กลุ่ม4
- 2. กิตติกรรมประกาศ
รายงานฉบับนี้สาเร็ จและสมบรู ณ์เป็ นรู ปเล่ม ด้วยความกรุ ณาและเอาใจใส่ เป็ น
อย่างดีจากคุณครู พรทิพย์ มโนเลิศ คุณครู ประจาวิชา และคุณครู นฤมล ปรุ งเสริ ม คุณครู
ที่ปรึ กษา ที่ได้กรุ ณาให้คาปรึ กษาและแนะแนวทางในการดาเนินการทารายงานในครั้งนี้
รวมทั้งข้อเสนอแนะและข้อคิดต่างๆตลอดทั้งการตรวจแก้ไขรายงานฉบับนี้ ให้สาเร็ จ
สมบรู ณ์ยงขึ้น ทางคณะผูจดทาจึงขอขอบคุณเป็ นอย่างสู งไว้ ณ โอกาสนี้
ิ่
้ั
ขอขอบพระคุ ณ คุ ณ ครู ทุ ก ท่ า นที่ ไ ด้ป ระสิ ท ธิ ป ระสาทวิ ช า ความรู ้ และ
ประสบการณ์ ตลอดจนอานวยความสาเร็ จให้บงเกิดขึ้น
ั
สุ ดท้ายนี้ ขอขอบคุ ณครู พรทิ พย์ มโนเลิ ศ และเพื่อนๆที่ เป็ นกาลังใจและให้
ความช่วยเหลือในการเก็บรวบรวมข้อมูลและให้คาแนะนาในการทารายงานครั้ งนี้ ให้
สาเร็ จลุล่วงด้วยดีตลอดมา
คณะผูจดทา
้ั
กลุ่มที่ ๔
- 3. บทคัดย่ อ
การศึ กษาครั้ งนี้ มี วต ถุ ป ระสงค์เพื่ อ ศึ กษาเศรษฐกิ จ ข้าวไทยในปั จ จุ บันและเพื่ อ
ั
วิเคราะห์นโยบายของรัฐบาลในการแก้ปัญหาเรื่ องข้าว ผลการศึกษาพบว่า เศรษฐกิจข้าว
ไทยในปั จจุบน ประเทศไทยส่ งออกข้าวเป็ นอันดับ ๑ ของโลก โดยปริ มาณการส่ งออก
ั
ข้าวของไทยทาสถิติสูงถึง ๑๐.๒๑๖ ล้านตัน ส่ วนนโยบายของรัฐบาลที่ว่าการรับจานา
ข้าวและการประกันราคาข้าวนั้น รั ฐบาลได้สร้ างโครงการนี้ ข้ ึ นมาเพื่อช่ วยเกษตรกร
ชาวนาแต่ก็ยงไม่สามารถทาได้ผลเท่าที่ ควรเท่าไหร่ นักเพราะปั จจุ บนนี้ ยงมีประชากร
ั
ั ั
ชาวนาจานวนมากที่ ยงมีปัญหาเกี่ ยวกับกาไรจากการค้าข้าว รวมไปถึงต้นทุนการผลิต
ั
การนาเข้า การส่ งออกของข้าว และยังพบว่ายังมี ชาวนาบางส่ วนที่ ยงไม่มีที่ทากิ นเป็ น
ั
ของตัวเองทาให้กลายเป็ นแรงงานของที่ดินผูอื่น
้
- 4. วัตถุประสงค์
รายงาน เรื่ อง เศรษฐกิจข้าวไทยในปั จจุบน มีวตถุประสงค์ในการศึกษาค้นคว้า
ั ั
ดังนี้
๑.เพื่อศึกษาเกี่ยวกับเศรษฐกิจข้าวไทยในปั จจุบน
ั
๒.ศึกษานโยบายรัฐแก้ไขปั ญหาเรื่ องข้าวได้จริ งหรื อไม่
๓.เพื่อได้รับทราบถึงความเป็ นธรรมทั้งผูผลิตและบริ โภค
้
สมมุตฐาน
ิ
๑.นโยบายของรัฐช่วยแก้ปัญหาเรื่ องข้าวได้จริ ง
๒.ผูผลิตและผูบริ โภคได้รับผลประโยชน์อย่างเหมาะสม
้
้
ขอบเขต
๑.ศึกษาค้นคว้าระบบเศรษฐกิจข้าวไทย ปั ญหา ผลกระทบและนโยบายที่รัฐ
