More Related Content
More from Thanthup Zied (16)
อินโดนีเซีย
- 3. ประวัติประเทศอินโดนี เซีย
• อินโดนีเซียประกอบด้วยหมู่เกาะที่มีความเจริญรุ่งเรืองมาช้า
นาน แต่ต่อมาต้องตกอยู่ภายใต้การปกครองของเนเธอร์แลนด์
อยู่ประมาณ 301 ปี ในเดือนมกราคม พ.ศ. 2485 ซึ่งเป็ นช่วง
สงครามโลกครั้งที่ 2.1 ญี่ปุ่นบุกอินโดนีเซีย และทาการขับไล่
เนเธอร์แลนด์เจ้าอาณานิคมของอินโดนีเซียออกไปได้สาเร็จ จึง
ทาให้ผูนาอินโดนีเซียคนสาคัญในสมัยนั้นให้ความร่วมมือกับ
้
ญี่ปุ่นแต่ไม่ได้ให้ความไว้วางใจกับญี่ปุ่นมากนัก เพราะมีเหตุ
เคลือบแคลงคือ เมื่อผูรกชาติอินโดนีเซียจัดตั้งขบวนการต่างๆ
้ั
ขึ้นมา ญี่ปุ่นจะขอเข้าร่วมควบคุมและดาเนินงานด้วย
- 4. • เมื่อญี่ปุ่นแพ้สงครามและประกาศยอมจานนต่อฝ่ ายพันธมิตร
อินโดนี เซียได้ถือโอกาสประกาศเอกราชใน พ.ศ. 2488 แต่
เนเธอร์แลนด์เจ้าของอาณานิ คมเดิมไม่ยอมรับการประกาศเอก
ราชของอินโดนี เซีย จึงยกกองทัพเข้าปราบปราม ผลจากการสูรบ
้
ปรากฏว่าเนเธอร์แลนด์ไม่สามารถปราบปรามกองทัพอินโดนี เซีย
ได้ จากนั้นอังกฤษซึ่งเป็ นพันธมิตรกับเนเธอร์แลนด์จึงเข้ามาช่วย
ไกล่เกลี่ยเพื่อให้ยุติความขัดแย้งกัน โดยให้ท้งสองฝ่ ายลงนามใน
ั
ข้อตกลงลิงกัดยาติ (Linggadjati Agreement) เมื่อ พ.ศ.
2489 โดยเนเธอร์แลนด์ยอมรับอานาจรัฐของรัฐบาลอินโดนี เซีย
ในเกาะชวาและสุมาตรา
- 5. •
เพื่อทาหน้าที่ไกล่เกลี่ยประนี ประนอมและได้
เรียกร้องให้หยุดยิง แต่เนเธอร์แลนด์ได้เข้าจับกุม
ผูนาคนสาคัญของอินโดนี เซีย คือ ซูการ์โนและฮัต
้
ตาไปกักขัง ต่อมาทหารอินโดนี เซียสามารถ
ช่วยเหลือนาตัวผูนาทั้งสองออกมาได้ ในระยะนี้ ทุก
้
ประเทศทัวโลกต่างตาหนิ การกระทาของ
่
เนเธอร์แลนด์อย่างยิ่งและคณะมนตรีความมันคง
่
ได้กดดันให้เนเธอร์แลนด์มอบเอกราชแก่
อินโดนี เซีย
ต่อมาภายหลังเนเธอร์แลนด์ได้ละเมิดข้อตกลง
โดยได้นาทหารเข้าโจมตีอินโดนี เซียทาให้ประเทศ
อื่นๆ เช่น ออสเตรเลีย และอินเดียได้ยื่นเรื่องให้
คณะมนตรีความมันคงแห่งสหประชาชาติเข้า
่
จัดการ สหประชาชาติได้เข้าระงับข้อพิพาทโดย
ตั้งคณะกรรมการประกอบด้วย ออสเตรเลีย
เบลเยียม และสหรัฐอเมริกา
- 6. • ในวันที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2492 อินโดนี เซียได้รบเอกราชแต่ความ
