Ex_Discovery_OT
- 1. 6
พันธสัญญาของพระเจ้า
ต่ออับราฮัม :
ปฐมกาล 12-25
วั ตถุประสงค์
การศึกษาบทเรียนบทนี้ช่วยให้ผู้เรียน :
•• ตระหนักถึงการต่อเนื่องกันและความสัมพันธ์กันระหว่าง
เรื่องราวของการเริ่มต้นกับเรื่องราวของบรรพบุรุษผู้น�ำของ
ชาวยิว
•• สามารถระบุส่วนส�ำคัญ ในเรื่องราวของบรรพบุรุษผู้น�ำ
ของชาวยิวได้
•• อธิบายประวัติศาสตร์ความเป็นมาของบรรพบุรุษของชาว
ยิวได้
•• พิจารณาหาความหมายส�ำคัญทางศาสนศาสตร์ในการทรง
เรียกของพระเจ้าที่มีต่ออับราฮัม ซึ่งเกี่ยวข้องกับแผนการ
ทั้งสิ้นในประวัติศาสตร์พระคัมภีร์
•• สามารถวิเคราะห์การด�ำเนินชีวิตในความเชื่อ และใช้
ตัวอย่างจากเหตุการณ์ในชีวิตของอับราฮัม
คำ� ที่ควรรู้จัก
อับราฮัม
เมืองเออร์
ชาวอาโมไรต์
ชาวฮีบรู
ฮาบีรู
เทราห์
ซาราห์
โลท
ฮาราน
เหล่าผู้น�ำของอิสราเอล
เมลคีเซเดค
เอล เอลยอน – พระเจ้าผู้ทรงสูงสุด
พันธสัญญา
ฮาการ์
เอล โรอิ – พระเจ้าผู้ทรงเห็น
ข้าพเจ้า
อิชมาเอล
เอล ชัดดาย – พระเจ้าผู้ทรง
มหิทธิฤทธิ์
พิธีเข้าสุหนัต
เอล โอลาม – พระเจ้าผู้ทรง
นิรันดร์กาล
อิสอัค
แคว้นโมริยาห์
เยโฮวายิเรห์ – พระเจ้าผู้ทรง
จัดเตรียม
การถวายอิสอัคเป็นเครื่องบูชา
เรเบคาห์
ค�ำถามประกอบการเรียน :
1. เหตุใดจึงเป็นสิ่งส�ำคัญที่แต่ละคนจะต้องเข้าใจ
อย่างกระจ่างแจ้งเกี่ยวกับประวัติศาสตร์และ
ขนบธรรมเนียมประเพณีในอดีตเกี่ยวกับความเชื่อ
ของคนเหล่านั้น (โดยไม่ต้องค�ำนึงถึงเบื้องหลัง
ของความเชื่อคนแต่ละคน)
2. หากมีคนขอให้ท่านอธิบายหลักความเชื่อของท่าน
ท่านจะใช้เหตุการณ์ใดในการเริ่มต้นการอธิบาย
75
UNIT_2_06.indd 75 28/3/2011 19:19:34
- 2. สำ�รวจเบญจบรรณ76
เรื่องราวที่บันทึกในพระคัมภีร์ที่ต่อเนื่องมาจากเรื่องหอ
บาเบลนั้นจะให้ความส�ำคัญต่อการที่พระเจ้าทรงเสด็จลงมา
พบกับอับราฮัม เรื่องราวในพันธสัญญาเดิมของอิสราเอลนี้
เริ่มต้นด้วยสิ่งที่ปฏิบัติต่อกันมาของอับราฮัมและครอบครัว
ของท่านกับสัมพันธภาพพิเศษที่มีกับพระเจ้า เราจะไปสู่เรื่อง
ราวการเริ่มต้นของอิสราเอล ณ บัดนี้
เบื้องหลัง
เรื่องราวของผู้น�ำที่เป็นบรรพบุรุษนี้อยู่ใน
ตอนแรก ๆ ของช่วงสองพันปีก่อนคริสตกาล
เมื่อชาวอาโมไรต์ได้เข้าปกครองในดินแดนส่วน
ใหญ่ของเมโสโปเตเมียและซีเรีย-ปาเลสไตน์
(1950-1700ปีก่อนคริสตกาล) เราอาจประมาณ
คร่าว ๆ ถึงช่วงเวลาของอับราฮัมซึ่งน่าจะอยู่
ประมาณ1900-1800ปีก่อนคริสตกาลอับราฮัม
เป็นเชื้อสายของเชมบุตรชายหนึ่งในสามของโน
อาห์ (ปฐมกาล 10:1) อับราฮัมมีบ้านเกิดอยู่ที่
เมืองเออร์ เป็นชนบทที่อยู่ในใจกลางของทาง
ตอนใต้ของดินแดนเมโสโปเตเมีย(11:31) ท่าน
อยู่ในท่ามกลางกลุ่มชนอาโมไรต์/อารัม (ดู
เฉลยธรรมบัญญัติ26:5) ซึ่งชาวฮีบรูอาจจะเป็น
เพียงชนกลุ่มน้อยเท่านั้น(ปฐมกาล14:13) นัก
วิชาการบางท่านคิดว่าชาวฮีบรูเป็นกลุ่มสังคม
ชนชั้นที่ต�่ำกว่า ในดินแดนตะวันออกใกล้
โบราณนี้ ที่เรียกกันว่า ฮาบีรู
เทราห์ บิดาของอับราฮัม ได้พาครอบครัว
ย้ายจากเมืองเออร์และเดินทางมุ่งหน้าไปคานา
อัน(11:31) ทุกคนในครอบครัวรวมทั้งอับราฮัม
