SlideShare a Scribd company logo
1 of 19
Download to read offline
บทที่ 2


                                       เอกสารที่เกี่ยวข้อง


       ในการจัดทําโครงงานคอมพิวเตอร์ การพัฒนาเว็บบล็อก (WebBlog) ด้วย Wordpress
เรื่องอินเตอร์เน็ต นี้ ผู้จัดทําโครงงานได้ศึกษาเอกสารและจากเว็บไซต์ต่างๆ ที่เกี่ยวข้องดังต่อไปนี้

       2.1 ความสําคัญของเทคโนโลยีสารสนเทศและอินเทอร์เน็ต
       2.2 ข้อมูลเกี่ยวกับสื่อสังคม Social Media
       2.3 เว็บบล็อก (WebBlog)



2.1 ความสาคัญของเทคโนโลยีสารสนเทศและอินเทอร์เน็ต
       ความสําคัญของเทคโนโลยีสารสนเทศ

       สามารถอธิบายความสําคัญของเทคโนโลยีสารสนเทศในด้านที่มีผลกระทบต่อการ
เปลี่ยนแปลงพฤติกรรมด้านต่าง ๆ ของผู้คนไว้ 6 ข้อ ดังต่อไปนี้

       1. เทคโนโลยีสารสนเทศ ทําให้สังคมเปลี่ยนจากสังคมอุตสาหกรรมมาเป็น
           สังคมสารสนเทศ
       2. เทคโนโลยีสารสนเทศทําให้ระบบเศรษฐกิจเปลี่ยนจากระบบแห่งชาติไปเป็นเศรษฐกิจ
           โลก ที่ทําให้ระบบเศรษฐกิจของโลกผูกพันกับทุกประเทศ ความเชื่อมโยงของเครือข่าย
           สารสนเทศทําให้เกิดสังคมโลกาภิวัฒน์
       3. เทคโนโลยีสารสนเทศทําให้องค์กรมีลักษณะผูกพัน มีการบังคับบัญชาแบบแนวราบมาก
           ขึ้น หน่วยธุรกิจมีขนาดเล็กลง และเชื่อมโยงกันกับหน่วยธุรกิจอื่นเป็นเครือข่าย การ
ดําเนินธุรกิจมีการแข่งขันกันในด้านความเร็ว โดยอาศัยการใช้ระบบเครือข่าย
           คอมพิวเตอร์ และการสื่อสารโทรคมนาคมเป็นตัวสนับสนุน เพื่อให้เกิดการแลกเปลี่ยน
           ข้อมูลได้ง่ายและรวดเร็ว
       4. เทคโนโลยีสารสนเทศเป็นเทคโนโลยีแบบสุนทรียสัมผัส และสามารถตอบสนองตาม
           ความต้องการการใช้เทคโนโลยีในรูปแบบใหม่ที่เลือกได้เอง
       5. เทคโนโลยีสารสนเทศทําให้เกิดสภาพทางการทํางานแบบทุกสถานที่และทุกเวลา
       6. เทคโนโลยีสารสนเทศก่อให้เกิดการวางแผนการดําเนินการระยะยาวขึ้น อีกทั้งยังทําให้วิถี
           การตัดสินใจ หรือเลือกทางเลือกได้ละเอียดขึ้น
       http://blog.eduzones.com/kittipung/33214

2.2 ข้อมูลเกี่ยวกับสื่อสังคม Social Media
         2.2.1 ความหมายของ Social Media
                คําว่า “Social” หมายถึง สังคม ซึ่งในที่นี้จะหมายถึงสังคมออนไลน์ ซึ่งมีขนาดใหม่
มากในปัจจุบัน
คําว่า “Media” หมายถึง สื่อ ซึ่งก็คือ เนื้อหา เรื่องราว บทความ วีดีโอ เพลง รูปภาพ เป็นต้น
ดังนันคําว่า Social Media จึงหมายถึง สื่อสังคมออนไลน์ที่มีการตอบสนองทางสังคมได้หลาย
     ้
ทิศทาง โดยผ่านเครือข่ายอินเตอร์เน็ต พูดง่ายๆ ก็คือเว็บไซต์ที่บุคคลบนโลกนี้สามารถมีปฏิสัมพันธ์
โต้ตอบกันได้นั่นเอง
พื้นฐานการเกิด Social Media ก็มาจากความต้องการของมนุษย์หรือคนเราที่ต้องการติดต่อสื่อสาร
หรือมีปฏิสัมพันธ์กัน จากเดิมเรามีเว็บในยุค 1.0 ซึ่งก็คือเว็บที่แสดงเนื้อหาอย่างเดียว บุคคลแต่ละ
คนไม่สามารถติดต่อหรือโต้ตอบกันได้ แต่เมื่อเทคโนโลยีเว็บพัฒนาเข้าสู่ยุค 2.0 ก็มีการพัฒนา
เว็บไซต์ที่เรียกว่า web application ซึ่งก็คือเว็บไซต์มีแอพลิเคชันหรือโปรแกรมต่างๆ ที่มีการโต้ตอบ
กับผู้ใช้งานมากขึ้น ผู้ใช้งานแต่ละคนสามารถโต้ตอบกันได้ผ่านหน้าเว็บ

http://krunum.wordpress.com/2010/06/02/social-network/
2.2.2 ประวัติความเป็นมาและพัฒนาการของ Social Media

        ปัจจุบันโลกอินเตอร์เน็ตกําลังอยู่ในยุคกลางหรือยุคปลาย ๆ ของ web 2.0 กันแล้ว จึงทําให้
มีเว็บไซต์ในลักษณะ Social Networking Service (SNS) ออกมามากมาย เป็นบริการผ่านเว็บไซต์ที่
เป็นจุดโยงระหว่างบุคคลแต่ละคนที่มีเครือข่ายสังคมของตัวเองผ่านเน็ตเวิร์คอินเทอร์เน็ต รวมทั้ง
เชื่อมโยงบริการต่างๆ อย่างเมล เมสเซ็นเจอร์ เว็บบอร์ด บล็อก ฯลฯ เข้าด้วยกันตั้งแต่ Hi5,
MySpace, Facebook, Bebo, LinkedIn, Multiply, Ning และอื่นๆ อีกมากมาย ซึ่งทั้งหมดจะมีส่วนที่
คล้ายกันคือ "การแอ๊ดเพื่อน" ตามหลักการ Friend-Of-A-Friend (FOAF) โดยปกติแล้วสิ่งที่ SNS
ให้บริการพื้นฐานคือ การให้ผู้สนใจสร้าง profile ลงในเว็บ บางที่อาจอนุญาตให้อัพโหลดไฟล์แบบ
ต่างๆ ไม่ว่าจะภาพ เสียง หรือ คลิปวีดโอ จากนั้นก็จะมีเรื่องของการ comment (เม้นต์) มี Personal
                                     ี
Messeage (PM) ให้คุยส่วนตัวกับเพื่อนบางคน และที่ต้องทําก็คือ ไล่อ่าน ไล่เม้นต์ ไปตาม Profile
ของคนอื่นเรื่อยๆ

Social Network ยังไม่มีคําไทยเป็นทางการ มีการใช้คําว่า “เครือข่ายสังคม” บ้าง “เครือข่ายมิตรภาพ
บ้าง” “กลุ่มสังคมออนไลน์” Social Network นี้ถือว่าเป็นเทคโนโลยีอีกอันนึง ที่สามารถช่วยให้เรา
ได้มามีปฏิสัมพันธ์กัน ซึ่งวัตถุประสงค์ที่แท้จริงของคําว่า Social Network นี้จริงๆ แล้วก็คือ
Participation หรือ การมีส่วนร่วมด้วยกันได้ทุก ๆ คน (ซึ่งหวังว่าผู้ที่ติดต่อกันเหล่านั้นจะมีแต่ความ
ปรารถนาดี สิ่งที่ดีๆ มอบให้แก่กันและกัน) ถ้าพูดถึง Social Network แล้ว คนที่อยู่ในโลกออนไลน์
คงจะรู้จักกันเป็นอย่างดี และก็คงมีอีกหลายคนที่ได้เข้าไปท่องอยู่ในโลกของ Social Network
มาแล้ว ถึงแม้ว่า Social Network จะไม่ใช่สิ่งใหม่ในโลกออนไลน์ แต่ก็ยังเป็นที่นิยมอย่างมากใน
กลุ่มคนที่ใช้อินเตอร์เน็ต ทําให้เครือข่ายขยายวงกว้างออกไปเรื่อยๆ และจะยังคงแรงต่อไปอีกใน
อนาคต จากผลการสํารวจจากประเทศสหรัฐอเมริกายืนยันการใช้บริการ Social Network ที่เพิ่ม
สูงขึ้นอย่างต่อเนื่องทุกปี และมาแรงเป็นอันดับต้นๆ ของโลกออนไลน์ ส่วนเว็บไซต์ที่มีจํานวนผู้เข้า
ชมสูงสุดทั่วโลก ก็เห็นจะเป็น My space, Facebook และ Orkut สําหรับเว็บไซต์ ที่มีเปอร์เซ็นต์
เติบโตเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัวก็เห็นจะเป็น Facebook แต่สําหรับประเทศไทยที่ฮอตฮิตมากๆ ก็คงจะหนี
ไม่พ้น Hi5

ผลกระทบทางบวกของบริการ SNS

SNS เป็นบริการออนไลน์ที่มีประโยชน์ต่อชีวิตมนุษย์หลายด้าน ดังนี้

   1. ด้านสังคม SNS เป็นการเชื่อมโยงผู้คนเข้าหากัน ซึ่งเป็นความสวยงามที่สุดของอินเทอร์เน็ต
SNS รายใหญ่อย่าง Hi5 มีสมาชิกอยู่เกือบ 100 ล้าน account ทั่วโลก บางคนมี "เพื่อน" เป็นหลัก
หมื่นหลักแสนอยู่ในไซเบอร์สเปซ SNS ทําให้คนมีตัวตนอยู่ได้บนไซเบอร์สเปซ เพราะจะต้อง
แสดงความเป็นตัวเองออกมาให้ได้มากที่สุด เพื่อทําให้ Profile น่าสนใจ และมีชีวิตชีวาที่สุด บ้างก็
เน้นไปที่การใส่ข้อมูลเนื้อหา blog รูปถ่ายในชีวิตประจําวัน เรื่องราวเพื่อนคนใกล้ตัว บ้างก็เน้นไปที่
ลูกเล่นใส่ glitter หรือตัววิ๊ง ๆ เข้าไป สุดท้ายทําให้เชื่อได้ประมาณหนึ่งว่า มีตัวตนอยู่จริงบนโลก
มนุษย์

    2. ด้านการตลาด จากสถิติการใช้สื่อโฆษณาของอเมริกาที่จัดทําขึ้นโดย eMarketer ได้มีการใช้
เงินโฆษณา ผ่าน Social network เพิ่มมากขึ้นกว่า 100% จากปี 2006 เทียบกับ ปี 2007 และมี
แนวโน้มที่จะใช้มากขึ้นต่อไปในอนาคต เนื่องจาก ชาวอเมริกันใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับอินเตอร์เน็ต
มากกว่าทีวี หรือวิทยุ ส่วนในบางประเทศที่ถูกควบคุม และจํากัดในการโฆษณา เช่น ประเทศจีน
และสิงคโปร์ ก็ยังมีการใช้ Social network เป็นอีกช่องทางในการโฆษณา ซึ่งถือเป็นเครื่องยืนยัน
ความฮอตฮิต และความแรงของการโฆษณาบน Social Network การใช้เงินกับสื่อประเภทนี้ยังคงมี
การเติบโตที่สูงมาก ซึ่งจากที่คาดการณ์ตัวเลขของปี 2006 จนถึงปี 2010 จะสูงขึ้นมากกว่า 500% ใน
ประเทศสหรัฐอเมริกา และกว่า 600% ทั่วโลก นี่อาจจะเป็นผลมาจากเครือข่ายที่ขยายวงกว้างมาก
ขึ้น และวิวัฒนาการของเทคโนโลยีที่มีลูกเล่น ที่นาสนใจมากขึ้นให้ผู้ใช้ได้คอยติดตามกัน
                                                ่

Social Network ไม่ใช่เป็นเพียงแค่เว็บไซต์ที่แชร์ข้อมูล รูปภาพอีกต่อไป แต่ได้พัฒนามาเป็นที่
แนะนําสินค้า และสถานที่ที่สามารถซื้อหาได้ หรือที่รู้จัก กันในนามของ Collaborative Shopping
Communities อีกด้วย สมาชิกสามารถแชร์เกี่ยวกับเทรนด์ที่มาแรง แฟชั่น ร้านค้าที่ฮอตฮิต นี่เป็น อีก
หนึ่งโอกาสสําหรับนักการตลาดที่สามารถ รู้ถึง ความสนใจ และความต้องการของผู้บริโภคได้ตรง
กลุ่มเป้าหมาย ดังนั้น Social Network Shopping เว็บไซต์จึงได้กลายมาเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่น่าจับตามอง
ในโลกของ Social Network จากการสํารวจ Global Shopping Insight ของบริษัทวิจัย TNS เมื่อ
มีนาคม 2008 รายงานว่า Social Network Shopping ดูจะเป็นที่นิยมมากในกลุ่มวัยรุ่นและผู้หญิง
เพราะส่วน ใหญ่เป็นเทรนด์แฟชั่น และของสวยๆ งามๆ และหากมาดูยอดใช้บริการ Social
Network Shopping ในแต่ละประเทศจีน และสเปน เป็นประเทศที่มีอัตราการใช้บริการและความ
สนใจที่จะใช้บริการ Social Net work Shopping ค่อนข้างสูงกว่าประเทศอื่นๆ ในไทยก็มีธุรกิจบาง
ธุรกิจก็ได้มีการสร้างเครือข่ายเป็นของตัวเอง อย่างเช่น True ที่สร้าง Minihome หรือ Happyvirus
ของดีแทค ซึ่งอาจเป็นอีกช่องทางใหม่ๆ ที่จะใช้เป็นสื่อโฆษณาต่อไปในอนาคต เป็นเครื่องมือทาง
การตลาดจากเครือข่ายที่มีขนาดใหญ่ อีกทั้งยังมีข้อมูลของสมาชิกที่จะทําให้สินค้าและการบริการ
เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้เป็นอย่างดี เช่นเดียวกับการตลาดที่วัดผลได้ และมีความคุ้มค่ากับการลงทุน
(Return of Investment) รวมถึง Point of Sale ที่มีผลต่อให้ผู้บริโภคเปลี่ยนจากการซื้อแบรนด์หนึ่ง
เป็นอีกแบรนด์หนึ่งได้ทันที ณ จุดขาย และเป็นการขายผ่าน e-Marketplace สําหรับผู้ที่ต้องการจะ
เปิดเว็บไซต์ หรือเปิดหน้าร้านกับ e-Marketplace ทั้งหลาย ก็สามารถทําได้เช่นกัน โดยปัจจุบันมี
ตลาดหลายแห่งที่เปิดให้บริการอยู่ เช่น Tarad.com, Shopping.co.th, Weloveshopping.com เป็นต้น
ซึ่งการขายสินค้าผ่าน e-Marketplace นั้นจะต้องเข้าไปเป็นสมาชิกก่อน ส่วนการเลือกใช้บริการ
เว็บไซต์ร้านค้าสําเร็จรูปก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ช่วยประหยัดเวลาการสร้างหน้าร้านได้
เช่นกัน แม้แต่เว็บดังระดับต้นๆ ของเมืองไทยอย่าง sanook.com และ kapook.com ต่างกระโดดเข้า
เล่น Hi5 เต็มตัวและเก็บเกี่ยวผลดีจากยอดคนเข้าเว็บที่เพิ่มขึ้นจากช่องทางใหม่ ในขณะที่
pantip.com ที่เคยเป็นตํานานของเว็บและเว็บบอร์ดเมืองไทยก็เดิมพันอนาคตครั้งใหม่ ด้วยการซุ่ม
เงียบแล้วเปิดตัว Social Network ของตัวเอง

ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินว่าเว็บไซต์เครือข่ายสังคมจะเป็นช่องทางสร้างโอกาสสําคัญในการ
เติบโตของโฆษณาออนไลน์ โดยมีจุดแข็ง คือ (ศูนย์วิจัยกสิกรไทย, เม.ย. 2551)

   - สามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างชัดเจนและมีประสิทธิภาพ โดยสามารถเจาะ
กลุ่มเป้าหมายได้ตามลักษณะของกลุ่มเครือข่ายสังคมที่หลากหลายและซับซ้อน
    - เป็นการโฆษณาโดยใช้พลังทางเครือข่ายสังคม ซึ่งเป็นลักษณะการบอกต่อปากต่อปาก (Words
of Mouth) โดยจะสร้างความน่าเชื่อถือของผลิตภัณฑ์ผ่านการบอกเล่าของสมาชิกในเครือข่าย
สังคม ทําให้ลูกค้าไม่รู้สึกถูกบังคับให้ต้องรับฟัง
    - ผู้ประกอบการสามารถใช้เว็บเครือข่ายสังคมเป็นเครื่องมือการทํา CRM (Customer
Relationship Management) ในงานประชาสัมพันธ์ทางการตลาด เนื่องจากจะมีการแสดงความ
คิดเห็นผ่านเว็บ ทําให้ผู้ประกอบการรับรู้ Feedback ของกลุ่มเป้าหมายได้อย่างชัดเจน

    3. ด้านการเมือง ดังตัวอย่างการใช้สื่อสมัยใหม่ในแข่งขันการเลือกตั้งที่มีส่วนทําให้โอบามา
ชนะการเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาคนที่ 44 ซึ่ง Micah Sifry ผู้ร่วมก่อตั้งบล็อก
การเมืองออนไลน์ของสหรัฐฯนาม techpresident.com พูดถึงเรื่องนี้ว่า ทั้งหมดเป็นผลมาจากโอ
บามามีความเข้าใจเรื่องพลังแห่งเครือข่าย ที่เขาสร้างมาเพื่อสนับสนุนแคมเปญของตัวเอง โดยมอง
ว่า โอบามาเข้าใจเรื่องการดึงพลังขององค์กรอิสระที่จะสามารถสนับสนุนแคมเปญของเขาเอง
ด้วย นอกจากนี้ David Almacy ซึ่งเป็นหนึ่งในทีมให้บริการอินเทอร์เน็ตและการสื่อสารผ่านระบบ
เครือข่ายในทําเนียบขาวตั้งแต่เดือนมีนาคม 2005 ถึงเดือนพฤษภาคม ปี 2007 มองว่า โอบามาเข้าใจ
แนวคิดการสื่อสารระหว่างชุมชนออนไลน์ตั้งแต่แรกเริ่ม ทําให้โอบามาเน้นการส่งข้อความ Twitter
แทนที่จะตรวจหน้า Facebook อย่างเดียวทุกวัน และความเข้าใจพลังเรื่องการสื่อสารระหว่างคน
หลายชุมชนนี้เองที่ทําให้โอบามาทําแคมเปญได้ดีกว่าแม้คู่แข่งจะใช้กลยุทธ์หาเสียงออนไลน์
เช่นเดียวกัน

ผลกระทบทางลบของบริการ SNS

อย่างไรก็ตาม SNS ก็เป็นบริการออนไลน์ที่ส่งผลต่อชีวิตทางลบมนุษย์ได้เหมือนกัน ดังนี้

  1. เสียเวลา บริการ SNS มีมากเกินไป อีกทั้งยังเล่นคล้าย ๆ กัน งานการไม่ต้องทํา จึงเสียเวลา
ไปกับเรื่องพวกนี้ สุดท้ายไม่รู้จักใครเพิ่มขึ้นเลยสักคน เพราะเป็นความสัมพันธ์เพียงฉาบฉวย ขาด
การสื่อสารระหว่างบุคคลแบบเผชิญหน้าที่แท้จริง ไม่ได้ต้องการรู้จักกันจริง บางทีบางคนมาขอ
แอ๊ด (ใส่) ไว้เฉย ๆ เพราะอยากมีจํานวน"เพื่อน"เพิ่มเยอะๆ ไว้โชว์ สังคมออนไลน์อาจเสื่อมลงได้
     2. กําลังตกเป็นเหยื่อ นักการตลาดยุคใหม่เริ่มเห็นอิทธิพลของเครือข่ายทางสังคมแบบนี้ เริ่ม
พยายามมองว่าจะเข้าแทรกซึมถึงกลุ่มลูกค้าได้อย่างไร ยุทธวิธีอย่าง viral marketing การสร้าง buzz
word เริ่มมีให้ได้ยินเยอะขึ้นเรื่อย ๆ บางผลิตภัณฑ์เริ่มทําตัวเนียนแทรกตัวกลมกลืนไปใน SNS
ต่างๆ อย่างใน Hi5 ที่มีคนไทยอยู่นับล้าน เรียกได้ว่าพลังปากต่อปากของคนบนเน็ตแรงและเร็วเลย
ทีเดียว
     3. ไม่มีประโยชน์ จากการต้องทําอะไรเดิม ๆ ซ้ําหลาย ๆ ครั้ง แม้ความสวยงามของ SNS คือการ
เชื่อมโยงผู้คนเข้าหากัน แต่ลิงค์เหล่านั้นไม่มีความหมายอะไรอย่างที่ได้กล่าวไปข้างต้น มันไม่มีเหตุ
มีผล และไม่สามารถอธิบายได้ว่า ทําไมคนนี้ถึงเชื่อมต่อกับคนคนนั้น ทําไมไม่เป็นคนอื่นหละ

ลองนึกภาพทุกวันนี้ มีกลุ่มทางสังคมที่ซับซ้อนมากแค่ไหน เพราะมีทั้งกลุ่มเพื่อนร่วมงาน เพื่อน
สนิท เพื่อนสมัยมัธยมปลาย เพื่อนประถม เพื่อนที่ทํางานเก่า เพื่อนแฟน เพื่อนแฟนเก่า เพื่อนกิ๊ก
เพื่อนเล่นเอ็ม เพื่อนเล่นเกมออนไลน์ ญาติพี่น้อง ฯลฯ แต่อย่างไรก็ตามWeb 3.0 หรือ Semantic
Web อาจจะเป็นคําตอบให้กับปัญหานี้ เพราะ Semantic web มีกระบวนการในการเชื่อมโยงผู้คน
และวัตถุต่างๆ เข้าด้วยกันโดยมีการระบุความหมายระหว่างลิงค์นั้นๆ ในอนาคตจากการค้นเข้าไป
ใน SNS อาจจะหาได้ว่า นักศึกษาอเมริกันคนไหนที่พูดภาษาไทยได้และมีความสัมพันธ์เป็นญาติ
หรือเป็นเพื่อนสนิทกับคนที่เรารู้จัก โดยที่ตอนนี้กําลังเรียนอยู่ในมหาวิทยาลัยแถบซิลิคอนวัลเลย์ มี
งานดิเรก มีความสนใจคล้ายๆ กัน และที่สําคัญมีเวลาว่างในช่วงที่จะบินไปสัมมนาในซานฟรานซิส
โก จะได้ส่ง message ไปนัดเจอกันเพื่อคุยแลกเปลี่ยนทัศนะเกี่ยวกับงานวิจัยที่ทําอยู่

สรุป

เทคโนยีสมัยใหม่เหมือนเหรียญ 2 ด้าน หรือดาบ 2 คม มีทั้งประโยชน์และเป็นช่องทางของผู้
แสวงหาประโยชน์จากผู้ใช้ SNS แนวทางการป้องกันและแก้ไขปัญหาสังคมที่จะเกิดขึ้น คือ การ
ใช้แนวทางจริยธรรม ที่ผู้ให้บริการและผู้ใช้จะต้องระมัดระวังไม่สร้างความเดือดร้อนต่อผู้อื่นและ
ก็ตั้งใจที่จะทํากิจกรรมต่าง ๆ เพื่อเป็นประโยชน์อยู่เสมอ ผู้ใช้ต้องสร้างความเข้มแข็งให้ตนเอง คือ
ไม่ลุ่มหลงต่อกิจกรรมใดกิจกรรมหนึ่งมากเกินไป ควรสร้างความเข้มแข็งให้กับสังคมชุมชน เช่น
การติดตั้งระบบเพื่อกลั่นกรองข้อมูลที่ไม่เหมาะสมกับเด็กและเยาวชน การให้ความรู้เรื่องภัย
อันตรายจากอินเตอร์เน็ต แนวทางการเข้าสู่มาตรฐานการบริการจัดการให้บริการเทคโนโลยี
สารสนเทศ เช่น มีการกําหนดเรื่องความมั่นคงปลอดภัยที่เกี่ยวข้องกับบุคลากร ความมั่นคงปลอดภัย
ทางด้านกายภาพและสิ่งแวดล้อมขององค์กร การควบคุมการเข้าถึง และใช้แนวทางบังคับใช้ด้วย
กฎหมาย

http://ngnforum.ntc.or.th/index.php?option=com_content&task=view&id=76&Itemid=1

         2.2.3 ประเภทเว็บไซต์ที่ให้บริการ Social Media
                (1) Blog – ซึ่งเป็นการลดรูปจากคําว่า Weblog ซึ่งถือเป็นระบบจัดการเนื้อหา
(Content Management System: CMS) รูปแบบหนึ่ง ซึ่งทําให้ผู้ใช้สามารถเขียนบทความเรียกว่า
Post และทําการเผยแพร่ได้โดยง่าย ไม่ยุ่งยากในการที่จะต้องมานั่งเรียนรู้ถึงภาษา HTML หรือ
โปรแกรมทํา web site ทั้งนี้การเรียงของเนื้อหาจะเรียงจากเนื้อหาที่มาใหม่สุดก่อน จากนั้นก็ลดหลั่น
ลงไปตามลําดับของเวลา (Chronological Order) การเกิดของ Blog เปิดโอกาสให้ใครๆที่มี
ความสามารถในด้านต่างๆ สามารถเผยแพร่ความรู้ดังกล่าวด้วยการเขียนได้อย่างเสรี ไม่มีขีดจํากัด
เรื่องเทคนิคอย่างในอดีตอีกต่อไป ทําให้เกิด Blog ขึ้นมาจํานวนมากมาย และเพิ่มเนื้อหาให้กับโลก
ออนไลน์ได้เป็นจํานวนมหาศาลอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน นอกจากนี้เครื่องมือที่สําคัญที่ทําให้เกิด
ลักษณะของ Social คือการเปิดให้เพื่อนๆเข้ามาแสดงความเห็นได้นั่นเอง

ในแง่ของการตลาด Blog อาจจะถูกนํามาใช้ได้ใน 2 รูปแบบ คือ การที่บริษทจัดทํา Blog (Corporate
                                                                      ั
Blog) ขึ้นมาเพื่อพูดจากับบรรดาลูกค้า และ Blog ที่เขียนจาก Blogger อิสระ ที่มีความสามารถเขียน
เรื่องที่ตนถนัดและมีผู้ติดตามจํานวนมาก จนกลายเป็น Marketing Influencer

(2) Twitter และ Microblog อื่นๆ – เป็นรูปแบบหนึ่งของ Blog ที่จํากัดขนาดของการ Post แต่ละครั้ง
ไว้ที่ 140 ตัวอักษร โดยแรกเริ่มเดิมที ผู้ออกแบบ Twitter ต้องการให้ผู้ใช้เขียนเรืองราวว่าคุณกําลัง
                                                                                ่
ทําอะไรอยู่ในขณะนี้ (What are you doing?) แต่กิจการต่างๆกลับนํา Twitter ไปใช้ในทางธุรกิจ ไม่
ว่าจะเป็นการสร้างการบอกต่อ เพิ่มยอดขาย สร้าง Brand หรือเป็นเครื่องมือสําหรับการบริหาร
ความสัมพันธ์ลูกค้า (CRM) ทั้งนี้เรายังสามารถใช้เป็นเครื่องมือในการประชาสัมพันธ์บทความ
ใหม่ๆบน Blog ของเราได้ด้วย Twitter นั้นเป็นนิยมขึ้นมากอย่างรวดเร็ว จนทําให้เว็บไซต์ประเภท
Social Network ต่างๆ เพิ่ม Feature ที่ให้ผู้ใช้สามารถบอกได้ว่าตอนนี้กําลังทําอะไรกันอยู่ นั้นก็คือ
การนํา Microblog เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งด้วยนั้นเอง

(3) Social Networking – จากชื่อก็สามารถแปลความหมายได้ว่าเป็นเครือข่ายที่เชื่อมโยงเรากับ
เพื่อนๆจนกลายเป็นสังคม ทั้งนี้ผู้ใช้จะเริ่มต้นสร้างตัวตนของตนเองขึ้นในส่วนของ Profile ซึ่งประ
กกอบด้วยข้อมูลส่วนตัว (Info) รูป (Photo) การจดบันทึก (Note) หรือการใส่วิดีโอ (Video) และ
อื่นๆ นอกจากนี้ Social Networking ยังมีเครื่องมือสําคัญในการสร้างจํานวนเพื่อนให้มากขึ้น คือ ใน
ส่วนของ Invite Friend และ Find Friend รวมถึงการสร้างเพื่อนจากเพื่อนของเพื่อนอีกด้วย

นักการตลาดนํา Social Networking มาใช้ในการมีปฏิสัมพันธ์กับลูกค้า อาจจะอยู่ในรูปของการ
สร้าง Brand ผ่านเกมส์หรือ Application ต่างๆ หรืออาจใช้เป็นเครื่องมือของ CRM ผ่านทาง Pages
และนอกจากนี้ตัวลูกค้าเอง หากชื่นชอบในสินค้าหรือบริการ ก็สามารถร่วมกลุ่มกันจัดตั้ง Group
ขึ้นมาได้

เว็บไซต์ที่มีลักษณะของ Social Networking มีมากมาย แต่อาจจะแบ่งได้เป็น 2 ประเภท คือ ประเภท
แรกจะสนใจในการสร้างเครือข่ายระหว่างเพื่อนๆหรือครอบครัว เช่น Facebook, Hi5 หรือ Myspace
และอีกประเภท คือสนใจในการสร้างเครือข่ายในเชิงธุรกิจ ที่เปิดให้ใส่ Resume และข้อมูลเชิง
อาชีพต่างๆ เช่น Linkedin หรือ Plaxo เป็นต้น

(4) Media Sharing – เป็นเว็บไซต์ที่เปิดโอกาสให้เราสามารถ upload รูปหรือวิดีโอเพื่อแบ่งปัน
ให้กับครอบครัว เพื่อนๆ หรือแม้กระทั่งเพื่อเผยแพร่ต่อสาธารณชน นักการตลาด ณ ปัจจุบันไม่
จําเป็นจะต้องทุ่มทุนในการสร้างหนังโฆษณาที่มีต้นทุนสูง เราอาจจะใช้กล้องดิจิตอลราคาถูกๆ
ถ่ายทอดความคิดเป็นรูปแบบวิดีโอ จากนั้นนําขึ้นไปสู่เว็บไซต์ Media Sharing อย่าง Youtube หาก
ความคิดของเราเป็นที่ชื่นชอบ ก็ทําให้เกิดการบอกต่ออย่างแพร่หลาย หรือกรณีหากกิจการคุณขาย
สินค้าที่เน้นดีไซน์ที่สวยงาม ก็อาจจะถ่ายรูปแล้วนําขึ้นไปสู่เว็บไซต์อย่าง Flickr เพื่อให้ลูกค้าได้ชม
หรืออาจจะใช้เป็นเครื่องมือในการนําชมโรงงาน หรือบรรยากาศในการทํางานของกิจการ เป็นต้น
หรืออย่างกรณีของ Multiply ที่คนไทยนิยมนํารูปภาพที่ตนเองถ่ายมาแสดงฝีมือ เหมือนเป็นแกลลอ
รีส่วนตัว ทําให้ผู้ว่าจ้างได้เห็นฝีมือก่อนที่จะทําการจ้าง

