Recommended
More Related Content
What's hot
What's hot (20)
Similar to โครงงาน เรื่อง อุนจิติดไฟ
Similar to โครงงาน เรื่อง อุนจิติดไฟ (20)
โครงงาน เรื่อง อุนจิติดไฟ
- 1. โครงงาน เรื่องอุนจิติดไฟ รายวิชา การศึกษาค้นคว้าด้วยตนเอง (Independent Study : IS) เสนอ คุณครูณัฐวรา สุขใส โรงเรียนบรรหารแจ่มใสวิทยา 1 อาเภอดอนเจดีย์ จังหวัดสุพรรณบุรี
- 2. สมาชิก นายกิตติศักดิ์ โชระเวก เลขที่ 7 นางสาวธีรดา พันธ์จินดา เลขที่ 35 นางสาวเบญจวรรณ เรียนจันทร์ เลขที่ 36 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5/2
- 3. บทที่ 1 ความเป็ นมาของโครงงาน ความเป็ นมาของโครงงาน เนื่องจากในปัจจุบันมีการตัดไม้ทาลายป่าเพื่อเอาไปใช้ในการอุตสาหกรรม ทาเฟอร์นิเจอร์ รวมไป ถึงถ่านที่ใช้ในบางครัวเรือนเเละที่เห็นใช้กันมากที่สุด คือ ตามร้านหมูกระทะ ถ่านมีด้วยกันหลายเเบบ เช่น ถ่านขาว ถ่านดา ถ่านไม้ไผ่ เป็นต้น ซึ่งถ่านเหล่านี้มีกรรมวิธีในการทาเเตกต่างกัน ซึ่งในประเทศ ไทยนั้นถ่านดาสามารถเห็นได้แพร่หลายมากที่สุด เเต่ถ่านดานั้นถูกผลิตภายใต้อุณหภูมิต่าไม่เหมาะจะ นามาใช้เป็นเชื้อเพลิง ปิ้ง-ย่างอาหาร ซึ่งจะทาให้เกิดมะเร็งต่อไปในอนาคตเเละการตัดไม้ไปทาถ่าน นั้นทาให้เกิดความเสียหายต่อที่อยู่อาศัย เสียหายต่อความหลากหลายทางชีวภาพ ปัญหาความแห้ง เเล้งเเละเป็นสาเหตุหนึ่งในการเกิดปัญหาภาวะโลกร้อน ประเทศไทยนั้นมีประชากรหลายภาคส่วน ใหญ่ประกอบอาชีพเกษตรกรการเลี้ยงโคเนื้อ ซึ่งบางครัวเรือนมักจะนามูลโคที่ได้ไปใส่แปลงผักบ้างก็ นาไปขายซึ่งมีมูลค่าน้อย
- 4. วัตถุประสงค์ของโครงงาน 1.เพื่อศึกษาความสามารถในการติดไฟของถ่านจากมูลวัวและถ่านไม้ธรรมดา 2.เพื่อศึกษาระยะเวลาในการติดไฟของถ่านจากมูลวัวขุนกับมูลวัวไล่ทุ่ง 3.เพื่อเปรียบเทียบความร้อนของถ่านจากมูลวัวแต่ละชนิดกับถ่านไม้ธรรมดา 4.เพื่อนาไปศึกษาว่าเมื่อนาถ่านไปประกอบอาหารกลิ่นของมูลวัวจะติดอาหารหรือไม่ ตัวแปร ตัวแปรต้น : ผงถ่านจากถ่าน,มูลวัวป่น และแป้งมัน ตัวแปรตาม : ถ่านจากมูลวัวที่มีประสิทธิภาพติดไฟมีความร้อนสามารถนามาเป็นเชื้อเพลิง ประกอบอาหาร ตัวแปรควบคุม : ปริมาณผงถ่าน,ปริมาณของมูลวัวป่น,ปริมาณแป้งมัน,ปริมาณของน้า ตัวแปรแทรกซ้อน : อุณหภูมิ,สภาพอากาศ
