SlideShare a Scribd company logo
1
แบบเสนอโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์
รหัสวิชา ง33201-33202 ชื่อวิชา เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร 5- 6
ปีการศึกษา 2561
ชื่อโครงงานค่านิยมอันตราย ทาร้ายร่างกายแบบไม่รู้ตัว
ชื่อผู้ทาโครงงาน
น.ส.จิตรานุช วัฒนเกษมสกุล เลขที่ 45 ชั้น ม.6 ห้อง 8
ชื่ออาจารย์ที่ปรึกษาโครงงาน ครูเขื่อนทอง มูลวรรณ์
ระยะเวลาดาเนินงาน ภาคเรียนที่ 1-2 ปีการศึกษา 2561
โรงเรียนยุพราชวิทยาลัย จังหวัดเชียงใหม่
สานักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเขต 34
2
ใบงาน
การจัดทาข้อเสนอโครงงานคอมพิวเตอร์
ชื่อผู้ทาโครงงาน
น.ส.จิตรานุช วัฒนเกษมสกุล เลขที่ 45 ชั้น ม.6 ห้อง 8
คาชี้แจง ให้ผู้เรียนแต่ละกลุ่มเขียนข้อเสนอโครงงานตามหัวข้อต่อไปนี้
ชื่อโครงงาน (ภาษาไทย)
ค่านิยมอันตราย ทาร้ายร่างกายแบบไม่รู้ตัว
ชื่อโครงงาน (ภาษาอังกฤษ)
Value problems
ประเภทโครงงาน โครงงานคอมพิวเตอร์ (เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร)
ชื่อผู้ทาโครงงาน น.ส.จิตรานุช วัฒนเกษมสกุล
ชื่อที่ปรึกษา ครูเขื่อนทอง มูลวรรณ์
ระยะเวลาดาเนินงาน ภาคเรียนที่ 1-2 ปีการศึกษา 2561
ที่มาและความสาคัญของโครงงาน
เมื่อยุคสมัยเปลี่ยนไป สังคมไทยเราก็ได้รับค่านิยมต่างๆเข้ามามากมาย รวมถึงค่านิยมของสาวสวยที่นอกจาก
จะต้องมีผิวที่ขาวกระจ่างใสแล้ว ยังต้องมีหุ่นที่ผอมเพรียว ให้เหมือนกับเหล่าดารา นักร้อง ไอดอลที่เห็นได้ทั่วไปในสื่อ
ต่างๆ มันก็เป็นเรื่องที่ดีที่สาวๆทั้งหลายจะต่างลุกขึ้นมาเพื่อออกกาลังกาย และบารุงผิวพรรณให้สวยใส แต่ว่าส่วนใหญ่
กลับไม่เป็นแบบนั้น วัยรุ่นส่วนมากกลับเลือกทางลัด เพราะเห็นว่าได้ผลทันใจ และไม่ต้องลาบากอะไรไม่มาย โดยการ
พึ่งยาลดความอ้วน และยาทาให้ผิวขาวนั่นเอง ซึ่งเป็นของที่อันตราย และเป็นทางเลือกที่ผิดเป็นอย่างมาก แต่ก็น่า
แปลกใจที่เรายังสามารถเห็นได้ตามโฆษณา และตามท้องตลาดอย่างเกลื่อนกลาด ยังนอกจากนั้นยาเหล่านี้ยังมาพร้อม
กับสรรพคุณเกินจริง ที่คอยล่อลวงวัยรุ่นที่หลงเชื่อค่านิยมผิดๆให้มาติดกับดักอีกด้วย ดังนั้นผู้จัดทาจึงคิดที่จะนา
ความรู้ที่ได้ศึกษามาทาโครงงานเพื่อศึกษาเกี่ยวกับค่านิยมที่ผิดในสังคมไทย และหาทางแก้ไขปัญหาการเชื่อในค่านิยม
ที่ผิด และส่งผลเสีย รวมทั้งศึกษาค่านิยมที่ดีงาม
วัตถุประสงค์
1. เพื่อศึกษาเกี่ยวกับปัญหาค่านิยมที่อันตรายในสังคมไทย
2. เพื่อหาแนวทางในการแก้ไขปัญหาเบื้องต้น
3. เพื่อศึกษาค่านิยมที่ถูกต้อง และดีงาม
ขอบเขตโครงงาน
กลุ่มตัวอย่าง ประชากร : นักเรียนห้องม.6/8
ระยะเวลาในการศึกษา : 10 สัปดาห์
สถานที่ใช้ในการศึกษา : โรงเรียนยุพราชวิทยาลัย
3
หลักการและทฤษฎี
"สื่อ" ตัวดีกระตุ้นค่านิยมผิดๆ ส่วนใหญ่ปัจจัยที่ก่อให้เกิดค่านิยมที่ให้ความสาคัญในเรื่องรูปลักษณ์เรือน-ร่าง
นั้น เกิดจาก 3 ปัจจัย หลักๆ คือ 1.การเปลี่ยนแปลงของค่านิยมในสังคมที่บูชาวัตถุ ทาให้คนในปัจจุบันมองว่า
ร่างกายเป็นทรัพย์สินรูปแบบหนึ่ง 2.การพัฒนาเทคโนโลยีแห่งความงามรุดหน้ามาก แพทย์สามารถทาศัลยกรรมให้
ร่างกายมนุษย์ไร้ที่ติ หรือใช้กรรมวิธีต่างๆ เพื่อให้ผู้หญิง ผู้ชาย สวยหล่อได้ดังใจปรารถนาและ3. อิทธิพลของสื่อที่
กระตุ้นค่านิยมเรื่องรูปลักษณ์-เรือนร่าง สร้างรูปร่างในอุดมคติของวัยรุ่นขึ้นมาก ไม่ว่าจะเป็นนายแบบ นางแบบ ดารา
นักร้องทั้งในประเทศและต่างประเทศ
ทั้งนี้ งานวิจัยยังบ่งชี้ด้วยว่า วัยรุ่นมักจะมีภาษาหรือศัพท์แสลง ที่ให้คุณค่าในเชิงลบกับหญิงหรือชายที่มีความ
บกพร่องทางร่างกายไม่ว่าจะผอม หรืออ้วนจนเกินไป ซึ่งส่วนมากจะนิยมพูดต่อๆ กัน หรือติดมาจากเพื่อน ไม่มีที่มาที่
ชัดเจน เช่น เฟะ = รูปร่างของคนอ้วนมากๆ มีไขมันเป็นชั้นๆ, อึ้ม =ผู้หญิงที่มีหน้าอกโต บางครั้งก็อาจใช้คาทับศัพท์
อย่าง เอ็กซ์ = รูปร่างของผู้หญิงที่มีความเซ็กซ์ซี่ หรือชอบแต่งตัววับๆ แวมๆ, สลิม = ผู้หญิงที่ผอมเพรียว โดยที่ศัพท์
เหล่านี้เด็กจะนามาจากทีวี นิตยสาร หรือละควรซิทคอมของต่างประเทศ นอกจากนี้อาจมีการใช้คาเช่น แบน แห้ง
ย้วย แหนม เป็นต้น
วัยรุ่นหญิงไม่พึ่งพอใจรูปร่างสูงมาก ดร.จุลนี ยังบอกอีกว่า ผลการสอบถามระดับความพึ่งพอใจของแต่ละเพศ
นั้น ผู้หญิงจะมีความไม่พึงพอใจสูงถึงครึ่งต่อครึ่ง ส่วนผู้ชายมีความไม่พึงพอใจต่า โดยแบ่งเป็นกลุ่มที่พอใจ พอใจใน
ระดับสูงมีความมั่นใจมาก และไม่พอใจบางส่วน "ปกติผู้หญิงมักจะไม่พอใจรูปร่างตัวเองส่วนใดส่วนหนึ่งในร่างกาย
และไม่มีความมั่นใจเลย อย่างเด็กหญิงคนหนึ่งบอกว่า หนูเป็นผู้หญิงโครงสร้างใหญ่ สะโพง ต้นขา เอว ใหญ่ทุกอย่าง
แต่อกเป็นไข่ดาว ส่วนผู้ชายที่ไม่พึงพอใจรูปร่างตัวเองนั้น ส่วนมากอยากมีรูปร่างเป็นแมน สูงใหญ่"ดร.จุลนีอธิบาย
อย่างไรก็ตาม วิธีการจัดการกับส่วนในร่างกายที่ไม่พึ่งพอใจนั้น ผู้หญิงมักจะใช้วิธีการอดอาหารซึ่งเดี๋ยวนี้เริ่มตั้งแต่เด็ก
ประถมฯ พอระดับมัธยมปลายก็จะเริ่มรับประทานยาถ่าย และจะนิยมใช้ยาลดความอ้วนมากในช่วงที่เป็นนักศึกษา
พร้อมกับพัฒนาไปสู้การฝังเข็ม อมอาหารไว้ในปากเพื่อรับรสชาติแล้วจึงคายออก หรือล้วงคอให้อาเจียนออกมา ส่วน
ในวัยรุ่นชายจะนิยมเล่นกีฬา ออกกาลังกายในโรงยิมหรือศูนย์ออกกาลังกาย (ฟิตเนส) หรือบางคนอาจมีการจากัด
