More Related Content
Similar to 10 170819173737
Similar to 10 170819173737 (20)
More from wanitchaya001 (9)
10 170819173737
- 1. บทที่ 10
การประเมินหลักสูตร
มโนทัศน์(Concept)
ในการทางานหรือการประกอบกิจการใดก็ตามจะมีขั้นตอนในการดาเนินงานขั้นตอนหนึ่งซึ่งจะขาดเสี
ยมิได้คือการประเมิน ผล (Evaluation) เพื่อให้ทราบว่าการทาง าน ห รือประกอบกิจกรรมนั้ น ๆ
ได้ผลตามความมุ่งหมายที่กาหนดไว้หรือไม่เพียงใดมีปัญหาหรืออุปสรรคอะไรบ้างเพื่อที่จะดาเนินการแก้ไขปรั
บปรุงพัฒนาต่อไปในทางการศึกษาก็เช่นกันการที่จะทราบว่าการจัดการศึกษาบรรลุจุดมุ่งหมายที่กาหนดไว้เพียง
ใ ด นั้ น ส่ ว น ห นึ่ ง ที่ จ ะ ป ร ะ เ มิ น ผ ล ไ ด้ คื อ ก า ร ป ร ะ เ มิ น ห ลั ก สู ต ร
การประเมินผลหลักสูตรเป็นเครื่องมือชี้ให้เห็นว่าการกาหนดหลักสูตรไปใช้จะได้ผลมากน้อยเพียงใดเพราะฉะนั้
นการประเมินหลักสูตรจึงเป็นขั้นตอนที่สาคัญอีกขั้นตอนหนึ่งของกระบวนการพัฒนาหลักสูตรและผลที่ได้จาก
การประเมินหลักสูตรจะเป็นข้อมูลในการตัดสินเพื่อแก้ไขปรับปรุงหรือเปลี่ยนแปลงหลักสูตร
ผลการเรียนรู้(Learning Outcome)
1. มีความรู้ ความเข้าใจ กระบวนการพัฒนาหลักสูตร เรื่อง การประเมินหลักสูตร
2. สามารถให้คาแนะนาในการประสานตัวบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการประเมินหลักสูตร
สาระเนื้อหา(Content)
การประเมินหลักสูตร
การประเมินหลักสูตรเป็นขั้นตอนในการศึกษาคุณค่าของว่าดีหรือไม่อย่างไรบกพร่องในส่วนไหนเพื่อ
นาผลการประเมินไปปรับปรุงหลักสูตรในโอกาสต่อไปการประเมินหลักสูตรนั้นมีขอบเขตและระยะการประเมิ
นแตกต่างกันออกไปแล้วแต่จุดประสงค์ของการประเมินเช่นการประเมินเอกสารหลักสูตรในระ ยะก่อนนาหลัก
สูตรไปใช้การประเมินการใช้หลักสูตรในขณะที่ดาเนินการใช้หลักสูตรหรือประเมินสัมฤทธิผลของหลักสูตรแล
ะประเมินระบบหลักสูตรหลังจากการใช้หลักสูตรแล้วการประเมินผลหลักสูตรนั้นต้องกาหนดลงไปให้แน่ชัดว่า
ต้องการประเมินอะไรข้อมูลที่นามาประเมินต้องเชื่อถือได้การวิเคราะห์ผลการประเมินต้องทาอย่างรอบคอบ
- 3. ของสิ่งที่ประเมินเพื่อนามาพิจารณาร่วมกันและสรุปว่าจะให้คุณค่าของหลักสูตรที่พัฒนาขึ้นมานั้นว่าอย่างไรมีคุ
ณภาพดีหรือไม่เพียงใดหรือได้ผลตรงตามวัตถุประสงค์ที่กาหนดหรือไม่มีส่วนใดที่จะต้องปรับปรุงแก้ไข
สุ จ ริ ต เ พี ย ร ช อ บ (2548 : 64)
กล่าวถึงการประเมินหลักสูตรไว้ว่าเป็นกระบวนการที่สาคัญเพราะเป็นการหาคาตอบว่าหลักสูตรสัมฤทธิ์ผลตาม
ที่ได้ตั้งจุดมุ่งหมายไว้หรือไม่มากน้อยเพียงใดอะไรเป็นสาเหตุผู้ประเมินหลักสูตรจะต้องเป็นผู้ที่มีความรู้ดีทั้งทา
งด้านหลักสูตรและด้านการประเมินผลซึ่งจะต้องเน้นการประเมินทั้งโปรแกรมการศึกษามิใช่แต่เพียงผลการเรีย
นปีสุดท้ายเท่านั้นแต่ควรประเมินผลการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้เรียนด้วย
จากความหมายของการประเมินหลักสูตรที่กล่าวมาข้างต้นสรุปได้ว่าการประเมินหลักสูตรคือกระบว
น ก า ร ใ น ก า ร พิ จ า ร ณ า ตั ด สิ น คุ ณ ค่ า ข อ ง ห ลั ก สู ต ร ว่า ห ลั ก สู ต ร นั้ น ๆ
มีประสิทธิภาพแค่ไหนเมื่อนาไปใช้แล้วบรรลุจุดมุ่งหมายที่กาหนดไว้หรือไม่มีอะไรที่ต้องแก้ไขเพื่อนาผลที่ได้ม
าใช้ให้เป็นประโยชน์ในการตัดสินใจหาทางเลือกที่ดีกว่าต่อไป
2. จุดมุ่งหมายของการประเมินหลักสูตร
กระบวนการพัฒนาหลักสูตรเป็นกระบวนการที่ต่อเนื่องและมีขอบเขตที่กว้างขวางการประเมินหลักสู
ตรจะต้องครอบคลุมขั้นตอนของการพัฒนาหลักสูตรเพราะฉะนั้นการประเมินหลักสูตรจึงมีขอบเขตของการปร
ะเมินที่กว้างขวางด้วยการประเมินหลักสูตรแต่ละจุดแต่ละขั้นตอนมีจุดมุ่งหมายที่แตกต่างกันไปในรายละเอียดแ
ต่โดยทั่วไปแล้วจุดมุ่งหมายใหญ่ของการประเมินหลักสูตรจะมีความใกล้เคียงกันจะขอยกตัวอย่างจุดมุ่งหมายขอ
งการประเมินหลักสูตรที่นักศึกษาได้กล่าวไว้ดังนี้
ทาบา(Taba, 1962:310) ได้กล่าวไว้ว่าการประเมินหลักสูตรกระทาขึ้นเพื่อศึกษากระบวนการต่างๆ
ที่กาหนดไว้ว่ามีการเปลี่ยนแปลงใดบ้างที่สอดคล้องหรือขัดแย้งกับวัตถุประสงค์ของการศึกษาการประเมินดังกล่
า ว จ ะ ค ร อ บ ค ลุ ม เ นื้ อ ห า ทั้ ง ห ม ด ข อ ง ห ลั ก สู ต ร แ ล ะ ก ร ะ บ ว น ก า ร ต่ า ง ๆ
ที่เกี่ยวข้องซึ่งได้แก่จุดประสงค์ขอบเขตของเนื้อหาสาระคุณภาพของผู้ใช้บริหารและผู้ใช้หลักสูตรสมรรถภาพข
องผู้เรียนความสัมพันธ์ของวิชาต่างๆ การใช้สื่อและวัสดุการสอน ฯลฯ
วิชั ย ว ง ษ์ ใ ห ญ่ (2537 : 218-219) ก ล่า ว ว่า ก า ร ป ร ะ เมิ น ห ลั ก สู ต ร โ ด ย ทั่ ว ๆ
ไปจะมีจุดมุ่งหมายดังนี้เพื่อหาคุณค่าของหลักสูตรโดยตรวจสอบดูว่าหลักสูตรที่พัฒนาขึ้นมานั้นสามารถบรรลุต
ามวัตถุประสงค์หรือไม่เพื่อวัดผลดูว่าการวางเค้าโครงและรูปแบบระบบของหลักสูตรรวมทั้งวัสดุประกอบหลัก
สูตรและการบริหารและบริการหลักสูตรเป็นไปในทางที่ถูกต้องแล้วหรือไม่การประเมินหลักสูตรจากผู้เรียนเอง
หรือการประเมินผลผลิตเพื่อตรวจสอบดูว่าลักษณะที่พึงประสงค์เป็นไปตามจุดมุ่งหมายของหลักสูตรหรือไม่เพี
ยงใด
- 4. ใจทิพ ย์ เชื้อรัตน พงษ์ (2539 :192 – 193) กล่าวว่าโดยทั่วไปการประเมิน หลักสู ตรใดๆ
