More Related Content
More from นัสรุลเลาะห์ เจ๊ะยะหลี (9)
Lesson 2
- 1. บทที่ 2
เอกสารที่เกี่ยวข้อง
2.1 ความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับเว็บ
เว็บคือการสื่อสารสองทางที่เปิดให้บริการตลอดเวลา เราสามารถ
ใส่ข้อมูลต่างๆ ได้ ทั้งภาพ, เสียง, วีดีโอ, ตารางรายละเอียดต่างๆ และรับ
ข้อมูลจากผู้เยี่ยมชมได้ เช่น ความคิดเห็น, แบบฟอร์มสั่งซื้อ,สถานะการ
ทำางาน ฯลฯ เว็บที่ดี คือเว็บที่ตอบโจทย์ทั้งเจ้าของเว็บและคนเยี่ยมชม
เว็บที่เป็นกลุ่มเป้าหมาย เช่น ผู้เยี่ยมชมสามารถหาข้อมูลที่ต้องการได้
ง่าย (ราคา, รูปภาพสินค้า/บริการ, แผนที่, เบอร์ติดต่อ) ข้อมูลอัพเดท
สมำ่าเสมอ มีระบบที่เพียงพอกับการสื่อสาร/รับส่งข้อมูล เว็บเป็นระบบที่
ประยุกต์ใช้ได้หลายรูปแบบ ทำาให้หากต้องมีการวิเคราะห์ระบบและ
ออกแบบตามความต้องการโดยละเอียด จะต้องใช้เวลาและงบประมาณ
สูงมาก (บริษัทไทเกอร์ ไอเดีย ของผม รับงานเว็บขององค์กร/โรงแรม/
ร้านค้า อาจมีราคาเริ่มต้นที่ 5 หมื่นบาท, เว็บระบบหุ้น/ธนาคารบนอินเต
อร์เน็ท เริ่มต้นที่ราคา 5 ล้านบาท) แต่หากเป็นเว็บที่นำาเสนอข้อมูลทั่วๆ
ไป ที่ไม่ต้องการการวิเคราะห์ระบบ เราอาจใช้ระบบที่ออกแบบสำาหรับ
การจัดการข้อมูลพื้นฐานได้ เรียกว่า Content Management System
(CMS) ซึ่งอาจเรียกว่าโปรแกรมเว็บสำาเร็จรูป มีหลากหลายโปรแกรม
เช่น WordPress, Drupal, Joomla ทำาให้การทำาเว็บในปัจจุบัน หาก
ใช้โปรแกรมสำาเร็จรูป และจัดการข้อมูลเอง อาจจะมีค่าใช้จ่ายเหลือ
เพียงค่าชื่อเว็บ (โดเมน)
และที่อยู่เว็บ (โฮสติ้ง) ซึ่งประมาณปีละ 1-2 พันบาท
การทำาเว็บบล็อก(WebBlog) ด้วย Wordpress เรื่องตรีโกณมิติ ผู้
จัดทำาได้ศึกษา เอกสารจากเว็บไซต์ต่างๆ ที่เกี่ยวข้องดังนี้
2.1.1 บทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน
การใช้คอมพิวเตอร์ช่วยสอนในปัจจุบันเป็นไปอย่างกว้างขวาง
และอำานวยประโยชน์อย่างมหาศาลในทุกวงการและสาขาวิชาโดย
เฉพาะอย่างยิ่งได้มีการพยายามนำาเอาคอมพิวเตอร์มาใช้ประโยชน์ต่อ
การเรียนการสอนในลักษณะโปรแกรมสำาเร็จรูปที่ช่วยผู้เรียนให้
สามารถเรียนและทบทวนบทเรียนได้ทุกเวลากระตุ้นให้เกิดความสนใจ
ตลอดจนช่วยลดปัญหาการเรียนการสอนได้คอมพิวเตอร์ที่ใช้ในการ
- 2. เรียนการสอนนี้สามารถเรียกได้หลายชื่อด้วยกันเช่นซีเอไอ (CAI :
Computer assisted instruction), ซีเอแอล (CAL :Computer
assisted learning), ซีบีอี (CBE : Computer based education), ซีบี
ไอ (CBI : Computer based instruction), ซีบีแอล (CBL : Computer
based learning) (วชิระวิชชุวรนันท์. 2544 : 2 - 3) ในที่นี้ผู้วิจัยจะใช้
