SlideShare a Scribd company logo
แผนการสอนประจําสัปดาห์ที่ 3
หัวข้อเรื่อง แนวความคิดพุทธเศรษฐศาสตร์กับทฤษฎีปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง
รายละเอียด แนวคิดและความหมายของพุทธเศรษฐศาสตร์ แนวคิดเศรษฐศาสตร์มนุษยนิยมกับแนวคิด
แบบพุทธทรัพยากรมนุษย์ตามแนวพุทธเศรษฐศาสตร์ จริยธรรมเชิงพุทธกับทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม พุทธ
เศรษฐศาสตร์กับแนวปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง การพัฒนาเศรษฐกิจตามแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียง
จํานวนชั่งโมงสอน 3 ชั่วโมง
กิจกรรมการเรียนการสอน
1. การบรรยายเนื้อหาวิชา
2. การซักถามและแลกเปลี่ยนเรียนรู้
3. การทําแบบทดสอบความรู้หลังการทําความเข้าใจบทเรียน
สื่อการสอน
1. การบรรยาย
2. การแลกเปลี่ยนความคิดเห็น การนําเสนอแนวคิด
3. จัดการเรียนรู้โดยใช้สื่อต่างๆ เช่น Power Point media website
แผนการประเมินผลการเรียนรู้
1. ผลการเรียนรู้
1.1 การประเมินผลความเข้าใจในเนื้อหาวิชา
1.2 การประเมินผลการมีส่วนร่วมในการแสดงความเห็น การแลกเปลี่ยนเรียนรู้
2. วิธีการประเมินผลการเรียนรู้
2.1 การทดสอบย่อยและแบบฝึกหัดในเนื้อหาวิชาที่มีการบรรยายในชั่วโมง
2.1 การประเมินการมีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็น การแลกเปลี่ยนเรียนรู้
3. สัดส่วนของการประเมิน (5 คะแนน)
3.1 การประเมินความเข้าใจและการวิเคราะห์การสังเคราะห์ร้อยละ 60
3.2 การประเมินการมีส่วนร่วม การแลกเปลี่ยนเรียนรู้และการนําเสนอร้อยละ 40
24
เนื้อหาที่สอน แนวความคิดพุทธเศรษฐศาสตร์กับทฤษฎีปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง
3.1 แนวคิดและความหมายของพุทธเศรษฐศาสตร์
พุทธเศรษฐศาสตร์ เป็นแนวคิดที่เริ่มจากการพิจารณาสังคมเกษตร วัฒนธรรมทางสังคมและการมี
พุทธศาสนาเป็นรากฐานสําคัญ โดยการประยุกต์หลักการทางศาสนาเข้ากับกิจกรรมทางการเกษตรซึ่งถือ
เป็นกิจกรรมทางเศรษฐกิจหลักของประเทศไทย นอกจากนั้น การพัฒนาทางเศรษฐกิจในภาคอุตสาหกรรม
ยังได้นําหลักสําคัญของพุทธศาสนา 3 ประการ (เสนะ อูนากูล, 2530) 1
มาประยุกต์เข้ากับแผนพัฒนา
เศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น หลักการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ (งดความชั่วหรือการคอรัปชั่น)
การพัฒนาเชิงคุณภาพมากกว่าเชิงปริมาณ (ความดีหรือการคํานึงถึงผลิตและผลลัพธ์ที่มีคุณภาพตอบสนอง
ต่อสังคม) และลดอัตราเร่งของการพัฒนาทางวัตถุที่อาจก่อให้เกิดปัญหาทางสังคม (ทําจิตให้ผ่องใส)
แนวคิดของพุทธเศรษฐศาสตร์ได้ขยายความไปสู่แนวคิดทางการตลาด 2
เช่น คําว่า มูลค่า (Value)
การบริโภค (Consumption) ความพอประมาณ (Moderation) การไม่บริโภค Non – Consumption)
ความสันโดษ (Contentment) การทํางาน (Work) การผลิตหรือไม่ผลิต (Production and Non –
Production) การแข่งขันและความร่วมมือ (Competition and Cooperation) โอกาสที่จะเลือก (Choice)
และทัศนคติของชีวิต (Life View) ทั้งหมดที่กล่าวมาขึ้นอยู่กับการพิจารณาด้วยปัญญา ปัญญาในที่นี้
หมายถึง การรู้เท่าทันถึงทุกสิ่งทุกอย่าง ไม่เห็นแก่ประโยชน์ของตนมากเกินไป ไม่ตกทาสของความต้องการ
หรือเรียกว่า กิเลสและตัณหา ทางพุทธศาสนาเรียกว่า อวิชชา การรู้เท่าทันคือการคํานึงถึงการกระทําเพื่อ
ประโยชน์ทั้งตนเองและผู้อื่น ซึ่งจะนําไปสู่การมีชีวิตที่ดี (Well – Being) เรียกว่า ความมีฉันทะ
การพัฒนา (Development) ในด้านหนึ่ง คือ เหตุแห่งความยุ่งเหยิง อาจหมายถึง การถอยหลัง
หรือเดินหน้า โดยเฉพาะการพัฒนาความก้าวหน้าตามระบบเศรษฐกิจแบบทุนนิยม คือการทําให้เกิดการ
ขยายตัวทางเศรษฐกิจ นั่นหมายถึงกิจกรรมทางการตลาดที่เพิ่มขึ้น ทั้งด้านการผลิต การบริโภค เกิดการ
หมุนเวียนของเงินตรา ซึ่ง เป็นพฤติกรรมในการเพิ่มความโลภ ตัณหาความอยากและนําไปสู่ความล้มเหลว
ของระบบเศรษฐกิจทุนนิยมหลายครั้งหลายคราว
คําว่า การพัฒนาที่แท้จริงโดยพิจารณาจากมาตรฐานของพุทธธรรม คือ ความเรียบง่าย การบริโภค
ให้น้อยลง แบ่งปันมากขึ้น การแบ่งปันในที่นี้ไม่ใช่การทําบุญหรือทํากุศล แต่เป็นการแบ่งปันในวิถีการ
ดําเนินชีวิตและโครงสร้างทางสังคมที่ดํารงอยู่ (Parnwell, 1996) 3
ทฤษฎีปฎิฐานเศรษฐศาสตร์4
(Piboonsravut, 1997) ซึ่งพัฒนาจากพื้นฐานแนวคิดทฤษฎี
ปทัสถาน (Normative Theory) และทฤษฎีปฏิฐาน (Positive Theory) กล่าวถึงธรรมชาติของมนุษย์ 2
ประการคือ ความไม่สมบูรณ์ของความรู้และการไม่มีความสัมพันธ์ระหว่างปัจเจกชนกับสิ่งอื่นๆ และหากทํา
ให้เกิดความรู้ความเข้าใจในทั้งสองประการ จะทําให้เกิดการปลดเปลื้องความทุกข์ของตนเองและจะไม่ทําให้
ผู้อื่นเกิดทุกข์ ทั้งนี้ภายใต้หลักการของความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่และการประพฤติปฏิบัติที่เป็นไปตามครรลอง
คลองธรรม ใช้ชีวิตด้วยความมีสติและการใช้ปัญญา
25
ความพยายามประยุกต์กระบวนทัศน์ที่เกี่ยวกับมนุษย์ในพุทธธรรมเข้ากับแนวคิดเศรษฐศาสตร์
ตะวันตก เป็นความพยายามในการพัฒนาสิ่งที่ขาดหายไปของเศรษฐศาสตร์ตะวันตก โดยใช้สิ่งที่ได้กล่าวมา
ข้างต้นเป็นเครื่องมือในการดําเนินชีวิตตามวิถีท่ามกลางเศรษฐกิจที่มีความอ่อนไหวและไม่มีความมั่นคงมาก
นัก
3.2แนวคิดเศรษฐศาสตร์มนุษยนิยมกับแนวคิดแบบพุทธและทรัพยากรมนุษย์ตามแนวพุทธเศรษฐศาสตร์ 5
จุดยืนของวิถีการผลิตแบบพุทธ คือการวิเคราะห์ปัญหาทุกอย่าง ซึ่งอาจเริ่มจากความสัมพันธ์ของ
องค์ประกอบสามส่วน คือ ปัจจัยนําเข้า กระบวนการผลิต ผลผลิตและของเสีย
ปัจจัยนําเข้า กระบวนการผลิต
ภาพที่ 3.1 ความสัมพันธ์ขององค์ประกอบในการผลิตแบบพุทธ 6
ที่มา: อภิชัย พันธเสน. 2544. : 413
แนวคิดของกระบวนการผลิตข้างต้น ชี้ให้เห็นถึงประสิทธิภาพ ตั้งแต่กระบวนการนําเข้าทรัพยากร
ซึ่งต้องมีการพิจารณาถึงคุณค่าในการใช้ประโยชน์ในกระบวนการผลิต และแน่นอนว่าผลจากกระบวนการ
ผลิตย่อมต้องได้มาซึ่งผลผลิตและของเสียจากกระบวนการผลิตดังกล่าว ดังนั้น กระบวนการผลิตจึง
จําเป็นต้องพิจารณาถึงการใช้ประโยชน์ที่แท้จริงของสิ่งที่เป็นปัจจัยนําเข้าสู่กระบวนการผลิตที่ต้องคํานึงถึง
การนําปัจจัยด้านการผลิตมาใช้ประโยชน์ได้อย่างเต็มที่เหมาะสมกับผลผลิตที่ออกมา นอกจากนั้น ยังต้องมี
ความจําเป็นในการพิจารณาของเสียจากกระบวนการผลิตเพื่อนํากลับไปใช้ประโยชน์ใหม่ และคํานึงถึง
ผลกระทบต่อวิถีการดํารงชีวิต ทั้งทางตรงและทางอ้อม แนวคิดของความสัมพันธ์ขององค์ประกอบด้าน
กระบวนการผลิตจึงเป็นแนวคิดที่เศรษฐศาสตร์สมัยใหม่เรียกว่า ความมีประสิทธิภาพ
จุดยืนของกระบวนการผลิตแบบพุทธ ยังเน้นความเป็นจริงตามธรรมชาติ โดยให้น้ําหนักไปที่
ทรัพยากรมนุษย์ เนื่องจากถือว่า มนุษย์เป็นทั้งทรัพยากร ผู้สร้างทรัพยากร เช่น ทุน เทคโนโลยี และผู้ที่นํา
ทรัพยากรจากธรรมชาติมาใช้ในกระบวนการการผลิต เช่น พลังงาน วัตถุดิบที่ได้มาจากธรรมชาติ อย่างไรก็
ตาม การสร้างผลผลิต และการบริโภคภายใต้ระบบเศรษฐกิจเสรีนิยมตะวันตก จําเป็นต้องอาศัยหลักการ 5
ประการ ที่นํามาจากหลักพุทธศาสตร์ (ขันธ์ 5) คือการที่ต้องรับรู้ทั้งโลกภายนอกและความรู้สึกของตนเอง
ได้แก่ ประการแรก รูปธรรมทั้งหมด (Corporeality) ประการที่สอง ความรู้สึกทุกข์สุข (Filling or
ผลผลิต
ของเสีย
26
Sensation) ประการที่สาม ความหมายและการกําหนดความหมาย (Perception) ส่วนปรุงแต่งให้เกิด
ความรู้สึกที่ดีหรือไม่ดี (ดีหรือชั่ว; Mental Formation)) ประการที่ห้า รูปรส กลิ่นเสียง (Consciousness)
ทั้งนี้ ในประการแรก คือการพิจารณาของผู้ผลิตในเชิงรูปธรรม โดยพิจารณาจากความเป็นจริงที่
ปรากฏ เช่น ขีดความสามารถ ความต้องการของผู้บริโภคและสังคม ความจําเป็น รูปแบบที่ต้องการ
ข้อจํากัดของทรัพยากรและข้อจํากัดอื่นๆ ผลที่จะได้จากการผลิต สภาพแวดล้อมที่เป็นจริง ผู้บริโภค
จําเป็นต้องพิจารณาถึงการบริโภคผลผลิตเช่นกัน รูปธรรมหรือลักษณะที่สามารถมองเห็นได้ของผลผลิต
คุณภาพของผลผลิต ข้อจํากัดของตนเองหรือเรียกว่ากําลังการบริโภค (เรียกว่า รูปขันธ์) 7
ประการที่สอง คือการพิจารณาถึงความรู้สึกเป็นสุขเมื่อได้ผลิตสิ่งของของผู้ผลิตเพื่อสนองความ
ต้องการที่แท้จริงของผู้บริโภค ความรู้สึกเป็นสุขที่ได้บริโภคผลผลิตเพื่อสนองตอบความจําเป็นของผู้บริโภค
ตามกําลังและความสามารถของตน (เรียกว่า เวทนา)
ประการที่สาม คือการพิจารณาถึงความหมายของผลผลิต กล่าวคือ การสื่อความหมายให้เกิดการ
รับรู้ถึงคุณภาพ วิธีการสนองตอบความต้องการที่เหมาะสม ทั้งด้านราคาและคุณภาพที่ผู้บริโภคต้องการ
ผู้บริโภคจะเรียนรู้ถึงประสบการณ์จากการใช้ประโยชนจากผลผลิตดังกล่าว ทั้งยังมีความต้องการข่าวสาร
เพื่อการเปรียบเทียบ ความรู้ความเข้าใจเพื่อให้เกิดความสอดคล้องต่อวิถีการดํารงชีวิตและความสอดคล้อง
ต่อความต้องการที่เหมาะสม (เรียกว่า สัญญา)
ประการที่สี่ คือการพิจารณาความดีความไม่ดี หรือการพิจารณาคุณภาพ การกําหนดราคา การ
ผลิตที่กําหนดให้เกิดผลกระทบน้อยที่สุดต่อสังคมหรือสิ่งแวดล้อม ไม่เอารัดเอาเปรียบผู้บริโภคโดยการ
