การจัดการข้อมูลงานวิจัยเบื้องต้น ตอนที่ 2 “แบบสอบถาม”2. ทาไมถึงสาคัญ?
• พวกเราคงเคยทาแบบสอบถามกันบ้าง แต่หลายครั้ง มันก็จะมีแบบสอบถามที่เรารู้สึกไม่อยากจะ
ตอบเอาซะเลย เพราะงงและยาวมาก ในขณะเดียวกัน คนกรอกข้อมูล บางทีก็งงเหมือนกัน กรอก
ผิดช่องบ้าง กรอกไม่ครบบ้าง ทาให้คุณภาพของงานวิจัยนั้นลดลงไปอย่างน่าเสียดาย
• ฉะนั้นแบบสอบถามจึงสาคัญเพราะช่วยให้การเก็บข้อมูลดีขึ้น โดย
• การจัดลาดับคาถามและคาตอบให้ลื่นไหล เป็นขั้นตอน ผู้เก็บข้อมูล และผู้ถูกสัมภาษณ์ไม่หลง
• ลดปัญหาที่อาจเกิดขึ้นระหว่างการเก็บข้อมูล เช่น ตอบผิดข้อ ใส่คาตอบไม่ตรงกับที่ต้องการ
• ข้อมูลที่เก็บมาก็ตรงกับที่ต้องการและมีคุณภาพมากขึ้น
• Slide จะให้หลักการโดยรวมที่สามารถนาไปใช้ได้ทั้ง แบบกระดาษธรรมดา หรือ
Digital/Electronic
3. กระดาษ vs Electronic/Digital
แบบสอบถามรูปแบบกระดาษ แบบสอบถาม Electronic
เหมาะกับงานวิจัยขนาดเล็ก สะดวกในการรับมือกับข้อมูลจานวนมาก ๆ เหมาะกับงานวิจัยขนาดใหญ่
ง่ายและรวดเร็วในการใช้งาน ต้องใช้ความรู้ความเข้าใจเฉพาะด้านในการจัดการในการสร้างและติดตั้ง
ค่าใช้จ่ายหลักคือ ค่ากระดาษ หมึกพิมพ์ และเวลาในการกรอกข้อมูลลง
computer
มีค่าใช้จ่ายคือ ความสามารถเชิงเทคนิค เวลาในการติดตั้งระบบ และค่าลิขสิทธิ์
โปรแกรม Software ที่เกี่ยวข้อง (แบบแจก Free ก็หาไม่ยากครับ)
ยากแก่การแก้ไขเปลี่ยนแปลง ง่ายแก่การเปลี่ยนแปลง
ถ้ามีการเปลี่ยนแปลง ก็ต้องพิมพ์ใหม่ การเปลี่ยนแปลงแบบสอบถามสามารถใช้ได้ทันที
ไม่สามารถตั้งเงื่อนไขให้แสดงคาถามเฉพาะได้ ทุกคาถามจะแสดงบนแบบสอบถาม
ทั้งหมด
สามารถตั้งเงื่อนไขให้แสดงเฉพาะบางคาถามได้ เช่น ถ้าอายุ 18 ปี ก็จะแสดง
คาถามอีกแบบหนึ่งเป็นต้น
สามารถเห็นและตรวจสอบข้อมูลได้เมื่อเสร็จสิ้นการกรอกเท่านั้น สามารถเห็นและตรวจสอบข้อมูลได้ทันที
