More Related Content More from Taraya Srivilas More from Taraya Srivilas (20) ยุทธศาสตร์การวางกำลังกองทัพอเมริกัน2. Heart Land and Rim Land Strategy
http://www.tortaharn.net/contents/index.php?option=com_content&task=view&id=63&Itemid=75&ccdate=6-2008
6. สหรัฐฯได้แบ่งประเภทของภัยต่อสหรัฐออกเป็น ๓ กลุ่ม
1. ภัยจากรัสเชีย หลังล่มสลายอาจเกิดความไม่พอใจในระบอบประชาธิปไตย
อาจมีการปฏิวัติและได้ผู้นาเผด็จการขึ้นมา รัสเชียมีกาลังอานาจมากอาจ
กลับมาเป็นคู่แข่งที่สาคัญ จะทาให้สหรัฐมีความลาบากมากขึ้นในยุโรป
ตะวันออกเพราะมีบริวารรัสเซียมาก
2. ภัยจากจีน หลังสงครามเย็นสหรัฐฯไม่ได้รับอะไรเลย ประเทศที่ได้ประโยชน์ทุก
อย่าง คือ จีน มีความร่ารวย มีการพัฒนาอาวุธ จนเป็นลาดับ ๒ ของโลก ผู้
ชนะตอนนี้เป็นของจีน หลุดจากการเฝ้ามองจากสหรัฐฯ หันมาที่กลุ่มก่อการ
ร้ายแทน
3. ประเทศเล็กๆที่มีสงครามกลางเมืองเช่นโคโซโว บอสเนีย ลาวัลด้า โซมาเรีย ไฮ
ติ ในอดีตสหรัฐฯให้ความสาคัญน้อยเพราะไม่ได้เป็นภัยคุกคามความมั่นคง
ของสหรัฐฯ ประเทศมหาอานาจที่จะเป็นภัยของสหรัฐคือรัสเซีย จีน และ
ประเทศที่มี Weapon Destruction
7. National Strategy to Combat Weapons of Mass Destruction
นโยบายของสหรัฐฯ มีความเปลี่ยนแปลงที่สอดคล้องกับ Doctrine of Prevention ในเรื่อง
การแพร่ขยายอาวุธทาลายล้างสูง เช่นเดียวกับกรณีอิรัคก็มาจากสาเหตุนี้
ปกติสหรัฐฯจะใช้เครื่องมือทางการเมือง การทูต เศรษฐกิจเพื่อบีบไม่ให้เกิดการแพร่ขยาย
อาวุธทาลายล้างสูง Proliferation Weapons of Mass Destruction
สหรัฐฯพยายามผลักสมรภูมิรบออกนอกประเทศโดยยอมให้คนอเมริกันตายนอกประเทศ
๑๐,๐๐๐ คนดีกว่าตายในประเทศเพียง ๑,๐๐๐ คน เพราะมีผลกระทบต่อจิตใจ
กลัวความอ่อนแอและอาจพ่ายแพ้ เช่นกรณี ๑๑ ก.ย.๔๔ เปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตของชาว
อเมริกันโดยสิ้นเชิง ไม่สามารถดาเนินชีวิตดังอดีตได้
หากปล่อยให้สถานการณ์เป็นอย่างนี้เนิ่นนานไปโดยที่ประชาชนให้อานาจกับประธานาธิบดี
ในการทาสงครามทุกรูปแบบที่จะไปทาลายใครก็ได้ อาจจะมีผลกระทบในระยะยาว
8. ให้ความสนใจหรือเปลี่ยนแปลงมาที่เอเชียแปซิฟิก (Pivot to Asia)
สร้างความเข้มแข็งและความสัมพันธ์ของกองทัพสหรัฐต่อประเทศ
อินโดนีเซีย สิงคโปร์ มาเลเซีย บรูไนและเวียดนาม และปัจจุบันกับ
พม่า
การเปลี่ยนแปลงนาไปสู่การรวมตัวและการขยายตัวของฐานทหาร
อเมริกันทั่วเอเชียและแปซิฟิก ซึ่งเกี่ยวข้องกับการเสริมสร้างความ
เข้มแข็งพันธมิตรทางทหารของสหรัฐอเมริกา และพันธมิตรเชิง
ยุทธศาสตร์ เช่นเดียวกับการปรับโครงสร้างและการจัดตาแหน่ง
กองกาลังทหารอเมริกันทั่วภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก
ยุทธศาสตร์ใหม่ของสหรัฐอเมริกา
(New Strategic Guidance)
12. ปรับกองกาลังให้มีขนาดเล็กลง (Smaller force)
– ดาเนินการลดกองกาลัง PB13 ต่อ
การลดกองทัพ USMC (United States Marine Corps) หรือ นาวิกโยธินของ
สหรัฐอเมริกา
การปลดระวางเรือและเครื่องบิน
ปรับสมดุลสู่เอเชียแปซิฟิก