(5) Social News and Bookmarking – เป็นเว็บไซต์ที่เชื่อมโยงไปยังบทความหรือเนื้อหาใดใน
อินเทอร์เน็ต โดยผู้ใช้เป็นผู้ส่งและเปิดโอกาสให้คะแนนและทําการโหวตได้ เป็นเสมือนมหาชน
ช่วยกลั่นกรองว่าบทความหรือเนื้อหาใดนั้นเป็นที่น่าสนใจที่สุด ในส่วนของ Social Bookmarking
นั้น เป็นการที่เปิดโอกาสให้คุณสามารถทําการ Bookmark เนื้อหาหรือเว็บไซต์ที่ชื่นชอบ โดยไม่
ขึ้นอยู่กับคอมพิวเตอร์เครื่องใดเครื่องหนึ่ง แต่สามารถทําผ่านออนไลน์ และเนื้อหาในส่วนที่เราทํา
Bookmark ไว้นี้ สามารถที่จะแบ่งปันให้คนอื่นๆได้ด้วย นักการตลาดจะใช้เป็นเครื่องมือในการบอก
ต่อและสร้างจํานวนคนเข้ามายังที่เว็บไซต์หรือ Campaign การตลาดที่ต้องการ

(6) Online Forums – ถือเป็นรูปแบบของ Social Media ที่เก่าแก่ที่สุด เป็นเสมือนสถานที่ที่ให้ผู้คน
เข้ามาพูดคุยในหัวข้อที่พวกเขาสนใจ ซึ่งอาจจะเป็นเรื่อง เพลง หนัง การเมือง กีฬา สุขภาพ หนังสือ
การลงทุน และอื่นๆอีกมากมาย ได้ทําการแลกเปลี่ยนความคิดเห็น แสดงข้อมูลข่าวสาร ตลอดจนถึง
การแนะนําสินค้าหรือบริการต่างๆ นักการตลาดควนสนใจเนื้อหาที่พูดคุยใน Forums เหล่านี้ เพราะ
บางครั้งอาจจะเป็นคําวิจารณ์เกี่ยวกับตัวสินค้าและบริการของเรา ซึ่งเราเองสามารถเข้าไปทําความ
เข้าใจ แก้ไขปัญหา ตลอดจนถึงใช้สร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้า เว็บไซต์ประเภท Forums อาจจะ
เป็นเว็บไซต์ที่เปิดให้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันโดยเฉพาะ หรืออาจจะเป็นส่วนหนึ่งในเว็บไซต์
เนื้อหาต่างๆ

http://www.doctorpisek.com/pisek/?p=718



2.3 เว็บบล็อก (WebBlog)
         2.3.1 ความหมายของเว็บบล็อก (WebBlog)
                 บล็อก (blog) เป็นคํารวมมาจากคําว่า เว็บล็อก (weblog) เป็นรูปแบบเว็บไซต์ประเภท
หนึ่ง ซึ่งถูกเขียนขึ้นในลําดับที่เรียงตามเวลาในการเขียน ซึ่งจะแสดงข้อมูลที่เขียนล่าสุดไว้แรกสุด
บล็อกโดยปกติจะประกอบด้วย ข้อความ ภาพ ลิงก์ ซึ่งบางครั้งจะรวมสื่อต่างๆ ไม่ว่า เพลง หรือ
วิดีโอในหลายรูปแบบได้ จุดที่แตกต่างของบล็อกกับเว็บไซต์โดยปกติคือ บล็อกจะเปิดให้ผู้เข้ามา
อ่านข้อมูล สามารถแสดงความคิดเห็นต่อท้ายข้อความที่เจ้าของบล็อกเป็นคนเขียน ซึ่งทําให้ผู้เขียน
สามารถได้ผลตอบกลับโดยทันที คําว่า "บล็อก" ยังใช้เป็นคํากริยาได้ซึ่งหมายถึง การเขียนบล็อก
และนอกจากนี้ผู้ที่เขียนบล็อกเป็นอาชีพก็จะถูกเรียกว่า "บล็อกเกอร์"

บล็อกเป็นเว็บไซต์ที่มีเนื้อหาหลากหลายขึ้นอยู่กับเจ้าของบล็อก โดยสามารถใช้เป็นเครื่องมือ
สื่อสาร การประกาศข่าวสาร การแสดงความคิดเห็น การเผยแพร่ผลงาน ในหลายด้านไม่ว่า อาหาร
การเมือง เทคโนโลยี หรือข่าวปัจจุบัน นอกจากนี้บล็อกที่ถูกเขียนเฉพาะเรื่องส่วนตัวหรือจะเรียกว่า
ไดอารีออนไลน์ ซึ่งไดอารีออนไลน์นี่เองเป็นจุดเริ่มต้นของการใช้บล็อกในปัจจุบัน นอกจากนี้ตาม
บริษัทเอกชนหลายแห่งได้มีการจัดทําบล็อกของทางบริษัทขึ้น เพื่อเสนอแนวความเห็นใหม่ใหักับ
ลูกค้า โดยมีการเขียนบล็อกออกมาในลักษณะเดียวกับข่าวสั้น และได้รับการตอบรับจากทางลูกค้าที่
แสดงความเห็นตอบกลับเข้าไป เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์

เว็บค้นหาบล็อกเทคโนราตี ได้อ้างไว้ว่าปัจจุบันในอินเทอร์เน็ต มีบล็อกมีมากกว่า 94 ล้านบล็อกทั่ว
โลก [1](ข้อมูล ส.ค. 2550)



ความนิยม

บล็อกได้เริ่มมีบทบาทมากขึ้นในปัจจุบันในวงการสื่อมวลชนในหลายประเทศ เนื่องจากระบบแก้ไข
ที่เรียบง่าย และสามารถตีพิมพ์เรื่องราวได้โดยไม่ต้องใช้ความรู้ในการเขียนเว็บไซต์ โดย
นอกเหนือจากที่ผู้เขียนข่าวส่งผลงานให้กับทางสื่อแล้ว ยังได้มาเขียนข่าวในอีกช่องทางหนึ่งในการ
เผยแพร่ข้อมูล หรือแนวความคิด โดยการเขียนบล็อกสามารถเผยแพร่ข้อมูลสู่ประชาชนได้รวดเร็ว
และเสียค่าใช้จ่ายน้อยกว่า สื่อในด้านอื่น ข่าวที่นิยมในการเขียนบล็อกต่อสื่อมวลชน ส่วนใหญ่จะ
เป็นในลักษณะเรื่องซุบซิบวงการดารา ข่าวการเคลื่อนไหวทางการเมือง เป็นต้น
จากความนิยมที่มากขึ้น ทําให้หลายเว็บไซต์เปิดให้มีส่วนการใช้งานบล็อกเพิ่มขึ้นมาในเว็บของ
ตนเอง เพื่อเรียกให้มีการเข้าสู่เว็บไซต์มากขึ้นทั้งผู้เขียนและผู้อ่าน



การใช้งานบล็อก

ผู้ใช้งานบล็อกจะแก้ไขและบริหารบล็อกผ่านทางเว็บเบราว์เซอร์เหมือนการใช้งานและอ่านเว็บไซต์
ทั่วไป โดยจะมีรูปแบบบริหารบล็อกที่แตกต่างกัน เช่นบางระบบที่มีบรรณาธิการของบล็อก ผู้เขียน
หลายคนจะส่งเรื่องเข้าทางบล็อก และจะต้องรอให้บรรณาธิการอนุมัติให้บล็อกเผยแพร่ก่อน บล็อก
ถึงจะแสดงผลในเว็บไซต์นั้นได้ ซึ่งจะแตกต่างจากบล็อกส่วนตัวที่จะให้แสดงผลได้ทันที

ผู้เขียนบล็อกในปัจจุบันจะใช้งานบล็อกในรูปแบบใดรูปแบบหนึ่งไม่ว่า ติดตั้งซอฟต์แวร์ของตัวเอง
หรือใช้งานบล็อกผ่านทางเว็บไซต์ที่ให้บริการบล็อก

สําหรับผู้อ่านบล็อกจะใช้งานได้ในลักษณะเหมือนอ่านเว็บไซต์ทั่วไป และสามารถแสดงความเห็น
ได้ในส่วนท้ายของแต่ละบล็อกโดยอาจจะต้องผ่านการลงทะเบียนในบางบล็อก นอกจากนี้ผู้อ่าน
บล็อกสามารถอ่านบล็อกได้ผ่านระบบฟีด ซึ่งมีให้บริการในบล็อกทั่วไป ทําให้ผู้ใช้สามารถอ่าน
บล็อกได้โดยตรง ผ่านโปรแกรมตัวอื่นโดยไม่จําเป็นต้องเข้ามาสู่หน้าบล็อกนั้น

บล็อกซอฟต์แวร์

บล็อกซอฟต์แวร์ หรือ บล็อกแวร์ เป็นซอฟต์แวร์ที่ใช้ในอินเทอร์เน็ต ในลักษณะของระบบจัดการ
เนื้อหาเว็บ ที่ผู้พัฒนาซอฟต์แวร์และผู้เขียนหรือดูแลบล็อกจะแยกจากกันต่างหาก ส่งผลให้ผู้เขียน
บล็อกสามารถใช้งานได้ทันทีโดยไม่ต้องมีพื้นฐานความรู้ในด้านเอชทีเอ็มแอล หรือการทําเว็บไซต์
แต่อย่างใด ทําให้ผู้เขียนบล็อกสามารถใช้เวลาส่วนใหญ่ในการ บริหารจัดการ เพิ่มเติม ข้อมูลและ
สารสนเทศแทนได้ นอกจากนี้บล็อกซอฟต์แวร์จะสนับสนุน ระบบ WYSIWYG ซึ่งทําให้ง่ายต่อ
การเขียน และอาจเพิ่มเติมการมีเทมเพลตในหลายแบบให้เลือกใช้
ซอฟต์แวร์ส่วนใหญ่สามารถดาวน์โหลดและติดตั้งได้ทันทีโดยผู้ใช้ ซึ่งซอฟต์แวร์บางส่วนเป็น
ซอฟต์แวร์โอเพนซอร์ส ซึ่งเป็นซอฟต์แวร์ที่ไม่สงวนลิขสิทธิ์ ซึ่งผู้พัฒนาสามารถนํามาปรับแก้ เป็น
ของตนเอง ติดตั้งไว้ใช้เป็นบล็อกส่วนตัว หรือเผยแพร่ให้คนอื่นมาใช้งานได้ ส่วนซอฟต์แวร์
ลิขสิทธิ์นั้น จะมีทั้งในรูปแบบที่ให้ใช้งานแบบเสียค่าใช้จ่ายหรือให้ใช้งานฟรี

http://touchbluelife.exteen.com/20080108/blog-weblog

2.3.2 ประเภทของเว็บบล็อก

                       บล็อกมีด้วยกันหลายชนิด แต่ละชนิดมีข้อมูลที่แตกต่างกันไปทั้งผู้เขียนและ
ผู้เข้าชม โดยบล็อกจะเน้นไปที่เรื่องต่างๆ เช่น learner blogs, political blogs, travel blogs, fashion
blogs, project blogs,legal blogs และอื่นๆบล็อกที่เราเห็นอยู่ในปัจจุบันนี้ ใช่มีเพียงแค่บล็อกที่เป็น
ตัวหนังสือและรูปภาพเท่านั้น หรือ มีแค่ออนไลน์ไดอารี่ เราแบ่งบล็อกออกได้ ดังต่อไปนี้

1. แบ่งตามลักษณะของมีเดียที่มีในบล็อกได้แก่

       1.1. Linklog บล็อกแบบเป็นบล็อกรุ่นแรก ๆ ที่รวมลิ๊งก์ที่เจ้าของบล็อกสนใจเอาไว้ แม้ว่าจะ
บล็อกแบบนี้จะเป็นการรวมลิ๊งก์เท่านั้น แต่ก็ไ ม่เรียงเหมือนว็บไดเร็กทอรี่ เพราะเจ้าของบล็อกจะ
โพสต์ลิ๊งก์ของเขา 1 – 2 ลิ๊งก์ต่อโพสต์เท่านั้น

       1.2 Photoblog บล็อกประเภทนี้เน้นโพสต์ภาพถ่ายที่เจ้าของบล็อกอยากนําเสนอ และมักจะ
ไม่เน้นเขียนข้อความมากนัก

       1.3. Vlog ย่อมาจาก Videoblog เป็นบล็อกที่รวมวิดีโอคลิปไว้ในบล็อก Vlog เป็นบล็อกที่
เรียกได้ว่าเป็นบล็อกที่นิยมทํากันมากในอนาคต เพราะการเจริญเติบโตของไฮสปีด อินเตอร์เน็ต
หรือ อินเตอร์เน็ตบอร์ดแบนด์ ที่ทําให้การถ่ายทอดเสียง ภาพเคลื่อนไหว movie
2.แบ่งตามประเภทเนื้อหา ได้แก่

       2.1 บล็อกส่วนตัว(Personal Blog) นําแสนอความคิดเห็น กิจวัตรประจําวันของเจ้าของบล็อก
เป็นหลัก

       2.2 บล็อกข่าว(News Blog) บล็อกที่นําเสนอข่าวเป็นหลัก

       2.3 บล็อกกลุ่ม(Collaborative Blog) เป็นบล็อกที่เขียนกันเป็นกลุ่ม เช่น blognone.com

       2.4 บล็อกการเมือง(Politic Blog) ว่าด้วยเรื่องการเมืองล้วน ๆ

       2.5 บล็อกเพื่อสิ่งแวดล้อม(Environment Blog) พูดถึงเรื่องราวของธรรมชาติและการรักษา
สิ่งแวดล้อม

       2.6 มีเดียบล็อก(Media Blog) เป็นบล็อกที่วิเคราะห์สื่อต่างๆ สารคดีและสิ่งที่เกี่ยวกับสื่อ เช่น
oknation.net/blog/black ของสุทธิชัย หยุ่น

       2.7 บล็อกบันเทิง(Entertainment Blog) บล็อกที่นําเสนอเรื่องราวบันเทิงทั้งทางจอแก้ว และ
จอเงิน เรื่องซุบซุดารา กองถ่าย ฯลฯ

       2.8 บล็อกเพื่อการศึกษา(Educational Blog) ในโรงเรียน หรือมหาวิทยาลัยในต่างประเทศ
มักจะใช้บล็อกเป็นสื่อในการสอนหรือ แลกเปลี่ยนความคิดกัน

       2.9 ติวเตอร์บล็อก(Tutorial Blog) เป็นบล็อกที่นําเสนอวิธีการต่าง



3.แบ่งตามรูปแบบของเนื้อหาเฉพาะที่เห็นเด่นชัด

       3.1 Filter Blog เป็นบล็อกที่ผู้จัดทํา จะใช้สําหรับนําเสนอแหล่งข้อมูลที่ตนสนใจ (เว็บเพจ
หรือเว็บไซต์) โดยปกติมักจะเป็นข่าว บทความ หรือความคิดเห็นของบุคคลในวงการที่เผยแพร่ใน
เว็บไซต์ต่าง ๆ อาจเรียกได้ว่า เป็น บล็อก “Bookmark” หรือ มีชื่อเฉพาะ ว่า Social Bookmarkบล็อก
ลักษณะนี้ จะนําเสนอแค่หัวข้อเรื่อง และ URL ของเว็บเพจหรือเว็บไซต์ บางทีอาจเพิ่มคําอธิบายเว็บ
เพจหรือเว็บไซต์นั้น ๆ ได้ด้วย และบางที่อาจจะสามารถเพิ่มความคิดเห็นของผู้จัดทําบล็อกได้อีก
ด้วย เป็นเหมือนการกลั่นกรองข้อมูลให้ทราบว่าเว็บเพจหรือเว็บไซต์ใดกําลังได้รับความนิยม ซึ่งจะ
เป็นการช่วยจัดลํ าดับความน่าเชื่ อถือของเว็บเพจหรือเว็บไซต์นั้น ๆ ได้เช่ นกัน ตัวอย่างบล็ อก
ลักษณะนี้ได้แก่ http://del.icio.us/ เป็นต้น

