More Related Content
PDF
PPSX
การพัฒนาทักษะการพิมพ์ของนักเรียนประถมศึกษา PDF
PDF
PDF
PDF
ใบความรู้+แผนการสอนและใบกิจกรรม ประถม4-6 เรื่อง ระบบต่างๆของร่างกายมนุษย์+ป.6... PDF
สื่อประกอบการสอนเรื่องสัตว์ครึ่งบก ครึ่งน้ำ PDF
What's hot
PDF
PDF
PPTX
บทที่ 3 ปรากฏการณ์ทางธรณีวิทยา PDF
DOCX
แบบสำรวจวิธีการเรียนรู้(วิทย์) PDF
PDF
PDF
PPTX
ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับกฎหมาย Kanin edited 61 PPT
PDF
โครงงานโรคความดันโลหิตสูงงง PDF
สอนวิทยาศาสตร์อย่างไร ให้สนุก โดยครูกอบวิทย์ พิริยะวัฒน์ ฉบับเผยแพร่ PDF
PDF
โครงงานพัฒนาสื่อเพื่อการศึกษา PDF
Random 140708192848-phpapp02 PDF
บันทึกข้อความประเมินวิทยฐานะชำนาญการ PPT
PDF
PDF
หลักสูตรปวช.(ช่างอุตสาหกรรม) PDF
Similar to ประวัติภาษา C
PDF
PDF
PPTX
PPTX
การสร้างโปรแกรมด้วยภาษาคอมพิวเตอร์ PDF
PDF
PDF
PDF
การเขียนโปรแกรมภาษา CProgrammingV2 สำหรับนัพกเรียน PDF
PDF
PDF
PDF
PDF
PDF
PDF
PDF
PDF
PDF
PDF
DOCX
More from Fair Kung Nattaput
PDF
PDF
การเขียนผังงาน (Flowchart) PDF
การสร้างเว็บเพจด้วยภาษา Html PDF
ความหมายและองค์ประกอบการนำเสนองาน PDF
PDF
ประวัติภาษา C
- 1.
- 2.
แนะนำภำษำ C
• ภาษาC เป็ นภาษาระดับสู ง แต่มีขีดความสามารถพิเศษเหนือกว่าภาษา
ระดับสู งอื่น กล่าวคือสามารถทางานในระดับต่าได้เช่นเดียวกับ
ภาษาระดับต่า จึงสามารถใช้เขียนโปรแกรมระบบปฏิบติการ หรื องาน
ั
ทัวไป เช่น ใช้เขียนโปรแกรมที่มีการคานวณมากๆ ทางด้านคณิ ตศาสตร์
่
หรื อทางด้านธุ รกิจ
• ภาษา C มีลกษณะเป็ นภาษาโครงสร้ าง(Structure programming) คือ เมื่อ
ั
โปรแกรมถูกประมวลผล ประโยคคาสั่งในโปรแกรมจะถูกจัดให้มีลาดับ
การทางานตามคาสั่ง เช่น คาสั่ง if-else,while หรื อ do while เป็ นต้น
- 3.
ประวัติภาษาซี
เป็ นภาษา Cเกิดขึ้นในปี ค.ศ .1972 ผูคิดค้นคือ
้
นายเดนนิส ริตชี (Dennis Ritchi) แห่งห้องทดลอง
เบลล์ (Bell laboratories) ที่มลรัฐนิวเจอร์ซีย ์
สหรัฐอเมริ กา นายเดนนีสได้ใช้หลักการมาจากภาษา
บีซีพแอล (BCPL : Basic Combine Programming
ี
Language) ของนายเคน ทอมสัน (Ken tomson)
เดนนิส ริ ตชีมีจุดมุ่งหมายให้ภาษา C ที่เขาพัฒนาขึ้น
เป็ นภาษาสาหรับใช้เขียนโปรแกรมปฏิบติการระบบ
ั
ยูนิกซ์ และได้ต้ งชื่อว่า ซี (C) เพราะเห็นว่า ซี (C) เป็ น
ั
ตัวอักษรต่อจากบี (B) ของภาษา BCPL ภาษาซีถือว่า
เป็ นภาษาระดับสูงและภาษาระดับต่า การศึกษาภาษาซี
ถือว่าเป็ นพื้นฐานในการศึกษาภาษาใหม่ ๆ ได้
- 4.
