1
- 5. ความหมายและความสาคัญ
ของอาหาร (ต่อ)
• โรคขาดสารอาหารทาให้เป็ นโรคต่างๆ เช่นโรค
โลหิตจางจากการขาดธาตุเหล็ก โรคคอพอกจาก
การขาดธาตุไอโอดีน เป็ นผลของร่างกายได้รับ
สารอาหารไม่เพียงพอ
• ถ้าได้รับอาหารในปริมาณเกินความต้องการของ
ร่างกายจะทาให้เกิดภาวะสารอาหารเกินโดยเฉพาะ
อย่างยิ่งไข แป้ ง และน้าตาล ทาให้เกิดการสะสมใน
รูปของไขมัน ทาให้เป็ นโรคอ้วน ละผู้ที่เป็ นโรคอ้วน
จะเสี่ยงต่อการเป็ นโรคต่างๆ เช่น ภาวะหลอดเลือด
แดงแข็ง โรคความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน โรค
- 7. ประโยชน์ของอาหารที่มีต่อ
ร่างกาย
• 1. ช่วยทาให้ร่างกายเจริญเติบโต อาหารจะช่วย
สร้างกล้ามเนื้อ สมอง กระดูก ผิวหนัง เส้นผม หลอด
เลือด และอวัยวะต่างๆของร่างกาย ทาให้โตขึ้น และ
มีน้าหนักมากขึ้น
• 2.ให้พลังงานและความอบอุ่นแก่ร่างกาย ไม่ว่าเดิน
วิ่ง ทางานหรือใช้ความคิด แม้แต่เวลาหลับ อวัยวะ
บางอย่างก็ยังคงทางานอยู่ตลอดเวลาโดยไม่ได้หยุด
พัก
• 3. ซ่อมแซมส่วนต่างๆ ที่สึกหรอของร่างกาย ส่วน
- 8. ประโยชน์ของอาหารที่มีต่อ
ร่างกาย(ต่อ)
• 4. ทาให้ส่วนต่างๆ ของร่างกายทางานได้ตามปกติ
อวัยวะต่างๆ ของร่างกายต้องการอาหารไปบารุงให้
เจริญเติบโตได้เต็มที่มีสภาพสมบูรณ์แข็งแรง
เพื่อที่จะทางานได้ตามหน้าที่ ถ้าร่างกายขาด
อาหารอวัยวะบางส่วนก็จะไม่สามารถทางานได้
ตามปกติหรือโรคได้
• 5. สร้างความต้านทานโรคให้แก่ร่างกาย เมื่อ
รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ สะอาดและ
เพียงพอกับความต้องการของร่างกาย จะทาให้
ร่างกายแข็งแรงสมบูรณ์ จิตใจก็สดชื่นแจ่มใส ย่อม
มีความต้านทานโรคได้ดีหรือถ้าเจ็บป่ วยก็มีอาการ
- 10. คาจากัดความ
• อาหาร หมายถึง สิ่งที่รับประทานได้และไม่
ก่อให้เกิดโทษ พิษ หรืออันตรายเมื่อบริโภคเข้าไป
แต่จะก่อให้เกิดประโยชน์ต่อร่างกาย
• สารอาหาร หมายถึง สารเคมีที่ประกอบอยู่ใน
อาหารที่เรารับประทาน ได้แก่ โปรตีน,
คาร ์โบไฮเดรต, ไขมัน, เกลือแร่, วิตามิน และน้า
- 11. คาจากัดความ (ต่อ)
• โภชนาการ หมายถึง วิชาที่ศึกษาเกี่ยวกับอาหาร
และคุณค่าอาหาร โดยกล่าวถึง การเปลี่ยนแปลง
ต่างๆ ของอาหารเมื่อเข้าสู่ร่างกาย การใช้
ประโยชน์จากอาหารนั้นๆ ตลอดจนการสูญเสีย
การขับถ่ายของเสียออกจากร่างกาย
• พลังงาน เปรียบเสมือนเชื้อเพลิงที่ทาให้ร่างกายมี
ประสิทธิภาพในการทางาน พลังงานเหล่านี้ได้มา
จากอาหารที่รับประทานเข้าไป และเกิดการ
เปลี่ยนแปลงทางเคมีที่เกิดขึ้นในร่างกาย ได้แก่
