SlideShare a Scribd company logo
1 of 20
Download to read offline
W.S 57
นิธิ เอียวศรีวงษ : ความมั่งคั่งของบุคคลสามารถถูกเปลี่ยนให
กลายเป!นอํานาจทางสังคม
Mills : โครงสรางอํานาจนั้นเกิดขึ้นเมื่อสัมพันธภาพระหว1าง
ชนชั้นนํา
พรศักดิ์ ผ1องแผว :โครงสรางอํานาจเป!นแนวความคิดที่บ1งบอก
ถึงความสัมพันธทางสังคมหรือความสัมพันธ เชิงองคการของ
บรรดาสมาชิกของสังคมผูมีอํานาจและลักษณะที่มีอํานาจถูก
นํามาใช
จักรกฤษณ นรนิติผดุงการ :องคประกอบที่มีรูปแบบ
ความสัมพันธและรูปร1างของอํานาจอย1างใดอย1างหนึ่งไม1ว1าจะ
มีมากหรือมีนอย
ระดม วงษนอม :การจัดลําดับชนชั้นของคนที่มีอํานาจ มี
อิทธิพลไวในการปกครอง ชุมชนออกเป$นชั้น ๆอิทธิพลไวในการปกครอง ชุมชนออกเป$นชั้น ๆ
ลดหลั่นกัน
Putnam:อํานาจทางการเมืองจะถูกจํากัดอยู1ในมือของคนกลุ1ม
นอยเพียงไม1กี่คนที่มีอํานาจบทบาทในการตัดสินใจทางการเมือง
เรียกว1า ชนชั้นนําทางการเมืองหรือชนชั้นปกครอง
Bottomore : ชนชั้นนํากลุ1มขุนนางทหาร หรือไม1ก็เป!นชนชั้นที่สูงกว1า
ขุนนาง
Putnam:แนวคิดชนชั้นนําเชื่อว1าในทุกสังคมจะมีชนชั้นของกลุ1ม
คนที่เหมาะสมเป!นผูปกครองมีอํานาจเพียงชนชั้นเดียวซึ่งเป!น
กลุ1มคนที่มีคุณสมบัติพิเศษทั้งในดานทักษะและดานศีลธรรม ที่มี
ความสามารถในการปกครองรัฐ ทังนี้เนื่องจากธรรมชาติจะมีการความสามารถในการปกครองรัฐ ทังนี้เนื่องจากธรรมชาติจะมีการ
สรางชนชั้นนําใหเป!นผูปกครองดังนั้น การปกครองรัฐไม1ใช1หนาที่
ของคนส1วนใหญ1 แต1เป!นภาระของคนส1วนนอยโดยเฉพาะกลุ1มชน
ชั้นนําที่มีคุณสมบัติ คุณธรรมบางประการ ที่เหมาะสมและจะนํา
และปกครองรัฐไปสู1ความดีงาม ความคิดทางการเมืองในลักษณะ
นี้ไม1ใช1สิ่งใหม1แต1อย1างใด เราสามารถพิจารณาจากนักคิดตั้งแต1
Plato ในยุคกรีก Machiavelli ในยุคกลางและ Neitzsche ใน
ศตวรรษที่ 19
Vilfredo Pareto : เชื่อว1าชนชั้นนําเกิดขึ้นเพราะความสามารถของมนุษยในสังคมไม1เท1าเทียม
กัน 1)ดานวัตถุ และ2)ดานศีลธรรม จะขึ้นมาเป!นผูปกครองหรือชนชั้นนํา
: เนื่องจากพฤติกรรมมนุษยในสังคมจะเป!นไปตามอารมณมากกว1าเหตุผล สังคมจึงมี
แต1ความวุ1นวายและการต1อสูแย1งชิงแต1ความวุ1นวายและการต1อสูแย1งชิง
: จึงจําเป!นตองมีชนชั้นนําเพื่อรักษาความเป!นระเบียบ
;พฤติกรรมที่ไรเหตุผลของมนุษยนั้นถูกกําหนดโดย
1)ความรูสึกพื้นฐานหรือ residues ที่เปลี่ยนแปลงไดยาก
2)และหลักการที่มีอยู1 หรือ derivations ซึ่งเปลี่ยนแปลงไดง1าย
1)มีอิทธิพลเหนือการกระทําของมนุษยมากที่สุด ส1วน2)ปVจจัยหลังมักจะถูกใชเป!นขออางเพื่อปกปWดพฤติกรรมที่ขาดเหตุผล
; อํานาจในสังคมกระจุกตัวอยู1ในมือของชนชั้นนําที่ผลัดเปลี่ยนกันครองอํานาจ คน