คำาว่าซีเอไอ (CAI : Computer assisted instructional) ในการเรียก
บทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนซึ่งผู้วิจัยจะนำาเสนอรายละเอียดเกี่ยวกับ
บทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนดังต่อไปนี้
2.1.2 ความหมายของคอมพิวเตอร์ช่วยสอน
นักการศึกษาและ นักวิชาการต่างๆได้ให้ความหมายคำา ว่า
คอมพิวเตอร์ช่วยสอนไว้หลายท่านด้วยกันดังนี้
ราชบัณฑิตยสถาน (2535 : 32) กล่าวว่าคอมพิวเตอร์ช่วย
สอนหมายถึงการสอนที่ใช้คอมพิวเตอร์ช่วยสอน
ชูเกียรติโพธิ์มั่น (2541 : 82) กล่าวว่าคอมพิวเตอร์ช่วย
สอนหมายถึงการนำาคอมพิวเตอร์มาช่วยในการสอนโดยที่คอมพิวเตอร์
จะทำาหน้าที่ในการนำาเสนอบทเรียนแทนครูผู้สอนและผู้เรียนสามารถ
เรียนรู้ได้ด้วยตนเองจากคอมพิวเตอร์
สเปนเซอร์ (Spencer. 1977 : 50) กล่าวว่าคอมพิวเตอร์
ช่วยสอนหมายถึงการใช้คอมพิวเตอร์ในการเรียนการสอนส่วนบุคคล
โดยให้ลำาดับขั้นตอนของการเรียนการสอนกับผู้เรียนภายใต้การควบคุม
ของคอมพิวเตอร์อัตราความก้าวหน้าในการเรียนขึ้นอยู่กับตัวของผู้
เรียนเอง
สิปเปิลล์ (Sipple. 1981 : 77) กล่าวว่าคอมพิวเตอร์ช่วย
สอนหมายถึงเครื่องมือที่ถูกนำามาช่วยในการเรียนของนักเรียนเป็นการ
โต้ตอบกันระหว่างผู้เรียนและขั้นตอนคำาสั่งของคอมพิวเตอร์ซึ่งสามารถ
บอกข้อบกพร่องของผู้เรียนได้เมื่อกระทำาผิดพลาด
จากความหมายที่กล่าวมาข้างต้นสรุปได้ว่าคอมพิวเตอร์ช่วย
สอนหมายถึงสื่อการเรียนการสอนที่นำาคอมพิวเตอร์มาใช้ในการนำา
เสนอบทเรียนให้แก่นักเรียนโดยบรรจุเนื้อหาความรู้กิจกรรมแบบฝึกหัด
แบบทดสอบและสถานการณ์จำาลองลงในโปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่สร้าง
ขึ้นเพื่อให้ผู้เรียนได้ศึกษาด้วยตนเองโดยการกระตุ้นการโต้ตอบตาม
ความแตกต่างของแต่ละบุคคลและมีการเสริมแรงแก่ผู้เรียนซึ่งการนำา
เสนอเนื้อหาของบทเรียนจะอยู่ในรูปของตัวอักษรข้อความภาพนิ่ง้ภาพ
เคลื่อนไหวและเสียงประกอบโดยที่นักเรียนสามารถโต้ตอบและแสดงผล
การเรียนของนักเรียนได้
2.1.3 ประเภทของบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน
- 3. บทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนที่นิยมใช้ในปัจจุบันมี 7
ประเภทดังนี้
1) แบบการสอนหรือทบทวน (Tutorial instruction) เป็นบท
เรียนซึ่งนำาเสนอเนื้อหาแก่ผู้เรียนไม่ว่าจะเป็นเนื้อหาใหม่หรือการ
ทบทวนเนื้อหาเดิมเป็นเหมือนครูสอนนักเรียนเป็นรายบุคคลบทเรียน
คอมพิวเตอร์ช่วยสอนก็จะต้องดำาเนินตามขั้นตอนวิธีการสอนบทเรียน
หนึ่งๆจะมีแบบทดสอบหรือแบบฝึกหัดแทรกอยู่เพื่อทดสอบความเข้าใจ
ของผู้เรียนและสามารถให้ผู้เรียนย้อนกลับไปเรียนบทเรียนเดิมหรือข้าม