กําหนดราคาสูงเพื่อให้ได้กําไรมากเกินความเป็นจริง คุณภาพของผลผลิตที่ได้มาตรฐานสามารถใช้ประโยชน์
ได้จริง ผู้ผลิตสามารถดํารงอยู่และพัฒนาผลผลิตของตนเองได้ตามศักยภาพ ขณะเดียวกัน ผู้บริโภคจะ
พิจารณาสิ่งดังกล่าวเพื่อการบริโภคที่มีคุณค่าต่อตนเองและสังคมตามความเหมาะสม ความเหมาะสมในที่นี้
คือต่อกําลังทรัพย์ที่มีอยู่ ไม่เอารัดเอาเปรียบทั้งตนเองและผู้อื่นเพียงเพื่อความอยากได้อยากมีหรือเพื่อ
ความทัดเทียมกับผู้ที่มีกําลังการบริโภคที่เหนือกว่า หรือความต้องการที่ไม่มีสิ้นสุด เป็นต้น (เรียกว่าสังขาร)
ประการที่ห้า คือความรู้สึก อารมณ์ รูป รส กลิ่นและเสียง เป็นการพิจารณาสิ่งที่เป็นรูปธรรมของ
ผลผลิตที่ผลิต ซึ่งในทางเศรษฐศาสตร์การตลาด สิ่งดังกล่าวจะถูกใช้เป็นเครื่องมือในการจําหน่ายผลผลิต
ผู้บริโภคจะใช้สิ่งดังกล่าวเป็นเครื่องมือในการตัดสินใจเพื่อการบริโภคเช่นกัน ในประการที่ห้า ทั้งผู้ผลิตและ
ผู้บริโภคจําเป็นต้องมีคุณสมบัติทั้งสี่ประการข้างต้นเพื่อประกอบในการตัดสินใจ (เรียกว่า วิญญาณ)
อย่างไรก็ตาม ภายใต้เศรษฐกิจแนวคิดกระแสหลัก การนําหลักเศรษฐกิจแบบพุทธมาปรับใช้ไม่
จําเพาะเจาะจงว่าจะเป็นหลักขันธ์ 5 แต่หลักพุทธธรรมอื่นๆ สามารถนํามาใช้ประโยชน์เพื่อทําให้เกิดสังคม
ที่ดี (ธรรมาภิบาล) เกิดความเอื้ออาทร ไม่เอารัดเอาเปรียบ เกิดความรู้เท่าทันจากการศึกษาข่าวสาร เกิด
ความยับยั้งชั่งใจ เกิดปัญญาจากการศึกษาข้อมูลต่างๆ ก่อนการตัดสินใจด้วยความไม่ประมาท
27
เหตุผลที่ หลักเศรษฐศาสตร์แนวพุทธเน้นในด้านทรัพยากรมนุษย์ เนื่องจากเห็นความสําคัญของ
การใช้ปัญญา ซึ่งการนําขันธ์ 5 มาเป็นเงื่อนไขการดํารงชีวิตจะก่อให้เกิดปัญญา อภิชัย พันธเสน เสนอว่า
“ การไม่มีอัตตา การมีสุขภาพกายและจิตเพื่อสัมผัสที่สมบูรณ์ การมีสติที่มั่นคง สามารถจับยึดสิ่งที่ผ่าน
เข้ามาเพื่อการตรวจสอบได้ มีการให้ความหมายของสิ่งนั้นๆ ตามความเป็นจริงและในที่สุดจะต้องไม่มีการ
ปรุงแต่งสิ่งเหล่านั้นนอกเหนือไปจากความเป็นจริง”
ดังนั้น คําว่าปัญญาตามหลักพุทธเศรษฐศาสตร์ คือวิธีการดํารงชีวิตอย่างระมัดระวังรอบคอบ มีสติ
ในการกระทําสิ่งต่างๆ คํานึงถึง คุณธรรม จริยธรรม และสภาพแวดล้อม ไม่ว่าจะเป็น การบริโภค การผลิต
3.3 จริยธรรมเชิงพุทธกับทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม
เศรษฐศาสตร์ที่เกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มีพัฒนาการจากองค์ความรู้ด้าน
นิเวศน์วิทยา นอกจากจะมีการพัฒนาองค์ความรู้ไปสู่เศรษฐศาสตร์ทรัพยากรธรรมชาติและนิเวศน์วิทยา
แล้วยังพัฒนาไปสู่องค์ความรู้ด้านการจัดการสาธารณะ โดยถือว่าเป็นหน้าที่สาธารณะของภาครัฐที่ต้องมี
การจัดการและเป็นส่วนหนึ่งที่จะต้องให้การบริการแก่ภาคสาธารณะ
เศรษฐศาสตร์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นเรื่องที่เกี่ยวกับการใช้ประโยชน์จาก
ทรัพยากรธรรมชาติ เช่น อากาศ น้ํา ดิน แร่ธาตุ ป่าไม้ การใช้ประโยชน์จากระบบนิเวศน์ เช่น การล่าสัตว์
ทั้งการนํามาเป็นอาหารและการกีฬา การใช้ประโยชน์จากระบบชีวภาพเพื่อการผลิตผลลิตด้านการเกษตร
ด้านสุขภาพอนามัย เป็นต้น
การใช้ประโยชน์ดังกล่าว เป็นการนําทรัพยากรธรรมชาติและระบบนิเวศน์มาใช้จนเกินความสมดุล
เป็นเหตุทําให้เกิดความสูญเสียและการทําลายสิ่งดังกล่าว ดังนั้นเศรษฐศาสตร์ทรัพยากรธรรมชาติและ
สิ่งแวดล้อมจึงเป็นองค์ความรู้ที่เป็นแนวทางการจัดการให้เกิดการใช้ประโยชน์อย่างคุ้มค่าและเป็นแนวทาง
ต่อการดํารงรักษาให้ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดํารงอยู่เพื่อการใช้ประโยชน์ให้ได้นานที่สุดเท่าที่
จะทําได้
แนวคิดเศรษฐศาสตร์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจากตะวันตก เน้นในด้านการกระจาย
และการจัดสรรมากกว่าการดํารงรักษาอย่างแท้จริง จะเห็นได้จากการใช้ตัวแบบเชิงคณิตศาสตร์มาใช้ในการ
คํานวณเพื่อการจัดสรรและการกระจาย แทนการใช้กลไกของจิตสํานึกของมนุษย์และให้ความหมายต่อคํา
ว่า จริยธรรม คุณธรรมจากจํานวนตัวเลขที่ทําการกระจายและการจัดสรร8
ซึ่งเรียกว่า จริยธรรมแบบ
อรรถประโยชน์ ที่นําไปสู่ความยุติธรรมในการจัดสรรและการกระจายบนพื้นฐานของความหมายในเชิง
“ ความเสมอภาค ”
สิ่งที่ปรากฏออกมาจากระบบเศรษฐกิจแบบเสรีนิยมในปัจจุบันคือ ความขัดแย้งที่เกิดจากแนวคิด
เศรษฐศาสตร์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมโดยจะพบว่า การเรียกร้องของผู้ที่ได้รับผลกระทบด้านลบ
ต่อผู้ผลิตซึ่งก่อให้เกิดความเสียหายต่อทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จนทําให้เกิดผลเสียต่อการ
28
ดําเนินชีวิตของผู้เรียกร้องมีอยู่มากมายและมีหลายกรณี ทั้งนี้ ปัญหาดังกล่าวเกิดจากแนวคิดการจัดสรร
และการกระจายที่มักจะเกี่ยวข้องกับการคํานวณถึงการชดเชยตามหลักเศรษฐศาสตร์ตะวันตกที่ใช้กลไก
เชิงปฏิฐานในการคํานวณและตั้งอยู่บนพื้นฐานของประโยชน์ส่วนตัวร่วมอยู่ด้วยเสมอ
นอกจากนั้น การบริหารสาธารณะซึ่งเกี่ยวข้องกับการบริหารรัฐกิจ นักการเมืองที่เข้ามาบริหาร
ประเทศร่วมกับข้าราชการประจําซึ่งจะก่อให้เกิดผลลัพธ์อย่างไรนั้น ขึ้นอยู่กับพฤติกรรมการบริหารของ
นักการการเมือง และมักจะเกิดปัญหาด้านต่าง ๆ โดยเฉพาะปัญหาความขัดแย้งสาธารณะอยู่เสมอ
แนวคิดพุทธเศรษฐศาสตร์มีจุดยืนของจริยธรรมธรรมชาตินิยม หรือนิเวศวิทยาแนวลึก (Deep
Ecology) เน้นความเป็นสมดุลตามธรรมชาติ แนวคิดนี้ทําให้มนุษย์ไม่มีสิทธิก้าวล่วงต่อธรรมชาติ ตรงกัน
ข้าม มนุษย์ต้องยอมรับการเปลี่ยนแปลงและยอมรับความเป็นจริงของธรรมชาติ9
ดังนั้น ประเด็นของความ
ยั่งยืน จึงไม่ได้เป็นประเด็นที่สําคัญของพุทธเศรษฐศาสตร์ หากแต่ให้ความสําคัญต่อการใช้ประโยชน์สูงสุด
จากทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มนุษย์จะต้องไม่เน้นประโยชน์ส่วนบุคคล ไม่กอบโกยผลประโยชน์
เพื่อความสุขส่วนตน ไม่เน้นการนําทรัพย์สินส่วนรวมมาเป็นใช้เพื่อประโยชน์สุขส่วนตน เป็นต้น
3.4 พุทธเศรษฐศาสตร์กับแนวปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง
เมื่อพิจารณาแนวคิดปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง จะพบว่า แนวคิดเป็นส่วนสําคัญของพุทธ
เศรษฐศาสตร์ พื้นฐานของพุทธเศรษฐศาสตร์เน้นจริยธรรมธรรมชาตินิยม จึงเท่ากับว่า เศรษฐกิจพอเพียง
ยอมรับการเปลี่ยนแปลงของธรรมชาติ พื้นฐานแนวคิดเชื่อว่า การเปลี่ยนแปลงในระดับฐานรากเป็นสิ่ง
สําคัญต่อการพัฒนาเศรษฐกิจ ทั้งนี้ ระดับฐานรากได้แก่ ชนบท สังคมการเกษตรที่ยังมีระดับความยากจน
ค่อนข้างสูง และเชื่อมั่นว่า การกระจายรายได้ให้เกิดความมั่นคงเป็นผลดีต่อเศรษฐกิจส่วนรวมของประเทศ
นัยของความหมายที่สอดคล้องกันระหว่างแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียงกับพุทธเศรษฐศาสตร์ จึงเป็น
แนวคิดที่สามารถเข้าใจได้ง่ายตามหลักเศรษฐกิจพอเพียง กล่าวคือ มีความพอประมาณหรือการยึดหลักทาง
สายกลาง ไม่โลภ ไม่เบียดเบียนผู้อื่น มีความซื่อตรง มีจริยธรรม มีคุณธรรม ดังนั้น คําว่า อรรถประโยชน์ใน
แง่เศรษฐศาสตร์จากแนวคิดข้างต้นจึงเป็น “ อรรถประโยชน์ ” ที่ปราศจากกิเลส หรือแนวคิดที่อยู่บน
พื้นฐานของการตัดสินใจเพื่อการใช้ประโยชน์ในสิ่งต่าง ๆ อย่างแท้จริง มีประสิทธิภาพและมีประสิทธิผล
สูงสุด สิ่งที่ตรงกันข้ามกับแนวคิดขางต้นคือ “ อรรถประโยชน์ ” ในความหมายของเศรษฐศาสตร์ตะวันตก
ซึ่งเน้นความพึงพอใจสูงสุดไม่เน้นการใช้ประโยชน์ที่แท้จริงแต่เน้นความพึงพอใจในการบริโภคเป็นหลักไม่
ว่าสิ่งที่นํามาใช้ในการบริโภคจะคุ้มค่าหรือไม่ก็ตาม
จะเห็นว่า แนวคิดทั้งสอง มาจากพื้นฐานทางสังคมและวัฒนธรรมที่มีรากฐานของพุทธศาสนาดํารง
อยู่ ดังนั้น การสื่อสารแนวความคิดบนพื้นฐานดังกล่าวทําให้ง่ายต่อการทําความเข้าใจ และสามารถนํามาใช้
ประโยชน์ในการดํารงชีวิตได้ทันที ไม่มีลักษณะที่ขัดขืนต่ออารยธรรม วัฒนธรรมและขัดต่อหลักประเพณี
นิยมของสังคมไทย
29
3.5 การพัฒนาเศรษฐกิจตามแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียง
แม้ว่าเศรษฐกิจกระแสหลักจะมีอิทธิพลต่อการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศไทยในภาพรวม แต่ก็
สามารถนําแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียงมาประยุกต์ให้สอดคล้องเหมาะสมได้ง่าย เนื่องจากสังคมไทยมีปัจจัย
ดังที่ได้กล่าวแล้วข้างต้น เป็นพื้นฐานสําคัญต่อการประยุกต์แนวคิด
นอกจากนั้น วัฒนธรรมและสังคมพื้นฐานที่ดํารงอยู่ ยังเป็นสิ่งที่เอื้อต่อการประยุกต์ใช้ในผู้ที่นับถือ
ศาสนาอื่น ๆ เช่น ศาสนาอิสลาม ศาสนาคริสต์ หรือแม้แต่ศาสนาพุทธในนิกายอื่น
หลักการของการพัฒนาตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียงสอดคล้องกับพุทธเศรษฐศาสตร์ในหลักการ
ต่าง ๆ หลายประการ ได้แก่ 10
ประการแรก หลักการพึ่งพาตนเอง ซึ่งถือเป็นหลักการที่ใช้ในการลดหรือเลี่ยงการพึ่งพาปัจจัย
ภายนอกมากเกินไป และในบางขณะก็ไมสามารถควบคุมปัจจัยภายนอกเหล่านั้นได้ อีกทั้งยังสามารถสร้าง