       3.2 Personal Journal Blog เป็นบล็อกที่ผู้จัดทํา จะใช้สําหรับนําเสนอความคิดเห็นหรือ
ประสบการณ์ของตนเองผ่านข้อเขียน โดยอาจจะมีภาพประกอบ หรือมีการเชื่อมโยงออกไปยัง
เว็บไซต์อื่น ๆ เพื่อให้ข้อมูลดูน่าเชื่อถือหรือมีความน่าสนใจมากยิ่งขึ้น ซึ่งบล็อกลักษณะนี้ เป็น
บล็อกตามความเข้าใจของบุคคลทั่วไป ตัวอย่างบล็อกลัก ษณะนี้ได้แก่ http://www.exteen.comหรือ
http://www.blogger.com เป็นต้น

       3.3 Photo Blog เป็นบล็อกที่ใช้สําหรับเก็บภาพ (ภาพถ่าย, ภาพวาด ฯลฯ) และสามารถใส่
รายละเอียดของภาพ ใส่คําค้น (tag) ได้ ทําให้การเก็บภาพเป็นระบบและง่ายต่อการค้นหามากขึ้น
ตัวอย่างบล็อกลักษณะนี้ได้แก่ http://www.flickr.com เป็นต้น

       3.4 Video Blog หรือ เรียกว่า Vlog เป็นบล็อกที่ใช้สําหรับเก็บวีดิทัศน์ส่วนตัว สามารถใส่
รายละเอียดของวีดิทัศน์ ใส่คําค้น (tag) ได้ ทําให้การเก็บวีดิทัศน์เป็นระบบและง่ายต่อการค้นหา
มากขึ้น ตัวอย่างบล็อกลักษณะนี้ได้แก่ http://www.aolvideoblog.com เป็นต้น

3.5 บล็อกผสม มีลักษณะเป็นบล็อกที่สามารถเก็บข้อมูลต่าง ๆ ได้หลายประเภท ทั้งเก็บรูปภาพ เก็บ
เพลง เก็บวีดิโอ เก็บลิงค์ (link) ต่าง ๆ หรือบันทึกประจําวัน และใส่ปฏิทินรายการงานที่ต้องทํา ฯลฯ
ได้ด้วย ปัจจุบันเป็นบริการที่ได้รับความนิยมสูงมาก โดยมีชื่อเฉพาะด้วย เรียกว่าSocial Network
Service ซึ่งนอกจากจะมีจุดประสงค์เพื่อให้สมาชิกแลกเปลี่ยนข้อมูลต่าง ๆ กันแล้ว ก็ยังมี
จุดประสงค์หลักเพื่อการค้นหาและสะสมเพื่อนจากทั่วโลก ตัวอย่าง Social NetworkingWebsites ซึ่ง
ให้บริการลักษณะนี้ ได้แก่ http://hi5.com หรือ http://multiply.com หรือhttp://spaces.live.com เป็น
ต้น (ซึ่งปัจจุบัน คําว่า blog ใน Social Networking Websites นั้นจะกลายเป็นแค่ส่วนที่ใช้เขียน
ข้อความเช่นบันทึกประจําวันแต่เพียงอย่างเดียวเท่านั้น และยังอาจใช้คําว่า journal แทนคําว่า blog
ด้วย แต่เนืองจากบริการนี้ เป็นการรวมเอาบล็อกลักษณะต่าง ๆที่เคยมี มาอยู่ในที่เดียว ทําให้ผู้ใช้งาน
           ่
ได้รับความสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น เพราะเพียงแค่เปิดใช้บริการที่เดียว ก็ได้ใช้บริการครบถ้วน ไม่
ต้องเสียเวลาไปสมัครใช้งานจาก เว็บไซต์หลายที่ให้จดจํายากอีกด้วย

http://th.wikipedia.org/wiki/



       2.3.3 เว็บไซต์ที่ให้บริการเว็บบล็อก

               Weblog เว็บล็อก หรือที่เรียกกันว่า Blog บล็อก ปัจจุบันน่าจะเป็นที่รู้จักกันดี ซึ่งคํานี้
น่าจะมาจาก

web = เว็บไซต์
log = การบันทึกเรื่องราวตามลําดับเวลา
weblog น่าจะหมายถึงเว็บไซต์ที่เป็นการนําเสนอเรื่องราวต่างๆ ตามลําดับเวลา ซึ่งเมื่อก่อน
น่าจะรู้จักกันในรูปแบบของไดอารี่ออนไลน์ ซึ่ง blog น่าจะเริ่มมาจากการเขียนไดอารี่ออนไลน์
รูปแบบการเขียนหรือการนําเสนอเรื่องราวต่างๆ ก็จะแล้วแต่คนเขียน Blog ว่าจะนําเสนออะไร

ปัจจุบันมีคนนิยมเขียน Blog เพิ่มมากขึ้น ซึ่งก็มีเว็บไซต์ต่างๆ ที่ให้บริการ Blog จํานวนมาก
ทําให้ผู้ที่คิดจะมีเว็บไซต์เป็นของตนเอง ไม่ต้องยุ่งยากในการติดตั้ง เช่า Host ให้เปลืองเงิน
ซึ่งมีเว็บไซต์ที่ให้บริการ Blog ฟรีอยู่มากมาย สามารถเลือกสมัครใช้งานได้ตามที่ต้องการ
อย่างที่เราคุ้นๆ อยู่ก็มี
windows live space
wordpress
myspace
blogger (ของ google)
ของไทยก็..
bloggang (ของ pantip.com)
exteen
OKNation
และอื่นๆ อีกมากมาย
ส่วนใหญ่ที่บอกมาด้านบนก็เป็นสมาชิกแล้วเกือบทั้งนั้น
วันนี้เลยจะมาแนะนําการสมัคร Blog ในเว็บไซต์ wordpress.com กัน
ซึ่ง Software ที่เว็บไซต์นี้ใช้ทํา Blog แน่นอนเป็นอย่างอื่นไม่ได้นอกจาก Wordpress
(ช่วงนี้รู้สึกจะเขียนเรื่อง wordpress บ่อย) ที่มาก็เนื่องมาจากวันก่อนให้เด็กๆ สมัคร Blog
ก็เลยมีคนนึงแนะนํา wordpress.com ซึ่งน่าสนใจ และการใช้งานก็เหมือนกับ wordpress
เพียงแต่ไม่ต้องยุ่งยากในการลง ย้าย ไม่ต้องหา Host เพียงแค่สมัครสมาชิกก็ใช้งานได้
เหมือนๆ กับผู้ให้บริการ Weblog โดยทั่วไปนั่นเอง wordpress.com ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่ง
http://bombik.com/tag/




       2.3.4 ประวัติของเว็บไซต์ Wordpress

เว็บไซต์นี้ จะแนะนําถึงวิธี การใช้ WordPress ตั้งแต่พื้นฐานเริ่มต้น ไปจนถึงการเพิ่มเทคนิคลูกเล่น
ต่าง ๆ แต่ก่อนที่จะไปเรียนรู้กัน เราควรมารู้จักก่อนว่า WordPress คือ อะไร
WordPress คือ โปรแกรมสําเร็จรูปตัวหนึ่ง ที่เอาไว้สําหรับสร้าง บล็อก หรือ เว็บไซต์ สามารถใช้
งานได้ฟรี ถูกจัดอยู่ในประเภท CMS (Contents Management System) ซึ่งหมายถึง โปรแกรม
สําเร็จรูปที่มีไว้สําหรับสร้างและบริหารจัดการเนื้อหาและข้อมูลบนเว็บไซต์

WordPress ได้รับการพัฒนาและเขียนชุดคําสั่งมาจากภาษา PHP (เป็นภาษาโปรแกรมมิ่งตัวหนึ่ง)
ทํางานบนฐานข้อมูล MySQL ซึ่งเป็นโปรแกรมสําหรับจัดการฐานข้อมูล มีหน้าที่เก็บ เรียกดู แก้ไข
เพิ่มและลบข้อมูล การใช้งานWordPress ร่วมกับ MySQL อยู่ภายใต้สัญญาอนุญาตใช้งานแบบ
GNU General Public License

WordPress ปรากฏโฉมครั้งแรกในโลกเมื่อปี พ.ศ. 2546 (2003) เป็นความร่วมมือกันระหว่าง Matt
Mullenweg และ Mike Littlej มีเว็บไซต์หลักอยู่ที่ http://wordpress.org และยังมีบริการ Free
Hosting (พื้นที่สําหรับเก็บทุกอย่างของเว็บ/บล็อก) โดยขอใช้บริการได้ที่ http://wordpress.com

ปัจจุบันนี้ WordPress ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว จนมีผู้ใช้งานมากกว่า 200 ล้านเว็บ
บล็อกไปแล้ว แซงหน้า CMS ตัวอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็น Drupal , Mambo และ Joomla สาเหตุเป็นเพราะ
ใช้งานง่าย ไม่จําเป็นต้องมีความรู้ในเรื่อง Programing มีรูปแบบที่สวยงาม อีกทั้งยังมีผู้พัฒนา
Theme (รูปแบบการแสดงผล) และ Plugins (โปรแกรมเสริม) ให้เลือกใช้ฟรีอย่างมากมาย

นอกจากนี้ สําหรับนักพัฒนา WordPress ยังมี Codex เอาไว้ให้เราได้เป็นไกด์ไลน์ เพื่อศึกษา
องค์ประกอบส่วนต่าง ๆ ที่อยู่ภายใน สําหรับพัฒนาต่อยอด หรือ นําไปสร้าง Theme และ Plugins
ขึ้นมาเองได้อีกด้วย หนําซ้ํา ยังมีรุ่นพิเศษ คือ WordPress MUสําหรับไว้ให้ผู้นําไปใช้ สามารถเปิด
ให้บริการพื้นที่ทําเว็บบล็อกเป็นของตนเอง เพื่อให้ผู้อื่นมาสมัครขอร่วมใช้บริการในการสร้างเว็บ
บล็อก ภายใต้ชื่อโดเมนของเขา หรือที่เรียกว่า Sub-Domain

http://wordpress.9supawat.com/10/what-is-wordpress.html
wordpress หลายคนรู้จักกันดีและบางคนก็อาจจะกําลังใช้งานอยู่ก็ได้แต่จะมีสักกี่คนที่รู้
ว่า wordpress มีประวัติความเป็นมายังไงเดี๋ยวจะได้รู้กันครับ
ความเป็นมาของ wordpres เริ่มจาก B2 หรือ cafelog คือผู้ที่ให้กําเนิดการทํางานของเว็บบล๊อกที่ชื่อ
ว่า wordpress ได้การผลิตบล็อกชนิดนี้ขึ้นครั้งแรกประมาณปี 2003 ตอนนั้นมีบล็อก wordpress
อยู่ประมาณ 2000 บล็อก บล็อกที่ชื่อว่า wordpress นี้ เขียนด้วยภาษา PHP เพื่อที่จะใช้กับ MySQL
โดยผู้เขียน wordpress ก็คือ Michel Valdrighi เป็นผู้ร่วมพัฒนา wordpress ตอนนั้น wordpress ยัง
อยู่ใน B2evolutionwordpress ได้ปรากฏสู่โลกในปี 2003 โดยเป็นความพยายามของ Matt
Mullenweg และ Mike littleในปี 2004 ได้ถูกเปลี่ยนแปลงโดย six apart ทําให้มีผู้
งาน wordpress จํานวนมากขึ้น และเริ่มก่อเกิดแบรนด์ wp หรือ wordpress ขึ้นมาและมีการใช้งาน
มากขึ้นและการพัฒนาอย่างต่อเนื่องจนมาถึงปัจจุบันในปี 2007 wordpress ได้รับรางวัลชนะเลิศใน
เรื่องของ Packt open source CMS award

http://www.nampheung.com/1032/%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E
0%B9%80%E0%B8%9B%E0%B9%87%E0%B8%99%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B8%8
2%E0%B8%AD%E0%B8%87-wordpress.html

More Related Content

What's hot

02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้องMiw Inthuorn
 
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้องSirintip Kongchanta
 
แบบเสนอโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์ ครูสมร
แบบเสนอโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์ ครูสมรแบบเสนอโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์ ครูสมร
แบบเสนอโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์ ครูสมรM'suKanya MinHyuk
 
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้องKittipong Suwannachai
 
บทที่ 2
บทที่ 2บทที่ 2
บทที่ 2She's Ning
 
บทที่ 2
บทที่ 2บทที่ 2
บทที่ 2teerarat55
 

What's hot (17)

02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง
 
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง
 
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง
 
บทที่ 2
บทที่ 2บทที่ 2
บทที่ 2
 
2
22
2
 
แบบเสนอโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์ ครูสมร
แบบเสนอโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์ ครูสมรแบบเสนอโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์ ครูสมร
แบบเสนอโครงร่างโครงงานคอมพิวเตอร์ ครูสมร
 
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง
 
2
22
2
 
01 บทที่ 1-บทนำ
01 บทที่ 1-บทนำ01 บทที่ 1-บทนำ
01 บทที่ 1-บทนำ
 
บทที่ 2
บทที่ 2บทที่ 2
บทที่ 2
 
2
22
2
 
บทที่2
บทที่2บทที่2
บทที่2
 
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง
 
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง
 
บทที่2
บทที่2 บทที่2
บทที่2
 
บทที่ 2
บทที่ 2บทที่ 2
บทที่ 2
 
บทที่ 2
บทที่ 2บทที่ 2
บทที่ 2
 

Similar to บทที่ 2

บทที่ 2 เอกสารที่เกี่ยวข้อง
บทที่ 2 เอกสารที่เกี่ยวข้องบทที่ 2 เอกสารที่เกี่ยวข้อง
บทที่ 2 เอกสารที่เกี่ยวข้องNew Tomza
 
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้องKot สุรศักดิ์
 
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้องKot สุรศักดิ์
 
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้องWilaiporn Seehawong
 
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้องWilaiporn Seehawong
 
บทที่ 2 เอกสารที่เกี่ยวข้อง
บทที่ 2 เอกสารที่เกี่ยวข้องบทที่ 2 เอกสารที่เกี่ยวข้อง
บทที่ 2 เอกสารที่เกี่ยวข้องRung Sensabe
 
บทที่ 2 เอกสารที่เกี่ยวข้อง
บทที่ 2 เอกสารที่เกี่ยวข้องบทที่ 2 เอกสารที่เกี่ยวข้อง
บทที่ 2 เอกสารที่เกี่ยวข้องRung Sensabe
 
บทที่2
บทที่2บทที่2
บทที่2Tangkwa Tom
 
บทที่ 2 เอกสารที่เกี่ยวข้อง
บทที่ 2 เอกสารที่เกี่ยวข้องบทที่ 2 เอกสารที่เกี่ยวข้อง
บทที่ 2 เอกสารที่เกี่ยวข้องKittichai Pinlert
 
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้องM'suKanya MinHyuk
 
บทที่ 2เอกสารที่เกี่ยวข้อง
บทที่ 2เอกสารที่เกี่ยวข้องบทที่ 2เอกสารที่เกี่ยวข้อง
บทที่ 2เอกสารที่เกี่ยวข้องBeeiiz Gubee
 