ก็ตามจะมีจุดมุ่งหมายสาคัญที่คล้ายคลึงกันดังนี้คือเพื่อหาทางปรับปรุงแก้ไขสิ่งบกพร่องที่พบในองค์ประกอบต่า
ง ๆ
ของหลักสูตรเพื่อหาทางปรับปรุงแก้ไขระบบการบริหารหลักสูตรการนิเทศกากับดูแลการจัดกระบวนการเรียนก
ารสอนให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นเพื่อช่วยในการตัดสินใจของผู้บริหารว่าควรใช้หลักสูตรต่อไปอีกหรือควรยกเลิก
การใช้หลักสูตรเพียงบางส่วนหรือยกเลิกทั้งหมดเพื่อต้องการทราบคุณภาพของผู้เรียนซึ่งเป็นผลผลิตของหลักสู
ตรว่ามีการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมไปตามความมุ่งหวังของหลักสูตรหลักจากผ่านกระบวนการทางการศึกษามาแ
ล้วหรือไม่อย่างไรจากจุดมุ่งหมายของการประเมินหลักสูตรข้างต้นพอสรุปได้ว่าการประเมินผลหลักสูตรมีจุดมุ่ง
หมายดังนี้เพื่อหาคุณค่าของหลักสูตรนั้นโดยดูว่าหลักสูตรที่จัดทาขึ้นนั้นสามารถสนองวัตถุประสงค์ที่ต้องการห
รือไม่หลักสูตรนั้นต้องการหรือไม่สนองความต้องการของผู้เรียนและสังคมอย่างไรเพื่ออธิบายและพิจารณาว่าลั
ก ษ ณ ะ ข อ ง ส่ ว น ป ร ะ ก อ บ ต่ า ง ๆ ข อ ง ห ลั ก สู ต ร ใ น แ ง่ ต่ า ง ๆ
เช่นหลักการจุดมุ่งหมายเนื้อหาสาระการเรียนรู้กิจกรรมการเรียนการสอนสื่อการเรียนการสอนและการวัดผลว่า
สอดคล้องต้องกันหรือไม่หรือสนองความต้องการหรือไม่เพื่อตัดสินว่าหลักสูตรมีคุณภาพดีหรือไม่เหมาะสมหรื
อไม่เหมาะสมกับการนาไปใช้มีข้อบกพร่องที่จะต้องปรับปรุงแก้ไขอะไรบ้างการประเมินผลในลักษณะนี้มักจะ
ดาเนินไปในช่วงที่การพัฒนาหลักสูตรยังคงดาเนินการอยู่เพื่อที่จะพิจารณาว่าองค์ประกอบต่างๆ
ของหลักสูตรเช่นจุดหมายโครงสร้างเนื้อหาการวัดผลฯลฯมีความสอดคล้องและเหมาะสมหรือไม่สามารถนามา
ปฏิบัติในช่วงการนาหลักสูตรไปทดลองใช้หรือในขณะที่การใช้หลักสูตรและกระบวนการเรียนการสอนกาลัง
ดาเนินอยู่ได้มากน้อยเพียงใดได้ผลเพียงใดและมีปัญหาอุปสรรคอะไรจะได้เป็นประโยชน์แก่นักพัฒนาหลักสูตร
แ ล ะ ผู้ ที่ มี ส่ ว น เ กี่ ย ว ข้ อ ง ใ น ก า ร ป รั บ ป รุ ง เป ลี่ ย น แ ป ล ง อ ง ค์ ป ร ะ ก อ บ ต่า ง ๆ
ของหลักสูตรให้มีคุณภาพดีขึ้นได้ทันท่วงทีเพื่อตัดสินว่าการบริหารงานด้านวิชาการและบริหารงานด้านหลักสูต
รเป็นไปในทางที่ถูกต้องหรือไม่เพื่อหาทางแก้ไขระบบการบริหารหลักสูตรการนาหลักสูตรไปใช้ให้มีประสิทธิ
ภาพเพื่อติดตามผลผลิตจากหลักสูตรคือผู้เรียนมีการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมหลังจากการผ่านกระบวนการทางกา
รศึกษามาแล้วตามหลักสูตรว่าเป็นไปตามมุ่งหวังหรือไม่เพื่อหาทางปรับปรุงแก้ไขสิ่งบกพร่องที่พบในองค์ประ
ก อ บ ต่ า ง ๆ
ในหลักสูตรเพื่อช่วยในการตัดสินว่าควรใช้หลักสูตรต่อไปหรือควรปรับปรุงพัฒนาในสิ่งใดสิ่งหนึ่งหรือยกเลิกใ
ช้หลักสูตรนั้นหมดการประเมินผลในลักษณะนี้จะดาเนินการหลังจากที่ใช้หลักสูตรไปแล้วระยะหนึ่งแล้วจึงประ
เมินเพื่อสรุปผลตัดสินว่าหลักสูตรมีคุณภาพดีหรือไม่บรรลุตามเป้าหมายที่หลักสูตรกาหนดไว้มากน้อยเพียงใดส
นองความต้องการของสังคมเพียงใดและเหมาะสมกับการนาไปใช้ต่อไปหรือไม่จากจุดมุ่งหมายของการประเมิน
ผ ล ห ลั ก สู ต ร ต่ า ง ๆ ข้ อ มู ล ต่ า ง ๆ
- 5. ที่ได้จากการประเมินจะเป็นตัวชี้ให้เห็นถึงคุณภาพการศึกษาของสังคมซึ่งจะมีผลกระทบต่อคุณภาพของประชาก
รในการพัฒนาสังคมในอนาคตต่อไปดังนั้นการประเมินผลหลักสูตรซึ่งมีความสาคัญและจาเป็นอย่างยิ่งไม่น้อยไ
ป ก ว่ า ก ร ะ บ ว น ก า ร ใ น ก า ร จั ด ก า ร ศึ ก ษ า ใ น ส่ ว น อื่ น ๆ
ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในเรื่องนี้ควรจะต้องหาวิธีการที่ดีที่สุดในการที่ประเมินผลหลักสูตรเพื่อที่จะให้ได้ข้อมูลที่ถูก
ต้องชัดเจนและจะต้องปฏิบัติให้ครบถ้วนตามขั้นตอนของวิธีการต่างๆ ที่นามาใช้
3. ระยะของการประเมินหลักสูตร
ก า ร ป ร ะ เ มิ น ห ลั ก สู ต ร ค ว ร มี ก า ร ด า เ นิ น เ ป็ น ร ะ ย ะ ๆ
ทั้งนี้เนื่องจากข้อบกพร่องหรือข้อผิดพลาดของหลักสูตรอาจมีสาเหตุมาจากหลายปัจจัยและในระยะต่างกันเช่นอ
า จ มี ส า เ ห ตุ ม า จ า ก ต อ น จั ด ท า ห รื อ
ยกร่างหลักสูตรซึ่งทาให้ตัวหลักสูตรไม่มีคุณภาพที่ดีหรือไม่สอดคล้องกับปัญหาและความต้องการของผู้เรียนแ
ละสังคมที่เปลี่ยนแปลงไปหรืออาจมีสาเหตุมาจากตอนนาหลักสูตรไปใช้เป็นต้นการประเมินหลักสูตรที่ดีจึงต้อ
งตรวจสอบเป็นระยะเพื่อลดปัญหาที่อาจเกิดขึ้นโดยทั่วไปจะแบ่งเป็น 3ระยะคือ
ระยะที่ 1 การประเมินหลักสูตรก่อนนาหลักสูตรไปใช้ (Project Analysis)
ในช่วงระหว่างที่มีการสร้างหรือพัฒนาหลักสูตรอาจมีการดาเนินการตรวจสอบทุกขั้นตอนของการจัด
ทานับแต่การกาหนดจุดมุ่งหมายไปจนถึงการกาหนดการวัดและประเมินผลการเรียนซึ่งสามารถทาได้ 2
ลักษณะคือ
1.
ประเมินหลักสูตรเมื่อสร้างหลักสูตรฉบับร่างเสร็จแล้วก่อนจะนาหลักสูตรไปใช้จริงควรมีการประเมินตรวจสอ
บ คุ ณ ภ า พ ข อ ง ห ลั ก สู ต ร ฉ บั บ ร่ า ง แ ล ะ อ ง ค์ ป ร ะ ก อ บ ต่ า ง ๆ
ของหลักสูตรการประเมินหลักสูตรในระยะนี้ต้องอาศัยความคิดเห็นจากผู้เชี่ยวชาญทางด้านพัฒนาหลักสูตรทาง
ด้านวิชาชีพครูทางด้านการวัดผลหรือจะให้ผู้เชี่ยวชาญวิเคราะห์หรือพิจารณาก็ได้
2.