ส1วนใหญ1ไม1ไดมีบทบาทสําคัญในกิจการของรัฐแต1อย1างใด
Joseph Schumpeter ; ประชาธิปไตยในแง1ที่เป!น
เครื่องมือของสังคมสําหรับคัดเลือก หรือกลั่นกรอง
ชนชั้นนําทางการเมือง (political filter) จากกลุ1มชนชั้นนําทางการเมือง (political filter) จากกลุ1ม
ต1าง ๆ การเลือกตั้งจึงเป!นเพียงกระบวนการแข1งขัน
ระหว1างกลุ1มผูนําทางการเมืองเพื่อสรรหาผูทําหนาที่
ตัดสินใจทางการเมืองแทนที่จะปล1อยใหขนชั้นนํา
กลุ1มเดียวผูกขาดอํานาจเท1านั้น
สังคมสมัยใหม1นั้นอํานาจหาไดกระจุกตัวอยู1ในมือของผูกุมอํานาจรัฐแต1
เพียงลําพังไม1 หากกลับกระจัดกระจายอยู1ในสถาบันและกลุ1มต1าง ๆ
กลุ1มนี้มองว1าอํานาจทางการเมืองหรือการใชอํานาจทางการเมืองเป!นเรื่อง
ของการแข1งขันของกลุ1มอิทธิพลต1าง ๆ ที่ผลัดเปลี่ยนเขามาใชอํานาจทาง
การเมืองและมองว1าอํานาจทางการเมืองนั้นกระจายไปยังกลุ1มต1าง ๆ ที่
ตองแข1งขันต1อรองและประนีประนอมมากกว1าผูกขาดไวที่กลุ1มใดกลุ1มหนึ่ง
ดังนั้น จึงไม1มีกลุ1มใดที่ผูกขาดอํานาจการตัดสินใจอย1างเด็ดขาด
Witt ; จุดสนใจของตนแบบชนชั้นนําแบบพหุนิยมจึงอยู1ที่ “กลุ1ม
ผลประโยชน”(interest group) มิใช1 “ชนชั้นนํา”
นักพหุนิยมวิจารณกลุ1มแนวความคิดชนชั้นนํานิยมซึ่ง Polsbyนักพหุนิยมวิจารณกลุ1มแนวความคิดชนชั้นนํานิยมซึ่ง Polsby
(1960) เรียกว1าทฤษฎีการจัดลําดับชั้นทางสังคม Polsby ให
ทัศนะแบบพหุนิยมว1า การกระจายของอํานาจจะอยู1ตราบใดที่ยังมี
ส1วนร1วมในกระบวนการตัดสินใจ (decision making) การ
แข1งขันหรือว1าความขัดแยงในหมู1ผูนําทางการเมือง ความสามารถ
พิเศษของผูนํานี้จะถูกจํากัดในขอบเขตของประเด็นเท1านั้น
สังคม (social pluralism) หมายถึง สังคมที่มีกลุ1มต1าง ๆ มาอยู1
ร1วมกันในสังคมเดียว เช1น ชนกลุ1มนอย (ethnic group) กลุ1ม
เชื้อชาติ (racial)หรือกลุ1มทางศาสนาที่อาศัยอยู1ภายใต
แนวคิดโครงสร้างอํานาจแบบพหุนิยม
เชื้อชาติ (racial)หรือกลุ1มทางศาสนาที่อาศัยอยู1ภายใต
กฎเกณฑ ของระบบวัฒนธรรมหลักร1วมกันแต1ก็คงไวและให
ความนับถือวิถีชีวิต ค1านิยมและวัฒนธรรมที่แต1ละกลุ1ม (กลุ1ม
ต1าง ๆในสังคมนั้น ๆ) ยึดถือซึ่งเรียกว1า
วัฒนธรรมย1อย (sub-culture)
แนวความคิดพื้นฐานของกลุ1มโครงสรางอํานาจแบบพหุนิยม เชื่อ
ว1าการเมืองเป!นเรื่องของการแข1งขันของกลุ1มผลประโยชนต1าง
แนวคิดโครงสรางอํานาจแบบพหุนิยม
ว1าการเมืองเป!นเรื่องของการแข1งขันของกลุ1มผลประโยชนต1าง
ๆ ของสังคม กลุ1มผลประโยชนเหล1านี้ต1างก็เป!นอิสระต1อกัน
แนวคิดระบบอุปถัมภ ; ตั้งอยู*บนเครือข*ายความสัมพันธแบบไม*เป$น
ทางการ (face to face) ที่มีปฏิสัมพันธระหว*างบุคคลสองบุคคล