ความมั่นคงทางเศรษฐกิจ มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์เทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ ๆ ของตนให้เกิดขึ้น สิ่ง
ดังกล่าวเรียกว่า “ ความสามารถในการพึ่งพาตนเอง ”
ประการที่สอง หลักความไม่ประมาท เป็นหลักของความกระตือรือร้น ขวนขวายอยู่เสมอ ไม่
เพิกเฉยต่อสภาพแวดล้อมรอบตัว เอาใจใส่ เตรียมความพร้อมตลอดเวลา ปรับปรุงเปลี่ยนแปลงแก้ไขสิ่ง
บกพร่องของตนเองอย่างสม่ําเสมอ เพื่อให้บรรลุประโยชน์ท่ามกลางระบบเศรษฐกิจปัจจุบันที่มีความเสี่ยง
สูง ทั้งนี้ จะต้องตั้งอยู่บนพื้นฐานของหลักความไม่ประมาทหรือกล่าวได้อีกอย่างหนึ่งว่าเป็นหลักความไม่
โลภ เนื่องจากความโลภนําไปสู่ความประมาท
ประการที่สาม หลักอหิงสธรรมหรือหลักการไม่เบียดเบียนกันและกัน รวมถึงการให้ความเมตตา
กรุณา เอื้ออาทรซึ่งกันและกันทั้งในระดับปัจเจกชนและระดับบังคมส่วนรวมหรือระดับรัฐบาล ในระดับ
ปัจเจกเช่น การหลีกเลี่ยงการละเว้นการละเมิดลิขสิทธิ์ของบุคคลอื่น การลอกเลียนแบบสินค้า การคอรัปชั่น
การคดโกงฉ้อฉล การไม่นําสิ่งของของบุคคลอื่นมาเป็นของตนไม่ว่าจะด้วยการถือเอาโดยใช้กฎหมายเป็น
เครื่องมือฉกฉวยแล้วถือเป็นความชอบธรรม หรือการหลีกเลี่ยงเพื่อฉกฉวยผลประโยชน์จากช่องว่างของ
ระเบียบกฎเกณฑ์
ในระดับรัฐบาล เช่น การสนับสนุนอาวุธยุทธวิธีเพื่อสนับสนุนการสู้รบในสงครามระหว่างประเทศ
การคอรัปชั่นในโครงการเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ เช่น การคอรัปชั่นในโครงการรับจํานําข้าว การ
คอรัปชั่นในโครงการสร้างโครงสร้างพื้นฐาน เป็นต้น
ประการที่สี่ หลักสัมมาอาชีวะ คือหลักการประกอบอาชีพที่มีเจตนาให้เกิดประโยชน์และความสุข
ของทุกคน ไม่หวังผลทางเศรษฐกิจแบบสุดโต่ง หรือการผลิตเพื่อการหวังผลกําไรสูงสุดโดยลดต้นทุนการ
ผลิตให้ได้ต่ําที่สุดจนทําให้การผลิตก่อให้เกิดผลกระทบด้านลบต่อสังคมหรือมีผลกระทบด้านลบต่อ
สภาพแวดล้อมดังนั้น คําว่าคุณภาพของผลผลิตจึงมีความสําคัญต่อหลักสัมมาอาชีวะไม่ว่าจะเป็นผลผลิตที่
เป็นสิ่งของหรือผลผลิตที่มีรูปแบบของการให้บริการ
30
ในด้านการบริโภคตามหลักสัมมาอาชีวะ คือการบริโภคที่ไม่ก่อให้เกิดความเดือดร้อนต่อสังคม
ส่วนรวม เช่น การบริโภคทรัพยากรสาธารณะจนมีผลกระทบต่อการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรเหล่านั้น
ตัวอย่างเช่น การใช้ทรัพยากรน้ําและทรัพยากรด้านพลังงานอย่างสิ้นเปลืองจนมีผลให้เกิดความขาดแคลน
ดังนั้น หลักสัมมาอาชีวะ คือหลักการในการประกอบอาชีพ การผลิตและรวมถึงการบริโภคที่ต้อง
เกื้อกูลซึ่งกันและกัน
ประการที่ห้า หลักการไม่เบียดเบียนตนเองและผู้อื่น คือหลักซึ่งไม่เน้นผลประโยชน์ส่วนตน แต่
เน้นผลประโยชน์สวนรวม ไม่ก่อความเดือดร้อนแก่ผู้อื่น เช่น การลักลอบทิ้งสารเคมีหรือของเสียซึ่งเป็น
อันตรายต่อสิ่งแวดล้อม จนมีผลกระทบต่อการดําเนินชีวิของคนในชุมชน การลักลอบทิ้งขยะ การเผาทําลาย
ป่าเพื่อใช้ประโยชน์จากที่ดินจนเป็นเหตุให้เกิดไฟป่ามีผลต่อมลภาวะและการสูญเสียทรัพยากรธรรมชาติ
นอกจากนั้น หลักการไม่เบียดเบียนผู้อื่นยังรวมหมายถึงการประกอบอาชีพที่ไม่ก่อความเดือดร้อนทั้งตนเอง
และผู้อื่น เช่น การทุจริตต่อหน้าที่การทํางาน การก่ออาชญากรรม การก่อความเดือดร้อนต่อสังคมด้วย
วิธีการต่าง ๆ เช่น การลักลอบแข่งรถจักรยานยนต์หรือรถยนต์บนท้องถนนสาธารณะ
หลักการดังกล่าวรวมหมายถึง ความพอดีในการทําหน้าที่หรือการประมาณตนเอง เช่น การทํางาน
มากจนเกิดความเครียดเนื่องจากต้องการรายได้สนองความต้องการในการบริโภคจนทําให้เกิดความเหนื่อย
ล้ามีผลต่อสุขภาพร่างกายทั้งในระยะสั้นและระยะยาว เป็นต้น
ประการที่หก หลักการละกิเลสและความโลภหมายถึงการพฤติกรรมที่ก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อ
ความมั่นคงทางเศรษฐกิจ เช่น การใช้บัตรเครดิตเพื่อการบริโภคเกินความจําเป็น การใช้ทรัพยากรเงินเพื่อ
การบริโภคสิ่งของตามความต้องการของตนเองมากเกินกว่าทุนทรัพย์ที่มีอยู่ การกระทําดังกล่าวนอกจากจะ
สร้างความไม่มั่นคงทางเศรษฐกิจให้กับตัวเองแล้ว ยังอาจนําไปสู่ความเสียหายทางเศรษฐกิจส่วนรวมได้อีก
ด้วย
ประการที่เจ็ด ความซื่อสัตย์สุจริต เน้นความสัมพันธ์ทางการตลาดที่ไม่เอารัดเอาเปรียบระหว่าง
ผู้ผลิตกับผู้บริโภคซึ่งจะไม่เกิดความขัดแย้งในระบบเศรษฐกิจ ผู้ผลิต ผลิตสินค้าที่มีคุณภาพได้มาตรฐาน
และใช้ประโยชน์ได้จริง ผู้บริโภคมีความพึงพอใจในการบริโภคเพื่อประโยชน์หรือสนองความต้องการที่
แท้จริงของตน ไม่บริโภคเพื่อสนองความต้องการสูงสุดหรือความต้องการเทียมซึ่งหมายถึงกิเลส หรือความ
โลภ
3.6 สรุป
หลักการสําคัญของพุทธเศรษฐศาสตร์ที่มีต่อแนวทางการพัฒนาเศรษฐกิจตามแนวคิดเศรษฐกิจ
พอเพียง สามารถนํามาประยุกต์ในสภาวะความเปลี่ยนแปลงของเศรษฐกิจสังคม ซึ่งถูกครอบงําจากแนวคิด
กระแสหลัก ด้วยวิธีการเข้าถึงและพยายามปลูกฝังจิตสํานึกซึ่งจะมีผลต่อพฤติกรรมการแสดงออกของ
31
บทบาททั้งในระดับปัจเจกและในระดับสังคมหรือสาธารณะ โดยการผสานเข้ากับพื้นฐานวัฒนธรรมที่มีและ
ดํารงอยู่ภายในสังคมนั้น
กลไกทางสังคมภายใต้พื้นฐานที่ดํารงอยู่อาจเรียกได้อีกอย่างหนึ่งว่า “ ทุนทางสังคม ” และเมื่อ
ผสมผสานเข้ากับหลักสําคัญข้างต้น จะทําให้ขั้นตอนการประยุกต์ตามแนวเศรษฐกิจพอเพียงเป็นไปได้อย่าง
ประสิทธิภาพและเกิดประสิทธิผล
อย่างไรก็ตาม การครอบงําจากกระแสหลักและการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีสารสนเทศ ทําให้
เกิดความขัดแย้งบกพร่องของการเชื่อมต่อวัฒนธรรมพื้นฐานทางสังคมที่ดํารงอยู่ภายใน ทําให้คนรุ่นใหม่
บางส่วนไม่สามารถซึมซับแนวทางดังกล่าวได้ สิ่งดังกล่าวมีผลต่อการพัฒนาเศรษฐกิจในระดับฐานราก
พอสมควร
แบบฝึกหัด
1. อธิบายความหมาย ความสําคัญและสถานภาพของแนวคิดพุทธเศรษฐศาสตร์
2. อธิบายเหตุผลความล้มเหลวของแนวทางการพัฒนาตามแนวคิดเศรษฐศาสตร์กระแสหลัก
3. นักศึกษาอธิบายความสัมพันธ์ระหว่างแนวคิดพุทธเศรษฐศาสตร์กับแนวคิดเศรษฐกิจ
พอเพียง
4. อธิบายกลไกตลาดตามแนวคิดพุทธเศรษฐศาสตร์
5. นักศึกษาคิดว่าเทคโนโลยีมีผลต่อกระบวนการพัฒนาตามแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียงมาก
น้อยเพียงใดอธิบายและยกตัวอย่างประกอบ
6.ให้นักศึกษาอธิบายหลัก“ความสามารถในการพึ่งพาตนเอง”
7.ให้นักศึกษาอธิบายหลักความไม่ประมาท
8.นักศึกษามีความเข้าใจต่อหลักการไม่เบียดเบียนกันหรือหลักอหิงสธรรมอย่างไร
9.หลักอรรถประโยชน์ในหลักเศรษฐศาสตร์กระแสหลักมีความแตกต่างจากหลักอรรถประโยชน์ในพุทธ
เศรษฐศาสตร์อย่างไร
10.จงกล่าวถึงการนําหลักเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้ในการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ
32
เชิงอรรถ
1
อ่านรายละเอียดใน อภิชัย พันธเสน. (2544). พุทธเศรษฐศาสตร์ วิวัฒนาการ ทฤษฎีและการประยุกต์
กับเศรษฐศาสตร์สาขาต่างๆ. หน้า 9 – 20. อมรินทร์ปริ้นติ้งแอนด์ พับลิชชิง จํากัด (มหาชน).
2
อ่านรายละเอียดใน อภิชัย พันธเสน. (2544). พุทธเศรษฐศาสตร์ วิวัฒนาการ ทฤษฎีและการประยุกต์
กับเศรษฐศาสตร์สาขาต่างๆ. หน้า 399 – 435. อมรินทร์ปริ้นติ้งแอนด์ พับลิชชิง จํากัด (มหาชน).
3
อ่านรายละเอียดใน อภิชัย พันธเสน. (2544). พุทธเศรษฐศาสตร์ วิวัฒนาการ ทฤษฎีและการประยุกต์
กับเศรษฐศาสตร์สาขาต่างๆ. หน้า 436 - 460. อมรินทร์ปริ้นติ้งแอนด์ พับลิชชิง จํากัด (มหาชน).
4
อ่านรายละเอียดใน อภิชัย พันธเสน. (2544). พุทธเศรษฐศาสตร์ วิวัฒนาการ ทฤษฎีและการประยุกต์
กับเศรษฐศาสตร์สาขาต่างๆ. หน้า 17 – 20. อมรินทร์ปริ้นติ้งแอนด์ พับลิชชิง จํากัด (มหาชน).
5
อ่านรายละเอียดใน อภิชัย พันธเสน. (2544). พุทธเศรษฐศาสตร์ วิวัฒนาการ ทฤษฎีและการประยุกต์
กับเศรษฐศาสตร์สาขาต่างๆ. หน้า 331 – 390. อมรินทร์ปริ้นติ้งแอนด์ พับลิชชิง จํากัด (มหาชน).
6
อ่านรายละเอียดใน อภิชัย พันธเสน. (2544). พุทธเศรษฐศาสตร์ วิวัฒนาการ ทฤษฎีและการประยุกต์
กับเศรษฐศาสตร์สาขาต่างๆ. หน้า 413. อมรินทร์ปริ้นติ้งแอนด์ พับลิชชิง จํากัด (มหาชน).
7
อ่านรายละเอียดใน อภิชัย พันธเสน. (2544). พุทธเศรษฐศาสตร์ วิวัฒนาการ ทฤษฎีและการประยุกต์
กับเศรษฐศาสตร์สาขาต่างๆ. หน้า 353 – 365. อมรินทร์ปริ้นติ้งแอนด์ พับลิชชิง จํากัด (มหาชน).
8
อ่านรายละเอียดใน อภิชัย พันธเสน. (2544). พุทธเศรษฐศาสตร์ วิวัฒนาการ ทฤษฎีและการประยุกต์
กับเศรษฐศาสตร์สาขาต่างๆ. หน้า 343 – 360. อมรินทร์ปริ้นติ้งแอนด์ พับลิชชิง จํากัด (มหาชน).
9
อ่านรายละเอียดใน อภิชัย พันธเสน. (2544). พุทธเศรษฐศาสตร์ วิวัฒนาการ ทฤษฎีและการประยุกต์
กับเศรษฐศาสตร์สาขาต่างๆ. หน้า 343 – 360. อมรินทร์ปริ้นติ้งแอนด์ พับลิชชิง จํากัด (มหาชน).
10
อ่านรายละเอียดใน อภิชัย พันธเสน. (2544). พุทธเศรษฐศาสตร์ วิวัฒนาการ ทฤษฎีและการประยุกต์
กับเศรษฐศาสตร์สาขาต่างๆ. หน้า 713 – 740. อมรินทร์ปริ้นติ้งแอนด์ พับลิชชิง จํากัด (มหาชน).
33
เอกสารอ้างอิง
อภิชัยพันธเสน.(2544).พุทธเศรษฐศาสตร์ ;วิวัฒนาการทฤษฎีและการประยุกต์กับเศรษฐศาสตร์สาขาต่างๆ.
กรุงเทพฯ:อมรินทร์ปริ้นติ้งแอนด์ พับลิชชิง จํากัด (มหาชน).

More Related Content

Viewers also liked

สัปดาห์ที่ 5การจัดการด้านการเงินขององค์กรพัฒนาเอกชน
สัปดาห์ที่ 5การจัดการด้านการเงินขององค์กรพัฒนาเอกชนสัปดาห์ที่ 5การจัดการด้านการเงินขององค์กรพัฒนาเอกชน
สัปดาห์ที่ 5การจัดการด้านการเงินขององค์กรพัฒนาเอกชนศุภวัฒน์ ปภัสสรากาญจน์
 
การพัฒนาเศรษกิจชุมชนตามแนวเศรษฐกิจพอเพียงบทที่ 2
การพัฒนาเศรษกิจชุมชนตามแนวเศรษฐกิจพอเพียงบทที่ 2การพัฒนาเศรษกิจชุมชนตามแนวเศรษฐกิจพอเพียงบทที่ 2
การพัฒนาเศรษกิจชุมชนตามแนวเศรษฐกิจพอเพียงบทที่ 2ศุภวัฒน์ ปภัสสรากาญจน์
 
การพัฒนาเศรษกิจชุมชนตามแนวเศรษฐกิจพอเพียง
การพัฒนาเศรษกิจชุมชนตามแนวเศรษฐกิจพอเพียงการพัฒนาเศรษกิจชุมชนตามแนวเศรษฐกิจพอเพียง
การพัฒนาเศรษกิจชุมชนตามแนวเศรษฐกิจพอเพียงศุภวัฒน์ ปภัสสรากาญจน์
 
สัปดาห์ที่ 2ความเป็นสถาบันและคณะผู้บริหารองค์กรพัฒนาเอกชน
สัปดาห์ที่ 2ความเป็นสถาบันและคณะผู้บริหารองค์กรพัฒนาเอกชนสัปดาห์ที่ 2ความเป็นสถาบันและคณะผู้บริหารองค์กรพัฒนาเอกชน
สัปดาห์ที่ 2ความเป็นสถาบันและคณะผู้บริหารองค์กรพัฒนาเอกชนศุภวัฒน์ ปภัสสรากาญจน์
 

Viewers also liked (10)

สัปดาห์ที่ 5การจัดการด้านการเงินขององค์กรพัฒนาเอกชน
สัปดาห์ที่ 5การจัดการด้านการเงินขององค์กรพัฒนาเอกชนสัปดาห์ที่ 5การจัดการด้านการเงินขององค์กรพัฒนาเอกชน
สัปดาห์ที่ 5การจัดการด้านการเงินขององค์กรพัฒนาเอกชน
 
Microsoft word สัปดาห์ที่ 9
Microsoft word   สัปดาห์ที่ 9Microsoft word   สัปดาห์ที่ 9
Microsoft word สัปดาห์ที่ 9
 
การพัฒนาเศรษกิจชุมชนตามแนวเศรษฐกิจพอเพียงบทที่ 2
การพัฒนาเศรษกิจชุมชนตามแนวเศรษฐกิจพอเพียงบทที่ 2การพัฒนาเศรษกิจชุมชนตามแนวเศรษฐกิจพอเพียงบทที่ 2
การพัฒนาเศรษกิจชุมชนตามแนวเศรษฐกิจพอเพียงบทที่ 2
 
การพัฒนาเศรษกิจชุมชนตามแนวเศรษฐกิจพอเพียง
การพัฒนาเศรษกิจชุมชนตามแนวเศรษฐกิจพอเพียงการพัฒนาเศรษกิจชุมชนตามแนวเศรษฐกิจพอเพียง
การพัฒนาเศรษกิจชุมชนตามแนวเศรษฐกิจพอเพียง
 
สัปดาห์ที่ 2ความเป็นสถาบันและคณะผู้บริหารองค์กรพัฒนาเอกชน
สัปดาห์ที่ 2ความเป็นสถาบันและคณะผู้บริหารองค์กรพัฒนาเอกชนสัปดาห์ที่ 2ความเป็นสถาบันและคณะผู้บริหารองค์กรพัฒนาเอกชน
สัปดาห์ที่ 2ความเป็นสถาบันและคณะผู้บริหารองค์กรพัฒนาเอกชน
 
Microsoft word สัปดาห์ที่12
Microsoft word   สัปดาห์ที่12Microsoft word   สัปดาห์ที่12
Microsoft word สัปดาห์ที่12
 
Microsoft word สัปดาห์ที่ 4
Microsoft word   สัปดาห์ที่ 4Microsoft word   สัปดาห์ที่ 4
Microsoft word สัปดาห์ที่ 4
 
Microsoft word บรรณานุกรม
Microsoft word   บรรณานุกรมMicrosoft word   บรรณานุกรม
Microsoft word บรรณานุกรม
 
สบู่
สบู่สบู่
สบู่
 
สมุนไพร
สมุนไพรสมุนไพร
สมุนไพร
 

More from ศุภวัฒน์ ปภัสสรากาญจน์

มคอ. 3 องค์กรเอกชนและการจัดการเพื่อการพัฒนาท้องถิ่นและชุมชน
มคอ. 3 องค์กรเอกชนและการจัดการเพื่อการพัฒนาท้องถิ่นและชุมชนมคอ. 3 องค์กรเอกชนและการจัดการเพื่อการพัฒนาท้องถิ่นและชุมชน
มคอ. 3 องค์กรเอกชนและการจัดการเพื่อการพัฒนาท้องถิ่นและชุมชนศุภวัฒน์ ปภัสสรากาญจน์
 