- 5. สมมติฐาน 1.ถ้าถ่านจากมูลวัวติไฟได้นานกว่าถ่านไม้ ดังนั้น ถ่านจากมูลวัวน่าจะมีประสิทธิภาพในการติดไฟ ดีกว่าถ่านไม้ 2.ถ้าถ่านจากมูลวัวต้มน้าถึงจุดเดือดที่100C ก่อนถ่านไม้ ดังนั้น ถ่านจากมูลวัวน่าจะให้ความ ร้อนได้ดีกว่า 3.ถ้าถ่านจากมูลวัวในปริมาณน้อยๆสามารถให้พลังงานได้ดีกว่าถ่านไม้ ดังนั้น ถ่านจากมูลวัวน่าจะ ลดปริมาณเชื้อเพลิงในการประกอบอาหารมากกว่าถ่านไม้ 4.ถ่านจากมูลวัวไล่ทุ่งน่าจะมีประสิทธิภาพในการติดไฟดีกว่าถ่านจากมูลวัวขุน
- 6. ขอบเขตการศึกษา 1.ประชากร -ชุมชนบ้านคลอง16 เเละชุมชนบ้านทะเลบวช ต.ดอนเจดีย์ อ.ดอนเจดีย์ จ.สุพรรณบุรี 72170 2.ตัวอย่าง -ชาวบ้านคลอง16 และชาวบ้านทะเลบวช ต.ดอนเจดีย์ อ.ดอนเจดีย์ จ.สุพรรณบุรี 72170 จานวน 15 คน 3.ระยะเวลาในการศึกษา -ปีการศึกษา 2560 โครงงานนี้แก้ปัญหา 1.ใช้เป็นพลังงานทดแทน 2.ลดการตัดไม้เพื่อใช้ทาฟืน 3.เพิ่มมูลค่าเพิ่มให้กับผลผลิตการเกษตร 4.เพิ่มรายได้จากการขาย
- 7. บทที่ 3 วิธีการศึกษาค้นคว้า วัสดุและอุปกรณ์ วัสดุ อุปกรณ์ 1.แป้งมัน 1.หม้อ 2.ผงถ่านจากถ่านไม้ 2.เตาถ่าน 3.มูลวัวขุนป่น 3.กะละมัง 4.มูลวัวไล่ทุ่งป่น 4.จอบ 5.น้า 5.เครื่องอัดถ่านก้อน 6.ตะแกรง
- 10. 5.คนให้เข้ากัน 6.นามาใส่เครื่องอัดถ่านก้อน 7.นาไปตากแดด2-3 วัน จนแห้ง 8.ทาซ้าโดยเปลี่ยนจากมูลวัวขุนเป็นมูลวัวไล่ทุ่ง 9. นาไปทดลองใช้
- 11. บทที่ 4 ผลการดาเนินการ ผู้จัดทาโครงงานได้แจกแบบประเมนความพึงพอใจถ่านจากมูลวัวขุนและถ่านจากมูล วัวไล่ทุ่ง ซึ่งเป็เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยให้กลุ่มตัวอย่างคือชาวบ้านในชุมชนบ้านทะเลบวช บ้านนเรศ และบ้านคลอง16 จานวน 21 คนได้รับแบบประเมินคืนมาจานวน 21 ฉบับคิด คิดเป็นร้อยละ 100 ผู้จัดทาได้ตรวจสอบความครบถ้วนของแบบประเมินก่อนนาไป วิเคราะห์ข้อมูลและนาผลที่ได้มานาเสนอผลการวิเคราะห์
- 12. ข้อที่ สถานภาพผู้ตอบ จานวน ร้อยละ 1 เพศ ชาย 6 28.57 หญิง 15 71.43 รวม 21 100 2 อายุ ต่ากว่า 20 ปี 3 14.28 21-30 ปี - - 31-40 ปี 3 14.28 41-50 ปี 2 9.52 51-60 ปี 5 23.81 61 ปีขึ้นไป 8 38.11 รวม 21 100 3 อาชีพ นักเรียน 3 14.29 เกษตรกร 12 57.14 ข้าราชการ - - อื่นๆ 6 28.57 รวม 21 100 ตารางที่ 1 แสดงผลวิเคราะห์ข้อมูลของผู้ตอบแบบ ประเมิน
