More Related Content
Similar to ใบงานที่ 6 เรื่อง โครงงานประเภท “การทดลองทฤษฎี”
Similar to ใบงานที่ 6 เรื่อง โครงงานประเภท “การทดลองทฤษฎี” (20)
More from Warunchai Chaipunya
More from Warunchai Chaipunya (15)
ใบงานที่ 6 เรื่อง โครงงานประเภท “การทดลองทฤษฎี”
- 1. ใบงานที่ 6 เรือง โครงงานประเภท “การทดลองทฤษฎี”
่
--------------------------------------------
ให้นักเรียนเปิดเครื่องคอมพิวเตอร์ แล้วค้นหาความหมายและตัวอย่างหัวข้อโครงงานประเภทการ
ทดลองทฤษฎี จากแหล่งข้อมูล (ห้องสมุด / อินเทอร์เน็ต) อย่างน้อย 5 โครงงาน แล้วบันทึก
ลงกระดาษขนาด A4 ที่เตรียมมาพร้อมเขียน แหล่งที่มา หรือ Address ของ website ที่
นักเรียนค้นหาข้อมูลเหล่านั้นด้วย
หมายเหตุ : ให้พิมพ์(print) หรือ คัดลอกลงกระดาษ A4 ส่วนข้อความที่ต้องเติมให้ เขียน
ด้วยปากกาสีด้า หรือ น้้าเงิน
โครงงานประเภทนี้เป็นโครงงานที่ใช้คอมพิวเตอร์ช่วยในการจ้าลองการทดลองของสาขาต่างๆ ซึ่ง
เป็นงานที่ไม่สามารถทดลองด้วยสถานการณ์จริงได้ เช่น การจุดระเบิด เป็นต้น และเป็นโครงงาน
ที่ผู้ท้าต้องศึกษารวบรวมความรู้ หลักการ ข้อเท็จจริง และแนวคิดต่างๆ อย่างลึกซึ้งในเรื่องที่
ต้องการศึกษาแล้วเสนอเป็นแนวคิด แบบจ้าลอง หลักการ ซึ่งอาจอยู่ในรูปของสูตร สมการ
หรือค้าอธิบาย พร้อมทั้งารจ้าลองทฤษฏีด้วยคอมพิวเตอร์ให้ออกมาเป็นภาพ ภาพที่ได้ก็จะ
เปลี่ยนไปตามสูตรหรือสมการนั้น ซึ่งจะท้าให้ผู้เรียนมีความเข้าใจได้ดียิ่งขึ้น การท้าโครงงาน
ประเภทนี้มีจุดส้าคัญอยู่ที่ผู้ท้าต้องมีความรู้ในเรื่องนั้นๆ เป็นอย่างดี ตัวอย่างโครงงานจ้าลอง
ทฤษฎี เช่น
การทดลองเรื่องการไหลของของเหลว
การทดลองเรื่องพฤติกรรมของปลาปิรันย่า
การทดลองเรื่องการมองเห็นวัตถุแบบสามมิติ
กิจกรรมการไหลซึมของน้้า
ความรู้พื้นฐาน
การไหลซึมของน้้าสู่ดินขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ เช่น
(เนื้อดิน และการกระจายของขนาดอนุภาคดิน) และแรงดึงดูดระหว่าง
- 2. อนุภาคดินกับน้้า ดินบางชนิดจะปล่อยให้น้าซึมผ่านได้อย่างรวดเร็วแล้วอุ้มน้้าไว้ในดิน ซึ่งท้าให้
พืชสามารถดูดน้้าไปใช้ได้ดีขึ้น ดินบางชนิดอาจปล่อยให้น้าซึมผ่านไปได้หมดภายในเวลา 2 - 3
วินาที ดินบางชนิดไม่ยอมให้น้าซึมผ่านเลย ดินที่เหมาะส้าหรับการปลูกพืชควรมีสมบัติอย่างไร
ดินที่เหมาะสมส้าหรับเป็นที่จอดรถหรือสนามเด็กเล่นควรมีสมบัติอย่างไร ถ้าดินอิ่มตัวไปด้วย
น้้าแล้วมีฝนตกหนักบริเวณนั้นจะเกิดอะไรขึ้น นักเรียนจะปรับปรุงการอุ้มน้้าของดินให้เหมาะสม