ประเมินผลในขั้นตอนทดลองใช้เพื่อปรับปรุงแก้ไขส่วนที่ขาดตกบกพร่องหรือเป็นปัญหาให้มีความสมบูรณ์เพื่อ
ประสิทธิภาพในการนาไปใช้ต่อไปเช่นหลักสูตรประถมศึกษา พ.ศ.2521 มีการทดลองใช้ตั้งแต่พ.ศ. 2519 และ
2520 เพื่อหาข้อบกพร่องอุปสรรคจะได้แก้ไขให้เหมาะสมและมีประสิทธิภาพต่อไป
ระยะที่ 2 การประเมินหลักสูตรระหว่างการดาเนินการใช้หลักสูตร (Formative Evaluation)
ในขณะที่มีการดาเนินการใช้หลักสูตรที่จัดทาขึ้นควรมีการประเมินเพื่อตรวจสอบว่าหลักสูตรสามารถ
นาไปใช้ได้ดีเพียงใดหรือบกพร่องในจุดไหนจะได้แก้ไขปรับปรุงให้เหมาะสมเช่นประเมินกระบวนการใช้หลัก
สูตรในด้านการบริหารการจัดการหลักสูตรการนิเทศกากับดูแลและการจัดกระบวนการเรียนการสอน
- 6. ระยะที่ 3 การประเมินหลักสูตรหลังการใช้หลักสูตร (SummativeEvaluation)
หลังจากที่มีการใช้หลักสูตรมาแล้วระยะหนึ่งคือครบกระบวนการเรียบร้อยแล้วควรจะประเมินหลักสู
ต ร ทั้ ง ร ะ บ บ ซึ่ ง ไ ด้ แ ก่ ก า ร ป ร ะ เ มิ น อ ง ค์ ป ร ะ ก อ บ ด้ า น ต่ า ง ๆ
ของหลักสูตรทั้งหมดคือเอกสารหลักสูตรวัสดุหลักสูตรบุคลากรที่เกี่ยวข้องกับการใช้หลักสูตรการบริหารหลักสู
ต ร ก า ร นิ เ ท ศ ก า กั บ ติ ด ต า ม ก า ร จั ด ก ร ะ บ ว น ก า ร เ รี ย น ก า ร ส อ น ฯ ล ฯ
เพื่อสรุปผลตัดสินว่าหลักสูตรที่จัดทาขึ้นนั้นควรจะดาเนินการใช้ต่อไปหรือควรปรับปรุงแก้ไขให้ดีขึ้นหรือควร
จะยกเลิกเช่น หลักสู ตรประถมศึกษาพุทธศักราช 2521 มีช่วงระ ยะการใช้งาน 6 ปี เมื่อครบ 6
ปี แล้วจะมีการประเมิน ผลห ลักสูตรรวบยอดทั้งหมดโดยนาข้อมูลตั้งแต่ระยะที่ 1จนถึงระยะที่ 2
มารวบรวมวิเคราะห์และประเมินคุณค่าทั้งนี้อาจจะต้องอาศัยข้อมูลที่สาคัญอีกบางข้อมูลเช่นผลสัมฤทธิ์ทางการ
ศึกษาของผู้เรียนซึ่งได้แก่การนาไปใช้ในการดารงชีวิตการประกอบอาชีพเข้ามาประกอบการวิเคราะห์และประเ
มินค่าด้วย
4. ขอบเขตในการประเมินหลักสูตร
การประเมินผลหลักสูตรเป็นงานที่มีความซับซ้อนมีความกว้างขวางและมีความละเอียดอ่อนมากการป
ระเมินผลหลักสูตรต้องคานึงถึงปัจจัยหลายอย่างที่จะต้องนาเข้ามาเกี่ยวข้องในลักษณะที่มีความสัมพันธ์ต่อกันกา
รประเมินผลหลักสูตรมิได้หมายความว่าจะประเมินเฉพาะตัวหลักสูตรที่เป็นเอกสารจัดทาเป็นรูปเล่มเท่านั้นแต่ต้
องประเมินสถานการณ์ต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับหลักสูตรทั้งหมดเช่นนักเรียนครูกระบวนการระบบต่างๆ
โ ค ร ง ก า ร ต่ า ง ๆ ฯ ล ฯ ข้ อ มู ล ต่ า ง ๆ
ที่ได้จากการประเมินผลสภาพการณ์ดังกล่าวจะเป็นตัวชี้ได้ว่าหลักสูตรที่ใช้อยู่เป็นอย่างไร
จากแน วคิดดังกล่าวนั กการศึกษาได้พ ยายามจัดรวบรวมสภาพ การณ์ขั้น ตอน ต่าง ๆ
จัดเป็นหมวดหมู่หรือกาหนดขอบข่ายให้ชัดเจนขึ้นเพื่อสะดวกในการที่จะดาเนินการประเมินผลนักการศึกษาได้
เสนอขอบข่ายของการประเมินผลไว้ดังนี้
โบแชมป์ (Beauchamp. 1975:177) ได้กาหนดขอบข่ายการประเมินหลักสูตรไว้ว่าควรประเมิน 4
ด้านคือ
1 .ประเมินผลการใช้หลักสูตร (Evaluation of Teacher use of the Curriculum)
2. ประเมินผลรูปแบบของหลักสูตร (Evaluation of theDesign)
3. ประเมินผลการเรียนของนักเรียน (Evaluation of Pupil Outcomes)
4. ประเมินผลระดับหลักสูตร (Evaluation of Curriculum System)
- 7. เ ซ เ ล อ ร์ แ ล ะ อ เ ล็ ก ซ า น เ ด อ ร์ (Saylor and Alexander, 1981: 265)
ได้กล่าวถึงขอบเขตของการประเมินหลักสูตรไว้ดังนี้
1 .
การประเมินจุดมุ่งหมายของโรงเรียนจุดมุ่งหมายของหลักสูตรจุดมุ่งหมายเฉพาะวิชาและจุดมุ่งหมายในการสอน
เพื่ อ จ ะ ดู ว่า จุด มุ่ง ห ม า ยเห ล่านั้ น เห มาะ ส มกับ ตัว ผู้เรี ย น ส ภ าพ แ ว ด ล้ อ มห รื อ ไ ม่
มีความเที่ยงตรงและครอบคลุมเพียงใด
2 .
การประเมินผลโครงการการศึกษาของโรงเรียนทั้งหมดเช่นการเตรียมพร้อมของโรงเรียนการดาเนินงานของกลุ่
มโรงเรียน งบประ มาณ การเงิน การแน ะ แน วห้องสมุดดูว่าการดาเนิ น งาน โครงการต่าง ๆ
ได้ดาเนินการไปอย่างไรและมีประสิทธิภาพเพียงใด
3. การประเมิน ผลการเลือกเนื้อหาและการจัดประสบการณ์เรียน และกิจกรรมต่างๆ
ว่าเหมาะสมเพียงใด
4 .
การประเมินผลการสอบเพื่อดูว่าการสอนของครูดาเนินไปโดยยึดตัวหลักสูตรหรือไม่การสอนได้เปลี่ยนแปลงพ
ฤติกรรมของผู้เรียนไปตามที่ต้องการหรือไม่เพราะผลการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้เรียนคือผลสัมฤทธิ์ในกา
รสอนของครู
5 .
การประเมินผลโครงการประเมินผลเพื่อป้องกันการผิดพลาดซึ่งจะทาให้การประเมินผลสัมฤทธิ์ของหลักสูตรผิด
พลาดไปด้วย
สุ มิ ต ร คุ ณ า นุ ก ร (2520: 198 – 202)
ได้แสดงความคิดเห็นว่าการประเมินผลเพื่อตัดสินผลสัมฤทธิ์ของหลักสูตรนั้นควรมีขอบเขตอยู่ 4ประการคือ
1. การวิเคราะห์ตัวหลักสูตร
2. การวิเคราะห์กระบวนการนาหลักสูตรไปใช้
3. การวิเคราะห์สัมฤทธิ์ผลการเรียนของเด็ก
4. การวิเคราะห์โครงการประเมินผล
ใ จ ทิ พ ย์ เ ชื้ อ รั ต น พ ง ษ์ (2539 : 195 – 197)
กล่าวว่าในการประเมินหลักสูตรนั้นสิ่งที่ต้องประเมินสามารถแบ่งได้ดังนี้
1. การประเมินเอกสารหลักสูตรเป็นการตรวจสอบคุณภาพขององค์ประกอบต่างๆ ของหลักสูตร
- 8. 2 .