(dyadic) ที่มีการแลกเปลี่ยนกันอย*างไม*เท*าเทียมกัน (unequal(dyadic) ที่มีการแลกเปลี่ยนกันอย*างไม*เท*าเทียมกัน (unequal
exchange)
แนวคิดระบบอุปถัมภ ; ตั้งอยู1บนเครือข1ายความสัมพันธ
แบบไม1เป!นทางการ (face to face) ที่มีปฏิสัมพันธ
ระหว1างบุคคลสองบุคคล (dyadic) ที่มีการแลกเปลี่ยนระหว1างบุคคลสองบุคคล (dyadic) ที่มีการแลกเปลี่ยน
กันอย1างไม1เท1าเทียมกัน (unequal exchange)
ผูนําตองแสดงบทบาทที่สําคัญ คือ การใหความคุมครอง
หรือช1วย “เคลียร”
แนวคิดระบบอุปถัมภ
ผาสุก พงษไพจิตร และสังคิต พิริยะรังสรรค ; นักเลงจะ
มีอิทธิพลในระดับทองถิ่นเท1านั้น แต1เจาพ1อในปVจจุบัน
อาจขยายอิทธิพลของตนครอบคลุมไปในหลาย
จังหวัดและเขาไปมีบทบาทในการเมืองระดับชาติ
ความสัมพันธระหว1างเจาพ1อกับนักการเมืองและพรรค
การเมืองก็เป!นไปในลักษณะการแบ1งปVนผลประโยชน
ซึ่งกันและกัน
แนวคิดระบบอุปถัมภ
โครงสรางอํานาจและชนชั้นนําในชนบทไทย
กรณีศึกษาหมู1บานดั้งเดิมและหมู1บานที่กําลัง
เปลี่ยนแปลง ผลการศึกษา พบว1า โครงสราง
อํานาจและพลวัตรของโครงสรางอํานาจ กรณี
หมู1บานดั้งเดิมนั้น โครงสรางอํานาจองครวมมี
ลักษณะที่เกิดจากการปะทะ ประสานโครงสราง
อํานาจแบบเครือญาติ แบบอุปถัมภและฝVกฝnาย
โดยมีพลวัตรที่เริ่มตนจากโครงสรางอํานาจแบบ
เครือญาติ ซึ่งมีการกระจายอํานาจของหัวหนากลุ1ม
ตระกูลต1าง ๆ ในชุมชน
แนวคิดระบบอุปถัมภ
โครงสรางอํานาจและชนชั้นนําในชนบทไทย จากนั้นก็
เริ่มผันแปรมาสู1ลักษณะอํานาจเชิงอุปถัมภ อันเป!น
ความสัมพันธแนวตั้งระหว1างผูนํากับลูกนอง เมื่ออํานาจ
รัฐเขาไปแทรกแซงหมู1บานก็ไดมีการก1อรูปความสัมพันธ
เชิงอุปถัมภระหว1างขาราชการกับชาวบานมากขึ้น
ขณะเดียวกันความผันแปรของโครงสรางอํานาจก็มิไดหยุดอยู1แค1นั้น เมื่อระบบ
เงินตราเริ่มเขามามีบทบาทมากขึ้น ความสัมพันธระหว1างนายทุนกับชาวบานก็
ก1อรูปในเชิงอุปถัมภขึ้นมาภายใตการขูดรีดนอกระบบเศรษฐกิจทุนนิยม
นอกจากนี้ความสัมพันธภายในหมู1บานมิไดเป!นเนื้อเดียวกันอย1างเช1นในอดีต
ในทางตรงกันขามกลับมีการแย1งชิงและช1วงชิงสิ่งที่มีคุณค1าในหมู1บานอยู1เสมอ
ๆ และทําใหเกิดการก1อตัวเป!นกลุ1มฝVกฝnายภายในหมู1บานในกรณีหมู1บานที่มีการ
เปลี่ยนแปลง
แนวคิดระบบอุปถัมภ
ฐานทางวัฒนธรรมของระบบเครือญาติ เช1น การนับถือผีบรรพบุรุษเหมือนดังเช1น ผี
ปูnย1าตายายของชาวบานในภาคอีสานและภาคเหนือส1วนโครงสรางอํานาจแบบกลุ1ม
ฝVกฝnาย (faction) ซึ่งเป!นโครงสรางที่ตั้งอยู1บนความสัมพันธเชิงอํานาจ
การลงพื้นที่ การสัมภาษณ นักศึกษาเห็นถึง
โครงการสรางของอํานาจในทางการเมือง
ทองถิ่นหรือไม1 อย1างไรบาง