เสริมสร้างพันธมิตรและสร้างความร่วมมือ
ส่งกองกาลังที่มีความสามารถมากที่สุดไปสนับสนุน
ยกระดับการเข้าร่วมในภูมิภาค
- เพิ่มการเข้าถึงและความร่วมมือกับออสเตรเลีย, ฟิลิปปินส์, สิงคโปร์
- พัฒนาเกาะกวมให้เป็นศูนย์กลางยุทธศาสตร์
ยุทธศาสตร์ใหม่ (New Strategic Guidance) ของสหรัฐอเมริกา
(อ้างอิงจาก FISCAL YEAR 2014 BUDGET REQUEST AND FY 2013)
13. ป้องกันและจัดลาดับความสาคัญในการลงทุนเพิ่มขีดความสามารถใหม่ ๆ
– สนับสนุนกิจกรรมต่อต้านการก่อการร้าย และ การขยายตัวของกองทัพปฏิบัติการ
(SpecialOperation Force (SOF)
– อวกาศและโลกของเทคโนโลยีสารสนเทศ (Cyberspace)
– หน่วยสืบราชการลับลาดตระเวนและเฝ้าระวัง, หน่วยป้องกันขีปนาวุธ และต่อต้าน
อาวุธที่มีอานุภาพทาลายล้างสูง
สร้างความร่วมมือที่เป็นนวัตกรรมใหม่
– กองทุนสนับสนุนเหตุการณ์ฉุกเฉินเพื่อรักษาความมั่นคง
แก่ประเทศต่างๆ
– ใช้อานาจที่มีอยู่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ยุทธศาสตร์ใหม่สหรัฐอเมริกา (New Strategic Guidance)
(อ้างอิงจาก FISCAL YEAR 2014 BUDGET REQUEST AND FY 2013)
15. โอบามามีแผนจะประกาศการคงกองกาลังไว้ โดยได้กล่าวไว้ว่า “ไม่ได้มาเพื่อทาให้จีนหวาดกลัว”
“แต่มาในเชิงสัญลักษณ์ มากกว่าจะแสดงท่าทีจริงจังเพื่อเป็นการข่มขวัญใคร”
(“not going to frighten the Chinese.” ”It’s more symbolic than real,” he said. )
ยุทธศาสตร์การวางกาลังกองทหารของสหรัฐ
การเพิ่มกองกาลังของกองทัพเรือสหรัฐฯ จะช่วยส่งสัญญาณไปยังจีนว่า สหรัฐฯ มี
เจตจานงที่จะปกป้องความมั่นคงให้เกิดขึ้นในภาคพื้นทะเลแห่งภูมิภาค และภาคพื้น
อากาศเพื่อเส้นทางการค้า
การขยายอิทธิพลทางทหารของสหรัฐฯ นั้นสะท้อนให้เห็นว่าสหรัฐฯ เริ่มหันมาให้ความ
สนใจในภูมิภาคเอเชียอีกครั้งหลังจากพยายามถอนทหารออกจาก อิรักและอัฟกานิสถาน
การส่งทหารไปประจาการในพื้นที่ต่างๆ ในแถบเอเชีย-แปซิฟิก เป็นยุทธศาสตร์ใหม่
ของสหรัฐอเมริกา
19. ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกเป็นเป็นปลายทางที่สาคัญสาหรับการค้าและการลงทุน
และมีศักยภาพส่งเสริมการมีส่วนร่วมทางเศรษฐกิจในสหรัฐอเมริกา
6 ใน 10 ของตลาดส่งออกที่สาคัญของประเทศสหรัฐอเมริกาที่เติบโตเร็ว
ที่สุดอยู่ในเอเชียและสหรัฐอเมริกาได้ส่งออกสินค้าต่างประเทศไปยังเอเชียเป็น
ร้อยละ 60 ของสินค้าที่ส่งออกไปยังภูมิภาค
สหรัฐฯ ตระหนักดีว่า ความมั่นคงและความมั่งคั่งของสหรัฐฯ ขึ้นอยู่กับ
ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกมากขึ้นเรื่อยๆ ภูมิภาคนี้เป็นภูมิภาคที่มีเศรษฐกิจโตเร็ว
ที่สุดในโลก มีประชากรมากที่สุดในโลก และมีกองกาลังทหารมากที่สุดในโลก
ด้วย
สหรัฐอเมริกามีเป้าหมายเพื่อรับมือกับการขยายอานาจของจีนที่ต้องการจะ
แผ่อิทธิพลในภูมิภาคนี้เช่นกัน
เหตุผลที่สหรัฐอเมริกาสนใจในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก
20. ประธานาธิบดีบารัค โอบามา แห่งสหรัฐฯ ได้เดินทางเยือนออสเตรเลีย เพื่อ
ประกาศข้อตกลงตั้งฐานทัพทางตอนเหนือในออสเตรเลีย เมื่อวันที่ 16 พ.ย.
