More Related Content
Similar to แนะนำอิสลามสำหรับผู้สนใจ (19)
แนะนำอิสลามสำหรับผู้สนใจ
- 1. แนะนําอิสลามสําหรับผูสนใจ
אא
EאF
א
אאאא
รวมรวมและตรวจทานโดย
ทีมงานภาคภาษาไทย อิสลามเฮาส.คอม
จัดพิมพโดย
สํานักงานความรวมมือเพื่อเผยแพรและสอนอิสลาม
อัร-ร็อบวะฮฺ กรุงริยาด ประเทศซาอุดิอาระเบีย
: ﻣﻦ ﺇﺻﺪﺍﺭﺍﺕ
- 4. ﻭﳛﻖ ﳌﻦ ﺷﺎﺀ ﺃﺧﺬ ﻣﺎ ﻳﺮﻳﺪ ﻣﻦ ﻫﺬﻩ ﺍﳌﺎﺩﺓ ﺑﺸﺮﻁ ﺍﻷﻣﺎﻧﺔ ﰲ ﺍﻟﻨﻘﻞ ﻭﻋﺪﻡ ﺍﻟﺘﻐﻴﲑ ﰲ
ﺍﻟﻨﺺ ﺍﳌﻨﻘﻮﻝ. ﻭﺍﷲ ﺍﳌﻮﻓﻖ. ﻭﺇﺫﺍ ﻛﺎﻥ ﻟﺪﻳﻚ ﺃﻱ ﺳﺆﺍﻝ ﺃﻭ ﺍﻗﺘﺮﺍﺡ ﺃﻭ ﺗﺼﺤﻴﺢ ﻳﺮﺟﻰ
ﻣﺮﺍﺳﻠﺘﻨﺎ ﻋﻠﻰ ﺍﻟﻌﻨﻮﺍﻥ ﺍﻟﺘﺎﱄ:
www.islamhouse.com
)7794(
7241 ﻫـ
אאא
445 4900W ـ 5606 194
אאwww.islamhouse.comW
- 5. אאא
คํานํา
หนังสือเลมนี้ เปนหนังสือรวมเลมบทความแนะนําอิสลามสําหรับผูสนใจ
อิสลาม โดยคัดลอกมาจากงานเขียนของอาจารยบรรจง บินกาซัน และ
บทความที่แปลโดยอาจารยวิทยา วิเศษรัตน ซึ่งเผยแพรในเว็บไซต ไทย
อิสลามิค.คอม และ มุสลิมไทย.คอม
บทความตางๆ ในหนังสือเลมนี้ สามารถใหคําชี้แจงเบื้องตนแก
ผูสนใจอิสลามตอประเด็นตางๆ ที่ควรรูเพื่อทําความเขาใจอิสลาม ซึ่งใช
วิธีการอธิบายอยางรัดกุมสั้นๆ ไมยื้ดเยื้อมากเกินไป อีกทั้งยังไดให
คําตอบในหลายประเด็นที่อาจจะเปนขอซักถามหรือความคลุมเครือของ
ผูที่มใชมุสลิม
ิ
ในนามทีมงานภาคภาษาไทยของเว็บไซต อิสลามเฮาส.คอม
ขอขอบคุณบุคคลทุกฝายที่มีสวนในการเผยแพรหนังสือเลมนี้ และหวัง
อยางยิ่งวาอัลลอฮฺจะทรงประทานผลตอบแทนและความเมตตาของ
พระองคแกทุกทานทั้งในโลกนี้และโลกหนา อามีน
อิสลามเฮาส.คอม
- 6. สารบัญ
ความหมายของอิสลาม 7
พระเจามีจริงหรือไม ? 14
เรื่องราวของอิสลามโดยยอ 24
ลักษณะทัวไปของอิสลาม
่ 33
อิสลามกับชีวติ 37
อิสลามคือระบอบชีวิตที่สมบูรณ 39
อิสลามและเปาหมายของชีวต ิ 45
ทัศนะของอิสลามตอธรรมชาติ 50
อิสลามกับความตาย 52
วันอาคิเราะฮฺ (วันปรโลก) 55
หลักศรัทธา 6 ประการ 62
หลักปฏิบัติ 5 ประการ 66
การเขารับอิสลามหรือการเปนมุสลิม 77
- 7. ความหมายของอิสลาม
อิ ส ลามแตกต า งกั บ ความศรั ท ธาชนิ ด อื่ น เริ่ ม จากที่ ชื่ อ ของ
ศาสนานี้ คือ "อิสลาม" ไมไดมาจากชื่อผูกอตั้ง เชน พุทธศาสนาและ
คริสตศาสนา หรือมาจากชื่อเผาพันธและเชื้อชาติ เชน ศาสนายิว หรือ
เกี่ยวของกับแผนดิน หรือชื่อของดินแดน เชน ศาสนาฮินดู
ห นั ง สื อ ห ล า ย เ ล ม เ รี ย ก อิ ส ล า ม ว า “ศ า ส น า มุ หั ม มั ด ”
(Mohamadanism) คงรับมาจากตําราฝรั่ง หรือเรียกคนมุสลิมวา “พวก
มุหัมมัด” หรือที่บานเราเรียกวา “พวกแขก” นี่เปนความเขาใจผิด ความ
สั บ สนพวกนี้ มี อีก หลายเรื่ อ งหลายประเด็ น เป น เหตุ ใ ห ล ดทอน
ความหมายที่ถูกตองของอิสลามลงไป และทําใหอิสลามคลาดเคลื่อนไป
จากความเขาใจของบุคคลทั่วไป
ในอิสลามนั้นถือวาใครที่ยอมรับอัลลอฮฺเปนผูสราง เปนผูเปน
เจาของทุกสรรพสิ่ง เขาก็สามารถที่จะเปน "มุสลิม" คนหนึ่งได ไมวาคน
นั้นจะมีเชื้อชาติใด เผาพันธุไหนก็ตาม
สวน "อิสลาม" ชื่อที่ใชเรียกศรัทธานี้ถูกประทานมาจากอัลลอฮฺ
ผูทรงสราง ดังมีปรากฏอยูในอัล-กุรอาน คัมภีรที่พระองคประทานมาวา
àMŠÅÊu‘uρ ©ÉLyϑ÷èÏΡ öΝä3ø‹n=tæ àMôϑoÿøCr&uρ öΝä3oΨƒÏŠ öΝä3s9 àMù=yϑø.r& tΠöθu‹ø9$#
4 $YΨƒÏŠ zΝ≈n=ó™M}$# ãΝä3s9
7
- 8. ความวา "วันนี้ ฉันไดทําใหศาสนาของสูเจาครบครัน
สําหรับสูเจาแลว และไดใหความโปรดปรานของฉัน
ครบถ ว นแก สู เ จ า และฉั น ได พึ ง ใจ (เลื อ ก) อิ ส ลาม
เปนศาสนาสําหรับสูเจา" (อัล-มาอิดะฮฺ 5:3)
แนวคิดพื้นฐาน
แนวความคิดอิสลามขั้นพื้นฐาน ซึ่งหากถูกละเลยไป ก็จะไมมี
วันเขาใจอิสลามไดเลย นั่นคือ อิสลามถือวา สรรพสิ่งทั้งหลายถูกสราง
โดยผูเปนเจา ซึ่งอิสลามเรียกผูเปนเจาที่เที่ยงแทนี้ในภาษาอาหรับวา
“อัลลอฮฺ” เปนผูอภิบาล และผูทรงอํานาจสูงสุด และทุกสิ่งทุกอยาง
ดําเนินและเปนไปตามกฎของพระองค
เบื้องหลังของสรรพสิ่ง จึงมีเจตจํานงหนึ่งบริหารจัดการมัน มี
อํานาจหนึ่งที่ขับเคลื่อนมัน มีกฎหนึ่งที่คอยกําหนดควบคุมมัน จักรวาล
ทั้งหมด จึงเปนสิ่งที่เชื่อฟงตอเจตจํานงของพระเจา ดวยเหตุจากการเชื่อ
ฟงและการยอมจํานนนี้ ทําใหจักรวาลดําเนินตอเนื่องไปไดในรูปแบบที่
ประสานกลมกลืนอยางสันติ
เพราะฉะนั้นแนวคิดรากฐานของอิสลามจึงเริ่มจากเอกภาพของ
ผูเ ปน เจ า นั่ น หมายความว า สรรพสิ่ ง และชีวิ ตต า งๆนั้ น มาจาก
แหลงกําเนิดเดียว และตางตกอยูภายใตการบริหารของอํานาจเดียว
ดํารงอยูทามกลางความเปนเอกภาพ ประสานกลมกลืนเขาดวยกันอยาง
ปราณีตงดงามยิ่ง
8
- 9. นี่ คื อ แนวคิ ด หลั ก ซึ่ ง เป น แนวคิ ด ที่ ก อ ขึ้ น เป น ความเชื่ อ
อุดมการณ และระบอบอิสลามอื่นๆ ที่ถูกกลาวไวในอัล-กุรอานตลอดทั้ง
เลมก็วาได ดังตัวอยางปรากฏในอัล-กุรอานวา
$Z)ø?u‘ $tFtΡ%Ÿ2 uÚö‘F{$#uρ ÏN≡uθ≈yϑ¡¡9$# ¨βr& (#ÿρãxx. t⎦⎪Ï%©!$# ttƒ óΟs9uρr&
tβθãΖÏΒ÷σムŸξsùr& ( @c©yr >™ó©x« ¨≅ä. Ï™!$yϑø9$# z⎯ÏΒ $oΨù=yèy_uρ ( $yϑßγ≈oΨø)tFxsù
∩⊂⊃∪
ความวา "และบรรดาผูปฏิเสธศรัทธาเหลานั้นไมเห็น
ดอกหรือวา แทจริงชั้นฟาทั้งหลายและแผนดินนั้นแต
กอนนี้รวมติดเปนอันเดียวกัน แลวเราไดแยกมันทั้ง
สองออกจากกัน และเราไดทําใหทุกสิ่งมีชีวิตมาจาก
น้ํา ดังนั้นพวกเขาจะยังไมศรัทธาอีกหรือ" (อัล-อันบิ
ยาอ 21:30)
