More Related Content
Similar to โครงานนมวัว (20)
โครงานนมวัว
- 2. “นมวัวมีประโยชน์”คำกล่าวที่ต้องทบทวน นมวัวมีประโยชน์ยังคงเป็นคำกล่าวที่ใช้ได้ทุกยุคทุกสมัย ตราบใดที่คนเรายังเห็นคุณประโยชน์จากการดื่มนมอยู่เช่นทุกวันนี้ แต่เพียงด้านเดียว การดื่มนมวัว เป็นอีกพฤติกรรมหนึ่งที่สังคมไทยรับอิทธิพลมาจากชาวตะวันตก ทำให้การดื่มนมกลายมาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตเราตั้งแต่วัยเด็กจนถึงวัยชรา เพราะทุกคนได้รับการปลูกฝังให้มีค่านิยมที่ดีต่อการดื่มนมที่ชี้ให้เห็นว่านมวัวจะให้แคลเซียมที่ร่างกายได้รับประโยชน์มากที่สุดจะทำให้ร่างกายแข็งแรง สูง โตเร็ว ส่วนผู้ใหญ่ก็จะไม่เป็นโรคกระดูกพรุน ค่านิยมทั้งหลายแหล่งที่สังคมไทยมีต่อการดื่มนมล้วนแต่เป็นผลพวงจากการโฆษณา(ชวนเชื่อ)ที่บริษัทผู้ผลิตนมแต่ละยี่ห้อต่างเข็นออกมาสู่ยุทธศาสตร์ทางการตลาด โดยใช้การรณรงค์ให้เห็นว่านมวัวมีองค์ประกอบที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย 3 ตัวสำคัญ คือ ไขมัน โปรตีน และแคลเซียม ที่ช่วยให้เด็กๆมีร่างกายสูงใหญ่แข็งแรง หรือในผู้ใหญ่ก็จะไม่มีปัญหาเรื่องกระดูกพรุน สำหรับกลุ่มประเทศตะวันตก ซึ่งเป็นเมืองหนาวการดื่มนมวัวแทนน้ำมีความเหมาะสมอยู่แล้วกับสภาพอากาศของพวกเขา เพราะนมวัวจะให้พลังงาน หรือแคลอรีเพียงพอที่จะต่อสู้กับความหนาวได้แต่สังคมไทย ที่เป็นเมืองร้อนการดื่มนมวัวแทนน้ำ กลับให้โทษมากกว่าประโยชน์เสียอีก
- 3. เนื่องจากการสัมมนาของกองทุนวิจัย มะเร็งโลกในปี1997 ยืนยันว่า การดื่มนมวัวเป็นปัจจัยเพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งเต้านม เพียงแค่ชิ้นงานนี้เผยแพร่ออกไป ประเทศต่างๆในยุโรป อเมริกา และออสเตรเลีย ต่างหันมาส่งเสริมการดื่มนมถั่วเหลืองมากขึ้น นอกจากนี้ คนเมริกาที่ดื่มนมมากกว่าคนไทยหลายเท่า กลับเป็นโรคกระดูกผุมากกว่าคนไทยถึง 9 เท่า ทำให้เห็นได้ชัดเจนว่า นมวัวไม่ใช่แหล่งแคลเซียมที่ดีนัก โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับอาหารชนิดอื่นๆที่ให้แคลเซียมมากกว่านมวัวและหาได้ทั่วไปในบ้านเรืองเราไม่ว่าจะเป็นปลาและกุ้งตัวเล็กๆถั่วเหลือง ผักสดต่างๆ ถั่วแดง ฯลฯ ขณะเดียวกัน ไขมันเป็นสารอาหารอีกชนิดหนึ่งที่มีมากในนมวัว มีส่วนต่อการเพิ่มโอกาสเสี่ยงในการเป็นโรคอ้วนโรคไขมันในเส้นเลือด และโรคหัวใจเพิ่มมากขึ้นได้เช่นกัน เพราะไขมันในนมวัวเป็นกรดไขมันชนิดอิ่มตัวนั่นเองดูได้ไม่อยากจากการที่ผู้ผลิตนมพลิกแพลงยุทธศาสตร์ตลาดนมด้วยการส่งนมพร่องไขมันออกมาขาย แต่ในความเป็นจริงกลับไม่ได้หมายความว่า นมพร่องไขมันนั้นจะไม่มีไขมันเพียงแต่มันหายไปส่วนหนึ่งเท่านั้นเอง
- 4. คนที่วิจัยเรื่องนี้ ก็คือ The Milk Industry Foundation บอกว่าคนกินนมแล้ว เสี่ยงต่อโรคอ้วน เพราะไขมันในนม บริษัทนม จึงแก้ปัญหา ด้วยการทำนมพร่องไขมัน ซึ่งก็ยังมีไขมันเหลืออยู่อีกครึ่งหนึ่ง จากข้อสังเกตที่ว่า คนอเมริกัน กินนมเยอะที่สุด มีปัญหาเรื่องน้ำหนักเกินตามมา ผู้ชายอ้วน ๒๗% ผู้หญิง ๔๖% ในขณะที่ สถิติเรื่องอ้วน ในตอนนี้ คนไทยมีแค่ประมาณ ๒๐% ทั้งหญิงและชายการรณรงค์ ให้ดื่มนม เริ่มสมัยหลังสงครามโลกใหม่ๆ สมัยนั้น เป็นสมัย ที่คนไทยยังขาดอาหารอยู่ มีภาวะทุโภชนาการ อยู่ทั่วไป แต่ปัจจุบัน สถานการณ์ ได้เปลี่ยนไป ในทางตรงกันข้าม คนไทย มีอาหารการกิน อย่างเหลือเฟือ จนโรคอ้วนถามหากันเป็นแถว การมาส่งเสริมให้ดื่มนม กลับเป็นการซ้ำเติมโรคอ้วน ให้แย่ลงไปอีก
- 5. คุณค่าทางโภชนาการและประโยชน์ของนมวัว โปรตีนน้ำนมเป็นแหล่งโปรตีนที่สำคัญ ในน้ำนมสดหนึ่งถ้วยตวงมีโปรตีนถึง 8 กรัม นมจึงอยู่ในอาหารหลักหมู่ที่ 1 ของไทย คืออยู่หมู่เดียวกับ เนื้อสัตว์ , ไข่ และถั่วเมล็ดแห้ง โปรตีนในน้ำนมมีคุณภาพสูงกล่าวคือ เป็นโปรตีนที่สมบูรณ์มีกรดอะมิโนชนิดที่จำเป็นต่อร่างกาย ในปริมาณที่พอเหมาะ และยังมีกรดอะมิโนบางตัวมากเป็นพิเศษได้แก่ไลซีน (lysine) และลูซีน (leucine) เป็นต้นหน้าที่และประโยชน์ของโปรตีน1. จำเป็นสำหรับการเจริญเติบโตและการซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอของร่างกาย2. ควบคุมการทำงานของร่างกาย เอมไซม์ ฮอร์โมน และภูมิคุ้มกันโรคให้เป็นปกติสำหรับเด็ก การดื่มนมวันละ 500 ซีซี (ประมาณ 2 แก้ว) จะได้รับกรดอะมิโนที่จำเป็นแก่ร่างกายในปริมาณที่เพียงพอ
- 6. ไขมันไขมันในนมหรือที่เรียกว่ามันเนยเป็นแหล่งพลังงาน และมีกรดไขมันที่จำเป็นต่อร่างกาย ไขมันในนมเป็นหยดเล็ก ๆ และย่อยง่าย ในปัจจุบันการซื้อขายน้ำนม และผลิตภัณฑ์นมใช้ปริมาณไขมันเป็นมาตรฐาน นมที่มีไขมันสูงขายได้ในราคาดีกว่านมที่มีไขมันต่ำ ตามประกาศของกระทรวงสาธารณสุข น้ำนมสดต้องมีมันเนยไม่น้อยกว่า ร้อยละ 3.25หน้าที่และประโยชน์ของไขมัน1. ให้พลังงานและกรดไขมันที่จำเป็นแก่ร่างกาย2. เป็นการป้องกันการกระทบกระเทือนของอวัยวะ3. จำเป็นสำหรับสุขภาพของผิวหนังในทารกและเด็กที่กำลังเจริญเติบโต4. ช่วยในการละลายและดูดซึมของวิตามินบางชนิด ได้แก่ เอ , ดี , อี , เค
- 8. แคลเซียมและฟอสฟอรัส* แคลเซียมและฟอสฟอรัสในนมมีมาก เกลือแร่ทั้งสองจำเป็นสำหรับลูกอ่อนในการสร้างกระดูก และฟันในระยะที่มีอัตราการเจริญเติบโตสูง ในนมหนึ่งถ้วยตวงมีแคลเซียมประมาณ 300 มิลลิกรัม แม้ว่าน้ำนมจะมีเหล็กน้อยมาก แต่ก็เพียงพอสำหรับลูกอ่อนแรกเกิด เพราะตั้งแต่ก่อนเกิด ลูกอ่อนได้สะสมเหล็กไว้เพียงพอกับความต้องการแล้ว ลูกอ่อนจะต้องการเหล็กมากขึ้น ก็ต่อเมื่อถึงระยะที่กินอาหารเสริมได้แล้ว ด้วยเหตุนี้เมื่อทารกอายุได้ประมาณ 3-4 เดือน จึงต้องเริ่มกินอาหารเสริมที่มีเหล็ก เช่น น้ำต้มผัก ไข่แดง หรือตับบด เพื่อให้ได้เหล็กเพียงพอ ปัจจุบันมีนมเสริมธาตุเหล็กสำหรรับทารกจำหน่ายแล้ว* แคลเซียมและฟอสฟอรัสมีประโยชน์ในการสร้างกระดูกและฟัน ช่วยในการแข็งตัวของเลือดเวลาเกิดบาดแผล และยังมีความสำคัญต่อการทำงานของระบบประสาท และกล้ามเนื้อ ในเด็กหากขาดเกลือแร่ที่สำคัญ 2 ตัวนี้จะทำให้เด็กเจริญเติบโตได้ไม่เต็มที่
- 9. วิตามิน* ในน้ำนมวิตามิน เอ สูง ปริมาณวิตามินเอขึ้นอยู่กับอาหารของวัว ถ้าวัวกินอาหารที่มีแคโรทีน (carotene) สูง น้ำนมก็จะมีวิตามินเอสูงด้วย ในฤดูหนาวปริมาณวิตามินเอในน้ำนมจะเหลือเพียงครึ่งหนึ่งของในฤดูร้อน ในประเทศหนาวจึงต้องดัดแปลงอาหารของวัวเพื่อช่วยมิให้ปริมารวิตามินเอในน้ำนมแต่ละฤดูต่างกันมาก* ในนมมีวิตามิน บีหนึ่ง และ ไนอะซิม มากพอควร แต่วิตามิน บีสอง มาก วิตามินบีสอง ถูกทำลายได้ด้วยแสง ดังนั้นถ้าตั้งนมที่บรรจุในขวดแก้วใสไว้กลางแดดประมาณ 2 ชั่วโมงจะเหลือวิตามินบีสองเพียงครึ่งเดียว ดังนั้นจึงต้องบรรจุนมในภาชนะที่ทึบแสง เช่น กล่องกระดาษ หรือ ขวดสีชา เพื่อสงวนวิตามินบีสอง* นมมีวิตามินซีน้อยมาก นมที่ผ่านความร้อนแล้วยิ่งมีวิตามินซีเหลือน้อยลง นอกจากนั้น วิตามินซียังสลายตัวเมื่อถูกแสง และอากาศ ทารกจึงหวังพึ่งวิตามินซีจากน้ำนมไม่ได้ ดังนั้นจึงต้องเริ่มกินน้ำส้มตั้งแต่อายุประมาณ 1 เดือน เพื่อให้ได้วิตามินซีเพียงพอ
- 10. * ตามธรรมชาติ นมมีวิตามินต่ำ ประชาชนในประเทศหนาวมักเป็นโรคกระดูกอ่อนเพราะขาดวิตามินดี นมที่ขายในประเทศเหล่านั้นจึงมักเติมวิตามินซีลงไปด้วยเสมอ* หน้าที่และประโยชน์ของวิตามิน1. วิตามิน เอ ช่วยบำรุงสายตา ,ป้องกันความผิดปกติในการทำงานของประสาทตา และช่วยบำรุงผิวหนังในผุดผ่องสวยงาม2. วิตามินบี โดยเฉพาะ วิตามิน บีสอง ช่วยป้องกันโรคปากนกกระจอก ผิวหนังแตก และลิ้นบวมนมประกอบด้วยสารอาหารต่างๆ ครบถ้วน ดังนั้นนมจึงเป็นอาหารที่เหมาะสำหรับคนทุกเพศทุกวัย วัยเด็กเป็นวัยที่กำลังเจริญเติบโต ร่างกายย่อมต้องการสารอาหารครบถ้วน การดื่มนมเป็นประจำจะช่วยให้อวัยวะทุกส่วนรวมทั้งสมองเจริญเติบโตอย่างเต็มที่ วัยรุ่นเป็นวัยที่ร่างกายยังต้องเจริญเติบโตต่อไปอีก ร่างกายจึงยังต้องการสารอาหารที่ครบถ้วน และในปริมาณที่มากพอ วัยหนุ่มสาวเป็นวัยที่เซลล์ ส่วนต่างๆ ของร่างกายมีการหมดอายุการทำงาน ร่างกายจึงต้องการสารอาหารที่ครบคุณค่า เพื่อไปซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ การดื่มนมต่ำไปในขณะที่อยู่ในวัยหนุ่มสาว ก็จะทำให้ร่างกายได้รับสารอาหารครบถ้วนอีกทางหนึ่ง วัยชราเป็นวัยที่ร่างกายมีการเสื่อมถอย และทรุดโทรมมากขึ้น การดื่มนมเป็นประจำจะทำให้ผู้สูงอายุได้สารอาหารที่เพียงพอแก่การพยุงสภาวะร่างกายให้แข็งแรงอยู่เสมอ ดังนั้นเราจึงกล่าวได้ว่า " นมเป็นอาหารที่มีคุณค่ายิ่งสำหรับคนทุกวัย"
- 11. โรคแพ้โปรตีนนมวัว.....น่ากลัวกว่าที่คิด หลายคนมีความเชื่อว่า เด็กจะเจริญเติบโตได้อย่างเต็มที่ และฉลาดก็ต่อเมื่อได้รับสารอาหารที่เพียงพอและมีคุณภาพ ซึ่งนอกจากการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่แล้ว นมกระป๋องสำเร็จรูปก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ให้แม่ยุคใหม่เลือกให้ลูกกินเป็นอันดับต้น ๆ ด้วยเพราะมีการโฆษณานมสำหรับเด็กกันมาก บรรยายสรรพคุณกันไปต่าง ๆ นานา ยี่ห้อนี้.... ป้องกันโรคภูมิแพ้ ยี่ห้อนี้.... ช่วยทำให้เด็กฉลาด ยี่ห้อนี้.... สร้างภูมิคุ้มกันได้ ยี่ห้อนี้.... ”ความเชื่อดังกล่าวเป็นความเชื่อที่ไม่ผิด แต่นอกจากการได้รับสารอาหารเพียงพอเพื่อให้ลูกฉลาดแล้ว จะแน่ใจได้อย่างไรว่า สารที่เจือปนมากับนมกระป๋องจะไม่ส่งผลกระทบต่อลูกน้อยได้..โดยเฉพาะอย่างยิ่งโรคที่มีชื่อว่า “โรคแพ้โปรตีนนมวัว”
- 12. โรคภูมิแพ้ จัดเป็นโรคที่พบบ่อยโรคหนึ่งในประเทศไทย จากการศึกษาอัตราความชุกของโรคในประเทศไทย พบว่า มีอัตราความชุกอยู่ระหว่าง 15- 45 % โดยประมาณ โดยพบโรคโพรงจมูกอักเสบจากภูมิแพ้ มีอัตราชุกสูงสุดในกลุ่มโรคภูมิแพ้ นั่นหมายความว่า ประชากรเกือบครึ่งหนึ่งของประเทศ มีปัญหาเกี่ยวกับโรคภูมิแพ้อยู่โรคภูมิแพ้ แม้ดูเหมือนว่าจะไม่ใช่โรคที่ร้ายแรงใด ๆ แต่ก่อให้เกิดความรำคาญและทำให้ร่างกายของผู้ที่เป็นโรคนี้อ่อนแอได้ หากไม่ได้รับการดูแลเอาใจใส่อย่างจริงจัง สาเหตุหนึ่งอาจเป็นเพราะทุกวันนี้เด็กกินนมแม่น้อยลง ทำให้เด็กเสี่ยงต่อการเป็นโรคภูมิแพ้มากขึ้น พญ.ภาสุรี แสงศุภวานิช กุมารแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ คณะแพทย์ศาสตร์มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ เปิดเผยว่า จากสถิติเด็กไทยเกิดปีละประมาณ 8 แสนคนต่อปี การเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ตั้งแต่แรกเกิดจนถึง 6 เดือน เพียงร้อยละประมาณ 20 % เพราะฉะนั้นจะมีเด็กที่ถูกเลี้ยงด้วยนมวัวประมาณ 6 แสนคน และมีเด็กแพ้นมวัวสูงถึงปีละ 20,000 ราย
- 13. ทารกที่มีความเสี่ยงสูงต่อการเป็นโรคภูมิแพ้ คือ ทารกที่มีบิดามารดา พี่น้องท้องเดียวกันเป็นโรคภูมิแพ้ หรือการกินนมวัวขณะตั้งครรภ์ ดังนั้น ควรให้ความสำคัญกับการให้ทารกได้รับนมแม่ ทั้งในระยะกินนมแม่อย่างเดียว 6 เดือน และให้ต่อเนื่องกับอาหารอื่นตามวัย ซึ่งนมแม่มีกลไกในการป้องกันโรคแพ้อาหาร เนื่องจากการกินนมแม่ช่วยลดปริมาณสารก่อภูมิแพ้ที่ร่างกายจะได้รับ เช่น โปรตีนนมวัว และในน้ำนมแม่มีภูมิคุ้มกันช่วยจับสารก่อภูมิแพ้ที่อยู่ในอาหาร ทำให้สารก่อภูมิแพ้เหล่านั้นไม่ถูกดูดซึมเข้าสู่ร่างกายของลูกที่สำคัญ การกินนมแม่ยังช่วยลดการติดเชื้อแบคทีเรียในวัยทารกพญ.ภาสุรีบอกด้วยว่า โรคแพ้โปรตีนนมวัวนี้ ถือเป็นโรคที่วินิจฉัยได้ยากมาก บางรายพอได้รับนมวัวปุ๊บก็มีอาการทันที เช่น มีผื่นแดงขึ้นบริเวณผิวหน้า แขน ขา ลำตัว ปากเจ่อบวม ขณะที่บางรายช่วงแรกที่ดื่มนมวัวจะยังไม่แสดงอาการใด ๆ ออกมา แต่พอดื่มไปสักพัก 2-3 เดือน ก็จะมีอาการเป็นหวัดเรื้อรัง ท้องเสีย อาเจียน ถ่ายมีเลือดปน หายใจขัด คัดจมูก หลับไม่สนิท ผื่นแพ้ ซึ่งส่วนใหญ่เข้าใจว่าเป็นโรคธรรมดาในเด็ก ก็เลยยิ่งทำให้เด็กเจ็บป่วยโดยไม่จำเป็น และไม่รู้สาเหตุที่แท้จริงที่สำคัญคือ การแพ้โปรตีนนมวัวในวัยทารกเป็นปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญของการเป็นโรคหืดเมื่อเด็กโตขึ้นได้
- 14. นอกจากนี้ ในระยะ 4-6 เดือนแรก เยื่อบุทางเดินอาหาร ระบบภูมิคุ้มกัน และระบบน้ำย่อยสารต่าง ๆ ของทารกยังไม่แข็งแรง ดังนั้นการได้รับนมผสม หรืออาหารอื่น ทำให้ทารกเสี่ยงต่อการเกิดการแพ้อาหารและการกระตุ้นให้เกิดผื่นที่ผิวหนัง เนื่องจากนมผสมและอาหารอื่น จัดเป็นสิ่งแปลกปลอม เนื่องจากในระยะที่ทารกยังมีระบบทางเดินอาหารที่ไม่แข็งแรง โปรตีนแปลกปลอมเหล่านี้จึงไม่ถูกย่อย หรือทำลายความแปลกปลอมลงไม่ให้ได้มีโอกาสเล็ดลอดไปก่อให้เกิดการแพ้ได้ง่าย “โรคแพ้โปรตีนนมวัว ถึงจะเป็นโรคที่ไม่ร้ายแรง แต่อาการจะส่งผลต่อเนื่องในอนาคตได้ เช่น โรคนี้จะทำให้เด็กหลับไม่สนิท ก็จะส่งผลให้เด็กเรียนไม่รู้เรื่อง ง่วงซึม หรือหวัดเรื้อรัง เด็กก็จะได้รับยาปฏิชีวนะเรื่อย ๆ เมื่อได้รับบ่อย ๆ จะเสี่ยงต่อการแพ้ยา ถ้าแพ้รุนแรงอาจถึงชีวิตได้ ซึ่งเป็นปัญหาเรื้อรังในระยะยาว เห็นได้จาก โรคหืดเป็นสาเหตุอันดับ 1 ที่ทำให้เด็กขาดเรียน อาการ หายใจไม่ทัน มีเสียงหืดขณะหายใจ ต้องพ่นยาขยายหลอดลม ค่าใช้จ่ายที่ตามมาก็จะมีความทวีคูณขึ้น ”
- 15. ทั้งนี้ เห็นได้จากเด็กในสมัยก่อนมีอัตราการเสี่ยงโรคภูมิแพ้น้อย เพราะเด็กกินนมแม่เยอะ แต่ด้วยวิวัฒนาการทันสมัยในปัจจุบัน นมผงสำเร็จรูปจึงเข้ามามีบทบาทในการเลือกให้ทารกบริโภค ด้วยเพราะเชื่อในอานุภาพของส่วนประกอบที่พยายามเลียนแบบให้ใกล้เคียงนมแม่ ซึ่งสารประกอบบางตัวที่อ้างถึงนั้นอาจมีส่วนประกอบที่ต่างจากน้ำนมแม่ได้ เช่น นมแม่มี นิวคลีโอไทด์ ซึ่งจำเป็นต่อการเจริญเติบโตของเนื้อเยื่อต่าง ๆ ส่วนประกอบ นิวคลีโอไทด์ ในนมแม่ ต่างจากนิวคลีโอไทด์ ในนมผสม ถ้าการดื่มนมวัว มีรายงาน มีผลวิจัย ว่ามีผลเสีย มีหมอออกมาเตือน ว่าไม่ควรกิน ก็น่าจะลองคิด วิเคราะห์ พิจารณาดูว่า นมวัวมีความจำเป็นอะไร เราต้องการอะไรจากนมวัว หากจะต้องการธาตุและสารอาหารในนมวัว ดิฉันว่าเรามีทางเลือกอยู่มากมายถ้าจะเปรียบเทียบ แหล่งโปรตีนแล้ว กินหมู กินไก่ กินปลา ก็ได้โปรตีน ถ้าจะให้ดี เป็นปลาจะดีที่สุดทั้งคุณภาพ และปริมาณ