บทที่ 2 เอกสารที่เกี่ยวข้อง
บทที่ 2 เอกสารที่เกี่ยวข้องบทที่ 2 เอกสารที่เกี่ยวข้อง
บทที่ 2 เอกสารที่เกี่ยวข้องTangkwa Tom
 
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้องChalita Vitamilkz
 

Similar to บทที่ 2 (20)

บทที่ 2
บทที่ 2บทที่ 2
บทที่ 2
 
บทที่ 2 เอกสารที่เกี่ยวข้อง
บทที่ 2 เอกสารที่เกี่ยวข้องบทที่ 2 เอกสารที่เกี่ยวข้อง
บทที่ 2 เอกสารที่เกี่ยวข้อง
 
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง
 
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง
 
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง
 
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง
 
บทที่ 2
บทที่ 2บทที่ 2
บทที่ 2
 
บทที่ 2 ทวีชัย
บทที่ 2 ทวีชัยบทที่ 2 ทวีชัย
บทที่ 2 ทวีชัย
 
บทที่ 2 เอกสารที่เกี่ยวข้อง
บทที่ 2 เอกสารที่เกี่ยวข้องบทที่ 2 เอกสารที่เกี่ยวข้อง
บทที่ 2 เอกสารที่เกี่ยวข้อง
 
บทที่ 2 เอกสารที่เกี่ยวข้อง
บทที่ 2 เอกสารที่เกี่ยวข้องบทที่ 2 เอกสารที่เกี่ยวข้อง
บทที่ 2 เอกสารที่เกี่ยวข้อง
 
บทที่ 2 เอกสารที่เกี่ยวข้อง
บทที่ 2 เอกสารที่เกี่ยวข้องบทที่ 2 เอกสารที่เกี่ยวข้อง
บทที่ 2 เอกสารที่เกี่ยวข้อง
 
บทที่2
บทที่2บทที่2
บทที่2
 
บทที่ 2 เอกสารที่เกี่ยวข้อง
บทที่ 2 เอกสารที่เกี่ยวข้องบทที่ 2 เอกสารที่เกี่ยวข้อง
บทที่ 2 เอกสารที่เกี่ยวข้อง
 
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง
 
บทที่ 2เอกสารที่เกี่ยวข้อง
บทที่ 2เอกสารที่เกี่ยวข้องบทที่ 2เอกสารที่เกี่ยวข้อง
บทที่ 2เอกสารที่เกี่ยวข้อง
 
บทที่ 2 เอกสารที่เกี่ยวข้อง
บทที่ 2 เอกสารที่เกี่ยวข้องบทที่ 2 เอกสารที่เกี่ยวข้อง
บทที่ 2 เอกสารที่เกี่ยวข้อง
 
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง
 
บทที่ 2
บทที่ 2บทที่ 2
บทที่ 2
 
บทที่2
บทที่2บทที่2
บทที่2
 
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง5555555
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง555555502 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง5555555
02 บทที่ 2-เอกสารที่เกี่ยวข้อง5555555
 

More from Paveena Saleesri

More from Paveena Saleesri (9)

