SlideShare a Scribd company logo
1 of 7
Download to read offline
คำสอน
หลวงพ่อชำ สุภัทโท
วัดหนองป่ำพง
อุบลรำชธำนี
อำตมำเคยเห็นหมำตัวหนึ่ง เอำข้ำวให้มันกิน
มันกินแล้วกินไม่หมด มันก็นอนเฝ้ำอยู่ตรงนั้น อิ่มจนกินไม่ได้แล้ว ก็ยังนอนเฝ้ำอยู่ตรงนั้นแหละ นอนซึม
ประเดี๋ยวก็ชำเลืองตำดูอำหำรที่เหลือ ถ้ำหมำตัวอื่นจะมำกินไม่ว่ำตัวเล็กตัวใหญ่ก็ขู่
โอ้!...ไก่จะมำกินก็โฮ่งๆๆ ท้องจะแตกอยู่แล้ว จะให้เขำกินก็ไม่ได้ หวงไว้
มำดูคนเหมือนกัน ถ้ำไม่รู้จักธัมมะธัมโมก็ไม่รู้จักผู้น้อยผู้ใหญ่ ถูกกิเลสคือ โลภะ โทสะ โมหะ
เข้ำครอบงำจิตใจ แม้จะมีสมบัติมำกมำยก็หวงไว้ ไม่รู้จักเฉลี่ยเจือจำน
แม้แต่จะให้ทำนแก่เด็กยำกจนหรือคนชรำที่ไม่มีจะกินก็ยำก
อำตมำมำคิดดูว่ำ มันเหมือนสัตว์จริงหนอ
คนพวกนี้ไม่มีคุณสมบัติของมนุษย์เลย พระพุทธองค์ทรงตรัสว่ำ
มนุษย์เดรัจฉำโน มนุษย์เหมือนสัตว์เดรัจฉำน เป็นอย่ำงนั้น
เพรำะขำดควำมเมตตำ กรุณำ มุทิตำ อุเบกขำ
ฉะนั้น กำรที่สงบนี่ เรำจะต้องพิจำรณำสมำธิ ก็สงบแบบหนึ่ง แบบหินทับหญ้ำ
หลำยวันไปยกหินออกจำกหญ้ำ หญ้ำก็เกิดขึ้นอีก นี่สงบชั่วครำว
สงบด้วยปัญญำคือไม่ยกหินออก ทับมันอย่ำงนั้นแหละ หญ้ำมันเกิดไม่ได้
นี่เรียกว่ำสงบแท้ สงบกิเลสแน่นอน นี่เขำเรียกว่ำปัญญำ
ตัวปัญญำกับตัวสมำธินี้ เมื่อเรำพูดแยกกันออกก็คล้ำยๆคนละตัว
ไอ้ควำมเป็นจริงมันตัวเดียวกันนั่นเองแหละ
ตัวปัญญำนี่มันเป็นเครื่องเคลื่อนไหวของสมำธิเท่ำนั้น
มันออกจำกจิตอันนี้เอง แต่มันแยกกันออกไป
เข้ำใจว่ำอย่ำงนั้น มันเป็นคนละลักษณะ
การนั่งสมาธิ นั่งให้ตัวตรง อย่าเงยหน้ามากไป อย่าก้มหน้าเกินไป เอาขนาดพอดี
เหมือนพระพุทธรูปนั่นแหละมันจะสว่างไสวดี ครั้นจะเปลี่ยนอิริยาบทก็ให้อดทนจนถึงขีดสุดเสียก่อน
ปวดก็ให้ปวดไป อย่าเพิ่งรีบเปลี่ยน อย่าคิดว่า "บ๊ะ ไม่ไหวแล้ว พักก่อนเถอะน่า“
อดทนมันจนปวดถึงขนาดก่อน พอมันถึงขนาดนั้นแล้วก็ให้ทนต่อไปอีก ทนต่อไปๆ
จนมันไม่มีแก่ใจจะว่า "พุทโธ"เมื่อไม่ว่า"พุทโธ“ก็เอาตรงที่มันเจ็บนั้นแหละมาแทน"อุ๊ย เจ็บ เจ็บแท้ๆหนอ“
เอาเจ็บนั้นมาเป็นอารมณ์แทน "พุทโธ“ก็ได้ กาหนดให้ติดต่อกันไปเรื่อยๆ
นั่งไปเรื่อย ดูซิว่าเมื่อปวดจนถึงที่สุดแล้วมันจะเกิดอะไรขึ้น
พระพุทธเจ้าท่านว่า มันเจ็บเองมันก็หายเอง ให้มันตายไปก็อย่าเลิก
บางครั้งมันเหงื่อแตกเม็ดโป้งๆ เท่าเม็ดข้าวโพดไหลย้อยมาตามอก
