ประวัติความเป็ นมาประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC)
AEC เป็ นการพัฒนามาจากการเป็ น สมาคมประชาชาติแห่ งเอเชียตะวันออกเฉี ยงใต้ (The Association of
South East Asian Nations : ASEAN) ก่อตั้งขึ้นตามปฏิญญากรุ งเทพฯ (Bangkok Declaration) เมื่อ 8
สิ งหาคม 2510 โดยมีประเทศผูก่อตั้งแรกเริ่ ม 5 ประเทศ คือ อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิ ลิปปิ นส์ สิ งคโปร์
้
และไทย ต่อมาในปี 2527 บรู ไน ก็ได้เข้าเป็ นสมาชิก ตามด้วย 2538 เวียดนาม ก็เข้าร่ วมเป็ นสมาชิก ต่อมา
2540 ลาวและพม่า เข้าร่ วม และปี 2542 กัมพูชา ก็ได้เข้าร่ วมเป็ นสมาชิกลาดับที่ 10
ทาให้ปัจจุบนอาเซี ยนเป็ นกลุ่มเศรษฐกิจภูมิภาคขนาดใหญ่ มีประชากร รวมกันเกือบ 500 ล้านคน
ั
จากนั้นในการประชุมสุ ดยอดอาเซี ยนครั้งที่ 9 ที่อินโดนีเซีย เมื่อ 7
ต.ค. 2546 ผูนาประเทศสมาชิกอาเซี ยนได้ตกลงกันที่จะจัดตั้งประชาคมอาเซี ยน (ASEAN Community)
้
ซึ่งประกอบด้วย3 เสาหลัก คือ
1.ประชาคมเศรษฐกิจอาเซี ยน (Asean Economic Community:AEC)
2.ประชาคมสังคมและวัฒนธรรมอาเซียน (Socio-Cultural Pillar)
3.ประชาคมความมันคงอาเซี ยน (Political and Security Pillar)
่
คาขวัญของอาเซียน คือ “ One Vision, One Identity, One Community.” หนึ่งวิสัยทัศน์ หนึ่ง
อัตลักษณ์ หนึ่งประชาคม
เดิมกาหนดเป้ าหมายที่จะตั้งขึ้นในปี 2563 แต่ต่อมาได้ตกลงกันเลื่อนกาหนดให้เร็ วขึ้นเป็ นปี 2558
และก้าวสาคัญต่อมาคือการจัดทาปฏิญญาอาเซี ยน (ASEAN Charter)
ซึ่ งมีผลใช้บงคับแล้วตั้งแต่เดือนธันวาคม ปี 2552
ั
นับเป็ นการยกระดับความร่ วมมือของอาเซี ยนเข้าสู่ มิติใหม่ในการสร้างประชาคม
โดยมีพ้ืนฐานที่แข็งแกร่ งทางกฎหมายและมีองค์กรรองรับการดาเนิ นการเข้าสู่ เป้ าหมายดังกล่าวภายในปี
2558
ปัจจุบันประเทศสมาชิ กอาเซียน รวม 10 ประเทศได้ แก่ ไทย พม่า มาเลเซี ย อินโดนีเซี ย ฟิ ลิปปิ นส์ สิ งคโปร์
เวียดนาม ลาว กัมพูชา บรู ไน สาหรับเสาหลักการจัดตั้งประชาคมเศรษฐกิจอาเซี ยน (ASEAN Economic
Community หรื อ AEC )ภายในปี 2558 เพื่อให้อาเซียนมีการเคลื่อนย้ายสิ นค้า บริ การ การลงทุน
แรงงานฝี มือ อย่างเสรี และเงินทุนที่เสรี ข้ ึนต่อมาในปี 2550
อาเซี ยนได้จดทาพิมพ์เขียวเพื่อจัดตั้งประชาคมเศรษฐกิจอาเซี ยน (AEC Blueprint)
ั
เป็ นแผนบูรณาการงานด้านเศรษฐกิจให้เห็นภาพรวมในการมุ่งไปสู่ AEC
ซึ่ งประกอบด้วยแผนงานเศรษฐกิจในด้าน ต่าง ๆ พร้อมกรอบระยะเวลาที่ชดเจนในการดาเนินมาตรการต่าง