ĸöyèø9$# Éb>u‘ «!$# z⎯≈ysö6Ý¡sù 4 $s?y‰|¡xs9 ª!$# ωÎ) îπoλÎ;#u™ !$yϑÍκÏù tβ%x. öθs9
∩⊄⊄∪ tβθàÅÁtƒ $£ϑtã
ความวา "หากในชั้ น ฟ า และแผ น ดิ น มีพ ระเจา หลาย
องค นอกจากอัลลอฮฺแลว ก็จะกอใหเกิดความ
เสียหายอยางแนนอน อัลลอฮฺพระเจาแหงบัลลังกทรง
บริสุทธิ์จากสิ่งที่พวกเขาเสกสรรปนแตงขึ้น" (อัล-อันบิ
ยาอ 21:22)
9
- 10. Ç⎯≈uΗ÷q§9$# È,ù=yz †Îû 3“ts? $¨Β ( $]%$t7ÏÛ ;N≡uθ≈yϑy™ yìö7y™ t,n=y{ “Ï%©!$#
∩⊂∪ 9‘θäÜèù ⎯ÏΒ 3“ts? ö≅yδ u|Çt7ø9$# ÆìÅ_ö‘$$sù ( ;Nâθ≈xs? ⎯ÏΒ
ความวา "พระผูทรงสรางชั้นฟาทั้งเจ็ดเปนชั้นๆ เจาจะ
ไมพบเห็นความบกพรองในการสรางของพระผูทรง
กรุณาปรานี ดังนั้นเจาจงหันกลับมามองดูซิ เจาเห็น
รอยราวหรือชองโหวบางไหม?" (อัล-มุลก 67:3)
ฉะนั้น สรรพสิ่งและชีวิตในอิสลามจึงถูกเนนถึง "ความกลมกลืน"
กันบน "อํานาจเดียว" ทุกสิ่งเดินไปบน "การยอมจํานน" อยางสิ้นเชิงตอ
อํานาจนั้น
>™ó©x« ⎯ÏiΒ βÎ)uρ 4 £⎯ÍκÏù ⎯tΒuρ ÞÚö‘F{$#uρ ßìö7¡¡9$# ßN≡uθ≈uΚ¡¡9$# ã&s! ßxÎm6|¡è@
tβ%x. …絯ΡÎ) 3 öΝßγys‹Î6ó¡n@ tβθßγs)ø? ω ⎯Å3≈s9uρ ⎯Íνω÷Κpt¿2 ßxÎm7|¡ç„ ωÎ)
s
∩⊆⊆∪ #Y‘θàxî $¸ϑŠÎ=ym
ความวา "ชั้นฟาทั้งเจ็ดและแผนดิน รวมทั้งสิ่งที่อยูใน
นั้นลวนสดุดีสรรเสริญแดพระองค และไมมีสิ่งใดเวน
แตจะสดุดีดวยการสรรเสริญพระองค แตวาพวกเจา
ไมเขาใจคําสดุดีของพวกเขา แทจริงพระองคเปนผู
ทรงเอ็นดู ผูทรงอภัยเสมอ" (อัล-อิสรออ 17:44)
ÏN≡uθ≈yϑ¡¡9$# ’Îû ⎯tΒ zΝn=ó™r& ÿ…ã&s!uρ šχθäóö7tƒ «!$# Ç⎯ƒÏŠ uötósùr&
∩∇⊂∪ šχθãèy_öムϵø‹s9Î)uρ $δöŸ2uρ $YãöθsÛ Ä⇓ö‘F{$#uρ
10
- 11. ความวา "อื่นจากศาสนาของอัลลอฮฺกระนั้นหรือที่พวก
เขาแสวงหา? และแดพระองคนั้น ผูที่อยูในชั้นฟา
ทั้ ง หลายและแผ น ดิ น ได น อบน อ มให ทั้ ง ด ว ยการ
สมัครใจและความจํายอม และยังพระองคนั้นพวกเขา
จะถูกนํากลับไป" (อาล อิมรอน 3:83)
ความหมายของอิสลาม
หลังจากที่ไดทําความเขาใจแนวคิดหลักของอิสลามแลว เรา
สามารถทํ า ความเข า ใจความหมายของอิ ส ลามได ทั น ที เพราะ
ความหมายของคําวา "อิสลาม" นั่น ผูกติดอยูกับแนวคิดขางตนนั่นเอง
เริ่มจากความหมายดานภาษา คําวา "อิสลาม" มาจากรากศัพท
สามอักษร คือ ซีน, ลาม และมีม หมายถึง
ก) ยอมจํานน ยอมรับ ยอมสยบ ใหแกสิ่งใดสิ่งหนึ่งที่เหนือกวา
ดังนั้นประโยคที่วา (อัสละมะ อัมเราะฮุ อิลา อัลลอฮฺ) จึงหมายถึง เขา
มอบหมายการงานของเขาไปยัง อั ลลอฮฺ หรื อเขายอมรั บเจตนารมณ
ของอัลลอฮฺโดยดุษฎี คําวา “อัสละมะ” ตัวเดียวกันนี้ยังหมายถึง เขา
มอบหมายตัวเขาไปสูเจตนารมณของอัลลอฮฺ หรือเขาเปนมุสลิม ก็ได
ข) ปรองดองกับสิ่งอื่น หรือสรางสันติภาพ (โปรดดู Hans Wehr,
Dictionary of Modern Arabic Written, Wiesbadane : Harrassowitz
,1971p. 424-425.)
ถาเขาใจความหมายทางภาษา ก็สามารถเขาใจความหมายทาง
หลักการไดไมยาก ความหมายอิสลามทางหลักการนั้นไดรับจากความ
11
- 12. เขาใจที่มาจากอัล-กุรอาน อัซ-สุนนะฮฺ(คําสอนของทานศาสดา) และ
ความเขาใจอยางเอกฉันทของศิษ ยของทานศาสดาหรือที่ เรียกกันวา
บรรดาเศาะฮาบะฮฺ นั่นก็คือ อิสลามหมายถึงการยอมจํานน การออน
นอมและการเชื่อฟง ดังนั้น อิสลามคือระบอบที่ยืนหยัดอยูบนหลักการ
ยอมจํานน และเชื่อฟงตออัลลอฮฺ นี่คือสาเหตุที่มันถูกเรียกวาระบอบหรือ
แนวทางแหงอิสลาม
และในอีกดานหนึ่ง คําวาอิสลาม คือ "สันติภาพ" หมายถึงผูใด
ตองการที่จะรับเอาสันติภาพที่แทจริงทั้งทางภายนอก และทางความรูสึก
ได ก็มีเพียงแตโดยวิธีการยอมจํานนและเชื่อฟงตออัลลอฮฺเทานั้น ตามที่
กลาวนี้ก็คือ ชีวิตที่เชื่อฟงอัลลอฮฺจะนํามาซึ่งสันติภาพของจิตใจ และจะ
ขยายสันติภาพไปสูดานอื่นๆ ของชีวิตตอไป
เพราะฉะนั้น ทุกสิ่งทุกอยางที่ดําเนินไปตามเจตนารมณของผู
เปนเจาจึงเรียกไดวาไดเขาสูความเปนอิสลาม หรือเรียกเปนภาษา
อาหรับวา "มุสลิม" หมายถึง ผูหรือสิ่งที่ยอมจํานนตออัลลอฮฺและเปนผล
ใหผูหรือสิ่งนั้นดําเนินไปบนแนวทางแหงสันติ
กล า ว ต า ม คว า ม ห ม า ย นี้ ก็ คื อ ทุ ก ส ร ร พ สิ่ ง เ ป นมุ ส ลิ ม
เพราะฉะนั้นการที่มนุษยคนใดเลือกเปนมุสลิม ก็คือมนุษยคนนั้นไดเลือก
วิ ถี ท างเดี ย วกั บ ทุ ก สรรพสิ่ ง ที่ ดํ า เนิ น และเคลื่ อ นไหวไปรอบๆ ตั ว เขา
นั่นเอง อัล-กุรอานจึงไดเรียกรองตอผูที่ศรัทธาตออัลลอฮฺใหเขาสู
สันติภาพนี้โดยพาตัวเองเขาสูสันติภาพทั้งระบอบ
Zπ©ù!$Ÿ2 ÉΟù=Åb¡9$# ’Îû (#θè=äz÷Š$# (#θãΖtΒ#u™ š⎥⎪Ï%©!$# $y㕃r'¯≈tƒ
12
- 13. ความวา "โอบรรดาผูศรัทธาจงเขาสูสันติภาพทั้งหมด"
(อัล-บะเกาะเราะฮฺ 2:208)
คําวา “ซิลมฺ” ที่แปลวาสันติภาพ ในที่นี้หมายถึง อิสลาม หรือ
การยอมจํานนตออัลลอฮฺในทุกแงทุกมุมของชีวิต เราจึงสามารถอธิบาย
ไดเชนกันวา อิสลามคือระบอบและแนวทางการดําเนินชีวิตที่ถูกประทาน
จากผูเปนเจาสูมุหัมมัดผูเปนศาสดาทานสุดทาย
อิสลาม คือประมวลในสิ่งที่อัลลอฮฺประทานมาใหทุกแงทุกมุม
ของชีวิต ไมวาเปนหลักศรัทธา กฎหมาย การเมือง แนวทางเศรษฐกิจ
เปนตน ทั้งหมดนั้นถูกประทานมาเพื่อใหมนุษยทั้งหมดยอมรับ ยอม
จํานน และปฏิบัติตามนั่นเอง
เพราะฉะนั้น อิสลามจึงเปนระบอบที่เข ามาเกี่ยวของกับชีวิ ต
ทั้งหมด อิสลามคือการใหคําตอบตอปญหาชีวิตทั้งหมดสามประเด็น นั่น
คือ เรามาจากไหน? เรามาทําไม? และเราจะไปไหน?