ถ้าครั้นทาจนมันได้ข้ามเวทนาอันหนึ่งแล้ว มันก็รู้เรื่องเท่านั้นแหละ ให้ค่อยทาไปเรื่อยๆ อย่าเร่งรัดตัวเองเกินไป
หลวงพ่อชา สุภัทโท
ควำมเป็นจริงหลักธรรมะท่ำนสอนให้พวกเรำทั้งหลำยปฏิบัติเพื่อเห็นอนัตตำ
คือเห็นตัวตนนี้ว่ำมันเป็นของว่ำง ไม่ใช่เป็นของมีตัวตน
เป็นของว่ำงจำกตัวตน แต่เรำก็มำเรียนกันให้มันเป็นตัวเป็นตน
ก็เลยไม่อยำกจะให้มันทุกข์ ไม่อยำกจะให้มันลำบำก
อยำกจะให้มันสะดวก อยำกจะให้มันพ้นทุกข์
ถ้ำมีตัวมีตนมันจะพ้นทุกข์เมื่อไร ดูซิอย่ำงเรำมีของชิ้นหนึ่ง
ที่มีรำคำมำก เมื่อเรำได้รับมำเป็นของเรำแล้วเปลี่ยนเสีย
จิตใจเปลี่ยนแล้ว ต้องหำที่วำงมันจะเอำไว้ตรงไหนดีหนอ
เอำไว้ตรงนั้นขโมยมันจะย่องเอำไปละมั้ง
คิดจนเลิกคิดแล้วหำที่ซ่อนของนะ แล้วจิตมันเปลี่ยนเมื่อไร
มันเปลี่ยนเมื่อเรำได้วัตถุอันนี้เองทุกข์แล้ว
เอำไว้ตรงนี้ก็ไม่ค่อยสบำยใจ เอำไว้ตรงนั้นก็ไม่ค่อยสบำยใจ
เลยวุ่นกันจนหมดแหละ นั่งก็ทุกข์ เดินก็ทุกข์ นอนก็ทุกข์
นี่ทุกข์เกิดขึ้นมำแล้ว มันเกิดเมื่อไร มันเกิดในเมื่อเรำเข้ำใจว่ำ
ของของเรำ มันมีมำแล้ว ได้มำแล้ว ทุกข์อยู่เดี๋ยวนี้
แต่ก่อนไม่มี มันก็ไม่เป็นทุกข์ ทุกข์ยังไม่เกิด ไม่มีอะไรเกิดขึ้นที่จะจับมัน
อัตตำนี้ก็เหมือนกัน
ถ้ำเรำเข้ำใจว่ำตัวของเรำ ตนของเรำ
สภำพสิ่งแวดล้อมนั้นมันก็เป็นของตนไปด้วย ของเรำไปด้วย
มันก็เลยวุ่นขึ้นไป เพรำะอะไร ต้นเหตุคือมันมีตัวมีตน
ไม่ได้เพิกสมมุติอันนี้ออกให้เห็นวิมุตติ
ตัวตนนี้มันเป็นของสมมุติ
ให้เพิกให้รื้อสมมุติอันนี้ออกให้เห็นแก่นของมัน คือวิมุตติ
พลิกสมมุติอันนี้กลับให้เป็นวิมุตติ อันนี้ถ้ำเปรียบกับข้ำว
ก็เรียกว่ำข้ำวยังไม่ได้ซ้อม ข้ำวนั้นกินได้ไหม กินได้
แต่เรำไปปฏิบัติมันซิ คือให้เอำไปซ้อมมัน
ให้ถอดเปลือกออกไปเสีย มันก็จะเจอข้ำวสำรอยู่ตรงนั้นแหละ
ทีนี้ถ้ำเรำไม่ได้สีมันออกจำกเปลือกของมันก็ไม่เป็นข้ำวสำร
อะไรทุกอย่ำงถ้ำเรำยังไม่เห็นโทษมัน เรำก็ละมันไม่ได้
มันจะชั่วขนำดไหนก็ละมันไม่ได้ถ้ำเรำยังไม่ได้เห็นโทษอย่ำงจริงจัง แต่เมื่อเรำเห็นโทษอย่ำงแน่นอนจริงๆนั่นแหละ
สิ่งทั้งหลำยเหล่ำนั้นเรำถึงจะปล่อยได้วำงได้ พอเห็นโทษอย่ำงแน่นอนจริงๆ พร้อมกระทั่งเห็นประโยชน์ในกำรกระทำอย่ำงนั้น
ในกำรประพฤติอย่ำงนั้น เปลี่ยนขึ้นมำทันทีเลย อันนี้คนเรำประพฤติปฏิบัติอยู่ทำไมมันยังไปไม่ได้ ทำไมมันถึงวำงไม่ได้
คือมันยังไม่เห็นโทษอย่ำงแน่ชัด คือยังไม่รู้แจ้งนี่แหละ รู้ไม่ถึงหรือรู้มืด มันจึงละไม่ได้