54 โดยมีเป้าหมายเพื่อรับมือกับอิทธิพลของจีนที่พยายามอ้างสิทธิ์และ
ประโยชน์เหนือภูมิภาค
ข้อตกลงนี้จะทาให้กองทัพเรือของสหรัฐฯ สามารถตั้งฐานทัพบริเวณชายฝั่ง
ของออสเตรเลีย เพื่อปฏิบัติการทางทหารและสามารถจอดเรือและคงกอง
กาลังได้
ทั้งในลักษณะถาวรและสามารถเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา
เมื่อปี 2555 สหรัฐฯ ได้ส่งนาวิกโยธินชุดแรก 200 นาย
ไปประจาการในฐานทัพที่เมืองดาร์วิน ออสเตรเลีย และ
ได้จะส่งเพิ่มอีก 1,000 นายมาประจาการในปี 2556
ฐานทัพสหรัฐอเมริกาที่ประเทศออสเตรเลีย
21. สหรัฐฯ เตรียมจะขยายขนาดของฐานทัพในเมืองดาร์วิน ให้มีนาวิกโยธิน
ประจาการอย่างน้อย 2,500 นาย ก่อนที่จะดาเนินการส่งอาวุธยุทโธปกรณ์
เครื่องบินรบ เครื่องบินทิ้งระเบิด รวมถึงรถหุ้มเกาะและรถถัง ไปยังฐานทัพ
ดังกล่าว ในอีก 5 – 6 ปี ข้างหน้า
ฐานทัพดังกล่าวจะมีการร่วมฝึกรบระหว่างสหรัฐฯ กับออสเตรเลียมากขึ้น โดย
ทั้งสองประเทศจะทางานร่วมกัน เพื่อกระชับความสัมพันธ์ทางการทหารให้
เข้มแข็งขึ้น
นอกจากนี้สหรัฐฯ ยังวางแผนที่จะใช้ฐานทัพเรือและฐานทัพอากาศของ
ออสเตรเลีย ในการเพิ่มความร่วมมือด้านความมั่นคงของทั้งสองประเทศด้วย
การส่งกองกาลังทหารมาประจาการทางตอนเหนือของออสเตรเลียที่เมืองดาร์
วิน ทาให้ทหารสหรัฐมีความคล่องตัวมากขึ้นโดยเฉพาะในภูมิภาคเอเชีย
ตะวันออกเฉียงใต้และมหาสมุทรอินเดีย
ฐานทัพสหรัฐอเมริกาที่ประเทศออสเตรเลีย (ต่อ)
23. สหรัฐฯปรับยุทธศาสตร์กองกาลังในประเทศญี่ปุ่น โดยย้ายฐานทัพ
สหรัฐอเมริกาที่ชื่อ “ฐานทัพอากาศนาวิกโยธินฟุเตนมะ (Marine Corps Air
Station Futenma หรือ MCAS Futenma)” จากเกาะโอกินาวา (Okinawa)
ญี่ปุ่นไปเกาะกวม (Guam) เป็นส่วนหนึ่งของแผนปรับปรุงโครงสร้างกอง
กาลังของสหรัฐอเมริกา เพื่อเสริมประสิทธิภาพทางการทหาร
การปรับเปลี่ยนฐานทัพยังเสริมสร้างการทางานร่วมกันระหว่างกองกาลัง
สหรัฐและกองกาลังป้องกันตนเองของญี่ปุ่น (The Japan Self Defense
Forces - JSDF) และสนับสนุนการพัฒนาของเกาะกวมให้เป็นศูนย์กลาง
ยุทธศาสตร์ (A strategic hub) ที่สาคัญของภูมิภาคเอเชียตะวันออก
ฐานทัพสหรัฐอเมริกาในประเทศญี่ปุ่น
24. เมื่อ 28 พฤษภาคม 2553 United States-Japan Security Consultative Committee (SCC)
นาโดยนางคลินตัน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐฯ และนายโอคา
ดะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศญี่ปุ่นได้ออกแถลงการณ์ร่วม (Joint
Statement) มีสาระสาคัญ ดังนี้
2.1.1 ทั้งสองฝ่ายยืนยันพันธกรณีที่จะปฏิบัติตามข้อตกลงเรื่องการย้ายฐานทัพฯ
เมื่อปี 2549
2.1.2 ทั้งสองฝ่ายยืนยันข้อตกลง Guam Agreement (17 กุมภาพันธ์ 2552) เรื่องการ
ย้ายกาลังพลจากโอกินาวาไปเกาะกวม
2.1.3 ทั้งสองฝ่ายยืนยันความตั้งใจที่จะย้ายฐานทัพฯ ไปยังบริเวณเดียวกับฐาน
ทัพเรือ CampSchwab ในเขต Henoko และได้มอบหมายผู้เชี่ยวชาญศึกษา
ทาเล การออกแบบ และเทคนิคการก่อสร้างฐานทัพอากาศนาวิกโยธินแห่ง
ใหม่ แล้วเสร็จเมื่อปี 2553
ฐานทัพสหรัฐอเมริกาในประเทศญี่ปุ่น (ต่อ)
27. (อ้างอิงจากThe Asia-Pacific Journal: Japan Focus http://www.japanfocus.org/-Satoko-NORIMATSU2/3287)
สรุปการวิเคราะห์จากทางเลือกทั่วโลก (Global Alternatives Analysis Summary)
หลักเกณฑ์ที่ใช้ในการวิเคราะห์
1) พันธมิตรและความต้องการในสนธิสัญญา (Alliance and Treaty Requirements)
2) เวลาที่ใช้ในการตอบสนองในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (Response Time to Southeast Asia)
3) อิสระในการปฏิบัติการ (Freedom of Action)
28. มี.ค. 56 สหรัฐฯส่งเรือ LCS 1 USS Freedom ไปสิงคโปร์เพื่อปฏิบัติการร่วมกับ
พันธมิตรในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งจะประจาการ 8 เดือน โดยร่วมการฝึกซ้อมกับ
พันธมิตรในย่านเอเชียแปซิฟิกรวมทั้งการฝึก CARAT ปี2013 ซึ่งราชนาวีไทยจะเข้าร่วม
จุดประสงค์ของการส่งเรือลานี้ เพื่อซ้อมผลัดเปลี่ยนลูกเรือนาวี พัฒนาส่งกาลังทาง
ทหาร และระบบซ่อมบารุงเพื่อขยายอานุภาพนาวิกโยธินสหรัฐในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก
การส่งเรือโจมตีชายฝั่งหมุนเวียนช่วยเสริมสร้าง
ขีดความสามารถและสนับสนุนยุทธศาสตร์การ
สร้างสมดุลใหม่ในเอเชียแปซิฟิกของกองทัพเรือ
การส่งเรือโจมตีชายฝั่งแบบหมุนเวียนที่ สิงคโปร์
31. กองทัพฟิลิปปินส์และสหรัฐได้ซ้อมรบร่วมกันในทะเลจีนใต้ระหว่างเกาะ ลูซอนกับ
แนวปะการังที่เป็นข้อพิพาทแย่งชิงระหว่างจีนกับฟิลิปปินส์ เมื่อวันที่ 27 มิ.ย. 56 ถึง
วันที่ 2 ก.ค. 56 (รวม 6 วัน) ซึ่งการซ้อมรบในครั้งนี้เป็นการส่งเสริมความร่วมมือ
ระหว่างกองทัพของประเทศทั้งสอง และการยกระดับการตอบโต้กับการก่อการร้ายและ
ความมั่นคงทางทะเล
การซ้อมรบใน 6 วันครั้งนี้ได้เน้นฝึกด้านการติดต่อสื่อสาร, ปฏิบัติการผิวน้า, การ
ต่อต้านการก่อการร้ายและความมั่นคงทางทะเล โดยจะมีเรือกองทัพเรือสหรัฐ, กอง
กาลังนาวิกโยธินและอากาศยาน เข้าร่วมฝึกกับหน่วยนาวิกโยธินและหน่วยปฏิบัติการ
พิเศษของกองทัพเรือและกอง กาลังป้องกันชายฝั่ง พร้อมด้วยเรือและอากาศยานของ
กองทัพเรือกับหน่วยป้องกันชายฝั่งของฟิลิปปินส์
การส่งกองกาลังผสมหน่วยปฏิบัติการพิเศษใน ฟิลิปปินส์ (ต่อ)
34. สหรัฐฯ ถือว่าประเทศไทยเป็นพันธมิตรทางทหารมาเกือบ 60 ปี
และยังเป็นพันธมิตรที่มั่นคงกันมาโดยตลอดจนกระทั่งไทยได้รับ
สถานภาพการเป็น ประเทศพันธมิตรสาคัญนอกองค์การ
สนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ (Major Non-Nato Alliance)
วิสัยทัศน์การเป็นพันธมิตรทางทหารในทศวรรษที่ 21 มุ่งมั่น
เสริมสร้างการเป็นพันธมิตรให้เข้มแข็งยิ่งขึ้น ให้ความสาคัญด้าน
การป้องกันประเทศระหว่างกันในทุกระดับ
ความร่วมมือด้านการทหารของสหรัฐฯ กับไทย
35. ไทยได้ลงนามกับสหรัฐฯ ที่ปรับปรุงใหม่เมื่อปี 2555 โดยข้อตกลงจะ
ครอบคลุมด้านความมั่นคงในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ให้การ
สนับสนุนความมั่นคงในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก เสริมสร้างความพร้อมใน
การดาเนินงานป้องกันกองกาลังติดอาวุธร่วมกัน และเสริมสร้างความ
เข้มแข็งของความสัมพันธ์ระดับทวิภาคีในการป้องกันกองกาลังติดอาวุธ
มีการซ้อมรบระหว่างไทยกับสหรัฐฯ ทุกปีภายใต้ชื่อ “คอบร้า โกลด์ ”
ซึ่งถือเป็นการซ้อมรบทางทหารที่มีความสาคัญในระดับโลก
ความร่วมมือด้านการทหารของสหรัฐฯ กับไทย (ต่อ)
38. เครื่องขับไล่/โจมตี F/A-18D Hornet ของนาวิกโยธินสหรัฐฯ
ก้าลังบินขึนจากสนามบิน กองบิน1 จ.นครราชสีมา
เครื่องบินโจมตี/ฝึก L-39 Albatross ของกองทัพอากาศไทย
ก้าลัง TAXI ณ สนามบิน กองบิน1 จ.นครราชสีมา
การฝึกยกพลขึนบกของกองก้าลังผสม
ทหารจากกองทัพบกเกาหลี
ใต้และทหารจากกองทัพบก
สหรัฐฯ ในพืนที่การฝึก
อ.บ้านด่านลานหอย
จ.สุโขทัย
43. “There is no instance of a country having
been benefited from a long war”
การทาสงครามจะต้องรีบกาชัยชนะเผด็จศึกในเร็ววันไม่ควรจะให้
เนินช้า
ประเทศจะไม่ได้รับประโยชน์อันใดเลยถ้าปล่อยให้การรบยืดเยื้อ
ค่าใช้จ่ายในการดาเนินการสงครามจะสูง การคลังของประเทศจะมี
ปัญหา
กองทัพต้องติดศึกอยู่นานวัน อาวุธ ยุทโธปกรณ์ จะลดความคม
กล้า ขวัญทหารนับวันจะเสื่อม กาลังพลก็จะอ่อนเปลี้ย
47. แนวคิดแบบ Hard Power
ขาดความรู้ ความคิด และวัฒนธรรมที่แตกต่างกัน
การต่อสู้แบบตาต่อตา / ฟันต่อฟัน
การใช้กาลังอานาจทางทหารไม่สามารถหยุดยั้ง
Soft Power ได้
ภาคใต้มีการใช้แนวคิดตะวันตกมาใช้
48. แนวคิดแบบ Soft Power
มีการการฆ่าตัดคอเผยแพร่ออกสื่อ Internet ของตะวันตก
การถอนกาลังของพันธมิตรในอิรัก
จิตสานึก ISLAM สากลกระทบต่อความมั่นคงโลก
ปัญญาชนครูสอนศาสนามีการเผยแพร่แนวคิด ไปทุกเขตที่มี