ความเข้มแข็งและศักยภาพขององค์กรชุมชนในจังหวัดสุพรรณบุรี The Potential and Str...
ความเข้มแข็งและศักยภาพขององค์กรชุมชนในจังหวัดสุพรรณบุรี The Potential and Str...ความเข้มแข็งและศักยภาพขององค์กรชุมชนในจังหวัดสุพรรณบุรี The Potential and Str...
ความเข้มแข็งและศักยภาพขององค์กรชุมชนในจังหวัดสุพรรณบุรี The Potential and Str...ศุภวัฒน์ ปภัสสรากาญจน์
 
สัปดาห์ที่ 4แนวทางละวิธีการแก้ไขปัญหาชุมชนขององค์กรพัฒนาเอกชน
สัปดาห์ที่ 4แนวทางละวิธีการแก้ไขปัญหาชุมชนขององค์กรพัฒนาเอกชน สัปดาห์ที่ 4แนวทางละวิธีการแก้ไขปัญหาชุมชนขององค์กรพัฒนาเอกชน
สัปดาห์ที่ 4แนวทางละวิธีการแก้ไขปัญหาชุมชนขององค์กรพัฒนาเอกชน ศุภวัฒน์ ปภัสสรากาญจน์
 

More from ศุภวัฒน์ ปภัสสรากาญจน์ (19)

มคอ. 3 องค์กรเอกชนและการจัดการเพื่อการพัฒนาท้องถิ่นและชุมชน
มคอ. 3 องค์กรเอกชนและการจัดการเพื่อการพัฒนาท้องถิ่นและชุมชนมคอ. 3 องค์กรเอกชนและการจัดการเพื่อการพัฒนาท้องถิ่นและชุมชน
มคอ. 3 องค์กรเอกชนและการจัดการเพื่อการพัฒนาท้องถิ่นและชุมชน
 
ความหลากหลายทางชีวภาพ มคอ3 2 60
ความหลากหลายทางชีวภาพ มคอ3 2 60ความหลากหลายทางชีวภาพ มคอ3 2 60
ความหลากหลายทางชีวภาพ มคอ3 2 60
 
ความเข้มแข็งและศักยภาพขององค์กรชุมชนในจังหวัดสุพรรณบุรี The Potential and Str...
ความเข้มแข็งและศักยภาพขององค์กรชุมชนในจังหวัดสุพรรณบุรี The Potential and Str...ความเข้มแข็งและศักยภาพขององค์กรชุมชนในจังหวัดสุพรรณบุรี The Potential and Str...
ความเข้มแข็งและศักยภาพขององค์กรชุมชนในจังหวัดสุพรรณบุรี The Potential and Str...
 
สัปดาห์ที่ 4แนวทางละวิธีการแก้ไขปัญหาชุมชนขององค์กรพัฒนาเอกชน
สัปดาห์ที่ 4แนวทางละวิธีการแก้ไขปัญหาชุมชนขององค์กรพัฒนาเอกชน สัปดาห์ที่ 4แนวทางละวิธีการแก้ไขปัญหาชุมชนขององค์กรพัฒนาเอกชน
สัปดาห์ที่ 4แนวทางละวิธีการแก้ไขปัญหาชุมชนขององค์กรพัฒนาเอกชน
 
ความเป็นสถาบันคณะผู้การบริหารองค์กร (2)
ความเป็นสถาบันคณะผู้การบริหารองค์กร (2)ความเป็นสถาบันคณะผู้การบริหารองค์กร (2)
ความเป็นสถาบันคณะผู้การบริหารองค์กร (2)
 
องค์กรพัฒนาเอกชนและการจัดการเพื่อการ
องค์กรพัฒนาเอกชนและการจัดการเพื่อการองค์กรพัฒนาเอกชนและการจัดการเพื่อการ
องค์กรพัฒนาเอกชนและการจัดการเพื่อการ
 
มคอ.3 สังคมไทยร่วมสมัย
มคอ.3 สังคมไทยร่วมสมัยมคอ.3 สังคมไทยร่วมสมัย
มคอ.3 สังคมไทยร่วมสมัย
 
Microsoft word สารบัญ
Microsoft word   สารบัญMicrosoft word   สารบัญ
Microsoft word สารบัญ
 
Microsoft word สัปดาห์ที่14
Microsoft word   สัปดาห์ที่14Microsoft word   สัปดาห์ที่14
Microsoft word สัปดาห์ที่14
 
Microsoft word สัปดาห์ที่13
Microsoft word   สัปดาห์ที่13Microsoft word   สัปดาห์ที่13
Microsoft word สัปดาห์ที่13
 
Microsoft word สัปดาห์ที่10
Microsoft word   สัปดาห์ที่10Microsoft word   สัปดาห์ที่10
Microsoft word สัปดาห์ที่10
 
Microsoft word สัปดาห์ที่1
Microsoft word   สัปดาห์ที่1Microsoft word   สัปดาห์ที่1
Microsoft word สัปดาห์ที่1
 
Microsoft word สัปดาห์ที่ 11
Microsoft word   สัปดาห์ที่ 11Microsoft word   สัปดาห์ที่ 11
Microsoft word สัปดาห์ที่ 11
 
Microsoft word สัปดาห์ที่ 7
Microsoft word   สัปดาห์ที่ 7Microsoft word   สัปดาห์ที่ 7
Microsoft word สัปดาห์ที่ 7
 
Microsoft word สัปดาห์ที่ 5
Microsoft word   สัปดาห์ที่ 5Microsoft word   สัปดาห์ที่ 5
Microsoft word สัปดาห์ที่ 5
 
Microsoft word สัปดาห์ที่ 2
Microsoft word   สัปดาห์ที่ 2Microsoft word   สัปดาห์ที่ 2
Microsoft word สัปดาห์ที่ 2
 
Microsoft word ปกเอกสารประกอบการสอน
Microsoft word   ปกเอกสารประกอบการสอนMicrosoft word   ปกเอกสารประกอบการสอน
Microsoft word ปกเอกสารประกอบการสอน
 
Microsoft word ภาคผนวก
Microsoft word   ภาคผนวกMicrosoft word   ภาคผนวก
Microsoft word ภาคผนวก
 
Microsoft word แผนบริหารการจัดการเรียนการสอน
Microsoft word   แผนบริหารการจัดการเรียนการสอนMicrosoft word   แผนบริหารการจัดการเรียนการสอน
Microsoft word แผนบริหารการจัดการเรียนการสอน
 