More Related Content

What's hot

ประวัติส่วนตัว
ประวัติส่วนตัวประวัติส่วนตัว
ประวัติส่วนตัวphattarin rin
 
บูรพาจารย์ 3
บูรพาจารย์ 3บูรพาจารย์ 3
บูรพาจารย์ 3MI
 
แปลโดยพยัญชนะเรื่องพราหมณ์ชื่อว่า จูเฬกสาฎก
แปลโดยพยัญชนะเรื่องพราหมณ์ชื่อว่า จูเฬกสาฎกแปลโดยพยัญชนะเรื่องพราหมณ์ชื่อว่า จูเฬกสาฎก
แปลโดยพยัญชนะเรื่องพราหมณ์ชื่อว่า จูเฬกสาฎกวัดดอนทอง กาฬสินธุ์
 
แต่งกลอนภุชงคประยาตฉัน11
แต่งกลอนภุชงคประยาตฉัน11แต่งกลอนภุชงคประยาตฉัน11
แต่งกลอนภุชงคประยาตฉัน11JAy YourJust'one
 
คำสอนของหลวงพ่อชา สุภัทโท
คำสอนของหลวงพ่อชา สุภัทโทคำสอนของหลวงพ่อชา สุภัทโท
คำสอนของหลวงพ่อชา สุภัทโทMI
 
คำสอนของหลวงพ่อชา สุภัทโท
คำสอนของหลวงพ่อชา สุภัทโทคำสอนของหลวงพ่อชา สุภัทโท
คำสอนของหลวงพ่อชา สุภัทโทMI
 
คำสอนของหลวงพ่อชา สุภัทโท4
คำสอนของหลวงพ่อชา สุภัทโท4คำสอนของหลวงพ่อชา สุภัทโท4
คำสอนของหลวงพ่อชา สุภัทโท4MI
 

What's hot (9)

ประวัติส่วนตัว
ประวัติส่วนตัวประวัติส่วนตัว
ประวัติส่วนตัว
 
บูรพาจารย์ 3
บูรพาจารย์ 3บูรพาจารย์ 3
บูรพาจารย์ 3
 
แปลโดยพยัญชนะเรื่องพราหมณ์ชื่อว่า จูเฬกสาฎก
แปลโดยพยัญชนะเรื่องพราหมณ์ชื่อว่า จูเฬกสาฎกแปลโดยพยัญชนะเรื่องพราหมณ์ชื่อว่า จูเฬกสาฎก
แปลโดยพยัญชนะเรื่องพราหมณ์ชื่อว่า จูเฬกสาฎก
 
แต่งกลอนภุชงคประยาตฉัน11
แต่งกลอนภุชงคประยาตฉัน11แต่งกลอนภุชงคประยาตฉัน11
แต่งกลอนภุชงคประยาตฉัน11
 
คำสอนของหลวงพ่อชา สุภัทโท
คำสอนของหลวงพ่อชา สุภัทโทคำสอนของหลวงพ่อชา สุภัทโท
คำสอนของหลวงพ่อชา สุภัทโท
 
