Download free for 30 days
Sign in
Upload
Language (EN)
Support
Business
Mobile
Social Media
Marketing
Technology
Art & Photos
Career
Design
Education
Presentations & Public Speaking
Government & Nonprofit
Healthcare
Internet
Law
Leadership & Management
Automotive
Engineering
Software
Recruiting & HR
Retail
Sales
Services
Science
Small Business & Entrepreneurship
Food
Environment
Economy & Finance
Data & Analytics
Investor Relations
Sports
Spiritual
News & Politics
Travel
Self Improvement
Real Estate
Entertainment & Humor
Health & Medicine
Devices & Hardware
Lifestyle
Change Language
Language
English
Español
Português
Français
Deutsche
Cancel
Save
Submit search
EN
Uploaded by
N'Nat S'Sasitron
150 views
คอมไอ่เป้า
ใบงานที่ 5 เเบบโครงร่างโครงงาน
Education
◦
Read more
0
Save
Share
Embed
Embed presentation
Download
Download to read offline
1
/ 11
2
/ 11
3
/ 11
4
/ 11
5
/ 11
6
/ 11
7
/ 11
8
/ 11
9
/ 11
10
/ 11
11
/ 11
More Related Content
PDF
แบบร่างวโครงงานคอมพิวเตอร์
by
Thanthup Zied
PDF
โครงงานรรสมุทรปราการ
by
aispretty
PPTX
เมตริกซ์
by
worm741852
DOC
โครงงาน
by
อานนท์ นามลาด
PDF
แบบทดสอบ เศรษฐศาสตร์ ม.3
by
teerachon
PDF
โครงงาน Smart ruller
by
Unity' Aing
PPT
111
by
pranee54
DOC
การวาดเส้นลาย
by
L Eiei
แบบร่างวโครงงานคอมพิวเตอร์
by
Thanthup Zied
โครงงานรรสมุทรปราการ
by
aispretty
เมตริกซ์
by
worm741852
โครงงาน
by
อานนท์ นามลาด
แบบทดสอบ เศรษฐศาสตร์ ม.3
by
teerachon
โครงงาน Smart ruller
by
Unity' Aing
111
by
pranee54
การวาดเส้นลาย
by
L Eiei
Similar to คอมไอ่เป้า
PDF
โครงงานสมบูรณ์
by
Kantisa Motalee
PDF
Complete unperfect โครงงาน
by
Nutriji Sironato
PDF
แบบร่างโครงงาน
by
Vant Suriya
DOC
K3
by
Seew' Pobpon
PDF
2560 project
by
Nicharee Kornkaew
PDF
ใบงานที่ 2 - 8
by
PluemSupichaya
PDF
แผนการจัดการเรียนรู้ 6
by
kanjana2536
DOCX
การแปลงทางเรขาคณิต
by
phunnika
PPT
การแปลงทางเรขาคณิต
by
kruyafkk
PDF
K3
by
Warunee Somnual
PPTX
ใบงานท 7
by
ployprapim
PDF
แบบโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์ตั้ม
by
Moomy Momay
PDF
1
by
Chatnipit Gosaphon
PDF
605 สุปราณี 11
by
Supranee Panjita
PPTX
การแปลงทางเรขาคณิต
by
นายเค ครูกาย
PDF
ใบงานที่ 8
by
melody_fai
PDF
การประยุกต์ของการแปลงทางเรขาคณิต
by
krookay2012
PDF
456789
by
sirawitaoonok
PDF
ใบงาน7
by
ต. เตอร์
PDF
ใบงาน7
by
ต. เตอร์
โครงงานสมบูรณ์
by
Kantisa Motalee
Complete unperfect โครงงาน
by
Nutriji Sironato
แบบร่างโครงงาน
by
Vant Suriya
K3
by
Seew' Pobpon
2560 project
by
Nicharee Kornkaew
ใบงานที่ 2 - 8
by
PluemSupichaya
แผนการจัดการเรียนรู้ 6
by
kanjana2536
การแปลงทางเรขาคณิต
by
phunnika
การแปลงทางเรขาคณิต
by
kruyafkk
K3
by
Warunee Somnual
ใบงานท 7
by
ployprapim
แบบโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์ตั้ม
by
Moomy Momay
1
by
Chatnipit Gosaphon
605 สุปราณี 11
by
Supranee Panjita
การแปลงทางเรขาคณิต
by
นายเค ครูกาย
ใบงานที่ 8
by
melody_fai
การประยุกต์ของการแปลงทางเรขาคณิต
by
krookay2012
456789
by
sirawitaoonok
ใบงาน7
by
ต. เตอร์
ใบงาน7
by
ต. เตอร์
คอมไอ่เป้า
1.