การประเมินการใช้หลักสูตรเป็นการตรวจสอบว่าหลักสูตรสามารถนาไปใช้กับสถานการณ์จริงเพียงใด
3. การประเมินสัมฤทธิ์ผลของหลักสูตรเป็นการตรวจสอบสัมฤทธิ์ผลของผู้เรียน
4. การประเมินระบบหลักสูตร
สันต์ ธรรมบารุง (2527:141-142) ได้กาหนดขอบเขตการประเมินผลหลักสูตรไว้ดังนี้
1. ประเมินหลักสูตรความมุ่งหมายและวัตถุประสงค์
2. ประเมินโครงการทั้งหมดของโรงเรียน
3. ประเมินโครงการเฉพาะส่วน
4. ประเมินการเรียนการสอน
5. ประเมินโครงการ การประเมินผล
6. ประเมินโครงการความสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนถึงการสอนด้วย
7. ประเมินโครงการของผู้เรียนจบออกไปว่าหางานทาได้หรือไม่
จา ก ข อ บ เ ข ต ก าร ป ร ะ เมิน ผ ล ห ลัก สู ต ร ที่ ย ก ม าเป็ น ตั วอ ย่า ง จ ะ เห็ น ได้ ว่า
การประเมินหลักสูตรนั้นสามารถทาการประเมินได้ในขอบเขตที่แตกต่างกันอาจจะเป็นการประเมินในขอบเขต
ที่แคบ เช่น การประเมิน จุดมุ่งหมายของหลักสู ตร หรือการประเมิน ใน ขอบเขตที่กว้าง เช่น
ก า ร ป ร ะ เ มิ น ห ลั ก สู ต ร ทั้ ง ร ะ บ บ
ซึ่งขึ้นอยู่กับจุดมุ่งหมายของการประเมินหรือสิ่งที่เราต้องการตรวจสอบและระยะของการประเมินดังกล่าวมาแล้
ว
5. หลักเกณฑ์ในการประเมินหลักสูตร
เนื่องจากการประเมินหลักสูตรเป็ นเรื่องที่มีความละเอียดอ่อนมาก ผู้ทาหน้าที่ประเมินผล
จาเป็นต้องยึดหลักการที่สาคัญในการประเมินผลเพื่อที่จะทาให้การประเมินผลเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
ได้ผลจากการประเมินหลักสูตรที่มีคุณค่าเพียงพอที่จะนาไปเป็นข้อมูลในการพัฒนาหลักสูตรได้จริง
เ ป็ น ข้ อ มู ล ห รื อ ห ลั ก ฐ า น ที่ เ ชื่ อ ถื อ ไ ด้ สู ง
มีความเที่ยงตรงเราจะพบว่าในการประเมินหลักสูตรผลจากการประเมินผลหลายต่อหลายเรื่องมิได้ถูกนาไปใช้ก็
ด้วยเหตุผลดังกล่าว ทั้งๆ ที่การประเมินผลหลักสูตรแต่ละครั้งเป็ นงานใหญ่ต้องลงทุน ลงแรงสูง
เพ ร า ะ ฉ ะ นั้ น ใ น ก า ร ป ร ะ เ มิ น ห ลัก สู ต ร เ พื่ อ ใ ห้ ไ ด้ ผ ล ก า ร ป ร ะ เมิ น ที่ มีคุ ณ ค่า
เราจึงมีหลักเกณฑ์ที่จะช่วยในการประเมินดังนี้
- 9. 1. มี จุ ด ป ร ะ ส ง ค์ ใ น ก า ร ป ร ะ เ มิ น ที่ แ น่ น อ น
การประเมินผลหลักสูตรจะต้องกาหนดลงไปให้แน่นอนชัดเจนว่าประเมินอะไร
2. มีการวัดที่เชื่อถือได้ โดยมีเครื่องมือและเกณฑ์การวัดซึ่งเป็นที่ยอมรับ
3. ข้ อ มู ล เ ป็ น จ ริ ง จ า เ ป็ น อ ย่ า ง ยิ่ ง ส า ห รั บ ก า ร ป ร ะ เ มิ น ผ ล ดั ง นั้ น
ข้อมูลจะต้องได้มาอย่างถูกต้องเชื่อถือได้และมากพอที่จะใช้เป็นตัวประเมินค่าหลักสูตรได้
4. มีขอบเขตที่แน่นอนชัดเจนว่าเราต้องการประเมินในเรื่องใดแค่ไหน
5. ประเด็นของเรื่องที่จะประเมินอยู่ในช่วงเวลาของความสนใจ
6. ก า ร ร ว บ ร ว ม ข้ อ มู ล ม า เ พื่ อ ก า ห น ด ก ฎ เ ก ณ ฑ์
และกาหนดเครื่องมือในการประเมินผลจะต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ
7.การวิเคราะห์ผลการปะเมินต้องทาอย่างระมัดระวังรอบคอบ และให้มีความเที่ยงตรงใน
การพิจารณา
8. การประเมินผลหลักสูตรควรใช้วิธีการหลายๆ วิธี
9. มีเอกภาพในการตัดสินผลการประเมิน
10. ผ ล ต่ า ง ๆ
ที่ได้จากการประเมินควรนาไปใช้ในการพัฒนาหลักสูตรทั้งในด้านการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงในโอกาสต่อไป
เพื่อให้ได้หลักสูตรที่ดี และมีคุณค่าสูงสุดตามที่ต้องการ
6. ขั้นตอนในการประเมินหลักสูตร
การประเมินหลักสูตรเป็ นกระบวนการในการพิจารณาคุณค่าหรือนิยม (Worth or Value)
ข อ ง ห ลั ก สู ต ร ขั้ น ต อ น ห รื อ วิ ธี ก า ร ป ร ะ เ มิ น จึ ง มี ค ว า ม ส า คั ญ ม า ก
ซึ่งนักศึกษาหลายท่านได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับขั้นตอนในการประเมินหลักสูตรดังนี้
ทาบา (Taba, 1962:324) ให้แนวทางในการประเมินผลหลักสูตรเป็นกระบวนการมีขั้นตอนต่างๆ ดังนี้
1.
วิเคราะห์และตีความตามวัตถุประสงค์ของหลักสูตรให้มองเห็นกระจ่างชัดในเชิงพฤติกรรมคือปฏิบัติได้จริง
(Formulation and Clarification for Objective)
2.คัดเลือกและสร้างเครื่องมือที่เหมาะสมสาหรับค้นหาหลักสูตร (Selection andConstructionof the
Appropriate Instruments for Getting Evidences)
3. ใช้เครื่องมือที่สร้างขึ้นประเมินผลหลักสูตรตามเกณฑ์ที่ตั้งไว้ (Application of Evaluative Criteria)
- 10. 4.
รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับภูมิหลังจากนักเรียนและลักษณะของการสอนเพื่อนามาประกอบในการแปรผลของการป
ร ะ เมิ น (Information on the Background of Students and the Nature of Instruction in the Light Which to
Interpretthe Evidences)
ใ จ ทิ พ ย์ เ ชื้ อ รั ต น พ ง ษ์ (2539: 198-202) ก ล่ า ว ว่ า
ในการประเมินหลักสูตรนั้นผู้ประเมินผลควรดาเนินตามขั้นตอนอย่างเป็นระบบดังนี้ คือ
1. ขั้ น ก า ห น ด วั ต ถุ ป ร ะ ส ง ค์ ข อ ง ก า ร ป ร ะ เ มิ น ห ลั ก สู ต ร
ผู้ประเมินหลักสูตรต้องกาหน ดวัตถุประสงค์และเป้าหมายของการประเมิน ให้ชัดเจน ก่อน ว่า
จะประเมินส่วนใดหรืออย่างใดและในแต่ละเรื่องจะศึกษาบางส่วนในเรื่องนั้นๆ ก็ได้
2. ขั้นวางแผนออกแบบการประเมิน คือ
2.1 การกาหนดกลุ่มตัวอย่าง
2.2 การกาหนดแหล่งข้อมูล
2.3 การพัฒนาเครื่องมือและวิธีการเก็บรวบรวมข้อมูล
2.4 การกาหนดเกณฑ์ในการประเมิน
2.5 การกาหนดเวลา
3. ขั้นรวบรวมข้อมูล
4. ขั้นวิเคราะห์ข้อมูล
5. ขั้นรายงานผลการประเมิน
จ า ก ขั้ น ต อ น ใ น ก า ร ป ร ะ เ มิ น ห ลั ก สู ต ร ที่ ก ล่ า ว ม า ทั้ ง ห ม ด
สามารถสรุปขั้นตอนการประเมินหลักสูตรได้ดังนี้
1. ขั้ น ก า ห น ด วั ต ถุ ป ร ะ ส ง ค์ ห รื อ จุ ด มุ่ ง ห ม า ย ใ น ก า ร ป ร ะ เ มิ น
การกาหนดจุดมุ่งหมายในการประเมินเป็นขั้นตอนแรกของกระบวนการในการดาเนินการประเมินหลักสูตร