บทที่1
บทที่1บทที่1
บทที่1
 
ภาคผนวก
ภาคผนวกภาคผนวก
ภาคผนวก
 
บรรณานุกรม
บรรณานุกรมบรรณานุกรม
บรรณานุกรม
 
บทที่ 5
บทที่ 5บทที่ 5
บทที่ 5
 
บทที่ 3
บทที่ 3บทที่ 3
บทที่ 3
 
ส่วนนำ
ส่วนนำส่วนนำ
ส่วนนำ
 
ส่วนนำ
ส่วนนำส่วนนำ
ส่วนนำ
 
ส่วนนำ
ส่วนนำส่วนนำ
ส่วนนำ
 
ตั๊ก
ตั๊กตั๊ก
ตั๊ก
 

บทที่ 2

  • 1. บทที่ 2 เอกสารที่เกี่ยวข้อง ในการจัดทําโครงงานคอมพิวเตอร์ การพัฒนาเว็บบล็อก (WebBlog) ด้วย Wordpress เรื่องอินเตอร์เน็ต นี้ ผู้จัดทําโครงงานได้ศึกษาเอกสารและจากเว็บไซต์ต่างๆ ที่เกี่ยวข้องดังต่อไปนี้ 2.1 ความสําคัญของเทคโนโลยีสารสนเทศและอินเทอร์เน็ต 2.2 ข้อมูลเกี่ยวกับสื่อสังคม Social Media 2.3 เว็บบล็อก (WebBlog) 2.1 ความสาคัญของเทคโนโลยีสารสนเทศและอินเทอร์เน็ต ความสําคัญของเทคโนโลยีสารสนเทศ สามารถอธิบายความสําคัญของเทคโนโลยีสารสนเทศในด้านที่มีผลกระทบต่อการ เปลี่ยนแปลงพฤติกรรมด้านต่าง ๆ ของผู้คนไว้ 6 ข้อ ดังต่อไปนี้ 1. เทคโนโลยีสารสนเทศ ทําให้สังคมเปลี่ยนจากสังคมอุตสาหกรรมมาเป็น สังคมสารสนเทศ 2. เทคโนโลยีสารสนเทศทําให้ระบบเศรษฐกิจเปลี่ยนจากระบบแห่งชาติไปเป็นเศรษฐกิจ โลก ที่ทําให้ระบบเศรษฐกิจของโลกผูกพันกับทุกประเทศ ความเชื่อมโยงของเครือข่าย สารสนเทศทําให้เกิดสังคมโลกาภิวัฒน์ 3. เทคโนโลยีสารสนเทศทําให้องค์กรมีลักษณะผูกพัน มีการบังคับบัญชาแบบแนวราบมาก ขึ้น หน่วยธุรกิจมีขนาดเล็กลง และเชื่อมโยงกันกับหน่วยธุรกิจอื่นเป็นเครือข่าย การ
  • 2. ดําเนินธุรกิจมีการแข่งขันกันในด้านความเร็ว โดยอาศัยการใช้ระบบเครือข่าย คอมพิวเตอร์ และการสื่อสารโทรคมนาคมเป็นตัวสนับสนุน เพื่อให้เกิดการแลกเปลี่ยน ข้อมูลได้ง่ายและรวดเร็ว 4. เทคโนโลยีสารสนเทศเป็นเทคโนโลยีแบบสุนทรียสัมผัส และสามารถตอบสนองตาม ความต้องการการใช้เทคโนโลยีในรูปแบบใหม่ที่เลือกได้เอง 5. เทคโนโลยีสารสนเทศทําให้เกิดสภาพทางการทํางานแบบทุกสถานที่และทุกเวลา 6. เทคโนโลยีสารสนเทศก่อให้เกิดการวางแผนการดําเนินการระยะยาวขึ้น อีกทั้งยังทําให้วิถี การตัดสินใจ หรือเลือกทางเลือกได้ละเอียดขึ้น http://blog.eduzones.com/kittipung/33214 2.2 ข้อมูลเกี่ยวกับสื่อสังคม Social Media 2.2.1 ความหมายของ Social Media คําว่า “Social” หมายถึง สังคม ซึ่งในที่นี้จะหมายถึงสังคมออนไลน์ ซึ่งมีขนาดใหม่ มากในปัจจุบัน คําว่า “Media” หมายถึง สื่อ ซึ่งก็คือ เนื้อหา เรื่องราว บทความ วีดีโอ เพลง รูปภาพ เป็นต้น ดังนันคําว่า Social Media จึงหมายถึง สื่อสังคมออนไลน์ที่มีการตอบสนองทางสังคมได้หลาย ้ ทิศทาง โดยผ่านเครือข่ายอินเตอร์เน็ต พูดง่ายๆ ก็คือเว็บไซต์ที่บุคคลบนโลกนี้สามารถมีปฏิสัมพันธ์ โต้ตอบกันได้นั่นเอง พื้นฐานการเกิด Social Media ก็มาจากความต้องการของมนุษย์หรือคนเราที่ต้องการติดต่อสื่อสาร หรือมีปฏิสัมพันธ์กัน จากเดิมเรามีเว็บในยุค 1.0 ซึ่งก็คือเว็บที่แสดงเนื้อหาอย่างเดียว บุคคลแต่ละ คนไม่สามารถติดต่อหรือโต้ตอบกันได้ แต่เมื่อเทคโนโลยีเว็บพัฒนาเข้าสู่ยุค 2.0 ก็มีการพัฒนา เว็บไซต์ที่เรียกว่า web application ซึ่งก็คือเว็บไซต์มีแอพลิเคชันหรือโปรแกรมต่างๆ ที่มีการโต้ตอบ กับผู้ใช้งานมากขึ้น ผู้ใช้งานแต่ละคนสามารถโต้ตอบกันได้ผ่านหน้าเว็บ http://krunum.wordpress.com/2010/06/02/social-network/
  • 3. 2.2.2 ประวัติความเป็นมาและพัฒนาการของ Social Media ปัจจุบันโลกอินเตอร์เน็ตกําลังอยู่ในยุคกลางหรือยุคปลาย ๆ ของ web 2.0 กันแล้ว จึงทําให้ มีเว็บไซต์ในลักษณะ Social Networking Service (SNS) ออกมามากมาย เป็นบริการผ่านเว็บไซต์ที่ เป็นจุดโยงระหว่างบุคคลแต่ละคนที่มีเครือข่ายสังคมของตัวเองผ่านเน็ตเวิร์คอินเทอร์เน็ต รวมทั้ง เชื่อมโยงบริการต่างๆ อย่างเมล เมสเซ็นเจอร์ เว็บบอร์ด บล็อก ฯลฯ เข้าด้วยกันตั้งแต่ Hi5, MySpace, Facebook, Bebo, LinkedIn, Multiply, Ning และอื่นๆ อีกมากมาย ซึ่งทั้งหมดจะมีส่วนที่ คล้ายกันคือ "การแอ๊ดเพื่อน" ตามหลักการ Friend-Of-A-Friend (FOAF) โดยปกติแล้วสิ่งที่ SNS ให้บริการพื้นฐานคือ การให้ผู้สนใจสร้าง profile ลงในเว็บ บางที่อาจอนุญาตให้อัพโหลดไฟล์แบบ ต่างๆ ไม่ว่าจะภาพ เสียง หรือ คลิปวีดโอ จากนั้นก็จะมีเรื่องของการ comment (เม้นต์) มี Personal ี Messeage (PM) ให้คุยส่วนตัวกับเพื่อนบางคน และที่ต้องทําก็คือ ไล่อ่าน ไล่เม้นต์ ไปตาม Profile ของคนอื่นเรื่อยๆ Social Network ยังไม่มีคําไทยเป็นทางการ มีการใช้คําว่า “เครือข่ายสังคม” บ้าง “เครือข่ายมิตรภาพ บ้าง” “กลุ่มสังคมออนไลน์” Social Network นี้ถือว่าเป็นเทคโนโลยีอีกอันนึง ที่สามารถช่วยให้เรา ได้มามีปฏิสัมพันธ์กัน ซึ่งวัตถุประสงค์ที่แท้จริงของคําว่า Social Network นี้จริงๆ แล้วก็คือ Participation หรือ การมีส่วนร่วมด้วยกันได้ทุก ๆ คน (ซึ่งหวังว่าผู้ที่ติดต่อกันเหล่านั้นจะมีแต่ความ ปรารถนาดี สิ่งที่ดีๆ มอบให้แก่กันและกัน) ถ้าพูดถึง Social Network แล้ว คนที่อยู่ในโลกออนไลน์ คงจะรู้จักกันเป็นอย่างดี และก็คงมีอีกหลายคนที่ได้เข้าไปท่องอยู่ในโลกของ Social Network มาแล้ว ถึงแม้ว่า Social Network จะไม่ใช่สิ่งใหม่ในโลกออนไลน์ แต่ก็ยังเป็นที่นิยมอย่างมากใน กลุ่มคนที่ใช้อินเตอร์เน็ต ทําให้เครือข่ายขยายวงกว้างออกไปเรื่อยๆ และจะยังคงแรงต่อไปอีกใน อนาคต จากผลการสํารวจจากประเทศสหรัฐอเมริกายืนยันการใช้บริการ Social Network ที่เพิ่ม สูงขึ้นอย่างต่อเนื่องทุกปี และมาแรงเป็นอันดับต้นๆ ของโลกออนไลน์ ส่วนเว็บไซต์ที่มีจํานวนผู้เข้า ชมสูงสุดทั่วโลก ก็เห็นจะเป็น My space, Facebook และ Orkut สําหรับเว็บไซต์ ที่มีเปอร์เซ็นต์ เติบโตเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัวก็เห็นจะเป็น Facebook แต่สําหรับประเทศไทยที่ฮอตฮิตมากๆ ก็คงจะหนี
  • 4. ไม่พ้น Hi5 ผลกระทบทางบวกของบริการ SNS SNS เป็นบริการออนไลน์ที่มีประโยชน์ต่อชีวิตมนุษย์หลายด้าน ดังนี้ 1. ด้านสังคม SNS เป็นการเชื่อมโยงผู้คนเข้าหากัน ซึ่งเป็นความสวยงามที่สุดของอินเทอร์เน็ต SNS รายใหญ่อย่าง Hi5 มีสมาชิกอยู่เกือบ 100 ล้าน account ทั่วโลก บางคนมี "เพื่อน" เป็นหลัก หมื่นหลักแสนอยู่ในไซเบอร์สเปซ SNS ทําให้คนมีตัวตนอยู่ได้บนไซเบอร์สเปซ เพราะจะต้อง แสดงความเป็นตัวเองออกมาให้ได้มากที่สุด เพื่อทําให้ Profile น่าสนใจ และมีชีวิตชีวาที่สุด บ้างก็ เน้นไปที่การใส่ข้อมูลเนื้อหา blog รูปถ่ายในชีวิตประจําวัน เรื่องราวเพื่อนคนใกล้ตัว บ้างก็เน้นไปที่ ลูกเล่นใส่ glitter หรือตัววิ๊ง ๆ เข้าไป สุดท้ายทําให้เชื่อได้ประมาณหนึ่งว่า มีตัวตนอยู่จริงบนโลก มนุษย์ 2. ด้านการตลาด จากสถิติการใช้สื่อโฆษณาของอเมริกาที่จัดทําขึ้นโดย eMarketer ได้มีการใช้ เงินโฆษณา ผ่าน Social network เพิ่มมากขึ้นกว่า 100% จากปี 2006 เทียบกับ ปี 2007 และมี แนวโน้มที่จะใช้มากขึ้นต่อไปในอนาคต เนื่องจาก ชาวอเมริกันใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับอินเตอร์เน็ต มากกว่าทีวี หรือวิทยุ ส่วนในบางประเทศที่ถูกควบคุม และจํากัดในการโฆษณา เช่น ประเทศจีน และสิงคโปร์ ก็ยังมีการใช้ Social network เป็นอีกช่องทางในการโฆษณา ซึ่งถือเป็นเครื่องยืนยัน ความฮอตฮิต และความแรงของการโฆษณาบน Social Network การใช้เงินกับสื่อประเภทนี้ยังคงมี การเติบโตที่สูงมาก ซึ่งจากที่คาดการณ์ตัวเลขของปี 2006 จนถึงปี 2010 จะสูงขึ้นมากกว่า 500% ใน ประเทศสหรัฐอเมริกา และกว่า 600% ทั่วโลก นี่อาจจะเป็นผลมาจากเครือข่ายที่ขยายวงกว้างมาก ขึ้น และวิวัฒนาการของเทคโนโลยีที่มีลูกเล่น ที่นาสนใจมากขึ้นให้ผู้ใช้ได้คอยติดตามกัน ่ Social Network ไม่ใช่เป็นเพียงแค่เว็บไซต์ที่แชร์ข้อมูล รูปภาพอีกต่อไป แต่ได้พัฒนามาเป็นที่ แนะนําสินค้า และสถานที่ที่สามารถซื้อหาได้ หรือที่รู้จัก กันในนามของ Collaborative Shopping Communities อีกด้วย สมาชิกสามารถแชร์เกี่ยวกับเทรนด์ที่มาแรง แฟชั่น ร้านค้าที่ฮอตฮิต นี่เป็น อีก
  • 5. หนึ่งโอกาสสําหรับนักการตลาดที่สามารถ รู้ถึง ความสนใจ และความต้องการของผู้บริโภคได้ตรง กลุ่มเป้าหมาย ดังนั้น Social Network Shopping เว็บไซต์จึงได้กลายมาเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่น่าจับตามอง ในโลกของ Social Network จากการสํารวจ Global Shopping Insight ของบริษัทวิจัย TNS เมื่อ มีนาคม 2008 รายงานว่า Social Network Shopping ดูจะเป็นที่นิยมมากในกลุ่มวัยรุ่นและผู้หญิง เพราะส่วน ใหญ่เป็นเทรนด์แฟชั่น และของสวยๆ งามๆ และหากมาดูยอดใช้บริการ Social Network Shopping ในแต่ละประเทศจีน และสเปน เป็นประเทศที่มีอัตราการใช้บริการและความ สนใจที่จะใช้บริการ Social Net work Shopping ค่อนข้างสูงกว่าประเทศอื่นๆ ในไทยก็มีธุรกิจบาง ธุรกิจก็ได้มีการสร้างเครือข่ายเป็นของตัวเอง อย่างเช่น True ที่สร้าง Minihome หรือ Happyvirus ของดีแทค ซึ่งอาจเป็นอีกช่องทางใหม่ๆ ที่จะใช้เป็นสื่อโฆษณาต่อไปในอนาคต เป็นเครื่องมือทาง การตลาดจากเครือข่ายที่มีขนาดใหญ่ อีกทั้งยังมีข้อมูลของสมาชิกที่จะทําให้สินค้าและการบริการ เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้เป็นอย่างดี เช่นเดียวกับการตลาดที่วัดผลได้ และมีความคุ้มค่ากับการลงทุน (Return of Investment) รวมถึง Point of Sale ที่มีผลต่อให้ผู้บริโภคเปลี่ยนจากการซื้อแบรนด์หนึ่ง เป็นอีกแบรนด์หนึ่งได้ทันที ณ จุดขาย และเป็นการขายผ่าน e-Marketplace สําหรับผู้ที่ต้องการจะ เปิดเว็บไซต์ หรือเปิดหน้าร้านกับ e-Marketplace ทั้งหลาย ก็สามารถทําได้เช่นกัน โดยปัจจุบันมี ตลาดหลายแห่งที่เปิดให้บริการอยู่ เช่น Tarad.com, Shopping.co.th, Weloveshopping.com เป็นต้น ซึ่งการขายสินค้าผ่าน e-Marketplace นั้นจะต้องเข้าไปเป็นสมาชิกก่อน ส่วนการเลือกใช้บริการ เว็บไซต์ร้านค้าสําเร็จรูปก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ช่วยประหยัดเวลาการสร้างหน้าร้านได้ เช่นกัน แม้แต่เว็บดังระดับต้นๆ ของเมืองไทยอย่าง sanook.com และ kapook.com ต่างกระโดดเข้า เล่น Hi5 เต็มตัวและเก็บเกี่ยวผลดีจากยอดคนเข้าเว็บที่เพิ่มขึ้นจากช่องทางใหม่ ในขณะที่ pantip.com ที่เคยเป็นตํานานของเว็บและเว็บบอร์ดเมืองไทยก็เดิมพันอนาคตครั้งใหม่ ด้วยการซุ่ม เงียบแล้วเปิดตัว Social Network ของตัวเอง ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินว่าเว็บไซต์เครือข่ายสังคมจะเป็นช่องทางสร้างโอกาสสําคัญในการ เติบโตของโฆษณาออนไลน์ โดยมีจุดแข็ง คือ (ศูนย์วิจัยกสิกรไทย, เม.ย. 2551) - สามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างชัดเจนและมีประสิทธิภาพ โดยสามารถเจาะ
  • 6. กลุ่มเป้าหมายได้ตามลักษณะของกลุ่มเครือข่ายสังคมที่หลากหลายและซับซ้อน - เป็นการโฆษณาโดยใช้พลังทางเครือข่ายสังคม ซึ่งเป็นลักษณะการบอกต่อปากต่อปาก (Words of Mouth) โดยจะสร้างความน่าเชื่อถือของผลิตภัณฑ์ผ่านการบอกเล่าของสมาชิกในเครือข่าย สังคม ทําให้ลูกค้าไม่รู้สึกถูกบังคับให้ต้องรับฟัง - ผู้ประกอบการสามารถใช้เว็บเครือข่ายสังคมเป็นเครื่องมือการทํา CRM (Customer Relationship Management) ในงานประชาสัมพันธ์ทางการตลาด เนื่องจากจะมีการแสดงความ คิดเห็นผ่านเว็บ ทําให้ผู้ประกอบการรับรู้ Feedback ของกลุ่มเป้าหมายได้อย่างชัดเจน 3. ด้านการเมือง ดังตัวอย่างการใช้สื่อสมัยใหม่ในแข่งขันการเลือกตั้งที่มีส่วนทําให้โอบามา ชนะการเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาคนที่ 44 ซึ่ง Micah Sifry ผู้ร่วมก่อตั้งบล็อก การเมืองออนไลน์ของสหรัฐฯนาม techpresident.com พูดถึงเรื่องนี้ว่า ทั้งหมดเป็นผลมาจากโอ บามามีความเข้าใจเรื่องพลังแห่งเครือข่าย ที่เขาสร้างมาเพื่อสนับสนุนแคมเปญของตัวเอง โดยมอง ว่า โอบามาเข้าใจเรื่องการดึงพลังขององค์กรอิสระที่จะสามารถสนับสนุนแคมเปญของเขาเอง ด้วย นอกจากนี้ David Almacy ซึ่งเป็นหนึ่งในทีมให้บริการอินเทอร์เน็ตและการสื่อสารผ่านระบบ เครือข่ายในทําเนียบขาวตั้งแต่เดือนมีนาคม 2005 ถึงเดือนพฤษภาคม ปี 2007 มองว่า โอบามาเข้าใจ แนวคิดการสื่อสารระหว่างชุมชนออนไลน์ตั้งแต่แรกเริ่ม ทําให้โอบามาเน้นการส่งข้อความ Twitter แทนที่จะตรวจหน้า Facebook อย่างเดียวทุกวัน และความเข้าใจพลังเรื่องการสื่อสารระหว่างคน หลายชุมชนนี้เองที่ทําให้โอบามาทําแคมเปญได้ดีกว่าแม้คู่แข่งจะใช้กลยุทธ์หาเสียงออนไลน์ เช่นเดียวกัน ผลกระทบทางลบของบริการ SNS อย่างไรก็ตาม SNS ก็เป็นบริการออนไลน์ที่ส่งผลต่อชีวิตทางลบมนุษย์ได้เหมือนกัน ดังนี้ 1. เสียเวลา บริการ SNS มีมากเกินไป อีกทั้งยังเล่นคล้าย ๆ กัน งานการไม่ต้องทํา จึงเสียเวลา ไปกับเรื่องพวกนี้ สุดท้ายไม่รู้จักใครเพิ่มขึ้นเลยสักคน เพราะเป็นความสัมพันธ์เพียงฉาบฉวย ขาด การสื่อสารระหว่างบุคคลแบบเผชิญหน้าที่แท้จริง ไม่ได้ต้องการรู้จักกันจริง บางทีบางคนมาขอ