ั
ๆ จนบรรลุเป้ าหมายในปี 2558
่
รวมทั้งการให้ความยืดหยุนตามที่ประเทศสมาชิกได้ตกลงกันล่วงหน้า
อาเซียนน่ ารู้

สานักงานเลาขาธิ การอาเซี ยนแห่งชาติ (ASEAN National Secretariat)
มีหน้าที่ประสานงานกิจการอาเซี ยนและติดตามผลการดาเนินงานภายในประเทศ
สาหรับประเทศไทยมีกรมอาเซียน กระทรวงการต่างประเทศ ทาหน้าที่ดงกล่าว ก่อนจะมาเป็ นอาเซี ยน
ั
ประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉี ยงใต้ได้มีการรวมตัวกันมาแล้วครั้งหนึ่ง เมื่อเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2504
โดยมีประเทศไทย มาเลเซี ย และฟิ ลิปปิ นส์ร่วมกันก่อตั้ง "สมาคมอาสา (Association of Southeast
Asia)" เพื่อส่ งเสริ มความร่ วมมือทางเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม แต่มีเหตุตองชะงักไป
้
ทว่าก็นบเป็ นหนึ่งในจุดเริ่ มต้นก่อนจะมาเป็ นอาเซี ยนในทุกวันนี้
ั
ลาดับการเข้ าร่ วมเป็ นประเทศสมาชิกอาเซียน
พ.ศ. 2510 สาธารณรัฐอินโดนิเซีย มาเลเซีย สาธารณรัฐฟิ ลิปปิ นส์ สาธารณรัฐสิ งคโปร์
และราชอาณาจักรไทยร่ วมกันก่อตั้งอาเซี ยน
พ.ศ.2527 บรู ไนดารุ สซาลามเข้าร่ วมเป็ นสมาชิกเมื่อวันที่ 7 มกราคม
พ.ศ.2528 สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนามเข้าร่ วมเป็ นสมาชิกเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม
พ.ศ.2540 สาธารณรัฐประชาธิ ปไตยประชาชนลาวและสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์
เข้าร่ วมเป็ นสมาชิกเมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม
พ.ศ.2542 ราชอาณาจักรกัมพูชาเข้าร่ วมเป็ นสมาชิกเมื่อวันที่ 9 เมษายน
บทบาทของประเทศไทยในเวทีอาเซีย
ประเทศไทย มีบทบาทสาคัญในฐานะศูนย์กลางในการเชื่ อมโยงประเทศต่างๆ
ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉี ยงใต้นบตั้งแต่การก่อตั้งอาเซี ยนเป็ นต้นมา
ั
- ประเทศไทยคือสถานที่ลงนามปฏิญญาอาเซี ยนซึ่ งถือเป็ นการก่อตั้งอาเซี ยนอย่างเป็ นทางการ
จึงเรี ยกปฏิญญาอาเซี ยนว่า ปฏิญญากรุ งเทพฯ (Bangkok Declaration)
- ประเทศไทยเสนอให้อาเซี ยนจัดตั้งเขตการค้าเสรี อาเซี ยน (ASEAN Free Trade Area: AFTA) เมื่อปี
พ.ศ.2535
ประเทศไทยเป็ นเจ้าภาพจัดการประชุมอาเซี ยนว่าด้วยความร่ วมมือด้านการเมืองและความมันคงในภูมิภาคเ
่
อเชีย-แปซิฟิก (ASEAN Regional Forum: ARF) เป็ นครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ.2537
