More Related Content
Similar to Unit1new (1) (20)
Unit1new (1)
- 1. หน่ วยการเรี ยนที 1
การทํางานของระบบเว็บเพจ
สาระการเรียนร้ ู
เว็ บ เพจเป็ นข้อ มู ล เอกสารอิ เ ล็ ก ทรอนิ ก ส์ ที่ ดู ไ ด้จ ากโปรแกรมเว็ บ บราวเซอร์ ซ่ ึ งใช้เ ปิ ด
อินเทอร์ เน็ต ในการเรี ยนรู ้ระบบการทํางานของเว็บเพจ เพื่อให้นกเรี ยนที่จะศึกษาการสร้างเว็บเพจได้
ั
่ ่ ่
ทําความเข้าใจกอนวา เราสร้างเว็บเพจไปใช้ที่ไหน รู ปแบบการใช้งานเป็ นอยางไร มีขอแนะนําควรระวัง
้
ี่ ั ่
อะไรบ้าง นักเรี ยนจึงต้องมีความพื้นฐานรู ้เกยวกบระบบเครื อขายอินเทอร์ เน็ต เข้าใจระบบการเชื่อมโยง
่ ่
เอกสารเว็บในเครื อขายอินเทอร์เน็ต รู ปแบบการใช้บริ การตาง ๆในอินเทอร์เน็ต รวมทั้ งจรรยาบรรณและ
คําแนะนําการใช้งาน ที่ควรทราบ ซึ่ งเป็ นการปูพ้ืนฐานความรู ้ก่อนที่จะเรี ยนรู ้การสร้างเว็บในหนวยการ ่
่
เรี ยนตอไป
ผังความคิด (Mind Mapping)
2.1 รูปแบบการให้ บริการ 2.2 จรรยาบรรณและข้ อแนะนําการใช้ ’
่
2. การใช้บริ การตาง ๆ ในอินเทอร์เน็ต 1. ความรู้พืนฐานเกี่ยวกับอินเทอร์ เน็ต
การทํางานของระบบเว็บเพจ
่
3. มาตรฐานการสื อสารข้อมูลในเครื อขายอินเทอร์เน็ต
3.1 โปรโตคอล 3.2 ระบบ IP 3.3 ระบบ Domain name
- 2. 2
จดประสงค์ การเรียนรู้
ุ
่
เมื่อนักเรี ยนเรี ยนจบหนวยการเรี ยนนี้ แล้ว นักเรี ยนคงจะมีความรู ้ความสามารถดังนี้
1. บอกความหมายและความเป็ นมาของอินเทอร์ เน็ต ได้
2. บอกรูปแบบของการให้ บริ การในอินเทอร์ เน็ตได้
3. บอกสิงที่ควรระวังและข้ อควรปฏิบตในการใช้ งานอินเทอร์ เน็ตได้
่ ัิ
4. บอกมาตรฐานการสื่ อสารข้อมูลในอินเทอร์เน็ต
5. บอกความหมายและความสําคัญของโปรโตคอล ได้
6. บอกความหมายและความสําคัญของไอพี( IP) ได้
7. บอกความหมายและการใช้งานโดเมนเนม(DNS) ได้
8. สามารถใช้งานอินเทอร์เน็ตค้นหาข้อมูลได้
่
9. สามารถสงข้อมูลทางอินเทอร์เน็ตโดย อีเมล์ได้
- 3. 3
การทํางานของระบบเว็บเพจ
การสร้างเว็บเพจ เพื่อนําผลงานไปแสดงผลในอินเทอร์เน็ต นักเรี ยนจึงต้องมีความรู ้ และความ
่ ่ ่
เข้าใจการทํางานของระบบเว็บเพจ กอนวาเราสร้างงานไปใช้ในสวนใดของระบบ และจะแสดงผลได้
่
อยางไร ดังมีหวข้อดังนี้
ั
1. ความรู้ พนฐานเกียวกับอินเทอร์ เน็ต
ื้ ่
่ ่
อินเทอร์ เน็ต(Internet)เป็ นระบบเครื อขายคอมพิวเตอร์ขนาดใหญที่ครอบคลุมไปทัวโลก เป็ น
่
่ ่ ั
การนําเครื อขายระดับแวนหลาย ๆ เครื อขายมารวมเข้าด้วยกน เพื่ออํานวยความสะดวกในการให้บริ การ
่ ่ ่
ข้อมูลขาวสาร Internet เป็ นคํายอของ Inter connection network หมายถึงเครื อขายคอมพิวเตอร์ที่ใหญ่
ที่สุดในโลก การทํางานของอินเทอร์ เน็ตจะอยู่ภายใต้กฎมาตรฐานหรื อโปรโตคอลเดี ยวกนทัวโลก 3 ั ่
มาตรฐาน คือ อินเทอร์ เน็ตโปรโตคอล (Internet Protocol :IP) ซิ มเปิ ลเมล์ทรานซ์เฟอร์ โปรโตคอล
(Simple Mail Transfer Protocol:SMTP) และ โดเมนเนมซีสเต็ม(Doman Name System:DNS) ทําให้
่ ่
เครื่ องคอมพิวเตอร์ และอุปกรณ์ที่ใช้เชื่อมตอเข้าระบบทุกระบบสามารถติดตอรับ-สงข้อมูลกนได้ ่ ั
่ ่ ่
การแสดงข้อมูลขาวสาร สารสนเทศตาง ๆ ในเครื อขายอินเทอร์เน็ตที่แสดงทางจอคอมพิวเตอร์
่
หรื ออุปกรณ์แสดงผลอื่น ๆ เชน โทรศัพท์มือถือ แฟกซ์ ฯลฯ เป็ นข้อมูลเอกสารอิเล็กทรอนิกส์ ที่อาจมีท้ ง ั
ข้อมูลที่เป็ นข้อความ รู ปภาพ เสี ยง หรื อวิดีโอ เราเรี ยกชื่อเอกสารอิเล็กทรอนิ กส์น้ ี ว่า เอกสารเว็บ โดย
่ ่ ้
จะ เรี ยกสั้ น ๆ วา “เว็บเพจ” ด้วยเหตุที่เว็บเพจเหลานี้ ตองนําไปแสดงในอินเทอร์ เน็ต ที่ผชมทัวทั้ งโลก
ู้ ่
สามารถเข้าชมได้ อี กทั้ งต้องมี ข้อความ รู ปภาพ เสี ยง วิดีโอ นอกจากนี้ ย งต้องสามารถติ ดตอสื่ อสาร
ั ่
่ ั ่
ระหวางกนได้อีกด้วย การสร้างหน้าเว็บเพจจึงต้องใช้ความรู ้ ความสามารถมากกวาการสร้างหน้าเอกสาร
่
ธรรมดาทัวไปและการที่มีความต้องการใช้งานมาก การสร้างคอนข้างยาก อาชีพการสร้างเว็บจึงเป็ นอาชีพ
่
ที่สร้างรายได้สูงจึงเป็ นอาชีพที่น่าเรี ยนรู ้ที่สาคัญอาชีพหนึ่งในโลกไอทียคปัจจุบน
ํ ุ ั
1.1 ประวัตความเป็ นมาของอินเทอร์ เน็ต
ิ
่ ่
อิ น เทอร์ เ น็ ต เป็ นเครื อ ขายคอมพิ ว เตอร์ ที่ เริ่ ม กอตั้ ง โดย กระทรวงกลาโหมสหรั ฐ อเมริ ก า
่ ั
รวมกบมหาวิยาลัยในมลรัฐแคลิฟอร์ เนี ย ประมาณปี ค.ศ. 1969(พ.ศ.2512) สาเหตุสาคัญเนื่ องมาจาก ํ
