SlideShare a Scribd company logo
คัดลอกมาจากหนังสือ “ถ้ารู้…คงผอมไปนานแล้ว” โดย โรสแมรี่


บทที่ 7 ความเข้าใจผิดเรื่องการลดน้้าหนัก
ความเชื่อหลายๆอย่าง มักจะสวนทางกับความจริง ในเรื่องการลดน้้าหนักก็เช่นกัน มีความเชื่อหลายอย่างที่เป็นเรื่องบอก
ต่อๆกันมา แต่เป็นความเชื่อที่ไม่ถูกต้อง


ความอ้วนกับกรรมพันธุ์
เราจะสังเกตเห็นว่าครอบครัวที่พ่อแม่อ้วน ลูกๆมักจะอ้วนตามไปด้วย จึงท้าให้คนส่วนใหญ่เข้าใจว่าความอ้วนเป็นเรื่องของ
กรรมพันธุ์
ความเข้าใจนี้ถูกต้องแต่ไม่ทั้งหมด เพราะว่าทางการแพทย์บอกเอาไว้ว่า กรรมพันธุ์(พันธุกรรม)มีผลต่อเรื่องของน้้าหนักตัว
เพียงแค่ 30% เท่านั้น เช่น อาจจะมีผลในเรื่องของการเผาผลาญที่น้อยกว่าปกติ หรือบางครอบครัวมีโรคประจ้าตระกูลที่เป็น
แล้วท้าให้อ้วนง่าย(เช่นไทรอยด์) แต่ไม่ได้หมายความว่าหากพ่อแม่อ้วน แล้วลูกจะต้องอ้วนแน่นอน 100% เพราะเราคงเห็น
หลายๆครอบครัวที่พ่อแม่อ้วนแต่ลูกผอม หรือพ่อแม่ผอมแต่ลูกอ้วน


สิ่งที่น่ากลัวในกรณีที่พ่อแม่หรือพี่น้องของเราอ้วน ไม่ใช่กรรมพันธุ์ แต่เป็นนิสัยต่างหาก เหตุที่พ่อแม่อ้วนก็เพราะ
พฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม ชอบทานอาหารที่ให้พลังงานมากและออกก้าลังกายน้อย เมื่อพ่อแม่มีพฤติกรรมแบบไหน ลูกๆก็
มักจะมีพฤติกรรมแบบนั้นตาม
ซึ่งพฤติกรรมที่ถูกปลูกฝังตั้งแต่เด็ก ก็จะกลายเป็นนิสัยติดตัว พ่อแม่ที่อ้วนจึงมักมีลูกที่อ้วนเพราะติดนิสัยที่ท้าให้อ้วน แต่
หากลูกไม้หล่นไกลต้น ไม่มีพฤติกรรมแบบพ่อแม่ หรือพยายามเปลี่ยนแปลงให้มีพฤติกรรมที่เหมาะสม คนที่มีพ่อแม่ที่อ้วน
ก็สามารถผอมได้เช่นกัน


เด็กอ้วนๆดีแล้ว
คนที่เป็นพ่อแม่นั้น มักจะห่วงว่าลูกของตนจะได้สารอาหารที่ไม่เพียงพอต่อการเจริญเติบโต จึงพยายามที่จะให้ลูกได้ทาน
เต็มที่ อะไรที่บ้ารุงได้ก็ซื้อมาให้ทาน แล้วพอลูกน้้าหนักตัวเริ่มเกินมาตรฐานก็คิดว่าไม่เป็นไร เด็กอ้วนดูน่ารักดี เดี๋ยวโตมาก็
ผอมเอง
ความคิดนี้เป็นความคิดที่ผิดมหันต์เลยทีเดียว เพราะพฤติกรรมการทานแบบผิดๆจะปลูกฝังในตัวเด็กจนเป็นนิสัย ซึ่งจะยิ่ง
เปลี่ยนแปลงยากเมื่อโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ และผู้ใหญ่ที่เริ่มอายุมากขึ้นจะมีกิจกรรมน้อยลง มีการเผาผลาญพลังงานน้อยลง สิ่ง
เหล่านี้ท้าให้เด็กที่อ้วน เมื่อโตเป็นผู้ใหญ่จะลดน้้าหนักลงได้ยากกว่าตอนที่เป็นเด็ก ข้อมูลทางการแพทย์และสถิติจึงบอกว่า
เด็กที่อ้วนจะมีแนวโน้มค่อนข้างมากที่จะเป็นผู้ใหญ่ที่อ้วน
และอย่าลืมว่าเด็กที่อ้วน มีโอกาสจะถูกเพื่อนล้อเรื่องรูปร่างของตนเองค่อนข้างมาก จึงท้าให้ไม่อยากเข้าสังคม ขาดความ
มั่นใจในตนเอง ซึ่งนิสัยเหล่านี้อาจจะถูกปลูกฝังไปจนเขาโตได้เช่นกัน


ที่ส้าคัญที่สุดก็คือ เด็กที่อ้วนมีโอกาสจะเป็นโรคที่เราคิดไม่ถึงว่าเด็กจะเป็นได้ เช่นโรคเบาหวาน โรคหัวใจ โรคไต หรือ
แม้แต่โรคมะเร็ง
ฉะนั้นหากวันนี้เรามีลูกหลานที่ยังเด็ก แต่เริ่มอ้วนเกินมาตรฐานแล้ว ก็ควรจะให้เขาเริ่มลดน้้าหนักในวันนี้ เพราะไม้อ่อนดัด
ง่ายไม้แก่ดัดยาก และการลดน้้าหนักตั้งแต่วันนี้ จะเป็นการป้องกันอันตรายที่จะเกิดขึ้นกับเขาในอนาคตได้ จึงเป็นความหวัง
ดีที่ถูกต้องและเหมาะสมที่สุด


