท ิศ ทางเกี่ย วข้อ งสัม พัน ธ์ stimulus 1.1 movement) มี หรือ tropic กับ สิง เร้า (tropism2 แบบ คือ ่ movement) การตอบสนองแบบนี้อ าจ จะทำา ให้ส ่ว นของพืช โค้ง เข้า หาสิ่ง เร้า เรีย กว่า positive tropism หรือ เคลื่อ นที่ห นีส ง เร้า ทีม ากระตุ้น เรีย กว่า ิ่ ่ negative tropism จำา แนกได้ต ามชนิด ของสิ่ง เร้า ดัง นี้
  • 4. 1.1.1 โฟโททรอปิซ ึม (phototropism) เป็น การตอบสนอง ของพืช ที่ต อบสนองต่อ สิ่ง เร้า ที่เ ป็น แสง พบว่า ที่ป ลายยอดพืช (ลำา ต้น ) มี ทิศ ทางการเจริญ เติบ โตเจริญ เข้า หา แสงสว่า ง (positive phototropism) ส่ว นที่ป ลายรากจะมี ทิศ ทางการเจริญ เติบ โตหนีจ ากแสง สว่า ง (negative phototropism)
  • 5. 1.1.2 จีโ อทรอปิซ ึม (geotropism) เป็น การตอบสนองของพืช ที่ต อบสนองต่อ แรงโน้ม ถ่ว งของโลกโดยรากพืช จะเจริญ เข้า หา แรงโน้ม ถ่ว งของโลก (positive geotropism) เพือ รับ นำ้า และ ่ แร่ธ าตุจ ากดิน ส่ว นปลายยอดพืช (ลำา ต้น ) จะเจริญ เติบ โตในทิศ ทาง ตรงข้า มกับ แรง โน้ม ถ่ว งของโลก (negative geotropism) เพื่อ ชูใ บรับ แสงสว่า ง
  • 6. 1.1.3 เคมอ ทรอปิซ ึม (chemotropism) เป็น การตอบสนอง ของพืช โดยการ เจริญ เข้า หาหรือ หนี จากสารเคมีบ าง อย่า งที่เ ป็น สิง เร้า ่ เช่น การงอก ของหลอดละออง เรณู ไปยัง รัง ไข่
  • 7. 1.1.4 ไฮโดรทรอ ปิซ ึม (hydrotropism) เป็น การตอบ สนองของพืช ที่ ตอบสนองต่อ ความชื้น ซึง ่ รากของพืช จะ งอกไปสู่ ที่ม ี
  • 8. 1.1.5 ทิก มอทรอปิซ ึม (thigmotropism) เป็น การตอบสนอง ของพืช บางชนิด ที่ต อบสนองต่อ การ สัม ผัส เช่น การเจริญ ของ มือ เกาะ (tendril) ซึ่ง เป็น โครงสร้า งที่ย น ออกไป ื่ พัน หลัก หรือ เกาะบนต้น ไม้อ ื่น หรือ พืช พวกที่ล ำา ต้น แบบเลื้อ ยจะพัน หลัก ใน ลัก ษณะบิด ลำา ต้น ไปรอบๆเป็น เกลีย ว เช่น ต้น ตำา ลึง ต้น พลู ต้น องุน ต้น ่ พริก ไทย เป็น ต้น
  • 9. 1.2 แบบมีท ิศ ทางที่ไ ม่ส ัม พัน ธ์ก ับ ทิศ ทางของสิ่ง เร้า การตอบสนองแบบนี้จ ะมีท ิศ ทางคงที่ (nasty หรือ nastic movement) คือ การเคลื่อ นขึ้น หรือ ลงเท่า นั้น ไม่ข ึ้น กับ ทิศ ทางของสิง เร้า ่ การบานของดอกไม้ (epinasty) เกิด จากกลุ่ม เซล์ด ้า นในหรือ ด้า นบนของ กลีบ ดอกยืด ตัว หรือ ขยายขนาดมากกว่า กลุ่ม เซลล์ด ้า นนอกหรือ ด้า นล่า ง