หลวงพ่อบ้านแหลม
หลวงพ่อบ้านแหลมหลวงพ่อบ้านแหลม
หลวงพ่อบ้านแหลม
 
คำสอนของหลวงพ่อชา สุภัทโท
คำสอนของหลวงพ่อชา สุภัทโทคำสอนของหลวงพ่อชา สุภัทโท
คำสอนของหลวงพ่อชา สุภัทโท
 
คำสอนของหลวงพ่อชา สุภัทโท4
คำสอนของหลวงพ่อชา สุภัทโท4คำสอนของหลวงพ่อชา สุภัทโท4
คำสอนของหลวงพ่อชา สุภัทโท4
 
หลวงปู่
หลวงปู่หลวงปู่
หลวงปู่
 

More from MI

คำสอนหลวงพ่ออินทร์ถวาย สันตุสสโก
คำสอนหลวงพ่ออินทร์ถวาย สันตุสสโกคำสอนหลวงพ่ออินทร์ถวาย สันตุสสโก
คำสอนหลวงพ่ออินทร์ถวาย สันตุสสโกMI
 
คำสอนหลวงพ่ออินทร์ถวาย สันตุสสโก
คำสอนหลวงพ่ออินทร์ถวาย สันตุสสโกคำสอนหลวงพ่ออินทร์ถวาย สันตุสสโก
คำสอนหลวงพ่ออินทร์ถวาย สันตุสสโกMI
 
คำสอนหลวงปู่หล้า เขมปัตโต
คำสอนหลวงปู่หล้า เขมปัตโตคำสอนหลวงปู่หล้า เขมปัตโต
คำสอนหลวงปู่หล้า เขมปัตโตMI
 
คำสอนหลวงปู่จาม มหาปุญโญ
คำสอนหลวงปู่จาม มหาปุญโญคำสอนหลวงปู่จาม มหาปุญโญ
คำสอนหลวงปู่จาม มหาปุญโญMI
 
คำสอนหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน
คำสอนหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโนคำสอนหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน
คำสอนหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโนMI
 
คำสอนแม่ชีแก้ว เสียงล้ำ
คำสอนแม่ชีแก้ว เสียงล้ำคำสอนแม่ชีแก้ว เสียงล้ำ
คำสอนแม่ชีแก้ว เสียงล้ำMI
 
คำสอนบูรพาจารย์
คำสอนบูรพาจารย์คำสอนบูรพาจารย์
คำสอนบูรพาจารย์MI
 
พระบรมราโชวาทและพระราชดำรัสของรัชกาลที่๙
พระบรมราโชวาทและพระราชดำรัสของรัชกาลที่๙พระบรมราโชวาทและพระราชดำรัสของรัชกาลที่๙
พระบรมราโชวาทและพระราชดำรัสของรัชกาลที่๙MI
 
Luangpoo lar
Luangpoo larLuangpoo lar
Luangpoo larMI
 
Luangpoo jarm
Luangpoo jarmLuangpoo jarm
Luangpoo jarmMI
 
Luangta 11
Luangta 11Luangta 11
Luangta 11MI
 
Buddha's quotes
Buddha's quotesBuddha's quotes
Buddha's quotesMI
 
Luangpor intawai 20
Luangpor intawai 20Luangpor intawai 20
Luangpor intawai 20MI
 
Luangpor intawai 20
Luangpor intawai 20Luangpor intawai 20
Luangpor intawai 20MI
 
Luangpor intawai113
Luangpor intawai113Luangpor intawai113
Luangpor intawai113MI
 
Luangpor intawai112
Luangpor intawai112Luangpor intawai112
Luangpor intawai112MI
 
Great dharma masters1
Great dharma masters1Great dharma masters1
Great dharma masters1MI
 
Luangta mahabua3
Luangta mahabua3Luangta mahabua3
Luangta mahabua3MI
 
Luangta Mahabua2
Luangta Mahabua2Luangta Mahabua2
Luangta Mahabua2MI
 
Luangta mahabua1
Luangta mahabua1Luangta mahabua1
Luangta mahabua1MI
 

More from MI (20)