  • 7. แอ๊ด (ใส่) ไว้เฉย ๆ เพราะอยากมีจํานวน"เพื่อน"เพิ่มเยอะๆ ไว้โชว์ สังคมออนไลน์อาจเสื่อมลงได้ 2. กําลังตกเป็นเหยื่อ นักการตลาดยุคใหม่เริ่มเห็นอิทธิพลของเครือข่ายทางสังคมแบบนี้ เริ่ม พยายามมองว่าจะเข้าแทรกซึมถึงกลุ่มลูกค้าได้อย่างไร ยุทธวิธีอย่าง viral marketing การสร้าง buzz word เริ่มมีให้ได้ยินเยอะขึ้นเรื่อย ๆ บางผลิตภัณฑ์เริ่มทําตัวเนียนแทรกตัวกลมกลืนไปใน SNS ต่างๆ อย่างใน Hi5 ที่มีคนไทยอยู่นับล้าน เรียกได้ว่าพลังปากต่อปากของคนบนเน็ตแรงและเร็วเลย ทีเดียว 3. ไม่มีประโยชน์ จากการต้องทําอะไรเดิม ๆ ซ้ําหลาย ๆ ครั้ง แม้ความสวยงามของ SNS คือการ เชื่อมโยงผู้คนเข้าหากัน แต่ลิงค์เหล่านั้นไม่มีความหมายอะไรอย่างที่ได้กล่าวไปข้างต้น มันไม่มีเหตุ มีผล และไม่สามารถอธิบายได้ว่า ทําไมคนนี้ถึงเชื่อมต่อกับคนคนนั้น ทําไมไม่เป็นคนอื่นหละ ลองนึกภาพทุกวันนี้ มีกลุ่มทางสังคมที่ซับซ้อนมากแค่ไหน เพราะมีทั้งกลุ่มเพื่อนร่วมงาน เพื่อน สนิท เพื่อนสมัยมัธยมปลาย เพื่อนประถม เพื่อนที่ทํางานเก่า เพื่อนแฟน เพื่อนแฟนเก่า เพื่อนกิ๊ก เพื่อนเล่นเอ็ม เพื่อนเล่นเกมออนไลน์ ญาติพี่น้อง ฯลฯ แต่อย่างไรก็ตามWeb 3.0 หรือ Semantic Web อาจจะเป็นคําตอบให้กับปัญหานี้ เพราะ Semantic web มีกระบวนการในการเชื่อมโยงผู้คน และวัตถุต่างๆ เข้าด้วยกันโดยมีการระบุความหมายระหว่างลิงค์นั้นๆ ในอนาคตจากการค้นเข้าไป ใน SNS อาจจะหาได้ว่า นักศึกษาอเมริกันคนไหนที่พูดภาษาไทยได้และมีความสัมพันธ์เป็นญาติ หรือเป็นเพื่อนสนิทกับคนที่เรารู้จัก โดยที่ตอนนี้กําลังเรียนอยู่ในมหาวิทยาลัยแถบซิลิคอนวัลเลย์ มี งานดิเรก มีความสนใจคล้ายๆ กัน และที่สําคัญมีเวลาว่างในช่วงที่จะบินไปสัมมนาในซานฟรานซิส โก จะได้ส่ง message ไปนัดเจอกันเพื่อคุยแลกเปลี่ยนทัศนะเกี่ยวกับงานวิจัยที่ทําอยู่ สรุป เทคโนยีสมัยใหม่เหมือนเหรียญ 2 ด้าน หรือดาบ 2 คม มีทั้งประโยชน์และเป็นช่องทางของผู้ แสวงหาประโยชน์จากผู้ใช้ SNS แนวทางการป้องกันและแก้ไขปัญหาสังคมที่จะเกิดขึ้น คือ การ ใช้แนวทางจริยธรรม ที่ผู้ให้บริการและผู้ใช้จะต้องระมัดระวังไม่สร้างความเดือดร้อนต่อผู้อื่นและ ก็ตั้งใจที่จะทํากิจกรรมต่าง ๆ เพื่อเป็นประโยชน์อยู่เสมอ ผู้ใช้ต้องสร้างความเข้มแข็งให้ตนเอง คือ ไม่ลุ่มหลงต่อกิจกรรมใดกิจกรรมหนึ่งมากเกินไป ควรสร้างความเข้มแข็งให้กับสังคมชุมชน เช่น
  • 8. การติดตั้งระบบเพื่อกลั่นกรองข้อมูลที่ไม่เหมาะสมกับเด็กและเยาวชน การให้ความรู้เรื่องภัย อันตรายจากอินเตอร์เน็ต แนวทางการเข้าสู่มาตรฐานการบริการจัดการให้บริการเทคโนโลยี สารสนเทศ เช่น มีการกําหนดเรื่องความมั่นคงปลอดภัยที่เกี่ยวข้องกับบุคลากร ความมั่นคงปลอดภัย ทางด้านกายภาพและสิ่งแวดล้อมขององค์กร การควบคุมการเข้าถึง และใช้แนวทางบังคับใช้ด้วย กฎหมาย http://ngnforum.ntc.or.th/index.php?option=com_content&task=view&id=76&Itemid=1 2.2.3 ประเภทเว็บไซต์ที่ให้บริการ Social Media (1) Blog – ซึ่งเป็นการลดรูปจากคําว่า Weblog ซึ่งถือเป็นระบบจัดการเนื้อหา (Content Management System: CMS) รูปแบบหนึ่ง ซึ่งทําให้ผู้ใช้สามารถเขียนบทความเรียกว่า Post และทําการเผยแพร่ได้โดยง่าย ไม่ยุ่งยากในการที่จะต้องมานั่งเรียนรู้ถึงภาษา HTML หรือ โปรแกรมทํา web site ทั้งนี้การเรียงของเนื้อหาจะเรียงจากเนื้อหาที่มาใหม่สุดก่อน จากนั้นก็ลดหลั่น ลงไปตามลําดับของเวลา (Chronological Order) การเกิดของ Blog เปิดโอกาสให้ใครๆที่มี ความสามารถในด้านต่างๆ สามารถเผยแพร่ความรู้ดังกล่าวด้วยการเขียนได้อย่างเสรี ไม่มีขีดจํากัด เรื่องเทคนิคอย่างในอดีตอีกต่อไป ทําให้เกิด Blog ขึ้นมาจํานวนมากมาย และเพิ่มเนื้อหาให้กับโลก ออนไลน์ได้เป็นจํานวนมหาศาลอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน นอกจากนี้เครื่องมือที่สําคัญที่ทําให้เกิด ลักษณะของ Social คือการเปิดให้เพื่อนๆเข้ามาแสดงความเห็นได้นั่นเอง ในแง่ของการตลาด Blog อาจจะถูกนํามาใช้ได้ใน 2 รูปแบบ คือ การที่บริษทจัดทํา Blog (Corporate ั Blog) ขึ้นมาเพื่อพูดจากับบรรดาลูกค้า และ Blog ที่เขียนจาก Blogger อิสระ ที่มีความสามารถเขียน เรื่องที่ตนถนัดและมีผู้ติดตามจํานวนมาก จนกลายเป็น Marketing Influencer (2) Twitter และ Microblog อื่นๆ – เป็นรูปแบบหนึ่งของ Blog ที่จํากัดขนาดของการ Post แต่ละครั้ง ไว้ที่ 140 ตัวอักษร โดยแรกเริ่มเดิมที ผู้ออกแบบ Twitter ต้องการให้ผู้ใช้เขียนเรืองราวว่าคุณกําลัง ่ ทําอะไรอยู่ในขณะนี้ (What are you doing?) แต่กิจการต่างๆกลับนํา Twitter ไปใช้ในทางธุรกิจ ไม่ ว่าจะเป็นการสร้างการบอกต่อ เพิ่มยอดขาย สร้าง Brand หรือเป็นเครื่องมือสําหรับการบริหาร ความสัมพันธ์ลูกค้า (CRM) ทั้งนี้เรายังสามารถใช้เป็นเครื่องมือในการประชาสัมพันธ์บทความ
  • 9. ใหม่ๆบน Blog ของเราได้ด้วย Twitter นั้นเป็นนิยมขึ้นมากอย่างรวดเร็ว จนทําให้เว็บไซต์ประเภท Social Network ต่างๆ เพิ่ม Feature ที่ให้ผู้ใช้สามารถบอกได้ว่าตอนนี้กําลังทําอะไรกันอยู่ นั้นก็คือ การนํา Microblog เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งด้วยนั้นเอง (3) Social Networking – จากชื่อก็สามารถแปลความหมายได้ว่าเป็นเครือข่ายที่เชื่อมโยงเรากับ เพื่อนๆจนกลายเป็นสังคม ทั้งนี้ผู้ใช้จะเริ่มต้นสร้างตัวตนของตนเองขึ้นในส่วนของ Profile ซึ่งประ กกอบด้วยข้อมูลส่วนตัว (Info) รูป (Photo) การจดบันทึก (Note) หรือการใส่วิดีโอ (Video) และ อื่นๆ นอกจากนี้ Social Networking ยังมีเครื่องมือสําคัญในการสร้างจํานวนเพื่อนให้มากขึ้น คือ ใน ส่วนของ Invite Friend และ Find Friend รวมถึงการสร้างเพื่อนจากเพื่อนของเพื่อนอีกด้วย นักการตลาดนํา Social Networking มาใช้ในการมีปฏิสัมพันธ์กับลูกค้า อาจจะอยู่ในรูปของการ สร้าง Brand ผ่านเกมส์หรือ Application ต่างๆ หรืออาจใช้เป็นเครื่องมือของ CRM ผ่านทาง Pages และนอกจากนี้ตัวลูกค้าเอง หากชื่นชอบในสินค้าหรือบริการ ก็สามารถร่วมกลุ่มกันจัดตั้ง Group ขึ้นมาได้ เว็บไซต์ที่มีลักษณะของ Social Networking มีมากมาย แต่อาจจะแบ่งได้เป็น 2 ประเภท คือ ประเภท แรกจะสนใจในการสร้างเครือข่ายระหว่างเพื่อนๆหรือครอบครัว เช่น Facebook, Hi5 หรือ Myspace และอีกประเภท คือสนใจในการสร้างเครือข่ายในเชิงธุรกิจ ที่เปิดให้ใส่ Resume และข้อมูลเชิง อาชีพต่างๆ เช่น Linkedin หรือ Plaxo เป็นต้น (4) Media Sharing – เป็นเว็บไซต์ที่เปิดโอกาสให้เราสามารถ upload รูปหรือวิดีโอเพื่อแบ่งปัน ให้กับครอบครัว เพื่อนๆ หรือแม้กระทั่งเพื่อเผยแพร่ต่อสาธารณชน นักการตลาด ณ ปัจจุบันไม่ จําเป็นจะต้องทุ่มทุนในการสร้างหนังโฆษณาที่มีต้นทุนสูง เราอาจจะใช้กล้องดิจิตอลราคาถูกๆ ถ่ายทอดความคิดเป็นรูปแบบวิดีโอ จากนั้นนําขึ้นไปสู่เว็บไซต์ Media Sharing อย่าง Youtube หาก ความคิดของเราเป็นที่ชื่นชอบ ก็ทําให้เกิดการบอกต่ออย่างแพร่หลาย หรือกรณีหากกิจการคุณขาย สินค้าที่เน้นดีไซน์ที่สวยงาม ก็อาจจะถ่ายรูปแล้วนําขึ้นไปสู่เว็บไซต์อย่าง Flickr เพื่อให้ลูกค้าได้ชม หรืออาจจะใช้เป็นเครื่องมือในการนําชมโรงงาน หรือบรรยากาศในการทํางานของกิจการ เป็นต้น
  • 10. หรืออย่างกรณีของ Multiply ที่คนไทยนิยมนํารูปภาพที่ตนเองถ่ายมาแสดงฝีมือ เหมือนเป็นแกลลอ รีส่วนตัว ทําให้ผู้ว่าจ้างได้เห็นฝีมือก่อนที่จะทําการจ้าง (5) Social News and Bookmarking – เป็นเว็บไซต์ที่เชื่อมโยงไปยังบทความหรือเนื้อหาใดใน อินเทอร์เน็ต โดยผู้ใช้เป็นผู้ส่งและเปิดโอกาสให้คะแนนและทําการโหวตได้ เป็นเสมือนมหาชน ช่วยกลั่นกรองว่าบทความหรือเนื้อหาใดนั้นเป็นที่น่าสนใจที่สุด ในส่วนของ Social Bookmarking นั้น เป็นการที่เปิดโอกาสให้คุณสามารถทําการ Bookmark เนื้อหาหรือเว็บไซต์ที่ชื่นชอบ โดยไม่ ขึ้นอยู่กับคอมพิวเตอร์เครื่องใดเครื่องหนึ่ง แต่สามารถทําผ่านออนไลน์ และเนื้อหาในส่วนที่เราทํา Bookmark ไว้นี้ สามารถที่จะแบ่งปันให้คนอื่นๆได้ด้วย นักการตลาดจะใช้เป็นเครื่องมือในการบอก ต่อและสร้างจํานวนคนเข้ามายังที่เว็บไซต์หรือ Campaign การตลาดที่ต้องการ (6) Online Forums – ถือเป็นรูปแบบของ Social Media ที่เก่าแก่ที่สุด เป็นเสมือนสถานที่ที่ให้ผู้คน เข้ามาพูดคุยในหัวข้อที่พวกเขาสนใจ ซึ่งอาจจะเป็นเรื่อง เพลง หนัง การเมือง กีฬา สุขภาพ หนังสือ การลงทุน และอื่นๆอีกมากมาย ได้ทําการแลกเปลี่ยนความคิดเห็น แสดงข้อมูลข่าวสาร ตลอดจนถึง การแนะนําสินค้าหรือบริการต่างๆ นักการตลาดควนสนใจเนื้อหาที่พูดคุยใน Forums เหล่านี้ เพราะ บางครั้งอาจจะเป็นคําวิจารณ์เกี่ยวกับตัวสินค้าและบริการของเรา ซึ่งเราเองสามารถเข้าไปทําความ เข้าใจ แก้ไขปัญหา ตลอดจนถึงใช้สร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้า เว็บไซต์ประเภท Forums อาจจะ เป็นเว็บไซต์ที่เปิดให้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันโดยเฉพาะ หรืออาจจะเป็นส่วนหนึ่งในเว็บไซต์ เนื้อหาต่างๆ http://www.doctorpisek.com/pisek/?p=718 2.3 เว็บบล็อก (WebBlog) 2.3.1 ความหมายของเว็บบล็อก (WebBlog) บล็อก (blog) เป็นคํารวมมาจากคําว่า เว็บล็อก (weblog) เป็นรูปแบบเว็บไซต์ประเภท หนึ่ง ซึ่งถูกเขียนขึ้นในลําดับที่เรียงตามเวลาในการเขียน ซึ่งจะแสดงข้อมูลที่เขียนล่าสุดไว้แรกสุด
  • 11. บล็อกโดยปกติจะประกอบด้วย ข้อความ ภาพ ลิงก์ ซึ่งบางครั้งจะรวมสื่อต่างๆ ไม่ว่า เพลง หรือ วิดีโอในหลายรูปแบบได้ จุดที่แตกต่างของบล็อกกับเว็บไซต์โดยปกติคือ บล็อกจะเปิดให้ผู้เข้ามา อ่านข้อมูล สามารถแสดงความคิดเห็นต่อท้ายข้อความที่เจ้าของบล็อกเป็นคนเขียน ซึ่งทําให้ผู้เขียน สามารถได้ผลตอบกลับโดยทันที คําว่า "บล็อก" ยังใช้เป็นคํากริยาได้ซึ่งหมายถึง การเขียนบล็อก และนอกจากนี้ผู้ที่เขียนบล็อกเป็นอาชีพก็จะถูกเรียกว่า "บล็อกเกอร์" บล็อกเป็นเว็บไซต์ที่มีเนื้อหาหลากหลายขึ้นอยู่กับเจ้าของบล็อก โดยสามารถใช้เป็นเครื่องมือ สื่อสาร การประกาศข่าวสาร การแสดงความคิดเห็น การเผยแพร่ผลงาน ในหลายด้านไม่ว่า อาหาร การเมือง เทคโนโลยี หรือข่าวปัจจุบัน นอกจากนี้บล็อกที่ถูกเขียนเฉพาะเรื่องส่วนตัวหรือจะเรียกว่า ไดอารีออนไลน์ ซึ่งไดอารีออนไลน์นี่เองเป็นจุดเริ่มต้นของการใช้บล็อกในปัจจุบัน นอกจากนี้ตาม บริษัทเอกชนหลายแห่งได้มีการจัดทําบล็อกของทางบริษัทขึ้น เพื่อเสนอแนวความเห็นใหม่ใหักับ ลูกค้า โดยมีการเขียนบล็อกออกมาในลักษณะเดียวกับข่าวสั้น และได้รับการตอบรับจากทางลูกค้าที่ แสดงความเห็นตอบกลับเข้าไป เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ เว็บค้นหาบล็อกเทคโนราตี ได้อ้างไว้ว่าปัจจุบันในอินเทอร์เน็ต มีบล็อกมีมากกว่า 94 ล้านบล็อกทั่ว โลก [1](ข้อมูล ส.ค. 2550) ความนิยม บล็อกได้เริ่มมีบทบาทมากขึ้นในปัจจุบันในวงการสื่อมวลชนในหลายประเทศ เนื่องจากระบบแก้ไข ที่เรียบง่าย และสามารถตีพิมพ์เรื่องราวได้โดยไม่ต้องใช้ความรู้ในการเขียนเว็บไซต์ โดย นอกเหนือจากที่ผู้เขียนข่าวส่งผลงานให้กับทางสื่อแล้ว ยังได้มาเขียนข่าวในอีกช่องทางหนึ่งในการ เผยแพร่ข้อมูล หรือแนวความคิด โดยการเขียนบล็อกสามารถเผยแพร่ข้อมูลสู่ประชาชนได้รวดเร็ว และเสียค่าใช้จ่ายน้อยกว่า สื่อในด้านอื่น ข่าวที่นิยมในการเขียนบล็อกต่อสื่อมวลชน ส่วนใหญ่จะ เป็นในลักษณะเรื่องซุบซิบวงการดารา ข่าวการเคลื่อนไหวทางการเมือง เป็นต้น