ช่วยเหลือข้าวไทย
๒.ศึกษาค้นคว้าระบบเศรษฐกิจในประเทศ
๓.ระยะเวลาศึกษาเป็ นเวลาปั จจุบน พุทธศักราช ๒๕๕๖
ั
- 5. ระยะเวลาและสถานทีดาเนินการ
่
รายงานเรื่ อง เศรษฐกิ จข้าวไทยในปั จจุ บน ใช้ระยะเวลาในศึ กษาค้นคว้า ตั้งแต่
ั
วันที่ ๑๐ เดื อน พฤศจิ กายน พ.ศ.๒๕๕๖ ถึ ง วันที่ ๑๒ เดื อน ธันวาคม พ.ศ.๒๕๕๖
สถานที่ดาเนินการ ได้แก่
๑.โรงเรี ยนโยธินบารุ ง
๒.บ้า นเลขที่ ๗๓/๑๒๕ ถนนพัฒ นาการคู ข วาง ต าบลท่ า วัง อ าเภอเมื อ ง
จังหวัดนครศรี ธรรมราช
๓.๓๐๒ หอพักแพทย์หญิงจุฑาทิพย์ ถนนพัฒนาการทุ่งปรัง ซอยมหาราช ๑
ตาบลในเมือง อาเภอเมือง จังหวัดนครศรี ธรรมราช
- 6. ่
ข้ าว เป็ นพืชเศรษฐกิจที่สาคัญของไทย เชื่อมโยงกับชีวตความเป็ นอยูของคนไทย เป็ นทั้งอาหาร
ิ
่
หลักและแหล่งที่มาของเงินตราต่างประเทศ ซึ่ งปริ มาณการส่ งออกข้าวที่ผานมามีแนวโน้มเพิ่มขึ้นโดย
ตลอด ในปี 2551 ปริ มาณการค้าข้าวของโลกทั้งสิ้ น ๒๙.๖๐ ล้านตันข้าวสาร ประเทศไทยมีส่วนแบ่ง
การตลาดส่ งออกข้าวสารถึงร้อยละ ๓๔.๕๓
ปั จจุบน ประเทศไทยส่ งออกข้าวเป็ นอันดับ ๑ ของโลก โดยปริ มาณการส่ งออกข้าวของไทย
ั
ทาสถิติสูงถึง ๑๐.๒๑๖ ล้านตัน คิดเป็ นมูลค่าประมาณ ๒๐๓,๒๑๙ ล้านบาท มีขาวเปลือกหลากหลาย
้
ชนิดพันธุ์ โดยมีขาวหอมมะลิดีที่สุดในโลก ผลผลิต ๒๘% เป็ นข้าวหอมมะลิ ๔๕% เป็ นข้าวเจ้าอื่นๆ
้
และ ๒๗% เป็ นข้าวเหนียว เวียดนาม อินเดีย พม่า และ อาร์เจนตินา ก็เริ่ มส่ งออกข้าวมากขึ้น กอปรกับ
ภัย ธรรมชาติ ในประเทศต่างๆ ส่ งผลกระทบต่ อ การผลิ ตอาหาร ซึ่ งปั จ จัย เหล่ านี้ เป็ นแรงกดดันให้
ประเทศต่างๆ เพิ่มระดับการแข่ งขันการค้า ข้าวในตลาดโลกมากขึ้ น อย่างไรก็ดี ข้าวจากไทยมี ข อ
ได้เปรี ยบด้านความหลากหลายทางพันธุกรรมและมีคุณภาพสู ง รวมถึงสามารถนามาผลิตสารสกัดและ
อาหารเสริ มต่างๆ ได้ ซึ่ งเป็ นกลยุทธ์ท างการตลาดที่ ดี ตอบสนองต่ อกระแสความนิ ยมอาหารเพื่ อ
สุ ขภาพที่กาลังมีเพิ่มมากขึ้น
- 7. ปัญหาเกียวกับเศรษฐกิจข้ าวไทย
่
๑.การนาเข้ า-การส่ งออกข้ าว
การนาเข้ าส่ งออกข้ าว
ประเทศต่างๆ ผลิ ตและบริ โภคข้าวประมาณ ๔๓๐ ล้านตัน/ปี แต่ส่วนใหญ่
เป็ นการผลิตและบริ โภคภายในประเทศ ปริ มาณข้าวที่เหลือสาหรับขายระหว่างประเทศ
่