จุดกาเนิดของภาษา C นั้นเกิดมาจาก UNIX ผูออกแบบภาษา UNIX ต้องการ
้
ให้ OS ของตัวเอง สามารถใช้งานได้บนเครื่ องต่างๆ กัน แต่การที่
ุ่
จะต้อง Implement UNIX โดยใช้ภาษา Assembly ของแต่ละเครื่ อง เป็ นสิ่ งที่ยงยาก
เกินไป ผูออกแบบ UNIX จึงสร้างภาษากลางภาษาหนึ่ง ซึ่ง UNIX ทั้งตัวเขียนจาก
้
ภาษาดังกล่าว
ดังนั้นเมื่อต้องการ ให้ UNIX ใช้ งานได้บนเครื่ องใด ก็ให้สร้างคอมไพเลอร์
ของภาษากลางบนเครื่ องนั้นก่อน คอมไพเลอร์จะแปล โปรแกรมให้เป็ น
ภาษาเครื่ อง ทาให้ลดความซับซ้อนลงมาก ภาษากลางดังกล่าวก็คือ ภาษา C
- 5.
- 6.
จุดเด่ นของภาษา C
1.เป็นภาษาคอมพิวเตอร์ที่มีการพัฒนาขึ้นใช้งานเพื่อเป็ นภาษามาตรฐานไม่
ขึ้นกับโปรแกรมจัดระบบงานและฮาร์ดแวร์
2.เป็ นภาษาคอมพิวเตอร์ที่อาศัยหลักการที่เรี ยกว่า "โปรแกรมโครงสร้าง" จึง
เป็ นภาษาที่เหมาะกับการพัฒนาโปรแกรมระบบ
3.เป็ นคอมไพเลอร์ที่มีประสิ ทธิภาพสูง ให้รหัสออบเจ็กต์ส้ น ทางานได้
ั
รวดเร็ ว เหมาะกับงานที่ตองการ ความรวดเร็ วเป็ นสาคัญ
้
4.มีความคล่องตัวคล้ายภาษาแอสเซมบลี ภาษาซี สามารถเขียนแทน
ภาษาแอสเซมบลีได้ดี ค้นหาที่ผิดหรื อ แก้โปรแกรมได้ง่าย ภาษาซี จึงเป็ นภาษา
ระดับสูงที่ทางานเหมือนภาษาระดับต่า
5.มีความคล่องตัวที่จะประยุกต์เข้ากับงานต่างๆ ได้เป็ นอย่างดี การพัฒนา
่
6.เป็ นภาษาที่มีอยูบนเกือบทุกโปรแกรมจัดระบบงาน
7.เป็ นภาษาที่รวมข้อดีเด่นในเรื่ องการพัฒนา จนทาให้เป็ นภาษาที่มีผสนใจ
ู้
มากมายที่จะเรี ยนรู ้หลักการของภาษา และวิธีการเขียนโปรแกรม ตลอดจนการพัฒนา
งานบนภาษานี้
- 7.
ขั้นตอนการพัฒนาโปรแกรมภาษาซี
ขั้นตอนที่ 1 เขียนโปรแกรม(source code)
ใช้ editor เขียนโปรแกรมภาษาซีและทาการบันทึกไฟล์ให้มี
นามสกุลเป็ น .c เช่น work.c เป็ นต้น
***editor คือ โปรแกรมที่ใช้สาหรับการเขียนโปรแกรม โดย
ตัวอย่างของ editor ที่นิยมนามาใช้ในการเขียนโปรแกรม
ได้แก่ Notepad,Edit ของ Dos ,TextPad และ EditPlus เป็ นต้น
ผูเ้ ขียนโปรแกรมสามารถเลือกใช้โปรแกรมใดในการเรี ยน
โปรแกรมก็ได้ แล้วแต่ความถนัดของแต่ละบุคคล
- 8.
ขั้นตอนที่ 2 คอมไพล์โปรแกรม(compile)
นา source code จากขั้นตอนที่ 1 มาทาการคอมไพล์ เพื่อแปลจาก
ภาษาซีที่มนุษย์เข้าใจไปเป็ นภาษาเครื่ องที่คอมพิวเตอร์เข้าใจได้ ใน
ขั้นตอนนี้คอมไพเลอร์ จะทาการตรวจสอบ source code ว่าเกิด
ข้อผิดพลาดหรื อไม่
หากเกิดข้อผิดพลาด จะแจ้งให้ผเู ้ ขียนโปรแกรมทราบ ผูเ้ ขียน
โปรแกรมจะต้องกลับไปแก้ไขโปรแกรม และทาการคอมไพล์โปรแกรม
ใหม่อีกครั้ง
หากไม่พบข้อผิดพลาด คอมไพเลอร์ จะแปลไฟล์ source code จาก
ภาษาซีไปเป็ นภาษาเครื่ อง (ไฟล์นามสกุล .obj) เช่นถ้าไฟล์ source code
ชื่อ work.c ก็จะถูกแปลไปเป็ นไฟล์ work.obj ซึ่ งเก็บภาษาเครื่ องไว้
เป็ นต้น
- 9.