ประเทศไทยเสนอให้มีการจัดทาความตกลงว่าด้วยการอานวยความสะดวกการขนส่ งสิ นค้าผ่านแดนและข้า
มแดน ซึ่ งมีการลงนามในกรอบความตกลงดังกล่าวเมื่อเดือนธันวาคม พ.ศ.2541
- ขณะที่เป็ นประธานอาเซียนในปี พ.ศ.2551-2552
ประเทศไทยได้รับมอบหมายให้วางรากฐานการจัดตั้งประชาคมอาเซี ยน ซึ่ งสาเร็ จลุล่วงด้วยดี
โดยมีการลงนามในปฏิญญาชะอา-หัวหิน
ว่าด้วยแผนงานสาหรับประชาคมอาเซี ยนในการประชุมสุ ดยอดอาเซี ยน ครั้งที่ 14 เมื่อวันที่ 1 มีนาคม
พ.ศ.2552
ความรู้ เกียวกับอาเซียน
่
คนไทยเคยดารงตาแหน่งเลขาธิ การอาเซี ยน 2 คน คนแรกคือ นายแผน วรรณเมธี
อดีตปลัดกระทรวงการต่างประเทศ ดารงตาแหน่งระหว่างปี พ.ศ.2527-2529 คนที่สองคือ ดร.สุ รินทร์
พิศสุ วรรณ ดารงตาแหน่งระหว่างปี พ.ศ.2551-2555
คานีน่ารู้ เกียวกับอาเซียน
้
่
"ปฏิญญา" หมายถึง คาประกาศเจตนารมณ์ร่วมกันของประเทศสมาชิก
7 อาชีพ ทีจะทางานได้ อย่างเสรีในประชาคมอาเซียน
่
ผลจากการประชุมสุ ดยอดอาเซี ยน ครั้งที่ 9 ณ เกาะบาหลี ประเทศอินโดนีเซีย
ได้กาหนดให้จดทาข้อตกลงยอมรับร่ วมกัน (Mutual Recognition Arrangements : MRAs)
ั
ด้านคุณสมบัติในสาขาวิชาชีพหลัก เพื่ออานวยความสะดวกในการเคลื่อนย้ายนักวิชาชีพ
หรื อแรงงานเชี่ยวชาญ หรื อผูมีความสามารถพิเศษของอาเซี ยนได้อย่างเสรี ด้านคุณสมบัติในสาขาอาชีพหลัก
้
เพื่ออานวยความสะดวกในการเคลื่อนย้าย นักวิชาชีพ แรงงานเชี่ยวชาญ
หรื อผูมีความสามารถพิเศษได้อย่างเสรี ขอตกลงเรื่ องการเคลื่อนย้ายแรงงาน
้
้
ฝี มือไปทางานในประเทศกลุ่มอาเซี ยนทั้ง 10 ประเทศ ได้อย่างเสรี ได้กาหนดครอบคลุม 7 อาชีพ
และก็มีข่าวว่าอาจจะมีการเพิ่มจานวนอาชีพขึ้นมาอีกในลาดับถัดไป สาหรับ 7
อาชีพที่มีขอตกลงกันแล้วให้สามารถเคลื่อนย้ายไปทางานได้อย่างเสรี ได้แก่
้

อาชีพวิศวกร( Engineering Services)
อาชีพพยาบาล (Nursing Services)
อาชีพสถาปนิก(Architectural Services)
อาชีพการสารวจ (Surveying Qualifications)
อาชีพนักบัญชี (Accountancy Services)
อาชีพทันตแพทย์ (Dental Practitioners)
อาชีพแพทย์ (Medical Practitioners)
และการเคลื่อนย้ายแรงงานฝี มือเสรี ในกลุ่ม 7 อาชีพนั้น มีผลดีต่อไทยไม่นอย เพราะในภาพรวม
้
สถาบันการศึกษาระดับอุดมศึกษาในไทยมีศกยภาพในด้านการผลิตบุคลากรในสาย วิชาชีพทั้ง 7
ั
ได้อย่างมีประสิ ทธิ ภาพสู ง ซึ่ งทาให้ผจบการศึกษาในสายวิชาชีพทั้ง 7
ู้
ตั้งแต่ระดับปริ ญญาตรี จนถึงปริ ญญาเอกมีตลาดงานที่เปิ ดกว้างมากขึ้น จาก
เดิมที่ตลาดมีแค่การให้บริ การประชาชน 63 ล้านคน เป็ นตลาดของประชาชนร่ วม 600 ล้านคนใน 10