คาร ์โบไฮเดรต, โปรตีน, ไขมัน เป็ นต้น
- 12. คาจากัดความ (ต่อ)
• มีหน่วยวัดเป็ น แคลอรี่ (Calories) หรือ กิโลแคลอรี่
(kcal) คือหน่วยในการวัดพลังงานโดย 1 แคลอรี่ มี
ค่าเท่ากับพลังงาน ที่สามารถทาให้น้าบริสุทธิ์ 1
กรัม มีอุณภูมิเพิ่มขึ้น 1 องศาเซลเซียส
• ทางหลักการโภชนาการจะพูดถึงกิโลแคลอรี่ ด้วยคา
ว่าแคลอรี่ใช้ตัวอักษร C ตัวใหญ่ (Calories) ในทาง
ปฏิบัติกิโลแคลอรี่ที่มี c ตัวเล็ก (calories) เมื่ออ่าน
ฉลากแล้วเห็นเขียนว่า 100 แคลอรี่ ก็คือ 100 กิโล
แคลอรี่
สรุปคาว่า แคลอรี่ กับ กิโลแคลอรี่ คือมีความหมาย
เดียวกัน ไม่ต้องเอาตัวเลขไปคูณกับ1,000
• โปรตีน จะให้พลังงาน 4 แคลอรี่ต่อกรัม
- 13. โภชนบัญญัติ 9 ประการ
• 1. รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ แต่ละหมู่
ให้หลากหลายและหมั่นดูแลน้าหนักตัวให้
อยู่ในเกณฑ์ปกติ โดยคานึงถึงสัดส่วน
ปริมาณ และความหลากหลายของอาหาร
ควรรับประทานอาหารให้พอเหมาะกับ
น้าหนักตัวของแต่ละคน
• 2. รับประทานข้าวเป็ นอาหารหลัก สลับกับ
อาหารประเภทแป้ งเป็ นบางมื้อ ข้าวจะให้
สารอาหารประเภทคาร ์โบไฮเดรตที่ให้
พลังงานแก่ร่างกาย ควรรับประทานข้าวที่
- 14. โภชนบัญญัติ 9 ประการ (ต่อ)
• 3. รับประทานพืช-ผัก ให้มากและรับประทาน
ผลไม้เป็ นประจา พืชผักและผลไม้ให้เกลือแร่,
วิตามิน, น้า และใยอาหารซึ่งช่วยในการขับถ่าย
และควบคุมการทางานของร่างกาย
• 4. รับประทานปลา เนื้อสัตว์ไม่ติดมัน ไข่ ถั่วเมล็ด
แห้งเป็ นประจา ปลา, เนื้อสัตว์, ไข่และถั่วจะให้
โปรตีนที่ดี ควรรับประทานสลับกันอย่างสม่าเสมอ
• 5. ดื่มนมให้เหมาะสมตามวัย นมให้โปรตีน
วิตามินบี แคลเซียม ซึ่งทาให้ร่างกายเจริญเติบโต
ช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงให้กับกระดูและฟัน
- 15. โภชนบัญญัติ 9 ประการ (ต่อ)
• 6. รับประทานอาหารที่มีไขมันแต่พอควร ถึงแม้ไข้
มันจะให้พลังงานและความอบอุ่นแก่ร่างกาย แต่ถ้า
บริโภคมากเกินไปอาจทาให้อ้วน เกิดโรคต่างๆ ได้
• 7. หลักเลี่ยงการรับประทานอาหารรสหวานจัดหรือ
เค็มจัด อาหารที่มีรสหวานจัดอาจทาให้ เกิดโรคอ้วน
และอาหารที่มีรสเค็มจัดจะทาให้มีผลต่อการทางาน
ของไต
• 8. รับประทานอาหารที่สะอาด ปราศจากการปนเปื้อน
อาหารที่สด และสะอาดจะทาให้ผู้บริโภคได้รับ
ประโยชน์จากอาหารอย่างเต็มที่
• 9. งดหรือลดเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ การดื่ม
เครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์เป็ นประจาจะทาให้