ไปเรียนบทเรียนที่เรียนรู้แล้วโดยสามารถใช้สอนได้ในแทบทุกสาขา
วิชาและเป็นบทเรียนที่เหมาะสมในการเสนอเนื้อหาข้อมูลที่เกี่ยวกับข้อ
เท็จจริง
2) แบบการฝึกหัด (Drills and practice) เป็นแบบฝึกหัดจาก
คอมพิวเตอร์ที่จะเสริมเมื่อผู้สอนได้สอนบทเรียนบางอย่างจบไปแล้วและ
ให้นักเรียนทำาแบบฝึกหัดจากคอมพิวเตอร์เพื่อวัดระดับของการเรียนรู้
ในเนื้อหาที่เรียนไปแล้วโดยให้ฝึกจนถึงระดับที่ผู้เรียนยอมรับได้
เป็นการเปิดโอกาสให้ผู้เรียนที่เรียนอ่อนหรือเรียนไม่ทันคนอื่นๆได้มี
โอกาสทำาความเข้าใจบทเรียนโดยผู้สอนไม่ต้องเสียเวลาอธิบายเนื้อหา
เดิมซำ้าแล้วซำ้าอีกบทเรียนแบบฝึกหัดและปฏิบัติจึงประกอบด้วยคำาถามคำา
ตอบที่จะทำาให้นักเรียนทำาการฝึกและปฏิบัติในแบบฝึกหัดเหล่านี้
3) แบบการจำาลอง (Simulation) เพื่อใช้สำาหรับการเรียนรู้
หรือทดลองจากสภาพการณ์จำาลองจากสถานการณ์จริงซึ่งอาจจะหาไม่
ได้หรืออยู่ไกลไม่สามารถนำาเข้ามาในห้องเรียนได้หรือมีสภาพอันตราย
หรืออาจสิ้นเปลืองมากที่ต้องใช้ของจริงซำ้าๆสามารถใช้สาธิตประกอบ
การสอนใช้เสริมการสอนในห้องเรียนหรือใช้ซ่อมเสริมภายหลังการ
เรียนนอกห้องเรียนที่ใดเวลาใดก็ได้
4) แบบเกมเพื่อการสอน (Instructional games) เป็นบท
เรียนคอมพิวเตอร์ที่ทำาให้
ผู้ใช้มีความสนุกสนานเพลิดเพลินจนลืมไปว่ากำาลังเรียนอยู่จะช่วย
กระตุ้นให้เกิดความสนใจในการเรียนให้นักเรียนมีโอกาสฝึกเกมการ
ศึกษาหลายเรื่องที่ช่วยพัฒนาความคิดความอ่านต่างๆได้ดีเกมเหล่านี้
นอกจากจะเป็นการสร้างความบันเทิงแล้วยังสามารถช่วยพัฒนาความรู้
ต่างๆได้เป็นอย่างดีอีกด้วย
5) แบบการค้นพบ (Discovery) เป็นการจัดทำาเพื่อให้ผู้เรียน
เรียนรู้จากประสบการณ์จากตนเองให้มากที่สุดโดยการเสนอปัญหาให้ผู้
- 4. เรียนแก้ไขด้วยการลองผิดลองถูกโปรแกรมคอมพิวเตอร์จะให้ข้อมูลแก่
ผู้เรียนเพื่อช่วยในการค้นพบนั้นจนกว่าจะได้ข้อสรุปที่ดีที่สุด
6) แบบการแก้ปัญหา (Problem - solving) เป็นการฝึกการ
คิดการตัดสินใจสามารถ
ใช้กับวิชาการต่างๆที่ต้องการให้สามารถคิดแก้ปัญหาใช้เพื่อเสริมการ
สอนในห้องเรียนหรือ
ใช้ในการฝึกทั่ว ๆ ไป
7) แบบการทดสอบ (Tests) เป็นแบบทดสอบเพื่อใช้สำาหรับ
ตรวจวัดความรู้ของผู้เรียนสามารถใช้ประกอบการสอนในห้องเรียนหรือ
ใช้ตามความต้องการของครูหรือของผู้เรียนเองรวมทั้งสามารถใช้นอก
ห้องเรียนสามารถใช้วัดความสามารถของตนเองได้ด้วยบทเรียนที่ใช้
เพื่อการเรียนการสอนด้วยคอมพิวเตอร์ช่วยสอนที่ผู้วิจัยพัฒนาขึ้นจะ
เป็นการประยุกต์ระหว่างแบบการสอนหรือทบทวนแบบการฝึกหัดและ
แบบการจำาลองโดยเป็นแบบรวมวิธีการต่างๆเข้าด้วยกันโดยมีการนำา
เสนอเนื้อหาแบบทดสอบก่อนเรียนและหลังเรียนแบบฝึกทักษะปฏิบัติ