6. ขนาดและความละเอียดหน้าจอของอุปกรณ์
• ในปัจจุบัน เรามีการใช้ Tablet ในการสารวจ
กันมากขึ้น ซึ่งขนาดของ Tablet บางครั้ง
อาจจะมีผลต่อการแสดงแบบสอบถามได้
โดยเฉพาะถ้าผู้เก็บข้อมูลใช้ Tablet ของ
ตัวเอง ที่อาจมีขนาดและความละเอียดหน้าจอ
ต่างออกไป
• ฉะนั้นถ้าใช้ Tablet อย่าลืมทดสอบกับ
อุปกรณ์ที่จะใช้จริงด้วยนะครับ
• ปัญหานี้ไม่ค่อยเจอเท่าไหร่แล้วในปัจจุบันครับ
7”Tablet
10”Tablet
7. การตั้งเงื่อนไขคาถาม
• โปรแกรมสร้างแบบสอบถาม Electronic ในปัจจุบันแทบทั้งหมด เช่น ODK Epidata REDCap
จะสามารถตั้งเงื่อนไขไว้ได้ เช่น ถ้าผู้ตอบ ตอบ “Yes” ในข้อ 9 ก็จะไปยังข้อ 10 ถ้าตอบ “No”
ก็จะข้ามไปยังข้อ 11 เป็นต้น
ถ้าตอบ “Yes” ให้
แสดงข้อ 10
ถ้าตอบ “No” ให้ข้าม
ไปข้อถัดไป
11. ไม่ทราบ ไม่มีข้อมูล ไม่ได้ถาม (ลืม)
• “ไม่มีข้อมูล” “ไม่ต้องการให้ข้อมูล” “ไม่ทราบ” และ “ไม่ได้เก็บ (ลืม)” ต่างกันนะครับ เพราะ
มันจะมีผลในการตัดสินใจว่าเราจะเอามันมาวิเคราะห์ด้วยหรือเปล่า
• โดยทั่วไปมักจะใช้ “9” “99” “999” แทน “ไม่ทราบ” และเว้นว่างไว้สาหรับในกรณีลืมถาม แต่
จริง ๆ จะใช้อะไรก็ได้ ขอให้ใช้เหมือนกันทั้งแบบสอบถาม
• ก่อนการวิเคราะห์อาจต้องนาค่าเหล่านี้ออกด้วย เช่น “ไม่ทราบอายุ” ถ้าเรากรอก 999 เข้าไป ก็
จะกลายเป็นว่า เรามีบุคคลอายุ 999 ปี เข้ามาในการวิเคราะห์ด้วย ซึ่งไม่ถูกต้องครับ ฉะนั้นต้อง
วางแผนล่วงหน้าว่าจะทายังไงกับค่าเหล่านี้ก่อนเริ่มวิเคราะห์
• บางสานักจะใช้ “.” หรือ “NA” แทน ซึ่งก็ได้ทั้งนั้นครับ แต่ก็ขึ้นอยู่กับโปรแกรมที่ใช้เก็บข้อมูลที่
ใช้ว่ารองรับหรือไม่
13. ตัวอย่างที่ไม่ดี
• ในตัวอย่างนี้จะเห็นว่า ผู้สร้างใช้การเพิ่มตัวเลือกสุดท้ายต่อเข้าไปแทนคาว่า “ไม่ทราบ” ซึ่งจะเกิด
ปัญหาในกรณีที่จานวนตัวเลือกไม่เท่ากันครับ เช่น ข้อ 1 ตัวเลือกที่ 6 จะเป็นไม่ทราบ แต่ ข้อ 2