1 แบบเสนอโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์ รหัสวิชา ง33201-33202 ชื่อวิชา
เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร 6 ปีการศึกษา 2560 ชื่อโครงงาน เครื่องพิมพ์ลายกระเบื้อง ชื่อผู้ทาโครงงาน นาย ฉัตรดนัย คอทอง เลขที่ 26 ชั้น มัธยมศึกษาปีที่ 6 ห้อง 8 ชื่ออาจารย์ที่ปรึกษาโครงงาน ครูเขื่อนทอง มูลวรรณ์ ระยะเวลาดาเนินงาน ภาคเรียนที่ 1-2 ปีการศึกษา 2560 โรงเรียนยุพราชวิทยาลัย จังหวัดเชียงใหม่
2.
2 สานักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเขต 34 ใบงาน การจัดทาข้อเสนอโครงงานคอมพิวเตอร์ สมาชิกในกลุ่ม 1. นาย
ฉัตรดนัย คอทอง เลขที่ 26 2…………………………………เลขที่ ………. 3………………………………….. เลขที่……… คาชี้แจง ให้ผู้เรียนแต่ละกลุ่มเขียนข้อเสนอโครงงานตามหัวข้อต่อไปนี้ ชื่อโครงงาน (ภาษาไทย) เครื่องพิมพ์ลายกระเบื้อง ชื่อโครงงาน (ภาษาอังกฤษ) pattern maker on tiles ประเภทโครงงาน ประเภทโครงงานเพื่อการศึกษา ชื่อผู้ทาโครงงาน นาย ฉัตรดนัย คอทอง ชื่อที่ปรึกษา ครูเชื่อนทอง มูลวรรณ ชื่อที่ปรึกษาร่วม - ระยะเวลาดาเนินงาน ภาคเรียนที่ 1-2 ปีการศึกษา 2560 ที่มาและความสาคัญของโครงงาน (อธิบายถึงที่มา แนวคิด และเหตุผล ของการทาโครงงาน) โดยทั่วไปแล้วรายวิชาคณิตศาสตร์มีลักษณะเป็นนามธรรม มีโครงสร้างที่ประกอบด้วยคานิยาม บทนิยาม สัจพจน์ ที่เป็นข้อตกลงเบื้องต้น จากนั้นจึงใช้การให้เหตุผลที่สมเหตุสมผลสร้างทฤษฎีบทต่างๆ ขึ้นและนาไปใช้ อย่างเป็นระบบ คณิตศาสตร์มีความถูกต้อง เที่ยงตรง คงเส้นคงวา มีระเบียบแบบแผนเป็นเหตุเป็นผล และมีความ สมบูรณ์ในตัวเอง หรือกล่าวได้ว่าคณิตศาสตร์เป็นศาสตร์และศิลป์ ที่ศึกษาเกี่ยวกับแบบรูปและความสัมพันธ์ เพื่อให้ได้ขอสรุปและนาไปใช้ประโยชน์ คณิตศาสตร์มีลักษณะเป็น ภาษสากลที่ทุกคนเข้าใจตรงกันในการสื่อสาร (สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 2544:2) สามารถนาประสบการณ์ทางด้านความรู้ ความคิดและทักษะที่ได้ไปใช้ในการเรียนรู้สิ่งต่างๆ และใช้ใน ชีวิตประจาวัน
3.
3 ในการเรียนคณิตศาสตร์มีบทนิยามทฤษฎีบท และสูตรต่างๆ มาใช้อย่างหลากหลายโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในรายวิชาคณิตศาสตร์ของระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย
รวมการประยุกต์กับเรื่องอื่นๆ ความรู้ความเข้าใจจะเป็น พื้นฐานที่สาคัญในการเรียนต่อระดับที่สูงขึ้น เนื่องจากในชีวิตประจาวันของผู้ศึกษาเองได้พบว่าบ้านเรือนส่วนใหญ่ใช้กระเบื้องในการปูพื้นบ้าน ดังนั้นคณะผู้จัดทาจึงคิดโครงงานเครื่องพิมพ์ลายกระเบื้อง เพื่อช่วยอานวยความสะดวกในการพิมพ์ลายกระเบื้อง และยังเป็นการฝึกการใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์อีกด้วย วัตถุประสงค์ (สิ่งที่ต้องการในการทาโครงงาน ระบุเป็นข้อ) 1.เพื่อประดิษฐ์อุปกรณ์ที่ช่วยในการพิมพ์ลายบนกระเบื้อง 2.เพื่อศึกษาการออกแบบเชิงวิศวกรรม 3.เพื่อประหยัดเวลาในการพิมพ์ลายกระเบื้อง ขอบเขตโครงงาน (คุณลักษณะ ขอบเขต เงื่อนไขและข้อจากัดของการทาโครงงาน) 1.วัสดุอุปกรณ์ดาเนินโครงงาน 1.1ไม้อัด , ท่อน้า 1.2เลื่อยสาหรับตัดไม้, ตะปู , กาวสาหรับติดไม้ 1.3ดินสอ , ปากกาเคมี , ไม้บรรทัด หลักการและทฤษฎี (ความรู้ หลักการ หรือทฤษฎีที่สนับสนุนการทาโครงงาน) ในการจัดทาโครงงานครั้งนี้ ผู้จัดทาได้ศึกษาค้นคว้าข้อมูลที่เกี่ยวข้องดังนี้ 1. เทสเซลเลชัน 2. การแปลงทางคณิตศาสตร์ 3. ทรงกระบอก 4. ฟังก์ชันตรีโกณมิติ 1. เทสเซลเลชัน เทสเซลเลชัน คือ การนารูปทั้งที่เป็นรูปเรขาคณิตและรูปทั่วไปมาเรียงต่อกัน โดยมีเงื่อนไขว่า รูปที่นามาจัดเรียงนั้นจะต้องไม่เกิดช่องว่างหรือการคาบเกี่ยวซ้อนกัน ประเภทของเทสเซลเลชัน 1.1. เทสเซลเลชันจากรูปเรขาคณิต 1.1.1 เทสเซลเลชันแบบปรกติ (Regular Tessellation) เกิดจากการนารูป เรขาคณิตที่เป็นรูปเหลี่ยมด้านเท่ามุมเท่าชนิดเดียวกันมาวางเรียงกันให้เต็มพื้นระนาบโดย
4.
4 ไม่ให้เกิดช่องว่างหรือการคาบเกี่ยวซ้อนกัน 1.1.2 เทสเซลเลชันแบบกึ่งปรกติ (Semi
regular Tessellation) การใช้รูปหลาย เหลี่ยมด้านเท่ามุมเท่าหลายชนิดจัดวางเรียงกันให้รอบจุดยอดร่วมกันได้เป็น 360° 1.1.3 เทสเซลเลชันแบบเดมิเรกกิวลาร์ (Demi regular Tessellation) ประกอบด้วยจุดร่วมสองหรือสามประเภท ซึ่งจุดยอดแต่ละจุดอาจจะอยู่ในรูปเทสเซลเลชันแบบปรกติ หรือแบบกึ่งปรกติก็ได้ 1.2. เทสเซลเลชันจากรูปทั่วไป เกิดจากการน ารูปแบบทั่วไปมาเรียงให้ได้ระนาบ 2. การแปลงทางคณิตศาสตร์ การแปลงทางเรขาคณิต เป็นเรื่องที่เกี่ยวกับการย้ายวัตถุจากตาแหน่งหนึ่งไปยังอีกตาแหน่ง หนึ่ง โดยอาจมีการเปลี่ยนแปลงขนาด รูปร่าง หรือตาแหน่ง ให้ต่างไปจากเดิมหรือไม่ก็ได้ตัวอย่างของ การแปลงที่เราเคยพบเช่น รถยนต์ซึ่งเดิมอยู่บนทางลาดย้ายเข้าไปจอดในช่องจอดรถ การหมุนของ เข็มยาวของนาฬิกา จากปลายเข็มยาวชี้ที่ตัวเลข 12 ไปชี้ที่ตัวเลข 6 หรือลูกโป่งที่มีอากาศอัดอยู่เมื่อ ปล่อยอากาศออกทาให้ลูกโป่งเคลื่อนที่ออกไปและตกลงเมื่ออากาศที่อยู่ในลูกโป่งดันออกมาจนไม่มี แรงดัน สิ่งเหล่านี้เกี่ยวข้องกับการแปลงทั้งสิ้น สิ่งสาคัญของการแปลงคือ จุดทุกจุดของวัตถุที่อยู่ที่ เดิม (หรือขนาดเดิม) จะต้องมีการส่งไปยังวัตถุที่ตาแหน่งใหม่ (หรือขนาดใหม่) ทุกจุด จุดต่อจุด ในทางเรขาคณิตก็มีการแปลงที่กล่าวถึงความเกี่ยวข้องกันระหว่างรูปเรขาคณิตก่อนการ แปลงและรูปเรขาคณิตหลังการแปลง เราเรียกรูปเรขาคณิตก่อนการแปลงว่า รูปต้นแบบ และเรียกรูป เรขาคณิตหลังการแปลงว่า ภาพที่ได้จากการแปลง การแปลงทางเรขาคณิตที่เป็นพื้นฐานมีทั้งหมด 4 แบบ คือ การเลื่อนขนาน การสะท้อน การ หมุน และการย่อหรือขยาย แต่ในที่นี้จะกล่าวถึงการแปลงทางเรขาคณิต 3 แบบ ได้แก่ การเลื่อน ขนาน การสะท้อนและการหมุน การแปลงทางเรขาคณิตทั้งสามแบบนี้จะได้ภาพที่มีรูปร่างเหมือนกัน และขนาดเดียวกันกับรูปต้นแบบเสมอ 2.1 การเลื่อนขนาน โดยการเลื่อนขนานบนระนาบเป็นการแปลงทางเรขาคณิตที่มีการ เลื่อนจุดทุกจุดไปบนระนาบตามแนวเส้นตรงในทิศทางเดียวกันและเป็นระยะเท่ากัน ตามที่กาหนดสมบัติของการเลื่อนขนาน 2.1.1. รูปที่ได้จากการเลื่อนขนานกับรูปต้นแบบเท่ากันทุกประการ 2.1.2. จุดแต่ละจุดที่สมนัยกันบนรูปที่ได้จากการเลื่อนขนานกับรูปต้นแบบจะมี ระยะห่างเท่ากัน 2.1.3. ภายใต้การเลื่อนขนาน จะไม่มีการเปลี่ยนแปลงรูปร่างและขนาดของรูป ต้นแบบการสะท้อน โดยการสะท้อนบนระนาบเป็นการแปลงทางเรขาคณิตที่มี เส้นตรง l ที่ตรึงเส้นหนึ่งเป็นเส้นสะท้อน แต่ละจุด P บนระนาบจะมีจุด P' เป็นภาพ ที่ได้จาก 2.2.1 การสะท้อนจุด P โดยที่ 2.2.1.1 ถ้าจุด P ไม่อยู่บนเส้นตรง l แล้วเส้นตรง l จะแบ่งครึ่งและตั้งฉากกับ PP'
5.
5 2.2.1.2. ถ้าจุด P
อยู่บนเส้นตรง l แล้วจุด P และจุด P' เป็นจุดเดียวกัน 2.2.2. สมบัติของการสะท้อน 2.2.2.1. รูปต้นแบบกับภาพที่ได้จากการสะท้อน สามารถทับกันได้สนิทโดยต้อง พลิกรูป หรือกล่าวว่า รูปต้นแบบและภาพที่ได้จากการสะท้อนเท่ากันทุกประการ 2.2.2.2. ส่วนของเส้นตรงที่เชื่อมจุดแต่ละจุดบนรูปต้นแบบ กับจุดที่สมนัยกันบน ภาพที่ได้จากการสะท้อนจะขนานกัน โดยรูปเรขาคณิตที่สามารถหารอยพับและพับรูปทั้งสองข้างของรอยพับให้ทับกัน สนิทได้เรียกว่า รูปสมมาตรบนเส้น และเรียกรอยพับนี้ว่า แกนสมมาตร รูปสมมาตรบนเส้น แต่ละรูปอาจมีจานวนแกนสมมาตรไม่เท่ากัน และเส้นสะท้อน (แกนสมมาตร) จะแบ่งครึ่งและตั้งฉากกับส่วนของเส้นตรงที่เชื่อม ระหว่างจุดแต่ละจุดบนรูปต้นแบบกับจุดแต่ละจุดบนรูปสะท้อนที่สมนัยกัน ดังนั้น สรุปได้ว่ารูปที่เกิดจาการสะท้อนก็คือรูปสมมาตรบนเส้น โดยมีเส้นสะท้อนคือ แกนสมมาตรนั่นเอง ถ้าเส้นสะท้อนเป็นแกน Y พิกัดของภาพที่เกิดจากการสะท้อน คือการเปลี่ยน เครื่องหมายของสมาชิกตัวหน้าเป็นเครื่องหมายตรงข้ามทุกจุดของรูปต้นแบบ ส่วนสมาชิกตัว หลังให้คงเดิมไว้ ถ้าเส้นสะท้อนเป็นแกน X พิกัดของภาพที่เกิดจากการสะท้อน คือการเปลี่ยน เครื่องหมายของสมาชิกตัวหลังเป็นเครื่องหมายตรงข้ามทุกจุดของรูปต้นแบบ ส่วนสมาชิกตัว หน้าให้คงเดิมไว้ ถ้าเส้นสะท้อนขนานแกน X หรือแกน Y ให้นับช่องตารางหาระยะระหว่างจุดที่ กาหนดให้กับเส้นสะท้อนซึ่งภาพของจุดนั้นจะอยู่ห่างจากเส้นสะท้อนเป็นระยะที่เท่ากันกับ ระยะที่นับได้เมื่อได้ภาพของจุดนั้นแล้วจึงหาพิกัด ถ้าเส้นสะท้อนไม่ขนานแกน X และไม่ขนานกับแกน Y แต่เป็นเส้นในแนวทแยง ให้ลากเส้นตรงผ่านจุดที่กาหนดให้และตั้งฉากกับเส้นสะท้อน ภาพของจุดที่กาหนดให้จะอยู่ บนเส้นตั้งฉากที่สร้างขึ้นและอยู่ห่างจากเส้นสะท้อนเป็นระยะเท่ากันกับจุดที่กาหนดให้อยู่ ห่างจากเส้นสะท้อน เมื่อได้ภาพของจุดนั้นแล้วจึงหาพิกัด 2.2 การหมุน โดยการหมุนบนระนาบเป็นการแปลงทางเรขาคณิตที่มีจุด O เป็นจุดที่ตรึง อยู่จุดหนึ่งเรียกว่า O ว่า จุดหมุน แต่ละจุด P บนระนาบ มีจุด P' เป็นภาพที่ได้จาก การหมุนจุด P รอบจุด O ตามทิศทางที่กาหนดด้วยมุมที่มีขนาด K โดยที่ 2.3.1. ถ้าจุด P ไม่ใช่จุด O แล้ว OP = OP^' และขนาดของ การหมุน เท่ากับ K 2.3.2. ถ้าจุด P เป็นจุดเดียวกันกับจุด O แล้ว P เป็นจุดหมุน 2.3.3.สมบัติของการหมุน 2.3.3.1. สามารถเลื่อนรูปต้นแบบทับภาพที่ได้จากการหมุนได้สนิท โดยไม่ ต้องพลิกรูปหรือกล่าวว่า รูปต้นแบบกับภาพที่ได้จากการหมุนเท่ากันทุกประการ
6.
