More Related Content More from Pipat Chooto (16) Conductometry3. • ทำาได้ 2 แบบ
– Direct conductometric
measurement
– Conductometric titration
18. การหาค่าคงที่ของเซ้ลล์
(cell calibration)
• เนื่องจาก G ขึ้น กับ l และ A ซ้ึ่ง vary ตามเซ้ลล์ ดังนั้นจึง
ต้องมีการหาค่า l/A ซ้่งเรียกว่า ค่าคงที่ของเซ้ลล์
(cell constant)
• หาได้โดยการวัดค่าการนำาไฟฟ้าของสารละลายที่ทราบค่า
• หา l/A ได้ มักเรียกว่า K
κ
l
A
G κ=
GA
l κ
=
19. กรัม KCl ในสารละลาย 1000g Specific conductance ที่
25o
C
71.1352 0.111342
…… ……
เมื่อวัด G จะหา K ได้ ปกติ K = 1
เครื่องมือบางแบบจะวัดในรูป (conductivity)
โดยการวัดค่าการนำาไฟฟ้า G แล้วนำามาคูณกับ cell constant K
มีข้อดีตรงที่ค่านี้ไม่ขึ้นกับ cell constant
κ
κ
KG ×=κ
G
K
κ
=
23. • วิธีการนี้จะถูกต้องมากขึ้นเมื่อ
– มุมตัดเป็นมุมแหลมมาก
– จุดบนกราฟเป็นเส้นตรง
– ปริมาตรไม่เปลี่ยนมาก
• จึงควรใช้ไทแทรนท์ที่มีความเข้มข้นมากกว่าสารละลายที่ต้องการไทเทรต
20-100 เท่า
• หรืออาจใช้การแก้ไขปริมาตร
• ไม่ต้องวัดใกล้จุดยุติ เพราะอาจมีการเกิด hydrolysis, dissociation,
solubility ของ product
observed
V
UV
κκ
+
=
28. กรดแก่กับเบสอ่อน
• กรณีเบสอ่อนปานกลาง เช่น K 10-5
• ตัวอย่างเช่นการไทเทรตกรดซ้ัลฟุริกเจือจางด้วย
สารละลายอัมโมเนียเจือจาง
• ส่วนแรกของกราฟแสดงถึงการหายไปของไฮโดรเจน
ไอออนในระหว่างการสะเทิน
• หลังจุดสมมูลจะเป็นกราฟแนวนอนเนื่องจากอัมโมเนีย
มากเกินพอมีการแตกตัวน้อย
30. กรดอ่อนกับเบสแก่-ขึ้นกับความเข้มข้น
และค่าคงที่ในการแตกตัวของกรด
• กรดอ่อนปกติเช่นกรดอะซีติก Ka = 1.8x10-5
• เมื่อไทเทรตกับโซเดียมไฮดรอกไซด์
• เกลือโซเดียมอะซีเตดที่เกิดในช่วงแรกของการไทเทรตจะต้าน
การแตกตัวของกรดอะซีติกที่เหลือ ทำาให้การนำาไฟฟ้าลดลง
• อย่างไรก็ตาม ความเข้มข้นของเกลือที่เพิ่มขึ้นทำาให้การนำา
ไฟฟ้าเพิ่มขึ้น
• ทำาให้กราฟการไทเทรตมีจุดตำ่าสุด ซึ่งขึ้นกับความเข้มข้นและ
ขนาดของกรดอ่อน
• ทำาให้ได้จุดสมมูลที่ระบุได้ยาก
• กราฟเป็นเส้นตรงหลังกรดทั้งหมดถูกสะเทิน
32. กรดแก่ปานกลาง Ka 10-3
• ผลของความเข้มข้นของเกลือมีน้อย แต่ยังมีปัณหาใน
การระบุจุดยุติ
• เช่นการไทเทรต 0.005 M o-nitrobenzoic acid ด้วย