ของแต่ละหน่วยการเรียนมีการสร้างเมนู (Menu) รายการต่างๆที่มีใน
บทเรียนเพื่อให้ผู้เรียนเลือกศึกษาตามลำาดับหน่วยการเรียนรู้
2.1.4 ประโยชน์ของบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน
จากการที่วงการศึกษาได้นำาเอาคอมพิวเตอร์มาใช้ในการจัดการ
ศึกษาในลักษณะของคอมพิวเตอร์ช่วยสอนนั้นปรากฏว่าเป็นที่ยอมรับ
กันในวงการศึกษาเพราะคอมพิวเตอร์มีประโยชน์ต่อผู้เรียนหลาย
ประการดังที่นักการศึกษาได้กล่าวไว้ดังนี้
ถนอมพรเลาหจรัสแสง (2541 : 12) ได้สรุปเกี่ยวกับ
ประโยชน์ของบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนในการนำาไปใช้ทางการ
ศึกษาดังนี้
1) คอมพิวเตอร์ช่วยสอนเกิดจากความพยายามในการที่จะ
ช่วยให้ผู้เรียนที่เรียนอ่อนสามารถใช้เวลานอกเวลาเรียนในการฝึกฝน
ทักษะและเพิ่มเติมความรู้เพื่อที่จะปรับปรุงการเรียนของตนให้ทันผู้เรียน
อื่นได้ดังนั้นผู้สอนจึงสามารถนำาคอมพิวเตอร์ช่วยสอนไปใช้ช่วยในการ
สอนเสริมหรือสอนทบทวนการสอนปกติในชั้นเรียนได้โดยที่ผู้สอนไม่
จำาเป็นต้องเสียเวลาในการสอนซำ้ากับผู้เรียนที่ตามไม่ทันหรือจัดการสอน
เพิ่มเติม
2) ผู้เรียนก็สามารถนำาคอมพิวเตอร์ช่วยสอนไปใช้ในการ
เรียนด้วยตนเองในเวลาและสถานที่ซึ่งผู้เรียนสะดวกเช่นแทนที่จะต้อง
เดินทางมายังชั้นเรียนตามปกติผู้เรียนก็สามารถเรียนด้วยตนเองจากที่
บ้านได้นอกจากนั้นยังสามารถเรียนในเวลาใดก็ได้ตามที่ต้องการ
- 5. 3) คอมพิวเตอร์ช่วยสอนที่ได้รับการออกแบบมาอย่างดีถูก
ต้องตามหลักของการออกแบบคอมพิวเตอร์ช่วยสอนนั้นสามารถที่จะ
จูงใจผู้เรียนให้เกิดความกระตือรือร้น (Motivated) ที่จะเรียนและ
สนุกสนานไปกับการเรียน
กิดานันท์มลิทอง (2543 : 249 - 250) ได้สรุปเกี่ยวกับ
ประโยชน์ของบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนในการนำาไปใช้ทางการ
ศึกษาดังนี้
1)คอมพิวเตอร์จะช่วยเพิ่มแรงจูงใจในการเรียนรู้ให้
แก่ผู้เรียนเนื่องจากการเรียนด้วยคอมพิวเตอร์เป็นประสบการณ์ที่แปลก
ใหม่
2)การใช้สีภาพลายเส้นที่แลดูคล้ายเคลื่อนไหวตลอด
จนเสียงดนตรีจะเป็นการเพิ่มความเหมือนจริงและเร้าใจผู้เรียนให้เกิด
ความอยากเรียนรู้ทำาแบบฝึกหัดหรือทำากิจกรรมต่างๆ
3)ความสามารถของหน่วยความจำา ของเครื่อง
คอมพิวเตอร์ช่วยในการบันทึกคะแนนและพฤติกรรมต่างๆของผู้เรียนไว้
เพื่อใช้ในการวางแผนบทเรียนในขั้นต่อไปได้
4)ความสามารถในการเก็บข้อมูลของเครื่องทำาให้
สามารถนำามาใช้ได้ในลักษณะของการศึกษารายบุคคลได้เป็นอย่างดี
โดยสามารถกำาหนดบทเรียนให้แก่ผู้เรียนแต่ละคนและแสดงผลความ
ก้าวหน้าให้เห็นได้ทันที
5)ลักษณะของโปรแกรมบทเรียนที่ให้ความเป็นส่วน
ตัวแก่ผู้เรียนเป็นการช่วยให้ ผู้เรียนที่เรียนช้าสามารถเรียนไปได้ตาม