  • 10. การหุบ ของดอกไม้ (hyponasty) เกิด จากกลุ่ม เซลล์ด ้า นนอก หรือ ด้า น ล่า งของกลีบ ดอกยืด ตัว หรือ ขยายขนาด มากกว่า กลุ่ม เซลล์ด ้า นมนหรือ ด้า นบน ตัว อย่า งเช่น - ดอกบัว ส่ว น มากมัก หุบ ในตอนกลางคืน และบานใน ตอนกลางวัน - ดอกกระบองเพชร ส่ว น มากจะบานใน ตอนกลางคืน และหุบ ในตอนกลางวัน
  • 11. การบานของดอกไม้ข ึ้น อยู่ก ับ ชนิด ของพืช และสิง เร้า เช่น อุณ หภูม ิ ความชืน แสง ่ ้ เป็น ต้น ถ้า สิง เร้า เป็น แสงแล้ว ทำา ให้เ กิด การ ่ ตอบสนอง (เกิด การเคลื่อ นไหว ด้ว ยการบาน การหุบ ของดอกไม้) โฟโตนาสที (photonasty) ถ้า อุณ หภูม เ ป็น สิง เร้า ก็เ รีย กว่า เทอร์ม อนาสที ิ ่ (thermonasty) ตัว อย่า งเช่น ดอกบัว ส่ว นมาก มัก หุบ ในตอนกลางคืน และบานในตอนกลางวัน แต่ด อกกระบองเพชร จะบานในตอนกลางคืน และจะหุบ ในตอนกลางวัน ที่เ ป็น เช่น นีเ นือ งจาก ้ ่ ใน ตอนกลางคืน จะมีอ ุณ หภูม ิต ำ่า หรือ เย็น ลง ทำา ให้ก ลุ่ม เซลล์ด ้า นในของกลีบ ดอกเจริญ มากกว่า ด้า นนอกจึง ทำา ให้ก ลีบ ดอกบานออก
  • 13. 2. การตอบสนองที่เ กิด จากสิ่ง เร้า ภายในของต้น พืช เอง (autonomic movement)จากการก เป็น การตอบสนองที่เ กิด ระตุ้น จากสิง เร้า ภายในจำา พวกฮอร์โ มน ่ โดยเฉพาะออกซิน ทำา ให้ก ารเจริญ ของ ลำา ต้น ทั้ง สองด้า นไม่เ ท่า กัน ได้แ ก่ 2.1 การเอนหรือ แกว่ง ยอดไป มา (nutation movement) เป็น การ เคลื่อ นไหวที่เ กิด เฉพาะส่ว นยอดของพืช สาเหตุเ นื่อ งจาก ด้า นสองด้า นของ ลำา ต้น (บริเ วณยอดพืช ) เติบ โตไม่เ ท่า กัน
  • 14. 2.2 การบิด ลำา ต้น ไปรอบๆ เป็น เกลีย ว (spiral movement) เป็น การเคลื่อ นไหวทีป ลายยอดค่อ ยๆ ่ บิด เป็น เกลีย วขึ้น ไป เมื่อ เจริญ เติบ โต ขึน ซึ่ง เป็น การเคลื่อ นไหวที่ม องไม่ ้ เห็น ด้ว ยตาเปล่า โดยปกติเ ราจะมอง เห็น ส่ว นยอดของพืช เจริญ เติบ โตขึ้น ไปตรงๆ แต่แ ท้จ ริง แล้ว ในส่ว นที่ เจริญ ขึ้น ไปนั้น จะบิด ซ้า ยขวาเล็ก น้อ ย เนื่อ งจากลำา ต้น ทั้ง สองด้า น เจริญ เติบ โตไม่เ ท่า กัน เช่น เดีย วกับ
  • 15. การเคลือ นไหวที่เ กิด เนื่อ งจากการ ่ เปลีย นแปลงแรงดัน เต่ง ่ (turgor ปกติพ ืช จะมี movement) ก ารเคลื่อ นไหวตอบ สนองต่อ การสัม ผัส (สิ่ง เร้า จาก ภายนอก) ช้า มาก แต่ม ีพ ืช บางชนิด ที่ ตอบสนองได้เ ร็ว โดยการสัม ผัส จะไป ทำา ให้ม ีก ารเปลี่ย นแปลงของปริม าณนำ้า ภายในเซลล์ ทำา ให้แรงดัน เต่ง (turgor pressure) ของเซลล์เ ปลี่ย นแปลงไป ซึ่ง เป็น ไปอย่า งรวดเร็ว และไม่ถ าวร ซึ่ง มี