อาหารที่มีไขมันสูง
เมื่อถามว่าทาไมวัยรุ่นหญิงไม่เล่นกีฬาและวัยรุ่นชายไม่กินยาลดความอ้วนนั้น วัยรุ่นหญิงให้คาตอบว่า ไม่มีเพื่อน
หรือไม่ไหวเหนื่อยเกินไป ส่วนผู้ชายบอกว่า มีแต่กระเทยที่กินยาลดความอ้วนซึ่งเป็นเรื่องที่บ่งบอกความแตกต่างใน
เรื่องเพศอย่างชัดเจน
เรื่องที่น่าวิตกโดยเฉพาะวัยรุ่นหญิง คือ เด็กไม่สามารถหาทางออกได้ จึงเชื่อตามสื่อ ตามเพื่อน นาไปสู่การรับประทาน
ยาลดความอ้วนและวิธีต่างๆ ที่ทาให้ได้รูปร่างตามที่ตนปรารณนาซึ่งผู้ปกครองเองก็จะไม่ทราบต่อเมื่อเด็กมีร่างกายที่
ผอมผิดปกติจึงพาไปพบแพทย์
ภัยร้ายหญิงชาย "กลัวอ้วน" ต่อคาถามที่ว่า อิทธิพลและแรงกดดันของสังคมไทยมีผลต่อผู้หญิงในเรื่อง
รูปลักษณ์หรือไม่นั้น ดร.จุลนี ไขข้อข้องใจว่า ค่านิยมในสังคมไทยยังให้ความสาคัญกับผู้หญิง ผู้ชายที่มีหน้าตา รูปร่าง
สวยงาม ยิ่งปัจจุบันคนยิ่งมองแต่รูปลักษณ์ภายนอกอย่างฉาบฉวย นอกจากนี้ค่านิยมในกลุ่มผู้หญิงเองมักมีการเปรียญ
เทียบรูปร่างตัวเองกับเพื่อน ทาให้เกิดความกดดัน ในขณะที่ผู้ชายไม่สนใจเรื่องนี้เลย
สาหรับผลกระทบของค่านิยมผิดๆ นอกจากจะทาให้สุขภาพร่างกายไม่แข็งแรงแล้ว อาจรุนแรงถึงขั้นที่วัยรุ่นไทยเริ่มมี
อาการของโรค บูลีเมีย (bulimia)หรือ อะนอเร็กเซีย(anorexic) เพิ่มมากขึ้น จากเดิมที่ระบาดในต่างประเทศขณะนี้
กาลังรุกลามเข้ามาในประเทศไทย ซึ่งแพทย์หรือตัวเด็กเองยังไม่มีความเข้าใจ เนื่องจากเป็นโรคใหม่ ความรู้ยังไม่
แพร่หลาย นอกจากนี้ดร.จุลนี ยังได้เสนอทางออกของปัญหาว่า ทุกฝ่ายควรร่วมมือกันทั้งพ่อ-แม่ สื่อ สร้างค่านิยม
ใหม่ๆ ปลูกฝัง ให้เด็กรู้จักวิธีรักษาสุขภาพให้เหมาะสม เน้นย้าลักษณะทางเชื้อชาติ และพันธุกรรมของเรา รวมทั้ง
เปลี่ยนแปลงค่านิยมด้านวัตถุให้หันมาให้ความสาคัญกับคุณภาพชีวิตและจิตใจมากกว่า สิ่งสาคัญคือ สนับสนุน เชิดชู
4
ให้เด็กสร้างความเป็นปัจเจก มีเอกลักษณ์เป็นของตัวเอง ไม่ตามแฟชั่น หรือตามเพื่อนมากเกินไป มีความมั่นใจใน
รูปร่างตนเอง โดยการสร้างสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง
รู้จักบูลีเมีย และ อนอเร็กเซีย บูลีเมีย (Bulimia Nervasa) เป็นลักษณะของคนที่ไม่ผอมมากนัก และมีความ
กังวล กลัวอ้วน แต่ไม่สามารถที่จะอดอาหารได้ จึงมีพฤติกรรมทานอาหารทีละมากๆ แล้วมีพฤติกรรม การพยายาม
ล้วงคอให้อาเจียน หรือกินยาถ่าย หรือยาระบาย เพื่อให้น้าหนักลดงอย่างรวดเร็ว ซึ่งก็เป็นเรื่องที่อันตราย ทาให้
ร่างกายสูญเสียสมดุล สูญเสียเกลือแร่ในร่างกาย อาจทาให้เกิดภาวะหัวใจล้มเหลว และเสียชีวิตได้
ส่วน อนอเร็กเซีย(Anorexia Nervasa)เป็นลักษณะของคนไข้ที่ไม่อ้วนแล้ว อาจจะผอมมากแล้ว แต่ก็มักจะคิดว่า
ตนเองยังอ้วนอยู่ และจะไม่ยอมทานอะไรเลย ซึ่งเป็นสิ่งที่อันตราย อาจทาให้เกิดภาวะการขาดอาหาร โดยอาจ
อันตรายถึงขั้นเสียชีวิตได้ ในบางรายอาจจะพยายามออกกาลังกายอย่างหักโหม มากจนเกินไป ก็ทาให้เสียชีวิตได้
เช่นกัน ต้องเห็นคุณค่าในตัวเองนักวิจัยในประเทศแถบตะวันตกพบเรื่องน่าตกใจในหมู่เด็กหญิงวัยรุ่นว่า พวกเขาพา
กันใฝ่ฝันอยากจะมีรูปทรงเอวเล็กเอวบางเหมือนดาราดังๆ และนางแบบบ้าง พวกเขาถึงกับอดอาหารแทบไม่ยอมกิน
อะไรเลย ซึ่งผลการศึกษาของมหาวิทยาลัยอุลสเตอร์ของไอร์แลนด์ โดยการสัมภาษณ์เด็กสาววัยรุ่น วัยระหว่าง 14-16
ปี จานวน 400 คน พบว่าต่างพากันใฝ่ฝันจะมีรูปทรงแบบดารา โดยอ้างว่าเพื่อจะได้พบความรักและเป็นความพึง
พอใจ พวกเธอจานวนถึง 80% พากันร่าร้องว่าการรักษารูปร่างเป็นสิ่งจาเป็นมาก ไม่อย่างนั้นหนุ่มๆ ก็ไม่เหลียวแล
เพราะหนุ่มๆ เขาชอบสาวผอมๆ กันทั้งนั้น นอกจากนี้ ความผอมยังทาให้เกิดความเชื่อมั่นในตัวเองมากขึ้นด้วย
เด็กสาวหลายคนอ้างว่า พวกเธอต้องการมีหน้าท้องที่แบนราบและขาเรียวเล็ก ยิ่งกว่านั้นเด็กสาวเหล่านี้กว่า 70%
ต่างบ่นไม่พอใจในรูปร่างและน้าหนักตัว และต่างต้องการจะผอมลงกว่านี้ ทั้งที่หมอก็เห็นว่าสาวน้อยเหล่านี้ไม่ต่ากว่า
45% ก็มีรูปร่างดีอยู่แล้ว นอกจากนั้นมีอยู่ 49% สารภาพว่าเคยควบคุมอาหาร และมีถึง 38.5% ยอมรับว่ากาลัง
ควบคุมอาหารกันอยู่ ชลิดา (เถาว์ชาลี) ตันติพิภพ อดีตนางสาวไทย ซึ่งจบมาทางด้านพยาบาลและโภชนาการ คอลัม
นิสต์ทางด้านอาหารและสุขภาพ ให้ความเห็นในเรื่องนี้ว่าค่านิยมที่กลัวอ้วนนั้นเป็นเรื่องที่เกิดกับผู้หญิงเกือบทั่วโลก
ซึ่งจริงๆ แล้วคนเราก็ไม่ควรอ้วนเกินไป แต่การจะผอมก็ควรผอมแบบมีสุขภาพดี มีความสมดุลระหว่างน้าหนักและ
ส่วนสูง ซึ่งตามมาตรฐานของทางชาติตะวันตกนั้น ค่าดัชนีมวลกาย (Body Mass Index - BMI) จะอยู่ที่ประมาณ 20
แต่คนไทยหรือคนเอเชียตัวเล็ก กระดูกเล็ก อาจจะอนุโลมให้อยู่ในเกณฑ์ 23-25 กิโลกรัม ก็น่าจะพอแล้ว
ชลิดาเสริมด้วยว่า คุณพ่อคุณแม่ควรทาความเข้าใจกับลูกๆ ให้เห็นคุณค่าและความมั่นใจในตัวเอง โดยเฉพาะชีวิตยังมี
เรื่องอื่นๆ ที่สาคัญไม่แพ้รูปร่างหน้าตา และถ้าหากอยากรักษาน้าหนักให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐานก็เป็นเรื่องที่ดี แต่ต้อง
ให้มีความสมดุล จะไปเอาอย่างดารา นางแบบไม่ได้ เขามีอาชีพตรงนั้นที่ต้องใช้ร่างกาย แล้วกล้องทีวีทาให้คนดูอ้วน
กว่าปกติ เหล่าดาราก็ต้องลดให้ผอมลงไปอีก 3-4 กิโลกรัม เพื่อให้ภาพออกมาแล้วหุ่นกาลังดี แต่คนทางาน หรือ