อยูที่ประมาณ ๒๙-๓๐ ล้านตัน/ปี ประเทศที่ผลิตข้าวเป็ นดับ ๑ คือจีน (ประมาณ ๑๓๐
ล้านตัน/ปี ) และอันดับ ๒ คืออินเดีย (ประมาณ ๘๐-๙๐ ล้านตัน/ปี ) ส่ วนไทยผลิตข้าว
มากเป็ นอันดับ ๖ (ประมาณ ๑๙ ล้านตัน/ปี ) แต่เป็ นผูส่งออกข้าวอันดับ ๑ ของโลก ส่ วน
้
คู่แ ข่ งที่ ส าคัญ ของไทยมี ห ลายประเทศเช่ น เวีย ดนาม บราซิ ล โดยขณะนี้ เวียดนาม
สามารถผลิตข้าวได้มากกว่าไทย (ประมาณ ๒๔ ล้านตัน/ปี ) และสามารถส่ งออกข้าว
เป็ นอันดับ สองของโลก ในขณะที่ ประเทศที่ นาเข้าข้าวที่ สู ง ที่ สุ ดคื อ ฟิ ลิ ป ปิ นส์ แ ละ
ไนจีเรี ย โดยทั้งสองประเทศนาเข้าข้าวในปี ๒๕๕๒ กว่า ๒ ล้านตัน
- 8. จุดแข็งของประเทศไทย
๑.ชื่อเสี ยงของประเทศไทยในการส่ งออกอาหาร จนได้ชื่อว่าเป็ น “ครัวของโลก”
๒.ข้าวมีคุณภาพดี
๓.มีข้ นตอนการผลิตที่ครบวงจรและเข้มแข็ง
ั
๔. สภาพอากาศ/ความหลากหลายของพันธุ์ขาว/ประสบการณ์การค้าข้าวที่ยาวนาน
้
๕.การบริ การที่ดี ซื่ อตรงต่อผูคา
้้
ั
๖.สามารถปรับตัวได้กบทุกมาตรฐานสุ ขภาพที่มีการกาหนดขึ้น
จุดอ่ อนของประเทศไทย
๑.ปลูกข้าวมากเกินไปเพราะรัฐมีมาตรการ ช่วยเหลือเกษตรกรตลอดเวลา
๒.มีผลผลิตต่อไร่ ต่า ทาให้ตนทุนสู ง
้
๓.ขาดการทานาขนาดใหญ่ จึงทาให้การผลิตไม่ได้การประหยัดต่อขนาด
๔.ไม่มียทธศาสตร์ ในด้านการผลิตและการส่ งออกระยะยาว
ุ
๕.การทุจริ ตของภาครัฐ (เช่น เรื่ องการบริ หาร สต๊อกข้าว)
- 9. ๒.คู่แข่ งทีสาคัญของไทย
่
ประเทศที่เป็ นคู่แข่งสาคัญในการส่ งออกข้าวของไทยในตอนนี้ คือ เวียดนาม โดยในปี ๒๕๕๒
ไทยผลิตข้าวได้ ๓๑.๖๕ ล้านตัน (เวียดนาม ๓๘.๙๐ ล้านตัน) ในขณะที่ไทยมีความสามารถในการผลิต
่
๔๗๔กิโลกรัมต่อไร่ (เวียดนาม ๘๓๗ กก./ไร่ ) ทาให้ราคาข้าวไทยอยูทีประมาณ ๖,๕๗๕ –๘,๗๑๕
บาท / ตัน (เวียดนาม ๓,๙๖๐ บาท/ตัน)
สาหรับโครงสร้างการส่ งออกข้าวคือ ไทยส่ งออกข้าวขาวประมาณ ๒.๓ ล้านตัน (เวียดนาม ๕.๓
ล้านตัน) ข้าวหอม ๒.๖ ล้านตัน (เวียดนาม ๒.๖ แสนตัน) ข้าวนึ่ง ๒.๘ ล้านตัน (เวียดนามไม่ส่งออกข้าว
ประเภทนี้) โดยระหว่างปี ๒๕๕๔–๒๕๕๖ ไทยส่ งออกเพิ่มขึ้นร้อยละ ๓๑ (เวียดนามร้อยละ ๗๖.๕)
นอกจากนี้ ในอนาคตอันใกล้ ไทยยังมีคู่แข่งสาคัญคืออินเดี ย ซึ่ งขณะนี้ งดการส่ งออกข้าว ด้วย
เหตุผลเพื่อการบริ โภคภายในและเก็บสต๊อกเพื่อความปลอดภัยทางอาหาร ทาให้ไทยครองตลาดข้าวนึ่ ง