และภรรยา คือ นางซาราห์ และโลท หลาน
ชาย พวกเขาหยุดพักการเดินทางที่เมืองฮาราน
ซึ่งอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของเมโสโปเตเมีย
ซึ่งเป็นที่ที่พวกเขาตั้งรกรากอาศัยอยู่
ของอับราฮัม อิสอัค และยาโคบ ทั้งสามเป็น
บรรพบุรุษที่ยิ่งใหญ่ของชนชาติอิสราเอลโครง
ร่างคร่าว ๆ ของพระธรรมปฐมกาลส่วนนี้ เป็น
ดังนี้ :
1. เรื่องราวของอับราฮัม (12:1-25:18)
2. เรื่องราวของยาโคบ (25:19-50:26)
เรื่องราวของยาโคบนี้รวมเอาเรื่องราวของ
อิสอัค ซึ่งบิดาของยาโคบ (บทที่ 26) และรวม
ทั้ง โยเซฟ บุตรของยาโคบ (บทที่ 37-50)
เรื่องราวของอับราฮัมเริ่มต้นด้วยพระบัญชา
ของพระเจ้า (การทรงเรียกของอับราฮัม) ซึ่งมา
ถึงอับรามในขณะที่ท่านอยู่ที่เมืองฮาราน(12:1-
4) พระเจ้าทรงบัญชาให้อับราม (ผู้ซึ่งต่อมา คือ
อับราฮัม[ดู17:5]) ให้ออกจากบ้านและเดินทาง
ไปยังดินแดนที่พระเจ้าจะทรงบอกให้รู้ สิ่งที่
ตามมาก็คือ พันธสัญญาของพระเจ้าที่ทรง
กระท�ำกับอับราฮัม ที่จะให้ท่านเป็นชนชาติใหญ่
และคนทั่วโลกจะได้พรเพราะอับราฮัม อับรา
ฮัมเชื่อฟังและท�ำตามพระบัญชา โดยออกจาก
เมืองฮารานเมื่อท่านอายุได้ 75 ปี อับราฮัมได้
พาภรรยาคือนางซาราห์โลทซึ่งเป็นหลานชาย
และบรรดาทรัพย์สิ่งของทั้งหมดไปกับท่าน อับ
ราฮัมเดินทางถึงเมืองเชเคมในคานาอัน พระเจ้า
ทรงส�ำแดงแก่อับราฮัมที่นั่น และสัญญาที่จะให้
ดินแดนแห่งนี้แก่พงศ์พันธุ์ของอับราฮัม จาก
เชเคม อับราฮัมเดินทางต่อลงไปทางใต้และตั้ง
เต็นท์ใกล้กับเบธเอล และต่อมาที่เนเกบ อับรา
ฮัมได้ตั้งแท่นบูชาในทุกที่ที่ท่านหยุดการเดิน
ทางเพื่อนมัสการพระเจ้า ผู้ทรงส�ำแดงพระองค์
อยู่เสมอ
การกันดารอาหารในคานาอันท�ำให้อับรา
ฮัมและครอบครัวต้องเดินทางลงทางใต้ไปยัง
อียิปต์ (12:10-20) เมื่อพวกเขาเข้าไปยังอียิปต์
อับราฮัมก็ท�ำการปลอมตัวเป็นพี่ชายของซาราห์
ฟาโรห์ทรงให้พานางซาราห์เข้ามาในวังและ
เนื้อหา
เรื่องราวของบรรพบุรุษของชาวยิว (ปฐม
กาล 12-50) เป็นบันทึกสรุปเหตุการณ์ในชีวิต
อับราฮัม : จากฮารานสู่
คานาอัน (12:1 – 14:24)
UNIT_2_06.indd 76 28/3/2011 19:19:34
- 3. พันธสัญญาของพระเจ้าต่ออับราฮัม : ปฐมกาล 12-25 77
มอบฝูงสัตว์จ�ำนวนมากพร้อมทั้งคนรับใช้ให้แก่
อับราฮัม อย่างไรก็ตาม พระเจ้าทรงท�ำให้เกิด
ภัยพิบัติร้ายแรงแก่ฟาโรห์และครอบครัว เหตุ
เพราะนางซาราห์ ฟาโรห์ได้รู้ความจริงเกี่ยว
กับนางซาราห์และทรงตรัสสั่งให้พวกเขาที่จะ
ออกไปจากเมืองพร้อมด้วยทรัพย์สมบัติทั้งหมด
ของพวกเขา
หลังจากอับราฮัมเดินทางกลับมายังคานา
อัน ท่านได้ท�ำข้อตกลงกับโลทเพื่อที่จะแยกไป
คนละทาง(13:1-18) อับราฮัมยินยอมให้หลาน
ชายที่จะเลือกดินแดนที่อุดมสมบูรณ์และมีน�้ำ
บริบูรณ์ใกล้กับแม่น�้ำจอร์แดน โลทตั้งเต็นท์
ใกล้เมืองโสโดม ส่วนอับราฮัมตั้งเต็นท์ที่คานา
“การก้าวออกไปของพระกิตติคุณ”
พระเจ้าได้ทรงสัญญาที่จะให้อับราฮัมเป็นพร“ให้แก่ทุกคนบน
แผ่นดิน” (12:3) พันธสัญญานี้มีความหมายต่อการเชื่อฟังและ
การวางใจของอับราฮัมในพระเจ้าที่จะน�ำไปสู่ชีวิตใหม่ส�ำหรับทุก
คนบนแผ่นดินโลก ค�ำอวยพรของอับราฮัมจะเป็นแรงดลใจให้