ลดสัดส่วนที่ต้องการ
คนบางคนอาจจะมีสัดส่วนเกินเพียงแค่บางส่วน ไม่ได้ต้องการลดน้้าหนักทั้งตัว จึงมองหาวิธีการที่จะลดน้้าหนักเฉพาะส่วน
เช่น ออกก้าลังเฉพาะส่วน ทาครีมเฉพาะส่วน
แต่ในความเป็นจริงแล้ว เราไม่สามารถลดน้้าหนักเฉพาะส่วนได้ เพราะร่างกายจะดึงไขมันมาใช้ตามล้าดับ โดยเราไม่
สามารถไปเปลี่ยนแปลงล้าดับได้ ไขมันในร่างกายเราจะเป็นลักษณะเข้าก่อนออกทีหลัง นั่นคือไขมันจะสะสมที่หน้าท้อง
ก่อน แล้วสะสมที่ต้นขา หลัง คางและใบหน้าตามล้าดับ แต่เวลาร่างกายดึงไขมันมาใช้จะเริ่มดึงจาก ใบหน้า คาง หลัง ต้นขา
และหน้าท้องตามล้าดับ
หากเราซิทอัพเพื่อลดหน้าท้อง ปั่นจักรยานอากาศเพื่อลดต้นขา การกระท้าแบบนั้นจะช่วยกระชับได้เล็กน้อย แต่ไขมันแทบ
จะไม่ได้ลดลงเลย ตรงกันข้ามหากเราออกก้าลังกายเฉพาะส่วนมากเกินไป อาจท้าให้อวัยวะส่วนนั้นมีกล้ามเนื้อมากขึ้น
กลายเป็นว่าอวัยวะส่วนนั้นมีทั้งไขมันและกล้ามเนื้อมาก แทนที่เราจะได้รปร่างที่ดี กลับได้รูปร่างที่ดูล่้าบึ้ก แบบอ้วนท้วม
                                                                    ู
ไปแทน
ในทางปฏิบัติ หากเราต้องการลดสัดส่วน เราก็ต้องลดน้้าหนักตามปกติแล้วสัดส่วนจะลดลงเอง แต่หากต้องการจะลดเฉพาะ
ส่วน ทางการแพทย์บอกว่าเป็นเรื่องที่ไม่สามารถท้าได้


นอนน้อยกับนอนมาก
บางคนเข้าใจว่าการที่เรานอนน้อยลง จะท้าให้มีช่วงเวลาที่ร่างกายเราตื่นมากขึ้น ซึ่งจะช่วยให้ร่างกายเราเผาผลาญพลังงาน
มากขึ้น และช่วยให้เราลดน้้าหนักได้มากขึ้น
ความเข้าใจนี้ถูกต้องเพียงแค่ครึ่งเดียว เพราะหากเรานอนกลางวันร่างกายเราจะเผาผลาญพลังงานน้อยลง เราจึงไม่ควรนอน
กลางวัน
แต่การนอนในตอนกลางคืนกลับไม่ได้เป็นแบบนั้น ที่มหาวิทยาลัยโคลัมเบียของสหรัฐได้ท้าการวิจัยแล้วพบว่า คนที่นอน
น้อยกว่า 4 ชั่วโมงมีโอกาสเป็นโรคอ้วนมากขึ้นถึง 73% คนที่นอน 5 ชั่วโมงจะมีโอกาสเป็นโรคอ้วนขึ้น 50% ส่วนคนที่
นอนวันละ 6 ชั่วโมงจะมีโอกาสเป็นโรคอ้วนมากขึ้น 23%
โดยได้อธิบายว่า การนอนน้อยท้าให้ร่างกายมีระดับฮอร์โมนที่เปลี่ยนไป ซึ่งไปกระตุ้นให้ร่างกายของเราอยากทานอาหาร
มากขึ้น และสะสมไขมันเพิ่มขึ้น รู้อย่างนี้แล้วอย่าลืมนอนหลับให้เพียงพอวันละประมาณ 8 ชั่วโมง จะได้อ้วนยากขึ้น


Low Sugar , Low Fat
คนส่วนใหญ่จะถูกค้าสองค้านี้หลอก โดยคิดว่าหากทานอะไรก็ตามที่ Low Sugar (น้้าตาลน้อย) หรือ Low Fat(ไขมันน้อย)
แล้วจะไม่อ้วน
แต่ความเป็นจริงแล้ว แม้ว่าเราจะดื่มเครื่องดื่มหรืออาหารที่ Low Sugar , Low Fat แต่ถ้าทั้งวันเราได้พลังงานจากอาหารที่
ทาน มากกว่าพลังงานที่ร่างกายเราใช้ เราก็จะอ้วนขึ้นอยู่ดี


