More Related Content
Similar to แบบเสนอโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์
Similar to แบบเสนอโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์ (20)
แบบเสนอโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์
- 1. 1
แบบเสนอโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์
รหัสวิชา ง33202 ชื่อวิชา เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร6
ปีการศึกษา 2559
ชื่อโครงงาน
เศรษฐกิจพอเพียง
ชื่อผู้ทาโครงงาน
นายวิริทธิ์พล สุรางค์พนา เลขที่ 19 ชั้นม.6 ห้อง 10
ชื่ออาจารย์ที่ปรึกษาโครงงาน ครูเขื่อนทอง มูลวรรณ์
ระยะเวลาดาเนินงาน ภาคเรียนที่ 1-2 ปีการศึกษา 2559
โรงเรียนยุพราชวิทยาลัย จังหวัดเชียงใหม่
สานักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเขต 34
- 2. 2
ใบงาน
การจัดทาข้อเสนอโครงงานคอมพิวเตอร์
นายวิริทธิ์พล สุรางค์พนา เลขที่ 19
คาชี้แจง ให้ผู้เรียนแต่ละกลุ่มเขียนข้อเสนอโครงงานตามหัวข้อต่อไปนี้
ชื่อโครงงาน (ภาษาไทย)
เศรษฐกิจพอเพียง
ชื่อโครงงาน (ภาษาอังกฤษ)
SufficiencyEconomy
ประเภทโครงงานโครงงานพัฒนาระบบเศรษฐกิจพอเพียง
ชื่อผู้ทาโครงงาน นายวิริทธิ์พล สุรางค์พนา เลขที่19 ม.6/10
ชื่อที่ปรึกษาครูเขื่อนทอง มูลวรรณ์
ชื่อที่ปรึกษาร่วม-
ระยะเวลาดาเนินงาน ภาคเรียนที่ 1-2 ปีการศึกษา 2559
- 3. 3
ที่มาและความสาคัญของโครงงาน
เศรษฐกิจพอเพียง หมายถึง ความสามารถของชุมชน เมือง รัฐ หรือประเทศ
ในการผลิตสินค้าและบริการเพื่อเลี้ยงสังคมนั้น ๆโดยรู้จักการพึ่งพาตนเองเป็นสาคัญ
และไม่พึ่งพาปัจจัยการผลิตอื่น ที่ตนเองไม่ได้เป็นเจ้าของ
ความเป็นมาของเศรษฐกิจพอเพียง
คาว่า “เศรษฐกิจพอเพียง”
เป็นปรัชญาที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชทรงมีพระราชดารัสชี้แนะแนวทางในการดาเนินชีวิตให้
แก่พสกนิกรชาวไทยมาโดยตลอดนานกว่า 30ปี
เพื่อนาไปปฏิบัติในการดาเนินชีวิตในยามที่ประเทศประสบปัญหาวิกฤติทางเศรษฐกิจใน พ.ศ.2540
ภายหลังเมื่อได้ทรงเน้นย้าแนวทางการแก้ไขเพื่อให้ประชาชนรอดพ้นและสามารถอยู่ได้อย่างมั่นคงและยั่งยืนภายใ
ต้กระแสโลกาภิวัฒน์ จากพระราชดารัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ในวันที่ 18 กรกฎาคม
พ.ศ. 2517ว่า
“…การพัฒนาประเทศจาเป็นต้องทาตามลาดับขั้น ต้องสร้างพื้นฐานคือ ความพอมี พอกิน พอใช้
ของประชาชนส่วนใหญ่เบื้องต้นก่อน โดยใช้วิธีการและอุปกรณ์ที่ประหยัดแต่ถูกต้องตามหลักวิชาการ
เมื่อได้พื้นฐานจากมั่นคงพร้อมพอสมควร และปฏิบัติได้แล้ว จึงค่อยสร้างค่อยเสริมความเจริญ
และฐานะทางเศรษฐกิจขั้นที่สูงโดยลาดับต่อไป…”
ใน พ.ศ. 2540เกิดปัญหาวิกฤตการณ์เศรษฐกิจ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ
พระราชทานพระราชดารัสเนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา วันที่ 4ธันวาคม พ.ศ. 2540ณ ศาลาดุสิดาลัย
สวนจิตรลดา เรื่องเศรษฐกิจพอเพียงอีกครั้ง เพื่อแนวทางแก้ปัญหาให้กับประเทศ
“…การเป็นเสือนั้นไม่สาคัญ สาคัญอยู่ที่เรามีเศรษฐกิจแบบพอมีพอกิน แบบพอมีพอกินนั้น
หมายความว่าอุ้มชูตนเองได้ให้มีพอเพียงกับตนเอง อันนี้ก็เคยบอกว่าความพอเพียงไม่ได้หมายความว่า
ทุกครอบครัวจะต้องผลิตอาหารของตัว จะต้องทอผ้าใส่เอง อย่างนั้นมันเกินไป
แต่ว่าในหมู่บ้านหรือในอาเภอจะต้องมีความพอเพียงพอสมควร บางสิ่งบางอย่างที่ผลิตได้มากกว่าความต้องการ
ก็ขายได้ แต่ขายในที่ไม่ห่างไกลเท่าไร ไม่ต้องเสียค่าขนส่งมากนัก…”
คาว่า “พอเพียง” จากพระราชดารัสของพระบาทสมเด็จพระเต้าอยู่หัวฯ เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา
วันที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2541 ณ ศาลาดุสิตดาลัย สวนจิตรลดา พระราชทานความหมายของคาว่า “พอเพียง” ไว้ว่า
“…คาว่าพอเพียงมีความหมายอีกอย่างหนึ่ง มีความหมายกว้างออกไปอีก
ไม่ได้หมายถึงการมีพอสาหรับใช้เองเท่านั้น แต่มีความหมายว่า พอมีพอกิน
พอมีพอกินนี้แผลว่าเศรษฐกิจพอเพียงนั้นเอง…”
“…ให้เพียงพอนี้หมายความว่ามีกินมีอยู่ ไม่ฟุ่มเฟือยไม่หรูหราก็ได้แต่ว่าพอ
แม้บางอย่างอาจจะดูฟุ่มเฟือยแต่ก็ทาให้มีความสุข ถ้าทาได้ก็สมควรจะทา สมควรที่จะปฏิบัติ…”
“…Self-sufficiency นั้นหมายความว่า ผลิตอะไรมีพอที่จะใช้ ไม่ต้องไปขอยืมคนอื่นอยู่ได้ด้วยตนเอง…”
- 4. 4
วัตถุประสงค์
1. ต้องการให้ชีวิตได้อยู่กับ โลกสีเขียว ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมที่ดี
2. ต้องการลดรายจ่าย และมีรายได้เสริมให้ครอบครัว ได้ออกกาลังกายไปในตัว
3. ใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ กับครอบครัวและมีความสุขจากการทางาน
4. เป็นที่พบปะ แขก ญาติมิตรเพื่อนฝูง เพื่อพักผ่อน ในช่วงบั้นปลายชีวิต
5. ต้องการให้ลูกหลาน ได้ขยัน ปลูกฝังจิตใจ ตั้งแต่เล็กๆ ได้เรียนรู้ในระบบไร่นาสวนผสม
6. เป็นตัวอย่างแก่ประชาชนทั่วไป ที่มีความคิดอยากทาโครงการตามแนวทฤษฎีของท่านในหลวง
7. เพื่อสร้างมูลค่าที่ดิน คุณค่าของบุคลากรที่ทา และสร้างสินทรัพย์ที่ด้อย ให้มีราคาสูงขึ้น
8. เป็นที่อยู่อาศัยสัตว์น้า-สัตว์ครึ่งบกครึ่งน้า บริเวณใกล้เคียง ที่ย้ายถิ่นฐานจากแหล่งที่ไม่สมบูรณ์มาหากิน
อยู่ในโครงการฯ เป็นจานวนมาก เพราะในโครงการฯ ไม่มีการใช้สารพิษ ต้องการให้เป็นระบบนิเวศวิทยา
อย่างธรรมชาติให้มากที่สุด
ขอบเขตโครงงาน
1. แผนงานเชื่อมโยงเครือข่ายเรียนรู้เกี่ยวกับเศรษฐกิจพอเพียง
2. แผนงานพัฒนาวิชาการและส่งเสริมการศึกษาวิจัย
3. แผนงานสร้างหลักสูตรและกระบวนการเรียนรู้ที่หลากหลายและเหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมายต่างๆ