More Related Content

What's hot

ข้อสอบวิทย์
ข้อสอบวิทย์ข้อสอบวิทย์
ข้อสอบวิทย์weerawato
 
ระบบหายใจ (Respiration)
ระบบหายใจ (Respiration)ระบบหายใจ (Respiration)
ระบบหายใจ (Respiration)joongka3332
 
ข้อสอบวิชาการศึกษา ชุดที่ 1-5 (150 ข้อ)
ข้อสอบวิชาการศึกษา ชุดที่ 1-5 (150 ข้อ)ข้อสอบวิชาการศึกษา ชุดที่ 1-5 (150 ข้อ)
ข้อสอบวิชาการศึกษา ชุดที่ 1-5 (150 ข้อ)ปกรณ์กฤช ออนไลน์
 
แบบทดสอบเรื่อง ดาราศาสตร์ ชุด 1(อัตนัย)
แบบทดสอบเรื่อง ดาราศาสตร์ ชุด 1(อัตนัย)แบบทดสอบเรื่อง ดาราศาสตร์ ชุด 1(อัตนัย)
แบบทดสอบเรื่อง ดาราศาสตร์ ชุด 1(อัตนัย)Jariya Jaiyot
 
วิทยาศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6
วิทยาศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6วิทยาศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6
วิทยาศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6issarayuth
 
เล่มที่ 2 โครงสร้างของราก
เล่มที่ 2 โครงสร้างของรากเล่มที่ 2 โครงสร้างของราก
เล่มที่ 2 โครงสร้างของรากkanyamadcharoen
 
3. ทฤษฎีการขัดแย้ง ok
3. ทฤษฎีการขัดแย้ง ok3. ทฤษฎีการขัดแย้ง ok
3. ทฤษฎีการขัดแย้ง okRose Banioki
 
พุทธศาสนากับการบริหาร
พุทธศาสนากับการบริหารพุทธศาสนากับการบริหาร
พุทธศาสนากับการบริหารAnchalee BuddhaBucha
 
ระบบไหลเวียนโลหิต
ระบบไหลเวียนโลหิตระบบไหลเวียนโลหิต
ระบบไหลเวียนโลหิตThaweekoon Intharachai
 
การถ่ายโอนความร้อน ม.1
การถ่ายโอนความร้อน ม.1การถ่ายโอนความร้อน ม.1
การถ่ายโอนความร้อน ม.1Wuttipong Tubkrathok
 
ต่อมไร้ท่อ
ต่อมไร้ท่อต่อมไร้ท่อ
ต่อมไร้ท่อsukanya petin
 
บทที่ 3 ระบบประสาทและอวัยวะรับความรู้สึก
บทที่ 3 ระบบประสาทและอวัยวะรับความรู้สึกบทที่ 3 ระบบประสาทและอวัยวะรับความรู้สึก
บทที่ 3 ระบบประสาทและอวัยวะรับความรู้สึกTa Lattapol
 
การประเมินการอ่าน คิดวิเคราะห์ และเขียน
การประเมินการอ่าน คิดวิเคราะห์ และเขียนการประเมินการอ่าน คิดวิเคราะห์ และเขียน
การประเมินการอ่าน คิดวิเคราะห์ และเขียนkrupornpana55
 
แบบทดสอบเสียงในภาษา
แบบทดสอบเสียงในภาษาแบบทดสอบเสียงในภาษา
แบบทดสอบเสียงในภาษาPiyarerk Bunkoson
 