น้้าตาลเทียม เครื่องดื่ม 0 แคลอรี่
ในปัจจุบันได้มีการใช้สารให้ความหวานแทนน้้าตาลมากมาย ซึ่งผลดีก็คือ การที่เครื่องดื่มเหล่านี้ให้พลังงานน้อยมากหรือ
ไม่ให้พลังงานเลย ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งของผู้ที่ชอบทานอาหารหวานแต่ต้องการลดน้้าหนัก แต่สิ่งที่เราต้องท้าความเข้าใจ
ก็คือ แม้ว่าเราจะใช้น้าตาลเทียมแทนน้้าตาล แต่หากทั้งวันเราได้พลังงานจากอาหารที่ทาน มากกว่าพลังงานที่เราใช้ เราก็
อ้วนขึ้นได้อยู่ดี


งดคาร์โบไฮเดรต งดไขมัน จะผอม
ความเข้าใจที่ถูกต้องก็คือ หากเราทานอาหารที่มีไขมันหรือคาร์โบไฮเดรตทั้ง 3 มื้อ แต่พลังงานจากอาหารที่เราทาน น้อยกว่า
พลังงานที่เราใช้ เราก็สามารถลดน้้าหนักลงได้เช่นกัน เช่น หากเราทานข้าวผัดอเมริกันมื้อละครึ่งจานวันละ 3 มื้อ เราจะได้
พลังงาน 1,185 กิโลแคลอรี่ หากร่างกายเราเผาผลาญพลังงานวันละ 2,000 กิโลแคลอรี่ เราก็ยังสามารถลดน้้าหนักลงได้
(ลดลงเดือนละประมาณ 3 กิโลกรัม) เพราะพลังงานที่ได้จากอาหารที่ทานน้อยกว่าพลังงานที่เราใช้


ในทางตรงกันข้าม หากเราไม่ทานไขมันหรือคาร์โบไฮเดรตเลย แต่เราได้พลังงานจากอาหารที่ทาน มากกว่าพลังงานที่เราใช้
ในแต่ละวัน น้้าหนักเราก็สามารถเพิ่มได้เช่นกัน


ทานสลัดไม่อ้วนหรอก
คนส่วนใหญ่เวลาทานสลัดก็จะต้องใส่น้าสลัดไปด้วย ซึ่งน้้าสลัดให้พลังงานสูงมากๆ เพียง2-3 ช้อนชาก็ให้พลังงาน
ประมาณ 100 กิโลแคลอรี่ ในสลัด 1 จานที่เราทานเมื่อใส่น้าสลัดเราอาจจะได้พลังงานสูง 400-500 กิโลแคลอรี่ ซึ่งก็พอๆกับ
ทานอาหารปกติ 1 จานเลยทีเดียว
สลัดที่ทานแล้วช่วยให้ลดน้้าหนักได้ง่าย จะต้องเป็นสลัดที่มีแต่ผักและผลไม้ที่ให้พลังงานต่้ามีใยอาหารสูงเท่านั้น แต่ข้อเสีย
ของการทานสลัดที่มีแต่ผักเพื่อลดน้้าหนัก ก็คือเราจะได้โปรตีนน้อยเกินไป และได้พลังงานต่้าเกินไป ท้าให้กลายเป็นการ
ลดน้้าหนักที่ไม่กระชับ และท้าให้ร่างกายเผาผลาญน้อยลง ซึ่งท้าให้เกิดโยโย่ขึ้นได้
และบางคนทานสลัดแล้วไม่อยู่ท้องต้องหาอย่างอื่นทานอีก ซึ่งก็ท้าให้ไม่สามารถลดน้้าหนักลงได้ และอาจท้าให้น้าหนัก
เพิ่มขึ้นได้เช่นกัน


ทานผลไม้ไม่อ้วนหรอก
จากความเข้าใจที่ผ่านมาคงท้าให้เราตอบค้าถามนี้ได้แล้วว่า แม้ว่าเราจะทานผลไม้แต่เราได้พลังงานจากอาหารที่ทาน น้อย
กว่าพลังงานที่เราใช้ในแต่ละวัน เราก็สามารถลดน้้าหนักลงได้
แต่หากเราทานผลไม้แล้วเราได้พลังงานจากอาหารที่ทาน มากกว่าพลังงานที่เราใช้ในแต่ละวัน น้้าหนักเราก็สามารถเพิมขึ้น
                                                                                                         ่
ได้เช่นกัน


ดื่มเครื่องดื่มไม่เป็นไร
ในความเป็นจริงแล้วเครื่องดื่มหลายๆชนิด ให้พลังงานสูงอย่างที่เราคาดไม่ถึง เช่น นมรสหวาน1กล่องให้พลังงานประมาณ
250 กิโลแคลอรี่ หากดื่มวันละ 1 ลิตรก็จะได้พลังงานประมาณ 1,000 กิโลแคลอรี่เลยทีเดียว ซึ่งเป็นพลังงานที่พอๆกับไป
ทานพิซซ่า(นม 1 ลิตร ท้าให้น้าหนักเพิ่มได้เดือนละ3-4 กิโลกรัม)
ส่วนเครื่องดื่มประเภทชา กาแฟ หรือน้้าผลไม้ เช่น ชาเขียว ชามะนาว ชาเย็น กาแฟเย็น น้้าสั้มคั้น น้้าฝรั่ง น้้าอ้อย อาจจะให้
พลังงานมากถึง 250-300 กิโลแคลอรี่ต่อแก้วเลยทีเดียว ใครดื่มเครื่องดื่มเหล่านี้วันละ 1-2 แก้ว ก็แทบจะไม่ต่างจากคนที่ทาน
ข้าวเพิ่มวันละ 1 มื้อ (เครื่องดื่มที่ดื่มเพิ่มวันละ 1แก้ว ท้าให้น้าหนักเพิ่มขึ้นได้เดือนละ 2-3 กิโลกรัม)
แอลกอฮอล์ส่วนใหญ่จะมีพลังงานในตัวเพราะท้าจากพืช(เช่นยอดข้าว) เบียร์จึงให้พลังงานแก้วละประมาณ 150 กิโลแคลอรี่
เหล้าเพียวๆ 60ccให้พลังงานประมาณ 100-150 กิโลแคลอรี่(ผสมกับน้้าอัดลมให้พลังงานประมาณ 200-300 กิโลแคลอรี่)
คนทานแอลกอฮอล์จึงมักจะไม่ค่อยประสบความส้าเร็จในการลดน้้าหนัก