่
ประเทศอาเซี ยน นอกจากนั้น ประเทศเหล่านี้ รวมทั้งไทยอยูในทิศทางที่กาลังเติบโตทางด้านเศรษฐกิจทั้ง
สิ้ น เร็ วบ้าง ช้าบ้าง และโดยภาพรวมคุณภาพของผูจบวิชาชีพทั้ง 7
้
่
ในไทยก็สูงอยูในระดับแถวหน้าของประเทศอาเซี ยน ทาให้โอกาสในการหางานมีสูงใน
ขณะที่คนไทยสามารถไปทางานในประเทศอาเซี ยนได้อย่างเสรี น้ น สภาวิชาชีพ
ั
หรื อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการดูแลมาตรฐานของอาชีพทั้ง 7
นั้นคงต้องมีการดาเนินการอย่างเข้มแข็งรัดกุมเป็ นอย่างมาก
เพื่อรักษามาตรฐานของผูจบวิชาชีพในสาขาอาชีพนั้นๆ ในไทยให้คงเดิม หรื อยกระดับให้สูงขึ้นไปอีก
้
ป้ องกันมิให้เกิดการอ่อนด้อยในเรื่ องมาตรฐานขององค์กรในการผลิตคน
บางแห่งที่อาจใช้โอกาสนี้ เพิมรายได้ในการเร่ งผลิตคนในวิชาชีพเหล่านั้น
่
จานวนมากเพื่อตอบสนองตลาดที่ใหญ่ข้ ึน มิฉะนั้นอาจส่ งผลกระทบทางลบโดยรวมอีก
ปั ญหาที่อาจะตามมาอีกอย่างคือ บางวิชาชีพไทยเริ่ มจะเข้าสู่ วกฤตการขาดแคลนอาจารย์ เช่น ทันตแพทย์
ิ
ถ้าแก้ปัญหาไม่ทนท่วงทีในเวลาอีกสามถึงห้าปี ข้างหน้า
ั
ไทยจะมีปัญหาเรื่ องการสร้างบุคลากรรุ่ นใหม่ในสายวิชาชี พทันตแพทย์อย่างแน่ นอน ขณะเดียวกัน
ก็ตองระวังดูแลในเรื่ องมาตรฐานของคนจากประเทศต่างๆ ในอาเซี ยนที่เข้ามาประกอบอาชีพทั้ง 7
้
อาชีพในไทยด้วยเช่นกัน
เพราะอาจจะมีผมาจากประเทศอื่นที่มาประกอบอาชีพในไทยมีปัญหาความอ่อนด้อยใน เรื่ องมาตรฐาน
ู้
ซึ่ งถ้าดูแลไม่รอบคอบรัดกุม อาจก่อเกิดผลกระทบกับสังคมไทยในทางลบ
และอาจส่ งผลต่อปั ญหาการประกอบอาชีพของคนไทยเอง
แต่อย่างไรก็ตาม ในภาพรวม สังคมไทยกาลังเข้าสู่ ภาวะสังคมผูสูงอายุ
้
จานวนคนในวัยทางานกาลังลดลงอย่างมีนยสาคัญ มีขอมูลว่าอีกประมาณสิ บปี ข้างหน้า
ั
้
สัดส่ วนคนในวัยทางานจะต่ากว่าประชากรผูสูงอายุมาก นี่ จะทาให้เกิดการขาดแคลนแรงงาน
้
โดยเฉพาะแรงงานฝี มือในกลุ่มอาชีพทั้ง 7 นั้น
่
ผูที่จบจากสายวิชาชีพดังกล่าวจะประกันได้วาไม่น่าจะมีใครที่ตกงาน
้
เพราะมีตลาดใหญ่มากรองรับทั้งในไทย และในประเทศอาเซียนข้อตกลง
เคลื่อนย้ายแรงงานเสรี ในกลุ่มประเทศอาเซี ยนทั้ง 7 อาชีพในปี 2015 (2558)
่ ้
แม้จะเป็ นโอกาสทองของคนไทยในสายวิชาชีพดังกล่าว แต่ก็มีจุดที่ตองระวังอยูไม่นอยเช่นกัน
้
ทั้งในด้านการที่คนของเราไปทางานบ้านเขา และการที่คนบ้านเขามาทางานในบ้านเรา
เพราะถ้าการระวังไม่รัดกุม โอกาสทองนั้นอาจพลิกเป็ นวิกฤต และมีผลกระทบรุ นแรงต่อบางสายวิชาชีพได้

อาเซียน

  • 1.