ในแอฟริ กา แต่หากอินเดียเปลี่ยนนโยบายดังกล่าว ตลาดข้าวนึ่งไทยอาจลดลงกว่าร้อยละ ๕๐ เนื่องจาก
่
ข้าวนึ่งจากประเทศอินเดียมีตนทุนการผลิตและราคาขายต่ากว่าไทย แม้วาคุณภาพจะด้อยกว่า แต่ก็เป็ นที่
้
ต้องการของผูบริ โภคเพราะราคาถูก
้
นอกจากนี้ พม่าก็เป็ นคู่แข่งที่ควรจับตามอง เนื่ องจากในปี ๒๕๕๕ สามารถส่ งออกได้ถึง ๑ ล้าน
ตัน ท าให้พ ม่ าเริ่ ม ตื่ น ตัว ในการสนับ สนุ นการส่ ง ออกดังกล่ า ว และพื้น ที่ ใ นพม่ า มี การชลประทาน
ธรรมชาติที่ดี อีกทั้งในอดีต พม่าเคยเป็ นผูส่งออกข้าวอันดับ ๑ ของโลกมาแล้ว
้
- 10. ๓.ต้ นทุนการผลิต
เนื่องจากในปั จจุบนนี้ เศรษฐกิจของประเทศไทยได้มีเปลี่ยนแปลงไปมากมาย
ั
ทาให้ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจบางประเภท อย่างเช่น เศรษฐกิจของข้าวไทยในปั จจุบน
ั
่
ซึ่ งมีผลกับต้นทุนการผลิต ไม่วาจะเป็ นต้นทุนในการจัดหาซื้ ออุปกรณ์ ค่าจ้างแรงงาน การ
เช่าที่ดินในการเพาะปลูก ซึ่ งต้นทุนเหล่านี้ ในปั จจุบนต้องใช้ตนทุนที่ค่อนข้างสู ง ทาให้ไม่
ั
้
พอต่อความเป็ นจริ งกับผลผลิตที่ได้มา ซึ่ งทาให้เกิดปั ญหากับต้นทุนการผลิต
ผลกระทบต่ อชาวนา
ในปั จจุบนสมัยนี้ ชาวนาจานวนมากกลับไม่สามารถรักษาที่ดินที่พวกเขาใช้สาหรับ
ั
เก็บเกี่ยวข้าวและจาเป็ นต้องเช่าที่ดินทากินเพื่อเลี้ยงชีพตัวเอง รัฐบาลมักจะคาดหวังรายได้
จากภาษีอยูเ่ สมอ ซึ่ งเหตุผลนี้ได้ผลักดันให้ชาวนาจานวนมากเข้าใกล้สภาวะการขาดทุน
มากยิงขึ้น เทคโนโลยีใหม่ๆยังได้ขยับราคาต้นทุนในการทานาสู งขึ้นและทาให้เป็ นการ
่
ยากขึ้นสาหรับชาวนาที่จะเป็ นเจ้าของที่ดินและปลูกข้าว ชาวนาที่ค่อนข้างมีการผลิตที่
่
ค่อนข้างใหญ่อยูแล้วหรื อสามารถแบกรับค่าใช้จ่ายสารเคมีใหม่ๆ สายพันธุ์ขาว และ
้
แทรกเตอร์ จะได้รับประโยชน์อย่างมาก
- 11. ขณะที่ ชาวนาธรรมดาต้องหันจากจากผูผลิ ตข้าวที่ มี ที่ดินเป็ นของตั วเองไปเป็ น
้
แรงงานมนุษย์ในที่ดินของคนอื่น
นอกจากนี้ ปั ญ หาเรื่ องประสิ ทธิ ภาพการผลิ ต ราคาและการส่ งออก โครงสร้ าง
พื้นฐานของการผลิตข้าว สภาพพื้นที่ เพาะปลูก ในพื้นที่ นาน้ าฝนมักเป็ นกระทงนาผืน
เล็กผืนน้อย เนื่ องจากพื้นที่สูงต่าต่างระดับ ทาให้ใช้เครื่ องมือทุ่นแรงยาก นอกจากนั้นก็