4. แผนงานเผยแพร่ประชาสัมพันธ์และรณรงค์เพื่อสร้างกระแสสังคม
หลักการและทฤษฎี
เศรษฐกิจพอเพียงความหมายกว้างกว่าทฤษฎีใหม่ โดยที่เศรษฐกิจพอเพียงเป็นกรอบแนวคิดที่ชี้บอกหลักการ
และแนวทางปฏิบัติของทฤษฎีใหม่ ในขณะที่ แนวพระราชดาริเกี่ยวกับทฤษฎีใหม่ หรือเกษตรทฤษฎีใหม่
ซึ่งเป็นแนวทางการพัฒนาการเกษตรอย่างเป็นขั้นตอนนั้น เป็นตัวอย่างการใช้หลักเศรษฐกิจพอเพียงในทางปฏิบัติ
ที่เป็นรูปธรรม เฉพาะในพื้นที่ที่เหมาะสม ทฤษฎีใหม่ตามแนวพระราชดาริ
อาจเปรียบเทียบกับหลักเศรษฐกิจพอเพียง ซึ่งมีอยู่ 2 แบบ คือ แบบพื้นฐาน กับ แบบก้าวหน้า
ได้ดังนี้ความพอเพียงในระดับบุคคล และครอบครัว โดยเฉพาะเกษตรกรเป็นเศรษฐกิจพอเพียงแบบพื้นฐาน
เทียบได้กับทฤษฎีใหม่
- 5. 5
ทฤษฎีใหม่ขั้นต้น ให้แบ่งพื้นที่ออกเป็น 4 ส่วน ตามอัตราส่วน 30:30:30:10 ซึ่งหมายถึง
พื้นที่ส่วนที่หนึ่ง ประมาณ 30% ให้ขุดสระเก็บกักน้าเพื่อใช้เก็บกักน้าฝนในฤดูฝน
และใช้เสริมการปลูกพืชในฤดูแล้ง ตลอดจนการเลี้ยงสัตว์และพืชน้าต่างๆ
พื้นที่ส่วนที่สอง ประมาณ 30%
ให้ปลูกข้าวในฤดูฝนเพื่อใช้เป็นอาหารประจาวันสาหรับครอบครัวให้เพียงพอตลอดปี
เพื่อตัดค่าใช้จ่ายและสามารถพึ่งตนเองได้
พื้นที่ส่วนที่สาม ประมาณ 30% ให้ปลูกไม้ผล ไม้ยืนต้น พืชผัก พืชไร่ พืชสมุนไพร ฯลฯ
เพื่อใช้เป็นอาหารประจาวัน หากเหลือบริโภคก็นาไปจาหน่าย
พื้นที่ส่วนที่สี่ ประมาณ 10% เป็นที่อยู่อาศัย เลี้ยงสัตว์ ถนนหนทาง และโรงเรือนอื่นๆ
ทฤษฎีใหม่ขั้นที่สอง เมื่อเกษตรกรเข้าใจในหลักการและได้ปฏิบัติในที่ดินของตนจนได้ผลแล้ว ก็ต้องเริ่มขั้นที่สอง
คือให้เกษตรกรรวมพลังกันในรูป กลุ่ม หรือ สหกรณ์ ร่วมแรงร่วมใจกันดาเนินการในด้าน
1. การผลิต (พันธุ์พืช เตรียมดิน ชลประทาน ฯลฯ)
2. การตลาด (ลานตากข้าว ยุ้ง เครื่องสีข้าว การจาหน่าย)
3. การเป็นอยู่ (กะปิ น้าปลา อาหาร เครื่องนุ่งห่ม ฯลฯ)
4. สวัสดิการ (สาธารณสุข เงินกู้)
5. การศึกษา (โรงเรียน ทุนการศึกษา)
6. สังคมและศาสนา
ทฤษฎีใหม่ขั้นที่สาม เมื่อดาเนินการผ่านพ้นขั้นที่สองแล้ว เกษตรกร
หรือกลุ่มเกษตรกรก็ควรพัฒนาก้าวหน้าไปสู่ขั้นที่สามต่อไป คือติดต่อประสานงาน เพื่อจัดหาทุน หรือแหล่งเงิน
เช่น ธนาคาร หรือบริษัท ห้างร้านเอกชน มาช่วยในการลงทุนและพัฒนาคุณภาพชีวิต ทั้งนี้
ทั้งฝ่ายเกษตรกรและฝ่ายธนาคาร หรือบริษัทเอกชนจะได้รับประโยชน์ร่วมกัน กล่าวคือ
- เกษตรกรขายข้าวได้ราคาสูง (ไม่ถูกกดราคา)
- ธนาคารหรือบริษัทเอกชนสามารถซื้อข้าวบริโภคในราคาต่า
(ซื้อข้าวเปลือกตรงจากเกษตรกรและมาสีเอง)
- 6. 6
- เกษตรกรซื้อเครื่องอุปโภคบริโภคได้ในราคาต่า เพราะรวมกันซื้อเป็นจานวนมาก
(เป็นร้านสหกรณ์ราคาขายส่ง)
วิธีดาเนินงาน
แนวทางการดาเนินงาน
"เศรษฐกิจพอเพียง”
เป็นปรัชญาที่ใช้พื้นฐานการดาเนินชีวิตตามทางสายกลางมีจุดมุ่งหมายเพื่อการพึ่งตนเองเป็นหลัก