    ประวัติความเป็ นมาประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) AECเป็ นการพัฒนามาจากการเป็ น สมาคมประชาชาติแห่ งเอเชียตะวันออกเฉี ยงใต้ (The Association of South East Asian Nations : ASEAN) ก่อตั้งขึ้นตามปฏิญญากรุ งเทพฯ (Bangkok Declaration) เมื่อ 8 สิ งหาคม 2510 โดยมีประเทศผูก่อตั้งแรกเริ่ ม 5 ประเทศ คือ อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิ ลิปปิ นส์ สิ งคโปร์ ้ และไทย ต่อมาในปี 2527 บรู ไน ก็ได้เข้าเป็ นสมาชิก ตามด้วย 2538 เวียดนาม ก็เข้าร่ วมเป็ นสมาชิก ต่อมา 2540 ลาวและพม่า เข้าร่ วม และปี 2542 กัมพูชา ก็ได้เข้าร่ วมเป็ นสมาชิกลาดับที่ 10 ทาให้ปัจจุบนอาเซี ยนเป็ นกลุ่มเศรษฐกิจภูมิภาคขนาดใหญ่ มีประชากร รวมกันเกือบ 500 ล้านคน ั จากนั้นในการประชุมสุ ดยอดอาเซี ยนครั้งที่ 9 ที่อินโดนีเซีย เมื่อ 7 ต.ค. 2546 ผูนาประเทศสมาชิกอาเซี ยนได้ตกลงกันที่จะจัดตั้งประชาคมอาเซี ยน (ASEAN Community) ้ ซึ่งประกอบด้วย3 เสาหลัก คือ 1.ประชาคมเศรษฐกิจอาเซี ยน (Asean Economic Community:AEC) 2.ประชาคมสังคมและวัฒนธรรมอาเซียน (Socio-Cultural Pillar) 3.ประชาคมความมันคงอาเซี ยน (Political and Security Pillar) ่ คาขวัญของอาเซียน คือ “ One Vision, One Identity, One Community.” หนึ่งวิสัยทัศน์ หนึ่ง อัตลักษณ์ หนึ่งประชาคม เดิมกาหนดเป้ าหมายที่จะตั้งขึ้นในปี 2563 แต่ต่อมาได้ตกลงกันเลื่อนกาหนดให้เร็ วขึ้นเป็ นปี 2558 และก้าวสาคัญต่อมาคือการจัดทาปฏิญญาอาเซี ยน (ASEAN Charter) ซึ่ งมีผลใช้บงคับแล้วตั้งแต่เดือนธันวาคม ปี 2552 ั นับเป็ นการยกระดับความร่ วมมือของอาเซี ยนเข้าสู่ มิติใหม่ในการสร้างประชาคม โดยมีพ้ืนฐานที่แข็งแกร่ งทางกฎหมายและมีองค์กรรองรับการดาเนิ นการเข้าสู่ เป้ าหมายดังกล่าวภายในปี 2558 ปัจจุบันประเทศสมาชิ กอาเซียน รวม 10 ประเทศได้ แก่ ไทย พม่า มาเลเซี ย อินโดนีเซี ย ฟิ ลิปปิ นส์ สิ งคโปร์ เวียดนาม ลาว กัมพูชา บรู ไน สาหรับเสาหลักการจัดตั้งประชาคมเศรษฐกิจอาเซี ยน (ASEAN Economic Community หรื อ AEC )ภายในปี 2558 เพื่อให้อาเซียนมีการเคลื่อนย้ายสิ นค้า บริ การ การลงทุน แรงงานฝี มือ อย่างเสรี และเงินทุนที่เสรี ข้ ึนต่อมาในปี 2550 อาเซี ยนได้จดทาพิมพ์เขียวเพื่อจัดตั้งประชาคมเศรษฐกิจอาเซี ยน (AEC Blueprint) ั เป็ นแผนบูรณาการงานด้านเศรษฐกิจให้เห็นภาพรวมในการมุ่งไปสู่ AEC ซึ่ งประกอบด้วยแผนงานเศรษฐกิจในด้าน ต่าง ๆ พร้อมกรอบระยะเวลาที่ชดเจนในการดาเนินมาตรการต่าง ั ๆ จนบรรลุเป้ าหมายในปี 2558 ่ รวมทั้งการให้ความยืดหยุนตามที่ประเทศสมาชิกได้ตกลงกันล่วงหน้า
  • 2.