นวัตกรรมการศึกษา 7 ประเภท
นวัตกรรมการศึกษา 7 ประเภทนวัตกรรมการศึกษา 7 ประเภท
นวัตกรรมการศึกษา 7 ประเภทNGamtip
 

What's hot (20)

หน้าปก
หน้าปกหน้าปก
หน้าปก
 
ข้อสอบวิทย์
ข้อสอบวิทย์ข้อสอบวิทย์
ข้อสอบวิทย์
 
ระบบหายใจ (Respiration)
ระบบหายใจ (Respiration)ระบบหายใจ (Respiration)
ระบบหายใจ (Respiration)
 
การทำงานของระบบประสาท
การทำงานของระบบประสาทการทำงานของระบบประสาท
การทำงานของระบบประสาท
 
ข้อสอบวิชาการศึกษา ชุดที่ 1-5 (150 ข้อ)
ข้อสอบวิชาการศึกษา ชุดที่ 1-5 (150 ข้อ)ข้อสอบวิชาการศึกษา ชุดที่ 1-5 (150 ข้อ)
ข้อสอบวิชาการศึกษา ชุดที่ 1-5 (150 ข้อ)
 
แบบทดสอบเรื่อง ดาราศาสตร์ ชุด 1(อัตนัย)
แบบทดสอบเรื่อง ดาราศาสตร์ ชุด 1(อัตนัย)แบบทดสอบเรื่อง ดาราศาสตร์ ชุด 1(อัตนัย)
แบบทดสอบเรื่อง ดาราศาสตร์ ชุด 1(อัตนัย)
 
วิทยาศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6
วิทยาศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6วิทยาศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6
วิทยาศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6
 
เล่มที่ 2 โครงสร้างของราก
เล่มที่ 2 โครงสร้างของรากเล่มที่ 2 โครงสร้างของราก
เล่มที่ 2 โครงสร้างของราก
 
ใบงานวิทย์ ม.1
ใบงานวิทย์ ม.1ใบงานวิทย์ ม.1
ใบงานวิทย์ ม.1
 
3. ทฤษฎีการขัดแย้ง ok
3. ทฤษฎีการขัดแย้ง ok3. ทฤษฎีการขัดแย้ง ok
3. ทฤษฎีการขัดแย้ง ok
 
พุทธศาสนากับการบริหาร
พุทธศาสนากับการบริหารพุทธศาสนากับการบริหาร
พุทธศาสนากับการบริหาร
 
ระบบไหลเวียนโลหิต
ระบบไหลเวียนโลหิตระบบไหลเวียนโลหิต
ระบบไหลเวียนโลหิต
 
การถ่ายโอนความร้อน ม.1
การถ่ายโอนความร้อน ม.1การถ่ายโอนความร้อน ม.1
การถ่ายโอนความร้อน ม.1
 
ต่อมไร้ท่อ
ต่อมไร้ท่อต่อมไร้ท่อ
ต่อมไร้ท่อ
 
บทที่ 3 ระบบประสาทและอวัยวะรับความรู้สึก
บทที่ 3 ระบบประสาทและอวัยวะรับความรู้สึกบทที่ 3 ระบบประสาทและอวัยวะรับความรู้สึก
บทที่ 3 ระบบประสาทและอวัยวะรับความรู้สึก
 
การประเมินการอ่าน คิดวิเคราะห์ และเขียน
การประเมินการอ่าน คิดวิเคราะห์ และเขียนการประเมินการอ่าน คิดวิเคราะห์ และเขียน
การประเมินการอ่าน คิดวิเคราะห์ และเขียน
 
Dichotomous key
Dichotomous keyDichotomous key
Dichotomous key
 
แบบทดสอบเสียงในภาษา
แบบทดสอบเสียงในภาษาแบบทดสอบเสียงในภาษา
แบบทดสอบเสียงในภาษา
 
นวัตกรรมการศึกษา 7 ประเภท
นวัตกรรมการศึกษา 7 ประเภทนวัตกรรมการศึกษา 7 ประเภท
นวัตกรรมการศึกษา 7 ประเภท
 
1principletest
1principletest1principletest
1principletest
 

ความหมายและรูปแบบเกี่ยวกับโครงสร้างอำนาจ