ผู้ประเมินต้องกาหนดวัตถุประสงค์และเป้าหมายของการประเมินให้ชัดเจนว่าจะประเมินอะไร
ใ น ส่ ว น ใ ด ด้ ว ย วั ต ถุ ป ร ะ ส ง ค์ อ ย่ า ง ไ ร เ ช่ น
ต้องการประเมินเอกสารหลักสูตรเพื่อดูว่าเอกสารหลักสูตรถูกต้องสมบูรณ์สามารถนาไปใช้ได้อย่างมีประสิทธิภ
าพแค่ไหน หรือจะประเมินการนาหลักสูตรไปใช้ในเรื่องอะไรแค่ไหน หรือการนาหลักสูตรไปใช้ทั้งหมด
หรือจะประเมินหลักสูตรทั้งระบบการกาหนดวัตถุประสงค์ในการประเมินที่ชัดเจนทาให้เราสามารถกาหนดวิธีก
าร เครื่องมือ และขั้นตอนในการประเมินได้อย่างถูกต้อง และทาให้การประเมินหลักสูตรดาเนินไป
- 11. 2. ขั้ น ก า ห น ด ห ลั ก เ ก ณ ฑ์ วิ ธี ก า ร ที่ จ ะ ใ ช้ ใ น ก า ร ป ร ะ เ มิ น ผ ล
การกาหนดเกณฑ์และวิธีการประเมินเปรียบเสมือนเข็มทิศที่จะนาไปสู่เป้าหมายของการประเมินเกณฑ์การประเ
มิ น จ ะ เ ป็ น เ ค รื่ อ ง บ่ ง ชี้ คุ ณ ภ า พ ใ น ส่ ว น ข อ ง ห ลั ก สู ต ร ที่ ถู ก ป ร ะ เ มิ น
การกาหนดวิธีการที่จะใช้การประเมินผลทาให้เราสามารถดาเนินงานไปตามขั้นตอนได้อย่างราบรื่น
3. ขั้ น ก า ร ส ร้ า ง เ ค รื่ อ ง มื อ แ ล ะ วิ ธี ก า ร เ ก็ บ ร ว บ ร ว ม ข้ อ มู ล
เครื่องมือที่ใช้ในการประเมินหรือเครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลเป็นสิ่งที่มีความสาคัญที่จะมีผลทาให้ก
า ร ป ร ะ เ มิ น นั้ น น่ า เ ชื่ อ ถื อ ม า ก น้ อ ย แ ค่ ไ ห น
ขั้นตอนการสร้างเครื่องมือที่ใช้ในการประเมินหรือเครื่องมือในการเก็บรวบรวมข้อมูลจึงเป็นขั้นตอนที่สาคัญ
ซึ่งผู้ประเมินจะต้องเลือกใช้และสร้างอย่างมีคุณภาพมีความเชื่อถือได้ และมีความเที่ยงตรงสูง
4. ขั้ น เ ก็ บ ร ว บ ร ว ม ข้ อ มู ล
ในขั้นการรวบรวมข้อมูลนั้นผู้ประเมินต้องเก็บรวบรวมข้อมูลตามขอบเขตและระยะเวลาที่กาหนดไว้
ใ น บ า ง ค รั้ ง ถ้ า จ า เ ป็ น ต้ อ ง อ า ศั ย ผู้ อื่ น ใ น ก า ร ร ว บ ร ว ม ข้ อ มู ล
ค ว ร พิ จ า ร ณ า ผู้ ที่ จ ะ ม า ท า ห น้ า ที่ เ ก็ บ ร ว บ ร ว ม ข้ อ มู ล ที่ มี ค ว า ม เ ห ม า ะ ส ม
เพราะผู้เก็บรวบรวมข้อมูลมีส่วนช่วยให้ข้อมูลที่รวบรวมได้มีความเที่ยงตรงและน่าเชื่อถือ
5. ขั้น วิเคราะ ห์ ข้อมูล ใน ขั้ น นี้ ผู้ประ เมิน จะ ต้อง กาห น ด วิธี การจัดระ บบ ข้อมูล
พิจารณาเลือกใช้สถิติใน การวิเคราะห์ที่เหมาะสม แล้วจึงวิเคราะห์ สังเคราะห์ข้อมูลเหล่านั้ น
โดยเปรียบเทียบกับเกณฑ์ที่ได้กาหนดไว้
6. ขั้ น ส รุ ป ผ ล ก า ร วิ เ ค ร า ะ ห์ ข้ อ มู ล แ ล ะ ร า ย ง า น ผ ล ก า ร ป ร ะ เ มิ น
ใ น ขั้ น นี้ ผู้ ป ร ะ เ มิ น จ ะ ส รุ ป แ ล ะ ร า ย ง า น ผ ล ก า ร วิ เค ร า ะ ห์ ข้ อ มู ล ใ น ขั้ น ต้ น
ผู้ป ร ะ เมิน จ ะ ต้อ ง พิ จ าร ณ ารู ป แ บ บ ข อ ง ก าร ร ายง าน ผ ล ว่าค ว ร จะ เป็ น รู ป แ บ บ ใ ด
และการรายงาน ผลจะมุ่งเสน อข้อมูลที่บ่ง ชี้ ให้เห็ น ว่า หลักสู ตรมีคุณ ภ าพ หรื อไม่เพี ยงใ ด
มีส่วนใดบ้างที่ควรแก้ไข ปรับปรุงหรือยกเลิก
7. ขั้นนาผลที่ได้จากการประเมินไปพัฒนาหลักสูตรในโอกาสต่อไป
7. ประโยชน์ของการประเมินหลักสูตร
การประเมินผลหลักสูตรเป็นสิ่งสาคัญและจาเป็นอย่างยิ่งที่จะทาให้เราทราบถึงคุณภาพและประสิทธิภ
า พ ข อ ง ห ลั ก สู ต ร
การประเมินผลมีประโยชน์ในการจัดการศึกษาการจัดทาหรือพัฒนาหลักสูตรต้องอาศัยผลการประเมินผลเป็นสา
คัญ ประโยชน์ของการประเมินผลหลักสูตรมีดังนี้
- 12. 1. ท าใ ห้ ท ราบ ห ลัก สู ต รที่ สร้าง ห รื อพั ฒ น าขึ้ น นั้ น มีจุดดีห รื อจุดเสี ยตรง ไห น
ซึ่งจะเป็นประโยชน์ในการวางแผนปรับปรุงได้ถูกจุด ส่งผลให้หลักสูตรมีคุณภาพดียิ่งขึ้น
2. สร้างความน่าเชื่อถือ ความมั่นใจ และค่านิยมที่มีต่อโรงเรียนให้เกิดขึ้นในหมู่ประชาชน
3.ช่วยในการบริหารทางด้านวิชาการ ผู้บริหารจะได้รู้ว่าควรจะตัดสินใจและสนับสนุนช่วยเหลือ
หรือบริการทางด้านใดบ้าง
4. ส่งเสริมให้ประชาชนมีความเข้าใจในความสาคัญของการศึกษา
5. ส่ ง เส ริ ม ใ ห้ ผู้ ป ก ค ร อ ง มีค ว าม สั ม พั น ธ์ ใ ก ล้ ชิ ด กับ โร ง เ รี ย น ม า ก ยิ่ ง ขึ้ น
ทั้งนี้เพื่อให้การเรียนการสอนนักเรียนได้ผลดี ด้วยความร่วมมือกันทั้งทางโรงเรียนและทางบ้าน
6. ใ ห้ ผู้ ป ก ค ร อ ง ท ร า บ ค ว า ม เ ป็ น ไ ป อ ย่ า ง ส ม่ า เ ส ม อ
เพื่อหาทางส่งเสริมและปรับปรุงแก้ไขร่วมกันระหว่างผู้ปกครองนักเรียนกับทางโรงเรียน
7. ช่ ว ย ใ ห้ ก า ร ป ร ะ เ มิ น ผ ล เ ป็ น ร ะ บ บ ร ะ เ บี ย บ เ พ ร า ะ มี เ ค รื่ อ ง มื อ
และหลักเกณฑ์ทาให้เป็นเหตุผลในทางวิทยาศาสตร์มากขึ้น
8. ช่วยชี้ให้เห็นถึงคุณค่าของหลักสูตร
9. ช่ ว ย ใ ห้ ส า ม า ร ถ ว า ง แ ผ น ก า ร เ รี ย น ใ น อ น า ค ต ไ ด้
ข้ อ มู ล ข อ ง ก า ร ป ร ะ เ มิ น ผ ล ห ลั ก สู ต ร ท า ใ ห้ ท ร า บ เ ป้ า ห ม า ย แ น ว ท า ง
และขอบเขตในการดาเนินการจัดการศึกษาของโรงเรียน
8. ปัญหาในการประเมินหลักสูตร
ดังที่ได้กล่าวไว้ใน ตอน ต้นว่า การประเมิน หลักสู ตรเป็ น งาน ที่มีขอบเขตกว้างขวาง
มีขั้น ตอ น ใ น ก ารป ฏิ บัติง าน ห ลายขั้น ต อน แล ะ ต้อง เกี่ยวกับ บุ คค ลห ล ายฝ่ าย ดัง นั้ น
ในการประเมินหลักสูตรจึงมักพบกับปัญหาในแต่ละขั้นตอนหรือแต่ละกระบวนการที่แตกต่างกันไปปัญหาที่มัก
พบทั่วไปในการประเมินหลักสูตรมีดังนี้
1.ปัญหาด้านการวางแผนการประเมินหลักสูตร การประเมินหลักสูตรมักไม่มีการวางแผนล่วงหน้า
ทาให้ขาดความละเอียดรอบคอบในการประเมินผล และไม่ครอบคลุมสิ่งที่ต้องการประเมิน
2.ปัญหาด้านเวลา การกาหนดเวลาไม่เหมาะสมการประเมินหลักสูตรไม่เสร็จตามเวลาที่กาหนด
ทาให้ได้ข้อมูลเนิ่นช้าไม่ทันต่อการนามาปรับปรุงหลักสูตร
3. ปั ญ ห า ด้ า น ค ว าม เชี่ ย ว ช า ญ ข อ ง ค ณ ะ ก ร ร ม ก า ร ป ร ะ เมิ น ห ลั ก สู ต ร