  • 16. 1. การหุบ ของใบจากการสะเทือ น (contract movement) - การหุบ ใบของต้น ไมยราบ ตรงบริเ วณโคนก้า นใบและโคนก้า น ใบย่อ ยจะมีก ลุ่ม เซลล์ช นิด หนึ่ง (เซลล์พ าเรงคิม า) เรีย กว่า พัล ไวนัส (pulvinus) ซึง เป็น เซลล์ท ี่ม ีข นาด ่ ใหญ่แ ละ ผนัง เซลล์บ าง มี ความไวสูง ต่อ สิง เร้า ที่ม ากระตุ้น เช่น ่ การสัม ผัส เมื่อ สิง เร้า มาสัม ผัส หรือ ่ กระตุ้น จะมีผ ลทำา ให้แ รงดัน เต่ง ของ
  • 17. - การหุบ ของใบพืช พวกที่ม ีก าร เปลี่ย นแปลงรูป ร่า งไปเพือ จับ แมลง ่ ได้แ ก่ ใบของต้น หม้อ ข้า วหม้อ แกง ลิง ต้น สาหร่า ยข้า วเหนีย ว ต้น กาบหอยแครง ต้น หยาดนำ้า ค้า ง เป็น ต้น พืช พวกนี้ถ ือ ได้ว ่า เป็น พืช กิน แมลงจะมีก ารเปลี่ย นแปลงรูป ร่า งของใบเพื่อ ทำา หน้า ที่จ ับ แมลง ภายในใบจะมีก ลุ่ม เซลล์ห รือ ขน เล็ก ๆ (hair) ที่ไ วต่อ สิ่ง เร้า อยูท าง ่ ด้า นในของใบ เมือ แมลงบิน มาถูก ่
  • 18. 2. การหุบ ใบตอนพลบคำ่า ของพืช ตระกูล ถั่ว (sleep movement)อ การเปลี่ย นแปลง เป็น การตอบสนองต่ ความเข้ม ของแสงของพืช ตระกูล ถั่ว เช่น ใบก้า มปู ใบมะขาม ใบไมยราบ ใบถั่ว ใบ แค ใบกระถิน ใบผัก กระเฉด เป็น ต้น โดยที่ ใบจะหุบ ก้า นใบจะห้อ ยและลู่ล งในตอน พลบคำ่า เนื่อ งจากแสงสว่า งลดลง ซึ่ง ชาว บ้า นเรีย กว่า “ต้น ไม้น อน ” แต่พ อรุ่ง เช้า ใบ ก็จ ะกางตามเดิม การตอบสนองเช่น นี้เ กิด จากการเปลี่ย นแปลง แรงดัน เต่ง ของ กลุ่ม เซลล์พ ัล ไวนัส ที่โ คนก้า นใบ โดยกลุ่ม เซลล์พ ัล ไวนัส นีเ ป็น กลุ่ม เซลล์ข นาดใหญ่ ้
  • 19. 3. การเปิด ปิด ของปากใบ (guard การเปิด -ปิด ของปากใบขึ้น อยู่ก ับ cell movement) ความเต่ง ของ เซลล์ค ุม (guard cell) ใน ตอนกลางวัน เซลล์ค ุม มีก ระบวนการ สัง เคราะห์ด ้ว ยแสงเกิด ขึ้น ทำา ให้ภ ายใน เซลล์ค ุม มีร ะดับ นำ้า ตาลสูง ขึ้น นำ้า จาก เซลล์ข ้า งเคีย งจะซึม ผ่า นเข้า เซลล์ค ุม ทำา ให้เ ซลล์ค ุม มีแ รงดัน เต่ง เพิ่ม ขึ้น ดัน ให้ผ นัง เซลล์ค ุม ที่แ นบชิด ติด กัน ให้เ ผยอ อก จึง ทำา ให้ป ากใบเปิด แต่เ มื่อ ระดับ นำ้า ตาลลดลงเนื่อ งจากไม่ม ก ระบวนการ ี สัง เคราะห์ด ้ว ยแสง นำ้า ก็จ ะซึ่ม ออกจาก