compile เป็ นตัวแปลภาษารูปแบบหนึ่ง มีหน้าที่หลักคือการ
แปลภาษาโปรแกรมที่มนุษย์เขียนขึ้นไปเป็ นภาษาเครื่ อง โดย
คอมไพเลอร์ของภาษาซี คือ C Compiler ซึ่งหลักการที่คอมไพเลอร์
ใช้ เรี ยกว่า คอมไพล์ (compile) โดยจะทาการอ่านโปรแกรมภาษาซี
ทั้งหมดตั้งแต่ตนจนจบ แล้วทาการแปลผลทีเดียว
้
นอกจากคอมไพเลอร์แล้ว ยังมีตวแปลภาษาอีกรู ปแบบหนึ่งที่
ั
เรี ยกว่า อินเตอร์ พรีเตอร์ การอ่านและแปลโปรแกรมทีละบรรทัด เมื่อ
แปลผลบรรทัดหนึ่งเสร็ จก็จะทางานตามคาสั่งในบรรทัดนั้น แล้วจึงทา
การแปลผลตามคาสั่งในบรรทัดถัดไป หลักการที่อินเตอร์ พรี เตอร์ ใช้
เรี ยกว่า อินเตอร์ เพรต(interpret)
- 10.
ข้ อดีและข้ อเสียของตัวแปลภาษาทั้งสองแบบมีดังนี้
ข้ อดี
คอมไพเลอร์
ข้ อเสีย
•ทางานได้เร็ ว เนื่องจากทาการ
แปลผลทีเดียว แล้วจึงทางานตาม
คาสังของโปรแกรมในภายหลัง
่
•เมื่อทาการแปลผลแล้ว ในครั้ง
ต่อไปไม่จาเป็ นต้องทาการแปล
ผลใหม่อีก เนื่องจากภาษาเครื่ องที่
แปลได้จะถูกเก็บไว้ที่
หน่วยความจา สามารถเรี ยกใช้
งานได้ทนที
ั
- เมื่อเกิดข้อผิดพลาด
ขึ้นกับโปรแกรมจะ
ตรวจสอบหาข้อผิดพลาด
ได้ยาก เพราะทาการแปล
ผลทีเดียวทั้งโปรแกรม
- 11.
ข้ อดี
อินเตอร์พรี เตอร์
ข้อเสีย
•หาข้อผิดพลาดของโปรแกรมได้ - ช้า เนื่องจากที่ทางานทีละ
ง่าย เนื่องจากทาการแปลผลทีละ บรรทัด
บรรทัด
•เนื่องจากทางานทีละบรรทัดดังนั้น
จึงสังให้โปรแกรมทางานตามคาสัง
่
่
เฉพาะจุดที่ตองการได้
้
•ไม่เสี ยเวลารอการแปลโปรแกรม
เป็ นเวลานาน
- 12.
ขั้นตอนที่ 3 เชื่อมโยงโปรแกรม(link)
การเขียนโปรแกรมภาษาซีน้ นผูเ้ ขียนโปรแกรมไม่จาเป็ นต้องเขียนคาสัง
ั
่
ต่าง ๆ ขึ้นใช้งานเอง เนื่องจากภาษาซีมีฟังก์ช้ นมาตรฐานให้ผเู ้ ขียนโปรแกรม
ั
สามารถเรี ยกใช้งานได้ เช่น การเขียนโปรแกรมแสดงข้อความ “Khon Kaen
University” ออกทางหน้าจอ ผูเ้ ขียนโปรแกรมสามารถเรี ยกใช้ฟังก์ชน printf() ซึ่ง
ั่
เป็ นฟังก์ชน มาตรฐานของภาษาซีมาใช้งานได้ โดยส่วนการประกาศ
ั่
่
(declaration) ของฟังก์ชนมาตรฐานต่าง ๆ จะถูกจัดเก็บอยูในเฮดเดอร์ไฟล์แต่ละตัว
ั่
แตกต่างกันไปตามลักษณะการใช้งาน
ด้วยเหตุน้ ีภาษาเครื่ องที่ได้จากขั้นตอนที่ 2 จึงยังไม่สามารถนาไปใช้งานได้
แต่ตองนามาเชื่อมโยงเข้ากับ library ก่อน ซึ่งผลจากการเชื่อมโยงจะทาให้
้
ได้ executable program (ไฟล์นามสกุล.exe เช่น work.exe) ที่สามารถนาไปใช้
งานได้
- 13.
ขั้นตอนที่ 4 ประมวลผล(run)
เมื่อนา executable program จากขั้นตอนที่ 3 มาประมวลผลก็จะได้
ผลลัพธ์ (output) ของโปรแกรมออกมา (ถ้ามี)
- 14.