ทางเลือกที่ถูกต้องของคนที่ต้องการลดน้้าหนักก็คือ พยายามดื่มเครื่องดื่มทุกชนิดให้น้อยที่ สุด(ไม่ดื่มได้ยิ่งดี ) และพยายาม
ดื่มน้้าเปล่าให้มากที่สุด
ควบคุมแคลอรี่ ไม่ใช่ควบคุมอาหาร
จากความเข้าใจทั้งหมดจึงท้าให้เราสามารถสรุปได้ว่า หากเราต้องการลดน้้าหนัก สิ่งที่เราต้องควบคุมไม่ใช่เรื่องการควบคุม
อาหาร แต่เป็นการควบคุมแคลอรี่(พลังงาน)ของอาหาร
ไม่ว่าเราจะเราทานอาหารอะไรก็ตามแล้วได้พลังงาน น้อยกว่าพลังงานที่เราใช้น้าหนักของเราก็จะลดลง


ไม่ว่าเราจะเราทานอาหารอะไรก็ตามแล้วได้พลังงาน พอๆกับพลังงานที่เราใช้น้าหนักของเราก็จะคงที่


ไม่ว่าเราจะเราทานอาหารอะไรก็ตามแล้วได้พลังงาน มากกว่าพลังงานที่เราใช้น้าหนักของเราก็จะเพิ่มขึ้น


หลังจากท้าความเข้าใจพื้นฐานเกี่ยวกับการลดน้้าหนักแล้ว หลังจากนี้เราจะมาท้าความรู้จักวิธีการลดน้้าหนักที่มีใน
ท้องตลาด ว่าแต่ละวิธีมีหลักการอย่างไร และสิ่งที่เราจะได้รับจากแต่ละวิธีคืออะไร

More Related Content

Similar to อ้วน

โภชนบัญญัติ
โภชนบัญญัติโภชนบัญญัติ
โภชนบัญญัติ
anutidabulakorn
 
โภชนบัญญัติ
โภชนบัญญัติโภชนบัญญัติ
โภชนบัญญัติ
anutidabulakorn
 
อาหารบำรุงสมองตอบสนองวัยเรียน
อาหารบำรุงสมองตอบสนองวัยเรียนอาหารบำรุงสมองตอบสนองวัยเรียน
อาหารบำรุงสมองตอบสนองวัยเรียน
Caween Queen
 
โรคเบาหวาน2003
โรคเบาหวาน2003โรคเบาหวาน2003
โรคเบาหวาน2003maprang1962
 
โรคเบาหวาน2003
โรคเบาหวาน2003โรคเบาหวาน2003
โรคเบาหวาน2003
maprang1962
 
PangcomFinal
PangcomFinalPangcomFinal
PangcomFinal
TaohooAutumn
 
Breakfast
BreakfastBreakfast
Breakfast
ssuserf1e77f
 
สูตรลดความอ้วนของคุณม้า อรนภา และอีกหลายวิธี
สูตรลดความอ้วนของคุณม้า อรนภา และอีกหลายวิธีสูตรลดความอ้วนของคุณม้า อรนภา และอีกหลายวิธี
สูตรลดความอ้วนของคุณม้า อรนภา และอีกหลายวิธีSomchai Chatmaleerat
 
ปัญหาการลดความอ้วน
ปัญหาการลดความอ้วนปัญหาการลดความอ้วน
ปัญหาการลดความอ้วน
aousarach
 
กินอย่างไรไม่ให้อ้วน
กินอย่างไรไม่ให้อ้วนกินอย่างไรไม่ให้อ้วน
กินอย่างไรไม่ให้อ้วน
ntkaum
 
โรคอ้วน007
โรคอ้วน007โรคอ้วน007
โรคอ้วน007
Anirut007
 
สุขภาพที่ดีเริ่มต้นที่
สุขภาพที่ดีเริ่มต้นที่สุขภาพที่ดีเริ่มต้นที่
สุขภาพที่ดีเริ่มต้นที่guestcfd317
 
บทที่ ๓ อาหารหลัก ๕ หมู่
บทที่ ๓ อาหารหลัก ๕ หมู่บทที่ ๓ อาหารหลัก ๕ หมู่
บทที่ ๓ อาหารหลัก ๕ หมู่
kasocute
 
การรักษาโรคอ้วน
การรักษาโรคอ้วนการรักษาโรคอ้วน
การรักษาโรคอ้วน
Khunchit Krusawat
 

Similar to อ้วน (20)