่ ่ ั
ระหวางนั้ น มี ส งครามเย็น ระหวางฝ่ ายคอมมิ ว นิ ส ต์นํา โดยรั ส เซี ย กบฝ่ ายเสรี ป ระชาธิ ป ไตยนํา โดย
่ ่ ่
สหรัฐอเมริ กา โดยแตละฝ่ ายตางระวังขีปนาวุธที่อาจยิงถลมจุดยุทธศาสตร์ สหรัฐฯ กลัววาหากศูนย์ ่
ควบคุมคอมพิวเตอร์ ถูกทําลายจะทําให้ขอมูลเสี ยหายจึงคิดสร้างศูนย์คอมพิวเตอร์ ออกเป็ นหลายจุดและ
้
ั ็
สามารถเชื่ อ มโยงข้อ มู ลเข้า หากนได้ท้ ง หมด หากศูน ย์คอมพิว เตอร์ ใ ดถูก ทํา ลาย กสามารถ ใช้ศู น ย์
ั
- 4. 4
ั
คอมพิวเตอร์ อื่นซึ่ งมีขอมูลเหมือนกนได้ จึงได้มอบหมายให้มหาวิยาลัยในมลรัฐแคลิฟอร์ เนี ย 4 แหง
้ ่
่ ั ่
รวมกนทําการวิจยทดลองสร้ างเครื อขายคอมพิวเตอร์ สามารถเชื่ อมโยงข้อมูลเข้าหากน โดยให้หนวย
ั ั ่
งานวิจยทางทหารชื่อ อาร์ปา (ARPA : Advanced Research Project Agency ) เป็ นผูรับผิดชอบ ใช้ชื่อใหม่
ั ้
่
วา ARPAnet (Advanced Research Project Agency Network) เมื่อโครงการทดลองสําเร็ จ โครงการ
่
ARPAnet จึงเปลี่ยนชื่อใหม่เป็ น DARPAnet ถือเป็ นเครื อขายที่ใช้งานจริ ง มหาวิทยาลัยตาง ๆ ใน ่
่ ่ ั
สหรัฐอเมริ กาได้ขอเข้ารวมโครงการและขอเชื่อมตอระบบคอมพิวเตอร์เข้ากบเครื อขาย DAPAnet เพื่อใช้ ่
ในการศึกษาและวิจยมากขึ้ น ในปี ค.ศ.1975 (พ.ศ.2518) DARPAnet ได้โอนหน้าที่รับผิดชอบโดยตรง
ั
่
ให้แก่ หนวยการสื่ อสารของกองทัพสหรัฐ (Defense Communications Agency ปั จจุบนคือ Defense ั
่ ่ ิ
Information’s Systems Agency) เมื่อเครื อขายขยายใหญมากทําให้เกดปั ญหาความปลอดภัย ในปี ค.ศ.
่
1983 ทางการทหารของสหรัฐอเมริ กาจึ งแยกเครื อขายเฉพาะของกองทัพออกมาบริ หาร โครงการ
่ ่ ่
DARPAnet จึงแบงเป็ น 2 เครื อขายคือ ด้านงานวิจยใช้ชื่อ ดาร์ปาเน็ต สวนเครื อขายของกองทัพใช้ชื่อ
ั ่
ํ
มิลเน็ต (MILNET: Military Network) และเพื่อกาหนดมาตรฐานการสร้างข้อมูล สารสนเทศตางๆ ให้ทุก ่
่ ่ ั
เครื อขายสามารถรับ-สงข้อมูลกนได้ใน ค.ศ.1983 (พ.ศ.2526) DARPAnet ได้ประกาศใช้ โปรโตคอล
TCP/IP (Transmission Control Protocol/Internet Protocol) เป็ นมาตรฐานการสื่ อสารข้อมูลในอินเทอร์ เน็ต
DARPAnet ได้ทาหน้าที่รับผิดชอบดูแลระบบอินเทอร์เน็ตเรื่ อยมาจนถึง ค.ศ.1980 (พ.ศ.2533) จึงให้
ํ
่
มูลนิ ธิวิทยาศาสตร์ แหงชาติ (National Science Foundation - NSF) เข้ามาดูแลแทนรวม กบอีกหลาย ่ ั
่ ่ ่ ่ ่
หนวยงาน นับตั้ งแตนั้ นมาได้มีเครื อขายยอยของสถาบันและองค์กรตางๆ ทั้ งในประเทศสหรัฐอเมริ กา
่ ่
และประเทศตางๆ ที่มีความสัมพันธ์ เข้ามาเชื่ อมตอเพิ่มขึ้ นไปเรื่ อย ๆ ความต้องการใช้อินเทอร์ เน็ตได้
่ ่
เพิ่มขึ้ นอยางรวดเร็ วจนปั จจุ บนเครื อขายอิ นเทอร์ เน็ตได้ครอบคลุมไปทัวโลกในการควบคุมจํานวนใช้
ั ่
่ ั ่
หมายเลขไอพีประจําเครื่ องที่ ไมซํ้ ากนซึ่ งสหรัฐอมริ กาจะเป็ นผูควบคุมให้เทานั้ น การที่ "ไอพี" หรื อ
้
่
อินเทอร์เน็ตโปรโตคอล เป็ นสวนที่ใช้ควบคุมเครื่ องคอมพิวเตอร์ในระบบและเป็ นมาตรฐานการเชื่อมตอ ่
่ ่ ่ ่
สําคัญของเครื อขายอินเทอร์เน็ตจึงใช้ชื่อเรี ยกเครื อขายนี้แบบยอวา "อินเทอร์เน็ต" มาจนปัจจุบน ั
(ที่มา : http://www.krujongrak.com/internet/internet.html)
รูปที่ 1.1 แสดงเครื อข่ายอินเทอร์ เน็ต
ที่มา : www. school.obec.go.th
- 5. 5
1.2 อินเทอร์ เน็ตในประเทศไทย
่ ่
ประเทศไทยมีการติดตอใช้งานอินเทอร์เน็ตตั้ งแตปี พ.ศ.2530 ในลักษณะการใช้บริ การจดหมาย
อิเล็กทรอนิ กส์หรื ออีเมล์ เป็ นการติดตอระหวางมหาวิทยาลัยสงขลานคริ นทร์ วิทยาเขตหาดใหญ่ (PSU)
่ ่
่
และสถาบันเทคโนโลยีแหงเอเชียหรื อสถาบันเอไอที (AIT) การติดตออินเทอร์เน็ตของทั้ งสองสถาบันเป็ น ่
่
การใช้บริ การจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ โดยความรวมมือกบประเทศออสเตรเลีย ตามโครงการ IDP ซึ่งเป็ น ั
่ ่
การติดตอเชื่อมโยงเครื อขายด้วยสายโทรศัพท์ จนกระทังปี พ.ศ.2531 มหาวิทยาลัยสงขลานคริ นทร์วิทยา ่
เขตหาดใหญ่ ได้ยื่น ขอที่ อยู่อิ น เทอร์ เ น็ ต (Url) ในประเทศไทย และได้รั บ ที่ อ ยู่อิ น เทอร์ เ น็ ต ใช้ชื่ อ วา ่
่ ่
Sritrang.psu.th ซึ่งนับวาเป็ น Url แหงแรกของประเทศไทย ตอมาปี พ.ศ.2534 บริ ษท DEC (Thailand) ่ ั
ั ิ
จํากด ได้ขอ Url เพื่อใช้ในกจกรรมของบริ ษท และได้รับ Url เป็ น dect.co.th ถือเป็ นการใช้ในภาคธุรกจ
ั ิ
รายแรก ปี พ.ศ.2535 นับว่าเป็ นปี ที่อินเทอร์ เน็ตเข้ามาในประเทศไทยอยางเต็มตัว กลาวคือจุฬาลงกรณ์ ่ ่
่ ่
มหาวิทยาลัยได้จดตั้ งเครื อขายคอมพิวเตอร์ข้ ึนและได้เชาสายลีสไลน์ (leased line) ซึ่ งเป็ นสายความเร็ วสู ง
ั
่ ั ่ ั ่
เพื่อเชื่อมตอกบอินเทอร์ เน็ต โดยเชื่อมตอเข้ากบเครื อขาย ยูยเู น็ต (UUNET) ของบริ ษท ยูยเู น็ตเทคโนโลยี ั
ั ่
จํากด (UUNET Technologies Co., Ltd.) ตั้ งอยูที่มลรัฐเวอร์จิเนียประเทศสหรัฐอเมริ กา ตั้ งชื่อเครื อขายวา ่ ่
่
จุฬาเน็ต (ChulaNet) มีสถาบันการศึกษาขอเชื่อมตอเครื อขายอินเทอร์ เน็ตผานจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ่ ่
ได้แก่ สถาบันเอไอที มหาวิทยาลัยมหิ ดล มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้า
วิทยาเขตเจ้าคุณทหารลาดกระบัง และมหาวิทยาลัยอัสสัมชัญบริ หารธุรกจ ใช้ชื่อเครื อขายนี้ ว่าเครื อขาย ิ ่ ่
่
"ไทยเน็ต" (THAInet) ปั จจุบนเครื อขายไทยเน็ตประกอบด้วยสถาบันการศึกษาเพียง 4 แหงเทานั้ น
ั ่ ่
่ ่
เนื่องจากสวนใหญย้ายการเชื่อมโยงมาที่เนคเทค (NECTEC) เครื อขายไทยเน็ตนับเป็ นเครื อขายที่มีเกตเวย์ ่ ่
(gateway) หรื อประตูสู่เครื อขายอินเทอร์เน็ตเป็ นแหงแรกของประเทศไทย ปี พ.ศ.2535 เนคเทคได้จดตั้ ง
่ ่ ั
กลุ่มจดหมายอิเล็กทรอนิกส์เพื่อการศึกษาและวิจยโดยมีชื่อวา NWG : NECTEC E-mail Working Group
ั ่
่ ่ ่
ได้จดตั้ งเครื อขายชื่อวา ไทยสาร เครื อขายไทยสารได้พฒนาอยางตอเนื่องการที่มีความต้องการ ในการใช้
ั ั ่ ่
่
อินเทอร์เน็ตมากขึ้ น ในปี พ.ศ. 2537 การสื่ อสารแหงประเทศไทย (กสท.) ซึ่ งดูแลการให้บริ การชองทาง ่
การสงข้อมูลในระบบเครื อขาย (Bandwidth) จึงได้ร่ วมมือกบบริ ษทเอกชนเปิ ดบริ การอินเทอร์ เน็ตให้แก่
่ ่ ั ั
่ ่ ั
บุคคลและผูสนใจทัวไป ตอมามีการให้สัมปทานแกบริ ษทเพื่อให้รับชวงการบริ การดูแลหมายเลข IP ขึ้ น
้ ่ ่
ั ้ ่
บริ ษทผูให้บริ การอินเทอร์เน็ตเชิงพาณิ ชย์ เรี ยกวา ISP (Internet Service Provider) ปั จจุบนประเทศไทยมี ั
้ ํ ่
ผูให้บริ การอินเทอร์เน็ตเชิงพาณิ ชย์จานวน 18 แหง คือ A-Net, Asia Access, AsiaNet, CS-Coms, CWN,
FarEast, IDN, JI-Net, Internet Thailand, KSC, Line Thai, Loxinfo, Samart, SGA, WorldNet, EZNet,
RoyNet, และ CWT และศูนย์บริ การอินเทอร์ เน็ตเพื่อการศึกษาและวิจยจํานวน 5 ศูนย์ ได้แก่ Scoolet, ั
UniNet, PubNet, ThaiSarn และ GITS จากสถิติที่เนคเทคสํารวจ ในปี พ.ศ.2547 มีผใช้ประมาณ 6.9 ล้าน ู้
ั
คน ในเดือนกนยายน 2551 มีถึง 13.4 ล้านคน (ที่มา : http://www.bloggang.com 13 ต.ค. 2551) นับวา ่
เพิ่มขึ้ นเร็ วมาก จํานวนความต้องการใช้อินเทอร์ เน็ตถือเป็ นตัวชี้ ให้เห็นการพัฒนาเทคโนโลยีการสื่ อสาร
- 6. 6
่ ิ
ของประเทศยุคโลกาภิวตน์ ที่มีการแขงขันทางเศรษฐกจสู ง ด้านการศึกษาจะต้องให้ความสําคัญพัฒนา
ั
้ ่
นักเรี ยน นักศึกษาให้กาวทันการพัฒนาของโลกที่รัฐบาลจะต้องให้ความสําคัญและพัฒนาตอไป
2. การบริการต่ าง ๆ ในอินเทอร์ เน็ต
่ ่ ั ่
การที่อินเทอร์ เน็ต เป็ นเครื อขายคอมพิวเตอร์ ที่เชื่อมตอกนทัวโลก สามารถใช้ประโยชน์ ทั้ ง
ิ
การพัฒนาประเทศ สังคม เศรษฐกจ การศึกษา ด้วยเหตุน้ ี จึงมีการคิดสร้างโปรแกรมการให้บริ การ ใน
่
รู ปแบบตาง ๆ ขึ้ นหลากหลายรู ปแบบ เพื่อสนองความต้องการของผูใช้และประโยชน์ทางธุรกจ
้ ิ
2.1 รปแบบการบริการบนระบบอินเทอร์ เน็ต แบงออกเป็ น 5 ลักษณะ (ณัฐกร สงคราม. 2543) คือ
ู ่
2.1.1 บริการด้ านการรับส่ งข่ าวสารและแสดงความคิดเห็น
่ ่
การรับสงขาวสารและแสดงความคิดเห็ น เป็ นบริ การที่ได้รับความนิ ยมมากที่สุดในระบบ
่ ่ ่ ้
อินเทอร์ เน็ต จะมีเครื่ องมือในการรับสงขาวสาร และแสดงความคิดเห็นระหวางผูใช้บริ การอินเทอร์ เน็ต
มีหลายวิธีดงนี้ ั
ไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ (E-mail) ่
เป็ นการให้บริ การพื้ นที่รับ-สงจดหมายหรื อข้อความ
มีท้ งแบบจัดตั้ ง Mail-Server ขึ้ นเฉพาะกลุ่ม ผูใช้ตองเสี ยคาใช้จ่าย และแบบให้บริ การพื้ นที่ฟรี เจ้าของ
ั ้ ้ ่
็ ่ ่ ่
Server จะเกบเงินจากคาโฆษณา ซึ่งการใช้บริ การ E-Mail สวนใหญจะใช้บริ การแบบฟรี ซึ่ งนอกจาก
่ ่
ไมเสี ยเงินแล้วอาจเพราะมาตรฐานการดูแล และความเร็ วคอนข้างสู ง ผูรับจะได้รับข้อมูลในเวลาเกอบ
้ ื
ทันทีที่ส่ งไป ผูให้บริ การ E-Mail ฟรี ของตางประเทศ เชน hotmail หรื อ yahoo mail ในประเทศไทย
้ ่ ่
่
เชน thaimail.com chaiyo.com E-Mail ฟรี เหล่านี้ จะให้บริ การไปเรื่ อย ๆ การหมดอายุหรื อตัดการใช้ จะ
ิ ิ ั ้
เกดได้เมื่อผูใช้เลิกใช้เป็ นเวลานานเกนไป การขอใช้ E-Mail กบผูให้บริ การฟรี ผูใช้จะต้องสมัครเป็ น
้ ้
สมาชิกขอใช้บริ การ และจะได้รับ user id และ password ประจําตัว เพื่อ login เข้าใช้บริ การ E-Mail
กลุ่มอภิปราย (Newsgroup) หรือ ยสเน็ต (Use Net) กลุ่มอภิปรายเป็ นการรวมกลุ่มของผูใช้
ู ้
อินเทอร์ เน็ตที่มีความสนใจในเรื่ องเดียวกน เชน กลุ่มที่สนใจเรื่ องคอมพิวเตอร์ รถยนต์ การเลี้ ยงปลา
ั ่
่ ่ ่ ั
การปลูกไม้ประดับ เป็ นต้น เพื่อสงขาวสารหรื อแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นระหวางกน ในลักษณะของกระดาน
่
ขาว (Bulletin Board) บนอินเทอร์ เน็ต ผูใช้สามารถเลือกหัวข้อที่สนใจและสามารถแสดงความคิดเห็นได้
้
โดยการสงข้อความไปยังกลุ่มและผูอ่านภายในกลุ่ม จะมีการรวมกนอภิปรายแสดงความคิดเห็นและสง
่ ้ ่ ั ่
ข้อความกลับมายังผูส่ งโดยตรง หรื อสงเข้าไปในกลุ่ม เพื่อให้ผอื่นอานด้วยกได้ ตัวอยาง เชน กระดานขาว
้ ่ ู้ ่ ็ ่ ่ ่
พันทิพ ที่ URL : www.pantip.com
ั ้
การสนทนา (Talk) การสนทนาเป็ นบริ การที่ผใช้สามารถพูดคุยโต้ตอบกบผูใช้คนอื่น โดยการ
ู้
่ ่
พิมพ์ขอความผานทางแป้ นพิมพ์ หรื อพูดคุยผานทางคอมพิวเตอร์ มีการตอบโต้กนทันที การสนทนาผาน
้ ั ่
- 7. 7
่
ทางอินเทอร์ เน็ตนี้ สามารถใช้โปรแกรมได้หลายโปรแกรม เชน โปรแกรม Talk สําหรับการสนทนา เพียง
2 คน โปรแกรม Chat หรื อ IRC (Internet Relay Chat) สําหรับการสนทนาเป็ นกลุ่ม หรื อโปรแกรม ICQ
่ ่ ่
(มาจากคําวา I Seek You: ฉันหาคุณ) ตัวอยางเชน โปรแกรม Pirch, ICQ, Windows Messenger (MSN),
Yahoo Messenger เป็ นต้น
2.1.2 บริการด้ านการติดต่ อสื่ อสาร
่ ั ั่ ่
เป็ นบริ การที่ผใช้สามารถติดตอสื่ อสารกบเครื่ องคอมพิวเตอร์ที่อื่นได้ ในขณะที่นงอยูที่หน้าจอ
ู้
่
คอมพิวเตอร์ของตนเอง ซึ่งบริ การด้านการติดตอสื่ อสารมีหลายลักษณะ ดังนี้
Telnet เป็ นโปรแกรมที่ใช้ในการเข้าสู่ ระบบคอมพิวเตอร์อื่น ๆ บนอินเทอร์เน็ต และ สามารถ
่ ่
ใช้บริ การสาธารณะตาง ๆ เชน บริ การห้องสมุด ข้อมูลการวิจย และสารสนเทศของเครื่ องคอมพิวเตอร์
ั
เหลานั้ นได้ราวกบวากาลังทํางานอยู่บนเครื่ องคอมพิวเตอร์ น้ ัน ๆ ชวยให้ไมต้องเดิ นทางไปทํางานอยู่
่ ั ่ ํ ่ ่
่ ่
หน้าเครื่ องเหลานั้ นโดยตรง จึงถือเป็ นบริ การหลักที่สําคัญอยางยิ่งของอินเทอร์ เน็ต การใช้โปรแกรม
่ ั ่
Telnet ติดตอกบคอมพิวเตอร์ ในอินเทอร์ เน็ตนั้ น จําเป็ นต้องได้รับสิ ทธิ เป็ นผูใช้ในระบบนั้ นกอน แตกมี
้ ่ ็
่
ระบบคอมพิวเตอร์ในเครื อขายจํานวนมากที่อนุญาตให้ผใช้ทวไปเข้าใช้บริ การได้โดยไมต้องรับอนุญาต
ู ้ ั่ ่
The Internet Telephone และ The Videophone ปกติการสื่ อสารทางโทรศัพท์
ผูใช้จะต้องยกหู จากเครื่ องรั บโทรศัพท์และพูดข้อความตาง ๆ ระหวางผูรับและผูส่ งแตเมื่ อใช้บริ การ
้ ่ ่ ้ ้ ่
่
อินเทอร์ เน็ ตซึ่ งเป็ นเครื อขายการสื่ อสารทัวโลกผูใช้สามารถเลื อกหมายเลขโทรศัพท์ที่ตองการติ ดตอ
่ ้ ้ ่
่ ่
โดยพูดผานไมโครโฟนเล็กๆ และฟั งเสี ยงสนทนาผานทางลําโพง ทั้ งนี้ ผใช้จะต้องมีโปรแกรมสําหรับใช้
ู้
่
งานรวมทั้ งใช้เครื่ องคอมพิวเตอร์ ที่เป็ นระบบมัลติมีเดี ย ตัวอยางการบริ การแบบ Telephone เช่ น
โปรแกรม Net2Phone นอกจากนี้ หากมีการติ ดตั้ งกล้องวีดิทศน์ที่เครื่ องคอมพิวเตอร์ ของคู่สนทนา
ั
ทั้ ง 2 ่ ั
ฝ่ าย เมื่ อเชื่ อมตอคอมพิวเตอร์ เข้ากบระบบอิ นเทอร์ เน็ ตแล้ว ภาพที่ ได้จากการทํางานของ
ั ็ ่ ่
กล้องวีดิทศน์กสามารถสงผานไปทางอินเทอร์เน็ตถึงผูรับได้ การสนทนาทางโทรศัพท์จึงปรากฏภาพของ
้
คูสนทนาทั้ งผูรับ และผูส่ งบนจอคอมพิวเตอร์ ไปพร้อมกบเสี ยงด้วย ตัวอยางโปรแกรมแบบ Videophone
่ ้ ้ ั ่
่
เชน Net meeting
- 8. 8
2.1.3 บริการการถ่ ายโอนแฟ้ มข้ อมล
ู
่
บริ การการถายโอนแฟ้ มข้อมูล หรื อบริ การ FTP (File Transfer Protocol) เป็ นบริ การ
่ ่่
ของอินเทอร์ เน็ตที่ผูใช้อินเทอร์ เน็ตนิ ยมใช้ โดยผูใช้สามารถแลกเปลี่ยน ถายโอนข้อมูล ไมวาจะเป็ น
้ ้
่ ั ่
ไฟล์ขอมูลตัวหนังสื อ รู ปภาพ เสี ยง วีดิทศน์ หรื อโปรแกรมตาง ๆ คล้ายกบการ Copy ข้อมูล แตวิธีการ
้ ั
่
ของ FTP จะซับซ้อนและปลอดภัยกวาการ Copy การใช้งานผูให้บริ การจะมีเครื่ อง FTP Server ไว้บริ การ
้
่ ่
เฉพาะ นั่นคือผูใช้จะต้องมี พ้ืนที่ บนเว็บ(ใน FTP Server)เป็ นของเราเองกอน จะโดยการเชาพื้ นที่
้
หรื อ แบบฟรี ก็ได้ จึงจะมีพ้ืนที่ให้เกบหรื อฝากข้อมูล การใช้งานจะมีโปรแกรม FTP
็ สําหรับสง่
่
(Upload) หรื อรับ (Download) ซึ่งสามารถหาได้จากอินเทอร์เน็ต ดังตัวอยาง รู ปที่ 1.1
รูปที่ 1.2 แสดงการถ่ายโอน FTP ในอินเทอร์ เน็ตด้ วย WS FTP Professional
ที่มา : wbi.dru.ac.th/dcc/e-lea/net
2.1.4 บริการค้ นหาข้ อมล
ู
การบริ การค้นหาข้อมูลบนอินเทอร์เน็ต ซึ่งมีแฟ้ มข้อมูลตาง ๆ มากมายหลายพันล้านแฟ้ มบรรจุอยู่
่
่ ่ ่
ให้ผูใช้สามารถสื บค้นมาใช้งาน นับวาได้เป็ นรู ปแบบการบริ การที่เข้ามามีบทบาทตอทุกสวนของผูใช้
้ ้
ิ
โดยเฉพาะ ด้านการศึกษา และภาคธุ รกจที่ต้องใช้ขอมูลเพื่อการตัดสิ นใจ หรื อวางแผนการการทํางาน
้
่
ซึ่งโปรแกรมชวยค้นหาแฟ้ มข้อมูล มีดงนี้
ั
อาร์ คี (Archie) เป็ นโปรแกรมที่ ช่ วยในการค้นหาแฟ้ มที่ผูใช้ทราบชื่ อแฟ้ มแตไมทราบวา
้ ่ ่ ่
่
แฟ้ มข้อมูลนั้ นอยูในเครื่ องบริ การใดในอินเทอร์เน็ต โปรแกรมนี้ จะสร้างบัตรรายการแฟ้ มไว้ในฐานข้อมูล
่ ่
เมื่อต้องการค้นวาแฟ้ มตามชื่อในฐานข้อมูล อยูในเครื่ องบริ การใด เพียงเรี ยกใช้โปรแกรมอาร์คีแล้วพิมพ์
ชื่อแฟ้ มข้อมูลที่ตองการลงไป โปรแกรมอาร์ คีจะตรวจค้นชื่อแฟ้ มจากฐานข้อมูล และแสดงชื่อแฟ้ มพร้อม
้
- 9. 9
็ ็
รายชื่อเครื่ องบริ การที่เกบแฟ้ มนั้ นให้ทราบ เมื่อทราบชื่อเครื่ องบริ การแล้วกสามารถใช้โปรแกรมเอฟทีพี
่ ็
เพื่อถายโอนแฟ้ มข้อมูลมาเกบ ลงในคอมพิวเตอร์ของผูใช้ได้ ้
่
โกเฟอร์ (Gopher) เป็ นโปรแกรมที่มีรายการหรื อเมนู (Menu) ให้เลือกเพื่อชวยเหลือผูใช้ในการ
้
ี่ ั ้ ่
ค้นหาแฟ้ มข้อมูลเกยวกบหัวข้อที่ระบุไว้โดยผูใช้ไมจําเป็ นต้องทราบหรื อใช้รายละเอียดของแฟ้ มข้อมูล
่ ่ ่
ทั้ งสิ้ น ผูใช้เพียงแตเลือกอานในรายการหรื อเมนูที่มีให้เลือก และกดแป้ น Enter เทานั้ น จะพบรายการ ที่
้
็ ่ ็
เกบไว้ในเมนูปรากฏขึ้ นมามากมาย ผูใช้สามารถเลือกอานหรื อเกบบันทึกแฟ้ มที่ตองการไว้ในคอมพิวเตอร์
้ ้
ของผูใช้ได้เลย
้
เวอร์ โรนิคา (Veronica) เป็ นโปรแกรมค้นหาข้อมูลที่พฒนาขึ้ นมาจากการทํางานของระบบ
ั
โกเฟอร์ ชวยในการค้นหาข้อมูลที่ตองการโดยไมต้องผานระบบเมนู ตามลําดับขั้ นของโกเฟอร์ เพียงแต่
่ ้ ่ ่
ี่ ั ่
พิมพ์คาสําคัญ (Keyword) ลงไปให้ระบบค้นหาเรื่ องที่เกยวข้องกบคํานั้ น ๆ ขึ้ นมาได้อยางรวดเร็ ว
ํ
เวส (WAIS: Wide Area Information Server) เป็ นโปรแกรมสําหรับใช้เป็ นเครื่ องมือที่ช่วย
สื บค้นข้อมูล โดยการค้นจากเนื้ อหาแทนการค้นตามชื่อแฟ้ มข้อมูล จากฐานข้อมูลจํานวนมากที่กระจาย
่ ่ั ี่ ั
อยูทวโลก การใช้งานผูใช้ตองระบุชื่อเรื่ อง หรื อคําหลักที่เกยวกบเนื้ อหาข้อมูลที่ตองการค้น หลังจาก
้ ้ ้
ใช้ค า สั่ ง ค้น หาข้อ มู ล โปรแกรมเวสจะชวยค้น ไปยัง แหลงข้อ มู ล ที่ ต่ อเชื่ อ มกัน อยู่ ใ นอิ น เทอร์ เ น็ ต
ํ ่ ่
ี่ ั
โดยค้นเอกสารที่เกยวข้องตรงกบคําหรื อวลีสาคัญ ที่ผใช้ระบุ มาให้มากที่สุด ผูใช้เลือกแฟ้ มหรื อข้อมูลที่
ํ ู้ ้
็
ต้องการบันทึกเกบได้เชนกน ่ ั
่
เซิ ร์ช เอนจินส์ (Search Engines) เป็ นเครื่ องมือชวยค้นหาข้อมูลในระบบอินเทอร์ เน็ ต
่ ่ ่
ที่ได้รับความนิ ยมมากที่สุดในปั จจุบน โปรแกรมชวยค้นหาซึ่งมีอยูมากมาย เชน Yahoo, Alta Vista, HotBot,
ั
้ ่
Excite และ Google เป็ นต้น ผูใช้สามารถค้นหาข้อมูลสารสนเทศตาง ๆ โดยใช้วิธีพิมพ์คาหรื อข้อความ
ํ
่ ่ ี่
ที่เป็ นคําสําคัญเข้าไป โปรแกรมจะแสดงรายชื่อของแหลงข้อมูลตาง ๆ ที่เกยวข้องขึ้ นมา ผูใช้สามารถ
้
คลิกไปที่รายชื่อต่าง ๆ เพื่อเข้าไปดูขอมูลตามรายการนั้ น ๆ ได้ หรื อจะเลือกค้นจากหัวข้อในหมวดตาง ๆ
้ ่
(Categories) ที่โปรแกรมได้แสดงไว้เป็ นรายการตาง ๆ โดยเริ่ มจากหมวดที่กว้าง จนลึกเข้าไปสู่ หมวดยอยได้
่ ่
2.1.5 บริการข้ อมลมัลติมีเดีย เวิลด์ ไวด์ เว็บ (World Wide Web: WWW)
ู
่
WWW เป็ นบริ การบนอินเทอร์ เน็ตที่ได้รับความนิ ยมอยางมาก เนื่ องมาจากลักษณะเดนของ ่
เวิลด์ไวด์เว็บที่สามารถนําเสนอข้อมูลมัลติมีเดียที่แสดงได้ท้ งตัวหนังสื อ ภาพนิ่ง ภาพเคลื่อนไหว และเสี ยง
ั
่ ่ ่ ิ
ซึ่งมีอยูมากมาย ทําให้เครื อขายคอมพิวเตอร์มีความนาสนใจขึ้ นมาก เป็ นการจุดประกายให้เกดความอยากรู ้
่
อยากเห็นขึ้ นในโลกอินเทอร์เน็ต และกลายเป็ นแหลงทรัพยากร ของกระบวนการเรี ยนการสอนที่สนองตอ ่
่
กระบวนการเรี ยนรู ้ได้เป็ นอยางดี
- 10. 10
เทคโนโลยีของ WWW ทําให้โลกไร้พรหมแดน เพราะความสามารถในการเชื่อมโยงข้อมูล
่ ่
จากตําแหนงหนึ่ งไปยังอีกตําแหนงหนึ่ งได้ดวยการคลิกเมาส์ที่จุดเชื่อมโยงเพียงครั้ งเดียว ทําให้สามารถ
้
ี่ ั ่ ่ ั
ผูกเรื่ องราวที่เกยวข้องกนจากแหลงข้อมูลตางๆ ทัวทุกมุมโลกเข้าด้วยกนได้ เอกสารบนเครื อขาย WWW
่ ่
่
เป็ นเอกสารรู ปแบบพิเศษที่เรี ยกวา HTML (Hyper Text Markup Language) ซึ่ งต้องใช้โปรแกรม
บราวเซอร์ ในการแสดงผล สามารถแสดงได้ท้ งตัวอักษร รู ปภาพ เสี ยง ภาพเคลื่อนไหว หรื อ วีดิทศน์
ั ั
็
ไฟล์ภาษา HTML สามารถเกบไว้บนเครื่ องคอมพิวเตอร์ เซิร์ฟเวอร์ ระบบปฏิบติการ(OS) อะไรกได้ การ
ั ็
เข้าถึงหน้าเอกสาร HTML บนเว็บไซต์ต่างๆ ใช้โปรแกรมบราวเซอร์ (Internet Explorer, Netscape
่ ั ่
Navigator, Opera)เราจะต้องทราบที่อยูของเว็บไซต์น้ นๆ ที่เรี ยกกนวา URL (Uniform Resource Locators)
ั
่ ่
เสี ยกอน เชน http://www.nectec.or.th http://www.google.com ตัวอักษร www ที่พิมพ์ลงใน Url คือ
ตัวระบุว่าเรากาลังเรี ยกใช้บริ การ การเปิ ดหน้าเอกสารเว็บเพจแบบข้อมูลมัลติมีเดีย เวิลด์ไวด์เว็บ นันเอง
ํ ่
่ ื
ซึ่งการเปิ ดใช้อินเทอร์เน็ตในปั จจุบน เราจะพบวาใช้เทคโนโลยีการให้บริ การแบบ WWW เกอบทั้ งสิ้ น
ั
รู ปที่ 1.3 การบริ การมัลติมีเดียในอินเทอร์เน็ต
ที่มา : www.mrpalm.com
2.2 จรรยาบรรณการใช้ งานอินเทอร์ เน็ต
็
อินเทอร์ เน็ต เป็ นสื่ อสาธารณะที่ใคร ๆ กสามารถเปิ ดเข้าใช้ได้ทวโลก ดังนั้ นผูใช้บริ การต้อง
่ั ้
มีจรรยาบรรณและความระมัดระวังในการใช้งาน เพราะนอกจากความปลอดภัยของข้อมูลในเครื่ องแล้วยัง
มีกฎหมายควบคุมพร้อมบทลงโทษไว้ดวย ในเรื่ องจรรยาบรรณการใช้อินเทอร์ เน็ตนี้ ยืน ภู่วรวรรณ
้
่
(2547: ออนไลน์) ได้กลาวถึงบัญญัติ 10 ประการ ซึ่ งเป็ นจรรยาบรรณที่ผใช้ อินเทอร์ เน็ตพึงยึดถือไว้ เป็ น
ู้
่ ่ ั
แมบทของการปฏิบติ เพื่อให้การใช้อินเทอร์เน็ตมีประโยชน์และเอื้อตอกนมากที่สุด ดังนี้
ั
(ที่มา: http://www.skn.ac.th/a_cd/internet/webucation.html)
่
1. ต้องไมใช้คอมพิวเตอร์ทาร้าย หรื อละเมิดผูอื่น
ํ ้
่
2. ต้องไมรบกวนการทํางานของผูอื่น
้
่ ้
3. ต้องไมสอดแนม แกไข หรื อเปิ ดดูแฟ้ มข้อมูลของผูอื่น
้
- 11. 11
่
4. ต้องไมใช้คอมพิวเตอร์เพื่อการโจรกรรมข้อมูลขาวสาร ่
่
5. ต้องไมใช้คอมพิวเตอร์สร้างหลักฐานที่เป็ นเท็จ
6. ต้องไมคัดลอกโปรแกรมของผูอื่นที่มีลิขสิ ทธิ์
่ ้
7. ต้องไมละเมิดการใช้ทรัพยากรคอมพิวเตอร์โดยที่ตนเองไมมีสิทธิ์
่ ่
่
8. ต้องไมนําเอาผลงานของผูอื่นมาเป็ นของตน
้
ิ ั
9. ต้องคํานึงถึงสิ่ งที่จะเกดขึ้ นกบสังคมอันติดตามมาจากการกระทําของทาน ่
10. ต้องใช้คอมพิวเตอร์โดยเคารพกฎระเบียบ กติกา และมีมารยาท
ข้อ แนะนํา จรรยาบรรณที่ ค วรเรี ย นรู ้ ท้ ัง การใช้ กฎระเบี ย บ กฎหมายคว บคุ ม การใช้ง าน
คอมพิวเตอร์ นักเรี ยนสามารถเรี ยนรู ้ได้จากเว็บไซต์ที่เข้าชมทุกเว็บ ซึ่ งผูดูแลเว็บ (Administrator) จะมี
้
ข้อแนะนําการใช้อยู่ทุกเว็บไซต์ สําหรับกฎหมายเกยวกบการควบคุมและบทลงโทษด้านคอมพิวเตอร์
ี่ ั
ศึกษาได้จาก พระราชบัญญัติคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2551 ที่เว็บไซต์:
http://elearning.medicine.swu.ac.th/news/wp-admin/doc/computer_law.pdf
3. มาตรฐานการสื่ อสารข้ อมลในเครือข่ ายอินเทอร์ เน็ต
ู
การสื่ อ สารข้อ มู ล คื อ การนํา ข้อ มู ล จากเครื่ อ งผูส่ ง ผานสื่ อ เชนสายโทรศัพ ท์ สาย UTP
้ ่ ่
้ ่
สายใยแกว หรื อแบบไมต้องใช้สาย (ใช้คลื่นความถี่) ไปยังเครื่ องรั บ ซึ่ งเครื่ องคอมพิวเตอร์ ในระบบ-
่ ั ่ ั
เครื อขายจะทําหน้าที่ท้ งสงและรับ นันคือมีการโต้ตอบกนไปมา วิธีการและเทคโนโลยีการสื่ อสารข้อมูล
่
่
นักเรี ยนจะได้เรี ยนในวิชาระบบเครื อขายคอมพิวเตอร์
่ ่
รู ปแบบการสงและควบคุ มข้อมูลในระบบเครื อขายอิ นเทอรเน็ตจะใช้ระบบฐานข้อมูลแบบ
็
กระจายจากศูนย์ (Client - Server) คือมีเครื่ อง Server ทําหน้าที่รับหรื อบริ การเกบแล้วประมวลผลข้อมูล
่ ่ ่ ่
สงไปให้แกเครื่ องผูใช้ (Client) ซึ่งในองค์กรหรื อหนวยบริ การหนึ่ง ๆ (เรี ยกวาHOST) จะใช้ เครื่ อง Server
้
่ ่
หลายเครื่ อง เพื่อให้บริ การผูใช้หรื อ (Client) โดยที่แตละหนวยงานเครื่ องคอมพิวเตอร์และระบบปฏิบติการ
้ ั
่ ั ั ํ
(OS) ตาง ๆ กน การที่จะให้ระบบสื่ อสารข้อมูลกนได้ จึงต้องมีการกาหนดมาตรฐานการสื่ อสารข้อมูล
และ วิธีส่ งให้เป็ นแบบเดียวกน เปรี ยบเหมือนการใช้ภาษาเดียวกนยอมสื่ อสารกนรู ้เรื่ อง เราเรี ยกกฎหรื อ
ั ั ่ ั
มาตรฐานนี้ ว่า โปรโตคอล (Protocol) เพื่ อ ให้เ ข้า ใจมาตรฐานการเชื่ อ มตอในเครื อ ขายอิ น เทอร์ เ น็ ต
่ ่
่
นักเรี ยนควรทําความเข้าใจความหมาย และหน้าที่ของคําวา Protocol , IP , DNS และ Url ที่เกยวข้องกบ ี่ ั
การเชื่อมตอเข้าสู่ เครื อขายอินเทอร์เน็ตโดยสังเขปกอน ดังนี้
่ ่ ่
3.1 โปรโตคอล ( Protocol )
ํ ่
โปรโตคอล (Protocol) คือระเบียบวิธีที่กาหนดขึ้ นสําหรับการสื่ อสารข้อมูล ระหวางเครื่ อง
่ ่ ่ ่ ็ ํ
คอมพิวเตอร์ในระบบเครื อขายให้สามารถสงผานข้อมูลไปยังปลายทางได้อยางถูกต้อง หรื อกคือกาหนดให้
- 12. 12
โปรแกรมที่จะนํามาใช้ส่ ง – รับ ข้อมูลในเครื อขายอินเทอร์เน็ต จะต้องมีเพื่อให้สามารถใช้ สง – รับข้อมูล
่ ่
ํ
(ข้อมูลเว็บเพจ) ได้นนเอง โดยได้กาหนดมาตรฐานจําเป็ นที่โปรแกรมจะต้องใช้เหมือนกนไว้ 4 ข้อ
่ั ั
คือ 1. ชนิดของการตรวจสอบข้อผิดพลาดที่จะใช้ 2. วิธีบีบอัดข้อมูล (ถ้ามี) 3. วิธีที่ระบบที่ส่ งข้อมูลรับรู ้วา
่
มันได้ส่ งข้อมูลเสร็ จแล้ว และ 4. วิธีที่ระบบที่รับข้อมูลรับรู ้วามันได้รับข้อมูลแล้ว
่
่ ่
โปรโตคอลที่ใช้เป็ นมาตรฐานการติดตอบนเครื อขายอินเทอร์เน็ตในปั จจุบน คือ TCP/IP
ั
โดยโปรโตคอล TCP/IP มีโปรโตคอลทํางานรวมกนสองสวนคือ่ ั ่
TCP จะทําหน้าที่ในการตรวจสอบการรับ-สงข้อมูลวาถูกต้องหรื อไม่ หากมีขอมูลที่ส่ งไป
่ ่ ้
สูญหายระบบตรวจสอบจะแจ้งไปยังต้นทางให้ส่ งข้อมูลนั้ นมาใหม่
IP จะทําหน้าที่ในการเลือกเส้นทางสงข้อมูลไปยังหมายเลขที่อยู่ที่ระบุ และตรวจสอบที่อยู่
่
ั ่ ่ ั ่
ของผูรับต้องตรงกบหมายเลขที่อยูที่ระบุ เชนเดียวกบระบบการสงจดหมายของไปรษณี ย ์ ถ้าตรงกน กสง
้ ั ็ ่
่ ็ ่
ข้อมูลให้ ถ้าไมตรงกจะผานไป
3.2 ไอพีแอดเดรส ( IP: Internet Protocol Address)
ั ่
ไอพีแ อดเดรส หรื อที่ เ รี ย กกนสั้ น ๆ วา ไอพี (IP) คื อ หมายเลขที่ ร ะบุ ไ ว้ประจําเครื่ อ งหรื อ
่ ั ่ ่
อุปกรณ์ที่จะตอเข้ากบระบบเครื อขายคอมพิวเตอร์ เชน เครื่ องคอมพิวเตอร์ เครื่ องเราท์เตอร์ เครื่ องแฟกซ์
ั ่ ิ ั
คล้ายกบหมายเลขโทรศัพท์ที่จะมีหมายเลขเฉพาะตัวเพื่อไมให้เกดการซํ้ ากน ปั จจุบนไอพีที่ใช้เป็ นเวอร์ชน
ั ั
4 (IPv4) หมายเลขไอพีจะใช้เลขฐานสองจํานวน 32 บิต ( 232) แยกการเขียนออกเป็ นชุดจํานวน 4 ชุด
แตละชุดจะใช้เลขฐานสองจํานวน 8 บิต คันด้วยจุด (.) คือ 28.28.28.28 เนื่ องจากคนสวนใหญ่ จะคุนเคยกบ
่ ่ ่ ้ ั
ระบบเลขฐานสิ บ จึงแปลงเลขฐานสองให้แสดงผลเป็ นเลขฐานสิ บมีค่าตั้ งแต่ 0-255.0-255.0-255.0-255
่ ่
ตัวอยางหมายเลขไอพี เชน 203.146.15.9 เป็ น IP ของกระทรวงศึกษาธิการ
ํ ํ
การกาหนดเลขหมาย IP Address จะมีวิธีการกาหนดและกฎเกณฑ์ที่รัดกุม ผูใช้ที่อยากจัดตั้ ง ้
่ ่
Server หรื อ Web Host เพื่อเชื่อมตอเข้าอินเตอร์เน็ต และบริ การตาง ๆ ต้องขอเลขหมาย IP Address ที่
Internet Network Information Center (InterNIC) ขององค์กร Network Solution Incorporated ที่
รั ฐ เวอร์ จิ เ นี ย สหรั ฐ อเมริ ก า แต่ ใ นทางปฏิ บ ัติผูใ ช้ต ้อ งสมัค รเข้า เป็ นสมาชิ ก ขอใช้บ ริ ก ารจากบริ ษ ัท
้
ํ
ผูให้บริ การ ISP ซึ่งรับสัมปทานหมายเลข IP Address มาแล้ว ISP จะกาหนดหมายเลข IP ให้ใช้ หรื อ
้
่ ่ ่ ั