มีการดาเนินการอย่างเป็นขั้นเป็นตอนด้วยความรอบคอบ ระมัดระวัง พิจารณาถึงความพอเหมาะพอดี
มีเหตุผลที่พร้อมรับต่อการเปลี่ยนแปลงต่าง ๆโดยสามารถนามาประยุกต์ใช้ได้ในทุกมิติของการดาเนินชีวิต
การปฏิบัติตนตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียงสามารถทาได้โดยยึดหลักสายกลาง
ไม่ประหยัดจนตระหนี่ถี่เหนียว หรือฟุ้งเฟ้อจนเกินความจาเป็น กล่าวคือ ประหยัดในทางที่ถูกต้อง
และลดละความฟุ่มเฟือย รวมทั้งต้องประกอบอาชีพด้วยความถูกต้องสุจริต
แม้จะตกอยู่ในภาวะขาดแคลนในการดารงชีพก็ตาม
ก็ต้องไม่หยุดนิ่งที่จะหาทางให้ชีวิตหลุดพ้นจากความทุกข์ยาก
โดยต้องขวนขวายใฝ่หาความรู้ให้เกิดมีรายได้เพิ่มพูนขึ้นจนถึงขั้นพอเพียงเป็นเป้าหมายสาคัญ
แต่ทั้งนี้ต้องไม่เป็นการแก่งแย่งผลประโยชน์
และแข่งขันกันในทางการค้าขายหรือประกอบอาชีพแบบต่อสู้กันอย่างรุนแรง ปฏิบัติตนในแนวทางที่ดี
ลดละสิ่งชั่วให้หมดสิ้นไป ทั้งนี้เนื่องจากสังคมไทยที่ล่มสลายลงเพราะยังมีบุคคลจานวน
ไม่น้อยที่ดาเนินการโดยปราศจากความละอาย
เศรษฐกิจพอเพียงสามารถนามาใช้เป็นหลักในการดาเนินชีวิตได้เพราะเศรษฐกิจพอเพียงเป็นปรัชญา
เป็นแนวปฏิบัติตนไม่ว่าจะอยู่ในกิจกรรม หรืออาชีพใด ก็ต้องยึดถือวิถีไทยอยู่แต่พอดี
อย่าฟุ่มเฟือยอย่างไร้ประโยชน์ อย่ายึดวัตถุเป็นที่ตั้ง ยึดเส้นทางสายกลางอยู่กินตามฐานะ
ใช้สติปัญญาในการดารงชีวิต เจริญเติบโตอย่าง ค่อยเป็นค่อยไป อย่าใช้หลักการลงทุนเชิงการพนัน
ซึ่งตั้งอยู่บนความเสี่ยง กู้เงินมาลงทุนโดยหวังรวยอย่างรวดเร็ว แล้วก็ไปสู่ความล้มละลายในที่สุด
- 8. 8
ผลที่คาดว่าจะได้รับ
1..มีใจสงบเมื่อตั้งใจว่าจะใช้ชีวิตความเป็นอยู่อย่างง่ายๆ ไม่ฟุ้งเฟ้อ จะทาให้จิตใจไม่วุ่นวายสับสน ทะเยอทะยาน
แข่งขันกันหาวัตถุสิ่งของมาประดับตนให้ทันสมัยหรือเหนือกว่าผู้อื่น
2..มีความพอใจในสิ่งที่ตนมี ทาใจให้เป็นสุขกับสิ่งที่ตนมี พอใจกับความเรียบง่าย ความพอดีตามศักยภาพตน
ไม่จาเป็นต้องเปรียบเทียบแข่งขันกับผู้อื่นในเรื่องวัตถุเช่น ต้องมีบ้านใหญ่โตราคาแพง
รับประทานอาหารตามภัตตาคารหรูๆ มีเสื้อผ้าเครื่องประดับที่สวยหรูตามแฟชั่นเสมอ
3..มีภูมิคุ้มกันที่ดีในตน ไม่หวั่นไหวไปกับกระแสนิยม ร่วมกันสร้างสังคมให้แข้มแข็ง สามารถพึ่งตนเองได้
4..ดาเนินชีวิตอย่างมีเหตุผล...ซื่อสัตย์ สุจริต ไม่ต้องคิดเรื่องทุจริตคอร์รับชั่น
สร้างพวกพ้องเพื่อหาผลประโยชน์ร่วมกัน
5..ช่วยให้เศรษฐกิจดีขึ้น..ทั้งของครอบครัว ชุมชน และประเทศชาติ
6..มีเวลาว่างมากขึ้น ไม่ต้องวุ่นวายกับการวิ่งหาวัตถุ ทาให้มีเวลาที่จะพัฒนาตน
และทาประโยชน์ให้แก่สังคมมากขึ้น มีความสุขจากความพอเพียงและภูมิใจในตนเอง
สถานที่ดาเนินการ
ที่ดินของผู้เข้าร่วมโครงการ
กลุ่มสาระการเรียนรู้ที่เกี่ยวข้อง
1.สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม