การบริหารงานบุคคล
มนุษย์ คือ ทรัพยากรที่มีค่าที่สุดขององค์การ องค์การประสบ
ความสาเร็จหรือล้มเหลว ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลักคือบุคคลในองค์การ
ถึงแม้จะมีเครื่องมือเครื่องจักรที่ทันสมัยอย่างไรก็ตาม ถ้าบุคคลใน
องค์การขาดความรู้ความสามารถก็ไม่อาจใช้ประโยชน์จากเครื่องมือที่
ทันสมัยนั้นได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ดังนั้นจึงมีความจาเป็นอย่างยิ่งที่
จะต้องให้ความสาคัญต่อการบริหารงานบุคคล ซึ่งเป็นกระบวนการที่
เริ่มตั้งแต่การวางแผนกาลังคน จนกระทั่งถึงการพ้นสภาพจากการเป็น
พนักงานขององค์การในที่สุด
ความหมายของการบริหารงานบุคคล
เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่า ปัจจัยพื้นฐานของการประกอบธุรกิจ5M’s
คือ คน วัตถุดิบ เครื่องจักร เงินทุน และการบริหาร จะเห็นได้ว่าคนเป็น
องค์ประกอบประเภทหนึ่งที่ทุกองค์การต้องให้ความสาคัญ องค์การใดมีคนที่ดี
คุณภาพย่อมจะนาพาให้องค์การนั้นไปสู่ความสาเร็จตามวัตถุประสงค์ได้อย่างมี
ประสิทธิภาพ มีผู้ให้ความหมายของการบริหารงานบุคคลไว้หลายแนวทางพอ
สรุปได้ดังนี้ การบริหารงานบุคคล หมายถึง การจัดหาบุคคลที่มีคุณสมบัติ
เหมาะสมเข้าทางานในตาแหน่งต่าง ๆเพื่อให้ได้ประสิทธิผลสูงสุด แต่ทั้งนี้ต้อง
คานึงถึงความสุขและความพึงพอใจของบุคลากรในหน่วยงานด้วย
ความสาคัญของการบริหารงานบุคคล
• บุคคลในองค์การ เปรียบเสมือนชิ้นส่วนสาคัญในการขับเคลื่อนองค์การเพื่อไปสู่
จุดหมายปลายทางที่กาหนดไว้ ดังนั้นจึงควรศึกษาความสาคัญของการบริหารงาน
บุคคลซึ่งแยกเป็นประเด็นสาคัญๆได้ดังนี้
• -ช่วยเสริมสร้างขวัญและกาลังใจไม่ว่าจะเป็นด้านความสะดวกสบาย
-ช่วยให้องค์การมีความมั่นคงและมั่งคั่งเมื่อพนักงานมีความมุ่งมั่นในการทางาน
ย่อมส่งผลให้องค์การมีความเจริญเติบโตและเข้มแข็งผลผลิตเป็นที่ยอมรับของ
ตลาดและมีศักยภาพในการแข่งขันสูง
-ช่วยให้เกิดความมั่นคงแก่สังคม สังคมประกอบขึ้นจากกลุ่มบุคคลเล็กๆ มา
รวมกันถ้าแต่ละกลุ่มมีความมั่นคงย่อมส่งผลให้สังคมเกิดความมั่นคงเช่นกัน
-ช่วยให้เกิดความมั่นคงแก่ประเทศชาติ ถ้าบุคลากรของทุกองค์การเป็นผู้มี
ความสามารถ
หน้าที่การบริหารงานบุคคล Personal Functional
• การบริหารงานบุคคล คือ กระบวนการที่เกี่ยวข้องกับบุคลากรภายใน
องค์การเริ่มตั้งแต่การวางแผนกาลังคน การพัฒนาประสิทธิภาพในการ
ทางาน โดยมีการสร้างแรงจูงใจด้านต่างๆ เพื่อให้องค์การบรรลุ
วัตถุประสงค์ที่กาหนดไว้ซึ่งอาจพิจารณาขอบเขตของงานด้านบริหารงาน
บุคคลได้แก่
• การวางแผนกาลังคน Personnel Planning
• การสรรหาและการคัดเลือก Finding and Selectiong
• การจัดบุคคลเข้าทางาน Recruitment
• การปฐมนิเทศ Orientation
• การพัฒนาและฝึกอบรม Training and Development
• การเลื่อนชั้นและการโยกย้ายTransfer and Promotion
• การสร้างแรงจูงใจ Motivation
• การจัดการด้านสวัสดิการ Welfare
• การพ้นจากงาน working Leave
• แรงงานสัมพันธ์ Labor Relation
การวางแผนกาลังคน การดาเนินธุรกิจย่อมจะมีบางช่วงเวลาที่ต้องใช้
กาลังคนมาก บางช่วงใช้กาลังคนมากก็สิ้นเปลืองค่าใช้จ่าย ถ้ากาลังคน
น้อยก็ทาให้งานภายในองค์การเกิดความเสียหายได้เช่นกัน
การวางแผนกาลังงานจะต้องมีการวิเคราะห์งาน เพื่อให้ทราบถึง
การจัดหมวดหมู่ของงานและการประเมินผล การวิเคราะห์งาน Job
Analysis
• 1. คาบรรยายลักษณะงาน JOB Descriptionเป็นข้อกาหนดหน้าที่ของ
งานในด้านต่างๆ เพื่อให้ทราบถึงขอบเขตของงานด้านนั้น โดยจะมี
รายละเอียดดังนี้
– หน้าที่รับผิดชอบ
– กิจกรรมที่ต้องทา
– ขอบเขตความรับผิดชอบ
– หน่วยงานที่ต้องติดต่อ
2. คุณสมบัติของพนักงาน Job Specification เป็นการกาหนด
คุณสมบัติของพนักงานที่จะทาหน้าที่ต่าง ๆ ให้สอดคล้องกับงานที่
จะต้องรับผิดชอบเช่น
• อายุ
• การศึกษา
• สายตา
• บุคลิกภาพ
• ส่วนสูง
• น้าหนักตัว
• สถานภาพ
คิดดีและมี
เมตตาต่อกันนะ
คะ
• 3. การจัดหมวดหมู่ของงาน Job Classification คือ การจัดการเกี่ยวกับ
งานให้เป็นระบบ งานใดมีความสัมพันธ์กับหน่วยงานอื่นๆ ในลักษณะ
ที่มีความคล้ายคลึงกัน ก็สามารถจัดให้อยู่ในหมวดหมู่เดียวกัน
• 4. การประเมินผลงาน Job Evaluation ภายหลังจากการจัดการเกี่ยวกับ
งานในประเด็นต่าง ๆ แล้วจะต้องมีการประเมินผลของงาน เพื่อใช้เป็น
การกาหนดค่าตอบแทนรวมถึงการจัดสวัสดิการด้านต่างๆ ให้เหมาะสม
การสรรหาการคัดเลือก
การสรรหาบุคลากร เพื่อเข้ามาร่วมงานกับองค์การ ผู้รับผิดชอบจะต้องมี
การหาข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับคุณสมบัติของบุคคลที่ต้องการอ่าน จากนั้นจึง
ดาเนินการขั้นตอนต่อไปสามารถแบ่งออกได้2 ประเภทคือ
• 2.1 การสรรหาจากภายในองค์การ คือ เมื่อองค์การมีความต้องการ
พนักงานในตาแหน่งผู้บริหารระดับต่างๆ ไม่จาเป็นต้องประกาศรับ
สมัครบุคคลภายนอกเสมอไปทั้งนี้เพราะบุคลากรภายในองค์การบางคน
อาจมีคุณสมบัติที่เหมาะสมอยู่แล้วก็ได้ ซึ่งการสรรหาบุคลากรภายใน
กิจการมีข้อดีในด้านขวัญและกาลังใจ
• 2.2 การสรรหาจากภายนอกกิจการ ตาแหน่งงานบางประเภทมีความ
จาเป็นที่จะต้องหาจากแหล่งภายนอก เพราะมีบุคคลที่มีคุณสมบัติที่
เหมาะสมกว่าภายใน ทั้งนี้เพื่อประโยชน์ที่องค์การจะได้รับในด้านของ
ความหลากหลายด้านความคิดสร้างสรรค์จากบุคคลภายนอก แหล่ง
กาลังคนภายนอกที่สาคัญได้แก่
2.2.1 สานักจัดหางานของรัฐบาล
หน่วยงานของรัฐบาลจะได้รับเงินสนับสนุนจากภาษีอากร
ให้บริการโดยไม่คิดบริการจากผู้สมัครและนายจ้าง ในกรณีที่
นายจ้างต้องการจะใช้บริการของสานักงานจัดหางานของรัฐบาลแล้ว
นายจ้างจะต้องแจ้งให้สานักจัดหางานทราบถึงคุณสมบัติอย่างต่าของ
ผู้สมัครงานที่นายจ้างต้องการ
2.2.2 สานักจัดหางานของเอกชน
หน้าที่ของสานักงานจัดหางานของเอกชนจะเหมือนกับ
สานักจัดหางานของรัฐบาลแล้ว นายจ้างจะต้องแจ้งให้สานักจัดหา
งานทราบถึงคุณสมบัติอย่างต่าของผู้สมัครงานที่นายจ้างต้องการ
• 2.2.3 ผู้สมัครงานที่ไม่ได้ถูกเสาะหาโดยธุรกิจ
บุคคลบางคนอาจจะสมัครงานกับธุรกิจ โดยที่ธุรกิจไม่ได้
ทาการเสาะหาดังนั้นถ้าหากว่าธุรกิจต้องการผู้สมัครงาน
ประเภทนี้แล้ว บริษัทจะต้องพยามสร้างชื่อเสียงที่ดีภายใน
สังคม นอกจากนี้บริษัทควรจะมีแผนกบุคคลที่หาได้ง่ายเมื่อ
ผู้สมัครงานประเภทนี้เข้าไปภายในอาคารของบริษัท
• 2.2.4 การโฆษณา
• ธุรกิจอาจจะใช้ทั้งหนังสือพิมพ์รายวันและวารสารต่างๆ ด้วยการซื้อเนื้อ
ที่ของหนังสือเหล่านี้ในการโฆษณา
• 2.2.5 สหภาพแรงงาน
• ในกรณีที่นายจ้างต้องการพวกช่างต่างๆ อาจจะเป็นช่างไฟฟ้า ช่างทาสี
และช่างไม้นั้น นายจ้างอาจจะทาการเสาะหาได้จากสหภาพแรงงานของ
อาชีพเหล่านี้
• 2.2.6 สถาบันการศึกษา
ในแต่ละปีบริษัทจะส่งเจ้าหน้าที่ไปยังสถาบันการศึกษาต่าง ๆ เช่น วิทยาลัย
มหาวิทยาลัย และโรงเรียนวิชาชีพ เพื่อทาการสัมภาษณ์นักเรียนหรือนักศึกษา
• กาลังจะสาเร็จการศึกษาเพื่อรับเข้าทางานที่บริษัท สถาบันการศึกษา
อาจจะมีศูนย์กลางจัดหางานอยู่ภายในสถาบันแล้ว โดยเป็นตัวเชื่อม
ระหว่างธุรกิจและนักศึกษา
• 2.2.7 การแนะนาโดยพนักงาน
• บริษัทบางแห่งจะสนับสนุนให้พนักงานของบริษัทแนะนาบุคคล
ที่พวกเขาเห็นว่าบริษัทควรจะรับเข้าทางาน การปิดประกาศและ
การประชุมที่จัดโดยผู้จัดการบุคคลมักจะใช้สาหรับความมุ่งหมาย
ดังกล่าวที่อาจจะเกิดขึ้นคือ พนักงานของบริษัทอาจจะแนะนา
บุคคลใดๆ ที่มีคุณสมบัติไม่เหมาะสมที่เป็นเพื่อนของพวกเขาเข้า
ทางานได้
• การคัดเลือก
เป็นกระบวนการที่ต่อเนื่องมาจากการสรรหาบุคลากรแบ่งออกเป็น 2
ระบบ ใหญ่ๆ คือ การบริหารบุคคลระบบคุณธรรม Merit system และการ
บริหารบุคคลระบบอุปถัมภ์ Patronage System
ระบบคุณธรรม มี4 ประการคือ
ความเสมอภาค หลักความสามารถ
หลักความมั่นคง
หลักความเป็นกลาง
ทางการเมือง
สรุป
• องค์การจะเดินไปสู่ความล้มเหลวหรือความสาเร็จได้นั้น ขึ้นอยู่กับองค์ประกอบ
สาคัญคือ การบริหารงานบุคคล องค์การใดมีการบริหารงานบุคคลที่ดีย่อมจะเกิด
ประโยชน์สะท้อนกลับให้เกิดความมั่นคงและความสาเร็จซึ่งสรุปความสาคัญของการ
บริหารงานบุคคลได้ดังนี้
-ช่วยส่งเสริมสร้างขวัญและกาลังใจให้พนักงาน
-ช่วยให้เกิดความมั่นคงแก่องค์การ
-ช่วยให้เกิดความมั่นคงแก่สังคม
-ช่วยให้เกิดความมั่นคงแก่ประเทศชาติ เป็นต้น

Chapter 5 การบริหารงานบุคคล

  • 1.
    การบริหารงานบุคคล มนุษย์ คือ ทรัพยากรที่มีค่าที่สุดขององค์การองค์การประสบ ความสาเร็จหรือล้มเหลว ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลักคือบุคคลในองค์การ ถึงแม้จะมีเครื่องมือเครื่องจักรที่ทันสมัยอย่างไรก็ตาม ถ้าบุคคลใน องค์การขาดความรู้ความสามารถก็ไม่อาจใช้ประโยชน์จากเครื่องมือที่ ทันสมัยนั้นได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ดังนั้นจึงมีความจาเป็นอย่างยิ่งที่ จะต้องให้ความสาคัญต่อการบริหารงานบุคคล ซึ่งเป็นกระบวนการที่ เริ่มตั้งแต่การวางแผนกาลังคน จนกระทั่งถึงการพ้นสภาพจากการเป็น พนักงานขององค์การในที่สุด
  • 2.
    ความหมายของการบริหารงานบุคคล เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่า ปัจจัยพื้นฐานของการประกอบธุรกิจ5M’s คือ คนวัตถุดิบ เครื่องจักร เงินทุน และการบริหาร จะเห็นได้ว่าคนเป็น องค์ประกอบประเภทหนึ่งที่ทุกองค์การต้องให้ความสาคัญ องค์การใดมีคนที่ดี คุณภาพย่อมจะนาพาให้องค์การนั้นไปสู่ความสาเร็จตามวัตถุประสงค์ได้อย่างมี ประสิทธิภาพ มีผู้ให้ความหมายของการบริหารงานบุคคลไว้หลายแนวทางพอ สรุปได้ดังนี้ การบริหารงานบุคคล หมายถึง การจัดหาบุคคลที่มีคุณสมบัติ เหมาะสมเข้าทางานในตาแหน่งต่าง ๆเพื่อให้ได้ประสิทธิผลสูงสุด แต่ทั้งนี้ต้อง คานึงถึงความสุขและความพึงพอใจของบุคลากรในหน่วยงานด้วย
  • 3.
    ความสาคัญของการบริหารงานบุคคล • บุคคลในองค์การ เปรียบเสมือนชิ้นส่วนสาคัญในการขับเคลื่อนองค์การเพื่อไปสู่ จุดหมายปลายทางที่กาหนดไว้ดังนั้นจึงควรศึกษาความสาคัญของการบริหารงาน บุคคลซึ่งแยกเป็นประเด็นสาคัญๆได้ดังนี้ • -ช่วยเสริมสร้างขวัญและกาลังใจไม่ว่าจะเป็นด้านความสะดวกสบาย -ช่วยให้องค์การมีความมั่นคงและมั่งคั่งเมื่อพนักงานมีความมุ่งมั่นในการทางาน ย่อมส่งผลให้องค์การมีความเจริญเติบโตและเข้มแข็งผลผลิตเป็นที่ยอมรับของ ตลาดและมีศักยภาพในการแข่งขันสูง -ช่วยให้เกิดความมั่นคงแก่สังคม สังคมประกอบขึ้นจากกลุ่มบุคคลเล็กๆ มา รวมกันถ้าแต่ละกลุ่มมีความมั่นคงย่อมส่งผลให้สังคมเกิดความมั่นคงเช่นกัน -ช่วยให้เกิดความมั่นคงแก่ประเทศชาติ ถ้าบุคลากรของทุกองค์การเป็นผู้มี ความสามารถ
  • 4.
    หน้าที่การบริหารงานบุคคล Personal Functional •การบริหารงานบุคคล คือ กระบวนการที่เกี่ยวข้องกับบุคลากรภายใน องค์การเริ่มตั้งแต่การวางแผนกาลังคน การพัฒนาประสิทธิภาพในการ ทางาน โดยมีการสร้างแรงจูงใจด้านต่างๆ เพื่อให้องค์การบรรลุ วัตถุประสงค์ที่กาหนดไว้ซึ่งอาจพิจารณาขอบเขตของงานด้านบริหารงาน บุคคลได้แก่ • การวางแผนกาลังคน Personnel Planning • การสรรหาและการคัดเลือก Finding and Selectiong • การจัดบุคคลเข้าทางาน Recruitment • การปฐมนิเทศ Orientation • การพัฒนาและฝึกอบรม Training and Development • การเลื่อนชั้นและการโยกย้ายTransfer and Promotion • การสร้างแรงจูงใจ Motivation
  • 5.