ชนชาติแสวงหาพระพรของพระเจ้าส�ำหรับชีวิตของพวกเขาเองโดย
ผ่านทางความเชื่อและการท�ำตาม อัครทูตเปาโลพบว่านี่เป็น
“แผนงานของการก้าวออกไปของพระกิตติคุณ” ซึ่งได้เชิญชวนให้
ทุกชนชาติที่จะแบ่งปันพระพรของอับราฮัมนี้โดยการติดตามแบบ
อย่างของท่าน (กาลาเทีย 3:8-9) จากมุมมองพระคัมภีร์ในเรื่อง
ความเชื่อ พันธสัญญาของพระเจ้าต่ออับราฮัมนับเป็นปัจจัยที่
ส�ำคัญที่สุดเพราะเป็นสิ่งที่มีความหมายต่อทั่วโลกด้วย
การเดินทางของอับราฮัมจากเมืองเออร์ไปยังคานาอันและการพักชั่วคราวในอียิปต์
ศ
UNIT_2_06.indd 77 28/3/2011 19:19:35
- 4. สำ�รวจเบญจบรรณ78
การท�ำพันธสัญญา
การท�ำพันธสัญญาเป็นข้อตกลงอย่างเป็นทางการและถูก
ต้องตามกฏหมายระหว่างสองฝ่าย พิธีกรรมการท�ำพันธสัญญา
ประกอบด้วยการท�ำสัตย์ปฏิญาณของทั้งสองฝ่าย พิธีกรรมการ
ถวายเครื่องบูชา และการรับประทานอาหารร่วมกันเพื่อเป็น
เครื่องหมายของการท�ำสัญญา พิธีกรรมการถวายเครื่องบูชานั้น
บางครั้งก็มีการแบ่งฝูงสัตว์ออกเป็นสองส่วน ตัวอย่างที่พบเห็น
ได้ในพระคัมภีร์ส�ำหรับการท�ำพิธีกรรมการท�ำพันธสัญญา
ระหว่างกลุ่มคนสองกลุ่มในสังคม ซึ่งเรียกว่า พันธสัญญาแห่ง
ความเสมอภาค (ดู ปฐมกาล 21:22-34; 26:17-33; 31:43-54)
พันธสัญญาของพระเจ้าซึ่งเน้นที่การเป็นพันธสัญญาที่ศักดิ์สิทธิ์
(พันธสัญญาที่พระเจ้าทรงกระท�ำกับ โนอาห์ อับราฮัม และดา
วิด) อาจจะเรียกได้ว่าเป็นพันธสัญญาที่มีก�ำหนด พันธสัญญา
ของพระเจ้าที่มีต่อชนชาติอิสราเอลที่ภูเขาซีนายให้ความส�ำคัญ
ในเงื่อนไขที่พระองค์ทรงแสดงออกเพื่อสร้างสัมพันธภาพกับ
ชนชาติของพระองค์ พันธสัญญาที่มีเงื่อนไขนั้น จ�ำเป็นต้องให้
ผู้ที่ได้รับประโยชน์จากพันธสัญญานั้นแสดงความสัตย์ซื่อและ
ความจงรักภักดีต่อผู้ท�ำพันธสัญญา
อันและเมืองเฮโบรนก็ได้เป็นบ้านของท่าน ต่อ
มา ด้วยความพยายามอย่างกล้าหาญ ท่านได้
พาโลทและบรรดาประชาชนของท่านกลับมา
จากกษัตริย์ต่างชาติที่มารุกรานเมืองโสโดม
(14:1-24) การกลับมาด้วยชัยชนะอับราฮัมก็ได้
พบกับเมลคีเซเดค ผู้เป็นทั้งกษัตริย์ของซาเลม
และปุโรหิตของพระเจ้าสูงสุด (14:18-20) เมล
คีเซเดคได้อวยพรอับราฮัมในพระนามของ
พระเจ้าสูงสุดผู้ทรงสร้างฟ้าสวรรค์และแผ่นดิน
โลก
พระเจ้าได้ทรงกระท�ำพันธสัญญากับอับรา
ฮัม และสัญญาที่จะให้พงศ์พันธ์ของท่านทวีคูณ
เหมือนดวงดาวบนท้องฟ้า อับราฮัมก็เชื่อ
พระเจ้า [ความเชื่อนั้น] พระองค์ทรงนับเป็น
ความชอบธรรมแก่ท่าน (ข้อ 6) พระเจ้าทรง
ความชอบธรรมโดยทาง
ความเชื่อ
“อับราฮัมก็เชื่อพระเจ้า ความเชื่อนั้น
พระองค์ทรงนับว่าเป็นความชอบธรรมแก่
ท่าน” (ปฐมกาล15:6) ประโยคนี้นับว่าเป็น
แนวทางส�ำหรับการด�ำเนินชีวิตตามพันธ
สัญญาและการท�ำให้ส�ำเร็จ
พระเจ้าทรงยอมรับว่าอับราฮัมเป็นคน
ชอบธรรม เนื่องด้วยท่านเชื่อในพระองค์
ความเชื่อได้น�ำความชอบธรรมมาจ�ำเพาะ
พระพักตร์พระเจ้า ความชอบธรรมนี้มีความ
หมายมากกว่าการเป็นคนดี แต่หมายถึงการ
รักษาความสัมพันธ์ที่ถูกต้องต่อพระเจ้า ชีวิต
ที่ชอบธรรมเป็นชีวิตที่อยู่ในเวลาของพระเจ้า
ในการเชื่อฟังน�้ำพระทัยพระองค์ และ