- 13. จากตารางที่ 1แสดงผลวิเคราะห์ข้อมูลของผู้ตอบแบบประเมิน นั้นมีเพศชายจานวน 6 คน คิดเป็นร้อยละ 28.57 เพศหญิงจานวน 15 คน คิดเป็นร้อยละ 71.43 ช่วงอายุ ของผู้ทาแบบประเมินนั้นมี อายุต่ากว่า 20 ปี จานวน 3 คน คิดเป็นร้อยละ 14.28 อายุ 31-40 ปี จานวน 3 คน คิดเป็นร้อยละ 14.28 อายุ 41-50 ปี จานวน 2 คน คิด เป็นร้อยละ 9.52 อายุ 51-60 ปี จานวน 5 คน คิดเป็นร้อยละ 23.81 อายุ 61 ปี ขึ้นไป จานวน 8 คน คิดเป็นร้อยละ 38.11 อาชีพของผู้ทาแบบประเมินนั้นมี นักเรียน จานวน 3 คน คิดเป็นร้อยละ 14.29 เกษตรกรจานวน 12 คน คิดเป็นร้อยละ 57.14 และอาชีพอื่นๆ จานวน 6 คน คิดเป็นร้อยละ 28.57
- 14. เกณฑ์การ ประเมิน ถ่านจากมูลวัวขุน ถ่านจากมูลวัวไล่ทุ่ง 5 4 3 2 1 5 4 3 2 1 ระยะเวลาใน การติดไฟ 4 2 12 1 2 1 4 4 9 3 รูปร่างของ ผลิตภัณฑ์ 10 8 3 - - 11 8 2 - - การให้ความ ร้อน 4 7 10 - - 1 2 8 8 2 ปริมาณควัน 13 4 3 1 - 15 2 1 3 - ตารางที่ 2 แสดงข้อมูลการกรอกแบบประเมิน
- 15. จากตารางที่ 2 แสดงข้อมูลการกรอกแบบประเมินนั้นพบว่า ถ่านจากมูลวัวขุนระยะเวลาใน การติดไฟมีผู้ประเมินให้คะแนน 5 คะแนน จานวน 4 คน 4 คะแนน จานวน 2 คน 3 คะแนน จานวน 12 คน 2 คะแนน จานวน 1 คน และ 1 คะแนน จานวน 2 คน รูปร่างของผลิตภัณฑ์ มีผู้ประเมินให้คะแนน 5 คะแนน จานวน 10 คน 4 คะแนน จานวน 8 คน และ 3 คะแนน จานวน 3 คน การให้ความร้อนมีผู้ประเมินให้คะแนน 5 คะแนน จานวน 4 คน 4 คะแนน จานวน 7 คน และ 3 คะแนน จานวน 10 คน ปริมาณควันมีผู้ประเมินให้คะแนน 5 คะแนน จานวน 13 คน 4 คะแนน จานวน 4 คน 3 คะแนน จานวน 3 คน และ 2 คะแนน จานวน 1 คน ส่วนถ่านจากมูลวัวไล่ทุ่งระยะเวลาในการติดไฟมีผู้ประเมินให้คะแนน 5 คะแนน จานวน 1 คน 4 คะแนน จานวน 4 คน 3 คะแนน จานวน 4 คน 2 คะแนน จานวน 9 คน และ 1 คะแนน จานวน 3 คน รูปร่างของผลิตภัณฑ์มีผู้ประเมินให้คะแนน 5 คะแนน จานวน 11 คน 4 คะแนน จานวน 8 คน และ 3 คะแนน จานวน 2 คน การให้ความร้อนมีผู้ประเมินให้คะแนน 5 คะแนน จานวน 1 คน 4 คะแนน จานวน 2 คน 3 คะแนน จานวน 8 คน 2 คะแนน จานวน 8 คน และ 1 คะแนน จานวน 2 คน ปริมาณควันมีผู้ประเมินให้คะแนน 5 คะแนน จานวน 15 คน 4 คะแนน จานวน 2 คน 3 คะแนน จานวน 1 คน และ 2 คะแนน จานวน 3 คน