    • การจัดการด้านสวัสดิการ Welfare •การพ้นจากงาน working Leave • แรงงานสัมพันธ์ Labor Relation การวางแผนกาลังคน การดาเนินธุรกิจย่อมจะมีบางช่วงเวลาที่ต้องใช้ กาลังคนมาก บางช่วงใช้กาลังคนมากก็สิ้นเปลืองค่าใช้จ่าย ถ้ากาลังคน น้อยก็ทาให้งานภายในองค์การเกิดความเสียหายได้เช่นกัน การวางแผนกาลังงานจะต้องมีการวิเคราะห์งาน เพื่อให้ทราบถึง การจัดหมวดหมู่ของงานและการประเมินผล การวิเคราะห์งาน Job Analysis
  • 6.
    • 1. คาบรรยายลักษณะงานJOB Descriptionเป็นข้อกาหนดหน้าที่ของ งานในด้านต่างๆ เพื่อให้ทราบถึงขอบเขตของงานด้านนั้น โดยจะมี รายละเอียดดังนี้ – หน้าที่รับผิดชอบ – กิจกรรมที่ต้องทา – ขอบเขตความรับผิดชอบ – หน่วยงานที่ต้องติดต่อ 2. คุณสมบัติของพนักงาน Job Specification เป็นการกาหนด คุณสมบัติของพนักงานที่จะทาหน้าที่ต่าง ๆ ให้สอดคล้องกับงานที่ จะต้องรับผิดชอบเช่น
  • 7.
    • อายุ • การศึกษา •สายตา • บุคลิกภาพ • ส่วนสูง • น้าหนักตัว • สถานภาพ คิดดีและมี เมตตาต่อกันนะ คะ
  • 8.
    • 3. การจัดหมวดหมู่ของงานJob Classification คือ การจัดการเกี่ยวกับ งานให้เป็นระบบ งานใดมีความสัมพันธ์กับหน่วยงานอื่นๆ ในลักษณะ ที่มีความคล้ายคลึงกัน ก็สามารถจัดให้อยู่ในหมวดหมู่เดียวกัน • 4. การประเมินผลงาน Job Evaluation ภายหลังจากการจัดการเกี่ยวกับ งานในประเด็นต่าง ๆ แล้วจะต้องมีการประเมินผลของงาน เพื่อใช้เป็น การกาหนดค่าตอบแทนรวมถึงการจัดสวัสดิการด้านต่างๆ ให้เหมาะสม การสรรหาการคัดเลือก การสรรหาบุคลากร เพื่อเข้ามาร่วมงานกับองค์การ ผู้รับผิดชอบจะต้องมี การหาข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับคุณสมบัติของบุคคลที่ต้องการอ่าน จากนั้นจึง ดาเนินการขั้นตอนต่อไปสามารถแบ่งออกได้2 ประเภทคือ
  • 9.
    • 2.1 การสรรหาจากภายในองค์การคือ เมื่อองค์การมีความต้องการ พนักงานในตาแหน่งผู้บริหารระดับต่างๆ ไม่จาเป็นต้องประกาศรับ สมัครบุคคลภายนอกเสมอไปทั้งนี้เพราะบุคลากรภายในองค์การบางคน อาจมีคุณสมบัติที่เหมาะสมอยู่แล้วก็ได้ ซึ่งการสรรหาบุคลากรภายใน กิจการมีข้อดีในด้านขวัญและกาลังใจ • 2.2 การสรรหาจากภายนอกกิจการ ตาแหน่งงานบางประเภทมีความ จาเป็นที่จะต้องหาจากแหล่งภายนอก เพราะมีบุคคลที่มีคุณสมบัติที่ เหมาะสมกว่าภายใน ทั้งนี้เพื่อประโยชน์ที่องค์การจะได้รับในด้านของ ความหลากหลายด้านความคิดสร้างสรรค์จากบุคคลภายนอก แหล่ง กาลังคนภายนอกที่สาคัญได้แก่
  • 10.
    2.2.1 สานักจัดหางานของรัฐบาล หน่วยงานของรัฐบาลจะได้รับเงินสนับสนุนจากภาษีอากร ให้บริการโดยไม่คิดบริการจากผู้สมัครและนายจ้าง ในกรณีที่ นายจ้างต้องการจะใช้บริการของสานักงานจัดหางานของรัฐบาลแล้ว นายจ้างจะต้องแจ้งให้สานักจัดหางานทราบถึงคุณสมบัติอย่างต่าของ ผู้สมัครงานที่นายจ้างต้องการ 2.2.2สานักจัดหางานของเอกชน หน้าที่ของสานักงานจัดหางานของเอกชนจะเหมือนกับ สานักจัดหางานของรัฐบาลแล้ว นายจ้างจะต้องแจ้งให้สานักจัดหา งานทราบถึงคุณสมบัติอย่างต่าของผู้สมัครงานที่นายจ้างต้องการ
  • 11.