  • 20. การตอบสนองต่อ สิ่ง เร้า ของพืช ด้ว ย การเคลื่อ นไหวแบบต่า งๆ ที่เ กิด ขึ้น จะมี ผลต่อ ประสิท ธิภ าพในการดำา รงชีว ิต ของ พืช สรุป ได้ด ัง นี้ 1. การหัน ยอดเข้า หาแสงสว่า ง ช่ว ยให้พ ืช สัง เคราะห์อ าหารได้อ ย่า งทั่ว ถึง 2. การหัน รากเข้า สูศ ูน ย์ก ลางของโลก ่ ช่ว ยให้ร ากอยู่ใ นดิน ซึ่ง เป็น แหล่ง ที่พ ืช ได้ร ับ นำ้า และแร่ธ าตุ 3. การ เจริญ เข้า หาสารเคมีข องละอองเรณู ช่ว ยใน
  • 22. ปัจ จัย ที่ม ผ ลต่อ การเจริญ ของ ี พืช สามารถแบ่ง ออกได้เ ป็น 2 ปัจ จัย คือ 1. ปัจ จัย ภายนอก (External Signals) - Light, Gravity, Mechanical, Stress, Pathogens and Insects …. 2. ปัจ จัย ภายใน ( Internal
  • 23. กลไกการตอบสนองของ พืช ไม่ว ่า จะเป็น การตอบสนองต่อ ปัจ จัย ภายนอก หรือ ปัจ จัย ภายใน จะคล้า ยกัน ในระดับ เซลล์ คือ เกิด โดยขบวนการที่ เรีย กว่า Signal Transduction Pathways Model ซึ่ง สมารถ สรุป ได้ด ัง แผนภาพถัด ไป และ ตัว อย่า ง ในการตอบสนองต่อ
  • 26. กลไกการตอบสนองของพืช โปรดระลึก เสมอว่า ไม่ว ่า จะ เป็น การตอบสนองต่อ ปัจ จัย ภายนอก หรือ ปัจ จัย ภายในพืช กระบวนการหรือ กลไก ที่เ กิด ขึ้น และ ขั้น ตอนที่เ กิด การตอบสนอง จะมีค วามซับ ซ้อ น มาก (Complexity ) เสมอแม้ว ่า จะเกิด จากปัจ จัย เพีย งปัจ จัย เดีย ว ใน
  • 27. ฮอร์โ มนพืช คือ อะไร ? ( What is Plant Hormones ? ) ฮอร์โ มนพืช (Phytohormone) คือ สารเคมีท ี่ พืช สร้า งขึ้น ในปริม าณเพีย งเล็ก น้อ ย และ มีผ ลต่อ ขบวนการ หรือ ควบคุม การเจริญ ในพืช (Plant Development) ปัจ จุบ ัน พบว่า เรา สามารถสัง เคราะห์ส ารได้
  • 28. ฮอร์โ มนพืช แบ่ง เป็น กีช นิด ่ หรือ กี่ก ลุ่ม ? ปัจ จุบ น จะแบ่ง ฮอร์โ มนพืช ออกเป็น 5-6 ั กลุ่ม ด้ว ยกัน คือ 1. ออกซิน (auxin) มาจากภาษากรีก แปลว่า ทำา ให้เ พิม (to increase) ่ 2. ไ ซโทไคนิน (cytokinin) มาจาก เพิ่ม การแบ่ง เซลล์ cytokinesis 3. จิบ เบอเรลลิน (gibberellin) มา จากชื่อ รา Gibberella fujikuroi 4. กรดแอบไซซิค (abscisic acid) มา จาก การร่ว งของใบ abscission
  • 29. การค้น พบ ฮอร์โ มนพืช ชนิด แรก ฮอร์โ มนพืช แต่ล ะชนิด มีป ระวัต ิก าร ค้น พบที่แ ตกต่า งกัน ไป 1. ออกซิน (auxin) - ฮอร์โ มนพืช ตัว แรกที่ค ้น พบ โดยเริ่ม จาก การศึก ษาเกี่ย วกับ กระ บวนการโค้ง งอเข้า หาแสงของ ยอดอ่อ นต้น กล้า ของพืช ใบเลี้ย งเดี่ย ว ( coleoptile) ซึง ต่อ มาเรีย กว่า ่ Phototropism
  • 30. การเจริญ เข้า หา แสงสว่า ง ( Positive Phototropism ) ของเยื่อ หุ้ม ยอด อ่อ นของ ข้า วโอ๊ต (Oat seedling
  • 32. การทดลอง ของ F. W. Went ในปี ค .ศ . 1926 หรือ ปี พ .ศ . 2469 เกี่ย วกับ การ โค้ง เข้า
  • 34. Auxin and Cell Elongation : Acid Growth Hypothesis
  • 35. Natural and Synthetic Auxin  ออกซิน ธรรมชาติ (Natural Auxin)  Indole-3-Acetic Acid (IAA)  Indole-3-Butyric Acid (IBA)  ออกซิน สัง เคราะห์ (Synthetic Auxin)  Naphthalene Acetic Acid (NAA)
  • 36. แหล่ง ที่ส ร้า ง และ หน้า ที่ส ำา คัญ ของออกซิน  แหล่ง ที่ส ง เคราะห์ ั ในพืช ชัน สูง คือ ้ บริเ วณเนื้อ เยื่อ เจริญ ที่ ปลายยอด ตายอด ใบอ่อ น และ ต้น อ่อ นในเมล็ด (seed embryo)  หน้า ทีส ำา คัญ ่  เร่ง การขยายตัว ของเซลล์ และ กระตุน การแบ่ง เซลล์ ้  กระตุน การออกราก - เร่ง การ ้
  • 37. การใช้ ออกซิน (IBA) เร่ง การ ออกรากของกิ่ง ชำา
  • 38. การค้น พบ ฮอร์โ มนพืช ชนิด ที่ 2 2. ไ ซโทไคนิน (cytokinin) เป็น ฮอร์โ มนพืช ที่ค น พบเนือ งมาจากการ ้ ่ วิจ ัย ด้า นการเพาะเลีย งเนือ เยื่อ พืช ้ ้ (plant tissue culture) โดยทีม นัก วิจ ัย นำา โดย F. Skoog มหาวิท ยาลัย Wisconsin พบว่า นำ้า มะพร้า ว และ นำ้า สะกัด จากยีส ต์ จะสามารถ เร่ง การแบ่ง เซลล์ในการเพาะเลีย งเนือ เยือ พืช ได้ ้ ้ ่ เมื่อ แยกและทำา ให้บ ริส ท ธิพ บว่า เป็น N6ุ furfurylamino purine และเรีย กว่า kinetin เนื่อ งจากเป็น สารเร่ง
  • 39. แหล่ง ที่ส ร้า ง และ หน้า ที่ส ำา คัญ ของไซโทไคนิน  แหล่ง ทีส ัง เคราะห์ ่ ในพืช ชั้น สูง คือ บริเ วณเนื้อ เยื่อ ทีก ำา ลัง เจริญ ่ โดยเฉพาะที่ร าก ต้น อ่อ น และ ผล  หน้า ที่ส ำา คัญ  กระตุ้น การแบ่ง เซลล์ และ เร่ง การขยายตัว ของเซลล์  ส่ง เสริม การเจริญ ของตาข้า ง -
  • 40. การทำา งานร่ว มกัน ของ Auxin และ Cytokinin
  • 41. การขยายพัน ธุ์ก ล้ว ยไม้ด ้ว ย การขยายพัน ธุ์ก ล้ว ยไม้ด ้ว ย วิธ ีเีเพาะเลี้ย งเนื้อ เยื่อ วิธ พาะเลี้ย งเนื้อ เยื่อ
  • 42. การย้า ยลูก กล้ว ยไม้ หรือ เอา การย้า ยลูก กล้ว ยไม้ หรือ เอา ออกจากขวดเพาะเลี้ย ง ออกจากขวดเพาะเลี้ย ง
  • 43. การเลี้ย งลูก กล้ว ยไม้ใ น การเลี้ย งลูก กล้ว ยไม้ใ น กระถางในโรงเรือ น กระถางในโรงเรือ น
  • 44. การควบคุม ตาข้า งโดยตายอด (Apical Dominance)  อีก ตัว อย่า งของการทำา งานร่ว มกัน ของ Auxin กับ Cytokinin