โภชนบัญญัติ
โภชนบัญญัติโภชนบัญญัติ
โภชนบัญญัติ
 
โภชนบัญญัติ
โภชนบัญญัติโภชนบัญญัติ
โภชนบัญญัติ
 
อาหารบำรุงสมองตอบสนองวัยเรียน
อาหารบำรุงสมองตอบสนองวัยเรียนอาหารบำรุงสมองตอบสนองวัยเรียน
อาหารบำรุงสมองตอบสนองวัยเรียน
 
โรคเบาหวาน2003
โรคเบาหวาน2003โรคเบาหวาน2003
โรคเบาหวาน2003
 
โรคเบาหวาน2003
โรคเบาหวาน2003โรคเบาหวาน2003
โรคเบาหวาน2003
 
PangcomFinal
PangcomFinalPangcomFinal
PangcomFinal
 
Dm
DmDm
Dm
 
Clu5
Clu5Clu5
Clu5
 
Clu5
Clu5Clu5
Clu5
 
ธิดารัตน์ 502
ธิดารัตน์ 502ธิดารัตน์ 502
ธิดารัตน์ 502
 
Breakfast
BreakfastBreakfast
Breakfast
 
สูตรลดความอ้วนของคุณม้า อรนภา และอีกหลายวิธี
สูตรลดความอ้วนของคุณม้า อรนภา และอีกหลายวิธีสูตรลดความอ้วนของคุณม้า อรนภา และอีกหลายวิธี
สูตรลดความอ้วนของคุณม้า อรนภา และอีกหลายวิธี
 
Presentation1
Presentation1Presentation1
Presentation1
 
ปัญหาการลดความอ้วน
ปัญหาการลดความอ้วนปัญหาการลดความอ้วน
ปัญหาการลดความอ้วน
 
กินอย่างไรไม่ให้อ้วน
กินอย่างไรไม่ให้อ้วนกินอย่างไรไม่ให้อ้วน
กินอย่างไรไม่ให้อ้วน
 
โรคอ้วน007
โรคอ้วน007โรคอ้วน007
โรคอ้วน007
 
สุขภาพที่ดีเริ่มต้นที่
สุขภาพที่ดีเริ่มต้นที่สุขภาพที่ดีเริ่มต้นที่
สุขภาพที่ดีเริ่มต้นที่
 
บทที่ ๓ อาหารหลัก ๕ หมู่
บทที่ ๓ อาหารหลัก ๕ หมู่บทที่ ๓ อาหารหลัก ๕ หมู่
บทที่ ๓ อาหารหลัก ๕ หมู่
 