    อาเซียนน่ ารู้ สานักงานเลาขาธิ การอาเซียนแห่งชาติ (ASEAN National Secretariat) มีหน้าที่ประสานงานกิจการอาเซี ยนและติดตามผลการดาเนินงานภายในประเทศ สาหรับประเทศไทยมีกรมอาเซียน กระทรวงการต่างประเทศ ทาหน้าที่ดงกล่าว ก่อนจะมาเป็ นอาเซี ยน ั ประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉี ยงใต้ได้มีการรวมตัวกันมาแล้วครั้งหนึ่ง เมื่อเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2504 โดยมีประเทศไทย มาเลเซี ย และฟิ ลิปปิ นส์ร่วมกันก่อตั้ง "สมาคมอาสา (Association of Southeast Asia)" เพื่อส่ งเสริ มความร่ วมมือทางเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม แต่มีเหตุตองชะงักไป ้ ทว่าก็นบเป็ นหนึ่งในจุดเริ่ มต้นก่อนจะมาเป็ นอาเซี ยนในทุกวันนี้ ั ลาดับการเข้ าร่ วมเป็ นประเทศสมาชิกอาเซียน พ.ศ. 2510 สาธารณรัฐอินโดนิเซีย มาเลเซีย สาธารณรัฐฟิ ลิปปิ นส์ สาธารณรัฐสิ งคโปร์ และราชอาณาจักรไทยร่ วมกันก่อตั้งอาเซี ยน พ.ศ.2527 บรู ไนดารุ สซาลามเข้าร่ วมเป็ นสมาชิกเมื่อวันที่ 7 มกราคม พ.ศ.2528 สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนามเข้าร่ วมเป็ นสมาชิกเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ.2540 สาธารณรัฐประชาธิ ปไตยประชาชนลาวและสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์ เข้าร่ วมเป็ นสมาชิกเมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ.2542 ราชอาณาจักรกัมพูชาเข้าร่ วมเป็ นสมาชิกเมื่อวันที่ 9 เมษายน บทบาทของประเทศไทยในเวทีอาเซีย ประเทศไทย มีบทบาทสาคัญในฐานะศูนย์กลางในการเชื่ อมโยงประเทศต่างๆ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉี ยงใต้นบตั้งแต่การก่อตั้งอาเซี ยนเป็ นต้นมา ั - ประเทศไทยคือสถานที่ลงนามปฏิญญาอาเซี ยนซึ่ งถือเป็ นการก่อตั้งอาเซี ยนอย่างเป็ นทางการ จึงเรี ยกปฏิญญาอาเซี ยนว่า ปฏิญญากรุ งเทพฯ (Bangkok Declaration)
  • 3.
    - ประเทศไทยเสนอให้อาเซี ยนจัดตั้งเขตการค้าเสรีอาเซี ยน (ASEAN Free Trade Area: AFTA) เมื่อปี พ.ศ.2535 ประเทศไทยเป็ นเจ้าภาพจัดการประชุมอาเซี ยนว่าด้วยความร่ วมมือด้านการเมืองและความมันคงในภูมิภาคเ ่ อเชีย-แปซิฟิก (ASEAN Regional Forum: ARF) เป็ นครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ.2537 ประเทศไทยเสนอให้มีการจัดทาความตกลงว่าด้วยการอานวยความสะดวกการขนส่ งสิ นค้าผ่านแดนและข้า มแดน ซึ่ งมีการลงนามในกรอบความตกลงดังกล่าวเมื่อเดือนธันวาคม พ.ศ.2541 - ขณะที่เป็ นประธานอาเซียนในปี พ.ศ.2551-2552 ประเทศไทยได้รับมอบหมายให้วางรากฐานการจัดตั้งประชาคมอาเซี ยน ซึ่ งสาเร็ จลุล่วงด้วยดี โดยมีการลงนามในปฏิญญาชะอา-หัวหิน ว่าด้วยแผนงานสาหรับประชาคมอาเซี ยนในการประชุมสุ ดยอดอาเซี ยน ครั้งที่ 14 เมื่อวันที่ 1 มีนาคม พ.ศ.2552 ความรู้ เกียวกับอาเซียน ่ คนไทยเคยดารงตาแหน่งเลขาธิ การอาเซี ยน 2 คน คนแรกคือ นายแผน วรรณเมธี อดีตปลัดกระทรวงการต่างประเทศ ดารงตาแหน่งระหว่างปี พ.ศ.2527-2529 คนที่สองคือ ดร.สุ รินทร์ พิศสุ วรรณ ดารงตาแหน่งระหว่างปี พ.ศ.2551-2555 คานีน่ารู้ เกียวกับอาเซียน ้ ่ "ปฏิญญา" หมายถึง คาประกาศเจตนารมณ์ร่วมกันของประเทศสมาชิก 7 อาชีพ ทีจะทางานได้ อย่างเสรีในประชาคมอาเซียน ่
  • 4.