คําตอบทั้งสามคําถามนี้อยูในเนื้อหาคําสอนทั้งหมดของอิสลาม
แลว
13
- 14. พระเจามีจริงหรือไม ?
ÏM≈uΗä>—à9$# Ÿ≅yèy_uρ uÚö‘F{$#uρ ÏN≡uθ≈yϑ¡¡9$# t,n=y{ “Ï%©!$# ¬! ߉ôϑptø:$#
∩⊇∪ šχθä9ω÷ètƒ öΝÍκÍh5tÎ/ (#ρãxx. t⎦⎪Ï%©!$# ¢ΟèO ( u‘θ‘Ζ9$#uρ
ความวา “มวลการสรรเสริญเปนสิทธิ์ของอัลลอฮฺผู
บัง เกิ ด ชั้น ฟ า ทั้ ง หลายและแผ น ดิ น และทรงให เ กิ ด
ความมื ด และแสงสว า ง แต แ ล ว บรรดาผู ที่ ป ฏิ เ สธ
ศรัทธานั้นก็ยังให(สิ่งอื่น)เทาเทียมกับพระเจาของเขา
อยู” (อัล-อันอาม 6:1)
อัลลอฮฺไดทรงใหรสูล(ศาสดา, ศาสนทูต)ของพระองคชี้แจงแก
มนุษยทั้งหลายใหรูวาบรรดาสิ่งที่อยูเบื้องบนที่เรียกกันวาฟาและแผนดิน
ที่มนุษยและสัตวไดอยูอาศัยนั้นไมไดเกิดหรือมีขึ้นมาเอง หากแตอัลลอฮฺ
เปนผูบังเกิดขึ้นซึ่งนับเปนเรื่องใหญและสําคัญที่สุด แตพวกที่ดื้อดึงก็ยัง
ไม ย อมเชื่ อ ฟ ง ไม ย อมเคารพสั ก การะต อ พระองค ยั ง คงดื้ อ ดึ ง เคารพ
สักการะสิ่งอื่นเทาเทียมเสมอดวยพระองค
∩⊇⊃⊇∪ ×Λ⎧Î=tæ >™ó©x« Èe≅ä3Î/ uθèδuρ ( &™ó©x« ¨≅ä. t,n=yzuρ
14
- 15. ความว า “และพระองค ท รงให เ กิ ด ทุ ก ๆ สิ่ ง และ
พระองคเปนผูทรงรอบรูในทุกๆ สิ่ง” (อัล-อันอาม
6:101)
อัลลอฮฺ (ซ.บ.) ทรงบังเกิดทุก ๆสิ่งที่มีอยูในพิภพรวมทั้งทองฟา
และแผ น ดิ น ด ว ยมหาอํ า นาจและความปรารถนาของพระองค และ
พระองคทรงรอบรูทุกๆ สิ่งอยางถวนถี่เพราะพระองคเปนผูทรงใหบังเกิด
&™ó_x« Èe≅à2 ß,Î=≈yz ( uθèδ ωÎ) tµ≈s9Î) Iω ( öΝä3š/u‘ ª!$# ãΝà6Ï9≡sŒ
∩⊇⊃⊄∪ ×≅‹Å2uρ &™ó©x« Èe≅ä. 4’n?tã uθèδuρ 4 çνρ߉ç6ôã$$sù
ความวา “นั่นคืออัลลอฮฺผูเปนพระผูอภิบาลของสูเจา
ทั้งหลาย ไมมีเจาใดๆ ที่ควรแกการกราบไหวสักการะ
นอกจากพระองคผูทรงบังเกิดทุกๆ สิ่ง ดังนั้นสูเจา
ทั้งหลายจงเคารพกราบไหวแดพระองค” (อัล-อันอาม
6:102)
( ÇÚö‘F{$#uρ ÏN≡uθ≈yϑ¡¡9$# ÌÏÛ$sù A7x© «!$# ’Îûr& óΟßγè=ߙ①ôMs9$s% *
ความวา “บรรดารสูลของพวกเขาไดกลาวถามวา ใน
เรื่ อ งอั ล ลอฮฺ ผู ส ร า งฟ า และแผ น ดิ น นั้ น ยั ง จะมี ก าร
เคลือบแคลงสงสัยอีกหรือ” (อิบรอฮีม 14:10)
15
- 16. «!$# çöxî @,Î=≈yz ô⎯ÏΒ ö≅yδ 4 ö/ä3ø‹n=tæ «!$# |Myϑ÷èÏΡ (#ρãä.øŒ$# â¨$¨Ζ9$# $pκš‰r'¯≈tƒ
4†¯Τr'sù ( uθèδ ωÎ) tµ≈s9Î) Iω 4 ÇÚö‘F{$#uρ Ï™!$yϑ¡¡9$# z⎯ÏiΒ Νä3è%ã—ötƒ
∩⊂∪ šχθä3sù÷σè?
ความวา “มนุษยทั้งหลาย! จงรําลึกถึงความกรุณา
เมตตาของอัลลอฮฺซึ่งอยูบนสูเจาทั้งหลาย (พึงคิดดูให
ดี) จะมีหรือผูสรางอื่นจากอัลลอฮฺ? พระองคทรง
ประทานปจจัย(ริสกี)ใหแกพวกสูเจาลงมาจากฟาและ
ออกมาจากพื้นดิน ไมมีเจาอื่นใดที่ควรแกการเคารพ
สั ก การะนอกจากพระองค (เมื่ อ ทุ ก สิ่ ง ทุ ก อย า งได
ประจักษแจงชัดแลว) สูเจายังถูกหลอกลวงให(เคารพ
สิ่งอื่น)ไดอยางไรอีกเลา?” (ฟาฏิรฺ 35:3)
โองการอั ลกุ ร อานทั้ ง หมดนี้ อั ล ลอฮฺ ไ ด ท รงแจ ง ให ม นุ ษ ย รู ว า
พระองคทรงเปนพระเจาองคเดียวที่ทรงสรางฟา แผนดิน และสิ่งตาง ๆที่
มีอยูในทองฟาและบนพื้นแผนดิน
นอกจากคํ า บอกเล า ของพระองค แ ล ว มนุ ษ ย เ รายั ง สามารถ
คนควาหาองคพระผูบังเกิดไดดวยความคิดความอานของเราอีก เรื่อง
องคพระผูสรางนี้เมื่อเราพยายามใชสติปญญาคนควาแตเพียงผิวเผินก็
จะไดพ บประจัก ษพ ยาน แตถ า เรายิ่ ง คิดให ลึก ซึ้ ง ก็จะได พ บประจัก ษ
พยานอันกวางขวางยิ่งๆ ขึ้นไปทุกที
16
- 17. อัล-อุสตาซ อัช-ชัยค มุหัมมัด คอลีล ดิรอสไดเลาวา มีอาหรับ
ชาวเขาคนหนึ่งไดถูกถามวา “ทานรูจักพระเจาอภิบาลของทานได
อยางไร?” อาหรับผูนั้นไดตอบดวยคารมคมคายวา “อูฐตัวเมียมันบอก
แกเราวาตองมีอูฐตัวผูและรอยเทาที่ปรากฎอยูบนพื้นดินนั้นมัน
บอกแกเราวามีผูเดินผาน ดังนั้นทองฟาอันเต็มไปดวยหมูดาวและ
พื้นดินที่ปูลาดมันจะไมบอกแกเราบางหรือวามีผูสรางที่ทรงไวซึ่ง
ความสามารถและความรูอยางละเอียดรอบคอบ?!”
ท า นอิ บ นุ กะษี ร ผู เ ชี่ ย วชาญในทางอธิ บ ายความหมายของ
อัลกุรอานไดเลาไวในหนังสือของทานวา มีชนกลุนหนึ่งซึ่งเปนพวกที่ไม
นับถือพระเจาไดมาหาทานอบู หะนีฟะฮฺ(อิมามหะนะฟ) ขอรองใหทาน
แสดงหลักฐานในเรื่องการมีพระเจาผูสรางใหแกพวกเขา ทานอบู
หะนีฟะฮฺก็ยินดีที่จะปฏิบัติตามคําขอรองแตทานพูดกับพวกเหลานั้นวา
“กอนอื่นฉันอยากเลาเรื่องแปลกประหลาดใหพวกทานฟงสักเรื่องหนึ่ง
สํ า หรั บ ตั ว ฉั น เองก็ ยั ง ฉงนใจอยู เ หมื อ นกั น เรื่ อ งมี ดั ง นี้ ฉั น ได ข า ว
ประหลาดวามีเรือสินคาลําหนึ่งภายในเรือไมมีคนอยูแมแตสักคนเดียว
กัปตันก็ไมมี นายทายก็ไมมี ชางเครื่องก็ไมมี ตลอดจนกลาสีลูกเรือ และ
กรรมกรแมแตเครื่องควบคุมใดๆ ก็ไมมีทั้งสิ้น แตเรือลํานี้ทํางานไดเองทุก
อยาง เชน เอาของลงเรือเอง พอสินคาเต็มลําแลวก็ออกแลนไปยังที่
หมาย เมื่อถึงแลว ก็ขนสินคาขึ้นเอง แลวก็แลนกลับมาขนสินคาลงอีก
เรื่องเปนเชนนี้ฉันใครอยากจะถามทานวาพวกทานเห็นอยางไรในเรื่องนี้?
มันจะเปนไปไดไหม ?” พวกแขกเหลานั้นก็ตอบวา “มันเปนเรื่องสุดวิสัยที่
จะเชื่อวาเปนความจริง เปนเรื่องเหลวไหลมากกวา”
17
- 18. ทานอบู หะนีฟะฮฺจึงพูดกับพวกนั้นวา “เมื่อทานไมยอมเชื่อเรื่อง
เรือประหลาดลํานั้นแลว เหตุไฉนทานจึงจะไมยอมเชื่อวา พิภพอันกวาง
ใหญไพศาลเบื้องบนที่เต็มไปดวยจักรวาลเชน ดวงจันทร ดวงตะวันและ
ดวงดาวอย า งเหลื อ คณานั บ ทุ ก อย า งต า งหมุ น เวี ย นโคจรไปตาม
กฎเกณฑอยางเปนระเบียบเรียบรอยไดจังหวะปราศจากการผิดพลาด
ก า วก า ย ทางเบื้ อ งล า งก็ มี สิ่ ง ของสุ ด วิ สั ย ที่ จ ะคํ า นวณได ทุ ก ๆสิ่ ง ได
ดําเนินไปอยางเปนระเบียบเรียบรอยตามกําหนด เหตุใดทานจึงไมยอม
เชื่อวามีผูคอยจัดการ คอยบริหารควบคุมดูแล?”
เมื่อทานอะบู หะนีฟะฮฺสงคําถามกลับไปเชนนั้นพวกที่ไมยอม
ศรัทธาในพระเจาเหลานั้นตางก็นิ่งอึ้ง ครุนคิดอยูสักครูหนึ่งก็ยอมจํานน
ตอเหตุผลวาพระเจาผูสรางนั้นมีแนนอนและยอมเขารับนับถืออิสลาม
ทันที
ทั้งสองเรื่องนี้ถอดความจากหนังสือพิมพ “อัล-ฮัดยุน นะบะ
วีย” ของอัล-มัรฺหูม อัช-ชัยค หามิด อัล-ฟากี ซึ่งตีพิมพในประเทศอียิปต
เรื่องแรก บอกใหรูวา เมื่อเราเห็นสิ่งของเราก็รูจักผูทําหรือผู
ประดิษฐหรือผูสราง เชน เราเห็นรถยนตเราก็รูวานายชางเปนผูประกอบ
ตัวรถ ชางกลเปนผูประดิษฐเครื่องยนต เมื่อเราเห็นเรือใบลําเล็กๆ เราก็รู
วาชางไมเปนผูตอเรือนั้น เมื่อเราหยิบเสื้อกางเกงขึ้นมาเราก็รูวาชางตัด
เสื้อเปนผูเย็บ เมื่อเราเห็นตึกหลังใหญมหึมาเราก็รูวาชางกอสรางเปน
ผูทํา เมื่อเราเห็นบานไมหลังงามหรือกระทอมหลังเล็กๆ เราก็รูวาชางไม
18
- 19. เปนผูทํา เมื่อเราไดเห็นบานเมืองสวยงามมีถนนใหญๆ งามๆ มีตกรามสูง ึ
ตระหงานและของอื่นๆ อีกหลายสิ่งหลายอยางเราก็รูวามนุษยเปนผูทํา
มนุษยทุกคนแมแตเด็กก็ตองเชื่ออยางมั่นใจวาชางไมเปนผูตอ
เรื อ ทํ า บ า น ช า งกลและช า งเหล็ ก เป น ผู ทํ า รถยนต ช า งก อ สร า งเป น
ผูสรางตึก และชางเย็บเสื้อเปนผูเย็บเสื้อกางเกง ฯลฯ เราพากันเชื่อ ทั้งๆ
ที่เราไมเคยรูจกหรือไมเคยไดพบเห็นนายชางเหลานั้นเลยแมแตนอย
ั
ทุกๆ คนจะไมยอมเชื่ออยางเด็ดขาดวาสิ่งของตางๆ เหลานั้น
เกิดขึ้นมาเองโดยไมมีผูสรางไมมีผูทําหรือผูประดิษฐ แมกานไมขีดไฟซึ่ง
เปนเศษไมเล็กๆ ที่ไมมีมูลคาอะไรเลยแมแตนอยเราก็ไมยอมเชื่อวามัน
เกิดหรือมีขึ้นมาเองโดยไมมีผูทํา
ใครบอก ใครสั่งสอนหรือแนะนําใหมนุษยเชื่อมั่นอยางนั้น?
สัญชาติญาณอันเกิดจากสติปญญาของเราเองเปนผูบอก แมจะ
เปนคนที่โงแสนโงสักปานใดก็จะไมยอมเชื่อวาสิ่งเหลานั้นเกิดหรือมีขึ้น
เองโดยไมมีผูสราง
เมื่อสรุปแลวก็คงไดผลดังนี้ :-
1. มนุษยยอมเชื่อวาสิ่งของตางๆ เชนที่กลาวมาแลวจะ
เกิดหรือมีขึ้นมาเองโดยไมมีผูทํา ผูสราง หรือผูประดิษฐ
ไมไดอยางเด็ดขาด
2. มนุ ษ ย ย อมเชื่ อ สิ่ ง ที่ ไ ม เ คยพบไม เ คยเห็ น เชื่ อ โดย
จิตสํานึก
19
- 20. เมื่อเปนเชนนี้ ก็เหตุไฉนเราจะไมยอมเชื่อวาสิ่งของอีกเปน
จํานวนมากมายกายกองเหลือคณานับ ที่นายชางตางๆ เหลานี้ทําไมได
เชน ดวงจันทร ดวงตะวัน ดวงดาว มนุษย สัตว ตนไม ตั้งแตขนาดใหญ
ที่สุดถึงขนาดเล็กที่สุด มองดวยตาเปลาไมเห็นตองใชกลองขยาย
ตลอดจนตัวพิภพ ทองฟา น้ํา และแผนดินตองมีผูสราง กลับไปเชื่อวา สิ่ง
เหลานั้นเกิดขึ้นมาเอง โดยไมมีผูสราง จะไมเปนการเขาใจที่งมงาย
เกินไปหรือ?
ในเมื่อมนุษยทุกคนไมยอมเชื่อวากานไมขีดไฟเพียงกานเดียว
จะเกิดหรือมีข้ึนมาเองไมได อยางเด็ดขาด ทั้ง ๆ ที่การทํากานไมขีดไฟ
ไมใชงานละเอียดพิสดารอยางไร แมเด็กเล็กบางคน ก็สามารถจะเหลา
เศษไมเล็กๆ ใหมีลักษณะเปนเศษไมที่มีรูปสี่เหลี่ยมอยางกานไมขีดไฟได
สวนสิ่งของตาง ๆ ดังกลาวแลว ไดถูกสรางขึ้นอยางประณีตพิสดารเกิน
ภูมิปญญาของมนุษย แตกลับเขาใจหรือเชื่อวา เกิดขึ้นมาเองโดยไมมี
ผูสราง
ปญญาชนผูเคารพตอเหตุผล เคารพตอความจริง ไมนาเขาใจ
อยางงมงายเชนนั้น ควรจะใชสติปญญาความรอบคอบคนหาผูสรางให
พบ ในเมื่อมั่นใจวาทุกๆ สิ่งตองมีผูทํา
เรื่องที่สอง หมายถึงการควบคุมการบริหาร
บรรดาสิ่งของตางๆ ที่เราใชที่เราเห็นตลอดจนกิจการตางๆ ตอง
มีผูควบคุม ผูรักษาและผูบริหาร เชนเราจะนําสิ่งของบางอยางไปยังที่
แหงหนึ่ง เรามีเรือเล็กๆ อยูลําหนึ่งเราจัดแจงเอาสิ่งของลงเรือแลวก็แก
20
- 21. เชือกผูกเรือ เสือกเรือออกกลางแมน้ํา เรือลํานอยๆ ก็จะลองลอยไปตาม
สายน้ํ า ตามยถากรรม ในที่ สุ ด ทั้ ง เรื อ ทั้ ง ของและพายก็ จ ะอั น ตรธาน
หายไปโดยไมรวาไปอยูที่ใด
ู
หรือเราลงไปในเรือดวย เรามีความสามารถทําไดแตเพียงเอา
พายพุยน้ํา ไมเขาใจที่จะคัดหรือวาด ทั้งไมเขาใจทางเดินเรือพอลงเรือได
ก็จ้ําเอาๆ เรือก็ตะเปะตะปะหมุนไปหมุนมาชนนั่นชนนี่ ในที่สุดก็ไปไม
รอดหรืออาจจะถูกเรืออื่นชนลมในที่สุด
เรามีรถยนตคันใหญโตสวยงาม มีเครื่องใชทันสมัยอยางพรอม
มูล เมื่อจะไปธุระยังที่แหงหนึ่งเราขึ้นไปนั่งบอกใหมันออกเดินมันก็ไม
ออก คอยแลวคอยเลารถก็ไมออกวิ่งหรือวาเราสตารทเครื่องเรียบรอย
แลวก็ลงจากรถปลอยใหรถออกวิ่งไปแตลําพังในที่สุดรถคันนั้นก็จะตอง
ไปชนอะไรพังพินาศไป
หรือเราเปนผูขับเอง แตมีความรูเพียงหมุนพวงมาลัยใหรถหัน
ขวาหัน ซ า ยเท า นั้ น การเดิ น รถตามระเบี ย บของการจราจรไม มีค วาม
เขาใจเลย ในที่สุดรถของเราก็จะตองไปชนอะไรเขาหรือไมก็ถูกรถคันอื่น
ชนเอา หรื อ ว า ในขณะที่ ขั บ ไปนั้ น เครื่ อ งยนต เ กิ ด ขั ด ข อ งขึ้ น เราไม มี
ความรูในเรื่องเครื่องยนตเสียเลยจะเดินทางตอไปก็ไมไดจะกลับบานก็
ไมได
มีโรงเรียนใหญแหงหนึ่งกําลังจะกาวหนามีนักเรียนนับจํานวน
เปนพันแตมีเหตุเกิดขึ้นทําใหตองขาดผูจัดการหรือผูบริหาร หรือวาได
ผูจดการมาใหมเปนผูที่ไมเคยบริหารกิจการของโรงเรียนมาเลย หรือวามี
ั
21
- 22. ภูมิความรูไมพอที่ จะควบคุมโรงเรี ยนได เมื่องานดํ าเนินไปโดยขาดผู
ควบคุมผูบริหารที่มีประสิทธิภาพไมพอ ความระส่ําระสาย ความอลเวงก็
จะเกิดขึ้น ในที่สุดโรงเรียนนั้นก็จะตองประสบกับความวิบัติ
ยั ง มี อ ะไรอื่ น อี ก ในทํ า นองเดี ย วกั น นี้ อี ก มากมายนํ า มาเป น
อุทาหรณเพียงเทานี้ก็เขาใจพอแลว
เรื่องปลีกยอยเล็กๆ นอยๆ เชนนี้ยังขาดผูบริหารผูควบคุมที่ทรง
ความรูความชํานาญไมได แลวสิ่งใหญๆ อันทรงสภาพลึกล้ําพิสดาร
มหั ศ จรรย อี ก มากหลายเหลื อ คณานั บ เราจะเชื่ อ ได อ ย า งไรว า ไม มี ผู
ควบคุมหรือผูบริหารที่ทรงไวซึ่งความสามารถความรอบรูอยางรอบคอบ?
เชนโลกที่เราอาศัยอยูทุกวันนี้ ขางบนมีดวงจันทร ดวงตะวันและดวงดาว
จํ า นวนมากหลาย ทุ ก อย า งโคจรไปตามกํ า หนดอย า งเป น ระเบี ย บ
เรียบรอยโดยปราศจากการสับสนกาวกายหรือเปลี่ยนแปลง
ขางลางก็มีพื้นดินภูเขา แมน้ําลําคลอง ทะเล มนุษย สัตวและ
อะไรอื่ น ๆ อี ก มากมาย สุ ด ที่ จ ะคํ า นวณได ทุ ก ๆสิ่ ง ดํ า เนิ น ไปตาม
กฎเกณฑที่พระผูสรางไดวางไวอยางเปนระเบียบเรียบรอยสม่ําเสมอไมมี
การเปลี่ยนแปลง ทุกสิ่ งทุกอย างคงอยู ในสภาพเดิมตั้ งแตเ ริ่ มแรกจน
ตราบเทาทุกวันนี้!
สรรพสิ่งทั้งหลายทั้งปวงทั้งเบื้องบนและเบื้องลางดังกลาว
แลวลวนแตเปนสิ่งมหัศจรรยลึกล้ําเกินสติปญญาของมนุษยจะ
เขาถึง หากขาดผูควบคุมดูแลรักษาและบริหารเสียแลวจะคงไวซึ่ง
ความเปนระเบียบเรียบรอยไดอยางไร? หรือวา ถาผูควบคุมบริหาร
22
- 24. เรื่องราวของอิสลามโดยยอ
อิสลามคืออะไร?
อิสลามมิใชศาสนาใหมแตอิสลามคือสัจธรรมเดียวกับที่พระผู
เปนเจาไดประทานมายังมนุษยชาติโดยผานทางบรรดานบี(ศาสนทูต)
ของพระองค สํ า หรั บ ประชากรหนึ่ ง ในห า ของโลกนั้ น อิ ส ลามเป น ทั้ ง
ศาสนาและแนวทางแหงชีวิตที่สมบูรณ มุสลิมปฎิบัติตามศาสนาแหง
ความสันติความเมตตาและการใหอภัย และสวนใหญไมมีสวนเกี่ยวของ
อันใดกับเหตุการณรุนแรงที่ไดเขามาเกี่ยวของกับความศรัทธาของพวก
เขา
มุสลิมคือใคร ?
มุสลิมคือผูที่มีความศรัทธาในพระเจาองคเดียวคือ อัลลอฮฺ และ
ดําเนินชีวิตทุกยางกาวของเขาไปตามคําบัญชาของพระองค ผูคนจํานวน
นั บ พั น ล า นคนจากทุ ก เผ า พั น ธุ เ ชื้ อ ชาติ แ ละวั ฒ นธรรมทั่ ว โลกตั้ ง แต
ฟลิปปนสตอนใตไปจนถึงไนจีเรียไดถูกรวมเขาเปนอันหนึ่งอันเดียวกัน
โดยศาสนาอิสลาม ประมาณ 18% อาศัยอยูในโลกอาหรับ ประชาคม
มุสลิมที่ใหญท่ีสุดในโลกนั้นอยูในอินโดนีเซีย ประชากรสวนใหญของ
เอเซียและอาฟริกาเปนมุสลิม ในขณะที่ในสหภาพโซเวียต จีน อเมริกา
24
- 25. เหนื อ อเมริ ก าใต แ ละยุ โ รปก็ มี มุ ส ลิ ม อาศั ย เป น ชนกลุ ม น อ ยอยู เ ป น
จํานวนมากพอสมควร
คนมุสลิมเชื่ออะไร?
มุสลิมเชื่อในพระเจาองคเดียวคืออัลลอฮฺ เชื่อในทูตสวรรคที่
พระองคทรงสรางมา เชื่อในบรรดานบีตางๆ ที่พระองคไดทรงประทาน
ทางนํ า ผ า นมายั ง มนุ ษ ยชาติ เชื่ อ ในวั น แห ง การตั ด สิ น ตอบแทนการ
กระทําของแตละคน และเชื่อในอํานาจอันสมบูรณของพระเจาในการ
กําหนดชะตากรรมของมนุษยและชีวิตหลังความตาย มุสลิมเชื่อในสาย
โซแหงนบีที่เริ่มตนมาตั้งแตนบีอาดัม นบีนูหฺ(โนอาห) นบีอิบรอฮีม(อับรา
ฮัม) นบีอิสมาอีล นบีอิสฮาก(ไอแซค) นบียะอฺกูบ(จาคอบ) นบียูสุฟ(โย
เซฟ) นบีอัยยูบ นบีมูซา(โมเสส) นบีฮารูน(อารอน) นบีดาวูด(เดวิด) นบีสุ
ลัยมาน(โซโลมอน) นบีอิลยาส นบียูนุส นบียะหฺยา และนบีอีซา(เยซู) แต
ทางนํ า สุ ด ท า ยของพระเจ า ที่ ป ระทานมายั ง มนุ ษ ย แ ละเป น ทางนํ า
ตลอดไปของมนุษยนั้นไดถูกประทานผานมายังนบีมุหัมมัด โดยทูต
สวรรคที่มีช่อวา ญิบรีล
ื
จะเปนมุสลิมไดอยางไร?
คนที่ จ ะเป น มุ ส ลิ ม จะต อ งกล า วคํ า ปฏิ ญ าณว า “ลาอิ ล าฮะ
อิลลัลลอฮฺ มุหัมมะดุร รสูลุลลอฮฺ” ซึ่งมีความวา “ไมมีพระเจาอืนใด ่
นอกจากอัลลอฮฺ และมุหัมมัดเปนศาสนทูตของอัลลอฮฺ” การกลาว
25
- 26. คําประกาศดังกลาวนี้ผูศรัทธาไดประกาศวาตนเองมีความศรัทธาในนบี
ทั้งหมดของอัลลอฮฺและคัมภีรตางๆ ที่นบีเหลานั้นนํามา
“อิสลาม” หมายความวาอะไร ?
คําวา “อิสลาม” ในภาษาอาหรับหมายถึง “การยอมจํานน” และ
ยังมีความหมายอีกอยางหนึ่งวา“สันติ” ดวยในคําสอนทางศาสนา
อิสลามหมายถึงการยอมจํานนตอพระประสงคของอัลลอฮฺ การเรียก
อิสลามวาศาสนามุหัมมัด จึงไมถูกตองเพราะมันทําใหเขาใจวามุสลิม
เคารพสักการะนบีมุหัมมัด
คําวา“อัลลอฮฺ” เปนชื่อภาษาอาหรับที่ชาวอาหรับมุสลิมและชาว
อาหรับคริสเตียนใชเรียกพระเจา
ทําไมอิสลามจึงมักดูเปนศาสนาที่แปลก ?
อิสลามอาจจะดูแปลกหรือดูเหมือนเปนศาสนาที่เครงคัดในโลก
สมั ย ใหม ที่ เ ป น เช น นี้ อ าจเป น เพราะศาสนาไม ไ ด มี อิ ท ธิ พ ลใน
ชีวิตประจําวันของชาวตะวันตกในปจจุบัน ในขณะที่มุสลิมถือวาศาสนา
เปนสิ่งสําคัญสูงสุดและไมไดแบงแยกชีวิตทางโลกและทางศาสนาออก
จากกัน คนมุสลิมเชื่อวากฏหมายของพระเจา (หรือที่เรียกวา ชะรีอะฮฺ)
จะตองไดรับการปฏิบัติตามอยางจริงจัง และนี่คือเหตุผลที่วาทําไมเรื่องที่
เกี่ยวของกับศาสนาจึงยังถือวาเปนเรื่องสําคัญ
26
- 27. อิสลามและศาสนาคริสตมีที่มาตางกันหรือไม ?
ไมแตกตางกันเลยทั้งอิสลาม คริสเตียน และแมแตศาสนา
ยูดายมีที่มาจากแหลงเดียวกันนั่นคือนบีอิบรอฮีม และนบีของทั้งสาม
ศาสนานี้ก็เปนลูกหลานโดยตรงจากลูกของทานนั่นคือ มุหัมมัด เปน
ลูก หลานจากเชื้ อ สายของนบี อิส มาอี ลลูก ชายคนโตของนบีอิบรอฮีม
สวนนบีมูซา(หรือโมเสส) และนบีอีซา(หรือพระเยซู) นั้นเปนลูกหลานที่
สืบเชื้อสายมาจากนบีอิสฮาก
นบีอิบรอฮีมไดตั้งหลักแหลงในบริเวณที่ปจจุบันคือเมืองมักกะฮฺ
และไดสรางกะอฺบะฮฺขึ้นมา ซึ่งมุสลิมจะหันหนามาทางจุดนี้ทุกครั้งใน
เวลานมาซ
กะอฺบะฮฺคืออะไร ?
กะอฺ บ ะฮฺ เ ป น สถานที่ สํ า หรั บ การแสดงความเคารพสั ก การะ
พระเจาซึ่งพระองคไดทรงบัญชาใหนบีอิบรอฮีมและอิสมาอีลสรางขึ้น
เมื่อประมาณ 4,000 ปกอนหนานี้ อาคารหลังนี้ถูกสรางดวยหินบน
สถานที่ที่หลายคนเชื่อวาเปนที่ตั้งของศาสนสถานดั้งเดิมที่อาดัมสรางขึ้น
พระเจาไดบัญชาอิบรอฮีมใหเรียกรองมนุษยชาติทุกคนใหมาเยี่ยมเยียน
สถานที่แหงนี้และเมื่อผูประกอบศาสนกิจไปที่นั่นในปจจุบันพวกเขาก็จะ
กลาววา “ขาพระองคมาอยูในที่แหงนี้แลวโอพระเจา” เพื่อเปนการ
ตอบสนองคําเรียกรองของทานนบีอิบรอฮีม
27
- 28. มุหัมมัด คือใคร ?
มุหัมมัด เกิดในมักกะฮฺเมื่อ ค.ศ.570 ซึ่งในตอนนั้นศาสนาคริสต
ยังไมไดถูกกอตั้งอยางสมบูรณในยุโรป เนื่องจากบิดาของทานเสียชีวิต
กอนที่ทานจะเกิดและมารดาของทานเสียชีวิตหลังจากที่ทานเกิดไดไม
นาน ทานจึงไดรับการเลี้ยงดูโดยลุงของทานซึ่งเปนคนในเผากุร็อยชฺที่
ไดรับการยกยอง เมื่อทานโตขึ้นเปนผูใหญทานเปนที่รูจักกันดีวาเปนผูมี
ความซื่อสัตย มีความกรุณาปรานี และมีความจริงใจจนคนทั่วไปในเวลา
นั้ น ต า งขอให ท า นเป น ผู ไ กล เ กลี่ ย กรณี พิ พ าทมากมายหลายครั้ ง นั ก
ประวัตศาสตรกลาววาทานเปนคนที่เยือกเย็นและใฝหาความสงบทางใจ
ิ
มุหัมมัด เปนคนที่ใฝใจในศาสนาและเกลียดชังความเสื่อม
ทรามของสังคมของทาน ดังนั้นทานจึงมักจะไปแสวงหาความสงบทาง
จิตใจอยูเปนประจําในถ้ํา หิรออ ใกลยอดภูเขาญะบัลนูรฺ (ขุนเขาแหง
รัศมี) ใกลเมืองมักกะฮฺ
ทานเปนนบีและศาสนทูตของพระเจาไดอยางไร ?
เมื่อทานอายุได 40 ปขณะที่ทานนั่งสงบจิตใจอยูนั้นทานไดรับ
วจนะครั้งแรกจากพระเจาผานทางทูตสวรรคญิบรีลและวจนะนี้ไดถูก
ประทานมายังทานอยางตอเนื่องเปนเวลา 23 ปทางนํานี้เปนที่รูจักกันใน
ชื่อวา อัลกุรอาน
เมื่ อ ท า นเริ่ ม อ า นวจนะที่ ท า นได ยิ น จากญิ บ รี ล และเผยแผ
สัจธรรมที่พระเจาทรงประทานแกทาน ทานและสาวกกลุมเล็ก ๆ ของ
28
- 29. ทานก็ถูกตอตานและขมเหงซึ่งนับวันยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้น จนใน
ค.ศ. 622 พระเจาจึงไดทรงบัญชาใหทานอพยพจากนครมักกะฮฺ(เรียกวา
ฮิจญเราะฮฺ) ซึ่งเปนจุดเริ่มตนของปฏิทินอิสลาม
หลังจากนั้นอีกประมาณ 8 ป นบีมุหัมมัดและบรรดาสาวกของ
ทานก็สามารถกลับไปยังมักกะฮฺไดอีกครั้งหนึ่ง ทานไดใหอภัยศัตรูของ
ทานและไดทําใหอิสลามเปนศาสนาถาวรของคนในแผนดินนั้น กอน
หนาที่นบีมุหัมมัดจะเสียชีวิตเมื่ออายุได 63 ป อารเบียสวนใหญไดเปน
มุสลิม และภายในหนึ่งศตวรรษหลังจากการเสียชีวิตของทาน อิสลามก็
ไดแพรไปยังสเปนในตะวันตกและขยายไปจนถึงจีนในทางตะวันออก
การแผขยายของอิสลามมีผลตอโลกอยางไร ?
เหตุ ผลสํ าคั ญประการหนึ่ ง ที่ ทํ าให อิสลามแพรขยายไปอย า ง
รวดเร็วและสงบก็คือความงายในหลักการอิสลาม เรียกรองเชิญชวน
มนุษยใหศรัทธาและเคารพสักการะพระเจาองคเดียวนั่นคือ อัลลอฮฺ
นอกจากนั้นแลวอิสลามยังสั่งสอนมนุษยใหใชสติปญญาและเหตุผลดวย
ดังนั้นภายในเวลาไมก่ีปอารยธรรมอันยิ่งใหญและมหาวิทยาลัย
ตางๆ ก็เกิดขึ้นในแผนดินอิสลามเพราะทานนบีมุหัมมัดไดสอนวา
“การศึกษาหาความรูเปนหนาที่ของมุสลิมทุกคนทั้งชายและหญิง”
การผสมผสานกันระหวางแนวความคิดของตะวันออกและตะวันตก และ
แนวความคิดใหมกับความคิดเกาไดกอใหเกิดความเจริญกาวหนาอัน
ยิ่งใหญในวิชาการดานการแพทย คณิตศาสตร ฟสิกส ดาราศาสตร
29
- 30. ภูมิศาสตร เกษตรกรรม ศิลปะ วรรณกรรม และประวัติศาสตร ระบบที่
สําคัญหลายระบบ เชนพีชคณิต ตัวเลขแบบอารบิค และแนวความคิดใน
การใชเลขศูนย (ซึ่งเปนความกาวหนาที่สําคัญในทางคณิตศาสตร) ได
ถูกถายทอดไปยังยุโรปในยุคกลางจากอิสลาม เครื่องมือที่สลับซับซอน
ซึ่ ง ทํ า ให นั ก เดิ น ทางชาวยุ โ รปสามารถค น พบสิ่ ง ต า งๆได นั้ น ได ถู ก
พัฒนาขึ้นจากมุสลิมเชนเครื่องมือบอกตําแหนงและแผนที่นําทางเปนตน
อัลกุรอาน คืออะไร ?
อัลกุรอานคือบันทึกวจนะหรือดํารัสของอัลลอฮฺที่ทรงประทาน
ผานทางทูตสวรรคญิบรีลมายังนบีมุหัมมัด วจนะเหลานี้ทานนบีมุหัมมัด
ไดทองจําไวทุกถอยคํา หลังจากนั้นทานก็ไดถายทอดใหแกบรรดาสาวก
ของทา นไดจ ดจํ า ในขณะที่ ส าวกบางคนได บัน ทึ กไวเ ปน ลายลัก ษณ
อักษร ถอยคําเหลานี้ไดถูกตรวจสอบอยูตลอดเวลาในระหวางที่ทานนบี
ยังมีชีวิตอยู ในจํานวนถอยคําทั้งหมดของพระเจาที่แบงออกเปน 114
บทนั้น ไมมีวจนะหรือถอยคําใดถูกเปลี่ยนแปลงแมแตเพียงตัวอักษร
เดียวจนกระทั่งปจจุบันซึ่งนับเปนเวลาถึง 1,400 ปมาแลว ดังนั้นกุรอาน
จึงอยูในสภาพที่ครบถวนสมบูรณและถือเปนสิ่งมหัศจรรยที่ไดประทาน
แกทานนบีมุหัมมัด ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม
อัลกุรอานกลาวถึงอะไร ?
อัลกุรอานซึ่งเปนวจนะของพระเจานั้นคือแหลงที่มาแหลงแรก
และแหลงเดียวของความศรัทธาและการปฏิบัติของมุสลิม อัลกุรอานพูด
30
- 31. ถึงทุกเรื่องที่เกี่ยวของกับเราในฐานะที่เปนมนุษย เชน วิทยปญญา ความ
เชื่อ การปฏิบัติศาสนกิจ และกฏหมาย แตหัวขอสําคัญของอัลกุรอานก็
คือความสัมพันธระหวางพระเจาและสิ่งที่พระองคทรงสรางขึ้นมา
ในขณะเดียวกันอัลกุรอานก็ใหแนวทางเพื่อสังคมที่ยุติธรรม การ
ประพฤติปฏิบัติของมนุษยที่เหมาะสม และระบบเศรษฐกิจที่สมดุล
นอกจากอัลกุรอานแลวยังมีแหลงที่มาอื่น ๆ อีกไหม ?
นอกจากอัลกุรอานแลว ยังมีแหล งที่มาอีกแหลงหนึ่ งนั่นก็คือ
“สุนนะฮฺ” หรือแบบอยางและคําสอนของนบีมุหัมมัด ศ็อลลัลลอฮฺ อะ
ลั ย ฮิ วะสั ลลั ม ซึ่ ง ถื อเป น แหล ง ที่ ส องของที่ มาแห ง ความเชื่อ และการ
ปฏิบัติของมุสลิม คําบอกเลาถึงสุนนะฮฺ เรียกวา “หะดีษ” ดังนั้น การเชื่อ
ใน “สุนนะฮ” จึงเปนสวนหนึ่งของความศรัทธาแหงอิสลาม
ตัวอยางคําพูดของทานนบีมุหัมมัด ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม
ทานนบีมุหัมมัด ไดกลาววา:
“อัลลอฮฺไมทรงเมตตาแกคนที่ไมมีความเมตตาตอผูอื่น”
“ใครที่กินจนอิ่มขณะที่เพื่อนบานของเขาไมมีอาหารกินนั้น เขา
มิใชผศรัทธา”
ู
“พอคาที่ซื่อสัตยนั้นจะไดอยูรวมกับบรรดานบีผูทรงคุณธรรม
และผูพลีชีวิตในการตอสูเพื่อศาสนา”
“คนที่แข็งแรงนั้นมิใชคนที่ทําใหคนอื่นลมลงแตคนที่แข็งแรงนั้น
คือคนที่ควบคุมตัวเองไดในตอนที่โกรธ”
31
- 32. “พระเจาไมไดตัดสินตรงที่รางกายและรูปรางแตพระองคจะทรง
ดูที่หัวใจและในการกระทําของทาน”
“ชายคนหนึ่งเดินไปตามทางและรูสึกกระหายน้ําเมื่อมาถึงบอน้ํา
แหงหนึ่งเขาไดลงไปที่บอและดื่มน้ําจนอิ่ม แลวจึงขึ้นมาหลังจากนั้นเขา
ไดเห็นสุนัขตัวหนึ่งยืนหิวน้ําลิ้นหอยอยูมันพยายามที่จะเลียน้ําจากโคลน
เพื่อดับกระหาย เมื่อชายคนนั้นเห็นวาสุนัขรูสึกกระหายเหมือนกับเขา
ดังนั้นเขาจึงลงไปยังบอน้ําอีกครั้งหนึ่ง แลวเอารองเทาของเขาตักน้ําให
สุนัขดื่ม การทําเชนนี้ไดทําใหอัลลอฮฺทรงอภัยบาปแกเขา” ทานนบีไดถูก
ถามวา “โอทานศาสนทูตของอัลลอฮฺ เราจะไดรับรางวัลตอบแทนสําหรับ
ความกรุณาตอสัตวดวยหรือ?” ทานไดกลาววา“มีการตอบแทนสําหรับ
ความกรุณาตอสิ่งมีชีวิตทุกสิ่ง”
จากบันทึกหะดีษของอัล-บุคอรีย, มุสลิม, อัต-ติรฺมิซีย และอัล-
บัยฮะกีย
32
- 33. ลักษณะทั่วไปของอิสลาม
1. อิสลาม ไมใชศาสนาที่เกิดใหม แตเปนศาสนาที่ตอเนื่องมาจาก
ศาสนากอน ๆ
2. นับถือยกยองบรรดานบีทั้งหลายทุก ๆ คนที่มากอนนบีมุหัมมัด
3. เปนศาสนาที่นับถือพระเจาองคเดียวคืออัลลอฮฺ
4. อํานาจทางกฎหมายหรือธรรมนูญสูงสุดมาจากพระผูเปนเจา
องคเดียว เพราะฉะนั้นจึงไมมีบุคคลกลุมหนึ่งกลุมใดที่จะไดรับ
ผลประโยชนจากกฎหมายนั้น ผลประโยชนทั้งหลายจะตองตก
อยูกบประชาชนสวนใหญ โดยเฉพาะผูออนแอ หรือผูที่ยากไร
ั
5. เปนศาสนาแหงสันติภาพ เพราะอิสลามแปลวา สันติ
6. มีการศรัทธา และมีการปฎิบติควบคูกันไป
ั
7. ในเรื่องศาสนกิจแลว ไมมีผูใดไดรับสิทธิพิเศษจากพระผูเปนเจา
นอกจากผูที่ออนแอ
8. เปนระบอบการปกครองและเปนธรรมนูญแหงชีวิต
9. ไมมีนักบวช นักพรต และสมณะศักดิ์หรือชนชั้น
10. ทุกๆ คน ตองทํามาหาเลี้ยงชีพ และใหเกียรติแกผูใชแรงงาน
33