ผลไม้ต่อสุขภาพ
ผลไม้ต่อสุขภาพผลไม้ต่อสุขภาพ
ผลไม้ต่อสุขภาพ
 
การรักษาโรคอ้วน
การรักษาโรคอ้วนการรักษาโรคอ้วน
การรักษาโรคอ้วน
 

อ้วน

  • 1. คัดลอกมาจากหนังสือ “ถ้ารู้…คงผอมไปนานแล้ว” โดย โรสแมรี่ บทที่ 7 ความเข้าใจผิดเรื่องการลดน้้าหนัก ความเชื่อหลายๆอย่าง มักจะสวนทางกับความจริง ในเรื่องการลดน้้าหนักก็เช่นกัน มีความเชื่อหลายอย่างที่เป็นเรื่องบอก ต่อๆกันมา แต่เป็นความเชื่อที่ไม่ถูกต้อง ความอ้วนกับกรรมพันธุ์ เราจะสังเกตเห็นว่าครอบครัวที่พ่อแม่อ้วน ลูกๆมักจะอ้วนตามไปด้วย จึงท้าให้คนส่วนใหญ่เข้าใจว่าความอ้วนเป็นเรื่องของ กรรมพันธุ์ ความเข้าใจนี้ถูกต้องแต่ไม่ทั้งหมด เพราะว่าทางการแพทย์บอกเอาไว้ว่า กรรมพันธุ์(พันธุกรรม)มีผลต่อเรื่องของน้้าหนักตัว เพียงแค่ 30% เท่านั้น เช่น อาจจะมีผลในเรื่องของการเผาผลาญที่น้อยกว่าปกติ หรือบางครอบครัวมีโรคประจ้าตระกูลที่เป็น แล้วท้าให้อ้วนง่าย(เช่นไทรอยด์) แต่ไม่ได้หมายความว่าหากพ่อแม่อ้วน แล้วลูกจะต้องอ้วนแน่นอน 100% เพราะเราคงเห็น หลายๆครอบครัวที่พ่อแม่อ้วนแต่ลูกผอม หรือพ่อแม่ผอมแต่ลูกอ้วน สิ่งที่น่ากลัวในกรณีที่พ่อแม่หรือพี่น้องของเราอ้วน ไม่ใช่กรรมพันธุ์ แต่เป็นนิสัยต่างหาก เหตุที่พ่อแม่อ้วนก็เพราะ พฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม ชอบทานอาหารที่ให้พลังงานมากและออกก้าลังกายน้อย เมื่อพ่อแม่มีพฤติกรรมแบบไหน ลูกๆก็ มักจะมีพฤติกรรมแบบนั้นตาม ซึ่งพฤติกรรมที่ถูกปลูกฝังตั้งแต่เด็ก ก็จะกลายเป็นนิสัยติดตัว พ่อแม่ที่อ้วนจึงมักมีลูกที่อ้วนเพราะติดนิสัยที่ท้าให้อ้วน แต่ หากลูกไม้หล่นไกลต้น ไม่มีพฤติกรรมแบบพ่อแม่ หรือพยายามเปลี่ยนแปลงให้มีพฤติกรรมที่เหมาะสม คนที่มีพ่อแม่ที่อ้วน ก็สามารถผอมได้เช่นกัน เด็กอ้วนๆดีแล้ว คนที่เป็นพ่อแม่นั้น มักจะห่วงว่าลูกของตนจะได้สารอาหารที่ไม่เพียงพอต่อการเจริญเติบโต จึงพยายามที่จะให้ลูกได้ทาน เต็มที่ อะไรที่บ้ารุงได้ก็ซื้อมาให้ทาน แล้วพอลูกน้้าหนักตัวเริ่มเกินมาตรฐานก็คิดว่าไม่เป็นไร เด็กอ้วนดูน่ารักดี เดี๋ยวโตมาก็ ผอมเอง ความคิดนี้เป็นความคิดที่ผิดมหันต์เลยทีเดียว เพราะพฤติกรรมการทานแบบผิดๆจะปลูกฝังในตัวเด็กจนเป็นนิสัย ซึ่งจะยิ่ง เปลี่ยนแปลงยากเมื่อโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ และผู้ใหญ่ที่เริ่มอายุมากขึ้นจะมีกิจกรรมน้อยลง มีการเผาผลาญพลังงานน้อยลง สิ่ง เหล่านี้ท้าให้เด็กที่อ้วน เมื่อโตเป็นผู้ใหญ่จะลดน้้าหนักลงได้ยากกว่าตอนที่เป็นเด็ก ข้อมูลทางการแพทย์และสถิติจึงบอกว่า เด็กที่อ้วนจะมีแนวโน้มค่อนข้างมากที่จะเป็นผู้ใหญ่ที่อ้วน
  • 2. และอย่าลืมว่าเด็กที่อ้วน มีโอกาสจะถูกเพื่อนล้อเรื่องรูปร่างของตนเองค่อนข้างมาก จึงท้าให้ไม่อยากเข้าสังคม ขาดความ มั่นใจในตนเอง ซึ่งนิสัยเหล่านี้อาจจะถูกปลูกฝังไปจนเขาโตได้เช่นกัน ที่ส้าคัญที่สุดก็คือ เด็กที่อ้วนมีโอกาสจะเป็นโรคที่เราคิดไม่ถึงว่าเด็กจะเป็นได้ เช่นโรคเบาหวาน โรคหัวใจ โรคไต หรือ แม้แต่โรคมะเร็ง ฉะนั้นหากวันนี้เรามีลูกหลานที่ยังเด็ก แต่เริ่มอ้วนเกินมาตรฐานแล้ว ก็ควรจะให้เขาเริ่มลดน้้าหนักในวันนี้ เพราะไม้อ่อนดัด ง่ายไม้แก่ดัดยาก และการลดน้้าหนักตั้งแต่วันนี้ จะเป็นการป้องกันอันตรายที่จะเกิดขึ้นกับเขาในอนาคตได้ จึงเป็นความหวัง ดีที่ถูกต้องและเหมาะสมที่สุด ลดสัดส่วนที่ต้องการ คนบางคนอาจจะมีสัดส่วนเกินเพียงแค่บางส่วน ไม่ได้ต้องการลดน้้าหนักทั้งตัว จึงมองหาวิธีการที่จะลดน้้าหนักเฉพาะส่วน เช่น