  • 46. การค้น พบ ฮอร์โ มนพืช ชนิด ที่ 3 3. จิบ เบอเรลลิน (gibberellin) เป็น ฮอร์โ มนพืช ทีค ้น พบโดย ่ ปัญ หาที่พ บโดยชาวนาญี่ป ุ่น เกี่ย วกับ โรคชนิด หนึ่ง ของข้า ว ที่ท ำา ให้ล ำา ต้น สูง กว่า ปกติ และ ให้ผ ลผลิต ตำ่า ซึ่ง ต่อ มา นัก วิท ยาศาสตร์ช าว ญี่ป ุ่น ชื่อ E. Kurosawa ในปี 1938 พบว่า สาเหตุ เกิด มาจากสารที่ผ ลิต
  • 48. แหล่ง ที่ส ร้า ง และ หน้า ที่ส ำา คัญ ของ จิบ เบอเรลลิน  แหล่ง ที่ส ง เคราะห์ ั ในพืช ชัน สูง คือ ้ บริเ วณเนื้อ เยื่อ ที่ก ำา ลัง เจริญ เช่น ปลายยอด ปลายราก ใบอ่อ น และ ต้น อ่อ น  หน้า ทีส ำา คัญ ของ GA ่  เร่ง การขยายตัว ของเซลล์ และ การ ยืด ของลำา ต้น  เร่ง การออกดอก - การแสดงออก ของเพศดอก - การติด ผล
  • 49. Foolish cabbages ! กระหลำ่า ปลีโ ง่ ! ที่ฉ ด พ่น ด้ว ย ี กรดจิบ เบอเรล ลิก (GA3)
  • 50. GA3ทำา ให้ล ำา ต้น ยืด ยาว และ ออกดอก ( rosette genotype of Brassica napus)
  • 53. ผลของ GA3 ต่อ ความยาวช่อ และ ขนาดขอ ง ผลองุ่น ชนิด ไม่ม ีเ มล็ด
  • 54. การค้น พบ ฮอร์โ มนพืช ชนิด ที่ 4 4. กรดแอบไซซิค (abscisic acid หรือ ABA) ค้น พบจากการศึก ษา สารเร่ง กระบวน การร่ว งของใบที่ เรีย กว่า abscission และ เมื่อ มี การทำา ให้บ ริส ุท ธิพ บว่า เป็น สาร ตัว เดีย วกัน กับ สารยับ ยั้ง การ เจริญ ของตา (bud dormancyinducing substances) ที่เ รีย ก กัน ว่า dormin และสารยับ ยั้ง การ
  • 55. แหล่งที่สร้าง และ หน้าที่สำาคัญ ของ ABA  แหล่ง ที่ส ง เคราะห์ ั ในพืช ชัน สูง คือ มี ้ การสัง เคราะห์ไ ด้ท ั้ง ที่บริเ วณ ลำา ต้น ราก ใบ และ ที่ผ ล เป็น ฮอร์โ มนที่ต ่า ง จาก 3 ตัว แรก คือ เป็น สารชนิด เดีย ว คือ abscisic acid  หน้า ทีส ำา คัญ ของ ABA ่  เริ่ม ต้น คิด ว่า ทำา หน้า ที่เ กี่ย วกับ การ ร่ว งของใบ และการยับ ยั้ง การเจริญ ของตา แต่ใ นปัจ จุบ ัน พบว่า เกี่ย วกับ สองขบวนการนี้น อ ย ้ 
  • 56. การค้น พบ ฮอร์โ มนพืช ชนิด ที่ 5 5. เอทิล ีน (ethylene) เป็น ที่ท ราบ กัน มานานแล้ว ว่า ผลไม้ส ก หรือ ุ ผลไม้ท ี่เ น่า เสีย จะมีผ ลไปเร่ง ให้ผ ล ไม้อ ื่น สุก เร็ว ขึ้น ซึ่ง พบว่า เกิด จาก การปล่อ ยสารระเหยบางชนิด ออก มา และ ใน ปี 1934 R. Gane เป็น ผู้พ ิส ูจ น์ว ่า สารนี้ค ือ เอทิล น ี (C2H4) ต่อ มาพบว่า นอกจากจะมีผ ล ในการกระตุ้น การสุก ของผลไม้