ยังมี ปัญหาการแปรรู ปข้าวเปลือกในโรงสี สหกรณ์ที่มีอยู่ไม่เพียงพอ ทาให้มีกาลังการ
ผลิตน้อย นอกจากนี้ ยงมีปัญหาราคาข้าวในตลาดโลกที่มกมีการผันผวนมาก บางครั้งผู ้
ั
ั
ส่ งออกต้องซื้ อข้าวในราคาสู ง แต่ตอนขายกลับขายได้ในราคาต่า ซึ่ งย่อมส่ งผลกระทบ
ต่อราคารับซื้ อข้าวจากชาวนา
- 12. นโยบายของรัฐบาลกับการแก้ ปัญหาเศรษฐกิจข้ าว
๑.การรับจานาข้ าว
โครงการรับจานาข้าว เป็ นโครงการที่เกิดขึ้นในสมัยพรรคไทยรักไทยเป็ นรัฐบาล และ
มาหยุดโครงการดังกล่าวในรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ เนื่องจากพรรคประชาธิปัตย์เห็นว่า มี
้
ช่องโหวในเรื่ องของการคอรัปชัน ในขณะที่รัฐบาลพรรคเพื่อไทยได้กาวเข้ามาครั้งนี้ จึงนา
นโยบายดังกล่าวกลับมาใช้อีกครั้งหนึ่ง
ข้ อดี
๑.จากการประกาศจานาราคาข้าวที่ ๑๕,๐๐๐ บาท ชาวนาจะได้รับเงิน ๑๕,๐๐๐ เลย (กรณี
ข้าวมีความชื้นที่๑๕ เปอร์เซ็นต์) ซึ่งเป็ นเงินสด
๒.ชาวนา มีขาวเท่าไรก็ขายได้ตาม จานวนผลผลิตที่ได้ เช่น หากทานา มีขาว ๑๐ ตัน ก็ได้
้
้
ทั้ง ๑๐ ตัน เป็ นเงิน ๑๕๐,๐๐๐ บาท
๓.ชาวนาจะได้รับเป็ นเงินสดทันทีเมื่อขายข้าว
๔.จะทาให้ ราคาข้าวในท้องตลาดเพิ่มขึ้น เนื่องจากถ้าพ่อค้าไม่รับซื้อ ในราคาสูงก็ไม่มี
ข้าวขายเพราะรัฐจะซื้อเองหมด
๕.รัฐบาลสามารถควบคุมราคาซื้อ-ขาย ข้าวได้ (ในการส่ งออกและบริ โภคภาย ใน
ประเทศ)
- 13. ข้ อเสี ย
่
๑.จากอดีตที่ผานมามีการคอรัปชันสูง ทาให้รัฐต้องขาดทุนปี ละหลายหมื่น ล้าน
๒.รัฐอาจต้องสร้างโกดังไว้เก็บข้าวเอง จานวนมาก
๓.เป็ นการ บิดเบือนกลไกตลาดทาให้ รัฐต้องใช้เงินจานวนมากไปซื้ อข้าวซึ่ ง รัฐไม่น่าจะ
่
มีเงินมากมาซื้อข้าวชาวนาได้ท้ งหมดในกรณี ที่พอค้าไม่รับซื้อข้าวแข่ง
ั
๔.รัฐต้องเสี ยเงินจานวนไม่นอยในการสต๊อกข้าวและรักษาคุณภาพข้าวจานวนมากถ้าขาย
้
ข้าวไม่ได้
๕.อาจมีขาวจากต่างประเทศเข้ามาสวมสิ ทธิ์
้
๒.การประกันราคาข้ าว
โครงการการประกันราคาข้าวเป็ นโครงการที่รัฐบาลเสนอขึ้นเพื่อช่วยแก้ไขปั ญหาของ
ชาว โดยโครงการการประกัน ราคาข้า วนั้น เป็ นโครงการที่ ช่ ว ยพยุง ราคาข้า วไม่ ใ ห้ต กต่ า
จนเกินไป เป็ นโครงการที่สามารถช่วยเหลือชาวนาไม่ให้เกิดภาวะราคาข้าวตกต่านั้นเอง
- 14. บทสรุปและอภิปรายผล
สรุ ป
เรื่ อง เศรษฐกิจข้าวไทยในปั จจุบน สามารถสรุ ปได้ ดังนี้
ั