คำสอนหลวงพ่ออินทร์ถวาย สันตุสสโก
คำสอนหลวงพ่ออินทร์ถวาย สันตุสสโกคำสอนหลวงพ่ออินทร์ถวาย สันตุสสโก
คำสอนหลวงพ่ออินทร์ถวาย สันตุสสโก
 
คำสอนหลวงพ่ออินทร์ถวาย สันตุสสโก
คำสอนหลวงพ่ออินทร์ถวาย สันตุสสโกคำสอนหลวงพ่ออินทร์ถวาย สันตุสสโก
คำสอนหลวงพ่ออินทร์ถวาย สันตุสสโก
 
คำสอนหลวงปู่หล้า เขมปัตโต
คำสอนหลวงปู่หล้า เขมปัตโตคำสอนหลวงปู่หล้า เขมปัตโต
คำสอนหลวงปู่หล้า เขมปัตโต
 
คำสอนหลวงปู่จาม มหาปุญโญ
คำสอนหลวงปู่จาม มหาปุญโญคำสอนหลวงปู่จาม มหาปุญโญ
คำสอนหลวงปู่จาม มหาปุญโญ
 
คำสอนหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน
คำสอนหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโนคำสอนหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน
คำสอนหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน
 
คำสอนแม่ชีแก้ว เสียงล้ำ
คำสอนแม่ชีแก้ว เสียงล้ำคำสอนแม่ชีแก้ว เสียงล้ำ
คำสอนแม่ชีแก้ว เสียงล้ำ
 
คำสอนบูรพาจารย์
คำสอนบูรพาจารย์คำสอนบูรพาจารย์
คำสอนบูรพาจารย์
 
พระบรมราโชวาทและพระราชดำรัสของรัชกาลที่๙
พระบรมราโชวาทและพระราชดำรัสของรัชกาลที่๙พระบรมราโชวาทและพระราชดำรัสของรัชกาลที่๙
พระบรมราโชวาทและพระราชดำรัสของรัชกาลที่๙
 
Luangpoo lar
Luangpoo larLuangpoo lar
Luangpoo lar
 
Luangpoo jarm
Luangpoo jarmLuangpoo jarm
Luangpoo jarm
 
Luangta 11
Luangta 11Luangta 11
Luangta 11
 
Buddha's quotes
Buddha's quotesBuddha's quotes
Buddha's quotes
 
Luangpor intawai 20
Luangpor intawai 20Luangpor intawai 20
Luangpor intawai 20
 
Luangpor intawai 20
Luangpor intawai 20Luangpor intawai 20
Luangpor intawai 20
 
Luangpor intawai113
Luangpor intawai113Luangpor intawai113
Luangpor intawai113
 
Luangpor intawai112
Luangpor intawai112Luangpor intawai112
Luangpor intawai112
 
Great dharma masters1
Great dharma masters1Great dharma masters1
Great dharma masters1
 