แผนการของพระองค์ในชีวิตของแต่ละคน
อับราฮัมไม่ได้แค่ฟังค�ำแห่งพันธสัญญา
เท่านั้น แต่น�ำมาใช้ให้เป็นจริงในชีวิตของ
ท่านและพงศ์พันธุ์ในอนาคต ท่านเชื่อใน
พระเจ้าผู้ทรงให้ค�ำสัญญาและพระองค์จะทรง
รักษาสัญญาเช่นกัน
พันธสัญญาที่พระเจ้าทรง
กระท�ำกับอับราฮัม (15:1-21)
ยืนยันพระสัญญาของพระองค์ด้วยพันธสัญญา
ของพิธีการถวายบูชา (ข้อ 7-17) พันธสัญญา
นี้ลงท้ายด้วยพระสัญญาของพระเจ้าที่จะทรง
มอบดินแดนระหว่างแม่น�้ำไนล์และแม่น�้ำ
ยูเฟรติสให้แก่พงศ์พันธุ์ของอับราฮัม
ด้วยเหตุที่บุตรชายที่ควรจะเกิดแก่นางซา
ราห์นั้นยังไม่มีท�ำให้นางซาราห์อนุญาตให้นาง
ฮาการ์ สาวใช้จากอียิปต์ มาเป็นภรรยาของอับ
ราฮัม เพื่อให้นางมีบุตรแก่อับราฮัม การเริ่ม
อิจฉาและขัดแย้งกันของนางซาราห์กับนางฮา
การ์นั้น ได้ท�ำให้นางซาราห์ท�ำไม่ดีต่อสาวใช้
ของนาง ท้ายที่สุด นางฮาการ์ได้หนีไป อย่างไร
ก็ตามพระเจ้าได้ทรงส�ำแดงกับนางและให้พันธ
สัญญาว่าบุตรชายของนางจะเป็นพงศ์พันธ์ที่ยิ่ง
ฮาการ์และอิชมาเอล (16:1-16)
ศ
ว
UNIT_2_06.indd 78 28/3/2011 19:19:35
- 5. พันธสัญญาของพระเจ้าต่ออับราฮัม : ปฐมกาล 12-25 79
การเข้าสุหนัต
พิธีการเข้าสุหนัตซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นเครื่องหมายแห่งพันธสัญญาที่สามารถเห็นได้ภายนอกนั้น ได้มีความหมาย
ในทางจิตวิญญาณในช่วงเวลาของพระคัมภีร์ต่อมา โมเสสได้ท้าทายให้ชนชาติอิสราเอลที่จะเข้าสุหนัต “ใจ” (เฉลย
ธรรมบัญญัติ 10:16) และท่านได้ให้สัญญาว่าพระเจ้าจะทรงท�ำสุหนัตหัวใจของพงศ์พันธุ์ของพวกเขา (เฉลยธรรม
บัญญัติ30:6 และดูเพิ่มเติมที่ เยเรมีห์4:4;9:26) การช�ำระใจและยอมที่จะด�ำเนินชีวิตในพระเจ้าเป็นความนัยส�ำคัญ
ของข้อความที่กล่าวมาข้างต้น1
หลักข้อเชื่อของเวสเล่ย์เกี่ยวกับการช่วยให้พ้นจากบาปนั้นพบว่าสิ่งนี้เป็นรูปแบบและ
พันธสัญญาที่เกิดขึ้นในพันธสัญญาเดิม
ในพันธสัญญาใหม่ อาจารย์เปาโลได้แสดงให้เห็นถึงการเข้าสุหนัตที่แท้จริงคือ“การเข้าสุหนัตใจ”เป็นสิ่งยืนยัน
ในความเชื่อและท�ำตามในการด�ำเนินชีวิต (โรม2:29โคโลสี2:11-12;3:11) ดังนั้น การเข้าสุหนัตในฝ่ายจิตวิญญาณ
นั้นหมายถึงการที่เราได้รับการปลดปล่อยและช�ำระให้พ้นจากธรรมชาติของการดื้อดึงและไม่เชื่อฟัง การที่พระองค์
ทรงช�ำระใจของเราซึ่งเป็นคนบาปนั้นได้ให้นิสัยใหม่ และการยอมที่จะด�ำเนินชีวิตด้วยสิ้นสุดจิตใจต่อพระเจ้าและต่อ
มนุษยชาติด้วย
ใหญ่ นางนมัสการพระเจ้าโดยเรียกพระองค์ว่า
“พระเจ้าผู้ทรงเห็นข้าพเจ้า” (El Roi) นางฮา
การ์ได้กลับไป และให้ก�ำเนิดบุตรชาย คือ
อิชมาเอล ขณะนั้นอับราฮัมอายุได้ 86 ปี
อีกครั้งที่พระเจ้าทรงสำ�แดงต่ออับราฮัมและ
ยืนยันพระองค์เองว่าเป็น “พระเจ้าผู้ทรง
มหิทธิฤทธิ์” (El Shaddai) พระเจ้าทรงบัญชา
แก่อับราฮัม ให้ดำ�เนินชีวิตอย่างคนดีพร้อม ดี
พร้อมหมายถึง ยอมจำ�นนต่อพระเจ้าและ
ดำ�เนินชีวิตด้วยการรับรู้ถึงการทรงสถิตของ
พระเจ้าในทุกทางของชีวิต พระเจ้าทรงเปลี่ยน
ชื่อของท่าน จาก อับราม เป็น อับราฮัม และ
ซาราย เป็น ซาราห์ นี่ไม่ได้เป็นเพียงการ