    ผลจากการประชุมสุ ดยอดอาเซี ยนครั้งที่ 9 ณ เกาะบาหลี ประเทศอินโดนีเซีย ได้กาหนดให้จดทาข้อตกลงยอมรับร่ วมกัน (Mutual Recognition Arrangements : MRAs) ั ด้านคุณสมบัติในสาขาวิชาชีพหลัก เพื่ออานวยความสะดวกในการเคลื่อนย้ายนักวิชาชีพ หรื อแรงงานเชี่ยวชาญ หรื อผูมีความสามารถพิเศษของอาเซี ยนได้อย่างเสรี ด้านคุณสมบัติในสาขาอาชีพหลัก ้ เพื่ออานวยความสะดวกในการเคลื่อนย้าย นักวิชาชีพ แรงงานเชี่ยวชาญ หรื อผูมีความสามารถพิเศษได้อย่างเสรี ขอตกลงเรื่ องการเคลื่อนย้ายแรงงาน ้ ้ ฝี มือไปทางานในประเทศกลุ่มอาเซี ยนทั้ง 10 ประเทศ ได้อย่างเสรี ได้กาหนดครอบคลุม 7 อาชีพ และก็มีข่าวว่าอาจจะมีการเพิ่มจานวนอาชีพขึ้นมาอีกในลาดับถัดไป สาหรับ 7 อาชีพที่มีขอตกลงกันแล้วให้สามารถเคลื่อนย้ายไปทางานได้อย่างเสรี ได้แก่ ้ อาชีพวิศวกร( Engineering Services) อาชีพพยาบาล (Nursing Services) อาชีพสถาปนิก(Architectural Services) อาชีพการสารวจ (Surveying Qualifications) อาชีพนักบัญชี (Accountancy Services)
  • 5.
    อาชีพทันตแพทย์ (Dental Practitioners) อาชีพแพทย์(Medical Practitioners) และการเคลื่อนย้ายแรงงานฝี มือเสรี ในกลุ่ม 7 อาชีพนั้น มีผลดีต่อไทยไม่นอย เพราะในภาพรวม ้ สถาบันการศึกษาระดับอุดมศึกษาในไทยมีศกยภาพในด้านการผลิตบุคลากรในสาย วิชาชีพทั้ง 7 ั ได้อย่างมีประสิ ทธิ ภาพสู ง ซึ่ งทาให้ผจบการศึกษาในสายวิชาชีพทั้ง 7 ู้ ตั้งแต่ระดับปริ ญญาตรี จนถึงปริ ญญาเอกมีตลาดงานที่เปิ ดกว้างมากขึ้น จาก เดิมที่ตลาดมีแค่การให้บริ การประชาชน 63 ล้านคน เป็ นตลาดของประชาชนร่ วม 600 ล้านคนใน 10 ่ ประเทศอาเซี ยน นอกจากนั้น ประเทศเหล่านี้ รวมทั้งไทยอยูในทิศทางที่กาลังเติบโตทางด้านเศรษฐกิจทั้ง สิ้ น เร็ วบ้าง ช้าบ้าง และโดยภาพรวมคุณภาพของผูจบวิชาชีพทั้ง 7 ้ ่ ในไทยก็สูงอยูในระดับแถวหน้าของประเทศอาเซี ยน ทาให้โอกาสในการหางานมีสูงใน ขณะที่คนไทยสามารถไปทางานในประเทศอาเซี ยนได้อย่างเสรี น้ น สภาวิชาชีพ ั หรื อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการดูแลมาตรฐานของอาชีพทั้ง 7 นั้นคงต้องมีการดาเนินการอย่างเข้มแข็งรัดกุมเป็ นอย่างมาก เพื่อรักษามาตรฐานของผูจบวิชาชีพในสาขาอาชีพนั้นๆ ในไทยให้คงเดิม หรื อยกระดับให้สูงขึ้นไปอีก ้ ป้ องกันมิให้เกิดการอ่อนด้อยในเรื่ องมาตรฐานขององค์กรในการผลิตคน บางแห่งที่อาจใช้โอกาสนี้ เพิมรายได้ในการเร่ งผลิตคนในวิชาชีพเหล่านั้น ่ จานวนมากเพื่อตอบสนองตลาดที่ใหญ่ข้ ึน มิฉะนั้นอาจส่ งผลกระทบทางลบโดยรวมอีก ปั ญหาที่อาจะตามมาอีกอย่างคือ บางวิชาชีพไทยเริ่ มจะเข้าสู่ วกฤตการขาดแคลนอาจารย์ เช่น ทันตแพทย์ ิ ถ้าแก้ปัญหาไม่ทนท่วงทีในเวลาอีกสามถึงห้าปี ข้างหน้า ั ไทยจะมีปัญหาเรื่ องการสร้างบุคลากรรุ่ นใหม่ในสายวิชาชี พทันตแพทย์อย่างแน่ นอน ขณะเดียวกัน ก็ตองระวังดูแลในเรื่ องมาตรฐานของคนจากประเทศต่างๆ ในอาเซี ยนที่เข้ามาประกอบอาชีพทั้ง 7 ้ อาชีพในไทยด้วยเช่นกัน เพราะอาจจะมีผมาจากประเทศอื่นที่มาประกอบอาชีพในไทยมีปัญหาความอ่อนด้อยใน เรื่ องมาตรฐาน ู้ ซึ่ งถ้าดูแลไม่รอบคอบรัดกุม อาจก่อเกิดผลกระทบกับสังคมไทยในทางลบ และอาจส่ งผลต่อปั ญหาการประกอบอาชีพของคนไทยเอง แต่อย่างไรก็ตาม ในภาพรวม สังคมไทยกาลังเข้าสู่ ภาวะสังคมผูสูงอายุ ้ จานวนคนในวัยทางานกาลังลดลงอย่างมีนยสาคัญ มีขอมูลว่าอีกประมาณสิ บปี ข้างหน้า ั ้
  • 6.
    สัดส่ วนคนในวัยทางานจะต่ากว่าประชากรผูสูงอายุมาก นี่จะทาให้เกิดการขาดแคลนแรงงาน ้ โดยเฉพาะแรงงานฝี มือในกลุ่มอาชีพทั้ง 7 นั้น ่ ผูที่จบจากสายวิชาชีพดังกล่าวจะประกันได้วาไม่น่าจะมีใครที่ตกงาน ้ เพราะมีตลาดใหญ่มากรองรับทั้งในไทย และในประเทศอาเซียนข้อตกลง เคลื่อนย้ายแรงงานเสรี ในกลุ่มประเทศอาเซี ยนทั้ง 7 อาชีพในปี 2015 (2558) ่ ้ แม้จะเป็ นโอกาสทองของคนไทยในสายวิชาชีพดังกล่าว แต่ก็มีจุดที่ตองระวังอยูไม่นอยเช่นกัน ้ ทั้งในด้านการที่คนของเราไปทางานบ้านเขา และการที่คนบ้านเขามาทางานในบ้านเรา เพราะถ้าการระวังไม่รัดกุม โอกาสทองนั้นอาจพลิกเป็ นวิกฤต และมีผลกระทบรุ นแรงต่อบางสายวิชาชีพได้