ความสามารถของตนโดยสะดวกอย่างไม่รีบเร่งโดย
ไม่ต้องถามผู้อื่นและไม่ต้องอายเพื่อนเมื่อตอบผิด
6)เป็นการช่วยขยายขีดความสามารถของผู้สอนใน
การควบคุมผู้เรียนได้อย่างใกล้ชิดเนื่องจากสามารถบรรจุข้อมูลได้ง่าย
และสะดวกในการนำาออกมาใช้
วชิระวิชชุวรนันท์ (2544 : 5) ได้สรุปเกี่ยวกับประโยชน์
ของบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนในการนำาไปใช้ทางการศึกษาดังนี้
1) ผู้เรียนสามารถศึกษาได้ตามความสามารถความ
สนใจและไม่จำากัดเรื่องเวลา
2)ไม่เบื่อหน่ายจากการเรียนบทเรียนสามารถนำาเสนอ
ได้ทั้งข้อความภาพสีสันและเสียงมีความน่าสนใจ
3) ผู้เรียนสามารถประเมินผลความก้าวหน้าได้โดย
อัตโนมัติ
4) ผู้เรียนสามารถทบทวนบทเรียนที่เรียนมาแล้ว
- 6. 5) ฝึกให้ผู้เรียนคิดอย่างมีเหตุผลจากการที่ต้องคอยแก้
ปัญหาอยู่ตลอดเวลา
6) ผู้เรียนสามารถเรียนรู้ได้อย่างแท้จริงเพราะบทเรียน
บังคับให้ผู้เรียนต้องเรียนรู้ก่อนจึงผ่านบทเรียนนั้นได้และไม่สามารถ
แอบดูคำาตอบได้ก่อน
7) ผู้เรียนได้เรียนตามลำาดับความยากง่ายทำาให้เข้าใจ
ชัดเจน
8) ทำาให้ผู้เรียนมีทัศนคติที่ดีต่อวิชาที่เรียนซึ่งเกิดจากมี
โอกาสประสบความสำาเร็จในการเรียนสูง
9)ผู้สอนใช้เวลาสอนด้วยตนเองน้อยลงมีเวลาเหลือไป
ศึกษาและพัฒนาการเรียนการสอนมากขึ้น
10) ช่วยพัฒนาผลงานทางวิชาการ
11) ผู้สอนทราบความสามารถของผู้เรียนได้อย่างต่อ
เนื่อง
เดนิส (Dennis.1984) ได้สรุปเกี่ยวกับประโยชน์ของบท
เรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนในการนำาไปใช้ทางการศึกษาดังนี้
1)ช่วยแก้ปัญหาการสอนแบบตัวต่อตัวผู้สอนสามารถ
ตอบสนองต่อความต้องการของผู้เรียนได้ทันที
2) ช่วยทำาให้ผู้เรียนแต่ละคนเรียนรู้ได้ตามความสามารถ
ของตนเองสามารถที่จะเลือกเรียนด้วยระยะเวลาเท่าใดก็ได้ตามความ
สามารถของตนเองและยังเลือกเรียนเฉพาะเนื้อหา
ส่วนที่ต้องการทบทวนและไม่เลือกเรียนเนื้อหาส่วนที่เข้าใจแล้วได้อีก
ด้วย
3) ช่วยแก้ปัญหาการขาดแคลนครูและเป็นรูปแบบของ
การเรียนการสอนที่พร้อม
จะทำางานอย่างต่อเนื่องตลอดเวลาไม่มีขีดจำากัดทางอารมณ์ไม่เคย
เหนื่อยเบื่อหน่ายไม่บ่นและอารมณ์เสียกับผู้เรียนซึ่งจะส่งผลต่อผล
สัมฤทธิ์ทางการเรียนของผู้เรียนสูงสุด
4) ช่วยแก้ปัญหาการขาดแคลนเวลาซึ่งนับว่าเป็นสิ่งที่มี
ค่ายิ่งสำาหรับทุกคนในปัจจุบันซึ่งถือว่าเป็นรูปแบบของการเรียนการสอน
ที่มีประสิทธิภาพมากวิธีหนึ่งที่ใช้เวลา
ในการเรียนน้อย
จากการพิจารณาประโยชน์ของคอมพิวเตอร์ช่วยสอนดัง
กล่าวข้างต้นสรุปได้ว่าบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนมีประโยชน์ที่
สามารถนำาไปใช้ในทางการศึกษาดังนี้