- 16. เกณฑ์การประเมิน ค่าเฉลี่ยถ่านจากมูลวัวขุน ค่าเฉลี่ยถ่านจากมูลวัวไล่ทุ่ง ระยะเวลาในการติดไฟ 3.24 2.57 รูปร่างของผลิตภัณฑ์ 4.33 4.43 การให้ความร้อน 3.71 2.62 ปริมาณควัน 4.38 4.38 รวม 14.85 14 ร้อยละ 72.9 70 ตารางที่ 3 ตารางสรุปเปรียบเทียบผลการประเมินและแปร ผล
- 17. จากตารางที่ 3 สรุปเปรียบเทียบผลการประเมินและแปรผลนั้นพบว่า ค่าเฉลี่ย ระยะเวลาในการติดไฟของถ่านจากวัวขุนมีค่าเท่ากับ 3.24 ส่วนถ่านจากมูลวัวไล่ ทุ่งมีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 2.57 ค่าเฉลี่ยรูปร่างของผลิตภัณฑ์ของถ่านจากวัวขุนมีค่า เท่ากับ 4.33 และถ่านจากมูลวัวไล่ทุ่งมีค่าเท่ากับ 4.43 ค่าเฉลี่ยการให้ความร้อน ของมูลวัวขุนให้ค่าเฉลี่ยสูงกว่าถ่านจากมูลวัวไล่ทุ่ง โดยถ่านจากมูลวัวขุนได้ค่าเฉลี่ย 3.71 ถ่านจากมูลวัวไล่ทุ่งได้ค่าเฉลี่ย 2.62 และค่าเฉลี่ยปริมาณควันของถ่านจาก วัวขุนและถ่านจากมูลวัวไล่ทุ่งมีค่าเท่ากันคือ 4.38 ค่าเฉลี่ยรวมของถ่านจากมูลวัว ขุน คือ 14.85 คิดเป็นร้อยละ 74.25 ส่วนค่าเฉลี่ยรวมของถ่านจากมูลวัวไล่ทุ่ง คือ 14 คิดเป็นร้อยละ 70
- 18. ค่าเฉลี่ย ความหมาย 0.01 – 1.00 ปรับปรุง 1.01 - 2.00 พอใช้ 2.01 – 3.00 ปานกลาง 3.01 – 4.00 ดี 4.01 – 5.00 ดีมาก ตารางที่ 4 แสดงความหมายของค่าเฉลี่ย
- 19. จากตารางที่ 4 แสดงความหมายของค่าเฉลี่ย 0.01 – 1.00 หมายถึง ปรับปรุง 1.01 - 2.00 หมายถึง พอใช้ 2.01 – 3.00 หมายถึง ปานกลาง 3.01 – 4.00 หมายถึง ดี 4.01 – 5.00 หมายถึง ดีมาก
- 20. บทที่ 5 สรุปและอภิปรายผล สรุปผลการทดลอง ผลการทาโครงงานอุนจิติดไฟครั้งนี้ทาให้ทราบถึงความสามารถในการติดไฟของถ่าน จากมูลวัวขุนและมูลวัวไล่ทุ่ง และปริมาณควันที่น้อยกว่าถ่านไม้ โดยผู้จัดทาได้นาเสนอผล การวิเคราะห์ข้อมูลเป็นประเด็น ดังนี้ 1. จากผลการดาเนินการพบว่า ถ่านจากมูลวัวขุนมีความสามารถในการติดไฟค่าเฉลี่ย ค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 3 อยู่ในเกณฑ์ปานกลาง ส่วนถ่านจากมูลวัวไล่ทุ่ง 2. จากผลการดาเนินการพบว่า ถ่านจากมูลวัวขุนและถ่านจากมูลวัวไล่ทุ่งมี ความสามารถในการติดไฟดีเท่ากัน 3. จากผลการดาเนินการพบว่า ถ่านจากมูลวัวขุนให้ความร้อนได้ดีกว่าถ่าจากมูลวัว ทุ่ง 4. จากผลการดาเนินการพบว่า เมื่อนาถ่านทั้งสองชนิดไปใช้ในการประกอบอาหาร ถ่านจากมูลวัวขุนไม่มีกลิ่นของมูลวัว ส่วนถ่านจากมูลวัวไล่ทุ่งมีกลิ่นแต่เมื่อประกอบอาหาร เสร็จ กลิ่นของถ่านไม่ติดอาหาร