Luangta mahabua3
Luangta mahabua3Luangta mahabua3
Luangta mahabua3
 
Luangta Mahabua2
Luangta Mahabua2Luangta Mahabua2
Luangta Mahabua2
 
Luangta mahabua1
Luangta mahabua1Luangta mahabua1
Luangta mahabua1
 

คำสอนหลวงพ่อชา6

  • 2. อำตมำเคยเห็นหมำตัวหนึ่ง เอำข้ำวให้มันกิน มันกินแล้วกินไม่หมด มันก็นอนเฝ้ำอยู่ตรงนั้น อิ่มจนกินไม่ได้แล้ว ก็ยังนอนเฝ้ำอยู่ตรงนั้นแหละ นอนซึม ประเดี๋ยวก็ชำเลืองตำดูอำหำรที่เหลือ ถ้ำหมำตัวอื่นจะมำกินไม่ว่ำตัวเล็กตัวใหญ่ก็ขู่ โอ้!...ไก่จะมำกินก็โฮ่งๆๆ ท้องจะแตกอยู่แล้ว จะให้เขำกินก็ไม่ได้ หวงไว้ มำดูคนเหมือนกัน ถ้ำไม่รู้จักธัมมะธัมโมก็ไม่รู้จักผู้น้อยผู้ใหญ่ ถูกกิเลสคือ โลภะ โทสะ โมหะ เข้ำครอบงำจิตใจ แม้จะมีสมบัติมำกมำยก็หวงไว้ ไม่รู้จักเฉลี่ยเจือจำน แม้แต่จะให้ทำนแก่เด็กยำกจนหรือคนชรำที่ไม่มีจะกินก็ยำก อำตมำมำคิดดูว่ำ มันเหมือนสัตว์จริงหนอ คนพวกนี้ไม่มีคุณสมบัติของมนุษย์เลย พระพุทธองค์ทรงตรัสว่ำ มนุษย์เดรัจฉำโน มนุษย์เหมือนสัตว์เดรัจฉำน เป็นอย่ำงนั้น เพรำะขำดควำมเมตตำ กรุณำ มุทิตำ อุเบกขำ
  • 3. ฉะนั้น กำรที่สงบนี่ เรำจะต้องพิจำรณำสมำธิ ก็สงบแบบหนึ่ง แบบหินทับหญ้ำ หลำยวันไปยกหินออกจำกหญ้ำ หญ้ำก็เกิดขึ้นอีก นี่สงบชั่วครำว สงบด้วยปัญญำคือไม่ยกหินออก ทับมันอย่ำงนั้นแหละ หญ้ำมันเกิดไม่ได้ นี่เรียกว่ำสงบแท้ สงบกิเลสแน่นอน นี่เขำเรียกว่ำปัญญำ ตัวปัญญำกับตัวสมำธินี้ เมื่อเรำพูดแยกกันออกก็คล้ำยๆคนละตัว ไอ้ควำมเป็นจริงมันตัวเดียวกันนั่นเองแหละ ตัวปัญญำนี่มันเป็นเครื่องเคลื่อนไหวของสมำธิเท่ำนั้น มันออกจำกจิตอันนี้เอง แต่มันแยกกันออกไป เข้ำใจว่ำอย่ำงนั้น มันเป็นคนละลักษณะ
  • 4. การนั่งสมาธิ นั่งให้ตัวตรง อย่าเงยหน้ามากไป อย่าก้มหน้าเกินไป เอาขนาดพอดี เหมือนพระพุทธรูปนั่นแหละมันจะสว่างไสวดี ครั้นจะเปลี่ยนอิริยาบทก็ให้อดทนจนถึงขีดสุดเสียก่อน ปวดก็ให้ปวดไป อย่าเพิ่งรีบเปลี่ยน อย่าคิดว่า "บ๊ะ ไม่ไหวแล้ว พักก่อนเถอะน่า“ อดทนมันจนปวดถึงขนาดก่อน พอมันถึงขนาดนั้นแล้วก็ให้ทนต่อไปอีก ทนต่อไปๆ จนมันไม่มีแก่ใจจะว่า "พุทโธ"เมื่อไม่ว่า"พุทโธ“ก็เอาตรงที่มันเจ็บนั้นแหละมาแทน"อุ๊ย เจ็บ เจ็บแท้ๆหนอ“ เอาเจ็บนั้นมาเป็นอารมณ์แทน "พุทโธ“ก็ได้ กาหนดให้ติดต่อกันไปเรื่อยๆ นั่งไปเรื่อย ดูซิว่าเมื่อปวดจนถึงที่สุดแล้วมันจะเกิดอะไรขึ้น พระพุทธเจ้าท่านว่า มันเจ็บเองมันก็หายเอง ให้มันตายไปก็อย่าเลิก บางครั้งมันเหงื่อแตกเม็ดโป้งๆ เท่าเม็ดข้าวโพดไหลย้อยมาตามอก ถ้าครั้นทาจนมันได้ข้ามเวทนาอันหนึ่งแล้ว มันก็รู้เรื่องเท่านั้นแหละ ให้ค่อยทาไปเรื่อยๆ อย่าเร่งรัดตัวเองเกินไป หลวงพ่อชา สุภัทโท