นักเรียน นักศึกษาทั่วไป ไม่มีความจาเป็นอย่างนั้น เพราะอาจจะมีปัญหาในระยะยาว เช่น ขาดสารอาหาร หรือเมื่อ
ต้องการตั้งครรภ์ก็จะต้องบารุงมากกว่าปกติ เพราะตอนวัยรุ่นขาดสารอาหารที่จาเป็นไปบารุงร่างกาย ซึ่งอาจทาให้
ตั้งครรภ์ยากกว่าคนทั่วไปก็ได้ ทางที่ดีก็คือเลือกทางสายกลาง ตามมาตรฐานของเราเอง เช่น สูง 165 เซนติเมตร หนัก
50 กิโลกรัม ก็ดูดีแล้ว
สาเหตุที่ก่อให้เกิดความคลั่งผิวขาวในสังคมไทย เชื่อว่าหลายคนอาจมีไอดอล และอยากจะเป็นให้ได้เหมือน
คนๆ นั้น ไม่ว่าจะเป็นดารา นักร้อง พิธีกร ซึ่งส่วนใหญ่มีความขาว ยิ่งเมื่อยืนอยู่ท่ามกลางแสงไฟกระทบกับ
เครื่องสาอางชั้นเลิศบนผิวหน้า ยิ่งทาให้ผิวขาวมีเสน่ห์ จนวัยรุ่นสมัยนี้ตามล่าหาฝัน อยากจะไปเป็นดารา นักร้อง
อยากจะโกอินเตอร์ และแน่นอนสิ่งที่ต้องรีบทาให้ตัวเองดูดี คือต้องมีความขาวแบบนั้น การที่จะทาให้ตัวเองขาวขึ้นถือ
ว่าเป็นเรื่องซับซ้อนสาหรับหมู่วัยรุ่น แค่ทาครีมบารุงผิวเพิ่มคงไม่พอ ต้องทั้งฉีด ทั้งกินสารพัดสารเคมีที่จะทาให้ขาว
สวยรวดเร็วทันใจ ไม่ต้องสงสัยว่าทาไมวัยรุ่นถึงยอมที่จะเสี่ยงเพื่อให้ได้ความขาว นั่นเป็นเพราะสื่อเป็นแหล่งข้อมูลชั้น
ยอดของวัยรุ่นและยังเกาะกุมหัวใจของวัยรุ่นได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นละคร โฆษณา ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ถ้า
คุณขาว คุณจะมีโอกาสมากกว่าคนอื่น ทั้งหน้าที่การงาน การเข้าสังคม หรือแม้กระทั่งการมีแฟน ยิ่งไปกว่านั้นสื่อยอด
ฮิตที่วัยรุ่นเห็นจะขาดเป็นไม่ได้คือสื่ออินเทอร์เน็ต ซึ่งเป็นสื่อที่มีอิสระในการเผยแพร่ข้อมูลค่อนข้างมาก จึงเป็นตัวช่วย
5
วัยรุ่นในการสืบค้นข้อมูลในสิ่งที่โทรทัศน์และวิทยุไม่สามารถบอกได้ นอกจากนี้โครงสร้างร่างกายของวัยรุ่นโตเร็ว ไม่
แปลกที่วัยรุ่นจะคิดว่าตนเองเป็นผู้ใหญ่แล้ว มีสิทธิที่จะทาอะไรก็ได้ เพราะอย่างนี้วัยรุ่นถึงตกเป็นเครื่องมือของสื่อ
โดยอาจขาดวิจารณญาณในการบริโภคข้อมูลข่าวสาร
ทัศนคติที่มีต่อค่านิยมความขาวในสังคมไทย สังคมนิยมขาวของไทย ถูกบ่มเพาะมากับความเชื่อที่ว่า คนผิว
ขาว คือ คนรวย ที่ไม่ต้องทางานหนักตากแดด ผิวขาวแล้วใส่เสื้อผ้าได้ทุกอย่าง ใส่แล้วดูดี และคนผิวขาวจะมีโอกาส
มากกว่าคนอื่น ทั้งหน้าที่การงาน การเข้าสังคม หรือแม้กระทั่งการมีแฟน
"เพื่อนผมหรือคนรุ้จักที่เค้าฉีดผิวมา ยอมรับครับว่ามันขาวจริงแต่มันขาวแบบหลอกๆอ่ะครับขาวแบบ กระดาษ ไม่ใช่
ขาวแบบสุขภาพดี เห็นแล้วมันดูน่ากลัว มากกว่า น่ารักอ่ะครับ บางคนนี้ขาวจนน่ากลัวมากกกกกก ดูแล้วไม่เป็น
ธรรมชาติเลย ยอมรับนะครับ ว่าผู้หญิงผิวขาว ย่อมดูดีกว่าผู้หญิงที่มีผิวคล้า แต่!! มันไม่ใช่ขาวแบบนี้ครับ บางคนเห็น
พวกผมมองกัน ก็คิดว่าตัวเองน่ารัก พวกผู้ชายถึงได้มอง แต่ในความเป็นจริง ที่มองเพราะมันน่ากลัวครับ คนเราควร
พอใจในสิ่งที่ตนได้มาตั้งแต่เกิดครับ ยืดอก พอใจในสิ่งที่พ่อและแม่ให้มาสวยในแบบที่เราเป็นครับ ถ้าผู้ชายคนไหนมัน
มาชอบเราเพราะเราขาวดูเป็นเกาหลี ญี่ปุ่น เลิกคบมันไปเลยครับ ไม่ได้มีเจตนาร้ายใดๆทั้งสิ้นน้ะครับ เพียงแค่เป็น
ห่วงวัยรุ่นไทยเพราะบางคนก็กินกลูต้าที่ไม่มี อย รับรอง ซื้อวิตตามินจากที่ไหนก็ไม่รู้แล้วมาฉีดเข้าเส้นเลือดตัวเอง มัน
อันตรายนะครับ พ่อแม่ ให้ชีวิตคุณมา แต่คุณกลับมาทาลายชีวิตคุณเอง เพราะกระแสความอยากขาวเหรอครับ ??"
ที่นาข้อความนี้มาไม่ได้อยากให้สาวๆ หยุดสวยนะคะ แต่อยากให้สวยอย่างมีสติค่ะ ความจริงแล้วคนสวยไม่จาเป็นต้อง
ขาว และคนที่ขาวไม่ได้แปลว่าสวย อยากให้ทุกคนพอใจในสิ่งที่ ตัวเองเป็น ผิวแทนก็สวยนะคะ ไม่ต้องขาวก็ได้ แค่ให้
ผิวเรียบเนียน และสม่าเสมอกันก็โอเคแล้ว แค่สีผิวไม่ได้แสดงถึงนิสัยใจคอหรอกค่ะ สังคมไทยมักตัดสินทันทีที่เห็น ว่า
คนที่ผิวสีเข้มยากจน มาจากบ้านนอก สกปรก อันที่จริงแล้วก็ไม่ถูกเท่าไหร่ ดังนั้นอย่ามองคนแค่เพียงเปลือกนอก และ
ไม่จาเป็นต้องทาตามค่านิยมของคนส่วนใหญ่เสมอไป
6
วิธีดาเนินงาน
แนวทางการดาเนินงาน
1. คิดหัวข้อเรื่อง สืบค้นข้อมูล และศึกษาเอกสารที่เกี่ยวข้อง
2. การเขียนเค้าโครงของโครงงาน
3. การปฏิบัติโครงงาน ดาเนินงานตามแผนที่กาหนดไว้ในเค้าโครงของโครงงาน
4. การเขียนรายงาน การสรุป การรายงานผล
5. การแสดงผลงาน
เครื่องมือและอุปกรณ์ที่ใช้
1. คอมพิวเตอร์ในการจัดทาโครงงาน
2. อินเตอร์เน็ตในการสืบค้นข้อมูล
งบประมาณ
-
ขั้นตอนและแผนดาเนินงาน
ลาดับ
ที่
ขั้นตอน สัปดาห์ที่ ผู้รับผิดชอบ
1 2 3 4 5 6 7 8 9 10
1 คิดหัวข้อโครงงาน
2 ศึกษาและค้นคว้าข้อมูล
3 จัดทาโครงร่างงาน
4 ปฏิบัติการสร้างโครงงาน
5 ปรับปรุงทดสอบ
6 การทาเอกสารรายงาน
7 ประเมินผลงาน
8 นาเสนอโครงงาน
ผลที่คาดว่าจะได้รับ
นักเรียนม.6/8ทุกคนมีค่านิยมที่ดีขึ้น ไม่หลงเชื่อและทาตามค่านิยมที่ผิด พร้อมทั้งได้รับการปลูกฝังค่านิยมที่ดี
งาม นาไปปฏิบัติจริง
สถานที่ดาเนินการ
โรงเรียนยุพราชวิทยาลัย
กลุ่มสาระการเรียนรู้ที่เกี่ยวข้อง
สาระการเรียนรู้คอมพิวเตอร์และเทคโนโลยี
สาระการเรียนรู้สังคมศึกษา
สาระการเรียนรู้สุขศึกษา
แหล่งอ้างอิง
https://www.gotoknow.org/posts/328585
7
http://www.teenpath.net/content.asp?ID=11520#.W6PHR-gzbIU
https://www.dek-d.com/board/view/3813935/
https://mgronline.com/qol/detail/9470000043162