Microsoft word สัปดาห์ที่ 3

  • 1. แผนการสอนประจําสัปดาห์ที่ 3 หัวข้อเรื่อง แนวความคิดพุทธเศรษฐศาสตร์กับทฤษฎีปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง รายละเอียด แนวคิดและความหมายของพุทธเศรษฐศาสตร์ แนวคิดเศรษฐศาสตร์มนุษยนิยมกับแนวคิด แบบพุทธทรัพยากรมนุษย์ตามแนวพุทธเศรษฐศาสตร์ จริยธรรมเชิงพุทธกับทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม พุทธ เศรษฐศาสตร์กับแนวปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง การพัฒนาเศรษฐกิจตามแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียง จํานวนชั่งโมงสอน 3 ชั่วโมง กิจกรรมการเรียนการสอน 1. การบรรยายเนื้อหาวิชา 2. การซักถามและแลกเปลี่ยนเรียนรู้ 3. การทําแบบทดสอบความรู้หลังการทําความเข้าใจบทเรียน สื่อการสอน 1. การบรรยาย 2. การแลกเปลี่ยนความคิดเห็น การนําเสนอแนวคิด 3. จัดการเรียนรู้โดยใช้สื่อต่างๆ เช่น Power Point media website แผนการประเมินผลการเรียนรู้ 1. ผลการเรียนรู้ 1.1 การประเมินผลความเข้าใจในเนื้อหาวิชา 1.2 การประเมินผลการมีส่วนร่วมในการแสดงความเห็น การแลกเปลี่ยนเรียนรู้ 2. วิธีการประเมินผลการเรียนรู้ 2.1 การทดสอบย่อยและแบบฝึกหัดในเนื้อหาวิชาที่มีการบรรยายในชั่วโมง 2.1 การประเมินการมีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็น การแลกเปลี่ยนเรียนรู้ 3. สัดส่วนของการประเมิน (5 คะแนน) 3.1 การประเมินความเข้าใจและการวิเคราะห์การสังเคราะห์ร้อยละ 60 3.2 การประเมินการมีส่วนร่วม การแลกเปลี่ยนเรียนรู้และการนําเสนอร้อยละ 40
  • 2. 24 เนื้อหาที่สอน แนวความคิดพุทธเศรษฐศาสตร์กับทฤษฎีปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง 3.1 แนวคิดและความหมายของพุทธเศรษฐศาสตร์ พุทธเศรษฐศาสตร์ เป็นแนวคิดที่เริ่มจากการพิจารณาสังคมเกษตร วัฒนธรรมทางสังคมและการมี พุทธศาสนาเป็นรากฐานสําคัญ โดยการประยุกต์หลักการทางศาสนาเข้ากับกิจกรรมทางการเกษตรซึ่งถือ เป็นกิจกรรมทางเศรษฐกิจหลักของประเทศไทย นอกจากนั้น การพัฒนาทางเศรษฐกิจในภาคอุตสาหกรรม ยังได้นําหลักสําคัญของพุทธศาสนา 3 ประการ (เสนะ อูนากูล, 2530) 1 มาประยุกต์เข้ากับแผนพัฒนา เศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เช่น หลักการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ (งดความชั่วหรือการคอรัปชั่น) การพัฒนาเชิงคุณภาพมากกว่าเชิงปริมาณ (ความดีหรือการคํานึงถึงผลิตและผลลัพธ์ที่มีคุณภาพตอบสนอง ต่อสังคม) และลดอัตราเร่งของการพัฒนาทางวัตถุที่อาจก่อให้เกิดปัญหาทางสังคม (ทําจิตให้ผ่องใส) แนวคิดของพุทธเศรษฐศาสตร์ได้ขยายความไปสู่แนวคิดทางการตลาด 2 เช่น คําว่า มูลค่า (Value) การบริโภค (Consumption) ความพอประมาณ (Moderation) การไม่บริโภค Non – Consumption) ความสันโดษ (Contentment) การทํางาน (Work) การผลิตหรือไม่ผลิต (Production and Non – Production) การแข่งขันและความร่วมมือ (Competition and Cooperation) โอกาสที่จะเลือก (Choice) และทัศนคติของชีวิต (Life View) ทั้งหมดที่กล่าวมาขึ้นอยู่กับการพิจารณาด้วยปัญญา ปัญญาในที่นี้ หมายถึง การรู้เท่าทันถึงทุกสิ่งทุกอย่าง ไม่เห็นแก่ประโยชน์ของตนมากเกินไป ไม่ตกทาสของความต้องการ หรือเรียกว่า กิเลสและตัณหา ทางพุทธศาสนาเรียกว่า อวิชชา การรู้เท่าทันคือการคํานึงถึงการกระทําเพื่อ ประโยชน์ทั้งตนเองและผู้อื่น ซึ่งจะนําไปสู่การมีชีวิตที่ดี (Well – Being) เรียกว่า ความมีฉันทะ การพัฒนา (Development) ในด้านหนึ่ง คือ เหตุแห่งความยุ่งเหยิง อาจหมายถึง การถอยหลัง หรือเดินหน้า โดยเฉพาะการพัฒนาความก้าวหน้าตามระบบเศรษฐกิจแบบทุนนิยม คือการทําให้เกิดการ ขยายตัวทางเศรษฐกิจ นั่นหมายถึงกิจกรรมทางการตลาดที่เพิ่มขึ้น ทั้งด้านการผลิต การบริโภค เกิดการ หมุนเวียนของเงินตรา ซึ่ง เป็นพฤติกรรมในการเพิ่มความโลภ ตัณหาความอยากและนําไปสู่ความล้มเหลว ของระบบเศรษฐกิจทุนนิยมหลายครั้งหลายคราว คําว่า การพัฒนาที่แท้จริงโดยพิจารณาจากมาตรฐานของพุทธธรรม คือ ความเรียบง่าย การบริโภค ให้น้อยลง แบ่งปันมากขึ้น การแบ่งปันในที่นี้ไม่ใช่การทําบุญหรือทํากุศล แต่เป็นการแบ่งปันในวิถีการ ดําเนินชีวิตและโครงสร้างทางสังคมที่ดํารงอยู่ (Parnwell, 1996) 3 ทฤษฎีปฎิฐานเศรษฐศาสตร์4 (Piboonsravut, 1997) ซึ่งพัฒนาจากพื้นฐานแนวคิดทฤษฎี ปทัสถาน (Normative Theory) และทฤษฎีปฏิฐาน (Positive Theory) กล่าวถึงธรรมชาติของมนุษย์ 2 ประการคือ ความไม่สมบูรณ์ของความรู้และการไม่มีความสัมพันธ์ระหว่างปัจเจกชนกับสิ่งอื่นๆ และหากทํา ให้เกิดความรู้ความเข้าใจในทั้งสองประการ จะทําให้เกิดการปลดเปลื้องความทุกข์ของตนเองและจะไม่ทําให้ ผู้อื่นเกิดทุกข์ ทั้งนี้ภายใต้หลักการของความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่และการประพฤติปฏิบัติที่เป็นไปตามครรลอง คลองธรรม ใช้ชีวิตด้วยความมีสติและการใช้ปัญญา
  • 3. 25 ความพยายามประยุกต์กระบวนทัศน์ที่เกี่ยวกับมนุษย์ในพุทธธรรมเข้ากับแนวคิดเศรษฐศาสตร์ ตะวันตก เป็นความพยายามในการพัฒนาสิ่งที่ขาดหายไปของเศรษฐศาสตร์ตะวันตก โดยใช้สิ่งที่ได้กล่าวมา ข้างต้นเป็นเครื่องมือในการดําเนินชีวิตตามวิถีท่ามกลางเศรษฐกิจที่มีความอ่อนไหวและไม่มีความมั่นคงมาก นัก 3.2แนวคิดเศรษฐศาสตร์มนุษยนิยมกับแนวคิดแบบพุทธและทรัพยากรมนุษย์ตามแนวพุทธเศรษฐศาสตร์ 5 จุดยืนของวิถีการผลิตแบบพุทธ คือการวิเคราะห์ปัญหาทุกอย่าง ซึ่งอาจเริ่มจากความสัมพันธ์ของ องค์ประกอบสามส่วน คือ ปัจจัยนําเข้า กระบวนการผลิต ผลผลิตและของเสีย ปัจจัยนําเข้า กระบวนการผลิต ภาพที่ 3.1 ความสัมพันธ์ขององค์ประกอบในการผลิตแบบพุทธ 6 ที่มา: อภิชัย พันธเสน. 2544. : 413 แนวคิดของกระบวนการผลิตข้างต้น ชี้ให้เห็นถึงประสิทธิภาพ ตั้งแต่กระบวนการนําเข้าทรัพยากร ซึ่งต้องมีการพิจารณาถึงคุณค่าในการใช้ประโยชน์ในกระบวนการผลิต และแน่นอนว่าผลจากกระบวนการ ผลิตย่อมต้องได้มาซึ่งผลผลิตและของเสียจากกระบวนการผลิตดังกล่าว ดังนั้น กระบวนการผลิตจึง จําเป็นต้องพิจารณาถึงการใช้ประโยชน์ที่แท้จริงของสิ่งที่เป็นปัจจัยนําเข้าสู่กระบวนการผลิตที่ต้องคํานึงถึง การนําปัจจัยด้านการผลิตมาใช้ประโยชน์ได้อย่างเต็มที่เหมาะสมกับผลผลิตที่ออกมา นอกจากนั้น ยังต้องมี ความจําเป็นในการพิจารณาของเสียจากกระบวนการผลิตเพื่อนํากลับไปใช้ประโยชน์ใหม่ และคํานึงถึง ผลกระทบต่อวิถีการดํารงชีวิต ทั้งทางตรงและทางอ้อม แนวคิดของความสัมพันธ์ขององค์ประกอบด้าน กระบวนการผลิตจึงเป็นแนวคิดที่เศรษฐศาสตร์สมัยใหม่เรียกว่า ความมีประสิทธิภาพ จุดยืนของกระบวนการผลิตแบบพุทธ ยังเน้นความเป็นจริงตามธรรมชาติ โดยให้น้ําหนักไปที่ ทรัพยากรมนุษย์ เนื่องจากถือว่า มนุษย์เป็นทั้งทรัพยากร ผู้สร้างทรัพยากร เช่น ทุน เทคโนโลยี และผู้ที่นํา ทรัพยากรจากธรรมชาติมาใช้ในกระบวนการการผลิต เช่น พลังงาน วัตถุดิบที่ได้มาจากธรรมชาติ อย่างไรก็ ตาม การสร้างผลผลิต และการบริโภคภายใต้ระบบเศรษฐกิจเสรีนิยมตะวันตก จําเป็นต้องอาศัยหลักการ 5 ประการ ที่นํามาจากหลักพุทธศาสตร์ (ขันธ์ 5) คือการที่ต้องรับรู้ทั้งโลกภายนอกและความรู้สึกของตนเอง ได้แก่ ประการแรก รูปธรรมทั้งหมด (Corporeality) ประการที่สอง ความรู้สึกทุกข์สุข (Filling or ผลผลิต ของเสีย
  • 4. 26 Sensation) ประการที่สาม ความหมายและการกําหนดความหมาย (Perception) ส่วนปรุงแต่งให้เกิด ความรู้สึกที่ดีหรือไม่ดี (ดีหรือชั่ว; Mental Formation)) ประการที่ห้า รูปรส กลิ่นเสียง (Consciousness) ทั้งนี้ ในประการแรก คือการพิจารณาของผู้ผลิตในเชิงรูปธรรม โดยพิจารณาจากความเป็นจริงที่ ปรากฏ เช่น ขีดความสามารถ ความต้องการของผู้บริโภคและสังคม ความจําเป็น รูปแบบที่ต้องการ ข้อจํากัดของทรัพยากรและข้อจํากัดอื่นๆ ผลที่จะได้จากการผลิต สภาพแวดล้อมที่เป็นจริง ผู้บริโภค จําเป็นต้องพิจารณาถึงการบริโภคผลผลิตเช่นกัน รูปธรรมหรือลักษณะที่สามารถมองเห็นได้ของผลผลิต คุณภาพของผลผลิต ข้อจํากัดของตนเองหรือเรียกว่ากําลังการบริโภค (เรียกว่า รูปขันธ์) 7 ประการที่สอง คือการพิจารณาถึงความรู้สึกเป็นสุขเมื่อได้ผลิตสิ่งของของผู้ผลิตเพื่อสนองความ ต้องการที่แท้จริงของผู้บริโภค ความรู้สึกเป็นสุขที่ได้บริโภคผลผลิตเพื่อสนองตอบความจําเป็นของผู้บริโภค ตามกําลังและความสามารถของตน (เรียกว่า เวทนา) ประการที่สาม คือการพิจารณาถึงความหมายของผลผลิต กล่าวคือ การสื่อความหมายให้เกิดการ รับรู้ถึงคุณภาพ วิธีการสนองตอบความต้องการที่เหมาะสม ทั้งด้านราคาและคุณภาพที่ผู้บริโภคต้องการ ผู้บริโภคจะเรียนรู้ถึงประสบการณ์จากการใช้ประโยชนจากผลผลิตดังกล่าว ทั้งยังมีความต้องการข่าวสาร เพื่อการเปรียบเทียบ ความรู้ความเข้าใจเพื่อให้เกิดความสอดคล้องต่อวิถีการดํารงชีวิตและความสอดคล้อง ต่อความต้องการที่เหมาะสม (เรียกว่า สัญญา) ประการที่สี่ คือการพิจารณาความดีความไม่ดี หรือการพิจารณาคุณภาพ การกําหนดราคา การ ผลิตที่กําหนดให้เกิดผลกระทบน้อยที่สุดต่อสังคมหรือสิ่งแวดล้อม ไม่เอารัดเอาเปรียบผู้บริโภคโดยการ กําหนดราคาสูงเพื่อให้ได้กําไรมากเกินความเป็นจริง คุณภาพของผลผลิตที่ได้มาตรฐานสามารถใช้ประโยชน์ ได้จริง ผู้ผลิตสามารถดํารงอยู่และพัฒนาผลผลิตของตนเองได้ตามศักยภาพ ขณะเดียวกัน ผู้บริโภคจะ พิจารณาสิ่งดังกล่าวเพื่อการบริโภคที่มีคุณค่าต่อตนเองและสังคมตามความเหมาะสม ความเหมาะสมในที่นี้ คือต่อกําลังทรัพย์ที่มีอยู่ ไม่เอารัดเอาเปรียบทั้งตนเองและผู้อื่นเพียงเพื่อความอยากได้อยากมีหรือเพื่อ ความทัดเทียมกับผู้ที่มีกําลังการบริโภคที่เหนือกว่า หรือความต้องการที่ไม่มีสิ้นสุด เป็นต้น (เรียกว่าสังขาร) ประการที่ห้า คือความรู้สึก อารมณ์ รูป รส กลิ่นและเสียง เป็นการพิจารณาสิ่งที่เป็นรูปธรรมของ ผลผลิตที่ผลิต ซึ่งในทางเศรษฐศาสตร์การตลาด สิ่งดังกล่าวจะถูกใช้เป็นเครื่องมือในการจําหน่ายผลผลิต ผู้บริโภคจะใช้สิ่งดังกล่าวเป็นเครื่องมือในการตัดสินใจเพื่อการบริโภคเช่นกัน ในประการที่ห้า ทั้งผู้ผลิตและ ผู้บริโภคจําเป็นต้องมีคุณสมบัติทั้งสี่ประการข้างต้นเพื่อประกอบในการตัดสินใจ (เรียกว่า วิญญาณ) อย่างไรก็ตาม ภายใต้เศรษฐกิจแนวคิดกระแสหลัก การนําหลักเศรษฐกิจแบบพุทธมาปรับใช้ไม่ จําเพาะเจาะจงว่าจะเป็นหลักขันธ์ 5 แต่หลักพุทธธรรมอื่นๆ สามารถนํามาใช้ประโยชน์เพื่อทําให้เกิดสังคม ที่ดี (ธรรมาภิบาล) เกิดความเอื้ออาทร ไม่เอารัดเอาเปรียบ เกิดความรู้เท่าทันจากการศึกษาข่าวสาร เกิด ความยับยั้งชั่งใจ เกิดปัญญาจากการศึกษาข้อมูลต่างๆ ก่อนการตัดสินใจด้วยความไม่ประมาท
  • 5. 27 เหตุผลที่ หลักเศรษฐศาสตร์แนวพุทธเน้นในด้านทรัพยากรมนุษย์ เนื่องจากเห็นความสําคัญของ การใช้ปัญญา ซึ่งการนําขันธ์ 5 มาเป็นเงื่อนไขการดํารงชีวิตจะก่อให้เกิดปัญญา อภิชัย พันธเสน เสนอว่า “ การไม่มีอัตตา การมีสุขภาพกายและจิตเพื่อสัมผัสที่สมบูรณ์ การมีสติที่มั่นคง สามารถจับยึดสิ่งที่ผ่าน เข้ามาเพื่อการตรวจสอบได้ มีการให้ความหมายของสิ่งนั้นๆ ตามความเป็นจริงและในที่สุดจะต้องไม่มีการ ปรุงแต่งสิ่งเหล่านั้นนอกเหนือไปจากความเป็นจริง” ดังนั้น คําว่าปัญญาตามหลักพุทธเศรษฐศาสตร์ คือวิธีการดํารงชีวิตอย่างระมัดระวังรอบคอบ มีสติ ในการกระทําสิ่งต่างๆ คํานึงถึง คุณธรรม จริยธรรม และสภาพแวดล้อม ไม่ว่าจะเป็น การบริโภค การผลิต 3.3 จริยธรรมเชิงพุทธกับทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม เศรษฐศาสตร์ที่เกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มีพัฒนาการจากองค์ความรู้ด้าน นิเวศน์วิทยา นอกจากจะมีการพัฒนาองค์ความรู้ไปสู่เศรษฐศาสตร์ทรัพยากรธรรมชาติและนิเวศน์วิทยา แล้วยังพัฒนาไปสู่องค์ความรู้ด้านการจัดการสาธารณะ โดยถือว่าเป็นหน้าที่สาธารณะของภาครัฐที่ต้องมี การจัดการและเป็นส่วนหนึ่งที่จะต้องให้การบริการแก่ภาคสาธารณะ เศรษฐศาสตร์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นเรื่องที่เกี่ยวกับการใช้ประโยชน์จาก ทรัพยากรธรรมชาติ เช่น อากาศ น้ํา ดิน แร่ธาตุ ป่าไม้ การใช้ประโยชน์จากระบบนิเวศน์ เช่น การล่าสัตว์ ทั้งการนํามาเป็นอาหารและการกีฬา การใช้ประโยชน์จากระบบชีวภาพเพื่อการผลิตผลลิตด้านการเกษตร ด้านสุขภาพอนามัย เป็นต้น การใช้ประโยชน์ดังกล่าว เป็นการนําทรัพยากรธรรมชาติและระบบนิเวศน์มาใช้จนเกินความสมดุล เป็นเหตุทําให้เกิดความสูญเสียและการทําลายสิ่งดังกล่าว ดังนั้นเศรษฐศาสตร์ทรัพยากรธรรมชาติและ สิ่งแวดล้อมจึงเป็นองค์ความรู้ที่เป็นแนวทางการจัดการให้เกิดการใช้ประโยชน์อย่างคุ้มค่าและเป็นแนวทาง ต่อการดํารงรักษาให้ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดํารงอยู่เพื่อการใช้ประโยชน์ให้ได้นานที่สุดเท่าที่ จะทําได้ แนวคิดเศรษฐศาสตร์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจากตะวันตก เน้นในด้านการกระจาย และการจัดสรรมากกว่าการดํารงรักษาอย่างแท้จริง จะเห็นได้จากการใช้ตัวแบบเชิงคณิตศาสตร์มาใช้ในการ คํานวณเพื่อการจัดสรรและการกระจาย แทนการใช้กลไกของจิตสํานึกของมนุษย์และให้ความหมายต่อคํา ว่า จริยธรรม คุณธรรมจากจํานวนตัวเลขที่ทําการกระจายและการจัดสรร8 ซึ่งเรียกว่า จริยธรรมแบบ อรรถประโยชน์ ที่นําไปสู่ความยุติธรรมในการจัดสรรและการกระจายบนพื้นฐานของความหมายในเชิง “ ความเสมอภาค ” สิ่งที่ปรากฏออกมาจากระบบเศรษฐกิจแบบเสรีนิยมในปัจจุบันคือ ความขัดแย้งที่เกิดจากแนวคิด เศรษฐศาสตร์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมโดยจะพบว่า การเรียกร้องของผู้ที่ได้รับผลกระทบด้านลบ ต่อผู้ผลิตซึ่งก่อให้เกิดความเสียหายต่อทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จนทําให้เกิดผลเสียต่อการ
  • 6. 28 ดําเนินชีวิตของผู้เรียกร้องมีอยู่มากมายและมีหลายกรณี ทั้งนี้ ปัญหาดังกล่าวเกิดจากแนวคิดการจัดสรร และการกระจายที่มักจะเกี่ยวข้องกับการคํานวณถึงการชดเชยตามหลักเศรษฐศาสตร์ตะวันตกที่ใช้กลไก เชิงปฏิฐานในการคํานวณและตั้งอยู่บนพื้นฐานของประโยชน์ส่วนตัวร่วมอยู่ด้วยเสมอ นอกจากนั้น การบริหารสาธารณะซึ่งเกี่ยวข้องกับการบริหารรัฐกิจ นักการเมืองที่เข้ามาบริหาร ประเทศร่วมกับข้าราชการประจําซึ่งจะก่อให้เกิดผลลัพธ์อย่างไรนั้น ขึ้นอยู่กับพฤติกรรมการบริหารของ นักการการเมือง และมักจะเกิดปัญหาด้านต่าง ๆ โดยเฉพาะปัญหาความขัดแย้งสาธารณะอยู่เสมอ แนวคิดพุทธเศรษฐศาสตร์มีจุดยืนของจริยธรรมธรรมชาตินิยม หรือนิเวศวิทยาแนวลึก (Deep Ecology) เน้นความเป็นสมดุลตามธรรมชาติ แนวคิดนี้ทําให้มนุษย์ไม่มีสิทธิก้าวล่วงต่อธรรมชาติ ตรงกัน ข้าม มนุษย์ต้องยอมรับการเปลี่ยนแปลงและยอมรับความเป็นจริงของธรรมชาติ9 ดังนั้น ประเด็นของความ ยั่งยืน จึงไม่ได้เป็นประเด็นที่สําคัญของพุทธเศรษฐศาสตร์ หากแต่ให้ความสําคัญต่อการใช้ประโยชน์สูงสุด จากทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มนุษย์จะต้องไม่เน้นประโยชน์ส่วนบุคคล ไม่กอบโกยผลประโยชน์ เพื่อความสุขส่วนตน ไม่เน้นการนําทรัพย์สินส่วนรวมมาเป็นใช้เพื่อประโยชน์สุขส่วนตน เป็นต้น 3.4 พุทธเศรษฐศาสตร์กับแนวปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง เมื่อพิจารณาแนวคิดปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง จะพบว่า แนวคิดเป็นส่วนสําคัญของพุทธ เศรษฐศาสตร์ พื้นฐานของพุทธเศรษฐศาสตร์เน้นจริยธรรมธรรมชาตินิยม จึงเท่ากับว่า เศรษฐกิจพอเพียง ยอมรับการเปลี่ยนแปลงของธรรมชาติ พื้นฐานแนวคิดเชื่อว่า การเปลี่ยนแปลงในระดับฐานรากเป็นสิ่ง สําคัญต่อการพัฒนาเศรษฐกิจ ทั้งนี้ ระดับฐานรากได้แก่ ชนบท สังคมการเกษตรที่ยังมีระดับความยากจน ค่อนข้างสูง และเชื่อมั่นว่า การกระจายรายได้ให้เกิดความมั่นคงเป็นผลดีต่อเศรษฐกิจส่วนรวมของประเทศ นัยของความหมายที่สอดคล้องกันระหว่างแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียงกับพุทธเศรษฐศาสตร์ จึงเป็น แนวคิดที่สามารถเข้าใจได้ง่ายตามหลักเศรษฐกิจพอเพียง กล่าวคือ มีความพอประมาณหรือการยึดหลักทาง สายกลาง ไม่โลภ ไม่เบียดเบียนผู้อื่น มีความซื่อตรง มีจริยธรรม มีคุณธรรม ดังนั้น คําว่า อรรถประโยชน์ใน แง่เศรษฐศาสตร์จากแนวคิดข้างต้นจึงเป็น “ อรรถประโยชน์ ” ที่ปราศจากกิเลส หรือแนวคิดที่อยู่บน พื้นฐานของการตัดสินใจเพื่อการใช้ประโยชน์ในสิ่งต่าง ๆ อย่างแท้จริง มีประสิทธิภาพและมีประสิทธิผล สูงสุด สิ่งที่ตรงกันข้ามกับแนวคิดขางต้นคือ “ อรรถประโยชน์ ” ในความหมายของเศรษฐศาสตร์ตะวันตก ซึ่งเน้นความพึงพอใจสูงสุดไม่เน้นการใช้ประโยชน์ที่แท้จริงแต่เน้นความพึงพอใจในการบริโภคเป็นหลักไม่ ว่าสิ่งที่นํามาใช้ในการบริโภคจะคุ้มค่าหรือไม่ก็ตาม จะเห็นว่า แนวคิดทั้งสอง มาจากพื้นฐานทางสังคมและวัฒนธรรมที่มีรากฐานของพุทธศาสนาดํารง อยู่ ดังนั้น การสื่อสารแนวความคิดบนพื้นฐานดังกล่าวทําให้ง่ายต่อการทําความเข้าใจ และสามารถนํามาใช้ ประโยชน์ในการดํารงชีวิตได้ทันที ไม่มีลักษณะที่ขัดขืนต่ออารยธรรม วัฒนธรรมและขัดต่อหลักประเพณี นิยมของสังคมไทย
