6. การคานวณหาค่ามวลของนิวตรอน
Ex. ถ้าอนุภาคมวล m วิ่งด้วยความเร็ว u เข้าชนอนุภาคมวล M1 ซึ่งเดิมอยู่นิ่ง ๆ
ในแนวตรง ๆ แบบยืดหยุ่น ปรากฏว่าหลังจากชนมวล M1 มีอัตราเร็ว V1 แต่ถ้า
อนุภาคที่ถูกชนมีมวล M2 หลังชนอนุภาคนี้มีอัตราเร็ว V2 สามารถหามวลได้
ดังนี้
mv
V
M
mu
1
1
2
1
2
1
1
2
2
1
2
1
2
1
mv
V
M
mu
m
V
M
V
u 1
1
1
2
1
2
1
m
V
M
V
u 2
2
2
2
1
2
1
2
1
2
2
1
1
V
V
V
M
V
M
m
7. อนุภาคทั้งสามในอะตอมเป็นดังนี้
1. โปรตอน มีประจุบวก โดยขนาดของประจุเท่ากับ
1.6x10-19 Cและโดยมีมวลนิ่ง 1.67252 x 10-27 kg หรือมีค่าเท่ากับ
1.007276 u สัญลักษณ์ของโปรตอนแทนด้วย
2. นิวตรอน มีอนุภาคที่เป็นกลางทางไฟฟ้า ไม่มีประจุ
และโดยมีมวลนิ่ง 1.67482 x 10-27 kg หรือมีค่าเท่ากับ 1.008665 u
สัญลักษณ์ของนิวตรอนแทนด้วย
3. อิเล็กตรอน มีประจุลบ โดยขนาดของประจุเท่ากับ
-1.6x10-19 C และโดยมีมวลนิ่ง 9.1x10-31 kg หรือมีค่าเท่ากับ
0.000549 u สัญลักษณ์ของอิเล็กตรอนแทนด้วย
31. 2
mc
E
ตามกฎอนุรักษ์มวล : มวลของอะตอม = มวล p+มวล n+มวล e
แต่จากการตรวจสอบ มวลของนิวเคลียสมีค่าน้อยกว่ามวลรวมของนิวคลีออน
ที่ อยู่ภายในนิวเคลียส เนื่องจากการที่นิวคลีออนจะมารวมกันอยู่ได้ในนิวเคลียสต้อง
มีการเปลี่ยนมวลบางส่วนเป็นพลังงาน ซึ่งส่วนของมวลที่แตกต่างกัน เรียกว่า
ส่วนพร่องมวล (Δm) ซึ่งเทียบเท่ากับพลังงานยึดเหนี่ยว (E) ของนิวเคลียส
ตามสมการ
การหาค่าพลังงานยึดเหนี่ยว
: มวลของนิวเคลียส = มวล p+มวล n
u
MeV
m
E /
5
.
931
32.
33. การหาค่าส่วนพร่องมวล
ส่วนพร่องมวล = มวลรวมขององค์ประกอบอะตอม - มวลที่แท้จริงของอะตอม
ส่วนพร่องมวล = มวลรวมขององค์ประกอบนิวเคลียส - มวลที่แท้จริงของนิวเคลียส
X
e
n
p m
Zm
m
Z
A
Zm
m
X
n
H m
m
Z
A
Zm
m
nucleus
n
p m
m
Z
A
Zm
m
โดยทั่วไปแล้ว ข้อมูลทางเคมีในตารางธาตุจะแสดงค่าของมวลอะตอม
มากกว่ามวลของนิวเคลียส ดังนั้นการคานวณค่าพลังงานยึดเหนี่ยวจาก
มวลอะตอมจึงจะสะดวกกว่า
u
mH 007825
.
1