ได้อย่างไร ถ้าเพิ่มอินทรียวัตถุให้แก่ดิน ถ้ามีพืชขึ้นอยู่บนดิน ถ้าดินถูกอัดตัว หรือถ้าดินถูกไถ
พรวนเกิดอะไรขึ้นกับการไหลซึมของน้้าสู่ดิน
น้้าในดินเป็นตัวการส้าคัญในการล้าเลียงธาตุอาหารจากดินสู่พืชที่ก้าลังเจริญเติบโต
พืชได้น้าจากการดูดน้้าจากดินของราก และได้อาหารที่ละลายอยู่ในน้้าซึ่งอยู่ในดิน ดินจะมีธาตุ
อาหารพืชอยู่มากน้อยเพียงใด ขึ้นอยู่กับว่าดินนั้นเกิดขึ้นได้อย่างไร จากวัตถุต้นก้าเนิดอะไร และ
จัดเรียงตัวกันอย่างไร ชาวสวนและชาวนามักจะเติมธาตุอาหาร หรือ ปุ๋ย ลงในดินเพื่อจะเพิ่มธาตุ
อาหารของพืช
ขอบคุณ :
http://portal.edu.chula.ac.th/lesa_cd/assets/document/LESA212/8/soil/pass
ing_through/passing_through.html
การทดลอง: ล้าแสงหักเห
เคยมองเห็นปลาหรือวัตถุต่าง ๆ ที่อยู่ในน้้าใสบ้างหรือไม่ ว่าแต่ว่า ปลาหรือวัตถุเหล่านั้นอยู่ตรง
ต้าแหน่งที่เรามองเห็นหรือไม่ ชักจะสงสัยแล้วล่ะ ไปลองท้าการทดลองกันเลยดีกว่าครับ
- 3. เป็นอย่างไรบ้างครับกับผลการทดลอง ลักษณะของดินสอที่เรามองเห็นขณะที่
อยู่ในแก้วที่มีน้า กับดินสอที่อยู่ในแก้วที่ปราศจากน้้ามีความแตกต่างกันอย่างไร เราจะเห็น
ว่าดินสอที่อยู่ในแก้วเปล่า จะเป็นแท่งตรงส่วนดินสอที่อยู่ในแก้วที่มีน้าจะมีลักษณะหักงอ และ
เมื่อมองจากด้านบนลงไป ดินสอจะดูตื้นกว่าความเป็นจริง เช่นเดียวกับการที่เรามองเห็นปลา
ว่ายน้้าไปมาอยู่ใกล้ ๆ ผิวน้้า แต่จริง ๆ แล้ว ปลาว่ายน้้าที่ระดับลึกกว่าที่เรามองเห็น
มาก เนื่องจาก การหักเหของแสงนั่นเอง
การจะมองเห็นวัตถุใด ๆ ได้นั้นต้องมีแสงจากวัตถุสะท้อนมาเข้าตาเรา โดยวัตถุ
ชนิดนั้นอาจมีแสงสว่างในตัวเอง ท้าให้เรามองเห็นได้ หรือ หากวัตถุชนิดนั้นไม่มีแสงสว่างใน
ตัวเอง จะต้องมีแสงจากแหล่งก้าเนิดแสงอื่นมากระทบวัตถุนั้น แล้วสะท้อนเข้าตา จึงจะท้า
ให้เรามองเห็นวัตถุนั้นได้ เมื่อแสงเคลื่อนที่ผ่านวัตถุที่มีความหนาแน่นที่ต่างกัน เช่นน้้ากับ
อากาศ จะท้าให้แสงเดินทางช้าลงหรือเร็วขึ้น มีผลท้าให้แสงเบนไปจากแนวเดิม ตรงบริเวณ
ผิวรอยต่อของน้้าและอากาศ เรียกแสงที่เปลี่ยนไปจากแนวเดิมนี้ว่า รังสีหักเห การที่เรา
มองเห็นภาพของดินสอดูตื้นกว่าความเป็นจริง เนื่องจากแสงมีการเปลี่ยนทิศทางออกไป
เมื่อผ่านจากน้้าออกสู่อากาศ ต้าแหน่งที่เห็นดินสอจึงไม่ใช่ต้าแหน่งที่แท้จริง เห็นไหมครับ
ว่าบางครั้งสิ่งที่เราเห็นก็ไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้องเสมอไป ต้องท้าการพิสูจน์เพื่อค้นหาความจริง
ขอบคุณ :
http://www.nsm.or.th/nsm2009/index.php?option=com_nsmcontents&view
s=article&id=1688&Itemid=92