ออกก้าลังเฉพาะส่วน ทาครีมเฉพาะส่วน แต่ในความเป็นจริงแล้ว เราไม่สามารถลดน้้าหนักเฉพาะส่วนได้ เพราะร่างกายจะดึงไขมันมาใช้ตามล้าดับ โดยเราไม่ สามารถไปเปลี่ยนแปลงล้าดับได้ ไขมันในร่างกายเราจะเป็นลักษณะเข้าก่อนออกทีหลัง นั่นคือไขมันจะสะสมที่หน้าท้อง ก่อน แล้วสะสมที่ต้นขา หลัง คางและใบหน้าตามล้าดับ แต่เวลาร่างกายดึงไขมันมาใช้จะเริ่มดึงจาก ใบหน้า คาง หลัง ต้นขา และหน้าท้องตามล้าดับ หากเราซิทอัพเพื่อลดหน้าท้อง ปั่นจักรยานอากาศเพื่อลดต้นขา การกระท้าแบบนั้นจะช่วยกระชับได้เล็กน้อย แต่ไขมันแทบ จะไม่ได้ลดลงเลย ตรงกันข้ามหากเราออกก้าลังกายเฉพาะส่วนมากเกินไป อาจท้าให้อวัยวะส่วนนั้นมีกล้ามเนื้อมากขึ้น กลายเป็นว่าอวัยวะส่วนนั้นมีทั้งไขมันและกล้ามเนื้อมาก แทนที่เราจะได้รปร่างที่ดี กลับได้รูปร่างที่ดูล่้าบึ้ก แบบอ้วนท้วม ู ไปแทน ในทางปฏิบัติ หากเราต้องการลดสัดส่วน เราก็ต้องลดน้้าหนักตามปกติแล้วสัดส่วนจะลดลงเอง แต่หากต้องการจะลดเฉพาะ ส่วน ทางการแพทย์บอกว่าเป็นเรื่องที่ไม่สามารถท้าได้ นอนน้อยกับนอนมาก บางคนเข้าใจว่าการที่เรานอนน้อยลง จะท้าให้มีช่วงเวลาที่ร่างกายเราตื่นมากขึ้น ซึ่งจะช่วยให้ร่างกายเราเผาผลาญพลังงาน มากขึ้น และช่วยให้เราลดน้้าหนักได้มากขึ้น ความเข้าใจนี้ถูกต้องเพียงแค่ครึ่งเดียว เพราะหากเรานอนกลางวันร่างกายเราจะเผาผลาญพลังงานน้อยลง เราจึงไม่ควรนอน กลางวัน
  • 3. แต่การนอนในตอนกลางคืนกลับไม่ได้เป็นแบบนั้น ที่มหาวิทยาลัยโคลัมเบียของสหรัฐได้ท้าการวิจัยแล้วพบว่า คนที่นอน น้อยกว่า 4 ชั่วโมงมีโอกาสเป็นโรคอ้วนมากขึ้นถึง 73% คนที่นอน 5 ชั่วโมงจะมีโอกาสเป็นโรคอ้วนขึ้น 50% ส่วนคนที่ นอนวันละ 6 ชั่วโมงจะมีโอกาสเป็นโรคอ้วนมากขึ้น 23% โดยได้อธิบายว่า การนอนน้อยท้าให้ร่างกายมีระดับฮอร์โมนที่เปลี่ยนไป ซึ่งไปกระตุ้นให้ร่างกายของเราอยากทานอาหาร มากขึ้น และสะสมไขมันเพิ่มขึ้น รู้อย่างนี้แล้วอย่าลืมนอนหลับให้เพียงพอวันละประมาณ 8 ชั่วโมง จะได้อ้วนยากขึ้น Low Sugar , Low Fat คนส่วนใหญ่จะถูกค้าสองค้านี้หลอก โดยคิดว่าหากทานอะไรก็ตามที่ Low Sugar (น้้าตาลน้อย) หรือ Low Fat(ไขมันน้อย) แล้วจะไม่อ้วน แต่ความเป็นจริงแล้ว แม้ว่าเราจะดื่มเครื่องดื่มหรืออาหารที่ Low Sugar , Low Fat แต่ถ้าทั้งวันเราได้พลังงานจากอาหารที่ ทาน มากกว่าพลังงานที่ร่างกายเราใช้ เราก็จะอ้วนขึ้นอยู่ดี น้้าตาลเทียม เครื่องดื่ม 0 แคลอรี่ ในปัจจุบันได้มีการใช้สารให้ความหวานแทนน้้าตาลมากมาย ซึ่งผลดีก็คือ การที่เครื่องดื่มเหล่านี้ให้พลังงานน้อยมากหรือ ไม่ให้พลังงานเลย ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งของผู้ที่ชอบทานอาหารหวานแต่ต้องการลดน้้าหนัก แต่สิ่งที่เราต้องท้าความเข้าใจ ก็คือ แม้ว่าเราจะใช้น้าตาลเทียมแทนน้้าตาล แต่หากทั้งวันเราได้พลังงานจากอาหารที่ทาน มากกว่าพลังงานที่เราใช้ เราก็ อ้วนขึ้นได้อยู่ดี งดคาร์โบไฮเดรต งดไขมัน จะผอม ความเข้าใจที่ถูกต้องก็คือ หากเราทานอาหารที่มีไขมันหรือคาร์โบไฮเดรตทั้ง 3 มื้อ แต่พลังงานจากอาหารที่เราทาน น้อยกว่า พลังงานที่เราใช้ เราก็สามารถลดน้้าหนักลงได้เช่นกัน เช่น หากเราทานข้าวผัดอเมริกันมื้อละครึ่งจานวันละ 3 มื้อ เราจะได้ พลังงาน 1,185 กิโลแคลอรี่ หากร่างกายเราเผาผลาญพลังงานวันละ 2,000 กิโลแคลอรี่ เราก็ยังสามารถลดน้้าหนักลงได้ (ลดลงเดือนละประมาณ 3 กิโลกรัม) เพราะพลังงานที่ได้จากอาหารที่ทานน้อยกว่าพลังงานที่เราใช้ ในทางตรงกันข้าม หากเราไม่ทานไขมันหรือคาร์โบไฮเดรตเลย แต่เราได้พลังงานจากอาหารที่ทาน มากกว่าพลังงานที่เราใช้ ในแต่ละวัน น้้าหนักเราก็สามารถเพิ่มได้เช่นกัน ทานสลัดไม่อ้วนหรอก