  • 7. 29 3.5 การพัฒนาเศรษฐกิจตามแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียง แม้ว่าเศรษฐกิจกระแสหลักจะมีอิทธิพลต่อการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศไทยในภาพรวม แต่ก็ สามารถนําแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียงมาประยุกต์ให้สอดคล้องเหมาะสมได้ง่าย เนื่องจากสังคมไทยมีปัจจัย ดังที่ได้กล่าวแล้วข้างต้น เป็นพื้นฐานสําคัญต่อการประยุกต์แนวคิด นอกจากนั้น วัฒนธรรมและสังคมพื้นฐานที่ดํารงอยู่ ยังเป็นสิ่งที่เอื้อต่อการประยุกต์ใช้ในผู้ที่นับถือ ศาสนาอื่น ๆ เช่น ศาสนาอิสลาม ศาสนาคริสต์ หรือแม้แต่ศาสนาพุทธในนิกายอื่น หลักการของการพัฒนาตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียงสอดคล้องกับพุทธเศรษฐศาสตร์ในหลักการ ต่าง ๆ หลายประการ ได้แก่ 10 ประการแรก หลักการพึ่งพาตนเอง ซึ่งถือเป็นหลักการที่ใช้ในการลดหรือเลี่ยงการพึ่งพาปัจจัย ภายนอกมากเกินไป และในบางขณะก็ไมสามารถควบคุมปัจจัยภายนอกเหล่านั้นได้ อีกทั้งยังสามารถสร้าง ความมั่นคงทางเศรษฐกิจ มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์เทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ ๆ ของตนให้เกิดขึ้น สิ่ง ดังกล่าวเรียกว่า “ ความสามารถในการพึ่งพาตนเอง ” ประการที่สอง หลักความไม่ประมาท เป็นหลักของความกระตือรือร้น ขวนขวายอยู่เสมอ ไม่ เพิกเฉยต่อสภาพแวดล้อมรอบตัว เอาใจใส่ เตรียมความพร้อมตลอดเวลา ปรับปรุงเปลี่ยนแปลงแก้ไขสิ่ง บกพร่องของตนเองอย่างสม่ําเสมอ เพื่อให้บรรลุประโยชน์ท่ามกลางระบบเศรษฐกิจปัจจุบันที่มีความเสี่ยง สูง ทั้งนี้ จะต้องตั้งอยู่บนพื้นฐานของหลักความไม่ประมาทหรือกล่าวได้อีกอย่างหนึ่งว่าเป็นหลักความไม่ โลภ เนื่องจากความโลภนําไปสู่ความประมาท ประการที่สาม หลักอหิงสธรรมหรือหลักการไม่เบียดเบียนกันและกัน รวมถึงการให้ความเมตตา กรุณา เอื้ออาทรซึ่งกันและกันทั้งในระดับปัจเจกชนและระดับบังคมส่วนรวมหรือระดับรัฐบาล ในระดับ ปัจเจกเช่น การหลีกเลี่ยงการละเว้นการละเมิดลิขสิทธิ์ของบุคคลอื่น การลอกเลียนแบบสินค้า การคอรัปชั่น การคดโกงฉ้อฉล การไม่นําสิ่งของของบุคคลอื่นมาเป็นของตนไม่ว่าจะด้วยการถือเอาโดยใช้กฎหมายเป็น เครื่องมือฉกฉวยแล้วถือเป็นความชอบธรรม หรือการหลีกเลี่ยงเพื่อฉกฉวยผลประโยชน์จากช่องว่างของ ระเบียบกฎเกณฑ์ ในระดับรัฐบาล เช่น การสนับสนุนอาวุธยุทธวิธีเพื่อสนับสนุนการสู้รบในสงครามระหว่างประเทศ การคอรัปชั่นในโครงการเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ เช่น การคอรัปชั่นในโครงการรับจํานําข้าว การ คอรัปชั่นในโครงการสร้างโครงสร้างพื้นฐาน เป็นต้น ประการที่สี่ หลักสัมมาอาชีวะ คือหลักการประกอบอาชีพที่มีเจตนาให้เกิดประโยชน์และความสุข ของทุกคน ไม่หวังผลทางเศรษฐกิจแบบสุดโต่ง หรือการผลิตเพื่อการหวังผลกําไรสูงสุดโดยลดต้นทุนการ ผลิตให้ได้ต่ําที่สุดจนทําให้การผลิตก่อให้เกิดผลกระทบด้านลบต่อสังคมหรือมีผลกระทบด้านลบต่อ สภาพแวดล้อมดังนั้น คําว่าคุณภาพของผลผลิตจึงมีความสําคัญต่อหลักสัมมาอาชีวะไม่ว่าจะเป็นผลผลิตที่ เป็นสิ่งของหรือผลผลิตที่มีรูปแบบของการให้บริการ
  • 8. 30 ในด้านการบริโภคตามหลักสัมมาอาชีวะ คือการบริโภคที่ไม่ก่อให้เกิดความเดือดร้อนต่อสังคม ส่วนรวม เช่น การบริโภคทรัพยากรสาธารณะจนมีผลกระทบต่อการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรเหล่านั้น ตัวอย่างเช่น การใช้ทรัพยากรน้ําและทรัพยากรด้านพลังงานอย่างสิ้นเปลืองจนมีผลให้เกิดความขาดแคลน ดังนั้น หลักสัมมาอาชีวะ คือหลักการในการประกอบอาชีพ การผลิตและรวมถึงการบริโภคที่ต้อง เกื้อกูลซึ่งกันและกัน ประการที่ห้า หลักการไม่เบียดเบียนตนเองและผู้อื่น คือหลักซึ่งไม่เน้นผลประโยชน์ส่วนตน แต่ เน้นผลประโยชน์สวนรวม ไม่ก่อความเดือดร้อนแก่ผู้อื่น เช่น การลักลอบทิ้งสารเคมีหรือของเสียซึ่งเป็น อันตรายต่อสิ่งแวดล้อม จนมีผลกระทบต่อการดําเนินชีวิของคนในชุมชน การลักลอบทิ้งขยะ การเผาทําลาย ป่าเพื่อใช้ประโยชน์จากที่ดินจนเป็นเหตุให้เกิดไฟป่ามีผลต่อมลภาวะและการสูญเสียทรัพยากรธรรมชาติ นอกจากนั้น หลักการไม่เบียดเบียนผู้อื่นยังรวมหมายถึงการประกอบอาชีพที่ไม่ก่อความเดือดร้อนทั้งตนเอง และผู้อื่น เช่น การทุจริตต่อหน้าที่การทํางาน การก่ออาชญากรรม การก่อความเดือดร้อนต่อสังคมด้วย วิธีการต่าง ๆ เช่น การลักลอบแข่งรถจักรยานยนต์หรือรถยนต์บนท้องถนนสาธารณะ หลักการดังกล่าวรวมหมายถึง ความพอดีในการทําหน้าที่หรือการประมาณตนเอง เช่น การทํางาน มากจนเกิดความเครียดเนื่องจากต้องการรายได้สนองความต้องการในการบริโภคจนทําให้เกิดความเหนื่อย ล้ามีผลต่อสุขภาพร่างกายทั้งในระยะสั้นและระยะยาว เป็นต้น ประการที่หก หลักการละกิเลสและความโลภหมายถึงการพฤติกรรมที่ก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อ ความมั่นคงทางเศรษฐกิจ เช่น การใช้บัตรเครดิตเพื่อการบริโภคเกินความจําเป็น การใช้ทรัพยากรเงินเพื่อ การบริโภคสิ่งของตามความต้องการของตนเองมากเกินกว่าทุนทรัพย์ที่มีอยู่ การกระทําดังกล่าวนอกจากจะ สร้างความไม่มั่นคงทางเศรษฐกิจให้กับตัวเองแล้ว ยังอาจนําไปสู่ความเสียหายทางเศรษฐกิจส่วนรวมได้อีก ด้วย ประการที่เจ็ด ความซื่อสัตย์สุจริต เน้นความสัมพันธ์ทางการตลาดที่ไม่เอารัดเอาเปรียบระหว่าง ผู้ผลิตกับผู้บริโภคซึ่งจะไม่เกิดความขัดแย้งในระบบเศรษฐกิจ ผู้ผลิต ผลิตสินค้าที่มีคุณภาพได้มาตรฐาน และใช้ประโยชน์ได้จริง ผู้บริโภคมีความพึงพอใจในการบริโภคเพื่อประโยชน์หรือสนองความต้องการที่ แท้จริงของตน ไม่บริโภคเพื่อสนองความต้องการสูงสุดหรือความต้องการเทียมซึ่งหมายถึงกิเลส หรือความ โลภ 3.6 สรุป หลักการสําคัญของพุทธเศรษฐศาสตร์ที่มีต่อแนวทางการพัฒนาเศรษฐกิจตามแนวคิดเศรษฐกิจ พอเพียง สามารถนํามาประยุกต์ในสภาวะความเปลี่ยนแปลงของเศรษฐกิจสังคม ซึ่งถูกครอบงําจากแนวคิด กระแสหลัก ด้วยวิธีการเข้าถึงและพยายามปลูกฝังจิตสํานึกซึ่งจะมีผลต่อพฤติกรรมการแสดงออกของ
  • 9. 31 บทบาททั้งในระดับปัจเจกและในระดับสังคมหรือสาธารณะ โดยการผสานเข้ากับพื้นฐานวัฒนธรรมที่มีและ ดํารงอยู่ภายในสังคมนั้น กลไกทางสังคมภายใต้พื้นฐานที่ดํารงอยู่อาจเรียกได้อีกอย่างหนึ่งว่า “ ทุนทางสังคม ” และเมื่อ ผสมผสานเข้ากับหลักสําคัญข้างต้น จะทําให้ขั้นตอนการประยุกต์ตามแนวเศรษฐกิจพอเพียงเป็นไปได้อย่าง ประสิทธิภาพและเกิดประสิทธิผล อย่างไรก็ตาม การครอบงําจากกระแสหลักและการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีสารสนเทศ ทําให้ เกิดความขัดแย้งบกพร่องของการเชื่อมต่อวัฒนธรรมพื้นฐานทางสังคมที่ดํารงอยู่ภายใน ทําให้คนรุ่นใหม่ บางส่วนไม่สามารถซึมซับแนวทางดังกล่าวได้ สิ่งดังกล่าวมีผลต่อการพัฒนาเศรษฐกิจในระดับฐานราก พอสมควร แบบฝึกหัด 1. อธิบายความหมาย ความสําคัญและสถานภาพของแนวคิดพุทธเศรษฐศาสตร์ 2. อธิบายเหตุผลความล้มเหลวของแนวทางการพัฒนาตามแนวคิดเศรษฐศาสตร์กระแสหลัก 3. นักศึกษาอธิบายความสัมพันธ์ระหว่างแนวคิดพุทธเศรษฐศาสตร์กับแนวคิดเศรษฐกิจ พอเพียง 4. อธิบายกลไกตลาดตามแนวคิดพุทธเศรษฐศาสตร์ 5. นักศึกษาคิดว่าเทคโนโลยีมีผลต่อกระบวนการพัฒนาตามแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียงมาก น้อยเพียงใดอธิบายและยกตัวอย่างประกอบ 6.ให้นักศึกษาอธิบายหลัก“ความสามารถในการพึ่งพาตนเอง” 7.ให้นักศึกษาอธิบายหลักความไม่ประมาท 8.นักศึกษามีความเข้าใจต่อหลักการไม่เบียดเบียนกันหรือหลักอหิงสธรรมอย่างไร 9.หลักอรรถประโยชน์ในหลักเศรษฐศาสตร์กระแสหลักมีความแตกต่างจากหลักอรรถประโยชน์ในพุทธ เศรษฐศาสตร์อย่างไร 10.จงกล่าวถึงการนําหลักเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้ในการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ
  • 10. 32 เชิงอรรถ 1 อ่านรายละเอียดใน อภิชัย พันธเสน. (2544). พุทธเศรษฐศาสตร์ วิวัฒนาการ ทฤษฎีและการประยุกต์ กับเศรษฐศาสตร์สาขาต่างๆ. หน้า 9 – 20. อมรินทร์ปริ้นติ้งแอนด์ พับลิชชิง จํากัด (มหาชน). 2 อ่านรายละเอียดใน อภิชัย พันธเสน. (2544). พุทธเศรษฐศาสตร์ วิวัฒนาการ ทฤษฎีและการประยุกต์ กับเศรษฐศาสตร์สาขาต่างๆ. หน้า 399 – 435. อมรินทร์ปริ้นติ้งแอนด์ พับลิชชิง จํากัด (มหาชน). 3 อ่านรายละเอียดใน อภิชัย พันธเสน. (2544). พุทธเศรษฐศาสตร์ วิวัฒนาการ ทฤษฎีและการประยุกต์ กับเศรษฐศาสตร์สาขาต่างๆ. หน้า 436 - 460. อมรินทร์ปริ้นติ้งแอนด์ พับลิชชิง จํากัด (มหาชน). 4 อ่านรายละเอียดใน อภิชัย พันธเสน. (2544). พุทธเศรษฐศาสตร์ วิวัฒนาการ ทฤษฎีและการประยุกต์ กับเศรษฐศาสตร์สาขาต่างๆ. หน้า 17 – 20. อมรินทร์ปริ้นติ้งแอนด์ พับลิชชิง จํากัด (มหาชน). 5 อ่านรายละเอียดใน อภิชัย พันธเสน. (2544). พุทธเศรษฐศาสตร์ วิวัฒนาการ ทฤษฎีและการประยุกต์ กับเศรษฐศาสตร์สาขาต่างๆ. หน้า 331 – 390. อมรินทร์ปริ้นติ้งแอนด์ พับลิชชิง จํากัด (มหาชน). 6 อ่านรายละเอียดใน อภิชัย พันธเสน. (2544). พุทธเศรษฐศาสตร์ วิวัฒนาการ ทฤษฎีและการประยุกต์ กับเศรษฐศาสตร์สาขาต่างๆ. หน้า 413. อมรินทร์ปริ้นติ้งแอนด์ พับลิชชิง จํากัด (มหาชน). 7 อ่านรายละเอียดใน อภิชัย พันธเสน. (2544). พุทธเศรษฐศาสตร์ วิวัฒนาการ ทฤษฎีและการประยุกต์ กับเศรษฐศาสตร์สาขาต่างๆ. หน้า 353 – 365. อมรินทร์ปริ้นติ้งแอนด์ พับลิชชิง จํากัด (มหาชน). 8 อ่านรายละเอียดใน อภิชัย พันธเสน. (2544). พุทธเศรษฐศาสตร์ วิวัฒนาการ ทฤษฎีและการประยุกต์ กับเศรษฐศาสตร์สาขาต่างๆ. หน้า 343 – 360. อมรินทร์ปริ้นติ้งแอนด์ พับลิชชิง จํากัด (มหาชน). 9 อ่านรายละเอียดใน อภิชัย พันธเสน. (2544). พุทธเศรษฐศาสตร์ วิวัฒนาการ ทฤษฎีและการประยุกต์ กับเศรษฐศาสตร์สาขาต่างๆ. หน้า 343 – 360. อมรินทร์ปริ้นติ้งแอนด์ พับลิชชิง จํากัด (มหาชน). 10 อ่านรายละเอียดใน อภิชัย พันธเสน. (2544). พุทธเศรษฐศาสตร์ วิวัฒนาการ ทฤษฎีและการประยุกต์ กับเศรษฐศาสตร์สาขาต่างๆ. หน้า 713 – 740. อมรินทร์ปริ้นติ้งแอนด์ พับลิชชิง จํากัด (มหาชน).