เปลี่ยนชื่อเท่านั้น แต่เป็นการเริ่มต้น
สัมพันธภาพใหม่ระหว่างพระเจ้ากับทั้งสองคน
ด้วย พระองค์ทรงสัญญาว่าอับราฮัมจะเป็น
“บิดาของประชาชาติมากมาย” และนางซาราห์
จะให้กำ�เนิดบุตรชายแก่อับราฮัม
ในการตอบสนองต่อพันธสัญญาของ
พระเจ้า พระองค์ทรงให้อับราฮัมเริ่มต้นพิธีการ
เข้าสุหนัต เพื่อเป็นเครื่องหมายสำ�หรับเชื้อสาย
ที่จะสืบทอดต่อไป อับราฮัมจึงได้ทำ�พิธีสุหนัต
ให้แก่ชายทุกคนในครัวเรือนของท่าน รวมทั้ง
ตัวท่านเองและอิชมาเอลด้วย ในส่วนของอับ
ราฮัมการเข้าพิธีสุหนัตเป็นลักษณะการกระทำ�
ด้วยความเชื่อที่เครื่องหมายภายนอกที่มองเห็น
ได้และไม่ลบเลือน เครื่องหมายนี้เองได้ทำ�ให้
อับราฮัมเป็นมีความเชื่อและได้รับคำ�สัญญาของ
พระเจ้า ในเวลาต่อมา การเข้าพิธีสุหนัตได้ถูก
เปรียบเทียบให้หมายถึงการยอมจำ�นนในความ
เชื่อซึ่งเริ่มต้นจากภายในของผู้นั้นเอง
พระเจ้าทรงสำ�แดงแก่อับราฮัมอีกครั้งเมื่อ
ท่านอายุได้ 99 ปี เพื่อจะยืนยันในพระสัญญา
ของพระองค์เรื่องการให้กำ�เนิดของนางซาราห์
ในปีถัดไป (18:1-15) ในระหว่างการทรง
สำ�แดงนั้น พระเจ้าได้แจ้งแผนการของพระองค์
ที่จะทรงทำ�ลายเมืองโสโดมและโกโมราห์ที่เต็ม
ไปด้วยความชั่วช้าแก่อับราฮัม แม้ว่าอับราฮัม
พยายามไกล่เกลี่ยเพื่อรักษาเมืองนั้นไว้แต่ไม่มี
คนชอบธรรมถึง10คนในเมืองนั้นเลย พระเจ้า
จึงทรงกระทำ�ตามแผนการพิพากษาของ
พระองค์ (18:16-19:29) โลทและครัวเรือนได้
หนีออกมาจากเหตุการณ์การทำ�ลายเมือง
พิธีเข้าสุหนัต (17:1-27)
โสโดม และโกโมราห์
(18:1-19:38)
ศ
UNIT_2_06.indd 79 28/3/2011 19:19:35
- 6. สำ�รวจเบญจบรรณ80
โสโดมนี้ แต่อย่างไรก็ตาม ภรรยาของโลท ไม่
สนใจพระบัญชาที่ห้ามไม่ได้หันกลับไปดูการ
ทำ�ลายขณะกำ�ลังหนีโดยการหันกลับไปมอง
และนางก็กลายเป็นเสาเกลือ เรื่องราวนี้เป็นต้น
กำ�เนิดของชาวโมอับและอาโมไรต์โดยทางบุตร
สาวของโลท
ช่วงเวลาที่อับราฮัมอยู่ที่เนเกบ ท่านได้
โกหกอีกครั้งหนึ่งว่านางซาราห์เป็นน้องสาว
เนื่องด้วยความกลัวในชีวิตของตนเอง อาบีเม
เลค กษัตริย์ของเมืองเก-ราร์ ซึ่งได้พานางซา
ราห์ไป แต่อาบีเมเลคก็ต้องส่งตัวนางคืนให้กับ
อับราฮัมเพราะพระเจ้าได้ทรงเปิดเผยความจริง
เกี่ยวกับอับราฮัมและนางซาราห์ ต่อมา อาบีเม
เลคและอับราฮัมได้ท�ำพันธสัญญาที่จะอยู่ด้วย
กันอย่างสงบ ทั้งคู่ปฏิญาณว่าจะไม่หักหลังกัน
และจะภักดีต่อกัน (ดู 21:22-34) หลังจากที่
พันธสัญญานี้ได้กระท�ำที่เบเออร์เชบา อับราฮัม
ได้นมัสการพระเจ้าด้วยพระนาม“พระเจ้าผู้ทรง
เกลือที่ปกคลุมอยู่
บนหินเป็นสิ่งที่พบ
เห็นได้ทั่วไปที่
ทะเลตาย ในเมือง
โสโดมและโกโมราห์
ในอดีต
วิหารหลังคารูป
ทรงโค้งที่ภูเขา
พระวิหาร--ตั้งอยู
่บนภูเขาโมริยาห์
อัมบราฮัมและอาบีเมเลค
(20:1-18)
UNIT_2_06.indd 80 28/3/2011 19:19:37
- 7. พันธสัญญาของพระเจ้าต่ออับราฮัม : ปฐมกาล 12-25 81
นิรันดร์กาล”
นางซาราห์ได้ให้ก�ำเนิดบุตรชายแก่อับรา
ฮัมเมื่อท่านอายุได้ 100 ปี และพวกเขาตั้งชื่อ
บุตรชายว่า อิสอัค (แปลว่า “เขาหัวเราะ”) ชื่อ
นี้หมายถึงการที่พระเจ้าทรงเป็นผู้หัวเราะใน
ตอนสุดท้ายเพราะอับราฮัมและนางซาราห์ได้
หัวเราะในพระสัญญาที่พระเจ้าทรงมีต่อพวก
เขา(17:17-19;18:12-15) การให้ก�ำเนิดบุตร
ชายตามพระสัญญาของพระเจ้าได้ท�ำให้นางซา
ราห์กระท�ำการต่อต้านนางฮาการ์และอิชมาเอล
ด้วยการยืนกรานของนางซาราห์ อับราฮัมจึง
ต้องให้นางฮาการ์และลูกออกไปในถิ่น
ทุรกันดาร อย่างไรก็ตาม พระเจ้าทรงช่วยเหลือ
นางฮาการ์และอิชมาเอลโดยจัดเตรียมชีวิตของ
พวกเขาและสัญญาที่จะให้พงศ์พันธุ์ของอิชมา
เอลเป็นชนชาติใหญ่ชาติหนึ่ง (21:1-21)
พระบัญชาของพระเจ้าที่ให้อับราฮัมถวาย
อิสอัคเป็นเครื่องบูชาแด่พระเจ้านั้นนับเป็น
การถวายอิสอัคเป็นเครื่องบูชา
พระบัญชาของพระเจ้าที่ให้ถวายอิสอัคเป็นเครื่องบูชาซึ่งเรียกว่า การถวายอิสอัคเป็นเครื่องบูชา (Akedeh ใน
ธรรมเนียมของชาวยิว)
พระบัญชาของพระเจ้านี้เป็นการทดสอบซึ่งเป็นการทดสอบเพื่อพระเจ้าจะได้รู้ว่าอับราฮัมนั้นย�ำเกรงพระเจ้าอย่าง
แท้จริง อีกทั้งยังเป็นการทดสอบให้อับราฮัมได้เรียนรู้ในการวางใจในพระเจ้าด้วย ตามหลักพระคัมภีร์ ความย�ำเกรง
ในพระเจ้าเป็นการแสดงถึงการยอมรับในสิทธิอ�ำนาจของพระเจ้า อับราฮัมมีการเชื่อฟังโดยปราศจากข้อสงสัยและ
การรีรอใด ๆ ในพันธสัญญาของพระเจ้า การเชื่อฟังนี้ไม่ต้องการหลักฐานหรือข้อพิสูจน์หรือค�ำสัญญาใด ๆ เพราะ
ว่าการเชื่อฟังนี้พบได้ในความเชื่อ แบบอย่างของความเชื่อที่แท้จริงในพระคัมภีร์ คือ การเชื่อว่าพระองค์ทรงเป็น
พระเจ้า เรื่องนี้ยุติเมื่อพระเจ้าทรงรักษาความสัตย์ซื่อในพันธสัญญาของพระองค์และอับราฮัมยังคงได้รับพระสัญญา
ของพระเจ้าอีกครั้งเพราะท่านได้เชื่อฟังในพระสุรเสียงของพระเจ้า (22:17-19) พระเจ้าทรงพิสูจน์ให้อับราฮัมเห็นว่า
พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าผู้ทรงสัตย์ซื่อ ทั้งพระเจ้าและอับราฮัมได้ผ่านข้อพิสูจน์นี้
การถวายอิสอัคเป็น
เครื่องบูชา (22:1-24)
เหตุการณ์ที่ส�ำคัญที่สุดในเรื่องราวที่เกี่ยวข้อง
กับอับราฮัม(ข้อ1-19) อับราฮัมได้น�ำบุตรชาย
ของท่านไปยังภูเขาลูกหนึ่งที่ชื่อว่า ภูเขาโมรี
ยาห์ (ซึ่งเป็นภูเขาที่กษัตริย์ซาโลมอนได้สร้าง
พระวิหารในกรุงเยรูซาเล็ม ปัจจุบันรู้จักกันใน
นาม ภูเขาพระวิหาร) และก็เกือบจะท�ำส�ำเร็จ
แล้ว แต่พระเจ้าก็ทรงสั่งให้หยุดการท�ำพิธีนั้น
และพระองค์ทรงจัดเตรียมลูกแกะไว้แทน ภูเขา
ลูกนั้นจึงเป็นเหมือนเครื่องเตือนใจในความจริง
ที่ว่า “พระเจ้าผู้ทรงจัดเตรียม” เยโฮวาห์ยิเรห์
ซึ่งเป็นอีกพระนามหนึ่งของพระเจ้า
ถ�้ำมัค-เปลาห์ ที่ซึ่ง
เป็นที่ฝังศพของ
บรรพบุรุษผู้น�ำของ
อิสราเอล
การให้ก�ำเนิดอิสอัคและการ
ขับไล่อิชมาเอล (21:1-34)
ศ
UNIT_2_06.indd 81 28/3/2011 19:19:37
- 8. สำ�รวจเบญจบรรณ82
นางซาราห์อายุได้127ปีเมื่อนางเสียชีวิตใน
ขณะที่อับราฮัมยังคงมีชีวิตอยู่ในดินแดนแห่ง
พันธสัญญาเป็นเหมือนดั่ง“คนต่างด้าว”(23:4)
ท่านได้ซื้อถ�้ำมัค-เปลาห์ในหุบเขาเฮโบรนซึ่ง
เป็นดินแดนคนฮิตไทต์เพื่อฝังศพภรรยาของ
ท่าน (ข้อ 1-20) การกระท�ำนี้แสดงให้เห็นถึง
ความหวังและความวางใจของท่านที่เชื่อว่าดิน
แดนแห่งพันธสัญญานี้จะกลายมาเป็นที่อาศัย