คณ ะ กรรมการป ระ เมิน ห ลัก สู ตรไม่มีความรู้ค วามเข้าใ จเรื่ อง ห ลัก สู ต รที่ จะ ป ระ เมิน
- 13. หรือไม่มีความเชี่ยวชาญในการประเมินผลทาให้ผลการประเมินที่ได้ไม่น่าเชื่อถือขาดความระเอียดรอบคอบ
ซึ่งมีผลทาให้การแก้ไขปรับปรุงปัญหาของหลักสูตรไม่ตรงประเด็น
4.ปัญหาด้านความเที่ยงตรงของข้อมูล ข้อมูลที่ไม่ใช้ในการประเมินไม่เที่ยงตรงเนื่องจาก
ผู้ประเมินมีความกลัวเกี่ยวกับผลการประเมิน จึงทาให้ไม่ได้เสนอข้อมูลตามสภาพความเป็ นจริงหรือ
ผู้ถูกประเมินกลัวว่าผลการประเมินออกมาไม่ดี จึงให้ข้อมูลที่ไม่ตรงกับสภาพความเป็นจริง
5.ปัญหาด้านวิธีการประเมิน การประเมินหลักสูตรส่วนมากมาจากประเมินในเชิงปริมาณ
ท า ใ ห้ ไ ด้ ข้ อ ค้ น พ บ ที่ ผิ ว เ ผิ น ไ ม่ ลึ ก ซึ้ ง
จึง คว รมีก ารป ระ เมิน ผล ที่ ใ ช้วิธี ก ารป ร ะ เมิน เชิ ง ป ริ มาณ แล ะ เชิ ง คุณ ภ าพ ค วบ คู่กัน
เพื่อให้ได้ผลสมบูรณ์และมองเห็นภาพที่ชัดเจนยิ่งขึ้น
6.ปัญหาด้านการประเมินหลักสูตรทั้งระบบการประเมินหลักสูตรทั้งระบบมีการดาเนินงานน้อยมาก
ส่วนมากมักจะประเมินผลเฉพาะด้าน เช่น ด้านผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนในด้านวิชาการ (Academic
Achievement) เป็นหลัก ทาให้ไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัด
7. ปั ญ ห า ด้ า น ก า ร ป ร ะ เ มิ น ห ลั ก สู ต ร อ ย่ า ง ต่ อ เ นื่ อ ง
คณะกรรมการประเมินหลักสูตรหรือผู้ที่เกี่ยวข้องมักไม่ประเมินหลักสูตรอย่างต่อเนื่อง
8. ปั ญ ห าด้าน เก ณ ฑ์ ก ารป ร ะ เมิน เก ณ ฑ์ ก าร ป ระ เมิน ห ลัก สู ต รไ ม่ชั ด เจ น
ทาให้ผลการประเมินไม่เป็นที่ยอมรับ และไม่ได้นาผลไปใช้ในการปรับปรุงหลักสูตรอย่างจริงจัง
9. รูปแบบของการประเมินหลักสูตร
ใ น เ รื่ อ ง รู ป แ บ บ ข อ ง ก า ร ป ร ะ เ มิ น ห ลั ก สู ต ร
มีนักวิชาการซึ่งเชี่ยวชาญทางด้านหลักสูตรและการประเมินผลเสนอแนะหลายรูปแบบด้วยกันซึ่งสามารถนามา
ศึกษาเพื่อเลือกใช้ให้เหมาะสมกับความต้องการ ในปัจจุบันรูปแบบของการประเมินหลักสูตรสามรถแบ่งได้เป็น
2 ประเภทใหญ่ๆคือ
1.รูปแบบของการประเมินหลักสูตรที่สร้างเสร็จใหม่ๆ เป็นการประเมินผลก่อนนาหลักสูตร ไปใช้
กลุ่มนี้จะเสนอรูปแบบที่เด่นๆ คือ รูปแบบการประเมินหลักสูตรด้วยเทคนิคการวิเคราะห์แบบ ปุยแชงค์
(Puissance Analysis Technique)
2.รูปแบบของการประเมินหลักสูตรในระหว่างหรือหลังการใช้หลักสูตรสามารถแบ่งเป็นกลุ่มย่อยๆ
ได้เป็น 4 กลุ่ม คือ
2.1รู ปแบบการประเมิน หลักสูตรที่ยึดจุดมุ่งหมายเป็ น หลัก (GoalAttainment Model)
เป็นรูปแบบการประเมินที่จะประเมินว่าหลักสูตรมีคุณค่ามากน้อยเพียงใดโดยพิจารณาจากจุดมุ่งหมายเป็นหลัก
- 14. กล่าวคือพิจารณาว่าผลที่ได้รับเป็นไปตามจุดมุ่งหมายหรือไม่เช่น รูปแบบการประเมินหลักสูตรของไทเลอร์
(Ralph W. Tyler) และรูปแบบการประเมินหลักสูตรของแฮมมอนด์ (Rabert L. Hammond)
2.2 รู ป แบ บ การป ระ เมิน ห ลักสู ต รที่ ไม่ยึด เป้ าห มาย (GoalFree Evaluation Model)
เป็นรูปแบบการประเมินที่ไม่นาความคิดของผู้ประเมินเป็นตัวกาหนดความคิดในโครงการประเมินผู้ประเมินจะ
ประเมินเหตุการณ์ที่เกิดตามสภาพความเป็นจริง มีความเป็นอิสระในการประเมินและ ไม่ต้องมีความลาเอียง
เช่น รูปแบบการประเมินหลักสูตรของสคริฟเวน (Michael Scriven)
2.3 รู ป แ บ บ ก าร ป ร ะ เมิ น ห ลั ก สู ต ร ที่ ยึ ด เก ณ ฑ์ เป็ น ห ลัก (Criterion Model)
เป็นรูปแบบการประเมินที่ต้องอาศัยผู้เชี่ยวชาญในการตัดสินคุณค่าของหลักสูตรโดยใช้เกณฑ์เป็นหลักเช่น
รูปแบบการประเมินหลักสูตรของสเตค (Robert E. Stake)
2.4 รูปแบ บการประเมิน ห ลักสู ตรที่ช่วยใ น การตัดสิ น ใ จ (Decision-Mzking Model)
เป็ นรูปแบบการประเมินที่เน้นการทางานอย่างมีระบบเกี่ยวกับการรวบรวมข้อมูล การวิเคราะห์ข้อมูล
และการเสนอผลที่ได้จากการวิเคราะห์ข้อมูลนั้นๆ เพื่อช่วยในการตัดสินใจของผู้บริหารหรือผู้ที่เกี่ยวข้อง เช่น
รูปแบบการประเมินของโพรวัส(Malcolm Provus) รูปแบบการประเมินหลักสูตรของสตัฟเฟิลบีม(DanielL.
Stufflebeam) และรูปแบบการประเมินหลักสูตรของดอริสโกว์ (Doris T. Gow) เป็นต้น
การประ เมิน ห ลักสู ตรมีขอ บเขตต่าง ๆ ที่จะ ต้อง ท าการป ระ เมิน กว้าง ขวาง มาก
ดังนั้นวิธีการประเมินหลักสูตรจึงต้องได้รับการวิเคราะห์และออกแบบให้สามารถที่จะประเมินได้ครบถ้วนในข
อ บ ข่ า ย ส า ร ะ ทั้ ง ห ม ด รู ป แ บ บ ต่า ง ๆ ที่ จ ะ ใ ช้ ป ร ะ เมิ น ผ ล มี ห ล า ย รู ป แ บ บ
ผู้มีหน้าที่ในการประเมินผลจาเป็นต้องเรียนรู้ทาความเข้าใจให้กระจ่างชัด และจะต้องนารูปแบบต่างๆ
ไป ใ ช้ อ ย่าง ถู ก ต้อ ง ต รง ต ามจุ ด ห มาย แ ล ะ ลัก ษ ณ ะ ข อ ง ข อ บ ข่ายส าระ แ ต่ล ะ อ ย่า ง
ทั้งนี้เป็นไปได้ว่าการประเมินผลขอบข่ายสาระทั้งหมดของหลักสูตรจาเป็นต้องใช้วิธีการหลายวิธีหรือหลายๆ
รูปแบบจึงจะได้ข้อมูลที่มีความเชื่อมั่นในการที่จะนาไปพัฒนาหลักสูตรให้มีคุณค่าเหมาะสมกับความต้องการขอ
งสังคม รูปแบบการประเมินมีดังนี้
9.1 รูปแบบการประเมินหลักสูตรของสเตค (TheStake’s Congruence ContingencyModel)
รูปแบบการประเมินหลักสูตรของสเตคเป็นรูปแบบการประเมินหลักสูตรที่ยึดเกณฑ์เป็นหลักสูตร
สเตคได้ให้ความหมายของการประเมินหลักสูตรว่า เป็นการบรรยายและการตัดสินคุณค่าของหลักสูตร
ซึ่งเน้นเรื่องการบรรยายสิ่งที่จะถูกประเมิน โดยอาศัยผู้เชี่ยวชาญหรือผู้ทรงคุณวุฒิในการตัดสินคุณค่า
- 15. ส เ ต ค มี จุ ด มุ่ง ห ม า ย ที่ จ ะ ป ร ะ เ มิ น ผ ล ห ลั ก สู ต ร โ ด ย ก า ร ป ร ะ เ มิ น ดั ง นั้ น
สเตคจึงเสนอว่าควรมีการพิจารณาข้อมูลเพื่อประเมินผลหลักสูตร 3 ด้าน คือ
1. ด้าน สิ่ งที่ มาก่อน ห รื อสภ าพ ก่อน เริ่ มโค รง การ (Antecedent) ห มายถึง สิ่ ง ต่าง ๆ