มุสลิมทั่วโลก มุสลิมหนุ่มสาวชนกลุ่มน้อยในประเทศต่างๆก่อตัว /
มีความรุนแรงมากขึ้น ในการเรียกร้องเอกลักษณ์ และลัทธิทาง
ศาสนา วัฒนธรรมของตนเอง ประเทศที่ด้อยทางการจัดการ
ปัญหาเชิงประวัติศาสตร์จะมีปัญหา
49. GLOBAL CONFLICT
Globalisation & Localisation
Hard Power & Soft Power
Americanization & Islamic Formulation
Capitalism & Socialism
High Technology & Low Technology
Tangible & In Tangible
Physical & Mental or Spiritual
National Resource
53. Strategic Defense to Mobile Forces
Bases to Places
Peace Keeping Unit
Globalization[ Process and Component]
•Technology
•Mobility
•Beliefs
•Economy
57. งบประมาณกลาโหมสหรัฐ ฯ
ในสมัยบุชเสนองบประมาณต่อสภาจานวน 6,143,000,000,000
บาท
เพิ่มขึ้น ร้อยละ 4.8 เน้นเพิ่มกาลังกองทัพบกและนาวิกโยธิน
สงครามอิรักและอัฟกานิสถานใช้งบมากกว่า 962,500,000,000
บาท
งบประมาณกลาโหมคิดเป็นร้อยละ 16.8 ของงบประจาปีทั้งหมด
การของบประมาณกลาโหมที่เพิ่มขึ้นอย่างช้า ๆ ทุกปี จะทาให้
งบประมาณกลาโหมในปี พ.ศ. 2553 มีจานวนตัวเลขที่
19,338,000,000,000 บาท
63. เหตุการณ์เมื่อวันที่ 11
กันยายน 2544 เป็นจุด
พลิกผันที่ทาให้สหรัฐฯ หัน
มาให้ความสนใจกับภูมิภาค
เอเชียตะวันออกเฉียงใต้
รวมทั้งไทยเพิ่มมากขึ้น
สหรัฐฯ กับความมั่นคงของไทยหลัง 9/11
67. แนวคิด Sea Basing
สหรัฐฯ วางกาลังและฐานทัพ ฐานส่งกาลังบารุงต่าง ๆ ไว้ทั่วโลก
การวางกาลังใหม่ของ ทร.สหรัฐฯ ในภูมิภาคเอเชีย – แปซิฟิก ลด
กาลังทหารประจาการในเกาหลีใต้ จานวน ๑ ใน ๓ เหลือ ๑๒,๕๐๐
คน จากเดิม ๓๗,๕๐๐ คน
ภัยคุกคามรูปแบบใหม่ยากที่จะประเมินทิศทางและเป้าหมายที่
ชัดเจน ยุทธศาสตร์ใหม่ของสหรัฐฯจะเน้นการสร้างความร่วมมือ
จากชาติพันธมิตร ในการเข้าจัดการกับภัยคุกคามตามภูมิภาคต่าง
ๆ ของโลกมากกว่าการขอเข้าไปใช้พื้นที่ของประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก
72. แนวคิด Sea Basing
การสร้างฐานทัพหน้าในแผ่นดินตนเอง ไว้ตอบสนองกาลังเคลื่อนที่เร็วลด
การพึ่งพาชาติอื่น
ฐานทัพ Pearl Habour ในฮาวายหรือฐานทัพ Anderson บนเกาะกวม และฝั่ง
มหาสมุทรอินเดียมีฐานส่งกาลังบารุงที่สิงคโปร์และที่ดิเอโก กราเซีย กลาง
มหาสมุทรอินเดีย สามารถต่อมาที่ฐานทัพในซาอุดิอาระเบียฐานทัพแอสเซส
ที่แอตแลนติกตอนใต้ ส่วนที่แอตแลนติกตอนเหนือมีฐานทัพอยู่ที่กรีนแลนด์
สหรัฐฯ วางกาลังและฐานทัพ ฐานส่งกาลังบารุงต่าง ๆ ไว้ทั่วโลก
การวางกาลังใหม่ของ ทร.สหรัฐฯ ในภูมิภาคเอเชีย – แปซิฟิก เริ่มแผนลด