  • 5. ควำมเป็นจริงหลักธรรมะท่ำนสอนให้พวกเรำทั้งหลำยปฏิบัติเพื่อเห็นอนัตตำ คือเห็นตัวตนนี้ว่ำมันเป็นของว่ำง ไม่ใช่เป็นของมีตัวตน เป็นของว่ำงจำกตัวตน แต่เรำก็มำเรียนกันให้มันเป็นตัวเป็นตน ก็เลยไม่อยำกจะให้มันทุกข์ ไม่อยำกจะให้มันลำบำก อยำกจะให้มันสะดวก อยำกจะให้มันพ้นทุกข์ ถ้ำมีตัวมีตนมันจะพ้นทุกข์เมื่อไร ดูซิอย่ำงเรำมีของชิ้นหนึ่ง ที่มีรำคำมำก เมื่อเรำได้รับมำเป็นของเรำแล้วเปลี่ยนเสีย จิตใจเปลี่ยนแล้ว ต้องหำที่วำงมันจะเอำไว้ตรงไหนดีหนอ เอำไว้ตรงนั้นขโมยมันจะย่องเอำไปละมั้ง คิดจนเลิกคิดแล้วหำที่ซ่อนของนะ แล้วจิตมันเปลี่ยนเมื่อไร มันเปลี่ยนเมื่อเรำได้วัตถุอันนี้เองทุกข์แล้ว เอำไว้ตรงนี้ก็ไม่ค่อยสบำยใจ เอำไว้ตรงนั้นก็ไม่ค่อยสบำยใจ เลยวุ่นกันจนหมดแหละ นั่งก็ทุกข์ เดินก็ทุกข์ นอนก็ทุกข์ นี่ทุกข์เกิดขึ้นมำแล้ว มันเกิดเมื่อไร มันเกิดในเมื่อเรำเข้ำใจว่ำ ของของเรำ มันมีมำแล้ว ได้มำแล้ว ทุกข์อยู่เดี๋ยวนี้ แต่ก่อนไม่มี มันก็ไม่เป็นทุกข์ ทุกข์ยังไม่เกิด ไม่มีอะไรเกิดขึ้นที่จะจับมัน
  • 6. อัตตำนี้ก็เหมือนกัน ถ้ำเรำเข้ำใจว่ำตัวของเรำ ตนของเรำ สภำพสิ่งแวดล้อมนั้นมันก็เป็นของตนไปด้วย ของเรำไปด้วย มันก็เลยวุ่นขึ้นไป เพรำะอะไร ต้นเหตุคือมันมีตัวมีตน ไม่ได้เพิกสมมุติอันนี้ออกให้เห็นวิมุตติ ตัวตนนี้มันเป็นของสมมุติ ให้เพิกให้รื้อสมมุติอันนี้ออกให้เห็นแก่นของมัน คือวิมุตติ พลิกสมมุติอันนี้กลับให้เป็นวิมุตติ อันนี้ถ้ำเปรียบกับข้ำว ก็เรียกว่ำข้ำวยังไม่ได้ซ้อม ข้ำวนั้นกินได้ไหม กินได้ แต่เรำไปปฏิบัติมันซิ คือให้เอำไปซ้อมมัน ให้ถอดเปลือกออกไปเสีย มันก็จะเจอข้ำวสำรอยู่ตรงนั้นแหละ ทีนี้ถ้ำเรำไม่ได้สีมันออกจำกเปลือกของมันก็ไม่เป็นข้ำวสำร
  • 7. อะไรทุกอย่ำงถ้ำเรำยังไม่เห็นโทษมัน เรำก็ละมันไม่ได้ มันจะชั่วขนำดไหนก็ละมันไม่ได้ถ้ำเรำยังไม่ได้เห็นโทษอย่ำงจริงจัง แต่เมื่อเรำเห็นโทษอย่ำงแน่นอนจริงๆนั่นแหละ สิ่งทั้งหลำยเหล่ำนั้นเรำถึงจะปล่อยได้วำงได้ พอเห็นโทษอย่ำงแน่นอนจริงๆ พร้อมกระทั่งเห็นประโยชน์ในกำรกระทำอย่ำงนั้น ในกำรประพฤติอย่ำงนั้น เปลี่ยนขึ้นมำทันทีเลย อันนี้คนเรำประพฤติปฏิบัติอยู่ทำไมมันยังไปไม่ได้ ทำไมมันถึงวำงไม่ได้ คือมันยังไม่เห็นโทษอย่ำงแน่ชัด คือยังไม่รู้แจ้งนี่แหละ รู้ไม่ถึงหรือรู้มืด มันจึงละไม่ได้