ที่เอื้อให้เกิดผลจากหลักสูตรและเป็ นสิ่งที่มีอยู่ก่อนการใช้หลักสูตรอยู่แล้วประกอบด้วย 7 หัวข้อ คือ
บุคลิกและนิสัยของนักเรียน บุคลิกและนิสัยครู
2.ด้านเนื้อหาในหลักสูตร วัสดุอุปกรณ์ การเรียนการสอน อาคารสถานที่ การจัดโรงเรียน
ลักษณะของชุมชนขณะที่มีการเรียนการสอนระหว่างนักเรียนกับนักเรียน นักเรียนกับครู ครูกับผู้ปกครอง ฯลฯ
เป็นขั้นของการใช้หลักสูตร ซึ่งประกอบด้วย 5 หัวข้อ คือ การสื่อสาร การจัดแบ่งเวลา การลาดับเหตุการณ์
การให้กาลังใจ และบรรยากาศของสิ่งแวดล้อม
3.ด้านผลผลิต หรือผลที่ได้รับจากโครงการ (Outcomes) หมายถึง สิ่งที่เกิดขึ้นจากการใช้หลักสูตร
ประกอบด้วย 5หัวข้อ คือ ผลสัมฤทธิ์ของนักเรียน ทัศนคติของนักเรียน ทักษะของนักเรียน ผลที่เกิดขึ้นกับครู
และผลที่เกิดขึ้นกับสถาบันซึ่งรูปแบบการประเมินหลักสูตรของสเตคแสดงให้เห็นเป็นตาราง 3 ดังนี้
ตาราง 3วิเคราะห์หลักสูตรของสเตค
เกณฑ์ในการวิเคราะห์หลักสูตร
ข้อมูลสาหรับการวิเคราะห์หลักสูตร
ข้อมูลเชิงบรรยาย ข้อมูลเชิงตัดสิน
ผลที่คาดหวัง ผลที่เกิดขึ้น มาตรฐานที่ใช้ การตัดสินใจ
1. สภาพก่อนเริ่มโครงการ
-บุคลิกและนิสัยของนักเรียน
-บุคลิกและนิสัยของครู
-เนื้อหาในหลักสูตร
-อุปกรณ์การเรียนการสอน
-บริเวณโรงเรียน
-ชุมชน
2. กระบวนการในการเรียน
-การสื่อสาร
-เวลาที่จัดให้
-ลาดับของเหตุการณ์
-การให้กาลังใจ
-สภาพสังคมหรือบรรยากาศ
3. ผลที่ได้รับจากโครงการ
-ความสาเร็จของนักเรียน
-ทัศนคติของนักเรียน
- 16. เกณฑ์ในการวิเคราะห์หลักสูตร
ข้อมูลสาหรับการวิเคราะห์หลักสูตร
ข้อมูลเชิงบรรยาย ข้อมูลเชิงตัดสิน
ผลที่คาดหวัง ผลที่เกิดขึ้น มาตรฐานที่ใช้ การตัดสินใจ
-ทักษะของนักเรียน
-ผลที่ครูได้รับ
-ผลที่สถาบันได้รับ
จากแบบตัวอย่างของสเตคนี้จะเห็นว่าขั้นตอนในการประเมินผลหลักสูตรจะเป็นดังนี้ คือ
1. การตั้งเกณฑ์ในการวิเคราะห์หลักสูตร
สเตคได้เส น อหั วข้อของ เกณ ฑ์ ที่จะ ใ ช้ใน การวิเคราะห์ หลักสู ตรได้ 3 หั วข้อ คือ
เรื่ อ ง เ กี่ ย ว กั บ สิ่ ง ที่ มี ม า ก่อ น ก ร ะ บ ว น ก า ร ใ น ก า ร ส อ น แ ล ะ ผ ล ที่ เ กิ ด ขึ้ น
เขาให้ความคิดเห็นว่าการประเมินจากผลที่ได้รับนั้นยังไม่พอที่จะประเมินว่าหลักสูตรนั้นดีหรือไม่เพียงใดเพราะ
ผ ล ที่ ไ ด้ นั้ น ขึ้ น อ ยู่ กั บ อ ง ค์ ป ร ะ ก อ บ อี ก ห ล า ย อ ย่ า ง เ ป็ น ต้ น ว่ า
หากผู้เรียนไม่สามารถบรรลุวัตถุประสงค์ที่วางไว้ก็มิได้หมายความว่าหลักสูตรนั้นเป็ นหลักสูตรที่ไม่ดี
การที่ผู้เรียน ไม่สามารถเรียน ได้ตามที่ต้องการ อาจมาจากองค์ประกอบทางด้าน เวลา เช่น
ให้เวลาแก่ผู้เรียนน้อยไปเวลาที่จัดให้ไม่เหมาะสม
ดั ง นั้ น
การที่จะช่วยดูแต่ผลที่ได้รับและนามาประเมินค่าหลักสูตรนั้นเป็นการไม่เพียงพอและอาจจะไม่สามารถช่วยชี้ช่อ
ง ท า ง ก า ร ป รั บ ป รุ ง ห ลั ก สู ต ร นั้ น แ ต่ อ ย่ า ง ใ ด ด้ ว ย เ ห ตุ นี้
สเตคจึงได้เสนอว่าควรมีการพิจารณาข้อมูลเพื่อประเมินผลหลักสูตรถึง 3ด้านดังที่กล่าวมาแล้ว
2. การหาข้อมูลมาประกอบ
หลังจากที่ได้ตั้งเกณฑ์ขึ้นมาเพื่อนามาเป็นแนวทางในการประเมินผลหลักสูตรแล้วผู้ประเมินผลหลักสู
ตรจะต้องทาการเก็บรวบรวม ข้อมูลเพื่อนามาพิจารณาตามแบบตัวอย่างของสเตคแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ
1.ส่วนที่เป็นการบรรยายหรือเรียกว่า “ข้อมูลเชิงบรรยาย”(DescriptiveData) ประกอบด้วยข้อมูล 2
ชนิด คือ
1.1ข้อมูลที่อธิบายสิ่งที่คาดหวังของหลักสูตรเกี่ยวกับสิ่งที่มาก่อนกระบวนการเรียน การสอน
และผลผลิตของหลักสูตร
1.2
ข้อมูลที่อธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นจากการปฏิบัติจริงซึ่งสังเกตได้หรือทดสอบได้เกี่ยวกับสิ่งที่มีก่อนกระบวนการเรียนก
ารสอน ผลผลิตของหลักสูตร
- 17. ผู้ประเมิน จะต้องอธิบายความสัมพัน ธ์ (Contingency) ระห ว่างสิ่ งที่มาก่อน (Antecedents)
ก ร ะ บ ว น ก า ร เ รี ย น ก า ร ส อ น (Transactions) แ ล ะ ผ ล ผ ลิ ต (Outcomes)
ข อ ง ห ลั ก สู ต ร แ ล ะ ก า ร ศึ ก ษ า ค ว า ม ส อ ด ค ล้ อ ง (Congruence)
ระหว่างสิ่งที่คาดหวังและสิ่งที่เกิดขึ้นจริงหรือไม่อย่างไรจากการพิจารณาข้อมูลในลักษณะแนวตั้งและแนวนอน
นี้ สรุปเป็นแผนภูมิเกี่ยวกับการวิเคราะห์ถึงความสัมพันธ์และความสอดคล้องของหลักสูตรดังภาพประกอบ 30
ต่อไปนี้
ข้อมูลที่อธิบายสิ่งที่คาดหวัง ข้อมูลที่อธิบายสิ่งที่เกิดขึ้น
ความสอดคล้อง
ความสัมพันธ์ ความสัมพันธ์
ความสอดคล้อง
ความสัมพันธ์ ความสัมพันธ์
ความสอดคล้อง
ภ า พ ป ร ะ ก อ บ 31
แสดงการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงบรรยายเพื่อหาความสัมพันธ์และความสอดคล้องของหลักสูตร
2.ส่วนที่เป็นการพิจารณาตัดสินคุณค่าของหลักสูตรหรือที่เรียกว่า “ข้อมูลเชิงตัดสิน” (Judgemental
Data) ประกอบด้วยข้อมูล 2 ชนิด คือ
2.1ข้อมูลที่เป็นเกณฑ์มาตรฐาน (Standards) ซึ่งเป็นแนวความคิดที่ผู้เชี่ยวชาญต่างๆ เช่นครู ผู้บริหาร
นักเรียน ผู้ปกครอง ฯลฯ เชื่อว่าควรจะใช้
สิ่งที่มีมาก่อน สิ่งที่มีก่อน
ก่อนก่อน
กระบวนการเ
รียนการสอน
กระบวนการเ
รียนการสอน
ผลผลิต ผลผลิต
- 18. 2.2 ข้ อ มู ล ที่ เ ป็ น ก า ร ตั ด สิ น ข อ ง บุ ค ค ล ต่ า ง ๆ
ซึ่ ง เป็ น ค ว า มรู้ สึ ก นึ ก คิ ด ตั ด สิ น คุณ ภ า พ แ ล ะ ค ว า มเ ห มา ะ ส มข อ ง บุ ค ค ล ต่าง ๆ
ผู้ประเมินจะต้องตัดสินคูณค่าของหลักสูตรโดยใช้ข้อมูลที่เป็นเกณฑ์มาตรฐานและข้อมูลที่เป็นการตัดสินของบุ
คคลต่างๆ มาประกอบการพิจารณาตัดสินว่าหลักสูตรมีส่วนใดดีหรือส่วนใดไม่ดี
3. วิธีการใช้ตารางในการประเมินผลของหลักสูตร
เริ่มต้นด้วยการพิจารณาข้อมูลทั้ง 4 หมวด ตามเกณฑ์ที่ตั้งขึ้น เช่น จากตารางแบบตัวอย่างของ สเตค
