SlideShare a Scribd company logo
1 of 21
Download to read offline
รายงานโครงงานคอมพิวเตอร์
การพัฒนาเว็บบล็อก (WebBlog) ด้ วย Wordpress

จัดทาโดย
นางสาวปิ ยะพร สายทะวงษ์
เลขที22 ชั้นม. 5/2
่
นาเสนอ
อาจาร์ ย ณัฐพล บัวพันธ์

รายวิชาเทคโนโลยีสารสนเทศ (ง30102)
ภาคเรียนที่ 2 ปี การศึกษา 2556
กลุ่มสาระการเรียนรู้ การงานอาชีพและเทคโนโลยี (คอมพิวเตอร์ )
สานักงานเขตพืนทีการศึกษามัธยมศึกษา เขต 28
้ ่
หัวข้ อโครงงาน
ประเภทของโครงงาน
ผู้เสนอโครงงาน
ครู ทปรึกษาโครงงาน
ี่
ปี การศึกษา

:
:
:
:
:

การพัฒนาเว็บบล็อก (WebBlog) ด้วย Wordpress
โครงงานพัฒนาสื่ อเพื่อการศึกษา
นางสาวปิ ยะพร สายทะวงษ์ เลขที่22 ชั้นม. 5/2
อาจาร์ยณัฐพล บัวพันธ์
2556

บทคัดย่อ
โครงงานการพัฒนาสื่ อเพื่อการศึกษาและการเรี ยนรู้เว็บบล็อก (WebBlog) ด้วย Wordpress เกี่ยวกับ
ประเภทของคอมพิวเตอร์ น้ ี จัดทาขึ้นโดยมีวตถุประสงค์เพื่อนาเอารู ปแบบการเรี ยนรู ้ยุคใหม่ที่ใช้ใน
ั
สื่ อสังคม หรื อ Social Media ซึ่งเป็ นสื่ อที่ได้รับความสนใจและเป็ นที่นิยมมากในปั จจุบน มาประยุกต์
ั
ให้เข้ากับการเรี ยนรู ้ โดยได้ศึกษารู ปแบบและพัฒนาการเรี ยนรู ้ ในการจัดสร้ างเว็บบล็อก (WebBlog)
ด้วยเว็บไซด์สาเร็ จรู ปที่ชื่อว่า Wordpress ทั้งนี้ ได้ทาการศึกษา ค้นคว้า เนื้ อหาความรู ้ ที่สนใจเกี่ยวกับ
ประเภทของคอมพิวเตอร์
เว็บบล็อก (WebBlog) เป็ นซอฟต์แวร์ blog ที่ได้รับความนิยมกันไปทัวโลก ซึ่ ง WordPress พัฒนาโดย
่
ใช้ภาษา PHP แล้วให้ใช้งานร่ วมกับระบบฐานข้อมูล เช่ น MySQL ซึ่ งซอฟต์แวร์ WordPress ตัวนี้
ั
เป็ นซอฟต์แวร์ ที่แจกให้ใช้กนได้ฟรี ทาให้มีผนิยมแพร่ หลาย ในประเทศไทยด้วยเช่นกัน
ู้
Wordpress พัฒนามาเพื่อใช้ในการ อัพเดท blog โดยเฉพาะ ดังนั้นตัวโปรแกรมเอง พัฒนามาให้ใช้
งานง่ายดาย โดยมีความง่ายตั้งแต่การติดตั้ง จนกระทังการเขียน blog หรื อการเปลี่ยนรู ปแบบดีไซน์
่
หรื อธี มของ blog ก็สามารถทาได้สะดวกง่ายดาย หากใครเริ่ มสนใจจะทา blog ลองเริ่ มด้วยการใช้
WordPress ก็คงจะดีไม่นอย มีความสามารถหลากหลาย ปรับแต่งได้ง่าย เหมาะสาหรับผูที่ตองการฝึ ก
้
้ ้
เขียนหรื อศึกษาการสร้างเว็บบล็อก (WebBlog) ที่มีระบบการบริ หาร การจัดการที่ดีเยี่ยมตัวหนึ่งด้วย
คุณสมบัติของ เว็บบล็อก (WebBlog) ทางผูจดทาจึงได ้้จดทาโครงงานคอมพิวเตอร์ การพัฒนาเว็บ
้ั
ั
บล็อก (WebBlog) ด้วย Wordpress เกี่ยวกับประเภทของคอมพิวเตอร์ น้ ี เพื่อเป็ นอีกหนึ่ งแหล่งเรี ยนรู ้ที่
มีประสิ ทธิ ภาพ ส่ งเสริ มความใฝ่ รู ้ ใฝ่ เรี ยนของผูเ้ รี ยนและผูสนใจโดยทัวไปหากใครเริ่ มสนใจจะทา
้
่
blog ลองเริ่ มด้วยการใช้ Wordpress ก็เป็ นการเริ่ มต้นการเรี ยนรู ้ได้เป็ นอย่างดี

บทที่ 1
บทนา
แนวคิด ที่มา และความสาคัญ
ปั จจุบนความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีสารสนเทศก่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ต่อทุกวงการ
ั
ทั่ว โลก รวมทั้ง วงการศึ ก ษาไทยด้ว ย และผลพวงที่ ติ ด ตามมาในแง่ เ ทคนิ ค และวิ ธี ก ารเกี่ ย วกับ
กระบวนการเรี ยนรู้คือแนวโน้มในการเรี ยนรู้ แบบตอบโต้สองทาง (Interactive) ที่กาลังก้าวเข้ามา
แทนที่กระบวนการเรี ยนรู ้แบบเดิม ที่ผรับได้แต่ “รับเอา” โดยไม่อาจ “เลือก” แต่อย่างใด จากแนวคิด
ู้
ดังกล่าว ประเทศต่างๆ ทัวโลกต่างหันมาให้ความสนใจในการพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อใช้ให้
่
เกิดประโยชน์สูงสุ ดแก่ผูเ้ รี ยนในทุกระดับ มีการใช้เครื่ องคอมพิวเตอร์ และสื่ ออิเล็กทรอนิ กส์ มากขึ้น
ผูเ้ รี ย นรุ่ นใหม่ จะเป็ นผูเ้ รี ย นที่ มี ค วามรั ก การเรี ยนรู ้ มี หลัก ในการศึ ก ษาค้นคว้า อย่า งเป็ นระบบ มี
ความคิดริ เริ่ มสร้างสรรค์ใหม่ๆ มีความรู ้ทกษะที่จาเป็ นในการแสวงหาความรู ้ดวยตนเองมากขึ้น (ลัด
ั
้
ดาวัลย์ เพชรโรจน์ , 2539 : 122) จึงเป็ นที่ยอมรับว่าเทคโนโลยีสารสนเทศ ได้กลายเป็ นปั จจัยทีสาคัญ
ในการพัฒนาประเทศ การจัดการศึกษาจึงต้องมีการปรับตัวในการนาเทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้
ประโยชน์ในทุ กๆด้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ด้านการจัดการเรี ยนการสอนนั้น ได้มีการกาหนดไว้ใน
พระราชบัญญัติก ารศึ ก ษาแห่ ง ชาติ พ.ศ. 2542 ว่า รั ฐต้องส่ ง เสริ ม และสนับ สนุ นให้มี การผลิ ตสื่ อ
เทคโนโลยี เ พื่ อ การศึ ก ษา รวมทั้ง ให้ มี ก ารพัฒ นาบุ ค คลากรด้า นการผลิ ต และผู้ใ ช้ใ ห้ มี ค วามรู้
ความสามารถ มีทกษะเพียงพอที่จะใช้เทคโนโลยีเพื่อการศึกษา ในการแสวงหาความรู้ดวยตนเองได้
ั
้
อย่างต่อเนื่องตลอดชีวต ซึ่ งเจตนารมณ์ของกฎหมายฉบับนี้ ได้ประกาศชัดให้ประชากรทุกคนสามารถ
ิ
เข้าถึงการศึกษาเพื่อการเรี ยนรู้ และพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่ อง และสาระทั้งปวงในกฎหมายต้องการ
ให้คนไทยมี “ชี วิตแห่ งการเรี ยนรู ้ ” ทาแผ่นดิ นไทยให้เป็ น “สังคมแห่ งภูมิปัญญา” อย่างแท้จริ ง
(ปัญญาพล, 2542 : 100) เทคโนโลยีสารสนเทศ ทาให้เกิดสังคมยุคสารสนเทศที่มีสรรพสิ่ งมากมายให้
ได้เรี ยนรู ้ ไม่รู้จกหมดสิ้ น การเชื่ อมโยงข้อมูลสารสนเทศด้วยระบบเครื อข่ายคอมพิวเตอร์ สร้ างการ
ั
เรี ยนรู ้ให้เกิดขึ้นได้อย่างกว้างขวางและกระจายไปทุกระดับ ทั้งในระบบและนอกระบบตามอัธยาศัย
่
(บุปผชาติ ทัพหิกรณ์ , 2544 : 7) จะเห็นได้วาการจัดการศึกษาในยุคของการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ
สามารถเปลี่ ยนแปลงกระบวนการเรี ยนรู้และความต้องการของการศึกษาในอนาคต สื่ อและอุปกรณ์
การศึกษารู ปแบบใหม่จะเข้ามาแทนที่สื่อแบบเก่า มีแหล่งทรัพยากรการเรี ยนรู ้ที่หลากหลายนับเป็ นสิ่ ง
ที่ช่วยสนับสนุ นการเรี ยนรู ้ในสภาพแวดล้อมทางการศึกษาแบบใหม่ (รุ่ ง แก้วแดง , 2543 ) ทาให้การ
เรี ยนการสอนไม่จากัดอยู่เฉพาะในห้องเรี ยนและอยู่ภายใต้การควบคุ มของผูสอนเท่านั้น แต่ผูเ้ รี ยน
้
สามารถเรี ยนรู ้ ได้จากแหล่งความรู ้ที่หลากหลาย โดยเฉพาะเครื อข่ายอินเตอร์ เน็ต ซึ่ งโลกในปั จจุบน
ั
ข้อมูลข่าวสารจะเป็ นปั จจัยหลักในการดาเนิ นกิ จกรรมต่างๆ ผูที่มีโอกาสเข้าถึ งข้อมูลสารได้เร็ วจะ
้
ได้เปรี ยบกว่าผูที่เข้าถึงข้อมูลข่าวสารได้ชา อินเตอร์ เน็ตซึ่ งเป็ นแหล่งรวบรวมสารสนเทศต่างๆ จาก
้
้
ทัวโลก จะเป็ นเสมือนขุมทรัพย์ ข้อมูลข่าวสารที่คนส่ วนใหญ่ในปั จจุบนหันมาให้ความสนใจ (ถนอม
ั
่
พร เลาหจรัส แสง , 2539 : 7) และกระบวนการเรี ยนรู้ ของผูเ้ รี ยนจัดว่า สาคัญอย่า งยิ่งในการจัด
การศึกษาที่มุ่งเน้นให้ผเู ้ รี ยนเป็ นศูนย์กลางการเรี ยนรู ้ โดยแนวคิดมุ่งเน้นในเรื่ องการคิดและแก้ปัญหา
เป็ น และผูเ้ รี ยนสามารถถ่ายโยงความรู ้ ที่เรี ยนไปใช้ในชี วิตจริ ง ซึ่ งแนวคิดนี้ จะต้องอาศัยเทคโนโลยี
และการเชื่ อมโยงเป็ นเครื อข่ายที่มีทวโลกมาพัฒนาศักยภาพของผูเ้ รี ยน มาปรับเปลี่ยนแนวทางการ
ั่
เรี ยนรู ้ใหม่จากแนวทางและวิธีการสั่งสอน มาเป็ นการเรี ยนรู ้ที่สอดคล้องกับแหล่งการเรี ยนรู ้ใหม่ทาง
สารสนเทศ ซึ่ งเป็ นการจัดสภาพแวดล้อมใหม่ในการเรี ยนรู ้ ที่เน้นให้ผูเ้ รี ยนมีส่วนร่ วมคิด แก้ปัญหา
และนาความรู ้ที่ได้มานั้นไปถ่ายโยงใช้จริ งในชี วิตประจาวันที่ทนยุค ทันสมัยต่อเหตุการณ์ (ปรัชนันท์
ั
นิ ลสุ ข ,2549 : 19) เรี ยนการสอน เพื่อให้เป็ นบทเรี ยนที่เป็ นแนวทางในการจัดการเรี ยนการสอน ที่
มุ่งเน้นให้ผเู ้ รี ยนเป็ นสาคัญ ขณะเดียวกันผูเ้ รี ยนจะได้รับการพัฒนาทักษะการเรี ยนรู ้แบบทีมในการใช้
เทคโนโลยีเพื่อการเรี ยนรู ้ และยังสามารถเป็ นแนวทางในการสร้างบทเรี ยนผ่านเครื อข่ายอินเทอร์ เน็ต
ในเรื่ องอื่นๆ ต่อไปได้อีกด้วย
วัตถุประสงค์
1 . เพื่อศึกษาและ พัฒนาเว็บบล็อก (WebBlog) ด้วย Word press เกี่ยวกับประเภทของคอมพิวเตอร์
2. เพื่อศึกษาค้นคว้าเกี่ยวกับเรื่ องของประเภทของคอมพิวเตอร์
3 .เพื่อให้ผเู้ รี ยนสามารถพัฒนารู ปแบบของเว็บบล็อกจาก Word press ได้ดวยตนเองและนามา
้
ประยุกต์ใช้ ให้เข้ากับการเรี ยนรู ้ของตนเองมากยิงขึ้น
่
4. เพื่อให้สามารถติดต่อสื่ อสารกันได้ระหว่างครู เพื่อน และผูสนใจทัวไป
้
่
ขอบเขตของโครงงาน
1.

จัดทาโครงงานคอมพิวเตอร์ การพัฒนาเว็บบล็อก (WebBlog) ด้วย word press เกี่ยวกับ

ประเภทของคอมพิวเตอร์
2.

วัสดุ อุปกรณ์ เครื่ องมือ หรื อโปรแกรมที่ใช้ในการพัฒนา ได้แก่

2.1

เครื่ องคอมพิวเตอร์ พร้อมเชื่อมต่อระบบเครื อข่ายอินเทอร์ เน็ต

2.2

เว็บไซด์ที่ให้บริ การเว็บบล็อก คือ www.wordpress.com

2.3

เว็บไซด์ที่ใช้ในการติ ดต่อสื่ อสารเช่ น www.facebook.com

, www.hotmail.com ,

www.google.com
2.4

โปรแกรมตัดต่อและตกแต่งรู ปภาพ เช่น Adobe Photoshop , CS4 และ PhotoScape 2.0

ผลที่คาดว่าจะได้รับ
1. ได้รับความรู ้ เกี่ยวกับการพัฒนาเว็บบล็อก (WebBlog)

ด้วย Wordpress เกี่ ยวกับประเภทของ

คอมพิวเตอร์
2. ได้รั บ ความรู ้ เ กี่ ย วกับ เรื่ อ งที่ น ามาเป็ นบทเรี ย นในการสร้ า งเว็บ บล็ อ ก คื อ เรื่ อ งประเภทของ
คอมพิวเตอร์
3. ผูเ้ รี ยนสามารถพัฒนารู ปแบบของเว็บบล็อกจาก Wordpress ได้ดวยตนเองและนามาประยุกต์ใช้ให้
้
เข้ากับการ