More Related Content

Similar to กิจกรรมที่ 1 โครงร่างโครงงาน

Tuangtham Sura M.6/9 No.37
Tuangtham Sura M.6/9 No.37Tuangtham Sura M.6/9 No.37
Tuangtham Sura M.6/9 No.37KamontipKumjen
 
2562 final-project -warun
2562 final-project -warun2562 final-project -warun
2562 final-project -warunTawanny Rawipon
 
Animaltherapy
AnimaltherapyAnimaltherapy
Animaltherapysiradamew
 
เลี้ยงลูกเจนฯ อัลฟ่าให้ฉลาดและมีความสุข
เลี้ยงลูกเจนฯ อัลฟ่าให้ฉลาดและมีความสุขเลี้ยงลูกเจนฯ อัลฟ่าให้ฉลาดและมีความสุข
เลี้ยงลูกเจนฯ อัลฟ่าให้ฉลาดและมีความสุขCanned Pumpui
 
โครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์ อาหารเพื่อสุขภาพ
โครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์ อาหารเพื่อสุขภาพโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์ อาหารเพื่อสุขภาพ
โครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์ อาหารเพื่อสุขภาพMewBesty
 
โครงงาน แพ้ภูมิตัวเอง ศัตตรูมืดในร่างกายคุณ
โครงงาน แพ้ภูมิตัวเอง ศัตตรูมืดในร่างกายคุณโครงงาน แพ้ภูมิตัวเอง ศัตตรูมืดในร่างกายคุณ
โครงงาน แพ้ภูมิตัวเอง ศัตตรูมืดในร่างกายคุณKnooknickk Pinpukvan
 
Philophobia
PhilophobiaPhilophobia
PhilophobiaSuppamas
 
2560 project 2
2560 project  22560 project  2
2560 project 2Dduang07
 
แบบเสนอโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์
แบบเสนอโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์แบบเสนอโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์
แบบเสนอโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์Daranpop Doungdetch
 
2560 project (1)
2560 project  (1)2560 project  (1)
2560 project (1)Dduang07
 
บริบทที่ส่งผลต่อการจัดการศึกษา
บริบทที่ส่งผลต่อการจัดการศึกษาบริบทที่ส่งผลต่อการจัดการศึกษา
บริบทที่ส่งผลต่อการจัดการศึกษาjuriporn chuchanakij
 
2562 final-project 14-610
2562 final-project 14-6102562 final-project 14-610
2562 final-project 14-610ssuser015151
 
แบบโครงร่างโครงงานน้ำเหม่ง
แบบโครงร่างโครงงานน้ำเหม่งแบบโครงร่างโครงงานน้ำเหม่ง
แบบโครงร่างโครงงานน้ำเหม่งJah Jadeite
 

Similar to กิจกรรมที่ 1 โครงร่างโครงงาน (20)

Tuangtham Sura M.6/9 No.37
Tuangtham Sura M.6/9 No.37Tuangtham Sura M.6/9 No.37
Tuangtham Sura M.6/9 No.37
 
2562 final-project -warun
2562 final-project -warun2562 final-project -warun
2562 final-project -warun
 
Animaltherapy
AnimaltherapyAnimaltherapy
Animaltherapy
 
เลี้ยงลูกเจนฯ อัลฟ่าให้ฉลาดและมีความสุข
เลี้ยงลูกเจนฯ อัลฟ่าให้ฉลาดและมีความสุขเลี้ยงลูกเจนฯ อัลฟ่าให้ฉลาดและมีความสุข
เลี้ยงลูกเจนฯ อัลฟ่าให้ฉลาดและมีความสุข
 
โครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์ อาหารเพื่อสุขภาพ
โครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์ อาหารเพื่อสุขภาพโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์ อาหารเพื่อสุขภาพ
โครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์ อาหารเพื่อสุขภาพ
 
งาน2
งาน2งาน2
งาน2
 
โครงงาน แพ้ภูมิตัวเอง ศัตตรูมืดในร่างกายคุณ
โครงงาน แพ้ภูมิตัวเอง ศัตตรูมืดในร่างกายคุณโครงงาน แพ้ภูมิตัวเอง ศัตตรูมืดในร่างกายคุณ
โครงงาน แพ้ภูมิตัวเอง ศัตตรูมืดในร่างกายคุณ
 
งาน
งานงาน
งาน
 
Com term2
Com term2Com term2
Com term2
 
Philophobia
PhilophobiaPhilophobia
Philophobia
 
2560 project 2
2560 project  22560 project  2
2560 project 2
 
แบบเสนอโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์
แบบเสนอโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์แบบเสนอโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์
แบบเสนอโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์
 
2560 project (1)
2560 project  (1)2560 project  (1)
2560 project (1)
 
2558 project
2558 project 2558 project
2558 project
 
บริบทที่ส่งผลต่อการจัดการศึกษา
บริบทที่ส่งผลต่อการจัดการศึกษาบริบทที่ส่งผลต่อการจัดการศึกษา
บริบทที่ส่งผลต่อการจัดการศึกษา
 
2562 final-project 14-610
2562 final-project 14-6102562 final-project 14-610
2562 final-project 14-610
 
Depression of thai people
Depression of thai peopleDepression of thai people
Depression of thai people
 
แบบโครงร่างโครงงานน้ำเหม่ง
แบบโครงร่างโครงงานน้ำเหม่งแบบโครงร่างโครงงานน้ำเหม่ง
แบบโครงร่างโครงงานน้ำเหม่ง
 
Ngan ku krongrang1
Ngan ku krongrang1Ngan ku krongrang1
Ngan ku krongrang1
 
Ngan ku krongrang1
Ngan ku krongrang1Ngan ku krongrang1
Ngan ku krongrang1
 

กิจกรรมที่ 1 โครงร่างโครงงาน

  • 1. 1 แบบเสนอโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์ รหัสวิชา ง33201-33202 ชื่อวิชา เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร 5- 6 ปีการศึกษา 2561 ชื่อโครงงานค่านิยมอันตราย ทาร้ายร่างกายแบบไม่รู้ตัว ชื่อผู้ทาโครงงาน น.ส.จิตรานุช วัฒนเกษมสกุล เลขที่ 45 ชั้น ม.6 ห้อง 8 ชื่ออาจารย์ที่ปรึกษาโครงงาน ครูเขื่อนทอง มูลวรรณ์ ระยะเวลาดาเนินงาน ภาคเรียนที่ 1-2 ปีการศึกษา 2561 โรงเรียนยุพราชวิทยาลัย จังหวัดเชียงใหม่ สานักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเขต 34
  • 2. 2 ใบงาน การจัดทาข้อเสนอโครงงานคอมพิวเตอร์ ชื่อผู้ทาโครงงาน น.ส.จิตรานุช วัฒนเกษมสกุล เลขที่ 45 ชั้น ม.6 ห้อง 8 คาชี้แจง ให้ผู้เรียนแต่ละกลุ่มเขียนข้อเสนอโครงงานตามหัวข้อต่อไปนี้ ชื่อโครงงาน (ภาษาไทย) ค่านิยมอันตราย ทาร้ายร่างกายแบบไม่รู้ตัว ชื่อโครงงาน (ภาษาอังกฤษ) Value problems ประเภทโครงงาน โครงงานคอมพิวเตอร์ (เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร) ชื่อผู้ทาโครงงาน น.ส.จิตรานุช วัฒนเกษมสกุล ชื่อที่ปรึกษา ครูเขื่อนทอง มูลวรรณ์ ระยะเวลาดาเนินงาน ภาคเรียนที่ 1-2 ปีการศึกษา 2561 ที่มาและความสาคัญของโครงงาน เมื่อยุคสมัยเปลี่ยนไป สังคมไทยเราก็ได้รับค่านิยมต่างๆเข้ามามากมาย รวมถึงค่านิยมของสาวสวยที่นอกจาก จะต้องมีผิวที่ขาวกระจ่างใสแล้ว ยังต้องมีหุ่นที่ผอมเพรียว ให้เหมือนกับเหล่าดารา นักร้อง ไอดอลที่เห็นได้ทั่วไปในสื่อ ต่างๆ มันก็เป็นเรื่องที่ดีที่สาวๆทั้งหลายจะต่างลุกขึ้นมาเพื่อออกกาลังกาย และบารุงผิวพรรณให้สวยใส แต่ว่าส่วนใหญ่ กลับไม่เป็นแบบนั้น วัยรุ่นส่วนมากกลับเลือกทางลัด เพราะเห็นว่าได้ผลทันใจ และไม่ต้องลาบากอะไรไม่มาย โดยการ พึ่งยาลดความอ้วน และยาทาให้ผิวขาวนั่นเอง ซึ่งเป็นของที่อันตราย และเป็นทางเลือกที่ผิดเป็นอย่างมาก แต่ก็น่า แปลกใจที่เรายังสามารถเห็นได้ตามโฆษณา และตามท้องตลาดอย่างเกลื่อนกลาด ยังนอกจากนั้นยาเหล่านี้ยังมาพร้อม กับสรรพคุณเกินจริง ที่คอยล่อลวงวัยรุ่นที่หลงเชื่อค่านิยมผิดๆให้มาติดกับดักอีกด้วย ดังนั้นผู้จัดทาจึงคิดที่จะนา ความรู้ที่ได้ศึกษามาทาโครงงานเพื่อศึกษาเกี่ยวกับค่านิยมที่ผิดในสังคมไทย และหาทางแก้ไขปัญหาการเชื่อในค่านิยม ที่ผิด และส่งผลเสีย รวมทั้งศึกษาค่านิยมที่ดีงาม วัตถุประสงค์ 1. เพื่อศึกษาเกี่ยวกับปัญหาค่านิยมที่อันตรายในสังคมไทย 2. เพื่อหาแนวทางในการแก้ไขปัญหาเบื้องต้น 3. เพื่อศึกษาค่านิยมที่ถูกต้อง และดีงาม ขอบเขตโครงงาน กลุ่มตัวอย่าง ประชากร : นักเรียนห้องม.6/8 ระยะเวลาในการศึกษา : 10 สัปดาห์ สถานที่ใช้ในการศึกษา : โรงเรียนยุพราชวิทยาลัย
  • 3. 3 หลักการและทฤษฎี "สื่อ" ตัวดีกระตุ้นค่านิยมผิดๆ ส่วนใหญ่ปัจจัยที่ก่อให้เกิดค่านิยมที่ให้ความสาคัญในเรื่องรูปลักษณ์เรือน-ร่าง นั้น เกิดจาก 3 ปัจจัย หลักๆ คือ 1.การเปลี่ยนแปลงของค่านิยมในสังคมที่บูชาวัตถุ ทาให้คนในปัจจุบันมองว่า ร่างกายเป็นทรัพย์สินรูปแบบหนึ่ง 2.การพัฒนาเทคโนโลยีแห่งความงามรุดหน้ามาก แพทย์สามารถทาศัลยกรรมให้ ร่างกายมนุษย์ไร้ที่ติ หรือใช้กรรมวิธีต่างๆ เพื่อให้ผู้หญิง ผู้ชาย สวยหล่อได้ดังใจปรารถนาและ3. อิทธิพลของสื่อที่ กระตุ้นค่านิยมเรื่องรูปลักษณ์-เรือนร่าง สร้างรูปร่างในอุดมคติของวัยรุ่นขึ้นมาก ไม่ว่าจะเป็นนายแบบ นางแบบ ดารา นักร้องทั้งในประเทศและต่างประเทศ ทั้งนี้ งานวิจัยยังบ่งชี้ด้วยว่า วัยรุ่นมักจะมีภาษาหรือศัพท์แสลง ที่ให้คุณค่าในเชิงลบกับหญิงหรือชายที่มีความ บกพร่องทางร่างกายไม่ว่าจะผอม หรืออ้วนจนเกินไป ซึ่งส่วนมากจะนิยมพูดต่อๆ กัน หรือติดมาจากเพื่อน ไม่มีที่มาที่ ชัดเจน เช่น เฟะ = รูปร่างของคนอ้วนมากๆ มีไขมันเป็นชั้นๆ, อึ้ม =ผู้หญิงที่มีหน้าอกโต บางครั้งก็อาจใช้คาทับศัพท์ อย่าง เอ็กซ์ = รูปร่างของผู้หญิงที่มีความเซ็กซ์ซี่ หรือชอบแต่งตัววับๆ แวมๆ, สลิม = ผู้หญิงที่ผอมเพรียว โดยที่ศัพท์ เหล่านี้เด็กจะนามาจากทีวี นิตยสาร หรือละควรซิทคอมของต่างประเทศ นอกจากนี้อาจมีการใช้คาเช่น แบน แห้ง ย้วย แหนม เป็นต้น วัยรุ่นหญิงไม่พึ่งพอใจรูปร่างสูงมาก ดร.จุลนี ยังบอกอีกว่า ผลการสอบถามระดับความพึ่งพอใจของแต่ละเพศ นั้น ผู้หญิงจะมีความไม่พึงพอใจสูงถึงครึ่งต่อครึ่ง ส่วนผู้ชายมีความไม่พึงพอใจต่า โดยแบ่งเป็นกลุ่มที่พอใจ พอใจใน ระดับสูงมีความมั่นใจมาก และไม่พอใจบางส่วน "ปกติผู้หญิงมักจะไม่พอใจรูปร่างตัวเองส่วนใดส่วนหนึ่งในร่างกาย และไม่มีความมั่นใจเลย อย่างเด็กหญิงคนหนึ่งบอกว่า หนูเป็นผู้หญิงโครงสร้างใหญ่ สะโพง ต้นขา เอว ใหญ่ทุกอย่าง แต่อกเป็นไข่ดาว ส่วนผู้ชายที่ไม่พึงพอใจรูปร่างตัวเองนั้น ส่วนมากอยากมีรูปร่างเป็นแมน สูงใหญ่"ดร.จุลนีอธิบาย อย่างไรก็ตาม วิธีการจัดการกับส่วนในร่างกายที่ไม่พึ่งพอใจนั้น ผู้หญิงมักจะใช้วิธีการอดอาหารซึ่งเดี๋ยวนี้เริ่มตั้งแต่เด็ก ประถมฯ พอระดับมัธยมปลายก็จะเริ่มรับประทานยาถ่าย และจะนิยมใช้ยาลดความอ้วนมากในช่วงที่เป็นนักศึกษา พร้อมกับพัฒนาไปสู้การฝังเข็ม อมอาหารไว้ในปากเพื่อรับรสชาติแล้วจึงคายออก หรือล้วงคอให้อาเจียนออกมา ส่วน ในวัยรุ่นชายจะนิยมเล่นกีฬา ออกกาลังกายในโรงยิมหรือศูนย์ออกกาลังกาย (ฟิตเนส) หรือบางคนอาจมีการจากัด อาหารที่มีไขมันสูง เมื่อถามว่าทาไมวัยรุ่นหญิงไม่เล่นกีฬาและวัยรุ่นชายไม่กินยาลดความอ้วนนั้น วัยรุ่นหญิงให้คาตอบว่า ไม่มีเพื่อน หรือไม่ไหวเหนื่อยเกินไป ส่วนผู้ชายบอกว่า มีแต่กระเทยที่กินยาลดความอ้วนซึ่งเป็นเรื่องที่บ่งบอกความแตกต่างใน เรื่องเพศอย่างชัดเจน เรื่องที่น่าวิตกโดยเฉพาะวัยรุ่นหญิง คือ เด็กไม่สามารถหาทางออกได้ จึงเชื่อตามสื่อ ตามเพื่อน นาไปสู่การรับประทาน ยาลดความอ้วนและวิธีต่างๆ ที่ทาให้ได้รูปร่างตามที่ตนปรารณนาซึ่งผู้ปกครองเองก็จะไม่ทราบต่อเมื่อเด็กมีร่างกายที่ ผอมผิดปกติจึงพาไปพบแพทย์ ภัยร้ายหญิงชาย "กลัวอ้วน" ต่อคาถามที่ว่า อิทธิพลและแรงกดดันของสังคมไทยมีผลต่อผู้หญิงในเรื่อง รูปลักษณ์หรือไม่นั้น ดร.จุลนี ไขข้อข้องใจว่า ค่านิยมในสังคมไทยยังให้ความสาคัญกับผู้หญิง ผู้ชายที่มีหน้าตา รูปร่าง สวยงาม ยิ่งปัจจุบันคนยิ่งมองแต่รูปลักษณ์ภายนอกอย่างฉาบฉวย นอกจากนี้ค่านิยมในกลุ่มผู้หญิงเองมักมีการเปรียญ เทียบรูปร่างตัวเองกับเพื่อน ทาให้เกิดความกดดัน ในขณะที่ผู้ชายไม่สนใจเรื่องนี้เลย สาหรับผลกระทบของค่านิยมผิดๆ นอกจากจะทาให้สุขภาพร่างกายไม่แข็งแรงแล้ว อาจรุนแรงถึงขั้นที่วัยรุ่นไทยเริ่มมี อาการของโรค บูลีเมีย (bulimia)หรือ อะนอเร็กเซีย(anorexic) เพิ่มมากขึ้น จากเดิมที่ระบาดในต่างประเทศขณะนี้ กาลังรุกลามเข้ามาในประเทศไทย ซึ่งแพทย์หรือตัวเด็กเองยังไม่มีความเข้าใจ เนื่องจากเป็นโรคใหม่ ความรู้ยังไม่ แพร่หลาย นอกจากนี้ดร.จุลนี ยังได้เสนอทางออกของปัญหาว่า ทุกฝ่ายควรร่วมมือกันทั้งพ่อ-แม่ สื่อ สร้างค่านิยม ใหม่ๆ ปลูกฝัง ให้เด็กรู้จักวิธีรักษาสุขภาพให้เหมาะสม เน้นย้าลักษณะทางเชื้อชาติ และพันธุกรรมของเรา รวมทั้ง เปลี่ยนแปลงค่านิยมด้านวัตถุให้หันมาให้ความสาคัญกับคุณภาพชีวิตและจิตใจมากกว่า สิ่งสาคัญคือ สนับสนุน เชิดชู
  • 4. 4 ให้เด็กสร้างความเป็นปัจเจก มีเอกลักษณ์เป็นของตัวเอง ไม่ตามแฟชั่น หรือตามเพื่อนมากเกินไป มีความมั่นใจใน รูปร่างตนเอง โดยการสร้างสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง รู้จักบูลีเมีย และ อนอเร็กเซีย บูลีเมีย (Bulimia Nervasa) เป็นลักษณะของคนที่ไม่ผอมมากนัก และมีความ กังวล กลัวอ้วน แต่ไม่สามารถที่จะอดอาหารได้ จึงมีพฤติกรรมทานอาหารทีละมากๆ แล้วมีพฤติกรรม การพยายาม ล้วงคอให้อาเจียน หรือกินยาถ่าย หรือยาระบาย เพื่อให้น้าหนักลดงอย่างรวดเร็ว ซึ่งก็เป็นเรื่องที่อันตราย ทาให้ ร่างกายสูญเสียสมดุล สูญเสียเกลือแร่ในร่างกาย อาจทาให้เกิดภาวะหัวใจล้มเหลว และเสียชีวิตได้ ส่วน อนอเร็กเซีย(Anorexia Nervasa)เป็นลักษณะของคนไข้ที่ไม่อ้วนแล้ว อาจจะผอมมากแล้ว แต่ก็มักจะคิดว่า ตนเองยังอ้วนอยู่ และจะไม่ยอมทานอะไรเลย ซึ่งเป็นสิ่งที่อันตราย อาจทาให้เกิดภาวะการขาดอาหาร โดยอาจ อันตรายถึงขั้นเสียชีวิตได้ ในบางรายอาจจะพยายามออกกาลังกายอย่างหักโหม มากจนเกินไป ก็ทาให้เสียชีวิตได้ เช่นกัน ต้องเห็นคุณค่าในตัวเองนักวิจัยในประเทศแถบตะวันตกพบเรื่องน่าตกใจในหมู่เด็กหญิงวัยรุ่นว่า พวกเขาพา กันใฝ่ฝันอยากจะมีรูปทรงเอวเล็กเอวบางเหมือนดาราดังๆ และนางแบบบ้าง พวกเขาถึงกับอดอาหารแทบไม่ยอมกิน อะไรเลย ซึ่งผลการศึกษาของมหาวิทยาลัยอุลสเตอร์ของไอร์แลนด์ โดยการสัมภาษณ์เด็กสาววัยรุ่น วัยระหว่าง 14-16 ปี จานวน 400 คน พบว่าต่างพากันใฝ่ฝันจะมีรูปทรงแบบดารา โดยอ้างว่าเพื่อจะได้พบความรักและเป็นความพึง พอใจ พวกเธอจานวนถึง 80% พากันร่าร้องว่าการรักษารูปร่างเป็นสิ่งจาเป็นมาก ไม่อย่างนั้นหนุ่มๆ ก็ไม่เหลียวแล เพราะหนุ่มๆ เขาชอบสาวผอมๆ กันทั้งนั้น นอกจากนี้ ความผอมยังทาให้เกิดความเชื่อมั่นในตัวเองมากขึ้นด้วย เด็กสาวหลายคนอ้างว่า พวกเธอต้องการมีหน้าท้องที่แบนราบและขาเรียวเล็ก ยิ่งกว่านั้นเด็กสาวเหล่านี้กว่า 70% ต่างบ่นไม่พอใจในรูปร่างและน้าหนักตัว และต่างต้องการจะผอมลงกว่านี้ ทั้งที่หมอก็เห็นว่าสาวน้อยเหล่านี้ไม่ต่ากว่า 45% ก็มีรูปร่างดีอยู่แล้ว นอกจากนั้นมีอยู่ 49% สารภาพว่าเคยควบคุมอาหาร และมีถึง 38.5% ยอมรับว่ากาลัง ควบคุมอาหารกันอยู่ ชลิดา (เถาว์ชาลี) ตันติพิภพ อดีตนางสาวไทย ซึ่งจบมาทางด้านพยาบาลและโภชนาการ คอลัม นิสต์ทางด้านอาหารและสุขภาพ ให้ความเห็นในเรื่องนี้ว่าค่านิยมที่กลัวอ้วนนั้นเป็นเรื่องที่เกิดกับผู้หญิงเกือบทั่วโลก ซึ่งจริงๆ แล้วคนเราก็ไม่ควรอ้วนเกินไป แต่การจะผอมก็ควรผอมแบบมีสุขภาพดี มีความสมดุลระหว่างน้าหนักและ ส่วนสูง ซึ่งตามมาตรฐานของทางชาติตะวันตกนั้น ค่าดัชนีมวลกาย (Body Mass Index - BMI) จะอยู่ที่ประมาณ 20 แต่คนไทยหรือคนเอเชียตัวเล็ก กระดูกเล็ก อาจจะอนุโลมให้อยู่ในเกณฑ์ 23-25 กิโลกรัม ก็น่าจะพอแล้ว ชลิดาเสริมด้วยว่า คุณพ่อคุณแม่ควรทาความเข้าใจกับลูกๆ ให้เห็นคุณค่าและความมั่นใจในตัวเอง โดยเฉพาะชีวิตยังมี เรื่องอื่นๆ ที่สาคัญไม่แพ้รูปร่างหน้าตา และถ้าหากอยากรักษาน้าหนักให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐานก็เป็นเรื่องที่ดี แต่ต้อง ให้มีความสมดุล จะไปเอาอย่างดารา นางแบบไม่ได้ เขามีอาชีพตรงนั้นที่ต้องใช้ร่างกาย แล้วกล้องทีวีทาให้คนดูอ้วน กว่าปกติ เหล่าดาราก็ต้องลดให้ผอมลงไปอีก 3-4 กิโลกรัม เพื่อให้ภาพออกมาแล้วหุ่นกาลังดี แต่คนทางาน หรือ นักเรียน นักศึกษาทั่วไป ไม่มีความจาเป็นอย่างนั้น เพราะอาจจะมีปัญหาในระยะยาว เช่น ขาดสารอาหาร หรือเมื่อ ต้องการตั้งครรภ์ก็จะต้องบารุงมากกว่าปกติ เพราะตอนวัยรุ่นขาดสารอาหารที่จาเป็นไปบารุงร่างกาย ซึ่งอาจทาให้ ตั้งครรภ์ยากกว่าคนทั่วไปก็ได้ ทางที่ดีก็คือเลือกทางสายกลาง ตามมาตรฐานของเราเอง เช่น สูง 165 เซนติเมตร หนัก 50 กิโลกรัม ก็ดูดีแล้ว สาเหตุที่ก่อให้เกิดความคลั่งผิวขาวในสังคมไทย เชื่อว่าหลายคนอาจมีไอดอล และอยากจะเป็นให้ได้เหมือน คนๆ นั้น ไม่ว่าจะเป็นดารา นักร้อง พิธีกร ซึ่งส่วนใหญ่มีความขาว ยิ่งเมื่อยืนอยู่ท่ามกลางแสงไฟกระทบกับ เครื่องสาอางชั้นเลิศบนผิวหน้า ยิ่งทาให้ผิวขาวมีเสน่ห์ จนวัยรุ่นสมัยนี้ตามล่าหาฝัน อยากจะไปเป็นดารา นักร้อง อยากจะโกอินเตอร์ และแน่นอนสิ่งที่ต้องรีบทาให้ตัวเองดูดี คือต้องมีความขาวแบบนั้น การที่จะทาให้ตัวเองขาวขึ้นถือ ว่าเป็นเรื่องซับซ้อนสาหรับหมู่วัยรุ่น แค่ทาครีมบารุงผิวเพิ่มคงไม่พอ ต้องทั้งฉีด ทั้งกินสารพัดสารเคมีที่จะทาให้ขาว สวยรวดเร็วทันใจ ไม่ต้องสงสัยว่าทาไมวัยรุ่นถึงยอมที่จะเสี่ยงเพื่อให้ได้ความขาว นั่นเป็นเพราะสื่อเป็นแหล่งข้อมูลชั้น ยอดของวัยรุ่นและยังเกาะกุมหัวใจของวัยรุ่นได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นละคร โฆษณา ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ถ้า คุณขาว คุณจะมีโอกาสมากกว่าคนอื่น ทั้งหน้าที่การงาน การเข้าสังคม หรือแม้กระทั่งการมีแฟน ยิ่งไปกว่านั้นสื่อยอด ฮิตที่วัยรุ่นเห็นจะขาดเป็นไม่ได้คือสื่ออินเทอร์เน็ต ซึ่งเป็นสื่อที่มีอิสระในการเผยแพร่ข้อมูลค่อนข้างมาก จึงเป็นตัวช่วย
  • 5. 5 วัยรุ่นในการสืบค้นข้อมูลในสิ่งที่โทรทัศน์และวิทยุไม่สามารถบอกได้ นอกจากนี้โครงสร้างร่างกายของวัยรุ่นโตเร็ว ไม่ แปลกที่วัยรุ่นจะคิดว่าตนเองเป็นผู้ใหญ่แล้ว มีสิทธิที่จะทาอะไรก็ได้ เพราะอย่างนี้วัยรุ่นถึงตกเป็นเครื่องมือของสื่อ โดยอาจขาดวิจารณญาณในการบริโภคข้อมูลข่าวสาร ทัศนคติที่มีต่อค่านิยมความขาวในสังคมไทย สังคมนิยมขาวของไทย ถูกบ่มเพาะมากับความเชื่อที่ว่า คนผิว ขาว คือ คนรวย ที่ไม่ต้องทางานหนักตากแดด ผิวขาวแล้วใส่เสื้อผ้าได้ทุกอย่าง ใส่แล้วดูดี และคนผิวขาวจะมีโอกาส มากกว่าคนอื่น ทั้งหน้าที่การงาน การเข้าสังคม หรือแม้กระทั่งการมีแฟน "เพื่อนผมหรือคนรุ้จักที่เค้าฉีดผิวมา ยอมรับครับว่ามันขาวจริงแต่มันขาวแบบหลอกๆอ่ะครับขาวแบบ กระดาษ ไม่ใช่ ขาวแบบสุขภาพดี เห็นแล้วมันดูน่ากลัว มากกว่า น่ารักอ่ะครับ บางคนนี้ขาวจนน่ากลัวมากกกกกก ดูแล้วไม่เป็น ธรรมชาติเลย ยอมรับนะครับ ว่าผู้หญิงผิวขาว ย่อมดูดีกว่าผู้หญิงที่มีผิวคล้า แต่!! มันไม่ใช่ขาวแบบนี้ครับ บางคนเห็น พวกผมมองกัน ก็คิดว่าตัวเองน่ารัก พวกผู้ชายถึงได้มอง แต่ในความเป็นจริง ที่มองเพราะมันน่ากลัวครับ คนเราควร พอใจในสิ่งที่ตนได้มาตั้งแต่เกิดครับ ยืดอก พอใจในสิ่งที่พ่อและแม่ให้มาสวยในแบบที่เราเป็นครับ ถ้าผู้ชายคนไหนมัน มาชอบเราเพราะเราขาวดูเป็นเกาหลี ญี่ปุ่น เลิกคบมันไปเลยครับ ไม่ได้มีเจตนาร้ายใดๆทั้งสิ้นน้ะครับ เพียงแค่เป็น ห่วงวัยรุ่นไทยเพราะบางคนก็กินกลูต้าที่ไม่มี อย รับรอง ซื้อวิตตามินจากที่ไหนก็ไม่รู้แล้วมาฉีดเข้าเส้นเลือดตัวเอง มัน อันตรายนะครับ พ่อแม่ ให้ชีวิตคุณมา แต่คุณกลับมาทาลายชีวิตคุณเอง เพราะกระแสความอยากขาวเหรอครับ ??" ที่นาข้อความนี้มาไม่ได้อยากให้สาวๆ หยุดสวยนะคะ แต่อยากให้สวยอย่างมีสติค่ะ ความจริงแล้วคนสวยไม่จาเป็นต้อง ขาว และคนที่ขาวไม่ได้แปลว่าสวย อยากให้ทุกคนพอใจในสิ่งที่ ตัวเองเป็น ผิวแทนก็สวยนะคะ ไม่ต้องขาวก็ได้ แค่ให้ ผิวเรียบเนียน และสม่าเสมอกันก็โอเคแล้ว แค่สีผิวไม่ได้แสดงถึงนิสัยใจคอหรอกค่ะ สังคมไทยมักตัดสินทันทีที่เห็น ว่า คนที่ผิวสีเข้มยากจน มาจากบ้านนอก สกปรก อันที่จริงแล้วก็ไม่ถูกเท่าไหร่ ดังนั้นอย่ามองคนแค่เพียงเปลือกนอก และ ไม่จาเป็นต้องทาตามค่านิยมของคนส่วนใหญ่เสมอไป
  • 6. 6 วิธีดาเนินงาน แนวทางการดาเนินงาน 1. คิดหัวข้อเรื่อง สืบค้นข้อมูล และศึกษาเอกสารที่เกี่ยวข้อง 2. การเขียนเค้าโครงของโครงงาน 3. การปฏิบัติโครงงาน ดาเนินงานตามแผนที่กาหนดไว้ในเค้าโครงของโครงงาน 4. การเขียนรายงาน การสรุป การรายงานผล 5. การแสดงผลงาน เครื่องมือและอุปกรณ์ที่ใช้ 1. คอมพิวเตอร์ในการจัดทาโครงงาน 2. อินเตอร์เน็ตในการสืบค้นข้อมูล งบประมาณ - ขั้นตอนและแผนดาเนินงาน ลาดับ ที่ ขั้นตอน สัปดาห์ที่ ผู้รับผิดชอบ 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 1 คิดหัวข้อโครงงาน 2 ศึกษาและค้นคว้าข้อมูล 3 จัดทาโครงร่างงาน 4 ปฏิบัติการสร้างโครงงาน 5 ปรับปรุงทดสอบ 6 การทาเอกสารรายงาน 7 ประเมินผลงาน 8 นาเสนอโครงงาน ผลที่คาดว่าจะได้รับ นักเรียนม.6/8ทุกคนมีค่านิยมที่ดีขึ้น ไม่หลงเชื่อและทาตามค่านิยมที่ผิด พร้อมทั้งได้รับการปลูกฝังค่านิยมที่ดี งาม นาไปปฏิบัติจริง สถานที่ดาเนินการ โรงเรียนยุพราชวิทยาลัย กลุ่มสาระการเรียนรู้ที่เกี่ยวข้อง สาระการเรียนรู้คอมพิวเตอร์และเทคโนโลยี สาระการเรียนรู้สังคมศึกษา สาระการเรียนรู้สุขศึกษา แหล่งอ้างอิง https://www.gotoknow.org/posts/328585