    • 2.2.3 ผู้สมัครงานที่ไม่ได้ถูกเสาะหาโดยธุรกิจ บุคคลบางคนอาจจะสมัครงานกับธุรกิจโดยที่ธุรกิจไม่ได้ ทาการเสาะหาดังนั้นถ้าหากว่าธุรกิจต้องการผู้สมัครงาน ประเภทนี้แล้ว บริษัทจะต้องพยามสร้างชื่อเสียงที่ดีภายใน สังคม นอกจากนี้บริษัทควรจะมีแผนกบุคคลที่หาได้ง่ายเมื่อ ผู้สมัครงานประเภทนี้เข้าไปภายในอาคารของบริษัท
  • 12.
    • 2.2.4 การโฆษณา •ธุรกิจอาจจะใช้ทั้งหนังสือพิมพ์รายวันและวารสารต่างๆ ด้วยการซื้อเนื้อ ที่ของหนังสือเหล่านี้ในการโฆษณา • 2.2.5 สหภาพแรงงาน • ในกรณีที่นายจ้างต้องการพวกช่างต่างๆ อาจจะเป็นช่างไฟฟ้า ช่างทาสี และช่างไม้นั้น นายจ้างอาจจะทาการเสาะหาได้จากสหภาพแรงงานของ อาชีพเหล่านี้ • 2.2.6 สถาบันการศึกษา ในแต่ละปีบริษัทจะส่งเจ้าหน้าที่ไปยังสถาบันการศึกษาต่าง ๆ เช่น วิทยาลัย มหาวิทยาลัย และโรงเรียนวิชาชีพ เพื่อทาการสัมภาษณ์นักเรียนหรือนักศึกษา
  • 13.
    • กาลังจะสาเร็จการศึกษาเพื่อรับเข้าทางานที่บริษัท สถาบันการศึกษา อาจจะมีศูนย์กลางจัดหางานอยู่ภายในสถาบันแล้วโดยเป็นตัวเชื่อม ระหว่างธุรกิจและนักศึกษา • 2.2.7 การแนะนาโดยพนักงาน • บริษัทบางแห่งจะสนับสนุนให้พนักงานของบริษัทแนะนาบุคคล ที่พวกเขาเห็นว่าบริษัทควรจะรับเข้าทางาน การปิดประกาศและ การประชุมที่จัดโดยผู้จัดการบุคคลมักจะใช้สาหรับความมุ่งหมาย ดังกล่าวที่อาจจะเกิดขึ้นคือ พนักงานของบริษัทอาจจะแนะนา บุคคลใดๆ ที่มีคุณสมบัติไม่เหมาะสมที่เป็นเพื่อนของพวกเขาเข้า ทางานได้
  • 14.
    • การคัดเลือก เป็นกระบวนการที่ต่อเนื่องมาจากการสรรหาบุคลากรแบ่งออกเป็น 2 ระบบใหญ่ๆ คือ การบริหารบุคคลระบบคุณธรรม Merit system และการ บริหารบุคคลระบบอุปถัมภ์ Patronage System ระบบคุณธรรม มี4 ประการคือ ความเสมอภาค หลักความสามารถ หลักความมั่นคง หลักความเป็นกลาง ทางการเมือง
  • 15.
    สรุป • องค์การจะเดินไปสู่ความล้มเหลวหรือความสาเร็จได้นั้น ขึ้นอยู่กับองค์ประกอบ สาคัญคือการบริหารงานบุคคล องค์การใดมีการบริหารงานบุคคลที่ดีย่อมจะเกิด ประโยชน์สะท้อนกลับให้เกิดความมั่นคงและความสาเร็จซึ่งสรุปความสาคัญของการ บริหารงานบุคคลได้ดังนี้ -ช่วยส่งเสริมสร้างขวัญและกาลังใจให้พนักงาน -ช่วยให้เกิดความมั่นคงแก่องค์การ -ช่วยให้เกิดความมั่นคงแก่สังคม -ช่วยให้เกิดความมั่นคงแก่ประเทศชาติ เป็นต้น