จ ะ เ ริ่ ม ที่ ข้ อ ก . ด้ า น สิ่ ง ที่ มี ม า ก่อ น ข้ อ ก .1 บุ ค ลิ ก แ ล ะ นิ สั ย ข อ ง นั ก เ รี ย น
เร า ก็ จ ะ พิ จ า ร ณ า ว่า ผ ล ที่ ค า ด ห วัง ห รื อ วัต ถุ ป ร ะ ส ง ค์ ใ น ด้ า น นี้ คื อ อ ะ ไ ร
และน ามาเปรียบเทียบกับผลที่เกิดขึ้น ว่าตรงห รือสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ห รือไม่เพียงใ ด
และผลที่เกิดขึ้ นนั้ นใช้มาตรฐานอะ ไรวัดและถืออะไรเป็ นห ลักใน การตัดสิ นยกตัวอย่าง เช่น
ในเรื่องของบุคลิกและนิสัยของนักเรียน
ผลที่คาดหวัง : ต้องการนักเรียนที่มีลักษณะความเป็นผู้นากล้าซักถามโต้ตอบและโต้แย้ง
ผ ล ที่ เกิ ด ขึ้ น : ไ ด้ นั ก เ รี ย น ที่ มี ลั ก ษ ณ ะ ค ว า ม เ ป็ น ผู้ น า ป ร ะ ม า ณ 20%
และได้นักเรียนที่มีลักษณะความเป็นผู้นาตาม 80%
มา ต ร ฐ า น ที่ ใ ช้ : ค ว ร แ ล ะ นั ก บ ริ ห าร ก า ร ศึ ก ษ าเห็ น ว่า นั ก เรี ย น 1 0 0 %
ควรมีทั้งลักษณะความเป็นผู้นาและผู้ตามอยู่ในตัว
ที่มาของหลักสูตรการตัดสิน :สังคมประชาธิปไตย
จ าก ก าร เป รี ย บ เที ย บ เ ก ณ ฑ์ ข้อ มู ล ใ น ห มว ด ต่า ง ๆ ใ น ลั ก ษ ณ ะ ข้ า ง ต้ น
ผู้ประเมินจะสามารถเห็นว่าหลักสูตรนั้นมีความสอดคล้องกันหรือไม่ในด้านทฤษฎีและการปฏิบัติ
น อ ก จ า ก นั้ น ก า ร พิ จ า ร ณ า ข้ อ มู ล ต า ม แ น ว ตั้ ง
ผู้ป ระ เมิน นั้ น จ ะ พ บ ว่าห ลัก สู ตร นั้ น มีค วาม สั มพั น ธ์ ใ น ตัวกัน ห รื อไม่ ตัวอ ย่าง เช่น
ในเรื่องบุคลิกและนิสัยของนักเรียน
- 19. ภาพประกอบ 32 แสดงความสัมพันธ์ในการประเมินหลักสูตร
ใ น ลั ก ษ ณ ะ เ ช่น นี้ ก าร เ ป รี ย บ เที ย บ ข้อ มู ล ต า ม แ น ว ตั้ ง ข อ ง ห ลั ก ลู ก ศ ร
ผู้ประเมิน หลักสู ตรจะสามารถตรวจสอบได้ทันทีว่าการจัดการทั้ง 3ด้าน คือ ด้าน สิ่งที่มีมาก่อน
กระบวนการในการสอน และผลที่เกิดขึ้นนั้นมีความสัมพันธ์กันถูกต้องหรือไม่
การวิเคราะห์ถึงความสอดคล้องกับความสัมพันธ์กันของหลักสูตรนี้จะเป็นแนวทางชี้ให้เห็นถึงข้อบก
พร่องต่างๆ ซึ่งจะมีส่วนช่วยในการปรับปรุงหลักสูตรเป็นอันมาก
9.2 รูปแบบของการประเมินหลักสูตรของสตัฟเฟิลบีม (Stufflebeam)
แ ด เ นี ย ล แ อ ล ส ตั ฟ เ ฟิ ล บี ม ( Daniel L. Stufflebeam)
ได้อธิบายความหมายของการประเมินผลทางการศึกษาเอาไว้ว่าเป็นกระบวนการการบรรยายการหาข้อมูล
แ ล ะ ก า ร ใ ห้ ข้ อ มู ล เ พื่ อ ก า ร ตั ด สิ น ใ จ ห า ท า ง เ ลื อ ก
ฉะนั้นรูปแบบการประเมินผลหลักสูตรตามแนวคิดขอลสตัฟเฟิลบีมจึงเป็นรูปแบบเหมาะสมแก่การช่วยตัดสินใ
จเพื่อหาทางเลือกที่ดีที่สุด
ตามปกติสถานการณ์ในการตัดสินใจ (DecisionSettingt) โดยทั่วไปจะประกอบด้วยมิติที่สาคัญ 2
ประการ คือ
1. มิติด้าน ข้อมูลที่มีอยู่ (Information Grasp) คือถ้าเราจะ ตัดสิ น ใจทาอะ ไรสักอย่าง
เราจาเป็นต้องคานึงว่าเรามีข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องนั้นอยู่มากน้อยเพียงใด
ผลที่คาดหวัง
นักเรียนที่มีลักษณะความเป็นผู้นา
ผลที่เกิดขึ้น
ได้นักเรียนที่มีลักษณะความเป็นผู้นา 20%
และมีลักษณะความเป็นผู้ตาม 80%
ผลที่คาดหวัง
การสอนที่มีลักษณะเป็น The way
Communication
ผลที่เกิดขึ้น
ครูส่วนใหญ่สอนโดยใช้ One way
Communication
และในเรื่องของกระบวนการในการสอนหรือสื่อสารข้อมูลสื่อสารปรากฏว่า
- 20. 2. มิติ ด้ าน ป ริ ม าณ ค วา ม เป ลี่ ยน แ ป ล ง ที่ ต้อ ง ก า รใ ห้ เกิ ด ขึ้ น (Degree of Cange)
คื อ ค ว า ม ห ม า ย ว่ า ถ้ า เ ร า จ ะ ตั ด สิ น ใ จ ท า อ ะ ไ ร สั ก อ ย่ า ง ห นึ่ ง
เราต้องคานึงว่าเมื่อทาไปแล้วจะเกิดการเปลี่ยนแปลงจากเดิมมากน้อยสักแค่ไหน
จากรูปแบบการประเมินผลหลักสูตรตามแนวคิดของสตัฟเฟิลบีมแสดงให้เห็นว่า
1. ส ถ าน ก า ร ณ์ ตัด สิ น ใ จ ที่ ต้ อ ง ก าร ใ ห้ มีก าร เป ลี่ ย น แ ป ล ง เ พี ย ง เล็ ก น้ อ ย
แต่ทว่าข้อมูลที่จะช่วยให้การตัดสินใจนั้นมีอยู่มากสถานการณ์การตัดสินใจอย่างนี้เรียกว่า Homeostatic
2.
สถานการณ์ตัดสินใจที่ต้องการให้มีการเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อยและข้อมูลที่จะช่วยในการตัดสินใจก็มีอยู่น้อย
สถานการณ์การตัดสินใจอย่างนี้เรียกว่า Incremental
3. ส ถ า น ก า ร ณ์ ตั ด สิ น ใ จ ที่ ต้ อ ง ก า ร ใ ห้ มี ก า ร เ ป ลี่ ย น แ ป ล ง อ ย่า ง ม า ก
แต่ว่าข้อมูลที่จะช่วยในการตัดสินใจมีอยู่น้อย สถานการณ์การตัดสินใจอย่างนี้เรียกว่า Neomobilistic
4. ส ถ า น ก า ร ณ์ ตั ด สิ น ใ จ ที่ ต้ อ ง ก า ร ใ ห้ มี ก า ร เ ป ลี่ ย น แ ป ล ง อ ย่า ง ม า ก
และข้อมูลที่ช่วยในการตัดสินใจก็มีอยู่มาก สถานการณ์การตัดสินใจอย่างนี้เรียกว่า Metamorphism
จ า ก ที่ ก ล่ า ว ม า จ ะ เ ห็ น ไ ด้ ว่ า
การตัดสินใจนั้นไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์แบบใดก็ตามก็จาเป็นต้องอาศัยข้อมูลเชิงประมาณ (Evaluation Data)
ม า ช่ ว ย เ ป็ น พื้ น ฐ า น เ พ ร า ะ ก า ร ตั ด สิ น ใ จ ใ ด ๆ
ของผู้บริหารที่ไม่ใช่ข้อมูลเชิงประมาณมาเป็นพื้นฐานในการหาทางเลือกย่อมเสี่ยงต่อความล้มเหลวในการดาเนิ
นงานตามทางเลือกนั้นอย่างมาก
ส่ ว น ก า ร ตั ด สิ น ใ จ ท า ง ก า ร ตั ด สิ น ใ จ นั้ น
ไม่ว่าจะเป็ น เรื่องจะ จัดเนื้ อหาวิชาใน หลักสู ตรอย่างไรจะ จัดการเรียน การสอน ด้วยวิธีไห น
จ ะ ใ ช้ สื่ อ ก า ร เ รี ย น ก า ร ส อ น อ ะ ไ ร จ ะ จั ด กิ จ ก ร ร ม เ ส ริ ม ห ลั ก สู ต ร อ ะ ไ ร
ถ้าพิ จารณ าใ น แง่ขอ ง วิธี การกับ ผลที่ เกิดขึ้ น และ สิ่ งที่ คาดห วัง กับสิ่ ง ที่ จะ เกิดขึ้ น จริ ง
เราอาจจาแนกการตัดสินใจออกได้เป็น 4 ประเภท คือ
(1)
การตัดสินใจเกี่ยวกับการวางแผน
Planning
(4)
การตัดสินใจเกี่ยวกับคุณสมบัติที่พึง
ประสงค์ (Recyccling)
สิ่งที่คาดหวัง สิ่งที่เป็นจริง
ผลที่เกิดขึ้น