เรี ยนรู ้ของตนเองมาก

ยิงขึ้น
่
4. สามารถติดต่อสื่ อสารกันระหว่างครู เพื่อนและผูที่สนใจทัวไป เพื่อสร้ างเป็ นเครื อข่ายการเรี ยนรู ้
้
่
ผ่านเว็บบล็อกและได้นาเอาเทคโนโลยีสารสนเทศยุคใหม่มาใช้อย่างมีคุณค่า และสร้างสรรค์
บทที่ 2
เอกสารที่เกี่ยวข้อง
ในการจัดทาโครงงานคอมพิวเตอร์ การพัฒนาเว็บบล็อก (WebBlog) ด้วย Wordpress
เกี่ ย วกับ ประเภทของคอมพิ วเตอร์ น้ ี ผูจ ัดท าโครงงานได้ศึ ก ษาเอกสารและจากเว็บ ไซด์ต่ า งๆ ที่
้
เกี่ยวข้อง ดังต่อไปนี้
2.1 ความสาคัญของคอมพิวเตอร์
2.2 ข้อมูลเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์
2.3 เว็บบล็อก (WebBlog)
2.1 ความสาคัญของคอมพิวเตอร์
ปั จจุบนคอมพิวเตอร์ ได้ถูกพัฒนาให้มีความก้าวหน้าอย่างรวดเร็ ว ขนาดเล็กลง ราคาถูก
ั
ลงแต่ประสิ ทธิ ภาพหรื อความสามารถในการทางานสู งขึ้น ทาให้หน่วยงานในองค์กร ตลอดจนบุคคล
ได้นาคอมพิวเตอร์ มาใช้งานกันอย่างกว้างขวาง เช่ น การพิมพ์เอกสารต่างๆ การออกแบบงานด้าน
ศิ ล ปะ การสร้ า งภาพกราฟฟิ ก การเล่ น เกมส์ การดู ห นัง ฟั ง เพลง การสร้ า งเว็บ ส่ ว นตัว การน า
คอมพิวเตอร์ มาใช้งานในลักษณะเครื อข่าย เช่น เครื อข่ายอินเทอร์ เน็ต การติดต่อสื่ อสาร การเลือกซื้ อ
สิ นค้า การสื บค้นข้อมูลด้านการศึกษา เป็ นต้น
2.2 ข้อมูลเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์
2.2.1 ความหมายของคอมพิวเตอร์
คอมพิวเตอร์ คือ อุปกรณ์ ทางอิเล็กทรอนิ กส์ (Electrinic device) ที่มนุ ษย์ใช้เป็ น
เครื่ องมือช่วยในการจัดเก็บข้อมูลที่อาจเป็ นได้ท้ งตัวเลข ตัวอักษร หรื อสัญลักษณ์ที่ใช้แทนความหมาย
ั
ในสิ่ งต่างๆ โดยคุณสมบัติที่สาคัญของคอมพิวเตอร์ คือการที่สามารถกาหนดชุ ดคาสั่งล่วงหน้า หรื อ
ั
โปรแกรมได้ (programmable) นั้นคือคอมพิวเตอร์ สามารถทางานได้หลากหลายรู ปแบบ ขึ้นอยู่กบ
ชุดคาสังที่เลือกมาใช้งาน ทาให้สามารถนาคอมพิวเตอร์ ไปประยุกต์ใช้งานได้อย่างกว้างขวาง เช่น ใช้
่
ในการตรวจคลื่นความถี่ของหัวใจ การฝาก – ถอนเงินในธนาคาร การตรวจสอบสภาพเครื่ องยนต์
เป็ นต้น ข้อ ดี ข องคอมพิ ว เตอร์ คื อ เครื่ องคอมพิ วเตอร์ ส ามารถท างานได้อย่า งมี ป ระสิ ท ธิ ภ าพ มี
ความถูกต้องและมีความรวดเร็ ว อย่างไรก็ดี ไม่ว่าจะเป็ นงานชนิ ดใดก็ตาม เครื่ องคอมพิวเตอร์ จะมี
วงจร การทางานพื้นฐาน 4 อย่าง (IPOS cycle) คือ
1.รับข้อมูล (Input) เครื่ องคอมพิวเตอร์ จะทาการรับข้อมู ลจากหน่ วยรั บข้อมูล (Input
unit) เช่น คียบอร์ ด หรื อเมาส์
์
่
2. ประมวลผล (Processing) เครื่ องคอมพิวเตอร์ จะทาการประมวลผลกับข้อมูลเพื่อแปลงให้อยูในรู ป
อื่น ตามที่ตองการ
้
3. แสดงผล (Output) เครื่ องคอมพิวเตอร์ จะให้ผลลัพธ์จากการประมวลผลออกมายังหน่ วยแสดง
ผลลัพธ์ (Output unit) เช่น เครื่ องพิมพ์ หรื อจอภาพ
4. เก็บข้อมูล (Storage) เครื่ องคอมพิวเตอร์ จะทาการเก็บผลลัพธ์จากการประมวลผลไว้
ในหน่วยเก็บข้อมูล เพื่อให้สามารถนามาใช้ใหม่ได้ในอนาคต
2.2.2 ประวัติความเป็ นมาและพัฒนาการของคอมพิวเตอร์
* (ประมาณ 2,600 ปี ก่อนคริ สตกาล) ชาวจีนได้ประดิษฐ์เครื่ องมือเพื่อใช้ในการคานวณ
ขึ้นมาชนิดหนึ่ง เรี ยกว่า ลูกคิด (Abacus)

รู ปลูกคิด

* (พ.ศ. 2158) นักคณิ ตศาสตร์ ชาวสก็อตแลนด์ชื่อ John Napier ได้ประดิษฐ์อุปกรณ์ที่ใช้ช่วยในการ
คานวณขึ้นมา เรี ยกว่า Napier’s Bones เป็ นอุปกรณ์ที่มีลกษณะคล้ายกับตารางสู ตรคูณในปั จจุบน
ั
ั
* (พ.ศ. 2173) วิลเลียมออตเทรต (William Oughtred) นักคณิ ตศาสตร์ ชาวอังกฤษได้ประดิษฐ์ไม้
บรรทัดคานวณ (Slide Rule) ซึ่ งต่อมากลายเป็ นพื้นฐานของการสร้างคอมพิวเตอร์ แบบอนาลอก
* (พ.ศ. 2185) เบลล์ ปาสคาล (Blaise Pascal) นักคณิ ตศาสตร์ ชาวฝรั่งเศสได้ประดิษฐ์เครื่ องบวกลบ
ขึ้น โดยใช้หลักการหมุนของฟั นเฟื องและการทดเลขเมื่อฟั นเฟื องหมุนไปครบรอบ โดยแสดงตัวเลข
จาก 0-9 ออกที่หน้าปัด
รู ปเครื่ องบวกลบ
* (พ.ศ. 2214) กอตฟริ ต วิล แฮล์ม ไลบ์นิซ (Gottfrieng Wilhelm Leibniz) นัก
คณิ ตศาสตร์ ชาวเยอรมัน ได้ปรั บปรุ งเครื่ องคิดเลขปาสคาล ให้ทางานได้ดีกว่าเดิมและเขสยังค้นพบ
เลขฐานสอง (Binary number)

รู ปกอตฟริ ต วิลเฮลม์ ไลบ์นิซ

* (พ.ศ. 2288) โจเซฟแมรี่ แจคคาร์ ด (Joseph Marie Jacquard) เป็ นชาวฝรั่งเศสได้คิด
เครื่ องทอผ้าโดยใช้คาสั่งจากบัตรเจาะรู ควบคุมการทดผ้าให้มีสีและลวดลายต่างๆ

รู ปบัตรเจาะรู
* (พ.ศ. 2365) ชาร์ ล แบบเบจ (Charles Babbage) นักคณิ ตศาสตร์ ชาวอังกฤษได้
ประดิ ษฐ์เครื่ องมื อที่ เรี ยกว่าเครื่ องหาผลต่าง (Diffrence Engine) เพื่อใช้คานวณและพิมพ์ค่าทาง
ตรี โกณมิติและฟั งก์ชนทางคณิ ตศาสตร์ แบบเบจได้พยายามสร้ างเครื่ องคานวณอีกชนิ ดหนึ่ งเรี ยกว่า
ั่
Analytical Engine โดยมีแนวคิดให้แบ่งการทางานของเครื่ องออกเป็ น 3 ส่ วน คือ ส่ วนเก็บข้อมูล
(Store unit) , ส่ วนควบคุม (Control unit) และส่ วนคานวณ (Arithmetic unit) ซึ่ งแนวคิดนี้ ได้รับการ
นามาใช้เป็ นต้นแบบของเครื่ องคอมพิ วเตอร์ ใ นปั จจุ บ น จึ งยกย่องแบบเบจว่าเป็ นบิ ดาแห่ ง เครื่ อง
ั
คอมพิวเตอร์ เลดี้ เอดา ออคุสตาเลฟเลค (Lady Ada Augusta Lovelace) เป็ นนักคณิ ตศาสตร์ ที่เข้าใจ
ผลงานของแบบเบจได้เขียนวิธีการใช้เครื่ องคานวณของแบบเบจเพื่อแก้ปัญหาทางคณิ ตศาสตร์ เล่ ม
หนึ่ง ต่อมาเลดี้ เอดา ออคุสตาเลฟเลค จึงได้รับการยกย่องว่าเป็ นโปรแกรมเมอร์ คนแรกของโลก

รู ปเครื่ องหาผลต่าง (Diffrence Engine)

* (พ.ศ. 2393) ยอร์ จบูล (George Boole) นักคณิ ตศาสตร์ ชาวอังกฤษ ได้คิดระบบ
พีชคณิ ตระบบใหม่เรี ยกว่า Boolean Algebra โดยใช้อธิ บายหลักเหตุผลทางตรรกวิทยาโดยใช้สภาวะ
เพียงสองอย่างคือ True (On) และ Flase(Off) ร่ วมกับเครื่ องหมายในทางตรรกะพื้นฐาน ได้แก่ NOT
AND และ OR ต่อมาเลขระบบฐานสอง และ Boolean Algebra ก็ได้ถูกนามาให้เข้ากับวงจรไฟฟ้ าซึ่ งมี
สภาวะ 2 แบบ คือ เปิ ด , ปิ ด จึงนับเป็ นรากฐานของการออกแบบวงจรในระบบคอมพิวเตอร์ ใน
ปัจจุบน (Digital Computer)
ั
* (พ.ศ. 2480-2481) คร.จอห์น วินเซนต์อตานาซอฟ (Dr.John Vincent Atansoff) และค
ลิฟฟอร์ ด แบรี่ (Clifford Berry) ได้ประดิษฐ์เครื่ อง ABC (Atanasoff-Berry) ขึ้นโดยได้นาหลอด
สุ ญญากาศมาใช้งาน ABC ถือเป็ นเครื่ องคานวณเครื่ องแรกที่เป็ นเครื่ องอิเล็กทรอนิกส์

รู ป Atansoff

รู ป ABC computer
* (พ.ศ. 2487) ศาสตราจารย์โอเวิร์ด ไอด์เคน (Howard Aiken) แห่ งมหาวิทยาลัยฮา
วาร์ ดร่ วมกับวิศวะกรของบริ ษทไอบีเอ็มได้สร้างเครื่ อง MARK I เป็ นผลสาเร็ จ แต่อย่างไรก็ตามเครื่ อง
ั
MARK I นี้ยงไม่ใช่คอมพิวเตอร์ ที่แท้จริ งแต่เป็ นเพียงเครื่ องคิดเลขไฟฟ้ าขนาดใหญ่เท่านั้น
ั
* (พ.ศ. 2485-2495) มหาวิทยาลัย เพนซิ ลเลเนี ย ได้สร้ างเครื่ อง ENIAC (Electronic
่
Numerical Integrator And Calculator) นับได้วาเป็ นเครื่ องคานวณอิเล็กทรอนิ กส์ เครื่ องแรกของโลกที่
ใช้หลอดสุ ญญากาศและควบคุมการทางานโดยวิธีเจาะชุดคาสั่งลงในบัตรเจาะรู

รู ปในมหาวิทยาลันเพนซิลเลเนีย
รู ปเครื่ อง ENIAC
* (พ.ศ. 2492) ดร.จอห์น ฟอน นิ วแมนน์ (Dr.John Von Neumann) ได้สร้างเครื่ อง
คอมพิวเตอร์ ที่สามารถเก็บคาสั่งการปฏิ บติงานได้ท้ งหมดไว้ภายในเครื่ องชื่ อว่า EDVAC นับเป็ น
ั
ั
คอมพิวเตอร์ เครื่ องแรกที่สามารถเก็บโปรแกรมไว้ในเครื่ องได้
รู ปเครื่ อง EDVAC
(first stored program computer)

* (พ.ศ. 2496-2497) บริ ษทไอบีเอ็มได้สร้างคอมพิวเตอร์ ชื่อ IBM 701 และ IBM 650
ั
โดยใช้หลอดสุ ญญากาศเป็ นวัสดุ สร้ าง ต่อมาเกิ ดมี การพัฒนาสิ่ งประดิ ษฐ์ ที่เป็ นสารกึ่ งตัวนาขึ้ นที่
ห้องปฏิบติการของบริ ษท Bell Telephone ได้เกิดทรานซิ สเตอร์ ตวแรกขึ้น ต่อมาทรานซิ สเตอร์ ได้ถูก
ั
ั
ั
นาไปแทนหลอดสุ ญญากาศ จึงทาให้ขนาดของคอมพิวเตอร์ เล็กลงและเกิดความร้อนน้อยลง (เครื่ องที่
ใช้ทรานซิ สเตอร์ ได้แก่ IBM 1401 และ IBM 1620)

รู ปหลอดสุ ญญากาศ (Vacuum tube)

รู ปทรานซิสเตอร์(Transistor)
* (พ.ศ. 2508) วงจรคอมพิวเตอร์ มีการเปลี่ยนแปลงอีกมากเมื่อมีวงจรรวม (Integrated
Circuit : IC) เกิดขึ้น ซึ่ งไอบีเอ็มนี้ ไดถูกนาไปแทนที่ทรานซิ สเตอร์ ในวงจรอิเล็กทรอนิ กส์ ของระบบ
คอมพิวเตอร์ อีกครั้ง ซึ่ งผลก็คือทาให้คอมพิวเตอร์ มีขนาดเล็กลง

รู ปแผงวงจร IC
* (พ.ศ. 2514) บริ ษท Intel ได้ใช้เทคโนโลยีของการผลิตวงจรรวมแบบ (Large Scale
ั
Integrated Circuit : LSI) ทาการรวมเอาวงจรที่ใช้เป็ นหน่วยประมวลผลกลาง (CPU) ของคอมพิวเตอร์
่
มาบรรจุอยูในแผ่นไอซี เพียงตัวเดียวซึ่ งไอซี น้ ีเรี ยกว่า ไมโครโปรเซสเซอร์ (Microprocessor)

รู ป Microprocesser
* (พ.ศ. 2506) ประเทศไทยเริ่ มมีคอมพิวเตอร์ ใช้เป็ นครั้งแรก โดยที่คอมพิวเตอร์ เครื่ อง
แรกในประเทศไทยได้ ติ ด ตั้ง ที่ ภาควิ ช าสถิ ติ คณะพาณิ ช ย์ศ าสตร์ แ ละการบัญ ชี จุ ฬ าลงกรณ์
มหาวิทยาลัย เครื่ องคอมพิวเตอร์ เครื่ องนี้ คือ IBM 1620 ซึ่ งได้รับมอบจากมูลนิ ธิเอไอดีและบริ ษท
ั
ไอบี เอ็ม แห่ งประเทศไทยจากัด ปั จจุ บนหมดอายุการใช้งานไปแล้ว จึ งได้มอบให้แก่ศูนย์บริ ภณฑ์
ั
ั
การศึกษาท้องฟ้ าจาลองกรุ งเทพฯ
* (พ.ศ. 2507) เครื่ องคอมพิวเตอร์ เครื่ องที่สองของประเทศไทยติดตั้งที่สานักงานสถึ ติ
แห่งชาติในเดือนมีนาคม 2507
ก่อกานิดไมโครโปรเซสเซอร์
เมื่อก่อนนั้น Intel เป็ นบริ ษทผลิตชิ ปไอซี แห่ งหนึ่ งที่ไม่ใหญ่โตมากนักเท่าในปั จจุบนนี้
ั
ั
ั
เมื่ อปี ค.ศ.1969 ได้สร้ างความสะเทื อนให้กบวงการอิ เล็กทรอนิ กส์ โดยการออกชิ ปหน่ วยความจา
(Memory) ขนาด 1 Kbyte มาเป็ นรายแรก
บริ ษทบิสซิ คอมพ์ (Busicomp) ซึ่ งเป็ นผูผลิตเครื่ องคิดเลขของญี่ปุ่นได้ทาการว่าจ้างให้ Intel ทาการ
ั
้
ผลิ ตชิ ปไอซี ที่บิส ซิ คอมพ์เป็ นคนออกแบบเองที่ มีจานวน 12 ตัว โครงการนี้ ถูกมอบหมายให้นาย
M.E.Hoff,Jr. ซึ่ งเข้าตัดสิ นใจที่จะออกแบบชิ ปแบบใหม่โดยสร้างชิ ปที่ให้ถูกโปรแกรมได้ หมายถึงว่า
สามารถนาเอาชุ ดคาสั่งของการคานวณไปเก็บไว้ในหน่ วยความจาก่ อนแล้วให้ไอซี ตวนี้ อ่านเข้ามา
ั
แปล ความหมาย และทางานภายหลัง
ในปี 1971 Intel ได้นาผลิตภัณฑ์ออกสู่ ตลาด โดยใช้ชื่อทางการค้าว่า Intel 4004 ในราคา 200 เหรี ยญ
สหรัฐ และเรี ยกชิ ปนี้ ว่าเป็ นไมโครโปรเซสเซอร์ (Micro Processor) ก็เพราะว่า 4004 นี้ เป็ น CPU
(Central Processing Unit) ตัวหนึ่ง ซึ่ งมีขนาด 4.2 x 3.2มิลลิเมตร ภายในประกอบด้วย ทรานซิ สเตอร์
จานวน 2250 ตัว และเป็ นไมโครโปรเซสเวอร์ ขนาด 4 บิ ต หลัง จาก 1 ปี ต่ อมา Intel ได้ออก
ไมโครโปรเซสเซอร์ ขนาด8 บิตออกมาโดยใช้ชื่อว่า 8008 มีชุดคาสั่ง 48 คาสั่ง และอ้างหน่วยความจา
ได้ 16 Kbyte ซึ่งทาง Intel หวังว่าจะเป็ นตัวกระตุนตลาดด้านชิปหน่วยความจาได้อีกทางหนึ่ง
้
เมื่อปี 1973 ทาง Intel ได้ออก ไมโครโปรเซสเซอร์ 8080 ที่มีชุดคาสั่งพื้นฐาน 74 คาสั่ง
และสามารถอ้างหน่วยความจาได้ 64 Kbyte
ไมโครคอมพิวเตอร์เครื่ องแรกของโลก
เมื่ อปี 1975 มีนิตยสารต่างประเทศฉบับหนึ่ ง ชื่ อว่า Popular Electronics ฉบับเดื อน
มกราคม ได้ลงบทความ เกี่ ย วกับเครื่ องไมโครโปรเซสเซอร์ เครื่ องแรกของโลกที่ มีชื่ อว่า อัล แตร์
8800(Altair) ซึ่ งทาออกมาเป็ นชุ ดคิท โดยบริ ษท MITS (Micro Insumenation And Telemetry
ั
่
Systems) ลักษณะของชุดคิท ก็คือจะอยูในรู ปของอุปกรณ์แต่ละชิ้นโดยให้คุณนาไปประกอบใช้เอง
บริ ษท MITS ถูกก่อตั้งปี 1969 โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อทาตลาดในด้านเครื่ องคิดเลข แต่การค้าชะลอตัว
ั
ลง ประธานบริ ษท ชื่ อ H. Edword Roberts เห็ นการไกล คิ ดเปิ ดตลาดใหม่ ซ่ ึ ง จะขายชุ ดคิ ด
ั
่
คอมพิวเตอร์ ประมาณเอาไว้วาอาจขายได้ในจานวนปี ละประมาณ 200-300 ชุด จึงให้ทีมงานออกแบบ
และพัฒนาแล้วเสร็ จก่อนถึงคริ สต์มาส ในปี 1974 แต่เพิ่งมาประกาศตัวในปี ถัดไป สาหรับ CPU ที่ใช้
คือ 8080 และคาว่าไมโครคอมพิวเตอร์ จึงถูกเรี ยกใช้เป็ นครั้งแรกเพื่อชุ ดคิดคอมพิวเตอร์ ชุดนี้
ชุ ดคิทของ อัลแตร์ น้ ี ประกอบด้วยไมโครโปรเซสเซอร์ 8080 ของบริ ษท Intel มี เพาเวอร์ ซพพลาย มี
ั
ั
แผงหน้าปั ดที่ติดหลอดไฟ เป็ นแถวมาให้เพื่อแสดงผล รวมถึงหน่วยความจา 256 Byte นอกจากนี้ ยงมี
ั
สล๊อต (Slot) ให้เสี ยบอุ ปกรณ์ อื่นๆ เพิ่มได้ แต่ก็ทาให้ MITS ต้องผิดคาด คือ ภายในเดือนเดียว มี
จดหมายส่ งเข้ามาขอสั่งซื้ อเป็ นจานวนถึง 4,000 ชุดเลยทีเดียว
ด้ว ยชิ ป 8080 นี่ เ อง ได้เ ป็ นแรงดลใจให้ บ ริ ษ ัท ดิ จิ ต อลรี เ สริ์ ช (Digital

Research)

ก าเนิ ด

ระบบปฏิ บติก าร (Operating System) ที่ ชื่ อว่า ซี พีเอ็ม (CP/M หรื อ Control Program For
ั
Microcomputer) ขึ้นมาในขณะที่ Microsoft ยังเพิ่งออก Microsoft Basic รุ่ นแรกเท่านั้นเอง
ถึงยุค Z 80
เมื่อเดือนพฤศจิกายน ปี 1974 ได้มีวศวกรของ Intel บางคนได้ออกมาตั้งบริ ษทผลิตชิ ปเอง โดยมีชื่อว่า
ิ
ั
ไซล๊ อก (Zilog) เนื่ องจาก วิศ วกรเหล่ า นี้ ได้มี ส่ วนร่ วมในการผลิ ต ชิ ป 8080 ด้ว ย จึ ง ได้นาเอา
เทคโนโลยีการผลิตนี้มาสร้างตัวใหม่ที่ดีกว่า มีชื่อว่า Z80 ยังคงเป็ นชิ ปขนาด 8 บิต เมื่อได้ออกสู่ ตลาด
่
ได้รับความนิ ยมเป็ นอย่างมากเนื่ องจากได้ปรับปรุ งข้อบกพร่ องต่างๆ ที่มีอยูใน 8080 จึงทาให้เครื่ อง
ั
คอมพิวเตอร์ หลายต่อหลายยีหอ หันมาใช้ชิป Z80 กัน แม้แต่ซีพีเอ็ม ก็ยงถูกปรับปรุ งให้มาใช้กบ Z80
่ ้
ั
นี้ดวย *** แม้ในปั จจุบนนี้ Z80 ยังคงถูกใช้งานและนาไปใช้ในการเรี ยนการสอนไมโครโปรเซสเซอร์
้
ั
ด้วย เช่น ชุดคิดหรื อ Single Board Microcomputer ของ ETT, Sila เป็ นต้น และ IC ตัวนี้ ยงผลิตขายอยู่
ั
ในปั จจุบน ในราคาไม่เกิน 100 บาท
ั
Computer เครื่ องแรกของ IBM
ในปี 1975 ไอบีเอ็มได้ออกเครื่ องไมโครคอมพิวเตอร์ เครื่ องแรกออกมาแต่ทางไอบีเอ็มได้เรี ยกเครื่ อง
่
นี้วาเป็ น เทอร์ มินลแบบชาญฉลาด ที่สามารถโปรแกรมได้ (Intelligent Programmable Terminal) และ
ั
ตั้งชื่อรุ่ นว่า Model 5100 มีหน่วยความจา 16 Kbyte แล้วยังมีตวแปลภาษาเบสิ กแบบอินเตอร์ พรี ทเตอร์
ั
(Interpreter) ด้วย และมีไดร์ ฟสาหรับใส่ คาร์ ทิดจ์เทปในตัว แต่ก็ยงขายไม่ดีเอามากๆ เลย เพราะว่าตั้ง
ั
ราคาไว้สูงมากถึง 9,000 เหรี ยญสหรัฐ
ในปลายปี 1980 บริ ษทไอบีเอ็ม ได้เกิดแผนกเล็กๆ ขึ้นมาแผนกหนึ่ งเรี ยกว่า Entry Systems Division
ั
ภายใต้ทีม ของคนชื่ อว่า ดอน เอสทริ ดจ์ (Don Estridge) และนักออกแบบอี ก 12 คนโดยได้รับ
มอบหมายให้พฒนาเครื่ องไมโครคอมพิวเตอร์ เครื่ องแรกของไอบีเอ็มโมเดล 5100 นันเอง โดยนาเอา
ั
่
จุดเด่นของเครื่ องที่ขายดี มารวมไว้ในการออกแบบเครื่ องไมโครคอมพิวเตอร์ ของไอบีเอ็มและผลิ ต
จาหน่ายได้ภายในปี เดียวภายใต้ชื่อว่า ไอบีเอ็มพีชี (IBM PC) ซึ่ งถูกเปิ ดตัวในเดือนสิ งหาคม ปี 1981
่
และยอดขายของเครื่ องพีชีก็ได้พุงอย่างรวดเร็ ว ทาให้บริ ษทอื่นๆ จับตามอง
ั
กาเนิดแอปเปิ้ ล
ในปี 1976 หลังจาก Stephen Wozniak และ Steve Jobs ได้ร่วมกันก่อตั้งบริ ษทแอปเปิ้ ลคอมพิวเตอร์
ั
(Apple Computer) และได้นาเครื่ องไมโครคอมพิวเตอร์ เครื่ องแรกที่ประดิษฐ์จากโรงรถออกมาขาย
โดยได้ใช้ชื่อว่า Apple I ในราคา 695 เหรี ยญ บริ ษทแอปเปิ้ ลได้ผลิตเครื่ อง Apple I ออกมาไม่มากนัก
ั
ภายในปี เดียวได้ผลิต Apple II ออกมา และรุ่ นนี้เป็ นรุ่ นเปิ ดศักราชแห่ งวงการไมโครคอมพิวเตอร์ และ
เป็ นการสร้างมาตรฐาน ที่ไมโครคอมพิวเตอร์ ที่เกิดมาตามหลังทั้งหมด
2.2.3 ประเภทของคอมพิวเตอร์
ในปั จจุบนคอมพิวเตอร์ ใช้วงจรเบ็ดเสร็ จขนาดใหญ่มาก (very large scaleintegrater
ั
circuit) ซึ่ งสมารถบรรจุ ทรานซิ สเตอร์ ได้มากกว่าสิ บล้านตัว เราสามารถแบ่งคอมพิวเตอร์ ในรุ่ น
ปั จจุบนออกเป็ น 4 ประเภท ดังต่อไปนี้
ั
ซูเปอร์คอมพิวเตอร์(super computer)
ซู เ ปอร์ ค อมพิ ว เตอร์ ถื อ ได้ว่า เป็ นคอมพิ ว เตอร์ ที่ มี ค วามเร็ ว มาก และมี ป ระสิ ท ธิ ภาพสู ง สุ ด เมื่ อ
เปรี ยบเทียบกับคอมพิวเตอร์ ชนิ ดอื่นๆ เครื่ องซู ปเปอร์ คอมพิวเตอร์ มีราคาแพงมาก มีขนาดใหญ่ สมา
รถคานวณทางคณิ ตศาสตร์ ได้หลายแสนล้านครั้งต่อวินาที และได้รับการออกแบบเพื่อให้ใช้แก้ปัญา
ขนาดใหญ่มาก ทางวิทยาศาสตร์ และทางวิศวกรรมศาสตร์ ได้อย่างรวดเร็ ว เช่ น การพยากรณ์อากาศ
ล่วงหน้าเป็ นเวลาหลายวัน การศึกษาผลกระทบของมลพิษกับสภาวะแวดล้อมซึ่ งหากใช้คอมพิวเตอร์
ขนาดอื่นๆ แก้ไขปั ญหาประเภทนี้ อาจจะต้องใช้เวลาในการคานวณหลายปี กว่าจะเสร็ จสิ้ น ในขณะที่
ซู เปอร์ คอมพิวเตอร์ สามารถแก้ไขปั ญหาได้ภายในเวลาไม่กี่ชวโมงเท่านั้น เนื่ องจากการแก้ไขปั ญหา
ั่
ใหญ่ ๆ จะต้องใช้ห น่ วยความจาสู ง ดัง นั้นซู เปอร์ ค อมพิ ว เตอร์ จึง ต้องมี หน่ ว ยความจาที่ ใ หญ่ ม าก
ซู เปอร์ คอมพิวเตอร์ มีหลายประเภท ตั้งแต่รุ่นที่มีหน่วยประมวลผล (Processing unit) 1 หน่วย จนถึง
รุ่ นที่มีหน่วยประมวลผลหลายหมื่นหน่วย ซึ่ งสามารถทางานได้หลายอย่างพร้อมๆกัน
เมนเฟรมคอมพิวเตอร์ (Mainframe computer)
เมนเฟรมคอมพิวเตอร์ มีสมรรถภาพที่ ต่ ากว่าซู ปเปอร์ คอมพิวเตอร์ มาก แต่ยงมี ความเร็ วสู ง และมี
ั
ประสิ ท ธิ ภ าพสู ง กว่ า มิ นิ ค อมพิ ว เตอร์ ห รื อ ไมโครคอมพิ ว เตอร์ เมนเฟรมคอมพิ ว เตอร์ ส ามารถ
ให้บริ การผูใช้จานวนหลายๆ ร้อยคนพร้อมๆกัน ฉะนั้น จึงสามารถใช้โปรแกรมจานวนนับร้ อยแบบ
้
ในเวลาเดี ยวกันได้ โดยเฉพาะถ้าต่อเครื่ องเข้าเครื อข่ายคอมพิวเตอร์ ผูใช้สามารถใช้ได้จากทัวโลก
้
่
ปั จ จุ บ ัน องค์ก รใหญ่ เช่ น ธนาคาร จะใช้ค อมพิ ว เตอร์ ป ระเภทนี้ ในการท าบัญ ชี ลู ก ค้า หรื อ การ
ให้บริ การจากเครื่ องฝากและถอนเงินแบบอัตโนมัติ( automatic teller machine) เนื่ องจากเครื่ อง
เมนเฟรมคอมพิวเตอร์ ได้ถูกใช้งานมากในการบริ การผูใช้พร้อมๆ กัน เมนเฟรมคอมพิวเตอร์ จึงต้องมี
้
หน่วยความจาที่ใหญ่มาก
มินิคอมพิวเตอร์ (Minicomputer)
มินิคอมพิวเตอร์คือ เมนเฟรมคอมพิวเตอร์ ขนาดเล็กๆ ซึ่ งสามารถบริ การผูใช้งานได้หลายคนพร้อมๆ
้
กัน แต่จะไม่มีสมรรถภาพเพียงพอที่จะบริ การผูใช้ในจานวนที่เทียบเท่าเมนเฟรมคอมพิวเตอร์ ได้ จึง
้
ทาให้มินิคอมพิวเตอร์ เหมาะสาหรับองค์กรขนาดกลาง หรื อสาหรับแผนกหนึ่ งหรื อสาขาหนึ่ งของ
องค์กรขนาดใหญ่เท่านั้น
ไมโครคอมพิวเตอร์ (microcomputer) หรื อ พีซี (personalcomputer หรื อ PC)
ไมโครคอมพิวเตอร์ คือ คอมพิวเตอร์ ขนาดเล็กแบบขนาดตั้งโต๊ะ (desktop computer) หรื อขนาดเล็ก
กว่า นั้น เช่ น ขนาดสมุ ดบัน ทึ ก (notebook computer) และขนาดฝ่ ามื อ (plamtop computer)
่
ไมโครคอมพิวเตอร์ ได้เริ่ มมีข้ ึนในปี พ.ศ. 2518 ถึงแม้วาในระยะหลัง เครื่ องชนิ ดนี้ จะมีประสิ ทธิ ภาพ
ที่ สู ง แต่ เ นื่ องจากมี ราคาไม่ แพงและมี ข นาดกะทัดรั ดไมโครคอมพิ ว เตอร์ จึง ยังเหมาะส าหรั บใช้
ส่ วนตัวไมโครคอมพิวเตอร์ ได้ถูกออกแบบสาหรับใช้ที่บาน โรงเรี ยน และสานักงาน สาหรับที่บาน
้
้
เราสามารถใช้ไมโครคอมพิวเตอร์ ในการทางบประมาณรายรับรายจ่ายของครอบครัว ช่วยทาการบ้าน
ของลูกๆ การค้นคว้าข้อมูลและข่าวสาร การสื่ อสารแบบอิเล็กทรอนิกส์ (electronic mail หรื อ E-mail)
หรื อโทรศัพท์ทางอินเตอร์ เน็ต (internet phone) ในการติดต่อทั้งในและนอกประเทศ หรื อแม้กระทัง
่
ทางบัน เทิ ง เช่ น การเล่ น เกมส์ บ นเครื่ องไมโครคอมพิ ว เตอร์ ส าหรั บ ที่ โรงเรี ย น เราสามารถใช้
ไมโครคอมพิวเตอร์ ในการช่ วยสอนนักเรี ยนในการค้นคว้าข้อมูลจากทัวโลก สาหรับที่สานักงาน เรา
่
สามารถใช้ไมโครคอมพิวเตอร์ ในการช่วยพิมพ์จดหมายและข้อมูลอื่นๆ เก็บและค้นข้อมูล วิเคราะห์
และทานายยอดซื้ อขายล่วงหน้า

โน๊ตบุค (notebook or laptop)
๊
โน๊ตบุค คือคอมพิวเตอร์ ที่มีขนาดเล็กกว่าไมโครคอมพิวเตอร์ ถูกออกแบบไว้เพื่อนาติดตัวไปใช้ตามที่
๊
ต่างๆ มีขนาดเล็ก และน้ าหนักเบา ในปั จจุบนมีขนาดพอๆกับสมุดที่ทาด้วยกระดาษ
ั
เน็ตบุค (netbook or laptop)
๊
เน็ตบุค คือ คอมพิวเตอร์ ที่มีขนาดเล็กกว่าไมโครคอมพิวเตอร์ และเล็กกว่าโน๊ตบุ๊ค ถูกออกแบบไว้เพื่อ
๊
นาติดตัวไปใช้ตามที่ต่างๆ มีขนาดเล็ก และน้ าหนักเบา
แท็บเล็ต คอมพิวเตอร์ (taplet computer)
แท็บ เล็ ต คอมพิ วเตอร์ หรื อเรี ยกสั้ นๆ ว่า แท็บ เล็ ต คื อเครื่ องคอมพิ วเตอร์ ที่ ส ามารถใช้ใ นขณะที่
เคลื่อนที่ได้ ขนาดกลางและใช้หน้าจอสัมผัสในการทางานเป็ นอันดับแรก มีคียบอร์ ดเสมือนจริ งหรื อ
์
ปากกาดิจิตอลในการใช้งานแทนที่แป้ นพิมพ์คียบอร์ ด และมีความหมายครอบคลุมถึงโน๊ตบุ๊คแบบ
์
่
converible ที่มีหน้าจอแบบสัมผัสและมีแป้ นพิมพ์คียบอร์ ดติดมาด้วยไม่วาจะเป็ นแบบหมุนหรื อแบบ
์
สไลด์ก็ตาม
2.3 เว็บบล็อก (Webblog)
2.3.1 ความหมายของเว็บบล็อก (Webblog)
เว็บบล็อก (อังกฤษ : webblog) เป็ นรู ปแบบเว็บไซด์ประเภทหนึ่ ง ซึ่ งถูกเขียนขึ้นใน
ลาดับที่ เรี ยงตามเวลาในการเขี ยน ซึ่ งจะแสดงข้อมูลที่ เขี ยนไว้ล่าสุ ดไว้แรกสุ ด บล็อกโดยปกติ จะ
่
ประกอบด้วย ข้อความ ภาพ ลิงก์ ซึ่ งบางครั้งจะรวมสื่ อต่างๆไม่วาเพลง หรื อวิดีโอในหลายรู ปแบบได้
จุดที่แตกต่างของบล็กกับเว็บไซด์โดยปกติคือ บล็อกจะเปิ ดให้ผเู ้ ข้ามาอ่านข้อมูลสามารถแสดงความ
คิดเห็นต่อท้ายข้อความที่เจ้าของบล็อกเป็ นคนเขียน ซึ่ งทาให้ผเู ้ ขียนสามารถได้ผลตอบกลับโดยทันที
คาว่า “บล็อก” ยังใช้เป็ นคากริ ยาได้ ซึ่ งหมายถึ ง การเขียนบล็อก และนอกจากนี้ ผที่เขียนบล็อกเป็ น
ู้
อาชีพก็จะถูกเรี ยกว่า “บล็อกเกอร์ ”
ั
บล็อกเป็ นเว็บไซด์ที่มีเนื้ อหาที หลากหลายขึ้นอยู่กบเจ้าของบล็อก โดยสามารถใช้
เป็ นเครื่ องมือสื่ อสาร การประกาศข่าวสาร การแสดงความคิดเห็น การเผยแพร่ ผลงาน ในหลายด้านไม่
ว่า อาหาร การเมือง เทคโนโลยี หรื อข่าวปั จจุบน นอกจากนี้ บล็อกที่ถูกเขียนเฉพาะเรื่ องส่ วนตัวหรื อ
ั
จะเรี ย กว่า ไดอารี่ อ อนไลน์ ซึ่ งไดอารี อ อนไลน์ นี่ เ องเป็ นจุ ด เริ่ ม ต้น ของการใช้บ ล็ อ กในปั จ จุ บ ัน
นอกจากนี้ตามบริ ษทเอกชนหลายแห่งได้มีการจัดทาบล็อกของทางบริ ษทขึ้น เพื่อเสนอแนวความเห็น
ั
ั
ั
ใหม่ให้กบลูกค้า โดยมีการเขียนบล็อกออกมาในลักษณะเดี ยวกับข่าวสั้น และได้รับการตอบรับจาก
ลูกค้าที่แสดงความเห็นตอบกลับเข้าไป เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์
2.3.2 ประเภทของเว็บบล็อก
1. แบ่งตามลักษณะของมีเดียที่มีในบล็อกได้แก่
1.1 Linklog บล็อกแบบนี้ น่าจะเป็ นบล็อกรุ่ นแรกๆ เป็ นบล็อกที่รวมลิงก์ ที่
เจ้า ของบล็ อ กสนใจเอาไว้ ถ้า คุ ณ ยัง จ าผูใ ห้ ก าเนิ ด ค าว่า “บล็ อ ก”
้

ที่ ชื่ อ จอห์ น บาจเจอร์ ได้

robotwisdom.com ของเขาคื อตัวอย่างของ linklog นันเอง แม้ว่าบล็อกแบบนี้ จะเป็ นการรวมลิ งค์
่
เท่านั้น แต่ก็ไม่เรี ยงเหมือนเว็บไดเร็ คทอรี่ เพราะเจ้าของบล็อกจะโพสต์ลิงก์ของเขา 1-2 ลิงก์ต่อโพสต์
เท่านั้น ซึ่ งใครที่อยากมีบล็อกเป็ นของตนเองแต่ยงนึ กไม่ออกว่าจะทาบล็อกแบบไหน linklog น่าจะ
ั
เป็ นการเริ่ มต้นทาบล็อกได้เป็ นอย่างดี
1.2 Photoblog ชื่ อก็บอกอยู่แล้วว่า Photo

บล็อกประเภทนี้ เน้นในโพ

สต์ภาพถ่ายที่เจ้าของบล็อกอยากนาเสนอ และมักจะไม่เน้นที่จะเขียนข้อความมากนัก บางบล็อกเรี ยก
่
ได้วาภาพโดยเจ้าของบล็อกล้วนๆ เลย
1.3 Vlog ย่อมาจาก Videoblog เป็ นบล็อกที่รวมวิดีโอคลิปไว้ในบล็อก Vlog
เป็ นบล็อกที่ เรี ยกได้ว่า เป็ นบล็อกที่ นิยมทากันมากในอนาคต เพราะการเจริ ญเติ บโตของไฮ สปี ด
อินเตอร์เน็ต หรื ออินเตอร์เน็ตบอร์ดแบรนด์ ที่ทาให้การถ่ายทอดเสี ยงภาพเคลื่อนไหว movie
2. แบ่งตามเนื้อหา ได้แก่
2.1 บล็อกส่ วนตัว (personal Blog) นาเสนอความคิดเห็น กิจวัตรประจาวัน
ของเจ้าของบล็อกเป็ นหลัก
2.2 บล็อกข่าว (News Blog) บล็อกที่นาเสนอข่าวเป็ นหลัก
2.3 บล็อกกลุ่ม (Collaborative Blog) เป็ นบล็อกที่เขียนกันเป็ นกลุ่ม เช่ น
blognone.com
2.4 บล็อกการเมือง (politic Blog) ว่าด้วยเรื่ องการเมืองล้วนๆ
2.5 บล็ อ กเพื่ อ สิ่ ง แวดล้อม (Environment Blog) พูดถึ งเรื่ อ งราวของ
ธรรมชาติและการรักษาสิ่ งแวดล้อม
2.6 มีเดียบล็อก (Media Blog) เป็ นบล็อกที่วิเคราะห์สื่อต่างๆ สารคดีและสิ่ ง
ที่เกี่ยวกับสื่ อ เช่น oknation.net/blog/black ของสุ ทธิ ชย หยุน
ั ่
2.7 บล็อกบันเทิง (Enterainment Blog) บล็อกที่นาเสนอเรื่ องราวบันเทิงทาง
จอแก้ว และจอเงิน เรื่ องซุ บซิ บดารา กองถ่าย ฯลฯ
2.8 บล็อกเพื่อการศึกษา (Education Blog) ในโรงเรี ยน หรื อมหาวิทยาลัย
ในต่างประเทศ มักจะใช้บล็อกเป็ นสื่ อในการสอนหรื อ แลกเปลี่ยนความคิดกัน
2.9 ติวเตอร์บล็อก (Tutorial Blog) เป็ นบล็อกที่นาเสนอวิธีการต่างๆ
2.3.3 เว็บไซด์ที่ให้บริ การเว็บบล็อก
http://aunlove502.wordpress.com

More Related Content

What's hot

โครงงานคอมพิวเตอร์เพื่อการศึกษา เรื่อง ประเภทของคอมพิวเตอร์
โครงงานคอมพิวเตอร์เพื่อการศึกษา เรื่อง ประเภทของคอมพิวเตอร์โครงงานคอมพิวเตอร์เพื่อการศึกษา เรื่อง ประเภทของคอมพิวเตอร์
โครงงานคอมพิวเตอร์เพื่อการศึกษา เรื่อง ประเภทของคอมพิวเตอร์paveenada
 
รายงานโครงงานคอมพิวเตอร์
รายงานโครงงานคอมพิวเตอร์รายงานโครงงานคอมพิวเตอร์
รายงานโครงงานคอมพิวเตอร์น.หนู ว.แหวน
 
โครงงานคอมพิวเตอร์
โครงงานคอมพิวเตอร์โครงงานคอมพิวเตอร์
โครงงานคอมพิวเตอร์Sitanan Norapong
 
ตัวอย่างโครงงานคอม
ตัวอย่างโครงงานคอมตัวอย่างโครงงานคอม
ตัวอย่างโครงงานคอมปยล วชย.
 
6 บทที่ 1 บทนำ
6 บทที่  1  บทนำ6 บทที่  1  บทนำ
6 บทที่ 1 บทนำAugusts Programmer
 
โครงงานคอมพิวเตอร์
โครงงานคอมพิวเตอร์โครงงานคอมพิวเตอร์
โครงงานคอมพิวเตอร์Wisaruta
 
การพัฒนาสื่อวีดิทัศน์เรื่อง การใช้โปรแกรม-Adobe-audition-เบื้องต้น
การพัฒนาสื่อวีดิทัศน์เรื่อง การใช้โปรแกรม-Adobe-audition-เบื้องต้นการพัฒนาสื่อวีดิทัศน์เรื่อง การใช้โปรแกรม-Adobe-audition-เบื้องต้น
การพัฒนาสื่อวีดิทัศน์เรื่อง การใช้โปรแกรม-Adobe-audition-เบื้องต้นB CH
 
โครงงาน สื่อมัลติมิเดีย เรื่อง การตัดเสียงโดยโปรแกรม Wavepad
โครงงาน สื่อมัลติมิเดีย เรื่อง การตัดเสียงโดยโปรแกรม Wavepadโครงงาน สื่อมัลติมิเดีย เรื่อง การตัดเสียงโดยโปรแกรม Wavepad
โครงงาน สื่อมัลติมิเดีย เรื่อง การตัดเสียงโดยโปรแกรม Wavepadกันต์ ตีห้า
 
โครงงานคอมพิวเตอร์
โครงงานคอมพิวเตอร์โครงงานคอมพิวเตอร์
โครงงานคอมพิวเตอร์Rattarida Thatid
 
โครงการพัฒนาทักษะบุคลากรด้านคอมพิวเตอร์
โครงการพัฒนาทักษะบุคลากรด้านคอมพิวเตอร์โครงการพัฒนาทักษะบุคลากรด้านคอมพิวเตอร์
โครงการพัฒนาทักษะบุคลากรด้านคอมพิวเตอร์pungpaka
 
แบบเสนอโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์
แบบเสนอโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์แบบเสนอโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์
แบบเสนอโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์Thanyaret Kongraj
 
สื่อการสอนม.6
สื่อการสอนม.6สื่อการสอนม.6
สื่อการสอนม.6Tanatchapan Jakmanee
 
แบบเสนอโครงร่าง โครงงานคอมพิวเตอร์
แบบเสนอโครงร่าง โครงงานคอมพิวเตอร์แบบเสนอโครงร่าง โครงงานคอมพิวเตอร์
แบบเสนอโครงร่าง โครงงานคอมพิวเตอร์Sky Aloha'
 
โครงงานวิชาคอมพิวเตอร์ เรื่อง แอปพลิเคชั่นตัดคะแนนนักเรียน
โครงงานวิชาคอมพิวเตอร์ เรื่อง แอปพลิเคชั่นตัดคะแนนนักเรียนโครงงานวิชาคอมพิวเตอร์ เรื่อง แอปพลิเคชั่นตัดคะแนนนักเรียน
โครงงานวิชาคอมพิวเตอร์ เรื่อง แอปพลิเคชั่นตัดคะแนนนักเรียนyudohappyday
 
โครงงานคอมพิวเตอร์
โครงงานคอมพิวเตอร์โครงงานคอมพิวเตอร์
โครงงานคอมพิวเตอร์Supaluck
 

What's hot (17)

โครงงานคอมพิวเตอร์เพื่อการศึกษา เรื่อง ประเภทของคอมพิวเตอร์
โครงงานคอมพิวเตอร์เพื่อการศึกษา เรื่อง ประเภทของคอมพิวเตอร์โครงงานคอมพิวเตอร์เพื่อการศึกษา เรื่อง ประเภทของคอมพิวเตอร์
โครงงานคอมพิวเตอร์เพื่อการศึกษา เรื่อง ประเภทของคอมพิวเตอร์
 
รายงานโครงงานคอมพิวเตอร์
รายงานโครงงานคอมพิวเตอร์รายงานโครงงานคอมพิวเตอร์
รายงานโครงงานคอมพิวเตอร์
 
โครงงานคอมพิวเตอร์
โครงงานคอมพิวเตอร์โครงงานคอมพิวเตอร์
โครงงานคอมพิวเตอร์
 
ตัวอย่างโครงงานคอม
ตัวอย่างโครงงานคอมตัวอย่างโครงงานคอม
ตัวอย่างโครงงานคอม
 
6 บทที่ 1 บทนำ
6 บทที่  1  บทนำ6 บทที่  1  บทนำ
6 บทที่ 1 บทนำ
 
โครงงานคอมพิวเตอร์
โครงงานคอมพิวเตอร์โครงงานคอมพิวเตอร์
โครงงานคอมพิวเตอร์
 
การพัฒนาสื่อวีดิทัศน์เรื่อง การใช้โปรแกรม-Adobe-audition-เบื้องต้น
การพัฒนาสื่อวีดิทัศน์เรื่อง การใช้โปรแกรม-Adobe-audition-เบื้องต้นการพัฒนาสื่อวีดิทัศน์เรื่อง การใช้โปรแกรม-Adobe-audition-เบื้องต้น
การพัฒนาสื่อวีดิทัศน์เรื่อง การใช้โปรแกรม-Adobe-audition-เบื้องต้น
 
โครงงาน สื่อมัลติมิเดีย เรื่อง การตัดเสียงโดยโปรแกรม Wavepad
โครงงาน สื่อมัลติมิเดีย เรื่อง การตัดเสียงโดยโปรแกรม Wavepadโครงงาน สื่อมัลติมิเดีย เรื่อง การตัดเสียงโดยโปรแกรม Wavepad
โครงงาน สื่อมัลติมิเดีย เรื่อง การตัดเสียงโดยโปรแกรม Wavepad
 
โครงงานคอมพิวเตอร์
โครงงานคอมพิวเตอร์โครงงานคอมพิวเตอร์
โครงงานคอมพิวเตอร์
 
โครงงานคอมพิวเตอร์
โครงงานคอมพิวเตอร์โครงงานคอมพิวเตอร์
โครงงานคอมพิวเตอร์
 
รายงานโครงงานคอมพิวเตอร์
รายงานโครงงานคอมพิวเตอร์รายงานโครงงานคอมพิวเตอร์
รายงานโครงงานคอมพิวเตอร์
 
โครงการพัฒนาทักษะบุคลากรด้านคอมพิวเตอร์
โครงการพัฒนาทักษะบุคลากรด้านคอมพิวเตอร์โครงการพัฒนาทักษะบุคลากรด้านคอมพิวเตอร์
โครงการพัฒนาทักษะบุคลากรด้านคอมพิวเตอร์
 
แบบเสนอโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์
แบบเสนอโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์แบบเสนอโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์
แบบเสนอโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์
 
สื่อการสอนม.6
สื่อการสอนม.6สื่อการสอนม.6
สื่อการสอนม.6
 
แบบเสนอโครงร่าง โครงงานคอมพิวเตอร์
แบบเสนอโครงร่าง โครงงานคอมพิวเตอร์แบบเสนอโครงร่าง โครงงานคอมพิวเตอร์
แบบเสนอโครงร่าง โครงงานคอมพิวเตอร์
 
โครงงานวิชาคอมพิวเตอร์ เรื่อง แอปพลิเคชั่นตัดคะแนนนักเรียน
โครงงานวิชาคอมพิวเตอร์ เรื่อง แอปพลิเคชั่นตัดคะแนนนักเรียนโครงงานวิชาคอมพิวเตอร์ เรื่อง แอปพลิเคชั่นตัดคะแนนนักเรียน
โครงงานวิชาคอมพิวเตอร์ เรื่อง แอปพลิเคชั่นตัดคะแนนนักเรียน
 
โครงงานคอมพิวเตอร์
โครงงานคอมพิวเตอร์โครงงานคอมพิวเตอร์
โครงงานคอมพิวเตอร์
 

Similar to รายงานโครงงานคอม22

โครงงานประเภทการประยุกต์ใช้งาน
โครงงานประเภทการประยุกต์ใช้งานโครงงานประเภทการประยุกต์ใช้งาน
โครงงานประเภทการประยุกต์ใช้งานNuchy Geez
 
ใบงานที่ 2
ใบงานที่ 2ใบงานที่ 2
ใบงานที่ 2melody_fai
 
ใบความรู้ที่ 1
ใบความรู้ที่ 1ใบความรู้ที่ 1
ใบความรู้ที่ 1Rattana Wongphu-nga
 
ตัวอย่างโครงงาน
ตัวอย่างโครงงานตัวอย่างโครงงาน
ตัวอย่างโครงงานstoptop
 
การเขียนรายงานโครงงานคอมพิวเตอร์ (1)
การเขียนรายงานโครงงานคอมพิวเตอร์ (1)การเขียนรายงานโครงงานคอมพิวเตอร์ (1)
การเขียนรายงานโครงงานคอมพิวเตอร์ (1)ณัฐพล บัวพันธ์
 
การพัฒนาเว็บบล็อก
การพัฒนาเว็บบล็อกการพัฒนาเว็บบล็อก
การพัฒนาเว็บบล็อกwadsana123
 
รายงานโครงงานคอมพิว
รายงานโครงงานคอมพิวรายงานโครงงานคอมพิว
รายงานโครงงานคอมพิวAi Promsopha
 
ใบงานที่ 7 เรื่อง โครงงานประเภทการประยุกต์ใช้งาน
ใบงานที่ 7 เรื่อง โครงงานประเภทการประยุกต์ใช้งานใบงานที่ 7 เรื่อง โครงงานประเภทการประยุกต์ใช้งาน
ใบงานที่ 7 เรื่อง โครงงานประเภทการประยุกต์ใช้งานSoldic Kalayanee
 
ใบงานที่ 7 เรื่อง โครงงานประเภทการประยุกต์ใช้งาน
ใบงานที่ 7 เรื่อง โครงงานประเภทการประยุกต์ใช้งานใบงานที่ 7 เรื่อง โครงงานประเภทการประยุกต์ใช้งาน
ใบงานที่ 7 เรื่อง โครงงานประเภทการประยุกต์ใช้งานMintra Pudprom
 
ใบงานที่ 7 เรื่อง โครงงานประเภทการประยุกต์ใช้งาน
ใบงานที่ 7 เรื่อง โครงงานประเภทการประยุกต์ใช้งานใบงานที่ 7 เรื่อง โครงงานประเภทการประยุกต์ใช้งาน
ใบงานที่ 7 เรื่อง โครงงานประเภทการประยุกต์ใช้งานKaRn Tik Tok
 

Similar to รายงานโครงงานคอม22 (20)

โครงงานประเภทการประยุกต์ใช้งาน
โครงงานประเภทการประยุกต์ใช้งานโครงงานประเภทการประยุกต์ใช้งาน
โครงงานประเภทการประยุกต์ใช้งาน
 
โครงงานคอมพิวเตอร์
โครงงานคอมพิวเตอร์โครงงานคอมพิวเตอร์
โครงงานคอมพิวเตอร์
 
โครงงานคอมพิวเตอร์
โครงงานคอมพิวเตอร์โครงงานคอมพิวเตอร์
โครงงานคอมพิวเตอร์
 
ใบงานที่ 2
ใบงานที่ 2ใบงานที่ 2
ใบงานที่ 2
 
ใบงานท 2
ใบงานท   2ใบงานท   2
ใบงานท 2
 
ใบความรู้ที่ 1
ใบความรู้ที่ 1ใบความรู้ที่ 1
ใบความรู้ที่ 1
 
ตัวอย่างโครงงาน
ตัวอย่างโครงงานตัวอย่างโครงงาน
ตัวอย่างโครงงาน
 
รายงานโครงงานคอมพิวเตอร์
รายงานโครงงานคอมพิวเตอร์รายงานโครงงานคอมพิวเตอร์
รายงานโครงงานคอมพิวเตอร์
 
รายงานโครงงานคอมพิวเตอร์
รายงานโครงงานคอมพิวเตอร์รายงานโครงงานคอมพิวเตอร์
รายงานโครงงานคอมพิวเตอร์
 
การเขียนรายงานโครงงานคอมพิวเตอร์ (1)
การเขียนรายงานโครงงานคอมพิวเตอร์ (1)การเขียนรายงานโครงงานคอมพิวเตอร์ (1)
การเขียนรายงานโครงงานคอมพิวเตอร์ (1)
 
K2
K2K2
K2
 
K2
K2K2
K2
 
K2
K2K2
K2
 
การพัฒนาเว็บบล็อก
การพัฒนาเว็บบล็อกการพัฒนาเว็บบล็อก
การพัฒนาเว็บบล็อก
 
ความหมายโครงงานคอมพิวเตอร์
ความหมายโครงงานคอมพิวเตอร์ความหมายโครงงานคอมพิวเตอร์
ความหมายโครงงานคอมพิวเตอร์
 
รายงานโครงงานคอมพิว
รายงานโครงงานคอมพิวรายงานโครงงานคอมพิว
รายงานโครงงานคอมพิว
 
ตัว
ตัวตัว
ตัว
 
ใบงานที่ 7 เรื่อง โครงงานประเภทการประยุกต์ใช้งาน
ใบงานที่ 7 เรื่อง โครงงานประเภทการประยุกต์ใช้งานใบงานที่ 7 เรื่อง โครงงานประเภทการประยุกต์ใช้งาน
ใบงานที่ 7 เรื่อง โครงงานประเภทการประยุกต์ใช้งาน
 
ใบงานที่ 7 เรื่อง โครงงานประเภทการประยุกต์ใช้งาน
ใบงานที่ 7 เรื่อง โครงงานประเภทการประยุกต์ใช้งานใบงานที่ 7 เรื่อง โครงงานประเภทการประยุกต์ใช้งาน
ใบงานที่ 7 เรื่อง โครงงานประเภทการประยุกต์ใช้งาน
 
ใบงานที่ 7 เรื่อง โครงงานประเภทการประยุกต์ใช้งาน
ใบงานที่ 7 เรื่อง โครงงานประเภทการประยุกต์ใช้งานใบงานที่ 7 เรื่อง โครงงานประเภทการประยุกต์ใช้งาน
ใบงานที่ 7 เรื่อง โครงงานประเภทการประยุกต์ใช้งาน
 

รายงานโครงงานคอม22

  • 1. รายงานโครงงานคอมพิวเตอร์ การพัฒนาเว็บบล็อก (WebBlog) ด้ วย Wordpress จัดทาโดย นางสาวปิ ยะพร สายทะวงษ์ เลขที22 ชั้นม. 5/2 ่ นาเสนอ อาจาร์ ย ณัฐพล บัวพันธ์ รายวิชาเทคโนโลยีสารสนเทศ (ง30102) ภาคเรียนที่ 2 ปี การศึกษา 2556 กลุ่มสาระการเรียนรู้ การงานอาชีพและเทคโนโลยี (คอมพิวเตอร์ ) สานักงานเขตพืนทีการศึกษามัธยมศึกษา เขต 28 ้ ่
  • 2. หัวข้ อโครงงาน ประเภทของโครงงาน ผู้เสนอโครงงาน ครู ทปรึกษาโครงงาน ี่ ปี การศึกษา : : : : : การพัฒนาเว็บบล็อก (WebBlog) ด้วย Wordpress โครงงานพัฒนาสื่ อเพื่อการศึกษา นางสาวปิ ยะพร สายทะวงษ์ เลขที่22 ชั้นม. 5/2 อาจาร์ยณัฐพล บัวพันธ์ 2556 บทคัดย่อ โครงงานการพัฒนาสื่ อเพื่อการศึกษาและการเรี ยนรู้เว็บบล็อก (WebBlog) ด้วย Wordpress เกี่ยวกับ ประเภทของคอมพิวเตอร์ น้ ี จัดทาขึ้นโดยมีวตถุประสงค์เพื่อนาเอารู ปแบบการเรี ยนรู ้ยุคใหม่ที่ใช้ใน ั สื่ อสังคม หรื อ Social Media ซึ่งเป็ นสื่ อที่ได้รับความสนใจและเป็ นที่นิยมมากในปั จจุบน มาประยุกต์ ั ให้เข้ากับการเรี ยนรู ้ โดยได้ศึกษารู ปแบบและพัฒนาการเรี ยนรู ้ ในการจัดสร้ างเว็บบล็อก (WebBlog) ด้วยเว็บไซด์สาเร็ จรู ปที่ชื่อว่า Wordpress ทั้งนี้ ได้ทาการศึกษา ค้นคว้า เนื้ อหาความรู ้ ที่สนใจเกี่ยวกับ ประเภทของคอมพิวเตอร์ เว็บบล็อก (WebBlog) เป็ นซอฟต์แวร์ blog ที่ได้รับความนิยมกันไปทัวโลก ซึ่ ง WordPress พัฒนาโดย ่ ใช้ภาษา PHP แล้วให้ใช้งานร่ วมกับระบบฐานข้อมูล เช่ น MySQL ซึ่ งซอฟต์แวร์ WordPress ตัวนี้ ั เป็ นซอฟต์แวร์ ที่แจกให้ใช้กนได้ฟรี ทาให้มีผนิยมแพร่ หลาย ในประเทศไทยด้วยเช่นกัน ู้ Wordpress พัฒนามาเพื่อใช้ในการ อัพเดท blog โดยเฉพาะ ดังนั้นตัวโปรแกรมเอง พัฒนามาให้ใช้ งานง่ายดาย โดยมีความง่ายตั้งแต่การติดตั้ง จนกระทังการเขียน blog หรื อการเปลี่ยนรู ปแบบดีไซน์ ่ หรื อธี มของ blog ก็สามารถทาได้สะดวกง่ายดาย หากใครเริ่ มสนใจจะทา blog ลองเริ่ มด้วยการใช้ WordPress ก็คงจะดีไม่นอย มีความสามารถหลากหลาย ปรับแต่งได้ง่าย เหมาะสาหรับผูที่ตองการฝึ ก ้ ้ ้ เขียนหรื อศึกษาการสร้างเว็บบล็อก (WebBlog) ที่มีระบบการบริ หาร การจัดการที่ดีเยี่ยมตัวหนึ่งด้วย คุณสมบัติของ เว็บบล็อก (WebBlog) ทางผูจดทาจึงได ้้จดทาโครงงานคอมพิวเตอร์ การพัฒนาเว็บ ้ั ั บล็อก (WebBlog) ด้วย Wordpress เกี่ยวกับประเภทของคอมพิวเตอร์ น้ ี เพื่อเป็ นอีกหนึ่ งแหล่งเรี ยนรู ้ที่
  • 3. มีประสิ ทธิ ภาพ ส่ งเสริ มความใฝ่ รู ้ ใฝ่ เรี ยนของผูเ้ รี ยนและผูสนใจโดยทัวไปหากใครเริ่ มสนใจจะทา ้ ่ blog ลองเริ่ มด้วยการใช้ Wordpress ก็เป็ นการเริ่ มต้นการเรี ยนรู ้ได้เป็ นอย่างดี บทที่ 1 บทนา แนวคิด ที่มา และความสาคัญ ปั จจุบนความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีสารสนเทศก่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ต่อทุกวงการ ั ทั่ว โลก รวมทั้ง วงการศึ ก ษาไทยด้ว ย และผลพวงที่ ติ ด ตามมาในแง่ เ ทคนิ ค และวิ ธี ก ารเกี่ ย วกับ กระบวนการเรี ยนรู้คือแนวโน้มในการเรี ยนรู้ แบบตอบโต้สองทาง (Interactive) ที่กาลังก้าวเข้ามา แทนที่กระบวนการเรี ยนรู ้แบบเดิม ที่ผรับได้แต่ “รับเอา” โดยไม่อาจ “เลือก” แต่อย่างใด จากแนวคิด ู้ ดังกล่าว ประเทศต่างๆ ทัวโลกต่างหันมาให้ความสนใจในการพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อใช้ให้ ่ เกิดประโยชน์สูงสุ ดแก่ผูเ้ รี ยนในทุกระดับ มีการใช้เครื่ องคอมพิวเตอร์ และสื่ ออิเล็กทรอนิ กส์ มากขึ้น ผูเ้ รี ย นรุ่ นใหม่ จะเป็ นผูเ้ รี ย นที่ มี ค วามรั ก การเรี ยนรู ้ มี หลัก ในการศึ ก ษาค้นคว้า อย่า งเป็ นระบบ มี ความคิดริ เริ่ มสร้างสรรค์ใหม่ๆ มีความรู ้ทกษะที่จาเป็ นในการแสวงหาความรู ้ดวยตนเองมากขึ้น (ลัด ั ้ ดาวัลย์ เพชรโรจน์ , 2539 : 122) จึงเป็ นที่ยอมรับว่าเทคโนโลยีสารสนเทศ ได้กลายเป็ นปั จจัยทีสาคัญ ในการพัฒนาประเทศ การจัดการศึกษาจึงต้องมีการปรับตัวในการนาเทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้ ประโยชน์ในทุ กๆด้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ด้านการจัดการเรี ยนการสอนนั้น ได้มีการกาหนดไว้ใน พระราชบัญญัติก ารศึ ก ษาแห่ ง ชาติ พ.ศ. 2542 ว่า รั ฐต้องส่ ง เสริ ม และสนับ สนุ นให้มี การผลิ ตสื่ อ เทคโนโลยี เ พื่ อ การศึ ก ษา รวมทั้ง ให้ มี ก ารพัฒ นาบุ ค คลากรด้า นการผลิ ต และผู้ใ ช้ใ ห้ มี ค วามรู้ ความสามารถ มีทกษะเพียงพอที่จะใช้เทคโนโลยีเพื่อการศึกษา ในการแสวงหาความรู้ดวยตนเองได้ ั ้ อย่างต่อเนื่องตลอดชีวต ซึ่ งเจตนารมณ์ของกฎหมายฉบับนี้ ได้ประกาศชัดให้ประชากรทุกคนสามารถ ิ เข้าถึงการศึกษาเพื่อการเรี ยนรู้ และพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่ อง และสาระทั้งปวงในกฎหมายต้องการ ให้คนไทยมี “ชี วิตแห่ งการเรี ยนรู ้ ” ทาแผ่นดิ นไทยให้เป็ น “สังคมแห่ งภูมิปัญญา” อย่างแท้จริ ง (ปัญญาพล, 2542 : 100) เทคโนโลยีสารสนเทศ ทาให้เกิดสังคมยุคสารสนเทศที่มีสรรพสิ่ งมากมายให้ ได้เรี ยนรู ้ ไม่รู้จกหมดสิ้ น การเชื่ อมโยงข้อมูลสารสนเทศด้วยระบบเครื อข่ายคอมพิวเตอร์ สร้ างการ ั เรี ยนรู ้ให้เกิดขึ้นได้อย่างกว้างขวางและกระจายไปทุกระดับ ทั้งในระบบและนอกระบบตามอัธยาศัย
  • 4. ่ (บุปผชาติ ทัพหิกรณ์ , 2544 : 7) จะเห็นได้วาการจัดการศึกษาในยุคของการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ สามารถเปลี่ ยนแปลงกระบวนการเรี ยนรู้และความต้องการของการศึกษาในอนาคต สื่ อและอุปกรณ์ การศึกษารู ปแบบใหม่จะเข้ามาแทนที่สื่อแบบเก่า มีแหล่งทรัพยากรการเรี ยนรู ้ที่หลากหลายนับเป็ นสิ่ ง ที่ช่วยสนับสนุ นการเรี ยนรู ้ในสภาพแวดล้อมทางการศึกษาแบบใหม่ (รุ่ ง แก้วแดง , 2543 ) ทาให้การ เรี ยนการสอนไม่จากัดอยู่เฉพาะในห้องเรี ยนและอยู่ภายใต้การควบคุ มของผูสอนเท่านั้น แต่ผูเ้ รี ยน ้ สามารถเรี ยนรู ้ ได้จากแหล่งความรู ้ที่หลากหลาย โดยเฉพาะเครื อข่ายอินเตอร์ เน็ต ซึ่ งโลกในปั จจุบน ั ข้อมูลข่าวสารจะเป็ นปั จจัยหลักในการดาเนิ นกิ จกรรมต่างๆ ผูที่มีโอกาสเข้าถึ งข้อมูลสารได้เร็ วจะ ้ ได้เปรี ยบกว่าผูที่เข้าถึงข้อมูลข่าวสารได้ชา อินเตอร์ เน็ตซึ่ งเป็ นแหล่งรวบรวมสารสนเทศต่างๆ จาก ้ ้ ทัวโลก จะเป็ นเสมือนขุมทรัพย์ ข้อมูลข่าวสารที่คนส่ วนใหญ่ในปั จจุบนหันมาให้ความสนใจ (ถนอม ั ่ พร เลาหจรัส แสง , 2539 : 7) และกระบวนการเรี ยนรู้ ของผูเ้ รี ยนจัดว่า สาคัญอย่า งยิ่งในการจัด การศึกษาที่มุ่งเน้นให้ผเู ้ รี ยนเป็ นศูนย์กลางการเรี ยนรู ้ โดยแนวคิดมุ่งเน้นในเรื่ องการคิดและแก้ปัญหา เป็ น และผูเ้ รี ยนสามารถถ่ายโยงความรู ้ ที่เรี ยนไปใช้ในชี วิตจริ ง ซึ่ งแนวคิดนี้ จะต้องอาศัยเทคโนโลยี และการเชื่ อมโยงเป็ นเครื อข่ายที่มีทวโลกมาพัฒนาศักยภาพของผูเ้ รี ยน มาปรับเปลี่ยนแนวทางการ ั่ เรี ยนรู ้ใหม่จากแนวทางและวิธีการสั่งสอน มาเป็ นการเรี ยนรู ้ที่สอดคล้องกับแหล่งการเรี ยนรู ้ใหม่ทาง สารสนเทศ ซึ่ งเป็ นการจัดสภาพแวดล้อมใหม่ในการเรี ยนรู ้ ที่เน้นให้ผูเ้ รี ยนมีส่วนร่ วมคิด แก้ปัญหา และนาความรู ้ที่ได้มานั้นไปถ่ายโยงใช้จริ งในชี วิตประจาวันที่ทนยุค ทันสมัยต่อเหตุการณ์ (ปรัชนันท์ ั นิ ลสุ ข ,2549 : 19) เรี ยนการสอน เพื่อให้เป็ นบทเรี ยนที่เป็ นแนวทางในการจัดการเรี ยนการสอน ที่ มุ่งเน้นให้ผเู ้ รี ยนเป็ นสาคัญ ขณะเดียวกันผูเ้ รี ยนจะได้รับการพัฒนาทักษะการเรี ยนรู ้แบบทีมในการใช้ เทคโนโลยีเพื่อการเรี ยนรู ้ และยังสามารถเป็ นแนวทางในการสร้างบทเรี ยนผ่านเครื อข่ายอินเทอร์ เน็ต ในเรื่ องอื่นๆ ต่อไปได้อีกด้วย วัตถุประสงค์ 1 . เพื่อศึกษาและ พัฒนาเว็บบล็อก (WebBlog) ด้วย Word press เกี่ยวกับประเภทของคอมพิวเตอร์ 2. เพื่อศึกษาค้นคว้าเกี่ยวกับเรื่ องของประเภทของคอมพิวเตอร์ 3 .เพื่อให้ผเู้ รี ยนสามารถพัฒนารู ปแบบของเว็บบล็อกจาก Word press ได้ดวยตนเองและนามา ้ ประยุกต์ใช้ ให้เข้ากับการเรี ยนรู ้ของตนเองมากยิงขึ้น ่ 4. เพื่อให้สามารถติดต่อสื่ อสารกันได้ระหว่างครู เพื่อน และผูสนใจทัวไป ้ ่
  • 5. ขอบเขตของโครงงาน 1. จัดทาโครงงานคอมพิวเตอร์ การพัฒนาเว็บบล็อก (WebBlog) ด้วย word press เกี่ยวกับ ประเภทของคอมพิวเตอร์ 2. วัสดุ อุปกรณ์ เครื่ องมือ หรื อโปรแกรมที่ใช้ในการพัฒนา ได้แก่ 2.1 เครื่ องคอมพิวเตอร์ พร้อมเชื่อมต่อระบบเครื อข่ายอินเทอร์ เน็ต 2.2 เว็บไซด์ที่ให้บริ การเว็บบล็อก คือ www.wordpress.com 2.3 เว็บไซด์ที่ใช้ในการติ ดต่อสื่ อสารเช่ น www.facebook.com , www.hotmail.com , www.google.com 2.4 โปรแกรมตัดต่อและตกแต่งรู ปภาพ เช่น Adobe Photoshop , CS4 และ PhotoScape 2.0 ผลที่คาดว่าจะได้รับ 1. ได้รับความรู ้ เกี่ยวกับการพัฒนาเว็บบล็อก (WebBlog) ด้วย Wordpress เกี่ ยวกับประเภทของ คอมพิวเตอร์ 2. ได้รั บ ความรู ้ เ กี่ ย วกับ เรื่ อ งที่ น ามาเป็ นบทเรี ย นในการสร้ า งเว็บ บล็ อ ก คื อ เรื่ อ งประเภทของ คอมพิวเตอร์ 3. ผูเ้ รี ยนสามารถพัฒนารู ปแบบของเว็บบล็อกจาก Wordpress ได้ดวยตนเองและนามาประยุกต์ใช้ให้ ้ เข้ากับการ เรี ยนรู ้ของตนเองมาก ยิงขึ้น ่ 4. สามารถติดต่อสื่ อสารกันระหว่างครู เพื่อนและผูที่สนใจทัวไป เพื่อสร้ างเป็ นเครื อข่ายการเรี ยนรู ้ ้ ่ ผ่านเว็บบล็อกและได้นาเอาเทคโนโลยีสารสนเทศยุคใหม่มาใช้อย่างมีคุณค่า และสร้างสรรค์
  • 6. บทที่ 2 เอกสารที่เกี่ยวข้อง ในการจัดทาโครงงานคอมพิวเตอร์ การพัฒนาเว็บบล็อก (WebBlog) ด้วย Wordpress เกี่ ย วกับ ประเภทของคอมพิ วเตอร์ น้ ี ผูจ ัดท าโครงงานได้ศึ ก ษาเอกสารและจากเว็บ ไซด์ต่ า งๆ ที่ ้ เกี่ยวข้อง ดังต่อไปนี้ 2.1 ความสาคัญของคอมพิวเตอร์ 2.2 ข้อมูลเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ 2.3 เว็บบล็อก (WebBlog) 2.1 ความสาคัญของคอมพิวเตอร์ ปั จจุบนคอมพิวเตอร์ ได้ถูกพัฒนาให้มีความก้าวหน้าอย่างรวดเร็ ว ขนาดเล็กลง ราคาถูก ั ลงแต่ประสิ ทธิ ภาพหรื อความสามารถในการทางานสู งขึ้น ทาให้หน่วยงานในองค์กร ตลอดจนบุคคล ได้นาคอมพิวเตอร์ มาใช้งานกันอย่างกว้างขวาง เช่ น การพิมพ์เอกสารต่างๆ การออกแบบงานด้าน ศิ ล ปะ การสร้ า งภาพกราฟฟิ ก การเล่ น เกมส์ การดู ห นัง ฟั ง เพลง การสร้ า งเว็บ ส่ ว นตัว การน า คอมพิวเตอร์ มาใช้งานในลักษณะเครื อข่าย เช่น เครื อข่ายอินเทอร์ เน็ต การติดต่อสื่ อสาร การเลือกซื้ อ สิ นค้า การสื บค้นข้อมูลด้านการศึกษา เป็ นต้น 2.2 ข้อมูลเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ 2.2.1 ความหมายของคอมพิวเตอร์ คอมพิวเตอร์ คือ อุปกรณ์ ทางอิเล็กทรอนิ กส์ (Electrinic device) ที่มนุ ษย์ใช้เป็ น เครื่ องมือช่วยในการจัดเก็บข้อมูลที่อาจเป็ นได้ท้ งตัวเลข ตัวอักษร หรื อสัญลักษณ์ที่ใช้แทนความหมาย ั ในสิ่ งต่างๆ โดยคุณสมบัติที่สาคัญของคอมพิวเตอร์ คือการที่สามารถกาหนดชุ ดคาสั่งล่วงหน้า หรื อ ั โปรแกรมได้ (programmable) นั้นคือคอมพิวเตอร์ สามารถทางานได้หลากหลายรู ปแบบ ขึ้นอยู่กบ ชุดคาสังที่เลือกมาใช้งาน ทาให้สามารถนาคอมพิวเตอร์ ไปประยุกต์ใช้งานได้อย่างกว้างขวาง เช่น ใช้ ่ ในการตรวจคลื่นความถี่ของหัวใจ การฝาก – ถอนเงินในธนาคาร การตรวจสอบสภาพเครื่ องยนต์ เป็ นต้น ข้อ ดี ข องคอมพิ ว เตอร์ คื อ เครื่ องคอมพิ วเตอร์ ส ามารถท างานได้อย่า งมี ป ระสิ ท ธิ ภ าพ มี
  • 7. ความถูกต้องและมีความรวดเร็ ว อย่างไรก็ดี ไม่ว่าจะเป็ นงานชนิ ดใดก็ตาม เครื่ องคอมพิวเตอร์ จะมี วงจร การทางานพื้นฐาน 4 อย่าง (IPOS cycle) คือ 1.รับข้อมูล (Input) เครื่ องคอมพิวเตอร์ จะทาการรับข้อมู ลจากหน่ วยรั บข้อมูล (Input unit) เช่น คียบอร์ ด หรื อเมาส์ ์ ่ 2. ประมวลผล (Processing) เครื่ องคอมพิวเตอร์ จะทาการประมวลผลกับข้อมูลเพื่อแปลงให้อยูในรู ป อื่น ตามที่ตองการ ้ 3. แสดงผล (Output) เครื่ องคอมพิวเตอร์ จะให้ผลลัพธ์จากการประมวลผลออกมายังหน่ วยแสดง ผลลัพธ์ (Output unit) เช่น เครื่ องพิมพ์ หรื อจอภาพ 4. เก็บข้อมูล (Storage) เครื่ องคอมพิวเตอร์ จะทาการเก็บผลลัพธ์จากการประมวลผลไว้ ในหน่วยเก็บข้อมูล เพื่อให้สามารถนามาใช้ใหม่ได้ในอนาคต 2.2.2 ประวัติความเป็ นมาและพัฒนาการของคอมพิวเตอร์ * (ประมาณ 2,600 ปี ก่อนคริ สตกาล) ชาวจีนได้ประดิษฐ์เครื่ องมือเพื่อใช้ในการคานวณ ขึ้นมาชนิดหนึ่ง เรี ยกว่า ลูกคิด (Abacus) รู ปลูกคิด * (พ.ศ. 2158) นักคณิ ตศาสตร์ ชาวสก็อตแลนด์ชื่อ John Napier ได้ประดิษฐ์อุปกรณ์ที่ใช้ช่วยในการ คานวณขึ้นมา เรี ยกว่า Napier’s Bones เป็ นอุปกรณ์ที่มีลกษณะคล้ายกับตารางสู ตรคูณในปั จจุบน ั ั * (พ.ศ. 2173) วิลเลียมออตเทรต (William Oughtred) นักคณิ ตศาสตร์ ชาวอังกฤษได้ประดิษฐ์ไม้ บรรทัดคานวณ (Slide Rule) ซึ่ งต่อมากลายเป็ นพื้นฐานของการสร้างคอมพิวเตอร์ แบบอนาลอก
  • 8. * (พ.ศ. 2185) เบลล์ ปาสคาล (Blaise Pascal) นักคณิ ตศาสตร์ ชาวฝรั่งเศสได้ประดิษฐ์เครื่ องบวกลบ ขึ้น โดยใช้หลักการหมุนของฟั นเฟื องและการทดเลขเมื่อฟั นเฟื องหมุนไปครบรอบ โดยแสดงตัวเลข จาก 0-9 ออกที่หน้าปัด รู ปเครื่ องบวกลบ * (พ.ศ. 2214) กอตฟริ ต วิล แฮล์ม ไลบ์นิซ (Gottfrieng Wilhelm Leibniz) นัก คณิ ตศาสตร์ ชาวเยอรมัน ได้ปรั บปรุ งเครื่ องคิดเลขปาสคาล ให้ทางานได้ดีกว่าเดิมและเขสยังค้นพบ เลขฐานสอง (Binary number) รู ปกอตฟริ ต วิลเฮลม์ ไลบ์นิซ * (พ.ศ. 2288) โจเซฟแมรี่ แจคคาร์ ด (Joseph Marie Jacquard) เป็ นชาวฝรั่งเศสได้คิด เครื่ องทอผ้าโดยใช้คาสั่งจากบัตรเจาะรู ควบคุมการทดผ้าให้มีสีและลวดลายต่างๆ รู ปบัตรเจาะรู
  • 9. * (พ.ศ. 2365) ชาร์ ล แบบเบจ (Charles Babbage) นักคณิ ตศาสตร์ ชาวอังกฤษได้ ประดิ ษฐ์เครื่ องมื อที่ เรี ยกว่าเครื่ องหาผลต่าง (Diffrence Engine) เพื่อใช้คานวณและพิมพ์ค่าทาง ตรี โกณมิติและฟั งก์ชนทางคณิ ตศาสตร์ แบบเบจได้พยายามสร้ างเครื่ องคานวณอีกชนิ ดหนึ่ งเรี ยกว่า ั่ Analytical Engine โดยมีแนวคิดให้แบ่งการทางานของเครื่ องออกเป็ น 3 ส่ วน คือ ส่ วนเก็บข้อมูล (Store unit) , ส่ วนควบคุม (Control unit) และส่ วนคานวณ (Arithmetic unit) ซึ่ งแนวคิดนี้ ได้รับการ นามาใช้เป็ นต้นแบบของเครื่ องคอมพิ วเตอร์ ใ นปั จจุ บ น จึ งยกย่องแบบเบจว่าเป็ นบิ ดาแห่ ง เครื่ อง ั คอมพิวเตอร์ เลดี้ เอดา ออคุสตาเลฟเลค (Lady Ada Augusta Lovelace) เป็ นนักคณิ ตศาสตร์ ที่เข้าใจ ผลงานของแบบเบจได้เขียนวิธีการใช้เครื่ องคานวณของแบบเบจเพื่อแก้ปัญหาทางคณิ ตศาสตร์ เล่ ม หนึ่ง ต่อมาเลดี้ เอดา ออคุสตาเลฟเลค จึงได้รับการยกย่องว่าเป็ นโปรแกรมเมอร์ คนแรกของโลก รู ปเครื่ องหาผลต่าง (Diffrence Engine) * (พ.ศ. 2393) ยอร์ จบูล (George Boole) นักคณิ ตศาสตร์ ชาวอังกฤษ ได้คิดระบบ พีชคณิ ตระบบใหม่เรี ยกว่า Boolean Algebra โดยใช้อธิ บายหลักเหตุผลทางตรรกวิทยาโดยใช้สภาวะ เพียงสองอย่างคือ True (On) และ Flase(Off) ร่ วมกับเครื่ องหมายในทางตรรกะพื้นฐาน ได้แก่ NOT AND และ OR ต่อมาเลขระบบฐานสอง และ Boolean Algebra ก็ได้ถูกนามาให้เข้ากับวงจรไฟฟ้ าซึ่ งมี
  • 10. สภาวะ 2 แบบ คือ เปิ ด , ปิ ด จึงนับเป็ นรากฐานของการออกแบบวงจรในระบบคอมพิวเตอร์ ใน ปัจจุบน (Digital Computer) ั * (พ.ศ. 2480-2481) คร.จอห์น วินเซนต์อตานาซอฟ (Dr.John Vincent Atansoff) และค ลิฟฟอร์ ด แบรี่ (Clifford Berry) ได้ประดิษฐ์เครื่ อง ABC (Atanasoff-Berry) ขึ้นโดยได้นาหลอด สุ ญญากาศมาใช้งาน ABC ถือเป็ นเครื่ องคานวณเครื่ องแรกที่เป็ นเครื่ องอิเล็กทรอนิกส์ รู ป Atansoff รู ป ABC computer
  • 11. * (พ.ศ. 2487) ศาสตราจารย์โอเวิร์ด ไอด์เคน (Howard Aiken) แห่ งมหาวิทยาลัยฮา วาร์ ดร่ วมกับวิศวะกรของบริ ษทไอบีเอ็มได้สร้างเครื่ อง MARK I เป็ นผลสาเร็ จ แต่อย่างไรก็ตามเครื่ อง ั MARK I นี้ยงไม่ใช่คอมพิวเตอร์ ที่แท้จริ งแต่เป็ นเพียงเครื่ องคิดเลขไฟฟ้ าขนาดใหญ่เท่านั้น ั * (พ.ศ. 2485-2495) มหาวิทยาลัย เพนซิ ลเลเนี ย ได้สร้ างเครื่ อง ENIAC (Electronic ่ Numerical Integrator And Calculator) นับได้วาเป็ นเครื่ องคานวณอิเล็กทรอนิ กส์ เครื่ องแรกของโลกที่ ใช้หลอดสุ ญญากาศและควบคุมการทางานโดยวิธีเจาะชุดคาสั่งลงในบัตรเจาะรู รู ปในมหาวิทยาลันเพนซิลเลเนีย
  • 12. รู ปเครื่ อง ENIAC * (พ.ศ. 2492) ดร.จอห์น ฟอน นิ วแมนน์ (Dr.John Von Neumann) ได้สร้างเครื่ อง คอมพิวเตอร์ ที่สามารถเก็บคาสั่งการปฏิ บติงานได้ท้ งหมดไว้ภายในเครื่ องชื่ อว่า EDVAC นับเป็ น ั ั คอมพิวเตอร์ เครื่ องแรกที่สามารถเก็บโปรแกรมไว้ในเครื่ องได้
  • 13. รู ปเครื่ อง EDVAC (first stored program computer) * (พ.ศ. 2496-2497) บริ ษทไอบีเอ็มได้สร้างคอมพิวเตอร์ ชื่อ IBM 701 และ IBM 650 ั โดยใช้หลอดสุ ญญากาศเป็ นวัสดุ สร้ าง ต่อมาเกิ ดมี การพัฒนาสิ่ งประดิ ษฐ์ ที่เป็ นสารกึ่ งตัวนาขึ้ นที่ ห้องปฏิบติการของบริ ษท Bell Telephone ได้เกิดทรานซิ สเตอร์ ตวแรกขึ้น ต่อมาทรานซิ สเตอร์ ได้ถูก ั ั ั นาไปแทนหลอดสุ ญญากาศ จึงทาให้ขนาดของคอมพิวเตอร์ เล็กลงและเกิดความร้อนน้อยลง (เครื่ องที่ ใช้ทรานซิ สเตอร์ ได้แก่ IBM 1401 และ IBM 1620) รู ปหลอดสุ ญญากาศ (Vacuum tube) รู ปทรานซิสเตอร์(Transistor)
  • 14. * (พ.ศ. 2508) วงจรคอมพิวเตอร์ มีการเปลี่ยนแปลงอีกมากเมื่อมีวงจรรวม (Integrated Circuit : IC) เกิดขึ้น ซึ่ งไอบีเอ็มนี้ ไดถูกนาไปแทนที่ทรานซิ สเตอร์ ในวงจรอิเล็กทรอนิ กส์ ของระบบ คอมพิวเตอร์ อีกครั้ง ซึ่ งผลก็คือทาให้คอมพิวเตอร์ มีขนาดเล็กลง รู ปแผงวงจร IC * (พ.ศ. 2514) บริ ษท Intel ได้ใช้เทคโนโลยีของการผลิตวงจรรวมแบบ (Large Scale ั Integrated Circuit : LSI) ทาการรวมเอาวงจรที่ใช้เป็ นหน่วยประมวลผลกลาง (CPU) ของคอมพิวเตอร์ ่ มาบรรจุอยูในแผ่นไอซี เพียงตัวเดียวซึ่ งไอซี น้ ีเรี ยกว่า ไมโครโปรเซสเซอร์ (Microprocessor) รู ป Microprocesser * (พ.ศ. 2506) ประเทศไทยเริ่ มมีคอมพิวเตอร์ ใช้เป็ นครั้งแรก โดยที่คอมพิวเตอร์ เครื่ อง แรกในประเทศไทยได้ ติ ด ตั้ง ที่ ภาควิ ช าสถิ ติ คณะพาณิ ช ย์ศ าสตร์ แ ละการบัญ ชี จุ ฬ าลงกรณ์ มหาวิทยาลัย เครื่ องคอมพิวเตอร์ เครื่ องนี้ คือ IBM 1620 ซึ่ งได้รับมอบจากมูลนิ ธิเอไอดีและบริ ษท ั ไอบี เอ็ม แห่ งประเทศไทยจากัด ปั จจุ บนหมดอายุการใช้งานไปแล้ว จึ งได้มอบให้แก่ศูนย์บริ ภณฑ์ ั ั การศึกษาท้องฟ้ าจาลองกรุ งเทพฯ
  • 15. * (พ.ศ. 2507) เครื่ องคอมพิวเตอร์ เครื่ องที่สองของประเทศไทยติดตั้งที่สานักงานสถึ ติ แห่งชาติในเดือนมีนาคม 2507 ก่อกานิดไมโครโปรเซสเซอร์ เมื่อก่อนนั้น Intel เป็ นบริ ษทผลิตชิ ปไอซี แห่ งหนึ่ งที่ไม่ใหญ่โตมากนักเท่าในปั จจุบนนี้ ั ั ั เมื่ อปี ค.ศ.1969 ได้สร้ างความสะเทื อนให้กบวงการอิ เล็กทรอนิ กส์ โดยการออกชิ ปหน่ วยความจา (Memory) ขนาด 1 Kbyte มาเป็ นรายแรก บริ ษทบิสซิ คอมพ์ (Busicomp) ซึ่ งเป็ นผูผลิตเครื่ องคิดเลขของญี่ปุ่นได้ทาการว่าจ้างให้ Intel ทาการ ั ้ ผลิ ตชิ ปไอซี ที่บิส ซิ คอมพ์เป็ นคนออกแบบเองที่ มีจานวน 12 ตัว โครงการนี้ ถูกมอบหมายให้นาย M.E.Hoff,Jr. ซึ่ งเข้าตัดสิ นใจที่จะออกแบบชิ ปแบบใหม่โดยสร้างชิ ปที่ให้ถูกโปรแกรมได้ หมายถึงว่า สามารถนาเอาชุ ดคาสั่งของการคานวณไปเก็บไว้ในหน่ วยความจาก่ อนแล้วให้ไอซี ตวนี้ อ่านเข้ามา ั แปล ความหมาย และทางานภายหลัง ในปี 1971 Intel ได้นาผลิตภัณฑ์ออกสู่ ตลาด โดยใช้ชื่อทางการค้าว่า Intel 4004 ในราคา 200 เหรี ยญ สหรัฐ และเรี ยกชิ ปนี้ ว่าเป็ นไมโครโปรเซสเซอร์ (Micro Processor) ก็เพราะว่า 4004 นี้ เป็ น CPU (Central Processing Unit) ตัวหนึ่ง ซึ่ งมีขนาด 4.2 x 3.2มิลลิเมตร ภายในประกอบด้วย ทรานซิ สเตอร์ จานวน 2250 ตัว และเป็ นไมโครโปรเซสเวอร์ ขนาด 4 บิ ต หลัง จาก 1 ปี ต่ อมา Intel ได้ออก ไมโครโปรเซสเซอร์ ขนาด8 บิตออกมาโดยใช้ชื่อว่า 8008 มีชุดคาสั่ง 48 คาสั่ง และอ้างหน่วยความจา ได้ 16 Kbyte ซึ่งทาง Intel หวังว่าจะเป็ นตัวกระตุนตลาดด้านชิปหน่วยความจาได้อีกทางหนึ่ง ้ เมื่อปี 1973 ทาง Intel ได้ออก ไมโครโปรเซสเซอร์ 8080 ที่มีชุดคาสั่งพื้นฐาน 74 คาสั่ง และสามารถอ้างหน่วยความจาได้ 64 Kbyte ไมโครคอมพิวเตอร์เครื่ องแรกของโลก เมื่ อปี 1975 มีนิตยสารต่างประเทศฉบับหนึ่ ง ชื่ อว่า Popular Electronics ฉบับเดื อน มกราคม ได้ลงบทความ เกี่ ย วกับเครื่ องไมโครโปรเซสเซอร์ เครื่ องแรกของโลกที่ มีชื่ อว่า อัล แตร์ 8800(Altair) ซึ่ งทาออกมาเป็ นชุ ดคิท โดยบริ ษท MITS (Micro Insumenation And Telemetry ั ่ Systems) ลักษณะของชุดคิท ก็คือจะอยูในรู ปของอุปกรณ์แต่ละชิ้นโดยให้คุณนาไปประกอบใช้เอง บริ ษท MITS ถูกก่อตั้งปี 1969 โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อทาตลาดในด้านเครื่ องคิดเลข แต่การค้าชะลอตัว ั ลง ประธานบริ ษท ชื่ อ H. Edword Roberts เห็ นการไกล คิ ดเปิ ดตลาดใหม่ ซ่ ึ ง จะขายชุ ดคิ ด ั
  • 16. ่ คอมพิวเตอร์ ประมาณเอาไว้วาอาจขายได้ในจานวนปี ละประมาณ 200-300 ชุด จึงให้ทีมงานออกแบบ และพัฒนาแล้วเสร็ จก่อนถึงคริ สต์มาส ในปี 1974 แต่เพิ่งมาประกาศตัวในปี ถัดไป สาหรับ CPU ที่ใช้ คือ 8080 และคาว่าไมโครคอมพิวเตอร์ จึงถูกเรี ยกใช้เป็ นครั้งแรกเพื่อชุ ดคิดคอมพิวเตอร์ ชุดนี้ ชุ ดคิทของ อัลแตร์ น้ ี ประกอบด้วยไมโครโปรเซสเซอร์ 8080 ของบริ ษท Intel มี เพาเวอร์ ซพพลาย มี ั ั แผงหน้าปั ดที่ติดหลอดไฟ เป็ นแถวมาให้เพื่อแสดงผล รวมถึงหน่วยความจา 256 Byte นอกจากนี้ ยงมี ั สล๊อต (Slot) ให้เสี ยบอุ ปกรณ์ อื่นๆ เพิ่มได้ แต่ก็ทาให้ MITS ต้องผิดคาด คือ ภายในเดือนเดียว มี จดหมายส่ งเข้ามาขอสั่งซื้ อเป็ นจานวนถึง 4,000 ชุดเลยทีเดียว ด้ว ยชิ ป 8080 นี่ เ อง ได้เ ป็ นแรงดลใจให้ บ ริ ษ ัท ดิ จิ ต อลรี เ สริ์ ช (Digital Research) ก าเนิ ด ระบบปฏิ บติก าร (Operating System) ที่ ชื่ อว่า ซี พีเอ็ม (CP/M หรื อ Control Program For ั Microcomputer) ขึ้นมาในขณะที่ Microsoft ยังเพิ่งออก Microsoft Basic รุ่ นแรกเท่านั้นเอง ถึงยุค Z 80 เมื่อเดือนพฤศจิกายน ปี 1974 ได้มีวศวกรของ Intel บางคนได้ออกมาตั้งบริ ษทผลิตชิ ปเอง โดยมีชื่อว่า ิ ั ไซล๊ อก (Zilog) เนื่ องจาก วิศ วกรเหล่ า นี้ ได้มี ส่ วนร่ วมในการผลิ ต ชิ ป 8080 ด้ว ย จึ ง ได้นาเอา เทคโนโลยีการผลิตนี้มาสร้างตัวใหม่ที่ดีกว่า มีชื่อว่า Z80 ยังคงเป็ นชิ ปขนาด 8 บิต เมื่อได้ออกสู่ ตลาด ่ ได้รับความนิ ยมเป็ นอย่างมากเนื่ องจากได้ปรับปรุ งข้อบกพร่ องต่างๆ ที่มีอยูใน 8080 จึงทาให้เครื่ อง ั คอมพิวเตอร์ หลายต่อหลายยีหอ หันมาใช้ชิป Z80 กัน แม้แต่ซีพีเอ็ม ก็ยงถูกปรับปรุ งให้มาใช้กบ Z80 ่ ้ ั นี้ดวย *** แม้ในปั จจุบนนี้ Z80 ยังคงถูกใช้งานและนาไปใช้ในการเรี ยนการสอนไมโครโปรเซสเซอร์ ้ ั ด้วย เช่น ชุดคิดหรื อ Single Board Microcomputer ของ ETT, Sila เป็ นต้น และ IC ตัวนี้ ยงผลิตขายอยู่ ั ในปั จจุบน ในราคาไม่เกิน 100 บาท ั Computer เครื่ องแรกของ IBM ในปี 1975 ไอบีเอ็มได้ออกเครื่ องไมโครคอมพิวเตอร์ เครื่ องแรกออกมาแต่ทางไอบีเอ็มได้เรี ยกเครื่ อง ่ นี้วาเป็ น เทอร์ มินลแบบชาญฉลาด ที่สามารถโปรแกรมได้ (Intelligent Programmable Terminal) และ ั ตั้งชื่อรุ่ นว่า Model 5100 มีหน่วยความจา 16 Kbyte แล้วยังมีตวแปลภาษาเบสิ กแบบอินเตอร์ พรี ทเตอร์ ั (Interpreter) ด้วย และมีไดร์ ฟสาหรับใส่ คาร์ ทิดจ์เทปในตัว แต่ก็ยงขายไม่ดีเอามากๆ เลย เพราะว่าตั้ง ั ราคาไว้สูงมากถึง 9,000 เหรี ยญสหรัฐ
  • 17. ในปลายปี 1980 บริ ษทไอบีเอ็ม ได้เกิดแผนกเล็กๆ ขึ้นมาแผนกหนึ่ งเรี ยกว่า Entry Systems Division ั ภายใต้ทีม ของคนชื่ อว่า ดอน เอสทริ ดจ์ (Don Estridge) และนักออกแบบอี ก 12 คนโดยได้รับ มอบหมายให้พฒนาเครื่ องไมโครคอมพิวเตอร์ เครื่ องแรกของไอบีเอ็มโมเดล 5100 นันเอง โดยนาเอา ั ่ จุดเด่นของเครื่ องที่ขายดี มารวมไว้ในการออกแบบเครื่ องไมโครคอมพิวเตอร์ ของไอบีเอ็มและผลิ ต จาหน่ายได้ภายในปี เดียวภายใต้ชื่อว่า ไอบีเอ็มพีชี (IBM PC) ซึ่ งถูกเปิ ดตัวในเดือนสิ งหาคม ปี 1981 ่ และยอดขายของเครื่ องพีชีก็ได้พุงอย่างรวดเร็ ว ทาให้บริ ษทอื่นๆ จับตามอง ั กาเนิดแอปเปิ้ ล ในปี 1976 หลังจาก Stephen Wozniak และ Steve Jobs ได้ร่วมกันก่อตั้งบริ ษทแอปเปิ้ ลคอมพิวเตอร์ ั (Apple Computer) และได้นาเครื่ องไมโครคอมพิวเตอร์ เครื่ องแรกที่ประดิษฐ์จากโรงรถออกมาขาย โดยได้ใช้ชื่อว่า Apple I ในราคา 695 เหรี ยญ บริ ษทแอปเปิ้ ลได้ผลิตเครื่ อง Apple I ออกมาไม่มากนัก ั ภายในปี เดียวได้ผลิต Apple II ออกมา และรุ่ นนี้เป็ นรุ่ นเปิ ดศักราชแห่ งวงการไมโครคอมพิวเตอร์ และ เป็ นการสร้างมาตรฐาน ที่ไมโครคอมพิวเตอร์ ที่เกิดมาตามหลังทั้งหมด 2.2.3 ประเภทของคอมพิวเตอร์ ในปั จจุบนคอมพิวเตอร์ ใช้วงจรเบ็ดเสร็ จขนาดใหญ่มาก (very large scaleintegrater ั circuit) ซึ่ งสมารถบรรจุ ทรานซิ สเตอร์ ได้มากกว่าสิ บล้านตัว เราสามารถแบ่งคอมพิวเตอร์ ในรุ่ น ปั จจุบนออกเป็ น 4 ประเภท ดังต่อไปนี้ ั ซูเปอร์คอมพิวเตอร์(super computer) ซู เ ปอร์ ค อมพิ ว เตอร์ ถื อ ได้ว่า เป็ นคอมพิ ว เตอร์ ที่ มี ค วามเร็ ว มาก และมี ป ระสิ ท ธิ ภาพสู ง สุ ด เมื่ อ เปรี ยบเทียบกับคอมพิวเตอร์ ชนิ ดอื่นๆ เครื่ องซู ปเปอร์ คอมพิวเตอร์ มีราคาแพงมาก มีขนาดใหญ่ สมา รถคานวณทางคณิ ตศาสตร์ ได้หลายแสนล้านครั้งต่อวินาที และได้รับการออกแบบเพื่อให้ใช้แก้ปัญา ขนาดใหญ่มาก ทางวิทยาศาสตร์ และทางวิศวกรรมศาสตร์ ได้อย่างรวดเร็ ว เช่ น การพยากรณ์อากาศ ล่วงหน้าเป็ นเวลาหลายวัน การศึกษาผลกระทบของมลพิษกับสภาวะแวดล้อมซึ่ งหากใช้คอมพิวเตอร์ ขนาดอื่นๆ แก้ไขปั ญหาประเภทนี้ อาจจะต้องใช้เวลาในการคานวณหลายปี กว่าจะเสร็ จสิ้ น ในขณะที่ ซู เปอร์ คอมพิวเตอร์ สามารถแก้ไขปั ญหาได้ภายในเวลาไม่กี่ชวโมงเท่านั้น เนื่ องจากการแก้ไขปั ญหา ั่ ใหญ่ ๆ จะต้องใช้ห น่ วยความจาสู ง ดัง นั้นซู เปอร์ ค อมพิ ว เตอร์ จึง ต้องมี หน่ ว ยความจาที่ ใ หญ่ ม าก
  • 18. ซู เปอร์ คอมพิวเตอร์ มีหลายประเภท ตั้งแต่รุ่นที่มีหน่วยประมวลผล (Processing unit) 1 หน่วย จนถึง รุ่ นที่มีหน่วยประมวลผลหลายหมื่นหน่วย ซึ่ งสามารถทางานได้หลายอย่างพร้อมๆกัน เมนเฟรมคอมพิวเตอร์ (Mainframe computer) เมนเฟรมคอมพิวเตอร์ มีสมรรถภาพที่ ต่ ากว่าซู ปเปอร์ คอมพิวเตอร์ มาก แต่ยงมี ความเร็ วสู ง และมี ั ประสิ ท ธิ ภ าพสู ง กว่ า มิ นิ ค อมพิ ว เตอร์ ห รื อ ไมโครคอมพิ ว เตอร์ เมนเฟรมคอมพิ ว เตอร์ ส ามารถ ให้บริ การผูใช้จานวนหลายๆ ร้อยคนพร้อมๆกัน ฉะนั้น จึงสามารถใช้โปรแกรมจานวนนับร้ อยแบบ ้ ในเวลาเดี ยวกันได้ โดยเฉพาะถ้าต่อเครื่ องเข้าเครื อข่ายคอมพิวเตอร์ ผูใช้สามารถใช้ได้จากทัวโลก ้ ่ ปั จ จุ บ ัน องค์ก รใหญ่ เช่ น ธนาคาร จะใช้ค อมพิ ว เตอร์ ป ระเภทนี้ ในการท าบัญ ชี ลู ก ค้า หรื อ การ ให้บริ การจากเครื่ องฝากและถอนเงินแบบอัตโนมัติ( automatic teller machine) เนื่ องจากเครื่ อง เมนเฟรมคอมพิวเตอร์ ได้ถูกใช้งานมากในการบริ การผูใช้พร้อมๆ กัน เมนเฟรมคอมพิวเตอร์ จึงต้องมี ้ หน่วยความจาที่ใหญ่มาก มินิคอมพิวเตอร์ (Minicomputer) มินิคอมพิวเตอร์คือ เมนเฟรมคอมพิวเตอร์ ขนาดเล็กๆ ซึ่ งสามารถบริ การผูใช้งานได้หลายคนพร้อมๆ ้ กัน แต่จะไม่มีสมรรถภาพเพียงพอที่จะบริ การผูใช้ในจานวนที่เทียบเท่าเมนเฟรมคอมพิวเตอร์ ได้ จึง ้ ทาให้มินิคอมพิวเตอร์ เหมาะสาหรับองค์กรขนาดกลาง หรื อสาหรับแผนกหนึ่ งหรื อสาขาหนึ่ งของ องค์กรขนาดใหญ่เท่านั้น ไมโครคอมพิวเตอร์ (microcomputer) หรื อ พีซี (personalcomputer หรื อ PC) ไมโครคอมพิวเตอร์ คือ คอมพิวเตอร์ ขนาดเล็กแบบขนาดตั้งโต๊ะ (desktop computer) หรื อขนาดเล็ก กว่า นั้น เช่ น ขนาดสมุ ดบัน ทึ ก (notebook computer) และขนาดฝ่ ามื อ (plamtop computer) ่ ไมโครคอมพิวเตอร์ ได้เริ่ มมีข้ ึนในปี พ.ศ. 2518 ถึงแม้วาในระยะหลัง เครื่ องชนิ ดนี้ จะมีประสิ ทธิ ภาพ ที่ สู ง แต่ เ นื่ องจากมี ราคาไม่ แพงและมี ข นาดกะทัดรั ดไมโครคอมพิ ว เตอร์ จึง ยังเหมาะส าหรั บใช้ ส่ วนตัวไมโครคอมพิวเตอร์ ได้ถูกออกแบบสาหรับใช้ที่บาน โรงเรี ยน และสานักงาน สาหรับที่บาน ้ ้ เราสามารถใช้ไมโครคอมพิวเตอร์ ในการทางบประมาณรายรับรายจ่ายของครอบครัว ช่วยทาการบ้าน ของลูกๆ การค้นคว้าข้อมูลและข่าวสาร การสื่ อสารแบบอิเล็กทรอนิกส์ (electronic mail หรื อ E-mail) หรื อโทรศัพท์ทางอินเตอร์ เน็ต (internet phone) ในการติดต่อทั้งในและนอกประเทศ หรื อแม้กระทัง ่
  • 19. ทางบัน เทิ ง เช่ น การเล่ น เกมส์ บ นเครื่ องไมโครคอมพิ ว เตอร์ ส าหรั บ ที่ โรงเรี ย น เราสามารถใช้ ไมโครคอมพิวเตอร์ ในการช่ วยสอนนักเรี ยนในการค้นคว้าข้อมูลจากทัวโลก สาหรับที่สานักงาน เรา ่ สามารถใช้ไมโครคอมพิวเตอร์ ในการช่วยพิมพ์จดหมายและข้อมูลอื่นๆ เก็บและค้นข้อมูล วิเคราะห์ และทานายยอดซื้ อขายล่วงหน้า โน๊ตบุค (notebook or laptop) ๊ โน๊ตบุค คือคอมพิวเตอร์ ที่มีขนาดเล็กกว่าไมโครคอมพิวเตอร์ ถูกออกแบบไว้เพื่อนาติดตัวไปใช้ตามที่ ๊ ต่างๆ มีขนาดเล็ก และน้ าหนักเบา ในปั จจุบนมีขนาดพอๆกับสมุดที่ทาด้วยกระดาษ ั เน็ตบุค (netbook or laptop) ๊ เน็ตบุค คือ คอมพิวเตอร์ ที่มีขนาดเล็กกว่าไมโครคอมพิวเตอร์ และเล็กกว่าโน๊ตบุ๊ค ถูกออกแบบไว้เพื่อ ๊ นาติดตัวไปใช้ตามที่ต่างๆ มีขนาดเล็ก และน้ าหนักเบา แท็บเล็ต คอมพิวเตอร์ (taplet computer) แท็บ เล็ ต คอมพิ วเตอร์ หรื อเรี ยกสั้ นๆ ว่า แท็บ เล็ ต คื อเครื่ องคอมพิ วเตอร์ ที่ ส ามารถใช้ใ นขณะที่ เคลื่อนที่ได้ ขนาดกลางและใช้หน้าจอสัมผัสในการทางานเป็ นอันดับแรก มีคียบอร์ ดเสมือนจริ งหรื อ ์ ปากกาดิจิตอลในการใช้งานแทนที่แป้ นพิมพ์คียบอร์ ด และมีความหมายครอบคลุมถึงโน๊ตบุ๊คแบบ ์ ่ converible ที่มีหน้าจอแบบสัมผัสและมีแป้ นพิมพ์คียบอร์ ดติดมาด้วยไม่วาจะเป็ นแบบหมุนหรื อแบบ ์ สไลด์ก็ตาม 2.3 เว็บบล็อก (Webblog) 2.3.1 ความหมายของเว็บบล็อก (Webblog) เว็บบล็อก (อังกฤษ : webblog) เป็ นรู ปแบบเว็บไซด์ประเภทหนึ่ ง ซึ่ งถูกเขียนขึ้นใน ลาดับที่ เรี ยงตามเวลาในการเขี ยน ซึ่ งจะแสดงข้อมูลที่ เขี ยนไว้ล่าสุ ดไว้แรกสุ ด บล็อกโดยปกติ จะ ่ ประกอบด้วย ข้อความ ภาพ ลิงก์ ซึ่ งบางครั้งจะรวมสื่ อต่างๆไม่วาเพลง หรื อวิดีโอในหลายรู ปแบบได้ จุดที่แตกต่างของบล็กกับเว็บไซด์โดยปกติคือ บล็อกจะเปิ ดให้ผเู ้ ข้ามาอ่านข้อมูลสามารถแสดงความ
  • 20. คิดเห็นต่อท้ายข้อความที่เจ้าของบล็อกเป็ นคนเขียน ซึ่ งทาให้ผเู ้ ขียนสามารถได้ผลตอบกลับโดยทันที คาว่า “บล็อก” ยังใช้เป็ นคากริ ยาได้ ซึ่ งหมายถึ ง การเขียนบล็อก และนอกจากนี้ ผที่เขียนบล็อกเป็ น ู้ อาชีพก็จะถูกเรี ยกว่า “บล็อกเกอร์ ” ั บล็อกเป็ นเว็บไซด์ที่มีเนื้ อหาที หลากหลายขึ้นอยู่กบเจ้าของบล็อก โดยสามารถใช้ เป็ นเครื่ องมือสื่ อสาร การประกาศข่าวสาร การแสดงความคิดเห็น การเผยแพร่ ผลงาน ในหลายด้านไม่ ว่า อาหาร การเมือง เทคโนโลยี หรื อข่าวปั จจุบน นอกจากนี้ บล็อกที่ถูกเขียนเฉพาะเรื่ องส่ วนตัวหรื อ ั จะเรี ย กว่า ไดอารี่ อ อนไลน์ ซึ่ งไดอารี อ อนไลน์ นี่ เ องเป็ นจุ ด เริ่ ม ต้น ของการใช้บ ล็ อ กในปั จ จุ บ ัน นอกจากนี้ตามบริ ษทเอกชนหลายแห่งได้มีการจัดทาบล็อกของทางบริ ษทขึ้น เพื่อเสนอแนวความเห็น ั ั ั ใหม่ให้กบลูกค้า โดยมีการเขียนบล็อกออกมาในลักษณะเดี ยวกับข่าวสั้น และได้รับการตอบรับจาก ลูกค้าที่แสดงความเห็นตอบกลับเข้าไป เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ 2.3.2 ประเภทของเว็บบล็อก 1. แบ่งตามลักษณะของมีเดียที่มีในบล็อกได้แก่ 1.1 Linklog บล็อกแบบนี้ น่าจะเป็ นบล็อกรุ่ นแรกๆ เป็ นบล็อกที่รวมลิงก์ ที่ เจ้า ของบล็ อ กสนใจเอาไว้ ถ้า คุ ณ ยัง จ าผูใ ห้ ก าเนิ ด ค าว่า “บล็ อ ก” ้ ที่ ชื่ อ จอห์ น บาจเจอร์ ได้ robotwisdom.com ของเขาคื อตัวอย่างของ linklog นันเอง แม้ว่าบล็อกแบบนี้ จะเป็ นการรวมลิ งค์ ่ เท่านั้น แต่ก็ไม่เรี ยงเหมือนเว็บไดเร็ คทอรี่ เพราะเจ้าของบล็อกจะโพสต์ลิงก์ของเขา 1-2 ลิงก์ต่อโพสต์ เท่านั้น ซึ่ งใครที่อยากมีบล็อกเป็ นของตนเองแต่ยงนึ กไม่ออกว่าจะทาบล็อกแบบไหน linklog น่าจะ ั เป็ นการเริ่ มต้นทาบล็อกได้เป็ นอย่างดี 1.2 Photoblog ชื่ อก็บอกอยู่แล้วว่า Photo บล็อกประเภทนี้ เน้นในโพ สต์ภาพถ่ายที่เจ้าของบล็อกอยากนาเสนอ และมักจะไม่เน้นที่จะเขียนข้อความมากนัก บางบล็อกเรี ยก ่ ได้วาภาพโดยเจ้าของบล็อกล้วนๆ เลย 1.3 Vlog ย่อมาจาก Videoblog เป็ นบล็อกที่รวมวิดีโอคลิปไว้ในบล็อก Vlog เป็ นบล็อกที่ เรี ยกได้ว่า เป็ นบล็อกที่ นิยมทากันมากในอนาคต เพราะการเจริ ญเติ บโตของไฮ สปี ด อินเตอร์เน็ต หรื ออินเตอร์เน็ตบอร์ดแบรนด์ ที่ทาให้การถ่ายทอดเสี ยงภาพเคลื่อนไหว movie 2. แบ่งตามเนื้อหา ได้แก่ 2.1 บล็อกส่ วนตัว (personal Blog) นาเสนอความคิดเห็น กิจวัตรประจาวัน ของเจ้าของบล็อกเป็ นหลัก
  • 21. 2.2 บล็อกข่าว (News Blog) บล็อกที่นาเสนอข่าวเป็ นหลัก 2.3 บล็อกกลุ่ม (Collaborative Blog) เป็ นบล็อกที่เขียนกันเป็ นกลุ่ม เช่ น blognone.com 2.4 บล็อกการเมือง (politic Blog) ว่าด้วยเรื่ องการเมืองล้วนๆ 2.5 บล็ อ กเพื่ อ สิ่ ง แวดล้อม (Environment Blog) พูดถึ งเรื่ อ งราวของ ธรรมชาติและการรักษาสิ่ งแวดล้อม 2.6 มีเดียบล็อก (Media Blog) เป็ นบล็อกที่วิเคราะห์สื่อต่างๆ สารคดีและสิ่ ง ที่เกี่ยวกับสื่ อ เช่น oknation.net/blog/black ของสุ ทธิ ชย หยุน ั ่ 2.7 บล็อกบันเทิง (Enterainment Blog) บล็อกที่นาเสนอเรื่ องราวบันเทิงทาง จอแก้ว และจอเงิน เรื่ องซุ บซิ บดารา กองถ่าย ฯลฯ 2.8 บล็อกเพื่อการศึกษา (Education Blog) ในโรงเรี ยน หรื อมหาวิทยาลัย ในต่างประเทศ มักจะใช้บล็อกเป็ นสื่ อในการสอนหรื อ แลกเปลี่ยนความคิดกัน 2.9 ติวเตอร์บล็อก (Tutorial Blog) เป็ นบล็อกที่นาเสนอวิธีการต่างๆ 2.3.3 เว็บไซด์ที่ให้บริ การเว็บบล็อก http://aunlove502.wordpress.com