ของครอบครัวแห่งพันธสัญญาของท่าน ถ�้ำนี้
กลายเป็นที่ฝังศพของอับราฮัม อิสอัค ภรรยา
ของอิสอัคคือนางเรเบคาห์บุตรชายของอิสอัค
คือ ยาโคบ และภรรยาของยาโคบ คือ นาง
เลอาห์ บรรพบุรุษเหล่านี้ได้ถูกฝังร่วมกันที่ดิน
แดนแห่งพันธสัญญานี้ และในความตายนี้พวก
ท่านได้เป็นทายาทของดินแดนนี้
อับราฮัมได้ส่งคนรับใช้ที่ซื่อสัตย์ไปยังบ้าน
เกิดของท่านในเมโสโปเตเมียเพื่อหาภรรยาให้
กับอิสอัค คนรับใช้ได้พานางเรเบคาห์ ซึ่งเป็น
หลานสาวของน้องชายอับราฮัมที่ชื่อนาโฮร์ เพื่อ
มาเป็นภรรยาของอิสอัค (ปฐมกาล 24) คนรับ
ใช้คนนี้เป็นนักอธิษฐานผู้ซึ่งเป็นแบบอย่างของ
ผู้มีศรัทธาในช่วงเวลานั้น การอธิษฐานเพื่อขอ
การทรงน�ำ (ข้อ 12-14) และการสรรเสริญ
ประเพณีและขนบธรรมเนียมในสมัยบรรพบุรุษของชาวยิว
ขนบธรรมเนียมที่เกี่ยวเนื่องกับบรรพบุรุษของชาวยิวนี้ได้ท�ำให้เรามองเห็นวิถีชีวิตและการนมัสการในอดีต พวก
เขามีชีวิตกึ่งเร่ร่อน เดินทางจากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่ง หาทุ่งหญ้าและแหล่งน�้ำ อาศัยอยู่ในเต็นท์ เลี้ยงแกะและสัตว์
อื่น ๆ บ่อยครั้งที่มีการท�ำสัญญากับดินแดนเพื่อนบ้านและด�ำรงชีวิตอย่างสงบสุขในดินแดนซึ่งพระเจ้าทรงสัญญาไว้
(21:22-34; 26:26-31)
ครัวเรือนของพวกเขารวมทั้งบรรดาลูกหลานและคนรับใช้ในบ้าน หัวหน้าครอบครัวจะเป็นผู้น�ำของครัวเรือน
ด้วย การช่วยเหลือโลทของอับราฮัมแสดงให้เห็นว่าคนรับใช้ของครัวเรือนเป็นเหมือน“กองทัพ”ของครัวเรือนที่คอย
ปกป้อง ป้องกัน หรือแม้แต่ช่วยเหลือครัวเรือนเมื่อเจอปัญหา (บทที่ 14) การแต่งงานถูกจัดเตรียมขึ้นโดยฝ่ายเจ้า
บ่าวและครอบครัวของเจ้าบ่าว ประเพณีการแต่งงานนี้รวมถึงการให้สินสอดจากเจ้าบ่าวหรือครอบครัวเจ้าบ่าวในรูป
แบบของทองค�ำหรือเงินหรือการให้คนงานด้วย (24:52-53;29:16-30) ภรรยามีสิทธิ์โดยชอบธรรมในการเลือกคน
รับใช้ให้เป็นผู้ที่ตั้งท้องแทนนางได้ ในกรณีที่ทั้งคู่ไม่มีบุตรเป็นของตนเอง ทั้งคู่สามารถรับบุตรที่เกิดจากนางรับใช้
มาเป็นทายาทได้ (15:2-3)
พวกเขานมัสการพระเจ้าโดยการสร้างแท่นบูชา ณ สถานที่ที่พระเจ้าทรงส�ำแดงต่อพวกเขา (เชเคม เบธเอล
เบเออร์เชบาและเฮโบรน) พวกเขายังกลับมาเยี่ยมสถานที่เหล่านั้นเพื่อระลึกถึงการทรงส�ำแดงของพระเจ้า ยังไม่มี
ปุโรหิตหรือพิธีที่ซับซ้อนในเวลานั้น พวกเขาเรียกพระนามของพระเจ้าในชื่อต่าง ๆ พระนามเหล่านี้สื่อความหมาย
ถึงความเข้าใจของพวกเขาในฤทธิ์อ�ำนาจของพระเจ้าในหลาย ๆ ทาง ในประวัติศาสตร์ของอิสราเอลต่อมา สถานที่
ที่บรรพบุรุษเหล่านี้ได้ตั้งแท่นบูชาได้กลายเป็นสถานที่ส�ำคัญทางศาสนาและเป็นสถานที่ในการจาริกฝ่ายจิตวิญญาณ
เต็นท์แบบชาว
เบดูอินในอิสรา
เอลสมัยใหม่
อับราฮัมเคย
อาศัยอยู่ในเต็นท์
ขณะท่านพักแรม
อยู่ในดินแดน
คานาอัน
ความตายของนางซาราห์และ
การแต่งงานของอิสอัค
(23:1-24:67)
ว
UNIT_2_06.indd 82 28/3/2011 19:19:38
- 9. พันธสัญญาของพระเจ้าต่ออับราฮัม : ปฐมกาล 12-25 83
ขอบพระคุณส�ำหรับการทรงน�ำของพระเจ้า (ข้อ 26-27)
เป็นตัวอย่างธรรมชาติของบุคคลที่มีความสัมพันธ์โดย
ความเชื่อต่อพระเจ้าในพระคัมภีร์
บทสรุปของตอนนี้เป็นการกล่าวถึงการแต่งงานของ
อับราฮัมกับนางเคทูราห์ ซึ่งนางได้ให้ก�ำเนิดบุตรหลาย
คนแก่ท่าน ไม่ว่าจะเป็นมีเดียนซึ่งกลายเป็นบรรพบุรุษ
ของชาวมีเดียน ก็เป็นหนึ่งในบุตรชายของอับราฮัม
เรื่องราวของอับราฮัมจบลงด้วยการบันทึกถึงการ
มรณกรรมของท่านเมื่ออายุได้ 175 ปี (ข้อ 7-11) การ
ตายนี้เองท�ำให้อิสอัคได้พบกับอิชมาเอลซึ่งเป็นบุตรนอก
พันธสัญญาได้ร่วมกันฝังศพของบิดาของพวกเขาที่ถ�้ำ
มัค-เปลาห์ และท้ายสุดของเรื่องราวเป็นการกล่าวถึง
ทายาทของอิชมาเอลที่อาศัยอยู่ในทะเลทรายอาราเบีย
เรื่องราวในส่วนต่อไปเป็นการเน้นไปที่ประวัติศาสตร์
พงศ์พันธุ์ของอับราฮัมและการท�ำงานของพระองค์
ท่ามกลางพวกเขาในการสรรค์สร้างพวกเขาให้เป็น
เครื่องมือเพื่อการด�ำรงความยุติธรรมและความชอบธรรม
ในโลก เราจะมาเรียนรู้เรื่องนี้กันต่อไป
•• เรื่องราวของบรรพบุรุษของอิสราเอลเป็นเรื่องราวของอับราฮัม อิสอัค และยาโคบ
•• เรื่องราวของบรรพบุรุษของอิสราเอลเป็นส่วนหนึ่งที่เกิดขึ้นในช่วงต้นสองพันปีก่อนคริสตกาล
•• พระเจ้าทรงเรียกอับราฮัมให้เป็นพระพรแก่ทุกครัวเรือนบนแผ่นดินโลก
•• พระเจ้าทรงท�ำพันธสัญญาแก่อับราฮัมที่จะมอบดินแดนแห่งพันธสัญญาและให้ท่านเป็นประชาชาติที่ยิ่ง
ใหญ่
•• อับราฮัมตอบสนองต่อการทรงเรียกของพระเจ้าและพันธสัญญาด้วยการเชื่อฟังและไว้วางใจ
•• อับราฮัมเป็นตัวอย่างของความเชื่อและความชอบธรรม เพราะเหตุการณ์ในชีวิตของท่านแสดงให้เห็นถึง
การคงไว้ซึ่งการรับรู้ในฤทธิ์อ�ำนาจของพระเจ้า แม้แต่ในช่วงที่มีสถานการณ์ยุ่งยากในชีวิตเกิดขึ้นก็ตาม
1. สิ่งที่เป็นอุปสรรคต่อการเติบโตทางจิตวิญญาณและการเป็นผู้ใหญ่ฝ่ายวิญญาณ จากข้อพิสูจน์ที่เราพบ
ในเรื่องราวของอับราฮัมคืออะไร
2. ท่านได้รับบทเรียนอะไรเกี่ยวกับการเอาชนะอุปสรรคนั้นจากเรื่องราวของอับราฮัม
3. เขียนคุณสมบัติฝ่ายจิตวิญญาณที่พบจากเหตุการณ์ในชีวิตแห่งความเชื่อและการท�ำตามของอับราฮัม
ออกมาเป็นข้อ ๆ
4. อภิปรายว่าเราสามารถด�ำเนินชีวิตเพื่อเป็นพระพรให้แก่ผู้อื่นในโลกปัจจุบันที่เราอยู่ได้อย่างไร (ใช้
ตัวอย่างจากเหตุการณ์ในชีวิตของอับราฮัม)
Brueggemann, Walter. Interpretation: A Bible Commentary for Teaching and Preaching: Genesis. Atlanta:
John Knox Press, 1982. Pages 105-203.
Hamilton, Victor. The Book of Genesis: Chapter 1-17. New International Commentary on the Old Testament.
Grand Rapids: Eerdmans, 1990. Pages 369-483.
--------------. The Book of Genesis: Chapters 18-50. New International Commentary on the Old Testament.
Grands Rapids: Eerdmans, 1995. Pages 3-169.
Fretheim, Terence E. The Book of Genesis: Introduction, Commentary, and Reflections. Vol. 1 of The New
Interpreter’s Bible. Nashville: Abingdon Press, 1994. Pages 417-515.
บทสรุปย่อ
คำ�ถามเพื่อการศึกษา
หนังสืออ่านเพิ่มเติม
ช่วงสุดท้ายของอับราฮัม (25:1-18)
UNIT_2_06.indd 83 28/3/2011 19:19:38