ั
ยุงยากยังคงมีอยูเนื่ องจากเนเธอร์แลนด์ไม่ยินยอมให้รวมดินแดนอิเรียน
่
่
ตะวันตกเข้ากับอินโดนี เซีย ทั้งสองฝ่ ายจึงต่างเตรียมการจะสูรบกันอีก ผล
้
ที่สุดเนเธอร์แลนด์ก็ยอมโอนอานาจให้สหประชาชาติ ควบคุมดูแลอิเรียน
ตะวันตกและให้ชาวอิเรียนตะวันตกแสดงประชามติว่าจะรวมกับ
อินโดนี เซียหรือไม่ ผลการออกเสียงประชามติปรากฏว่า ชาวอิเรียน
ตะวันตกส่วนใหญ่ตองการรวมกับอินโดนี เซีย สหประชาชาติจึง โอนอิเรียน
้
ตะวันตกให้อยู่ในความปกครอง
ของอินโดนี เซียเมื่อเดือน
พฤษภาคม พ.ศ. 2506
- 7. ประเพณีและวัฒนธรรม
วายัง กูลิต (Wayang Kulit) :
เป็ นการแสดงเชิดหุ่นเงาที่เป็ นเอกลักษณ์ของ
อินโดนี เซีย และถือเป็ นศิลปะการแสดงที่
งดงามและวิจิตรกว่าการ แสดงชนิ ดอื่น
เพราะรวมศิลปะหลายชนิ ดไว้ดวยกัน โดย
้
ฉบับดั้งเดิมใช้หุ่นเชิดที่ทาด้วยหนังสัตว์ นิ ยม
ใช้วงดนตรี พื้ นบ้านบรรเลงขณะแสดง
- 8. ระบาบารอง (BARONG DANCE)
• ละครพื้ นเมืองดั้งเดิมของเกาะบาหลี
มีการใช้หน้ากากและเชิดหุ่นเป็ นตัว
ละคร โดยมีการเล่นดนตรีสด
ประกอบการแสดง เป็ นเรื่องราวของ
การต่อสูกนของ บารอง คนครึ่งสิงห์
้ั
ซึ่งเป็ นตัวแทนฝ่ ายความดีกบรังดา
ั
พ่อมดหมอผีตวแทนฝ่ ายอธรรม โดย
ั
ฝ่ ายธรรมะจะได้รบชัยชนะในที่สุด
ั
- 9. การแบ่งกลุ่มชนตามขนบธรรมเนี ยมประเพณี และพื้นที่ต้ง
ั
สามารถแบ่งออกเป็ นสามกลุ่มใหญ่ๆ ด้วยกันคือ
• กลุ่มแรก เป็ นกลุ่มชนที่อาศัยอยู่ในเกาะชวา และบาหลี
ผูคนที่อยู่ ในแถบนี้ จะยึดมันอยู่ในแนวทางของศาสนาฮินดู
้
่
และศาสนาพุทธ มีวฒนธรรม เน้นหนักในเรื่องคุณค่าของ
ั
จิตใจและสังคม ก่อให้เกิดการพัฒนาศิลปะอย่าง มากมาย
โดยเฉพาะนาฏศิลป์ และดุริยางคศิลป์ ในการดาเนิ น
ชีวิตประจาวัน ประชากรจะประพฤติตามหลักจริยธรรมมี
การเคารพต่อบุคคลตามฐานะของ บุคคลนั้ นๆ
- 10. • กลุ่มที่สอง เป็ นกลุ่มชนที่อาศัยอยูตามบริเวณริมฝั งทะเลของเกาะ ต่างๆ
่
่
ดาเนิ นชีวิตอยูได้ดวยการประกอบการค้าขาย มีชีวิตทางวัฒนธรรมตาม
่ ้
หลักของศาสนาอิสลามอย่างเคร่งครัด และเป็ นนั กธุรกิจของสังคม
อินโดนี เซีย ยุคใหม่ และได้รบการยกย่องว่าเป็ นผูมีความรูทางศาสนา และ
ั
้
้
กฎหมาย
กลุ่มที่สาม เป็ นกลุ่มที่มีความล้าหลังมาก อาศัยอยู่ตามบริเวณเทื อก เขาใน
ส่วนลึกของประเทศ ดาเนิ นชีวิตอยู่ดวยการล่าสัตว์ และการเพาะปลูก
้
รัฐบาลอินโดนี เซียได้เข้าไปปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตของชนกลุ่มนี้ แล้ว
- 11. • ผ้าบาติก (Batik) หรือ ผ้าปาเต๊ะ :
ชุ ดประจาชาติอินโดนี เซีย
• เป็ นผ้าพื้ นเมืองของอินโดนี เซีย ที่มีวิธีการทา
โดยใช้เทียนปิ ดส่วนที่ไม่ตองการให้ติดสีและ
้
ใช้วิธีการแต้มระบาย หรือ ย้อมในส่วนที่
ต้องการให้ติดสี ผ้าบาติกนิ ยมใช้เป็ นเครื่อง
แต่งกายของหนุ่ มสาว โดยใช้เป็ นผ้าโพก
ศีรษะชาย ผ้าคลุมศีรษะหญิง ผ้าทับกางเกง
ชาย และโสร่ง หรือผ่าที่ใช้นุ่งโดยการพัน
รอบตัว ซึ่งส่วนที่เรียกว่า "ปาเต๊ะ" คือ ส่วนที่
ต้องนุ่ งให้ตรงกับสะโพก โดยมีลวดลายสีสน
ั
ต่างไปจากส่วนอื่นๆ ในผ้าผืนเดียวกัน
- 12. • หญิง :
• สวมเสื้ อ "คะบาย่า" เสื้ อแขนยาว
คอแหลม ผ่าหน้าอกเข้ารูปยาวปิ ด
สะโพก ปั กฉลุลายลูกไม้ เข้ากับผ้า
โสร่งที่เป็ นผ้าพื้ นเมืองที่เรยกว่า
"ปาเต๊ะ" หรือ "บาติก" โดยมีผา
้
คล้องคอยาว และสวมรองเท้าแตะ
หรือส้นสูงแบบสากล
- 13. • ชาย :
• สวมเสื้ อคอปิ ด สวมหมวกคล้าย
หมวกหนี บ นุ่ งกางเกงขายาว
หรือโสร่งสีและลงดลายเข้ากับ
หมวกสวมรองเท้าแตะหรือ
รองเท้าหุมส้น หากเข้าพิธี
้
สาคัญ จะเหน็ บกริชด้วย ซึ่งวิธี
แต่งกายจะแตกต่างกันไป
ตามแต่ละเกาะ
- 14. อาหารประจาชาติ อินโดนีเซีย
• กาโด กาโด :
• เป็ นอาหารที่ประกอบด้วย ผัก
และธัญพืช ถัวต่างๆ เต้าหู้ ไข่
่
ต้ม ข้าวเกรียบกุง รบประทาน
้
คู่กบซ๊อสถัวคล้ายกับซ๊อส
ั
่
สะเต๊ะ (คล้ายกับสลัดแขกของ
ไทย)
- 16. ศาสนาในประเทศอินโดนี เซีย
• ชาวอินโดนี เซียร้อยละ 87 นั บถือ
ศาสนาอิสลาม ร้อยละ 6 นั บถือ
ศาสนาคริสต์นิกายโปรแตสแตนท์
ร้อยละ 3.5 นั บถือศาสนาคริสต์
นิ กายแคทอลิก ร้อยละ 1.8 นั บถือ
ศาสนาฮินดู และร้อยละ 1.3 นั บถือ
ศาสนาพุทธ 4
- 17. กีฬาประจาชาติอินโดนี เซีย
• เคมโป คาราเต้ – เคม โปเป็ นกีฬาที่มีรากฐานมาจากประ เทศญี่ปุ่น โดยมี
สานั กงานใหญ่ของสหพันธ์อยู่ท่ีโอซากา ประ เทศญี่ปุ่น ได้รบความนิ ยมในมา เลเซีย
ั
, เวียดนาม, ติมอร์ และ บรูไน โดยในอิน โดนี เซียมีคนเล่นกีฬาชนิ ดนี้ กว่า
400,000 คน เท่าที ได้สมผัสจากการอธิบายและการสาธิตแล้วไม่ค่อยจะต่างจาก
ั
คารา เต้ โดยจะ เป็ นการผสมผสานกันระหว่างเทควันโด-ยูโด-คารา เต้ ซึ่งการ
แต่งตัว ก็มีลักษณะคล้ายกันด้วย ส่วนการออกอาวุธจะใช้ทั้งการเตะ, ต่อย, ทุ่ม,
บิด, ล็อก ตัดสินแพ้ชนะด้วยคะ แนน แบ่งการแข่งขันเป็ นรุ่นน้ าหนั ก เชื่อว่าอิน โดนี
เซียจะ เดินหน้าเต็มที่เพื่อบรรจุ เคม โปในซีเกมส์ครั้งต่อๆ ไปโดยเฉพาะซี เกมส์ครั้งที่
26 ที่อินโดนี เซียจะเป็ นเจ้าภาพในปี 2554
- 18. สถานที่ท่องเที่ยวในอินโดนีเซีย
• 1. เกาะบาหลี (Bali)
คงไม่มีใครไม่รูจกหรือไม่เคยได้ยิน
้ั
ชื่อ เกาะบาหลี เกาะที่ได้รบความนิยม
ั
สูงสุดแห่งหนึ่งของโลก และได้รบรางวัลใน
ั
ด้านการท่องเที่ยวมาโดยตลอด อาจเพราะ
ภูมิประเทศที่มีความงดงามความ
หลากหลาย ทั้งชายฝั ่งทะเล ชายหาดใน
เขตร้อนชื้น นาข้าวที่เขียวชะอุ่มลาดไปตาม
ทางเป็ นขั้น และภูเขาไฟตามไหล่เขา ซึ่ง
ทั้งหมดทั้งมวลนี้ ได้สรรค์สร้างทัศนี ยภาพ
ที่มีฉากหลังอันเป็ นสีสนแห่งความงดงาม
ั
จิตวิญญาณที่แสนลึกซึ้งและความเป็ น
เอกลักษณ์ของวัฒนธรรมฮินดู
- 19. • 5โทราจาแลนด์ (Torajaland)
โทราจาแลนด์ เป็ นพื้ นที่เขตบริเวณที่
สูงทางตอนใต้ของเกาะสุ ลาเวสี ซึ่งเป็ นบ้านของ
ชาวโทราจา และในโทราจาแลนด์นี่เองมีบานที่
้
เป็ นเอกลักษณ์ แถมยังเป็ นที่เตะตาแก่ผูพบเห็น
้
เป็ นอย่างมาก คือหลังคาบ้านจะมีขนาดใหญ่
ลักษณะเป็ นมุมแหลม 2 ด้าน เว้าตรงกลางลงมา
เป็ นที่รจกกันในนาม ทองโคนั น
ู้ ั
(Tongkonan) แต่ความสวยก็ปนมากับ
ความสยอง เพราะบ้านหลังนี้ เอาไว้เก็บศพเพื่อทา
พิธี หลังจากที่คนตายแล้วก็จะนาร่างมาเก็บไว้ใน
บ้านนี้ อยู่หลายวัน จนกว่าจะถึงพิธีศพ และคน
ตายก็จะถูกฝั งที่รงเล็ก ๆ ในโพรงต้นไม้
ั
- 20. • หุบเขาบาเลียม (Baliem Valley)
หุบเขาบาเลียม อยู่ในเขตบริเวณที่สูงทาง
ทิศตะวันตกของนิ ว กินี หากมองแบบเผิน ๆ จะ
พบว่าที่แห่งนี้ คล้ายกับโลกยุคหิน รูไหมว่าที่หุบเขา
้
แห่งนี้ ไม่เคยมีใครรูจกจนกระทังปี 1938 มีนักบิน
้ั
่
ลาดตะเวนจากฮอลแลนเดีย มาพบหุบเขาแห่งนี้
โดยบังเอิญ โดยที่หุบเขาบาเลียมมีเมืองหลักอย่าง
วาเมนา ซึ่งมีคนท้องถิ่นที่เรียกกันว่า ดานี่ อาศัย
อยู่ และในทุก ๆ วันจะก็มีนักท่องเที่ยวเข้ามาเยี่ยม
ชมวัฒนธรรม ชีวิตความเป็ นอยู่ของชาวดานี่ ซึ่ง
นั กท่องเที่ยวก็จะได้รบการต้อนรับอันแสนอบอุ่น
ั
จากชนพื้ นเมืองเหล่านี้ อีกด้วย