สงคา IP ชัวคราวให้ใช้งานได้ ทั้ งนี้ ข้ ึนอยูกบการขอใช้รูปแบบของการบริ การ
่
ปั จจุบนได้มีการคิดพัฒนาหมายเลขไอพีจากเวอร์ชน 4 เป็ นเวอร์ชน 6 ไอพีเวอร์ชนที่ 6 (IPv6)
ั ั ั ั
ในมาตรฐานของเวอร์ชน 6 จะใช้ระบบ 128 บิต (2128) เพื่อเพิ่มจํานวนหมายเลข IP ที่กาลังจะไมพอใช้
ั ํ ่
- 13. 13
3.3 ระบบชื่อโดเมน (DNS: Domain Name System)
เนื่องจากเครื อขายอินเทอร์เน็ตมีเว็บไซต์จานวนมาก การเข้าสู่ เว็บไซต์จะต้องระบุหมายเลข IP
่ ํ
ํ
ของเครื่ อง Server ที่ทาหน้าที่เป็ น Host ให้ถูกต้อง แต่การจําหมายเลข IP เป็ นเรื่ องยากจึงมีการกาหนด
ํ
้ ่
แนวทางแกปั ญหาด้วยการตั้ งชื่ อหรื อใช้ตวอักษรขึ้ นมาแทนที่หมายเลข IP เชน หมายเลข IP คือ
ั
่ ่
203.146.15.9 แทนที่ดวยชื่อเป็ น moe.go.th จะทําให้ผใช้บริ การสามารถจําได้แมนยํากวา การแทนที่ชื่อ
้ ู้
่ ็
หมายเลข IP เรี ยกวา Domain Name System (DNS) ในการออกแบบระบบการจัดเกบชื่อ DNS ตามเลข IP
มีมาตรฐานการจัดเป็ นลําดับโครงสร้างของฐานข้อมูล Domain Name แบบ Top-down (ซึ่ งกาหนดและ ํ
ควบคุมโดย InterNIC :Internet Network Information Center) คือในระดับบนสุ ดจะมีความหมายบอกถึง
ประเภทขององค์กร หรื อชื่ อประเทศที่เครื อขายตั้ งอยู่ ชื่ อ Domain จะใช้ตวอักษรเล็กหรื อใหญกได้
่ ั ่ ็
่ ่ ่
แตนิ ยมใช้อกษรเล็ก จากระดับบนสุ ดลงมา เป็ นหนวยงาน ซึ่ งใช้อกษรตัวยอแทนความหมาย แล้วแต่
ั ั
ํ ่ ่ ่
ผูจดตั้ งจะกาหนดขึ้ น แตละระดับจะถูกแบงคันด้วยเครื่ องหมายจุด (Dot) การดูระดับ จากบนลงลางให้ดู
้ั ่
่ ่
จากด้านขวามาซ้าย ดังตัวอยางรู ปที่ 1.4 สําหรับประเทศไทยหนวยงานที่รับผิดชอบการจดโดเมน คือ
่
ศูนย์สารสนเทศเครื อขายประเทศไทย(THNIC, Thailand Network Information Center)
ระบุที่ตงและ
ั
ระบุตามจุดประสงค์
จุดประสงค์
ขององค์กร ตัวอย่ างการเขียน ขององค์กร
รู ปที่ 1.4 แสดงการจัดลําดับโครงสร้างของฐานข้อมูล Domain Name
ที่มา : http://wiki.nectec.or.th/ru/IT630_1_2008Students/NaManaSlideDNS
- 14. 14
รปแบบการจัดแบ่ งระดับโครงสร้ างของระบบ DNS มีดงนี้
ู ั
่
โดเมนระดับที่ 1 หรื อระดับบนสุ ด(Top Level)จะใช้โค้ดที่เป็ นตัวอักษร 2-4 ตัว เพื่อบงบอก
จุดประสงค์หรื อหน้าที่หลักขององค์กรนั้ น ๆ หรื อประเทศที่ต้ งขององค์กร ดังตารางที่แสดงดังนี้
ั
่
ตัวอยางแบบจุดประสงค์หรื อหน้าที่หลักขององค์กร
โดเมน หน่ วยงานหรือประเภทองค์ กร
.com ํ ี่ ั
องค์กรที่ทาเกยวกบการพาณิ ชย์
.edu ํ ั
กาหนดให้กบสถานศึกษาในประเทศสหรัฐ ฯ
.gov ํ ่
กาหนดให้หนวยงานราชการของรัฐบาลสหรัฐ ฯ
.info ่
องค์กรที่ใช้ขอมูลขาวสาร
้
.int องค์กรนานาชาติ
.mil ํ ั
กาหนดให้กบทหารของประเทศสหรัฐ ฯ
.net ํ ี่ ั ่
องค์กรที่ทาเกยวกบระบบเครื อขาย
.org ่
องค์กรที่ไมต้องการกาไร ํ
่
ตัวอยางบอกที่ต้ ง(ประเทศ)
ั
โดเมน หน่ วยงานหรือประเภทองค์ กร
.th ่
หนวยงานที่ต้ งในประเทศไทย
ั
.jp ่
หนวยงานที่ต้ งในประเทศญี่ปุ่น
ั
.au ่
หนวยงานที่ต้ งในประเทศออสเตรเลีย
ั
.uk ่
หนวยงานที่ต้งในประเทศอังกฤษ
ั
.tw ่
หนวยงานที่ต้ งในประเทศไต้หวัน
ั
โดเมนระดับที่ 2 เป็ นการเพิ่มชื่อหนวยงานลงในระดับประเทศ โดยโดเมนที่บ่งบอกประเทศ
่
่ ่
จะอยูขวาสุ ด และถัดมาจะเป็ นตัวอักษร 2-3 ตัวของชื่อองค์กร เชน ac.th
โดเมน หน่ วยงานหรือประเภทองค์ กร
.ac ่
หมายถึงหนวยงานที่เป็ นสถานศึกษา
.go ่ ่
หมายถึงหนวยงานที่เป็ นหนวยงานราชการ
.or ่ ่
หมายถึงหนวยงานที่เป็ นองค์กรที่ไมแสวงหาผลประโยชน์
.co ่ ่
หมายถึงหนวยงานที่เป็ นหนวยงานเอกชน
- 15. 15
ตําแหน่ งอ้ างอิงของเว็บไซต์ (URL: Universal Resource Locator)
การที่เราจะเรี ยกใช้เว็บไซต์ใดๆ เราจะต้องทราบถึงที่อยู่บนอินเทอร์ เน็ตของเว็บไซต์น้ ันๆ
่ ่ ่ ่
ตําแหนงที่อยูบนอินเทอร์เน็ตของเว็บไซต์น้ ีเราเรี ยกวา URL ดังตัวอยางรู ปที่ 1.5
รู ปที่ 1.5 แสดงการระบุตาแหนง Url เพื่อเข้าสู่ เว็บไซต์ google
ํ ่
โครงสร้ างของ Url ประกอบด้ วย
่
โปรโตคอลเชื่อมตอ + โปรโตคอลที่ใช้บริ การ + Sub domains + Top Level Domain
่
ดังตัวอยาง ดังรู ปที่ 1.6
http://www.rtc.ac.th
โปรโตคอลเชื่อมต่ อ + โปรโตคอลทีใช้ บริการ + Sub domains + Top Level Domain
่
รู ปที่ 1.6 แสดงโครงสร้างและวิธีเขียนที่ตองระบุใน Url
้