  • 57. แหล่ง ที่ส ร้า ง และ หน้า ที่ สำา คัญ ของ เอทิล ีน (C2H4)  แหล่ง ที่ส ง เคราะห์ ั ในพืช ชัน สูง คือ ้ เนื้อ เยื่อ ผลไม้ท ี่ส ุก ใบแก่ และ ดอก  หน้า ทีส ำา คัญ ของเอทิล น ่ ี  กระตุน การสุก ของผลไม้ ้ กระตุน การร่ว งของใบ ้  กระตุน การออกดอก ้ ยับ ยั้ง การยืด ตัว ของลำา ต้น  ยับ ยั้ง หรือ กระตุ้น การออกราก ใบ หรือ ดอก แล้ว แต่ช นิด ของพืช และ
  • 58. เอทิล ีน กระตุ้น การออกดอก ของสับ ปะรด
  • 59. เอทิล ีน กับ การสุก ของผลไม้ เอทิล ีน กับ การสุก ของผลไม้
  • 60. เอทิล ีน กับ การสุก ของผลไม้ เอทิล ีน กับ การสุก ของผลไม้
  • 61. Climateric & nonClimateric & nonclimateric Respiration climateric Respiration
  • 62. Climateric VS Nonclimateric Fruits  กล้ว ย  ส้ม  มะม่ว ง  มะนาว  มะละกอ  ลิ้น จี่  แอปเปิล  สับ ปะรด  สาลี่  มะเขือ เทศ  มะเขือ เทศ  องุ่น
  • 63. อีท ฟ อน (Ethephon) เอทิล ี ี น สัง เคราะห์  เนื่อ งจาก เอทิล น เป็น ก๊า ซ ี ทำา ให้ก ารใช้ไ ม่ส ะดวก ใน หลายกรณี จึง มีก ารสัง เคราะห์ สารชื่อ อีท ีฟ อน (Ethephon) ซึ่ง คือ สาร 2-chloroethyl phosphonic acid ที่เ ป็น สาร กึ่ง แข็ง ทีส ลายตัว ให้ก ๊า ซเอทิล ี ่ น ออกมา ใช้แ ทน โดยมีช ื่อ ทางการค้า แตกต่า งกัน ออกไป
  • 64. อีท ีฟ อน (Ethephon) เอทิล ี น สัง เคราะห์  การใช้ เอทิล ีน หรือ เอทิล น ี สัง เคราะห์ ปัจ จุบ ัน ใช้ก ัน อย่า ง กว้า งขวาง ในการ บ่ม ผลไม้ใ ห้ สุก เร็ว ขึ้น และ พร้อ มกัน การ เร่ง ดอกสับ ปะรดให้อ อกพร้อ ม กัน การเร่ง สีข ององุ่น และ มะเขือ เทศ เป็น ต้น  ในบางกรณี อาจใช้ ถ่า นก๊า ซ (Calcium Carbide) ซึ่ง ปล่อ ย
  • 65. ฮอร์โ มนของพืช ที่ร อการค้น พบ ? 1. Florigen ฮอร์โ มน กระตุ้น ให้ ออกดอกที่ เกิด จาก ช่ว งแสง (Photoperiodism) 2. Vernalin ฮอร์โ มน กระตุ้น ให้ ออกดอก จากอุณ หภูม ิต ำ่า (Vernalization)
  • 66. Florigen ฮอร์โ มนของพืช ที่ รอการค้น พบ ?
  • 67. สนองต่อ ช่ว ง แสง (Pho toperio d) ต่อ การ ออกดอก ผ่า น Florige nฮอร์โ ม
  • 69.
  • 72. ข้อ แตกต่า งระหว่า ง ฮอร์โ มน พืช กับ ฮอร์โ มนสัต ว์ 1. แหล่ง สัง เคราะห์ใ นพืช ไม่ แน่น อน เหมือ นในสัต ว์ 2. ตำา แหน่ง การทำา งานในพืช ไม่ แน่น อน และ ไม่จ ำา เป็น ต้อ งเป็น คนละที่ก ับ แหล่ง สร้า ง 3. การทำา งานโดยความเข้ม ข้น ของฮอร์โ มน ไม่ช ัด เจน 4. การทำา งานของฮอร์โ มนพืช แต่ล ะตัว มีห ลายอย่า ง และ มัก ทำา งานร่ว มกับ กับ ฮอร์โ มนชนิด อื่น

Editor's Notes

  1. ชาว
  2. ชาว