- 34. 11. ขอหามมีบทลงโทษ เช น ผู ที่ดื่มสุราจะไดรับการถู กเฆี่ย น 80
ครั้ง และผูที่ผิดประเวณีจะไดรับการถูกเฆี่ยน 100 ครั้ง ผูที่ขโมย
โดยสันดานจะถูกตัดมือ
12. สตรีมีสิทธิเทาเทียมชาย แตมีหนาที่แตกตางกัน และสตรีทุกคน
ไดรับการตอบแทนตามผลงานที่ตัวเองไดขวนขวายไวอยางเทา
เทียมกัน
13. พฤติกรรม หรือผลงานของมนุษยจะเปนเครื่องตัดสินวาใครจะ
เปนผูที่พระเจาทรงรัก
14. อิสลามสอนใหมนุษยมีความเปนอยูอยางเรียบงาย ประณาม
การสุรุยสุรายฟุมเฟอย
15. การเริ่ ม ศักราชใหม ห รือวั นป ใหม ของอิสลาม ไมไดนํา วันเกิ ด
และวันสิ้นชีวิตของศาสดาหรือวันอื่น ๆ ที่เกี่ยวของกับเรื่อง
สวนตัวของศาสดามากําหนดวันขึ้นปใหม แตวันปใหมได
กําหนดเอาจากเหตุการณของการอพยพของทานศาสดา และ
ประชาชน อพยพจากสภาพที่เลวรายไปสูสภาพที่ดีกวา(จาก
เมืองมักกะฮฺไปยังเมืองมะดีนะฮฺในสมัยนั้น)
16. ทุก ๆ คนเกิดมาบริสุทธิ์ไมมีมลทินหรือบาปติดตัวมา ดังนันจึงไม
้
มีพิธีลางบาปในอิสลาม
17. ในอิสลามไมมีการกําหนดวันหมดอายุความของคดีใด ๆ ของ
ผูกระทําความผิด ผูกระทําผิดจะพนผิดไปไดก็ตอเมื่อไดรับการ
ตัดสินหรือมีการตกลงกันระหวางคูกรณี หรือมีการชดใช
34
- 35. คาเสียหาย เชน ฆาตรกรที่มีเจตนา จะพนผิดไปไดก็ตอเมื่อ
ไดรับการตัดสิน ไมใชหลบหนีไป 20 ป แลวถือวาหมดอายุความ
หรือพนผิด ซึ่งกรณีเชนนี้ไมมีความยุติธรรม
18. ความดี ความเลวของมนุษยมิไดเกิดขึ้นโดยสันดานแตเกิดขึ้น
เพราะสิ่งแวดลอมและสังคมเปนตัวกําหนด แตก็ไมไดเปน
กฎเกณฑเสมอไป แตสวนมากมักจะเปนเชนนั้น
19. อิสลามไมไดแยกการเมืองออกจากศาสนา เพราะศาสนาและ
การเมืองนั้นเปนเนื้อเดียวกัน
20. ทุก ๆ อิริยาบทหรือความนึกคิดตางๆ ที่จะตองดําเนินไปตั้งแต
เกิดจนกระทั่งตาย และตั้งแตตื่นนอนจนเขานอน อิสลามไดมีคํา
สอนไวหมดแลว
21. ความดี ค วามชั่ ว ของมนุ ษ ย ไม ไ ด เ กิ ด ขึ้ น จากกรรมพั น ธุ
เพราะฉะนั้นจึงถายทอดใหกันไมได
22. ในอิ ส ลามไม มี ผู วิ เ ศษและไม ไ ด ตั้ ง บุ ค คลใดให เ ป น สื่ อ กลาง
ระหวางมนุษยกับพระผูเปนเจา มนุษยทุกๆ คนไมวาจะมีสภาพ
ฐานะยากจน และจะมาจากชนชั้นใดก็ตาม ก็มีสิทธิที่จะเขาหา
วิงวอนรองขอตอพระผูเปนเจาได โดยมิตองจางวานหรือให
กํานัลแกผูใด เพื่อที่จะใหเขามาเปนสื่อตัวแทนให
23. เนื่องจากอิสลามไมมีระบบพระ ไมมีระบบสงฆ ไมมีสามเณร ไม
มีแมชี ไมมีนักบวช นักพรต ไมมียศ ไมมีตําแหนง ไมมีการลาง
บาป เพราะฉะนั้น มุสลิมทุกๆ คนตองอยูภายใตกฎหมาย
35
- 36. ระเบียบขอบังคับของศาสนาเหมือนกันหมด ยกเวนเด็ก ผูเสีย
สติ ผูออนแอ
24. ในอิสลามไมมีเครื่องแบบ หรือแบบฟอรมสําหรับสวมใส
25. เนนเรื่องประโยชนของสวนรวมเปนหลัก
26. คนที่ดีที่สุดในทรรศนะอิสลามนั้นไมใชคนชาติอาหรับ แตจะเปน
คนชาติใดก็ไดที่มีความยําเกรงอัลลอฮฺ คือ คนๆ นั้น เปนคนที่มี
จริยธรรม และคุณธรรมอันสูงสง
27. ในศาสนาอิสลามถือวา การเสพสิ่งมึนเมา การเลนการพนัน การ
ประพฤติผิดในกาม การขโมยนั้น มีความผิดมากกวาการกิน
เนื้อหมู
28. อิสลามสอนใหมนุษยเปนมือบนมิใชมือลาง (เปนผูใหมิใชเปนผู
แบมือรับ)
36
- 37. อิสลามกับชีวิต
อิสลามถือวาชีวิตมิใชเปนสิ่งที่เกิดขึ้นมาเอง แตเปนสิ่งที่อัลลอฮฺ
ทรงประทานใหแกมนุษย ดังนั้นมนุษยจึงมิไดเปนเจาของชีวิตที่แทจริง
หากแตอัลลอฮฺเทานั้นที่เปนเจาของมนุษย จะทําลายหรือทํารายชีวิตของ
ตนเองหรือชีวิตของคนอื่นไมไดยกเวนในกรณีที่อัลลอฮฺอนุมัติเชนการ
ประหารชีวิตฆาตกรตามคําพิพากษาของศาลเปนตน
อิ ส ลามสอนว า มนุ ษ ย ถู ก ส ง มามี ชี วิ ต อยู บ นโลกนี้ เ ป น การ
ชั่วคราวและมีชีวิตที่แตกตางกันทั้งในดานความรูความสามารถ ฐานะ
และโอกาส ทั้งนี้เพื่อที่มนุษยจะไดมีความสัมพันธกัน แตสิ่งที่มนุษยจะ
ไดรับเหมือนกันคือการทดสอบจากอัลลอฮฺตลอดทั้งชีวิตวาเขาจะนึกถึง
และศรัทธาตอพระองคหรือไม การทดสอบนี้จะมีตั้งแตความกลัว ความ
หิว การสูญเสียทรัพยสิน ชีวิต พืชผล และอื่นๆ ในขณะที่บางคนจะถูก
ทดสอบดวยความมั่งคั่ง ร่ํารวย อํานาจ วาสนา บารมี จนถึงวาระสุดทาย
ทุ ก ชี วิ ต ก็ จ ะถู ก อั ล ลอฮฺ เ รี ย กกลั บ ไปฟ ง ผลการทดสอบในวั น แห ง การ
ตัดสิน
นี่คือความจริงแหงชีวิต
ดังนั้นยามใดที่มุสลิมตองประสบกับภัยพิบัติความหายนะความ
ทุ ก ข ย ากลํ า บากและการสู ญ เสี ย เขาจะต อ งอดทนอย า งถึ ง ที่ สุ ด และ
37
- 38. ตระหนักวานั่นเปนการทดสอบจากอัลลอฮฺพรอมกับกลาววา “อินนา
ลิลลาฮิ วะอินนา อิลัยฮิรอญิอูน” (แทจริง เราเปนของอัลลอฮฺและยัง
พระองคที่เราตองคืนกลับ) เขาจะไมตีโพยตีพายหรือเอะอะโวยวายโทษ
นั่นโทษนี่ เพราะการทําเชนนี้มิไดทําอะไรใหดีขึ้นและตัวเขาเองก็จะไมได
พบกับความสงบขณะเดียวกันเขาก็จะตองไมสิ้นหวังในความเมตตาของ
พระเจาและจะตองดํารงนมาซและวิงวอนขอความชวยเหลือจากพระเจา
ตอไป
เชนเดียวกัน ในยามที่ไดรับสิ่งที่ดีงามมุสลิมผูศรัทธาจะไมทะนง
ตนวาสิ่งเหลานั้นเปนเพราะความสามารถของเขาแตเพียงผูเดียวแตเขา
จะตระหนักวาความดีงามหรือความสําเร็จที่เขาไดรับนั้นเปนเพราะความ
โปรดปรานของอั ล ลอฮฺ ที่ ท รงประทานให แ ก เ ขาและเขาจะกล า วว า
“อัลฮัมดุลลิลลาฮฺ” (บรรดาการสรรเสริญเปนของอัลลอฮฺ) เพื่อเปนการ
ขอบคุณพระองค รวมทั้งแบงสรรเจือจานความโปรดปรานที่เขาไดรับ
ใหแกคนอื่นบาง
38