  • 4. คนส่วนใหญ่เวลาทานสลัดก็จะต้องใส่น้าสลัดไปด้วย ซึ่งน้้าสลัดให้พลังงานสูงมากๆ เพียง2-3 ช้อนชาก็ให้พลังงาน ประมาณ 100 กิโลแคลอรี่ ในสลัด 1 จานที่เราทานเมื่อใส่น้าสลัดเราอาจจะได้พลังงานสูง 400-500 กิโลแคลอรี่ ซึ่งก็พอๆกับ ทานอาหารปกติ 1 จานเลยทีเดียว สลัดที่ทานแล้วช่วยให้ลดน้้าหนักได้ง่าย จะต้องเป็นสลัดที่มีแต่ผักและผลไม้ที่ให้พลังงานต่้ามีใยอาหารสูงเท่านั้น แต่ข้อเสีย ของการทานสลัดที่มีแต่ผักเพื่อลดน้้าหนัก ก็คือเราจะได้โปรตีนน้อยเกินไป และได้พลังงานต่้าเกินไป ท้าให้กลายเป็นการ ลดน้้าหนักที่ไม่กระชับ และท้าให้ร่างกายเผาผลาญน้อยลง ซึ่งท้าให้เกิดโยโย่ขึ้นได้ และบางคนทานสลัดแล้วไม่อยู่ท้องต้องหาอย่างอื่นทานอีก ซึ่งก็ท้าให้ไม่สามารถลดน้้าหนักลงได้ และอาจท้าให้น้าหนัก เพิ่มขึ้นได้เช่นกัน ทานผลไม้ไม่อ้วนหรอก จากความเข้าใจที่ผ่านมาคงท้าให้เราตอบค้าถามนี้ได้แล้วว่า แม้ว่าเราจะทานผลไม้แต่เราได้พลังงานจากอาหารที่ทาน น้อย กว่าพลังงานที่เราใช้ในแต่ละวัน เราก็สามารถลดน้้าหนักลงได้ แต่หากเราทานผลไม้แล้วเราได้พลังงานจากอาหารที่ทาน มากกว่าพลังงานที่เราใช้ในแต่ละวัน น้้าหนักเราก็สามารถเพิมขึ้น ่ ได้เช่นกัน ดื่มเครื่องดื่มไม่เป็นไร ในความเป็นจริงแล้วเครื่องดื่มหลายๆชนิด ให้พลังงานสูงอย่างที่เราคาดไม่ถึง เช่น นมรสหวาน1กล่องให้พลังงานประมาณ 250 กิโลแคลอรี่ หากดื่มวันละ 1 ลิตรก็จะได้พลังงานประมาณ 1,000 กิโลแคลอรี่เลยทีเดียว ซึ่งเป็นพลังงานที่พอๆกับไป ทานพิซซ่า(นม 1 ลิตร ท้าให้น้าหนักเพิ่มได้เดือนละ3-4 กิโลกรัม) ส่วนเครื่องดื่มประเภทชา กาแฟ หรือน้้าผลไม้ เช่น ชาเขียว ชามะนาว ชาเย็น กาแฟเย็น น้้าสั้มคั้น น้้าฝรั่ง น้้าอ้อย อาจจะให้ พลังงานมากถึง 250-300 กิโลแคลอรี่ต่อแก้วเลยทีเดียว ใครดื่มเครื่องดื่มเหล่านี้วันละ 1-2 แก้ว ก็แทบจะไม่ต่างจากคนที่ทาน ข้าวเพิ่มวันละ 1 มื้อ (เครื่องดื่มที่ดื่มเพิ่มวันละ 1แก้ว ท้าให้น้าหนักเพิ่มขึ้นได้เดือนละ 2-3 กิโลกรัม) แอลกอฮอล์ส่วนใหญ่จะมีพลังงานในตัวเพราะท้าจากพืช(เช่นยอดข้าว) เบียร์จึงให้พลังงานแก้วละประมาณ 150 กิโลแคลอรี่ เหล้าเพียวๆ 60ccให้พลังงานประมาณ 100-150 กิโลแคลอรี่(ผสมกับน้้าอัดลมให้พลังงานประมาณ 200-300 กิโลแคลอรี่) คนทานแอลกอฮอล์จึงมักจะไม่ค่อยประสบความส้าเร็จในการลดน้้าหนัก ทางเลือกที่ถูกต้องของคนที่ต้องการลดน้้าหนักก็คือ พยายามดื่มเครื่องดื่มทุกชนิดให้น้อยที่ สุด(ไม่ดื่มได้ยิ่งดี ) และพยายาม ดื่มน้้าเปล่าให้มากที่สุด
  • 5. ควบคุมแคลอรี่ ไม่ใช่ควบคุมอาหาร จากความเข้าใจทั้งหมดจึงท้าให้เราสามารถสรุปได้ว่า หากเราต้องการลดน้้าหนัก สิ่งที่เราต้องควบคุมไม่ใช่เรื่องการควบคุม อาหาร แต่เป็นการควบคุมแคลอรี่(พลังงาน)ของอาหาร ไม่ว่าเราจะเราทานอาหารอะไรก็ตามแล้วได้พลังงาน น้อยกว่าพลังงานที่เราใช้น้าหนักของเราก็จะลดลง ไม่ว่าเราจะเราทานอาหารอะไรก็ตามแล้วได้พลังงาน พอๆกับพลังงานที่เราใช้น้าหนักของเราก็จะคงที่ ไม่ว่าเราจะเราทานอาหารอะไรก็ตามแล้วได้พลังงาน มากกว่าพลังงานที่เราใช้น้าหนักของเราก็จะเพิ่มขึ้น หลังจากท้าความเข้าใจพื้นฐานเกี่ยวกับการลดน้้าหนักแล้ว หลังจากนี้เราจะมาท้าความรู้จักวิธีการลดน้้าหนักที่มีใน ท้องตลาด ว่าแต่ละวิธีมีหลักการอย่างไร และสิ่งที่เราจะได้รับจากแต่ละวิธีคืออะไร