  • 12. จากความนิยมที่มากขึ้น ทําให้หลายเว็บไซต์เปิดให้มีส่วนการใช้งานบล็อกเพิ่มขึ้นมาในเว็บของ ตนเอง เพื่อเรียกให้มีการเข้าสู่เว็บไซต์มากขึ้นทั้งผู้เขียนและผู้อ่าน การใช้งานบล็อก ผู้ใช้งานบล็อกจะแก้ไขและบริหารบล็อกผ่านทางเว็บเบราว์เซอร์เหมือนการใช้งานและอ่านเว็บไซต์ ทั่วไป โดยจะมีรูปแบบบริหารบล็อกที่แตกต่างกัน เช่นบางระบบที่มีบรรณาธิการของบล็อก ผู้เขียน หลายคนจะส่งเรื่องเข้าทางบล็อก และจะต้องรอให้บรรณาธิการอนุมัติให้บล็อกเผยแพร่ก่อน บล็อก ถึงจะแสดงผลในเว็บไซต์นั้นได้ ซึ่งจะแตกต่างจากบล็อกส่วนตัวที่จะให้แสดงผลได้ทันที ผู้เขียนบล็อกในปัจจุบันจะใช้งานบล็อกในรูปแบบใดรูปแบบหนึ่งไม่ว่า ติดตั้งซอฟต์แวร์ของตัวเอง หรือใช้งานบล็อกผ่านทางเว็บไซต์ที่ให้บริการบล็อก สําหรับผู้อ่านบล็อกจะใช้งานได้ในลักษณะเหมือนอ่านเว็บไซต์ทั่วไป และสามารถแสดงความเห็น ได้ในส่วนท้ายของแต่ละบล็อกโดยอาจจะต้องผ่านการลงทะเบียนในบางบล็อก นอกจากนี้ผู้อ่าน บล็อกสามารถอ่านบล็อกได้ผ่านระบบฟีด ซึ่งมีให้บริการในบล็อกทั่วไป ทําให้ผู้ใช้สามารถอ่าน บล็อกได้โดยตรง ผ่านโปรแกรมตัวอื่นโดยไม่จําเป็นต้องเข้ามาสู่หน้าบล็อกนั้น บล็อกซอฟต์แวร์ บล็อกซอฟต์แวร์ หรือ บล็อกแวร์ เป็นซอฟต์แวร์ที่ใช้ในอินเทอร์เน็ต ในลักษณะของระบบจัดการ เนื้อหาเว็บ ที่ผู้พัฒนาซอฟต์แวร์และผู้เขียนหรือดูแลบล็อกจะแยกจากกันต่างหาก ส่งผลให้ผู้เขียน บล็อกสามารถใช้งานได้ทันทีโดยไม่ต้องมีพื้นฐานความรู้ในด้านเอชทีเอ็มแอล หรือการทําเว็บไซต์ แต่อย่างใด ทําให้ผู้เขียนบล็อกสามารถใช้เวลาส่วนใหญ่ในการ บริหารจัดการ เพิ่มเติม ข้อมูลและ สารสนเทศแทนได้ นอกจากนี้บล็อกซอฟต์แวร์จะสนับสนุน ระบบ WYSIWYG ซึ่งทําให้ง่ายต่อ การเขียน และอาจเพิ่มเติมการมีเทมเพลตในหลายแบบให้เลือกใช้
  • 13. ซอฟต์แวร์ส่วนใหญ่สามารถดาวน์โหลดและติดตั้งได้ทันทีโดยผู้ใช้ ซึ่งซอฟต์แวร์บางส่วนเป็น ซอฟต์แวร์โอเพนซอร์ส ซึ่งเป็นซอฟต์แวร์ที่ไม่สงวนลิขสิทธิ์ ซึ่งผู้พัฒนาสามารถนํามาปรับแก้ เป็น ของตนเอง ติดตั้งไว้ใช้เป็นบล็อกส่วนตัว หรือเผยแพร่ให้คนอื่นมาใช้งานได้ ส่วนซอฟต์แวร์ ลิขสิทธิ์นั้น จะมีทั้งในรูปแบบที่ให้ใช้งานแบบเสียค่าใช้จ่ายหรือให้ใช้งานฟรี http://touchbluelife.exteen.com/20080108/blog-weblog 2.3.2 ประเภทของเว็บบล็อก บล็อกมีด้วยกันหลายชนิด แต่ละชนิดมีข้อมูลที่แตกต่างกันไปทั้งผู้เขียนและ ผู้เข้าชม โดยบล็อกจะเน้นไปที่เรื่องต่างๆ เช่น learner blogs, political blogs, travel blogs, fashion blogs, project blogs,legal blogs และอื่นๆบล็อกที่เราเห็นอยู่ในปัจจุบันนี้ ใช่มีเพียงแค่บล็อกที่เป็น ตัวหนังสือและรูปภาพเท่านั้น หรือ มีแค่ออนไลน์ไดอารี่ เราแบ่งบล็อกออกได้ ดังต่อไปนี้ 1. แบ่งตามลักษณะของมีเดียที่มีในบล็อกได้แก่ 1.1. Linklog บล็อกแบบเป็นบล็อกรุ่นแรก ๆ ที่รวมลิ๊งก์ที่เจ้าของบล็อกสนใจเอาไว้ แม้ว่าจะ บล็อกแบบนี้จะเป็นการรวมลิ๊งก์เท่านั้น แต่ก็ไ ม่เรียงเหมือนว็บไดเร็กทอรี่ เพราะเจ้าของบล็อกจะ โพสต์ลิ๊งก์ของเขา 1 – 2 ลิ๊งก์ต่อโพสต์เท่านั้น 1.2 Photoblog บล็อกประเภทนี้เน้นโพสต์ภาพถ่ายที่เจ้าของบล็อกอยากนําเสนอ และมักจะ ไม่เน้นเขียนข้อความมากนัก 1.3. Vlog ย่อมาจาก Videoblog เป็นบล็อกที่รวมวิดีโอคลิปไว้ในบล็อก Vlog เป็นบล็อกที่ เรียกได้ว่าเป็นบล็อกที่นิยมทํากันมากในอนาคต เพราะการเจริญเติบโตของไฮสปีด อินเตอร์เน็ต หรือ อินเตอร์เน็ตบอร์ดแบนด์ ที่ทําให้การถ่ายทอดเสียง ภาพเคลื่อนไหว movie
  • 14. 2.แบ่งตามประเภทเนื้อหา ได้แก่ 2.1 บล็อกส่วนตัว(Personal Blog) นําแสนอความคิดเห็น กิจวัตรประจําวันของเจ้าของบล็อก เป็นหลัก 2.2 บล็อกข่าว(News Blog) บล็อกที่นําเสนอข่าวเป็นหลัก 2.3 บล็อกกลุ่ม(Collaborative Blog) เป็นบล็อกที่เขียนกันเป็นกลุ่ม เช่น blognone.com 2.4 บล็อกการเมือง(Politic Blog) ว่าด้วยเรื่องการเมืองล้วน ๆ 2.5 บล็อกเพื่อสิ่งแวดล้อม(Environment Blog) พูดถึงเรื่องราวของธรรมชาติและการรักษา สิ่งแวดล้อม 2.6 มีเดียบล็อก(Media Blog) เป็นบล็อกที่วิเคราะห์สื่อต่างๆ สารคดีและสิ่งที่เกี่ยวกับสื่อ เช่น oknation.net/blog/black ของสุทธิชัย หยุ่น 2.7 บล็อกบันเทิง(Entertainment Blog) บล็อกที่นําเสนอเรื่องราวบันเทิงทั้งทางจอแก้ว และ จอเงิน เรื่องซุบซุดารา กองถ่าย ฯลฯ 2.8 บล็อกเพื่อการศึกษา(Educational Blog) ในโรงเรียน หรือมหาวิทยาลัยในต่างประเทศ มักจะใช้บล็อกเป็นสื่อในการสอนหรือ แลกเปลี่ยนความคิดกัน 2.9 ติวเตอร์บล็อก(Tutorial Blog) เป็นบล็อกที่นําเสนอวิธีการต่าง 3.แบ่งตามรูปแบบของเนื้อหาเฉพาะที่เห็นเด่นชัด 3.1 Filter Blog เป็นบล็อกที่ผู้จัดทํา จะใช้สําหรับนําเสนอแหล่งข้อมูลที่ตนสนใจ (เว็บเพจ หรือเว็บไซต์) โดยปกติมักจะเป็นข่าว บทความ หรือความคิดเห็นของบุคคลในวงการที่เผยแพร่ใน
  • 15. เว็บไซต์ต่าง ๆ อาจเรียกได้ว่า เป็น บล็อก “Bookmark” หรือ มีชื่อเฉพาะ ว่า Social Bookmarkบล็อก ลักษณะนี้ จะนําเสนอแค่หัวข้อเรื่อง และ URL ของเว็บเพจหรือเว็บไซต์ บางทีอาจเพิ่มคําอธิบายเว็บ เพจหรือเว็บไซต์นั้น ๆ ได้ด้วย และบางที่อาจจะสามารถเพิ่มความคิดเห็นของผู้จัดทําบล็อกได้อีก ด้วย เป็นเหมือนการกลั่นกรองข้อมูลให้ทราบว่าเว็บเพจหรือเว็บไซต์ใดกําลังได้รับความนิยม ซึ่งจะ เป็นการช่วยจัดลํ าดับความน่าเชื่ อถือของเว็บเพจหรือเว็บไซต์นั้น ๆ ได้เช่ นกัน ตัวอย่างบล็ อก ลักษณะนี้ได้แก่ http://del.icio.us/ เป็นต้น 3.2 Personal Journal Blog เป็นบล็อกที่ผู้จัดทํา จะใช้สําหรับนําเสนอความคิดเห็นหรือ ประสบการณ์ของตนเองผ่านข้อเขียน โดยอาจจะมีภาพประกอบ หรือมีการเชื่อมโยงออกไปยัง เว็บไซต์อื่น ๆ เพื่อให้ข้อมูลดูน่าเชื่อถือหรือมีความน่าสนใจมากยิ่งขึ้น ซึ่งบล็อกลักษณะนี้ เป็น บล็อกตามความเข้าใจของบุคคลทั่วไป ตัวอย่างบล็อกลัก ษณะนี้ได้แก่ http://www.exteen.comหรือ http://www.blogger.com เป็นต้น 3.3 Photo Blog เป็นบล็อกที่ใช้สําหรับเก็บภาพ (ภาพถ่าย, ภาพวาด ฯลฯ) และสามารถใส่ รายละเอียดของภาพ ใส่คําค้น (tag) ได้ ทําให้การเก็บภาพเป็นระบบและง่ายต่อการค้นหามากขึ้น ตัวอย่างบล็อกลักษณะนี้ได้แก่ http://www.flickr.com เป็นต้น 3.4 Video Blog หรือ เรียกว่า Vlog เป็นบล็อกที่ใช้สําหรับเก็บวีดิทัศน์ส่วนตัว สามารถใส่ รายละเอียดของวีดิทัศน์ ใส่คําค้น (tag) ได้ ทําให้การเก็บวีดิทัศน์เป็นระบบและง่ายต่อการค้นหา มากขึ้น ตัวอย่างบล็อกลักษณะนี้ได้แก่ http://www.aolvideoblog.com เป็นต้น 3.5 บล็อกผสม มีลักษณะเป็นบล็อกที่สามารถเก็บข้อมูลต่าง ๆ ได้หลายประเภท ทั้งเก็บรูปภาพ เก็บ เพลง เก็บวีดิโอ เก็บลิงค์ (link) ต่าง ๆ หรือบันทึกประจําวัน และใส่ปฏิทินรายการงานที่ต้องทํา ฯลฯ ได้ด้วย ปัจจุบันเป็นบริการที่ได้รับความนิยมสูงมาก โดยมีชื่อเฉพาะด้วย เรียกว่าSocial Network Service ซึ่งนอกจากจะมีจุดประสงค์เพื่อให้สมาชิกแลกเปลี่ยนข้อมูลต่าง ๆ กันแล้ว ก็ยังมี
  • 16. จุดประสงค์หลักเพื่อการค้นหาและสะสมเพื่อนจากทั่วโลก ตัวอย่าง Social NetworkingWebsites ซึ่ง ให้บริการลักษณะนี้ ได้แก่ http://hi5.com หรือ http://multiply.com หรือhttp://spaces.live.com เป็น ต้น (ซึ่งปัจจุบัน คําว่า blog ใน Social Networking Websites นั้นจะกลายเป็นแค่ส่วนที่ใช้เขียน ข้อความเช่นบันทึกประจําวันแต่เพียงอย่างเดียวเท่านั้น และยังอาจใช้คําว่า journal แทนคําว่า blog ด้วย แต่เนืองจากบริการนี้ เป็นการรวมเอาบล็อกลักษณะต่าง ๆที่เคยมี มาอยู่ในที่เดียว ทําให้ผู้ใช้งาน ่ ได้รับความสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น เพราะเพียงแค่เปิดใช้บริการที่เดียว ก็ได้ใช้บริการครบถ้วน ไม่ ต้องเสียเวลาไปสมัครใช้งานจาก เว็บไซต์หลายที่ให้จดจํายากอีกด้วย http://th.wikipedia.org/wiki/ 2.3.3 เว็บไซต์ที่ให้บริการเว็บบล็อก Weblog เว็บล็อก หรือที่เรียกกันว่า Blog บล็อก ปัจจุบันน่าจะเป็นที่รู้จักกันดี ซึ่งคํานี้ น่าจะมาจาก web = เว็บไซต์ log = การบันทึกเรื่องราวตามลําดับเวลา weblog น่าจะหมายถึงเว็บไซต์ที่เป็นการนําเสนอเรื่องราวต่างๆ ตามลําดับเวลา ซึ่งเมื่อก่อน น่าจะรู้จักกันในรูปแบบของไดอารี่ออนไลน์ ซึ่ง blog น่าจะเริ่มมาจากการเขียนไดอารี่ออนไลน์ รูปแบบการเขียนหรือการนําเสนอเรื่องราวต่างๆ ก็จะแล้วแต่คนเขียน Blog ว่าจะนําเสนออะไร ปัจจุบันมีคนนิยมเขียน Blog เพิ่มมากขึ้น ซึ่งก็มีเว็บไซต์ต่างๆ ที่ให้บริการ Blog จํานวนมาก ทําให้ผู้ที่คิดจะมีเว็บไซต์เป็นของตนเอง ไม่ต้องยุ่งยากในการติดตั้ง เช่า Host ให้เปลืองเงิน ซึ่งมีเว็บไซต์ที่ให้บริการ Blog ฟรีอยู่มากมาย สามารถเลือกสมัครใช้งานได้ตามที่ต้องการ
  • 17. อย่างที่เราคุ้นๆ อยู่ก็มี windows live space wordpress myspace blogger (ของ google) ของไทยก็.. bloggang (ของ pantip.com) exteen OKNation และอื่นๆ อีกมากมาย ส่วนใหญ่ที่บอกมาด้านบนก็เป็นสมาชิกแล้วเกือบทั้งนั้น วันนี้เลยจะมาแนะนําการสมัคร Blog ในเว็บไซต์ wordpress.com กัน ซึ่ง Software ที่เว็บไซต์นี้ใช้ทํา Blog แน่นอนเป็นอย่างอื่นไม่ได้นอกจาก Wordpress (ช่วงนี้รู้สึกจะเขียนเรื่อง wordpress บ่อย) ที่มาก็เนื่องมาจากวันก่อนให้เด็กๆ สมัคร Blog ก็เลยมีคนนึงแนะนํา wordpress.com ซึ่งน่าสนใจ และการใช้งานก็เหมือนกับ wordpress เพียงแต่ไม่ต้องยุ่งยากในการลง ย้าย ไม่ต้องหา Host เพียงแค่สมัครสมาชิกก็ใช้งานได้ เหมือนๆ กับผู้ให้บริการ Weblog โดยทั่วไปนั่นเอง wordpress.com ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่ง http://bombik.com/tag/ 2.3.4 ประวัติของเว็บไซต์ Wordpress เว็บไซต์นี้ จะแนะนําถึงวิธี การใช้ WordPress ตั้งแต่พื้นฐานเริ่มต้น ไปจนถึงการเพิ่มเทคนิคลูกเล่น ต่าง ๆ แต่ก่อนที่จะไปเรียนรู้กัน เราควรมารู้จักก่อนว่า WordPress คือ อะไร
  • 18. WordPress คือ โปรแกรมสําเร็จรูปตัวหนึ่ง ที่เอาไว้สําหรับสร้าง บล็อก หรือ เว็บไซต์ สามารถใช้ งานได้ฟรี ถูกจัดอยู่ในประเภท CMS (Contents Management System) ซึ่งหมายถึง โปรแกรม สําเร็จรูปที่มีไว้สําหรับสร้างและบริหารจัดการเนื้อหาและข้อมูลบนเว็บไซต์ WordPress ได้รับการพัฒนาและเขียนชุดคําสั่งมาจากภาษา PHP (เป็นภาษาโปรแกรมมิ่งตัวหนึ่ง) ทํางานบนฐานข้อมูล MySQL ซึ่งเป็นโปรแกรมสําหรับจัดการฐานข้อมูล มีหน้าที่เก็บ เรียกดู แก้ไข เพิ่มและลบข้อมูล การใช้งานWordPress ร่วมกับ MySQL อยู่ภายใต้สัญญาอนุญาตใช้งานแบบ GNU General Public License WordPress ปรากฏโฉมครั้งแรกในโลกเมื่อปี พ.ศ. 2546 (2003) เป็นความร่วมมือกันระหว่าง Matt Mullenweg และ Mike Littlej มีเว็บไซต์หลักอยู่ที่ http://wordpress.org และยังมีบริการ Free Hosting (พื้นที่สําหรับเก็บทุกอย่างของเว็บ/บล็อก) โดยขอใช้บริการได้ที่ http://wordpress.com ปัจจุบันนี้ WordPress ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว จนมีผู้ใช้งานมากกว่า 200 ล้านเว็บ บล็อกไปแล้ว แซงหน้า CMS ตัวอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็น Drupal , Mambo และ Joomla สาเหตุเป็นเพราะ ใช้งานง่าย ไม่จําเป็นต้องมีความรู้ในเรื่อง Programing มีรูปแบบที่สวยงาม อีกทั้งยังมีผู้พัฒนา Theme (รูปแบบการแสดงผล) และ Plugins (โปรแกรมเสริม) ให้เลือกใช้ฟรีอย่างมากมาย นอกจากนี้ สําหรับนักพัฒนา WordPress ยังมี Codex เอาไว้ให้เราได้เป็นไกด์ไลน์ เพื่อศึกษา องค์ประกอบส่วนต่าง ๆ ที่อยู่ภายใน สําหรับพัฒนาต่อยอด หรือ นําไปสร้าง Theme และ Plugins ขึ้นมาเองได้อีกด้วย หนําซ้ํา ยังมีรุ่นพิเศษ คือ WordPress MUสําหรับไว้ให้ผู้นําไปใช้ สามารถเปิด ให้บริการพื้นที่ทําเว็บบล็อกเป็นของตนเอง เพื่อให้ผู้อื่นมาสมัครขอร่วมใช้บริการในการสร้างเว็บ บล็อก ภายใต้ชื่อโดเมนของเขา หรือที่เรียกว่า Sub-Domain http://wordpress.9supawat.com/10/what-is-wordpress.html
  • 19. wordpress หลายคนรู้จักกันดีและบางคนก็อาจจะกําลังใช้งานอยู่ก็ได้แต่จะมีสักกี่คนที่รู้ ว่า wordpress มีประวัติความเป็นมายังไงเดี๋ยวจะได้รู้กันครับ ความเป็นมาของ wordpres เริ่มจาก B2 หรือ cafelog คือผู้ที่ให้กําเนิดการทํางานของเว็บบล๊อกที่ชื่อ ว่า wordpress ได้การผลิตบล็อกชนิดนี้ขึ้นครั้งแรกประมาณปี 2003 ตอนนั้นมีบล็อก wordpress อยู่ประมาณ 2000 บล็อก บล็อกที่ชื่อว่า wordpress นี้ เขียนด้วยภาษา PHP เพื่อที่จะใช้กับ MySQL โดยผู้เขียน wordpress ก็คือ Michel Valdrighi เป็นผู้ร่วมพัฒนา wordpress ตอนนั้น wordpress ยัง อยู่ใน B2evolutionwordpress ได้ปรากฏสู่โลกในปี 2003 โดยเป็นความพยายามของ Matt Mullenweg และ Mike littleในปี 2004 ได้ถูกเปลี่ยนแปลงโดย six apart ทําให้มีผู้ งาน wordpress จํานวนมากขึ้น และเริ่มก่อเกิดแบรนด์ wp หรือ wordpress ขึ้นมาและมีการใช้งาน มากขึ้นและการพัฒนาอย่างต่อเนื่องจนมาถึงปัจจุบันในปี 2007 wordpress ได้รับรางวัลชนะเลิศใน เรื่องของ Packt open source CMS award http://www.nampheung.com/1032/%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E 0%B9%80%E0%B8%9B%E0%B9%87%E0%B8%99%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B8%8 2%E0%B8%AD%E0%B8%87-wordpress.html