0.130 M โปตัสเซียมไฮดรอกไซด์
• มีวิธีการสองวิธี
33. • ไทเทรตด้วยอัมโมเนียก่อน
• หากไม่อาจได้จุดยุติที่ดี ก็ไทเทรตครั้งที่สองด้วยสารละ
ลายโปตัสเซียมไฮดรอกไซด์ความเข้มข้นเดียวกัน
• กราฟตอนแรกเหมือนกัน หลังจุดยุติจะเป็นเส้นตรงสอง
เส้นทำาให้ระบุได้ง่ายขึ้น
• หากต้องการให้ถูกต้องขึ้นไปอีก ให้แก้ไขกราฟโดยใช้
ข้อเท็จจริงที่ว่า การนำาไฟฟ้าของเกลืออัมโมเนีย น้อย
กว่าของเกลือโปตัสเซียม 0.6%
วิธีที่ 1
35. วิธีที่ 2
• เริ่มไทเทรตด้วยอัมโมเนียปริมาณเล็กน้อย
• ทำาให้เสร็จสมบูรณ์ด้วยสารละลายโซเดียมไฮดรอกไซด์
• ตัวอย่างการไทเทรต 0.005 M กรดแมนเดลิก
• เมื่อกรดทั้งหมดถูกสะเทิน การนำาไฟฟ้าจะลดลง
เนื่องจากการแทนแทนที่อัมโมเนียมด้วยโซเดียมไอออน
ที่นำาไฟฟ้าได้น้อยกว่า
• เมื่อการแทนที่อัมโมเนียเกิดสมบูรณ์ ค่าการนำาไฟฟ้าจะ
เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
• ที่จุดยุติ S ปริมาณรวมของสารละลายโซเดียมไฮดรอก
ไซด์ที่เติมทั้งหมด (QS) จะเท่ากับปริมาณกรดที่มีอยู่
เดิม
• สามรถตรวจสอบซำ้าได้โดยใช้ ปริมาณอัลกาไลน์รวม
PR
39. กรดอ่อนและเบสอ่อน--ทำาได้!
• การไทเทรต 0.003 M กรดอะซีติก และ 0.0973 M
NH3
• กราฟการสะเทินก่อนจุดสมมูลเหมือนกับกรณีโซเดีย
มไฮดรอกไซด์เนื่องจากโซเดียมอะซีเตดและอัมโมเนีย
มอะซีเตดเป็นอิเล็กโทรไลท์แก่
• หลังจุดสมมูล อัมโมเนียมากเกินพอมีผลน้อยต่อการนำา
ไฟฟ้า เนื่องจากการแตกตัวถูกกดดันจากการที่มีเกลื่อ
อัมโมเนียมในสารละลาย
• ข้อได้เปรียบคือจุดยุติระบุได้ง่ายกว่า
• ตัดผลคาร์บอนไดออกไซด์ได้ เพราะ
คาร์บอนไดออกไซด์มีผลเฉพาะกรณีอัลกาไลน์ไฮดรอก
ไซด์
47. ปฏิกิริยาการตกตะกอนและเกิดสาร
เชิงซ้อน
1. มุมระหว่างส่วนทั้งสองของกราฟควรมีค่าน้อยที่สุด ถ้ามุมป้าน
มาก การมีความคลาดเคลื่อนเพียงเล็กน้อยจะทำาให้เกิดการเบี่ยง
เบนมาก
2. การละลายของตะกอนหรือการแตกตัวของสารเชิงซ้อนควร
น้อยกว่า 5% อาจเติมเอทานอลเพื่อลดการละลาย ตัวอย่างเช่น
การไทเทรตอัมโมเนียมซัลเฟตในสารละลายนำ้า-อัลกอฮอลด้วย
แบเรียมอะซีเตด ต้องดูจุดยุติจากการตัดกัน
3. อัตราการตกตะกอนช้าจะยืดเวลาในการไทเทรต อาจต้องทำา
seeding หรือเติมเอทานอล
4. ถ้าตะกอนมีสมบัติดูดซับมาก องค์ประกอบของตะกอนอาจไม่
คงที่ และอาจเกิดออคลูชัน