- 7. 1)ผู้เรียนสามารถศึกษาได้ตามความสามารถความสนใจ
ของตนเองและไม่มีข้อจำากัดของเรื่องเวลา
2)ผู้เรียนไม่เบื่อหน่ายจากการเรียนบทเรียนสามารถนำา
เสนอได้ทั้งข้อความภาพสีสันและเสียงมีความน่าสนใจ
3) ผู้เรียนสามารถทบทวนบทเรียนที่เรียนมาแล้ว
4) ผู้เรียนสามารถทราบถึงความก้าวหน้าของตนเองได้
อย่างต่อเนื่อง
5) ผู้เรียนสามารถเรียนรู้ได้อย่างแท้จริงเพราะบทเรียน
บังคับให้ผู้เรียนต้องเรียนรู้ก่อนจึงผ่านบทเรียนนั้นได้และในการทำาแบบ
ทดสอบผู้เรียนไม่สามารถดูคำาตอบได้ก่อน
6) ผู้เรียนได้เรียนตามลำาดับความยากง่ายทำาให้เข้าใจ
ชัดเจน
7) ทำาให้ผู้เรียนมีทัศนคติที่ดีต่อวิชาที่เรียนผู้เรียนจึงมี
โอกาสประสบความสำาเร็จ
ในการเรียนสูง
8) ผู้สอนใช้เวลาสอนด้วยตนเองน้อยลงมีเวลาเหลือไป
ศึกษาและพัฒนาการเรียนการสอนมากขึ้น
9) ผู้สอนสามารถทราบความสามารถของผู้เรียนได้อย่าง
ต่อเนื่อง
2.1.5 แนวคิดและทฤษฎีที่เกี่ยวข้องกับการสร้างบทเรียน
คอมพิวเตอร์ช่วยสอน
คอมพิวเตอร์ช่วยสอนเป็นสื่อการเรียนการสอนรายบุคคลประเภท
หนึ่งที่นำาเอาหลักการของบทเรียนโปรแกรม (Programmed
instruction) และคอมพิวเตอร์มาผสมผสานกันเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพใน
การทำาหน้าที่เป็นสื่อกลางการเรียนรู้ของผู้เรียนเป็นรายบุคคลการสร้าง
คอมพิวเตอร์ช่วยสอนผู้สร้างนอกจากจะมีความรู้ในเนื้อหาวิชาและมี
ความรู้ในการใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์เป็นอย่างดีแล้วยังต้องมีความรู้
ความสามารถในเรื่องหลักจิตวิทยาการเรียนรู้และหลักการสร้างบทเรียน
โปรแกรมเป็นอย่างดีด้วยจึงจะสามารถสร้างบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วย
สอนที่มีคุณภาพ
ทฤษฎีและหลักจิตวิทยาการเรียนรู้ที่นำามาเป็นแนวทางการสร้าง
บทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนในการจัดการเรียนการสอนเพื่อให้ผู้เรียน
บรรลุข้อตกลงเบื้องต้นของการศึกษาคือให้เกิดการเรียนรู้ตามเป้าหมาย
ของการศึกษาการถ่ายทอดความรู้และมุ่งพัฒนาการทางด้านสติปัญญา
ความสามารถประยุกต์ความรู้ที่ได้เรียนไปแล้วมาใช้ในสถานการณ์ใหม่
- 15. 2.3 งานวิจัยที่เกี่ยวข้อง
2.3.1 ชื่อเรื่อง รายงานผลการพัฒนาบทเรียนโปรแกรมวิชา
คณิตศาสตร์ เรื่อง ตัวประกอบของ
จำา นวนนับ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนเทศบาลบูรพา
พิทยาคาร
ชื่อผู้ศึกษา นายเชาวะลิตร สีแนน
สถานศึกษา โรงเรียนเทศบาลบูรพาพิทยาคาร กองการ
ศึกษา เทศบาลเมืองมหาสารคาม
ปีที่ทำาการศึกษา พ.ศ. 2553
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อพัฒนาบทเรียน
โปรแกรมวิชาคณิตศาสตร์ เรื่อง ตัวประกอบของจำานวนนับ สำาหรับ
นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ให้มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 และ
มีค่าดัชนีประสิทธิผลไม่น้อยกว่า 0.50 และเพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์
ทางการเรียนรายวิชาคณิตศาสตร์ เรื่อง ตัวประกอบของจำานวนนับ
ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ระหว่างคะแนนทดสอบก่อนเรียน
และหลังเรียนโดยใช้บทเรียนโปรแกรมที่ผู้วิจัยสร้างขึ้น กลุ่มตัวอย่างที่
ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ คือ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6/2 โรงเรียน
เทศบาลบูรพาพิทยาคาร สังกัดกองการศึกษา เทศบาลเมือง
มหาสารคาม จังหวัดมหาสารคาม ที่ได้มาจากการสุ่มแบบสุ่มกลุ่ม
(Cluster Random Sampling) จำานวน 37 คน เครื่องมือที่ใช้ในการ
วิจัยครั้งนี้ประกอบด้วย บทเรียนโปรแกรมวิชาคณิตศาสตร์ เรื่อง
ตัวประกอบของจำานวนนับ สำาหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6
แผนการจัดการเรียนรู้ และแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนที่ผู้
วิจัยสร้างขึ้น ซึ่งมีความยากง่ายตั้งแต่ 0.31 - 0.66 ค่าอำานาจจำาแนก
ตั้งแต่ 0.40 - 0.80 และค่าความเชื่อมั่นเท่ากับ 0.90 สถิติที่ใช้ในการ
- 16. วิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และ
การทดสอบค่า t
2.3.2 หัวข้อโครงงาน: การพัฒนาเว็บบล็อก (WebBlog) ด้วย
Wordpress เรื่อง ประเภทของคอมพิวเตอร์
ประเภทของโครงงาน : โครงงานพัฒนาสื่อเพื่อการศึกษา
ผู้เสนอโครงงาน : นาย ณัฐพงษ์ แทนนรินทร์อชั้นมัธยมศึกษาปีที่
5/2 เลขที่ 46
ครูที่ปรึกษาโครงงาน : นางสมร ตาระพันธ์ ตำาแหน่ง ครูชำานาญ
การพิเศษ ปีการศึกษา : 2554
บทคัดย่อ
โครงงานการพัฒนาเว็บบล็อก (WebBlog) ด้วย Wordpress เรื่อง
ประเภทของคอมพิวเตอร์ นี้ จัดทำาขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อนำาเอารูป
แบบการเรียนรู้ยุคใหม่ที่ใช้สื่อสังคม หรือ Social Media ซึ่งเป็นสื่อที่ได้
รับความสนใจและเป็นที่นิยมในปัจจุบัน มาประยุกต์เข้ากับการเรียนรู้
โดยได้ศึกษารูปแบบและพัฒนาการเรียนรู้ในการจัดสร้างเว็บบล็อกด้วย
เว็บไซต์สำาเร็จรูปชื่อว่า Wordpress ทั้งนี้ได้ทำาการศึกษาค้นคว้าเนื้อหา
ความรู้ที่สนใจเกี่ยวกับเรื่องประเภทของคอมพิวเตอร์ ซึ่งมีเนื้อหาเกี่ยว
กับประเภขของคอมพิวเตอร์ โดยผู้จัดทำาโครงงานสามารถพัฒนารูป
แบบของเว็บบล็อกจาก Wordpress ได้ด้วยตนเองและนำามาประยุกต์ใช้
ให้เข้ากับการเรียนรู้ของตนเองมากยิ่งขึ้น และนำาได้นำาเสนอบทเรียน
ผ่านเว็บบล็อก ที่ http://nuttapongko.wordpress.com ทั้งนี้ ทำา ให้