Ee
- 3. 1. เนื้อหา (Content) หมายถึงรายละเอียดของข้อมูลที่จะแสดงออกมาในแรงงาน
ที่จะนาเสนอต่อผู้ใช้ เช่น ผู้จัดการฝ่ายขาย ผู้จัดการฝ่ายผลิต หรือผู้จัดการฝ่ายบุคคล เป็นต้น
ซึ่งผู้ใช้ที่ต่างกันก็อาจจะต้องการข้อมูลทั้งชนิดและรายละเอียดที่ต่างกันด้วย ดังนั้นการพัฒนา
รายละเอียดของข้อมูลที่จะใส่เข้าไปรายงานต้องคานึงถึงผู้ใช้ ซึ่งไม่ควรที่จะมีน้อยเกินไปหรือ
มากเกินไป จนกระทั่งก่อให้เกิดการใช้งานเวลานานเดินไปในการหาข้อมูลที่ต้องการ ซึ่งอาจ
ส่งผลให้เกิดการละเลยต่อของมวลที่สาคัญจริงๆก็ได้
2. รูปแบบของข้อมูล (Data Form) หมายถึงรูปแบบของข้อมูลที่จะแสดง
ซึ่งสามารถสิ่อได้ในหลายลักษณะ เช่น ข้อความ รูปภาพ กราฟิก และแผนภูมิ เป็นต้น ผู้บริหาร
ส่วนใหญ่จะทาให้นาเสนอข้อมูลในลักษณะอื่นๆ นอกเหนือจากข้อความและตัวเลข เพราะจะ
ทาให้เข้าใจข้อมูลได้ง่ายและจับประเด็นได้ชัดเจนขึ้น
ปัจจัยที่ควรคำนึงถึงในกำรออกแบบผลลัพธ์ (ต่อ)
- 4. 3. ปริมาณ (VOlume) หมายถึงปริมาณหรือจานวนของข้อมูลที่จะ
แสดงออกมาในแต่ละครั้งซึ่งปริมาณข้อมูลที่มาต้องการอุปกรณ์ในการแสดงข้อมูลที่มี
ประสิทธิภาพมากขึ้นด้วย เช่น เครื่องพิมพ์ความเร็วสูง เป็นต้น
4. ระยะเวลา (Timeliness) หมายถึง เมื่อใดที่ผู้ใช้ต้องการผลลัพธ์จาก
ระบบ ตัวอย่าง เช่นผู้จัดการฝ่ายการตลาด ต้องการรายงานยอดขายรวมของสินค้าทุกๆ
ทุกๆ เดือน ขณะที่หัวหน้าฝ่ายขายจะต้องการเยอะสินค้าแต่ละชนิดทุกๆ สัปดาห์ เป็นต้น
ต้น ซึ่งการออกรายงานผลลัพธ์จะมีความถี่แค่ไหนก็ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น ลักษณะ
ลักษณะงานของแต่ละธุรกิจ ประเภท และองค์การ เป็นต้น
ปัจจัยที่ควรคำนึงถึงในกำรออกแบบผลลัพธ์ (ต่อ)
- 5. 5. สื่อ (Media) หมายถึง อุปกรณ์หรือวัตถุที่ใช้ในการเอาผลลัพธ์ ซึ่งมีใช้
กันอยู่หลายชนิด เช่นกระดาษ แผ่นดิสก์ เครื่องพิมพ์ และจอภาพ เป็นต้น
6. รูปแบบ (Format) หมายถึง รูปแบบในการรวบรวมข้อมูล และชนิด
ของข้อมูลที่จะแสดงออกมาในผลลัพธ์ในรูปแบบของรายงาน รูปแบบจะแสดงให้เห็นถึง
ถึงตาแหน่งของชนิดของข้อมูล เช่น ตัวอักษรหรือตัวเลข เป็นต้น ที่ปรากฏบนรายงาน ซึ่ง
ซึ่งผลลัพธ์หรือรายงานที่จะออกมาก็จะมีความแตกต่างกันไปตามความต้องการของผู้ที่จะ
ที่จะใช้รายงานนั้น
ปัจจัยที่ควรคำนึงถึงในกำรออกแบบผลลัพธ์ (ต่อ)