กาลังทหารในเกาหลีใต้ จานวน 1 ใน 3 ของทหารที่ประจาการ ให้เหลือเพียง
๑๒,๕๐๐ คน จากเดิม ๓๗,๕๐๐ คน
ภัยคุกคามรูปแบบใหม่ยากที่จะประเมินทิศทางและเป้าหมายที่ชัดเจน
ยุทธศาสตร์ใหม่ของสหรัฐฯจะเน้นการสร้างความร่วมมือจากชาติพันธมิตร
ในการเข้าจัดการกับภัยคุกคามตามภูมิภาคต่าง ๆ ของโลกมากกว่าการขอ
เข้าไปใช้พื้นที่ของประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก
75. กรอบแนวความคิดของ Sea Power 21
Sea Shield การป้องกันจากทะเล ปกป้องแผ่นดินแม่ มีการป้องกัน Air
Missile Theater, Air Missile Defense และการป้องกันภัยคุกคามทั้ง 3 มิติ
Sea Strikeการโจมตีจากทะเล
Sea Basing ฐานปฏิบัติการจากทะเลที่ใช้ในการบัญชาการรบ
Sea Trial คือ จะต้องมีการฝึกและทดสอบจุดมุ่งหมายเพื่อพัฒนาเทคโนโลยี
ใหม่ ๆ และวางแนวความคิดในการปฎิบัติการ
Sea Warrior การอบรมและพัฒนาคุณภาพของกาลังพลทางเรือ
Sea Enterprise การตรวจสอบเพื่อปรับปรุงการปฎิบัติภารกิจของกองทัพให้
มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
76. การพัฒนากองทัพ
ปรับกองเรือจาก 19 กองเรือ เป็น 37 กองเรือ มีขีดความสามารถ
ในการทาการรบในทุกภูมิภาคทั่วโลก
ให้ความสาคัญกับขีดความสามารถของหน่วยปฏิบัติการพิเศษ
(Special Force)
มีการปรับปรุงเรือดาน้า Nuclear ชั้น Ohio Class ซึ่งจากเดิมมี
การติดตั้งขีปนาวุธ Nuclear มาเป็นติดตั้งอาวุธปล่อยแบบ
Tomahawk และสามารถส่งหน่วย Special Force ขึ้น
ปฏิบัติการบนฝั่งได้
79. องค์การเดินเรือระหว่างประเทศ
(International Maritime Organizatin-IMO)
เป็นหน่วยงานของ UN รับรองมาตรการต่อต้านการก่อการร้ายทางทะเลที่เรียกว่า The
International Ship and Port Facility Code (ISPS CODE) เมื่อปี 2545
มาตรการที่กาหนดให้ประเทศสมาชิก IMO ที่รับรองมาตรการนี้จานวน 146 ประเทศ
เพิ่มการรักษาความปลอดภัยการเดินเรือเพื่อป้องกันการก่อการร้าย
กาหนดให้เรือที่มีระวางตั้งแต่ 300-50,000 ตัน ต้องติดตั้งระบบ Automatic
Information System ภายใน 31 ธันวาคม 2547
กาหนดให้เรือทุกลาต้องติดตั้งระบบเตือนภัยให้เจ้าหน้าที่บนฝั่งทราบถึงชื่อเรือ สถาน
ที่ตั้ง และปัญหาด้านความปลอดภัย
กาหนดให้ท่าเรือมีการประเมินความปลอดภัยของท่าเรือ และจัดทาแผนรักษาความ
ปลอดภัยสถานที่
เรือลาใดที่ไม่ปฏิบัติตามระเบียบนี้จะไม่ได้รับใบประกาศความปลอดภัยการเดินเรือ
ระหว่างประเทศ(International Ship Security Certificate) ซึ่งจะทาให้ไม่สามารถจอด
เข้าท่าเทียบเรือของประเทศสมาชิก IMO ได้