- 21. อภิปรายผล 1. จากผลการศึกษาในครั้งนี้พบว่า มูลวัวสามารถนามาทาเป็นถ่าน ถ่านจากมูลวัวขุน และมูลวัวไล่ทุ่งนั้นมีค่าเฉลี่ยคะแนนการให้ความร้อนอยู่ที่ 4 และ 3 ตามลาดับ ซึ่ง สอดคล้องกับงานวิจัยของ ธนาพล ตันติสตยกุล และคณะ ที่ได้ศึกษาเรื่อง พลังงานทดแทน ชุมชนจากเชื้อเพลงชีวมวลอัดแท่งจากทางมะพร้าว สรุปผลได้ว่าถ่านจากมูลวัวขุนและมูลวัว ไล่ทุ่งสามารถทาเป็นพลังงานทดแทนและสามารถผลิตใช้เองในชุมชน 2. จากผลการศึกษาในครั้งนี้พบว่า ถ่านจากมูลวัวทั้งสองชนิดมีความสามารถในการ ติดไฟและสมบัติความเป็นเชื้อเพลิง โดยอ้างอิงจากคะแนนเฉลี่ยที่แบบสอบถามความพึง พอใจในการทดลองใช้ถ่าน ซึ่งสอดคล้องกับงานวิจัยของ ธเนศ ไชยชนะ และคณะ ที่ได้ศึกษา เรื่อง สมบัติความเป็นเชื้อเพลิงจากถ่านเปลือกมังคุด ซึ่งสรุปผลได้ว่าถ่านจากมูลวัวทั้งสอง ชนิดมีความสามารถในการติดไฟและสมบัติความเป็นเชื้อเพลิง
- 22. 3. จากผลการศึกษาในครั้งนี้พบว่า ถ่านจากมูลวัวขุนและมูลวัวไล่ทุ่งนั้นมี ศักยภาพด้านพลังงานโดยอ้างของจากค่าที่ได้ต่างๆของการทาแบบสอบถาม ซึ่ง สอดคล้องกับงานวิจัยของ สังเวย เสวกวิหารี ซึ่งศึกษาเรื่อง ศักยภาพด้านพลังงาน ของเชื้อเพลิงอัดแท่งจากเปลืองมังคุด โดยกล่าวว่า ถ่านอัดแท่งจากเปลือกมังคุด สามารถใช้ในครัวเรือน ประกอบอาหารได้ ไม่ประทุ ติดไฟได้ดี ไม่มีเขม่า ไม่มีควัน และไม่มีกลิ่นรบกวน สามารถนามาใช้ทดแทน เชื้อเพลิงไม้ได้ โดยมีวิธการทาคือ นาถ่านเปลือกมังคุดที่ได้จากการเผา มาบดให้ละเอียด จากนั้นนามาผสมกับน้า แป้งเปียก แล้วอัดเป็นเชื้อเพลิงแท่ง ซึ่งสรุปผลได้ว่าถ่านจากมูลวัวขุนและมูลวัวไล่ ทุ่งนั้นมีศักยภาพในการประกอบอาหารได้ดี ไม่มีควัน ไม่มีเขม่า
- 23. ข้อเสนอแนะ 1.ปรับเปลี่ยนอัตราส่วนผสมของถ่านจากมูลวัว เช่น ลดปริมาณของถ่านป่น เพิ่ม ปริมาณของมูลวัว เป็นต้น 2.ลองทาถ่านจากพลังงานชีวมวลชนิดอื่นๆ เช่น ถ่านจากแกลบ ถ่านจากเปลือก มังคุด ถ่านจากกะลามะพร้าว เป็นต้น