๑. นโยบายของรั ฐบาลสามารถช่ วยแก้ปัญหาเรื่ องข้าวได้จริ งแต่ก็ยงไม่ ได้ผล
ั
เท่ า ที่ ค วรเท่ า ไหร่ เ พราะชาวนาบางส่ ว นยัง ได้ผ ลกระทบจากต้น ทุ น การผลิ ต การ
ส่ งออกการนาเข้า เป็ นต้น
๒.ผูผ ลิ ตที่ มี ตน ทุ นในการผลิ ตสู ง ก็ส ามารถได้รั บ ผลประโยชน์ ได้ม าก ส่ ว น
้
้
ผูผลิตที่ มีตนทุนการผลิตต่านั้นก็จะได้รับผลประโยชน์ที่ต่าลงมา และส่ วนผูบริ โภค
้
้
้
หากราคาข้าวสู งผูบริ โภคก็จะได้รับการบริ โภคที่ สูง แต่ถาราคาข้าต่าผูบริ โภคได้รับ
้
้
้
การบริ โภคที่ต่าไปด้วย
- 15. อภิปรายผล
เรื่ อง เศรษฐกิจข้าวไทยในปั จจุบน สามารถอภิปรายผลได้ ดังนี้
ั
ข้าวเป็ นอาหารหลักของคนไทยมาตั้งสมัยในอดีต คนไทยส่ วนมากนิ ยมบริ โภค
ข้าวเป็ นอาหารหลักเพื่อใช้ในการดารงชี วิตให้อยู่รอด และคาว่าข้าวยังเป็ นอาชี พของ
ชาวนาที่ใช้ในการทามาหากินเลี้ยงชีพตนเอง
ข้าวไทยในปั จ จุ บ ัน มี การส่ งออกเป็ นอันดับ ที่ ๑ ของโลก โดยปริ มาณการ
ส่ งออกข้าวของไทยทาสถิติสูงถึง ๑๐.๒๑๖ ล้านตัน คิดเป็ นมูลค่าประมาณ ๒๐๓,๒๑๙
ล้านบาท มีขาวเปลือกหลากหลายชนิ ดพันธุ์ โดยมีขาวหอมมะลิดีที่สุดในโลก ผลผลิต
้
้
๒๘% เป็ นข้าวหอมมะลิ ๔๕% เป็ นข้าวเจ้าอื่นๆ
- 16. ปั จจุ บนรั ฐบาลได้มีการจัดทาโครงการขึ้ นมา คื อ โครงการรั บจานาข้าว
ั
และโครงการประกันราคาข้าว เมื่อเปรี ยบเทียบกันแล้ว ๒ โครงการนี้ เป็ นโครงการที่
รั ฐบาลต้องการที่ จะช่ วยเหลื อเกษตรกรชาวนาเพื่อ ให้ชาวนากิ นดี อยู่ดี มี สุข แต่
็
โครงการนี้ กไม่เป็ นผลเป็ นผลเท่าที่ควรเท่าไหร่ นกเนื่ องจากต้นทุนการการผลิตมีผล
ั
สู งกว่าของค่าตอบแทนที่ จะได้รับ ซึ่ งทาให้ชาวนาบางส่ วนที่ มีกาลังในการจัดหา
ต้นทุ นการผลิ ตต่ ามี หนี้ สิน นอกจากนี้ ปั ญหาเรื่ องการผลิ ต ราคาและการส่ งออก
สภาพพื้นที่ เพาะปลูก ในพื้นที่ นาน้ าฝนมักเป็ นกระทงนาผืนเล็กผืนน้อย เนื่ องจาก
พื้นที่สูงต่าต่างระดับ ทาให้ใช้เครื่ องมือทุ่นแรงยาก นอกจากนั้นก็ยงมีปัญหาการแปร
ั
่
รู ปข้าวเปลือกในโรงสี สหกรณ์ที่มีอยูไม่เพียงพอ ทาให้มีกาลังการผลิตน้อย
- 18. ๑.นายฤทธิเกียรติ รอดภัย เลขที่ ๑๓
๒.นางสาวนรวรรณ วังบุญคง เลขที่ ๑๗
๓.นางสาวปริยานุช อุปลา เลขที่ ๑๘
๔.นางสาวอัครศิตา ขุนจันทร์ เลขที่ ๒๓
ชันมัธยมศึกษาปี ที่ ๕/๑
้