6 2.3.3.2. ส่วนของเส้นตรงบนรูปต้นแบบและภาพที่ได้จากการหมุนส่วนของ เส้นตรงนั้นไม่จาเป็นต้องขนานกันทุกคู่ หรืออาจกล่าวได้ว่า
จุดบนรูปต้นแบบและ ภาพที่ได้จากการหมุนจุดนั้น แต่ละคู่อยู่บนวงกลมเดียวกันและมีจุดหมุนเป็นจุด ศูนย์กลาง แต่วงกลมเหล่านี้ไม่จาเป็นต้องมีรัศมียาวเท่ากัน ลักษณะของการหมุน การหมุนจะหมุนทวนเข็มหรือตามเข็มนาฬิกาก็ได้จุดหมุนจะเป็นจุดที่อยู่ บนรูปหรือนอกรูปก็ได้โดยที่จุดแต่ละจุดบนรูปต้นแบบเคลื่อนที่รอบจุดหมุนด้วย ขนานของมุมที่กาหนด 3. ทรงกระบอก รูปเรขาคณิตสามมิติที่มีฐานทั้งสองเป็นรูปวงกลมที่เท่ากันทุกประการและอยู่บนระนาบ ที่ขนานกัน เมื่อตัดรูปเรขาคณิตสามมิตินั้นด้วยระนาบที่ขนานกับฐานแล้ว หน้าตัดที่ได้จะเป็น วงกลมที่เท่ากันทุกประการกับฐานเสมอเรียกรูปเรขาคณิตสามมิตินั้นว่า ทรงกระบอก ปริมาตรของทรงกระบอก = พื้นที่ฐาน × สูง 4. ฟังก์ชันตรีโกณมิติ ฟังก์ชันตรีโกณมิติ (Trigonometric function) คือ ฟังก์ชันของมุม ซึ่งมีความสาคัญในการศึกษารูปสามเหลี่ยม และปรากฏการณ์ในลักษณะเป็นคาบ ฟังก์ชันอาจนิยามด้วยอัตราส่วนของด้าน 2 ด้านของรูปสามเหลี่ยมมุมฉาก หรืออัตราส่วนของพิกัดของจุดบนวงกลมหนึ่งหน่วย หรือนิยามในรูปทั่วไปเช่นอนุกรมอนันต์ หรือสมการเชิง อนุพันธ์ รูปสามเหลี่ยมที่นามาใช้จะอยู่ในระนาบแบบยุคลิด ดังนั้น ผลรวมของมุมทุกมุมจึงเท่ากับ 180° เสมอ 1. วงกลมหนึ่งหน่วย การศึกษาตรีโกณมิติในปัจจุบันเริ่มจาก วงกลมซึ่งมีรัศมียาว 1 หน่วย และมีจุดศูนย์กลางที่จุดกาเนิดดังต่อไปนี้ O A(1,0) ถ้าให้ คือความยาวของส่วนของวงกลมที่วัดจาก A(1,0) ไปยังจุด C เรากาหนดทิศทางของกาวัดโดยใช้ เครื่องหมายบวกและลบ ดังนี้ 1. ถ้า 0 เป็นการวัดจากจุด A ไปในทิศทางทวนเข็มนาฬิกา 2. ถ้า 0 เป็นการวัดจากจุด A ไปในทิศทางตามเข็มนาฬิกา เนื่องจากความยาวของเส้นรอบวงของวงกลมเท่ากับ 2r แต่ r = 1 ความยาวของเส้นรอบวง = 2
7.