จะกลายเป็นตัวเลือก ที่ 4 แทน
• การแก้ไขคือเปลี่ยนให้เหมือนกัน เช่น เป็น 9 ทั้งคู่
1. How often did you exercise this week?
0 – Did not exercise at all
1 – 1 time
2 – 2 times
3 – 3 times
4 – 4 times
5 – 5 or more times
6 – Missing / Don’t know
2. How many hours did you sleep last night?
1 – less than 4 hours
2 – 4 to 6 hours
3 - 6 to 8 hours
4 – Missing / Don’t know
1. How often did you exercise this week?
0 – Did not exercise at all
1 – 1 time
2 – 2 times
3 – 3 times
4 – 4 times
5 – 5 or more times
9 – Missing / Don’t know
2. How many hours did you sleep last night?
1 – less than 4 hours
2 – 4 to 6 hours
3 - 6 to 8 hours
9 – Missing / Don’t know
17. ระบบการตั้งชื่อตัวแปรที่น่าสนใจ
• ระบบที่เห็นบ่อย ๆ ในการตั้งชื่อคือ ใช้ prefix หรือ ตัวนาหน้า แทนชื่อแบบฟอร์มเก็บข้อมูล และ
suffix หรือตัวลงท้าย แทนช่วงเวลาที่เก็บ เช่น
• bf_lastwk_fever โดย bf มาจาก Baseline Form
• last_wk_fever_12 โดย 12 มาจากระยะเวลา 12 เดือน
• การใช้ Prefix/Suffix ยังมีประโยชน์คือ สะดวกในการกรองข้อมูลที่ต้องการ เช่น เวลาเราต้องการ
เฉพาะข้อมูลในระยะเวลา 12 เดือน เราก็สามารถเลือกเฉพาะ column ที่ลงท้ายด้วย _12 ได้
เป็นต้น
18. ประโยชน์ในการแปลงรูปแบบตารางข้อมูล
• การใช้ prefix/suffix ยังช่วยให้เราสามารถแปลงข้อมูลจาก Wide เป็น Long ได้สะดวกมากขึ้น
ด้วย เช่นจาก โปรแกรม Stata
• จะมีประโยชน์มากในการวิเคราะห์ข้อมูลที่ต้องติดตามผลนาน ๆ เช่น ติดตามผลเลือดผู้ป่วย ทุก
12 เดือน เป็นเวลา 6 ปี เป็นต้น
ID fever_1 cough_1 weightkg_1 fever_12 cough_12 weightkg_12
1 0 0 5 1 1 6
2 0 1 6 0 1 6
3 0 0 6 1 1 7
ID Event fever cough weightkg
1 1 0 0 5
1 12 1 1 6
2 1 0 1 6
2 12 0 1 6
3 1 0 0 6
3 12 1 1 7
Wide
Long
19. คู่มือการลงข้อมูล หรือ Codebook
• เป็นเอกสารอธิบายข้อมูลในแต่ละช่อง ทั้งชื่อตัวแปร ชนิดข้อมูลที่เก็บ คาถาม และคาตอบหรือ
ตัวเลือกแต่ละอย่าง สาหรับผู้กรอกข้อมูลและผู้ใช้แบบสอบถาม
• ควรระบุวันที่จัดทา เพื่อจะได้ทราบว่ากาลังใช้เอกสารชุดล่าสุดตรงกันหรือไม่
• หน้าสุดท้ายของคู่มือ ควรจะบันทึกการเปลี่ยนแปลงไว้ด้วย เพื่อให้ผู้ใช้ทราบ
• ดูตัวอย่างในหน้าถัดไปครับ
21. อย่าลืมทดสอบแบบสอบถามก่อนใช้จริง !!!
• ทุกท่านคงทราบว่า การทดสอบแบบสอบถามหลาย ๆ ครั้งจะช่วยให้เราเห็นจุดบกพร่องที่คาดไม่
ถึง และช่วยให้เราปรับปรุงแก้ไขก่อนใช้จริง เพราะถ้าระหว่างการเก็บข้อมูลจริง การเปลี่ยนแปลง
แบบสอบถามจะทาได้ยาก และสร้างความสับสนให้กับผู้ร่วมงาน ฉะนั้นต้องเผื่อเวลาทดสอบด้วย
• ระหว่างการทดสอบ อย่าลืมสังเกตปฏิกิริยาของทั้งผู้สัมภาษณ์และผู้ถูกสัมภาษณ์ด้วย เพราะจะ
แสดงให้เห็นว่าเขาอาจจะกาลังงงกับบางคาถามหรือไม่รู้จะไปต่ออย่างไรดี ซึ่งก็เป็นข้อมูลในการ
ปรับปรุงอีกทางหนึ่ง
22. References
• Best practices for designing data collection forms
http://www.kwantu.net/blog/2016/12/26/best-practices-for-designing-data-
collection-forms
• Intro to Data Management: Data Collection Forms and Codebooks by Andre
Hackman, Department of Biostatistics, Johns Hopkins Bloomberg School of Public
Health