7 ดังนั้น ถ้า
2แสดงว่าการวัดเกิน 1 รอบ 2. การวัดมุม การวัดมุม มีการวัดเป็น 2 แบบ คือ วัดแบบเรเดียน กับ แบบองศา การวัดแบบเรเดียน เรเดียน = a r เมื่อ a คือ ความยาวของส่วนโค้ง AC r คือ รัศมีของวงกลม ถ้า r = 1 2เรเดียน = 360 องศา เรเดียน = 1800 3. ค่าของฟังก์ชันรีโกณมิติขนาดของมุมมีค่าต่าง ๆ x = cos y = sin y /2 (0,1) 0,2 x (-1,0) (1,0) 3/2 (0,-1) จากรูป เราสามารถสรุปค่าของฟังก์ชันตรีโกณมิติสาคัญ ๆ ได้ดังนี้ 0(00 ) /2 (900 ) (1800 )3/2(2700 ) sin 0 1 0 -1 cos 1 0 -1 0
8.
8 4. ความสัมพันธ์ระหว่าง sinกับ
cos , secกับ tan , cosecกับ cot sin2 + cos2 = 1 sec2 - tan2 = 1 เมื่อ cos 0 cosec2 - cot2 = 1 เมื่อ sin 0 5. การหาค่าฟังก์ชันตรีโกณมิติ(เพิ่มเติม) sin(-) = sin cos(-) = -cos sin(+) = -sin cos(+) = -cos sin(2-) = -sin cos(2-) = cos sin(2+) = sin cos(2+) = cos sin(-) = -sin cos(-) = cos sin(/2-) = cos cos(/2-) = sin sin(/2+) = cos cos(/2+) = -sin sin(3/2-) = -cos cos(3/2-) = -sin sin(3/2+) = -cos cos(3/2+) = sin
9.
9 6. ฟังก์ชันของผลบวกหรือผลต่าง sin (A+B)
= sin AcosB + cosA sinB cos(A+B) = cosAcosB - sinAsinB tan (A+B) = tanA+ tanB 1-tanA tanB sin (A-B) = sin AcosB - cosA sinB cos(A-B) = cosAcosB + sinAsinB tan (A-B) = tanA- tanB 1+tanA tanB 7. การเปลี่ยนผลคูณของฟังก์ชันให้อยู่ในรูปผลบวกหรือผลต่าง 2sinAcosB = sin(A+B) + sin(A-B) 2cosAsinB = sin(A+B) - sin(A-B) 2cosAcosB = cos(A+B) + cos(A-B) 2sinAsinB = cos(A-B) - cos(A+B)
10.
10 วิธีดาเนินงาน แนวทางการดาเนินงาน ___________________________________________________________________ ___________________________________________________________________ เครื่องมือและอุปกรณ์ที่ใช้ ___________________________________________________________________ ___________________________________________________________________ ___________________________________________________________________ งบประมาณ ___________________________________________________________________ ___________________________________________________________________ ___________________________________________________________________ __________________________________________________________________ ___________________________________________________________________ ขั้นตอนและแผนดาเนินงาน ลาดับ ที่ ขั้นตอน สัปดาห์ที่ ผู้รับผิดชอบ 1
2 3 4 5 6 7 8 9 1 0 1 1 12 1 3 1 4 1 5 16 17 1 คิดหัวข้อโครงงาน 2 ศึกษาและค้นคว้าข้อมูล 3 จัดทาโครงร่างงาน 4 ปฏิบัติการสร้างโครงงาน 5 ปรับปรุงทดสอบ 6 การทาเอกสารรายงาน 7 ประเมินผลงาน 8 นาเสนอโครงงาน
11.
11 ผลที่คาดว่าจะได้รับ (ผลลัพธ์ที่ต้องการให้เกิดขึ้นเมื่อสิ้นสุดการทาโครงงาน) _________________________________________________________________________ _________________________________________________________________________ _________________________________________________________________________ สถานที่ดาเนินการ _________________________________________________________________________ _________________________________________________________________________ _________________________________________________________________________ _________________________________________________________________________ กลุ่มสาระการเรียนรู้ที่เกี่ยวข้อง _________________________________________________________________________ _________________________________________________________________________ _________________________________________________________________________ _________________________________________________________________________ แหล่งอ้างอิง (เอกสาร
หรือแหล่งข้อมูลต่าง ๆ ที่นามาใช้การทาโครงงาน) _________________________________________________________________________ _________________________________________________________________________ _________________________________________________________________________ _________________________________________________________________________
Download